พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย โลกันต์, 26 กันยายน 2005.

  1. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#999900>พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุด</TD></TR><TR><TD>

    พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุดในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลใด ล้วนได้รับฟังแต่ปัญหาความทุกข์ยาก การทำมาหากิน เรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สินการอยู่รอด อาชีพการงาน อีกทั้งเรื่องภัยการก่อการร้าย ภัยเชื้อโรค โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และภัยธรรมชาติสร้างความวิกฤตให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตชีวิต วิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตศรัทธาต่อผู้บริหารประเทศ ประชาชนต่างเกิดความทุกข์ความหวาดกลัวว่า ประเทศชาติจะไปรอดหรือไม่ ในสมัยโบราณการศึกสงครามคือ การรบราฆ่าฟัน แต่ปัจจุบันเป็นสงครามเศรษฐกิจ เมื่อเกิดสงครามย่อมมีแพ้และชนะ บัดนี้สงครามเศรษฐกิจเกิดขึ้นในภาคพื้นเอเซีย ในการศึกสงครามใด ๆ ในโลกมนุษย์ต่างฝ่ายก็ชอบชนะด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากแพ้ ถ้าคิดว่าแพ้แน่แล้วก็ไม่สู้ ถ้าว่าคิดจะสู้ต้องไม่แพ้ เมื่อสงครามแปรเปลี่ยนรูปแบบระหว่างชาวผิวขาวตาน้ำข้าวกับชาวผิวเหลืองตาดำ ๆ นี้ความได้เปรียบทางการเมือง ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยี่ต่าง ๆที่ชาวผิวเหลือง ๆ อย่างเราจะไปต่อกรกับผู้ที่มีความได้เปรียบเหล่านี้เสียเปรียบกันจริง ๆ !!!! ถ้าว่าความแพ้มันล่อแหลมอยู่เช่นนี้ความกลัวย่อมเกิดขึ้น ความทุกข์ก็ตามมา แล้วเราจะสู้รบต่อกรกับผู้มาริดรอนทรัพย์สมบัติของพวกเราได้อย่างเราในเรื่องความแพ้ - ความชนะ ไม่ว่าจะมีแต่ในโลกมนุษย์ ในเทวโลกก็มีเทวดายังรบกันอยู่เลย ในบรรพกาลกล่าวขานถึงเรื่องราวสงครามเทวดาระหว่างเทวดากับพวกอสูร ได้ทำศึกแย่งชิงอำนาจในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เมื่อสงครามเกิดขึ้นเช่นนั้น ยามใดที่พวกอสูรแพ้ ท้าวสักกะเทวราชจะขับไล่ให้ลงไปตั้งภพอยู่ภายใต้เขาพระสุเมรุ ซึ่งบนยอดเขาพระสุเมรุนั้นพระอินทร์(ท้าวสักกะเทวราช)ตั้งพิภพอยู่ที่นั่น เรียกว่าดาวดึงส์หนทางไกลตั้ง 84,000 โยชน์ จากยอดเขาไปถึงตีนเขา หนทางไกลขนาดนี้แต่ว่าเขาพระสุเมรุอยู่ในนั้น ท่านว่ามีน้ำรอบ เมื่อถึงเทศกาลดอกแคฝอย ในพิภพอสูรบานขึ้นเวลาใด ชาวอสูรจะตกใจแล้วเกิดความรำลึกได้ถึงดอกปาริฉัตรที่บานในพิภพที่ตนเคยอยู่นี่ดอกแคฝอยเกิดขึ้นในพิภพของเราเช่นนี้ ไม่ใช่พิภพของเราเสียแล้วคิดได้ว่าท้าวสักกะเทวราชเมื่อครั้งเราอสูรเมาสุราทำศึกสงครามกับเทวดาแล้วถูกท้าวสักกะเทวราชโยนลงมาใต้พิภพนี้ เมื่อจำความได้ไม่สามารถหักห้ามความแค้นใจ ต้องผลุดขึ้นมา ออกจากเชิงเขาพระสุเมรุจากในน้ำนั่นแหละ เหาะขึ้นไปในอากาศไปรบกับท้าวสักกะเทวราชเมื่อคราใดเกิดสงครามกับอสูร ท้าวเธอก็จะเรียกเทวดาในชั้นดาวดิงส์มีมากน้อยเท่าใด ให้มาทำสงครามต่อกรกับอสูร เหล่าเทวดาเกิดความกลัวเรียกหาขวัญแลกำลังใจ ท้าวเธอก็ว่า........"ท่านทั้งหลาย ให้ดูชายธงของเราสิ เมื่อท่านดูชายธงของเรา ความหวาดกลัวที่มีอยู่ย่อมหายไป ว่าเราอยู่สู้รบร่วมกับท่าน"แต่ความหวาดกลัวของเหล่าเทวดาบางทีก็หายไปบ้าง บางทีก็ไม่หาย นั่นเหตุอะไรเล่า ท้าวสักกะเทวราชเป็นจอมเทวดา มีราคะ โทสะ และโมหะยังไม่หมดจด รวมทั้งเหล่าเทวดา จึงยังมีความหวาดกลัว ความสะดุ้งต่อภัยพระพุทธองค์ทรงสอนว่า เมื่อเกิดความกลัว พึงระลึกถึงเราตถาคตเข้าเถิด เมื่อท่านระลึกถึงเราผู้ตถาคตแล้วกาลใด ความกลัว ความหวาดสะดุ้งของท่านทั้งหลายจะหายไป เมื่อท่านระลึกถึงเรา ท่านทั้งหลายพึงระลึกถึงพระธรรมเข้าเถิด เมื่อท่านทั้งหลายพึงระลึกถึงพระธรรมแล้วท่านพึงระลึกถึงพระสงฆ์เข้าเถิด เมื่อท่านระลึกถึงพระสงฆ์แล้ว ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ของท่านจะหายไป เมื่อท่านระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ความกลัว ความหวาดสะดุ้งหายนั่นเหตุอะไร เพราะพระตถคตเจ้าเป็นผู้หมดกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ และโมหะ เป็นผู้ไม่กลัว เป็นผู้ไม่หวาด เป็นผู้ไม่สะดุ้ง เป็นผู้ไม่หนีไป เพราะท่านเป็นผู้หมดภัยแล้วเมื่อระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เข้าภัยอันใดจักมีเล่า ภัยอันใดที่มี ภัยอันนั้นย่อมหายไป อยู่ไม่ได้ นี่เป็นเครื่องมั่นใจของพุทธศาสนิกชนยิ่งนักฝ่ายท้าวสักกะเทวราชท่านเป็นใหญ่ในดาวดึงส์ เป็นจอมเทพ แต่ว่าก็มีเทวดาผู้เป็นใหญ่กว่า เป็นที่มั่นใจของเทวดาชั้นดาวดึงส์ในเทวโลกฉันใดพุทธศาสนิกชน ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา พึงมีพระรัตนตรัยเป็นหลัก คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ เมื่อระลึกเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่หวาดสะดุ้งกลัว มั่นคงในพระพุทธศาสนาเมื่อมั่นคงแน่แท้ แล้วจะเอาชัยชนะได้ ไม่ต้องสงสัย กระทำสิ่งใดสำเร็จสมปรารถนาจะทำอย่างไรพุทธศาสนิกชนที่จะทำจริงเอาจริงในพระรัตนรัยของไม่มาก ของนิดเดียวเท่านั้น ชายก็ดี หญิงก็ดี คฤหัสน์ บรรพชิตไม่ว่าต้องทำใจให้หยุด หยุดตรงไหน ที่หยุดมีที่แห่งเดียว เคลื่อนจากที่หยุดแห่งนั้นละก็เป็นเอาตัวรอดไม่ได้ ไม่ถูกเป้าหมายของพุทธศาสนา ทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เหนือสะดือ 2 นิ้วหยุดเข้ากลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ใจหยุดนิ่งเข้ากลางดวงนั้น พอหยุดนิ่งอยู่กลางดวงนั่นได้แล้วนั่นแหละเป้าหมายของพระพุทธศาสนา หยุดในหยุด ๆ ๆ ๆ ๆ เข้าไปนั่นแหละเข้าสิบเข้าศูนย์เข้าไป จนถึงกายพระอรหัตถ์ละเอียด เสร็จกิจในพระพุทธศานาเพียงเท่านี้ เพราะอาศัยการรบศึกแค่นี้ เราชนะสงครามแล้วในพุทธศาสนามนุษย์จะชนะสงครามเด็ดขาด ต้องรู้จักหยุดเข้ากลางไปถึงธรรมกายพระอรหัตถ์ละเอียด ชนะสงคราม ชนะความชั่วความชั่วเท่าปลายขนก็ไม่ทำเสียแล้ว ขาดจากกาย วาจา ใจ ทีเดียวหลวงพ่อวัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ) สอนว่า ถ้าทำจริง ได้จริงอย่างนี้ทางโลกชนะสงครามแล้ว ถ้าเราเกิดความกลัว ความสะดุ้งต่อภัยว่าประเทศชาติจะเป็นเช่นไร ทุก ๆ ท่านต้องมาทำใจให้ยุดให้นิ่ง ให้เข้ากลางกลางในกลาง ๆ ๆ ๆ เข้าไปจนถึงธรรมกาย ทุก ๆ ท่านร่วมใจกันทำภัยพิบัติ ภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ ภัยเศรษฐกิจ ภัยโรคร้ายและยาเสพติดภัยกิเลสตัณหาอวิชชาเครื่องเศร้าหมองต่าง ๆ ก็จะพินาศปราศไป โลกจะเกิดสันติสุขอย่างแท้จริง ด้วยพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุดดั่งนี้แล </PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></P>
     
  2. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ พอดีผมเพิ่งไปซื้อหนังสืออัตตชีวประวัติของหลวงพ่อสดท่านมาเมื่อวานนี้เองครับ ยังอ่านไปไม่ถึงไหนเท่าไหร่เลย สนใจวิชชาธรรมกายอยู่นานแล้วเหมือนกันครับ แต่ยังไม่มีจังหวะได้ศึกษาอย่างจริงๆจังๆซักที ตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงนี้ลองศึกษาดูหน่ะครับ ไม่รู้จะยากหรือเปล่า??
     

แชร์หน้านี้

Loading...