เรื่องเด่น พระราชทานเพลิงศพ “หลวงปู่สอ” เกิดปาฏิหาริย์ท้องฟ้ามืดครึ้ม-เลขเด็ดเกลี้ยงแผง

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 20 ตุลาคม 2019.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    0b897e0b8b2e0b899e0b980e0b89ee0b8a5e0b8b4e0b887e0b8a8e0b89e-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b89be0b8b9.jpg

    พระราชทานเพลิงศพเกจิดัง “หลวงปู่สอ” 114 ปี เกิดปาฏิหาริย์ท้องฟ้ามืดครึ้มจนเสร็จพิธี ศิษยานุศิษย์นับหมื่นแห่ร่วมงาน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่เมรุชั่วคราวโรงเรียนไตรราษฎร์วิทยาคาร บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน สถานที่จัดงานพระราชทานเพลิงศพพระครูปลัดสอ ขันติโก หรือ หลวงปู่สอ พระเกจิชื่อดัง 6 แผ่นดิน อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี 94 พรรษา ซึ่งได้ละสังขาร ด้วยโรคชรา ไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา

    >> “หลวงปู่สอ ขันติโก” พระเกจิดังแห่งนครพนมสิ้นแล้ว

    โดยในพิธีครั้งนี้มี พระเทพวิสุทธิโมลี รักษาการเจ้าคณะภาค 10 ประธานฝ่ายสงฆ์ มีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีอัญเชิญไฟพระราชทาน ในหลวงรัชกาลที่ 10 เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่สอ

    โดยมีข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ศิษย์ยานุศิษย์จากหลายจังหวัดในภาคอีสาน และพุทธศาสนิกชน เดินทางมาร่วมพิธีดังกล่าวกว่า 10,000 คน ซึ่งจะมีการประกอบพิธีเผาจริง ในเวลา 20.00 น. ส่วนภาคเช้าจะมีการประกอบพิธีทำบุญเก็บอัฐิ ก่อนนำไปลอยอังคารในลำน้ำโขง ตามประเพณีความเชื่อ

    ภายหลังเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพ ได้เปิดให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกราบสักการบูชา ถวายดอกไม้จันทน์ และทำบุญทอดผ้าบังสุกุล เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมพิธี โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มาร่วมพิธี จะส่งผลให้มีโชคลาภ เกิดความเจริญรุ่งเรือง และมีแต่ความร่วมเย็นเป็นสุข

    ทั้งนี้ ในช่วงประกอบพิธีเป็นที่น่าอัศจรรย์เชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ เนื่องจากตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ามีแดดจ้า แต่ช่วงประกอบพิธี ได้มีเมฆบดบังดวงอาทิตย์ ท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีฝนโปรยปรายลงมาเป็นเหมือนละอองฝนเป็นระยะ ถือเป็นบุญบารมีของหลวงปู่สอ ที่แสดงให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้ถึงบุญบารมี ที่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดชีวิต

    สำหรับประวัติ พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี รวม 93 พรรษา ถือเป็นพระ พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อวันจันทร์ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน เสียชีวิตหมดแล้ว

    โดยเมื่อแรกเกิดจากคำบอกเล่า ของญาติพี่น้องลูกหลาน มารดาหลวงปู่สอ เคยเล่าว่า บุตรชายตอนแรกเกิดมีสายรกพันคอ โบราณเชื่อว่า โตมาจะได้บวชร่ำเรียน ขณะที่ชีวิตในวัยเด็ก พื้นฐานมีนิสัยเป็นคนเรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นในวัยเดียวกัน

    จนกระทั่งบิดามารดาได้พาไปกราบทำบุญฝากเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สีทัตถ์ พระเกจิชื่อดัง ของ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ด้วยความเลื่อมในศรัทธา บวชเป็นสามเณรรับใช้ ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่รับใช้อุปัฏฐากผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่งจึงได้ออกธุดงค์ไปตามป่า จนกระทั่งได้รับทราบข่าวอาการป่วยของมารดา ในขณะที่หลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงลาสิกขามาดูแลบุพการีจนวาระสุดท้าย

    จนกระทั่งในเวลาต่อมาจึงเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามป่าเขาในพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนจะข้ามไปฝั่งลาว อยู่จำพรรษาพัฒนานาวัดบ้านบุ่งนานหลายปี สป.ลาว หลายปี หลังหลวงปู่สีทัตถ์ ผู้เป็นอาจารย์ละสังขาร

    จึงเดินทางกลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งได้บำเพ็ญเพียรภาวนา จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์ตลอดมา ที่สำคัญ ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน

    ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สายตายังมองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ ที่ทำให้อายุยืน เหงือกและฟันยังอยู่ครบเต็มปาก ซึ่งหลวงปู่สอ ได้เผยถึงเคล็ดลับอายุยืนว่า ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำหว้าวันละ 1 ลูก เป็นหลัก ควบคู่กับการเจริญภาวนา ให้จิตใจสงบ เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

    หลวงปู่สอ ไม่ได้สอนให้ยึดติดเรื่องวัตถุมงคล แต่เน้นเรื่องการทำความดี แต่การนับถือเป็นความเชื่อบุคคล การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเศร้ากับลูกศิษย์เป็นอย่างมาก เพราะถือว่า เป็นพระเกจิองค์สุดท้าย ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.sanook.com/news/7928210/
     
  2. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    b8a5e0b8b1e0b8a2-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b89be0b8b9e0b988e0b8aae0b8ad-e0b89be0b8b2e0b88fe0b8b4.jpg
    ศิษยานุศิษย์ทั่วสารทิศนับหมื่นแห่ร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ เกจิดังนครพนม หลวงปู่สอ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี ที่ละสังขาร ด้วยโรคชรา สิริอายุ 114 ปี ระหว่างพิธีเกิดปาฏิหาริย์ท้องฟ้ามืดครึ้ม จนเสร็จพิธีเชื่อบุญบารมี ส่งผลให้แผงลอตเตอรี่ขายดิบขายดี ต่างหาซื้อเลขเกี่ยวกับหลวงปู่ จนเกลี้ยงแผง…

    เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ต.ค.62 ที่เมรุชั่วคราวโรงเรียนไตรราษฎร์วิทยาคาร บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน สถานที่จัดงานพระราชทานเพลิงศพพระครูปลัดสอ ขันติโก หรือ หลวงปู่สอ พระเกจิชื่อดัง 6 แผ่นดิน อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี 94 พรรษา ซึ่งได้ละสังขาร ด้วยโรคชราไปอย่างสงบ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.62 โดยมี พระเทพวิสุทธิโมลี รักษาการเจ้าคณะภาค 10 ประธานฝ่ายสงฆ์ มี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีอัญเชิญไฟพระราชทาน ในหลวง รัชกาลที่ 10 โดยมีข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ศิษย์ยานุศิษย์จากหลายจังหวัดในภาคอีสาน และพุทธศาสนิกชน เดินทางมาร่วมพิธีดังกล่าวกว่า 10,000 คน

    a5e0b8b1e0b8a2-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b89be0b8b9e0b988e0b8aae0b8ad-e0b89be0b8b2e0b88fe0b8b4-1.jpg
    ภายหลังเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพ ได้เปิดให้ พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกราบสักการบูชา ถวายดอกไม้จันทน์ และทำบุญทอดผ้าบังสุกุล เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมพิธี โดยเชื่อกันว่า หากใครได้มาร่วมพิธี จะส่งผลให้มีโชคลาภ เกิดความเจริญรุ่งเรือง และมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งนี้ในช่วงประกอบพิธี เป็นที่น่าอัศจรรย์ เชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ เนื่องจากตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ามีแดดจ้า แต่ช่วงประกอบพิธี ได้มีเมฆบดบังดวงอาทิตย์ ท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีฝนโปรยปรายลงมาเป็นเหมือนละอองฝนเป็นระยะ ถือเป็นบุญบารมี ของหลวงปู่สอ ที่แสดงให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้ถึงบุญบารมี ที่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดชีวิต

    สำหรับประวัติ พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี รวม 93 พรรษา ถือเป็นพระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน เสียชีวิตหมดแล้ว โดยเมื่อแรกเกิดจากคำบอกเล่า ของญาติพี่น้องลูกหลาน มารดาหลวงปู่สอ เคยเล่าว่า บุตรชายตอนแรกเกิดมีสายรกพันคอ โบราณเชื่อว่า โตมาจะได้บวชร่ำเรียน ขณะที่ชีวิตในวัยเด็ก พื้นฐานมีนิสัยเป็นคนเรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดแผกกับเด็กอื่นในวัยเดียวกัน จนกระทั่งบิดามารดาได้พาไปกราบทำบุญ ฝากเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สีทัตถ์ พระเกจิชื่อดัง ของ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา บวชเป็นสามเณรรับใช้ ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่รับใช้อุปัฏฐากผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ถ้าและภูผา จนกระทั่งได้รับทราบข่าวอาการป่วยของมารดา ในขณะที่หลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงลาสิกขามาดูแลบุพการีจนวาระสุดท้าย

    a5e0b8b1e0b8a2-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b89be0b8b9e0b988e0b8aae0b8ad-e0b89be0b8b2e0b88fe0b8b4-2.jpg
    จนกระทั่งในเวลาต่อมาจึงเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามป่าเขาในพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนจะข้ามไปฝั่งลาว อยู่จำพรรษา พัฒนาวัดบ้านบุ่งนานหลายปี สปป.ลาว หลายปี หลังหลวงปู่สีทัตถ์ ผู้เป็นอาจารย์ละสังขาร จึงเดินทางกลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งได้บำเพ็ญเพียรภาวนา จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน และศิษยานุศิษย์ตลอดมา ที่สำคัญยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สายตายังมองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ ที่ทำให้อายุยืน เหงือกและฟันยังอยู่ครบเต็มปาก ซึ่งหลวงปู่สอ ได้เผยถึงเคล็ดลับอายุยืนว่า ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำว้าวันละ 1 ลูก เป็นหลัก ควบคู่กับการเจริญภาวนา ให้จิตใจสงบ เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

    หลวงปู่สอ ไม่ได้สอนให้ยึดติดเรื่องวัตถุมงคล แต่เน้นเรื่องการทำความดี แต่การนับถือเป็นความเชื่อบุคคล การสูญเสียครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเศร้ากับลูกศิษย์เป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นพระเกจิองค์สุดท้าย ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน.
    a5e0b8b1e0b8a2-e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b89be0b8b9e0b988e0b8aae0b8ad-e0b89be0b8b2e0b88fe0b8b4-3.jpg

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1685916
     

แชร์หน้านี้

Loading...