พระศรีอาริยเมตไตรย์ กับ ตัวคุณ!!(อ่านด้วยนะครับ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kodyhusky, 21 เมษายน 2010.

  1. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829
    ผมไ้ด้อ่านมาอย่างปูๆปลาอ่ะนะครับ

    เขาบอกว่าสำหรับผู้บำเพ็ญ ศีลห้า (แบบฆราวาส) ในช่วงกึงพุทธกาล และ เพื่อเตรียมรองรับ การปรากฎตัว ของพระมหาจิตโพธิสัตว์ สมเด็จพระพุทธองค์ ศรีอาริยเมตไตรย์ อีกทั้ง เชื่อมต่อ พระพุทธศาสนา ของพระโคดม ให้ดำรงค์อยู่ครบ 5,000 ปี ตามพุทธทำนาย"


    ให้ดำรงค์อยู่ครบ 5000 ปี...

    คุณจะรอพระศรี รึ ทั้งๆที่เราก็สามารถต่อยอดศาสนาของพระโคดมได้ครบ 5000ปี โดยมิต้องผึ้งใคร ถ้าพระศรี แล้วเรายังมัวเมาอยู่กับกิเลส
    หรือไม่มีพวกเรา พระศีรก็ช่วยอะไรไม่ได้

    พุทธเจ้า บอกรวมๆไว้แล้ว ว่าไม่ใช่พระศรีคนเดียว แต่พระศรี คือพวกเรานี่ล่ะ
    ที่จะต่อศาสนา ให้ครบ 5000ปี พวกเราคือพระศรี ก่อรวาระ ถ้าคุณเอาแต่จะรอพระศรี ศาสนาคงล่มจมไปก่อนละ ถ้าไม่มีพวกเราเป็น พื้นฐาน พระศรีก็ทำอะไรไม่ได้เลย

    ผมไม่ได้หมิ่นพระศรีนะครับ ผมเตื่อนสติตนเอง....

    ใครคิดงั้นบ้าง ก็มาบอกกันนะ

    คุณส่้วนตัวเรื่องจุกจิก เรื่อง...หรืออะไรก็ได้ เรื่องธรรม
    เรื่องความรัก คุยได้หมด
    kodyhusky@hotmail.com
    แอดมาคุยกันนะ

    ไปร่วมสนุก กระทู้ เลือกแมวก็ได้นะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    ศาสนา....อยู่ที่ ตัวตัดได้ ตัวทำได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    มีธรรมเป็นที่พึ่ง
    มีการกระทำเป็นที่พึ่ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829

    ไม่ยึดติด..... มิใช่ไม่คิด มิใช่ไม่เชื่อ มิใช่ลบหลู่
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ตถาคตทุกพระองค์เป็นแค่เพียงผู้ชี้บอกทางเท่านั้น ส่วนความเพียรพยายามเพื่อเผาบาปอกุศล ท่าน<WBR>ทั้งหลายต้องทำเอง


    ท่านทั้งหลายจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย

    เรื่องเล่ากันในหมู่พระ นักปฏิบัติ พระอาจารย์ชา ได้ศึกษาพระคำภีร์วิสุทธิมรรคแล้วเกิดความสงสัย

    ในเรื่องนิกาย แต่ไม่รู้จะไปปรึกษากับใคร ต่อมาได้เข้าไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    อาจารย์ชาได้เรียนให้ท่านทราบว่า ตนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนิกาย

    ท่านอาจารย์มั่นได้ชี้แจงแสดงให้ อาจารย์ชาทราบว่า เรื่องนิกายไม่ควรสงสัย
    ยิ่งเรามีเพศเป็นบรรพชิตด้วยแล้ว ให้ถือเอาพระธรรมเป็นหลัก มากกว่าเรื่องนิกาย

    เป็นอันทราบกันดี อาจารย์ชาท่านเป็นพระมหานิกาย ส่วนอาจารย์มั่นท่านเป็นพระธรรมยุต
    ต่อมาอาจารย์ชาได้ฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น แต่พระอาจารย์มั่นไม่ให้เปลี่ยนนิกาย

    ให้เป็นแบบอย่างของพระมหานิกาย ให้ธรรมยุตได้อายกัน ถ้าไม่ได้ธรรมอย่างอาจารย์ชา

    ครั้งหนึ่งอาจารย์ชาไปศึกษาธรรมในสำนักหลวงปู่กินรี จนฺทิโย

    [​IMG]

    ท่านไปปฏิบัติอยู่ด้วย กับหลวงปู่กินรี ท่านเล่าว่าท่านเองไม่ค่อยเห็นหลวงปู่กินรีเข้าที่ภาวนา
    ท่านเพ่งโทษ ดูเราสิภาวนาก็มาก ทำอย่างต่อเนื่อง

    แต่หลวงปู่กินรี ท่านเย็บผ้าเย็บจีวรอย่างเดียว ท่านเล่าเรื่องโทษของตนที่ไปตำหนิครูบาอาจารย์
    ท่านเป็นแบบอย่างที่ดี เอาส่วนเสียของตนมาเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง

    ท่านว่าขณะที่ท่านอยากจะไป เดินจงกลม นั่งสมาธิ หลวงปู่กินรีท่านก็ไม่อนุญาตให้ไป
    ใช้ให้ตัดผ้าเย็บผ้าอยู่อย่างเดียว ขณะที่ท่านคิดอะไรของท่านเพลินๆอยู่นั้นเอง

    หลวงปู่กินรีก็เข้ามาข้างหลังตนโดยที่ตนไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่
    หลวงปู่กินนรี ท่านเคาะว่า การภาวนาไม่ใช่แต่ เดินจงกลม นั่งสมาธิเท่านั้น ตัดผ้าเย็บผ้าก็ภาวนาได้
    โดยกำหนดจิตดูใจของเจ้าของเอง

    ในปีนั้นเองหลวงปู่กินรีท่าน ซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ท่านเห็นผ้าจีวรของอาจารย์ชาเก่ามากแล้วคิดจะเปลี่ยนผ้าใหม่ให้
    แต่ยังไม่บอกให้อาจารย์ชาได้ทราบ

    อาจารย์ชาท่านว่า ครูบาอาจารย์ท่านทำมาพอแรงแล้ว
    ตนสิชอบไปเพ่งโทษท่าน


    อันนี้ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับอาจารย์จีรพัตร (พระแว่น)
    ความจริงท่านไม่อยากเปิดเผยว่าท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    แต่ผู้เขียนได้รบเร้าท่านจนท่านเปิดใจให้ทราบ สมัยที่ตนเป็นฆราวาส
    ไปหาหลวงปู่ดุลย์ ท่านทักว่าโยมหาตัวเองพบหรือยัง

    ท่านว่าคำตอบแค่นี้ของครูบาอาจารย์ไม่ต้องมาก รู้กัน

    อาจารย์แว่นท่านเคยไปหาหลวงปู่สุภา กันตสีโลที่ภูเก็ต
    พระถามท่านว่าท่านนิกายอะไร

    ท่านตอบว่า พุทธะนิกาย
    ท่านเมตตาว่า ปัญหาเรื่องการรวมศาสนาให้เหลือนิกายเดียว
    ก็ตั้งแค่นิกายเดียว คือมีแต่พุทธะนิกายทั้งหมด

    ท่านมีนิสัยชอบลอง ครูบาอาจารย์
    ท่านบอกว่า ถ้าหลวงปู่เป็นพระโลกุตตระแล้วให้เดินมาจับหัวท่านเลย

    หลวงปู่เดินมาจิกผมที่ศรีษะเดี๋ยวนั้นเลย ท่านอาจารย์จีรพัตร บอกแค่คิดในใจเท่านั้นเองพระโลกุตตระแท้ๆ
     
  6. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อนุโมทนา สาธุทุกท่าน เหตุนั้นไม่มีใครรู้ ผลนั้นยังไม่เห็น
    ไม่สำคัญคงไม่กล่าวถึง ไม่จำเป็นคงไม่ลงมา
     
  7. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829
    ก็จริงท่าน
     
  8. bu_rana

    bu_rana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +92
    ที่ท่านกล่าวมานั้นก็ถูก

    สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการที่เราละเว้นจากการทำบาป

    หรือทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ลุ่มหลงกับกิเลสตัณหา

    ให้คิดว่ากิเลสที่เกิดขึ้นในจิตใจเป็นแค่ภาพของมารผจญ

    ดิฉันขออนุโมทนาสาธุที่เตือนสติด้วยนะคะ
     
  9. susanleky

    susanleky สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +11
    การรู้ว่าชีวิตมีอะไร และที่แท้ก็ไม่มีอะไร นั้นแหละความไม่มีอะไร คือที่สุดของคำตอบ ของอิสระภาพของดวงจิต
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ศาสนาพุทธ ****

    แต่เดิม...
    มีนิกายเดียว คือ นิกายตถาคต
    รับสัจจะไปปฏิบัติ ตัดลดนิสัยตนเอง พิจารณาตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +2,040
    อนิจจัง.........................
     
  12. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670

    เห็นด้วยครับ และก็เห็นด้วยกับ จขกท เริ่มที่ตัวเราครับ เพราะท่านอาจไม่ได้มาด้วยเหตุผลที่เราอยากให้เป็นหรือที่เราหวังครับ (จากหลายๆแนวคิดครับเอาแบบกลางๆ)

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  13. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829
    ผมแก้ให้แล้วนะครับ ขอบคุณที่เตือน ข้อความที่ไม่เหมาะสม
     
  14. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,523
    ครับ คิดได้หลา่ย ๆ แง่ไว้แหละครับ ดีแล้ว...

    แต่ ผมสงสัยเืรื่องนึง ทำไม ศาสนาพุทธ ต้องอยู่ถึง 5000ปี.. เพื่ออะไร??

    น่าคิดนะครับ ^^
     
  15. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829
    ความตายคืออะไรกันแน่นะครับ?
     
  16. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ กับ ตัวคุณ!!(อ่านด้วยนะครับ)

    *0* ....ครับๆๆๆๆ อ่านแล้วครับ
    เออ...ว่าแต่จะให้ผมอ่านไปทำไมละครับเนี่ย
     
  17. kodyhusky

    kodyhusky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +829
    สัจจะ คืออะไรน้า? ผมรู้แต่อยากได้คำตอบอีก
     
  18. อิ๋วจ้า

    อิ๋วจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +215
    หากเพิ่งตัวเองมากไปคนเราจะแตกแขนงความคิดกันคนละแบบเพราะมนุษย์มีสมองกันทุกคนแต่สมองของแต่ละคนจะคิดเหมือนกันนั้นจะเป็นไปได้น้อย..จึงต้องพึ่งบุคคลซึ่งนำพาเราไปถึงจุดๆนั้น...การรอก็คือความหวังอย่างหนึ่งแต่ใช่ว่าจะนั่งรอกันเฉยๆเราทุกคนก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนเหมือนกัน...แต่การรอก็คือความหวัง
     
  19. arrin123

    arrin123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,759
    อนุโมทนาค่ะ ก็ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดค่ะ

    ที่ท่านต้องลงมาคงเป็นเพราะมาชี้แนวทางให้ผู้ที่ยังลุ่มหลง

    ให้พอยังกลับตัวกลับใจได้บ้าง แต่ยังไงก็อยู่ที่ดวงธรรมญาณของเราว่า

    จะกลับใจได้บ้างไหม เพราะท่านเป็นผู้ชี้ทางส่วนเราเป็นผู้เดิน

    มีอยู่ 2 จำพวก พวกแรกตาไม่บอกแต่ไม่รู้ทางหลงอยู่ในป่ามีคนมาบอกทางจึงออกมาได้

    พวกที่ 2 ตาบอดมีคนมาบอกว่าออกจากป่าไปยังไงก็คงออกไปไม่ได้เพราะตาบอดมองไม่เห็น

    ฉันใดก็ฉันนั้น(ป่าที่ว่าไม่ต้องหาที่ไหนหรอกอยู่ในใจรกมากๆ เพียงแต่ไม่มีเสือหรือสัตว์เท่านั้นเอง แต่เราปรุงแต่งว่ามีฉันใดก็ฉันนั้น)

    _____________________________________-

    "สุขใดเหมือนแม้นการไม่เกิดไม่มี" "จะไม่ละความเพียรถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน"
    "สุขใดในโลกล้วนไม่ยั่งยืน ผู้ใดปล่อยวางพิจารณาในความทุกข์เห็นโทษของความสุขผู้นั้นชื่อได้ว่าพบความสุขอันยิ่งใหญ่"
     

แชร์หน้านี้

Loading...