พระศรีอาริย์เจ้าโลก บทที่ ๑๑ ความเชื่อเรื่องโลกจะวินาศ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 10 ธันวาคม 2018.

  1. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    SriarayaFeature11.jpg

    ทั้งเราทั้งเขาต่างมีความเชื่อกันว่าโลกจะพินาศผู้มีบุญอัน ประเสริฐจะมาโปรดโลก ทางเขาคือชาวยุโรปอเมริกาก็ได้พยากรณ์ กันมาไม่แพ้ชาวเอเชียอีกเหมือนกัน ตลอดทั้งฝ่ายคริสต์ศาสตร์, พยากรณศาสตร์, ดาราศาสตร์, วิทยาศาสตร์ ดังจะได้นําเสนอมา ให้อ่านกันพอสังเขปดังนี้ :

    profile.jpg


    วิลเลียม มิลเลอร์ นักพยากรณ์คนสําคัญ เป็นผู้สนใจและ เชื่อมั่นว่า “โลกฉิบหายแน่” ถึงกับจาริกไปทั่วดินแดนยุโรป เขา ทํานายอย่างไม่เหลียวมองความผิดพลาดว่า “วันที่ ๒๑ สิงหาคม ค.ศ. ๑๘๔๘ (พ.ศ. ๒๓๙๒) พระเยซูจะปรากฏให้เห็น” และว่า “โลกจะต้องชดใช้บาปโดยจะมีไฟประลัยกัลป์มาเผาผลาญโลกไป ทุกหนทุกแห่ง แต่จะไหม้และแลบเลียอยู่ถึง ๑ ปี จึงจะดับมอด คนชั่วร้ายจะได้รับความทารุณจากพระผู้เป็นเจ้ายะโฮวาห์” บังเอิญ ในเวลานั้น มีแผ่นดินไหวบ่อยๆ ดาวหางก็ปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง จึง เป็นเหตุที่น่าเชื่อ ประชาชนต่างก็สนใจฟังกันทั่วไป แม้เขาจะทํานายแก้ตัวให้ฟังอีกครั้งหนึ่งว่าโลกจะฉิบหายในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ค.ศ. ๑๘๔๔ เขาก็ยังพยากรณ์พลาดความจริงโลกก็ยังไม่แตกมา จนทุกวันนี้

    แม่ชี โรเบิร์ต ไรท์ อยู่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเธอ กล่าวว่า “พระเจ้ามาบอกว่า ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. ๑๙๒๕ (พ.ศ. ๒๔๖๘) มนุษย์จะตายหมด ขอให้ทําบุญให้ทาน และ อ้อนวอนพระเจ้าให้จงหนัก อย่าได้มีความประมาท” บรรดาลูก ศิษย์ของเธอมีถึง ๑๑๔,000 คน ได้พากันสวดร้องท่องบ่น อ้อนวอนพระเจ้า บางคนถึงกับร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ใกล้จะถึง วันที่ ๖ แม่ชีไรท์ก็ขายทรัพย์สมบัติที่ดินบ้านเรือนตลอดจน ทองหยอง แล้วให้ทานเอาบุญเสียจนหมดสิ้นแล้ว พาบรรดาสานุ ศิษย์เข้าถ้ําจําศีลภาวนา รอท่าเวลาอวสานของโลก แต่แล้วก็ผิด พลาดอีก

    ชาร์ลลอง นักฟิสิกส์คนสําคัญของอังกฤษ ก็ได้เคยทํานาย ว่า วันที่ ๒๑ กันยายน ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) แม้คนอื่นอีก ก็คาดหมายและทายกันว่า “โลกแตก” เหมือนกัน แต่ทว่าชาร์ล ลองทํานายอย่างพิสดารว่า “มันจะแตกอย่างละเอียดจนเป็นชิ้น เล็กชิ้นน้อยทีเดียว” ซึ่งในระยะเดียวกันนั้น ก็ได้บังเกิดแผ่นดินไหว และน้ําท่วมบ่อยๆสุริยคราสและจันทรคราสก็เกิดถี่กันด้วยตลอดจน ดาวหางก็ปรากฏให้เห็นกันทั่วไป ฯลฯ จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโลกควรเชื่อ แต่แล้วก็พลาดขนาดหนักอีก

    นับเป็นเวลาหลายครั้งหลายคราวเต็มที่ ที่ฝ่ายสังฆราชเคย ประกาศแก่บรรดาสาวกว่า “วันสุดท้ายของโลกมาถึงแล้ว พระผู้เป็นเจ้ากําลังจะทําลายโลก” ตามคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ ฉะนั้น โบสถ์จึงล้นหลามไปด้วยผู้หลบภัยซึ่งเชื่อในพระเจ้าโดยแท้จริงแต่ แล้วก็พลาดพลั้งเสมอมา ยิ่งต่อมาถึงสมัยยุคนิวเคลียร์และยุค โลกาภิวัตน์เช่นทุกวันนี้ ทางฝ่ายศาสนาทุกศาสนา ตลอดจน ศาสดาในดอยในป่า ซึ่งนับถือผี, ต้นไม้, ภูเขาเป็นสรณะ, และ ดํารงชีพอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งไม่เคยอาบแสงวิทยาศาสตร์อันสวย งามใดๆ เลย ก็ยังพากันส่งเสียงพึมพําอ้อนวอน “พระเจ้าผี” เพื่อให้ช่วยพิทักษ์รักษาให้พ้นภัย “โลกแตก” อย่างเดียวกัน

    นักธุดงค์เตรียมเดินทาง ฝ่ายคริสต์ศาสนิกชน ต่างก็มุ่ง หวังจะเดินทางไปสู่นครเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นที่ก่อเกิดแห่งคริสต์ลัทธิ อันเป็นศาสนาอันยิ่งใหญ่ของยุโรป-อเมริกาปัจจุบันเพราะพระเยซู จะกลับมาใหม่ ฝ่ายอิสลามศาสนิกชน ก็มุ่งหวังจะเดินทางไปสู่ นครเมกกะ ซึ่งเป็นที่ก่อเกิดมะหะหมัดลัทธิ เพื่อพบปะและนมัส การนักบุญ “อิหม่ามมหดี” ผู้ซึ่งจะมาแทนพระเจ้าแห่งตนใน อนาคตอันใกล้นี้

    ยิ่งตอนนี้ใกล้จะถึง ค.ศ. ๒๐๐๐ ผู้คนทั้งเราทั้งเขาก็ยิ่งกลัว โลกแตก ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วก็คือว่า แม้แต่คน อเมริกันยุคปัจจุบันซึ่งถือว่า เป็นประชากรของมหาอํานาจชั้น ๑ ของโลก ก็เชื่อเช่นนี้เหมือนกัน ดังมีรายงาน “วอชิงตัน – โพล” ซึ่งลงใน นสพ. “ยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต” เมื่อไม่นาน มานี้ ระบุว่า “ชาวอเมริกันถึง ๖๗ เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าโลกจะถึงกาล อวสานหรือถูกทําลายจนแตกดับ และ ๒ ใน ๓ เชื่อว่าพระเยซู คริสต์ จะมาจุติบนโลกอีกในอนาคต ซึ่งสูงกว่าผลการสํารวจเรื่อง นอกจากนี้ ๕๖ เปอร์เซ็นต์ ยังเห็นว่า มนุษย์ไร้อํานาจที่จะควบคุม บทอวสานของโลกด้วย”

    ส่วนในเมืองไทยเรา ก็ไม่ย่อย ทางฝ่ายศาสนาคริสต์ก็ยัง เชื่ออย่างฝังจิตฝังใจตามคัมภีร์ไบเบิล ว่าโลกจะแตกพระเยซูจะลง มาโปรดโลกเป็นครั้งที่ ๒ แน่ๆ ฯลฯ จึงได้ติดคําโฆษณาไว้ตาม ที่ต่างๆ แม้แต่ตามต้นไม้ต้นใหญ่ตามถนนหนทาง บอกว่า “วัน ตัดสินพิพากษาโลกใกล้เข้ามาแล้ว” บ้าง “เชื่อพระเจ้าท่านจะ ปลอดภัย” บ้าง เป็นต้น ส่วนจะเท็จจะจริงอย่างไร ก็ต้องรอดูกันต่อไปละครับท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...