พระศรีอาริย์เจ้าโลก บทที่ ๒ สงครามล้างโลกและคำพยากรณ์

หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดยรหัสยญาณ

ตอนต่อไปนี้จะได้นําพุทธทํานาย และเทพทํานายมาเขียน ให้ผู้อ่าน อ่านตามเหตุการณ์ที่ผู้เขียนได้พยายามค้นคว้าเป็นเวลา นานกว่า ๒๐ ปี รวมคําทํานาย ๕๐ กว่าผูก ซึ่งส่วนมากเป็น ใบลานและกระดาษข่อย มีอายุเกินกว่า ๑๐๐ ปีก็มี เป็นภาษาพม่า ไทยใหญ่ ไทยเขิน ไทยเหนือ ไทยอีสาน ฯลฯ ดังจะกล่าวต่อไปนี้:

๑. ตํานานถ้ำผาเสือ เมืองไล ริมดินแดนจีน ว่าพระศรีอาริย์ จะปรากฏเป็นประมุขโลกในปีกุน และจะไปจากเชียงใหม่ เพื่อเปิดขุมทรัพย์ที่ถ้ํำผาเสือ เมืองไลนั้น ไป

๒. ตํานานพื้นเมืองสุวรรณภูมิ ได้มาจากหลวงพระบาง ว่าจะปรากฏตัวปีกุน อีกเหมือนกัน

๓. ได้จากหลวงพระบางอีกฉบับหนึ่งว่า จะปรากฏในปีจอ

๔. ตํานานพื้นเมืองได้จากภาคอีสาน ว่าจะปรากฏปีกุน

๕. ตํานานพื้นเมืองศรีอโยธยา ว่าจะปรากฏปีจอต่อปีกุน

๖. ตํานานพระเจ้าเลียบโลก เกี่ยวกับเชียงดาว ว่าจะ ปรากฏในปีจอ

๗. ตํานานจากเมืองต่วน ว่าจะปรากฏในปีจอ

๘. ตํานานยอดลานเมืองอังวะ ประเทศพม่า ว่าจะ ปรากฏปีระกา

๙. ตํานานได้จากวัดใหม่ นครหลวงพระบาง ฉบับหนึ่ง ว่าจะปรากฏปีระกาและมีอายุ ๕๕ ปี

๑๐. ตํานานที่สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพทรง นิพนธ์ ก็ว่าจะปรากฏเมื่ออายุ ๕๕ ปี

๑๑. ตํานานพระกีดพระพานซึ่งเป็นคําทํานายพื้นเมืองอีสาน ก็ว่าจะปรากฏในปีระกา

๑๒. ตํานานพื้นเมืองไทยใหญ่ (จากเชียงตุง) ว่าจะปรากฏ ในปีวอก

๑๓. ตํานานพื้นเมืองพุกามพม่า ว่าจะปรากฏในปีขาล

๑๔. ตํานานจอมรด (จอมดอยสําหรับรดน้ํามูรธาภิเษก) ก็ ว่าจะปรากฏในปีขาล เมื่ออายุ ๔๙ ปี

๑๕. ตํานานผู้มีบุญ จากวัดพระสิงห์ เชียงราย ว่าจะ ปรากฏในปีขาล

๑๖. ตํานานมันดาเล พม่า ที่พระอุปังญะแปลจากภาษา พม่าไว้เป็นภาษาไทยใหญ่นั้น ว่าพระศรีอาริย์จะมาปรากฏแน่ แต่ ไม่ระบุเป็นเมื่อใด

๑๗. ตํานานแม้วได้จากเมืองหาง ว่าผู้มีบุญอันยิ่งใหญ่จะ มาปรากฏในปีมะโรง

​

“สงครามล้างโลก จะเริ่มเกิดตั้งแต่ปีดับเป้าเข้าไปในปีรอยยี จะเกิดในเมืองวิเทหะ (จีน) เข้ามาทางเมืองจุฬนี (ตั้งเกี่ย) เมืองจันทบุรี (เวียงจันทน์) อโยธยา (ไทย) โกสัมพี (พม่า) ตลอดจน กาลิงครัฐ (อินเดีย) รวม ๖-๗ เมืองด้วยกัน บางตํานานว่าเมื่อสิ้น สงครามคราวนี้แล้ว ก็จะมีสงครามเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่งในปีก่าเร้า แล้วก็จะไม่มีสงครามอีกต่อไป”

จุดสงครามล้างโลก จะเกิดในสุวรรณภูมิ ระหว่างเชียงราย ฝาง เชียงใหม่ ลําพูน เพราะขุมทรัพย์อันมหาศาล คือแก้วแหวน เงินทองจะระเบิดออกในภาคเหนือของประเทศไทย ดอยเงินดอยคํา และเพชรนิลจินดา จะแตกออกทั้งลูกดอย และจะมีหลายลูกด้วยกัน กองทัพจะเข้าแย่งชิงสมบัติเหล่านี้ มืดมัวไปทั้งสี่ทิศ ทหารของชาติ ต่างๆจะล้มตายถึง ๓ ใน ๔ ส่วน คงเหลืออยู่เพียงส่วนเดียว เลือดจะไหลนองเป็นห้วยน้อย จนถึงกับพวกหนูต้องว่ายข้าม ต่าง ก็จะยิงกันจนเหลวแหลก เพราะโลกตัณหา จะรบกันถึง ๗ ชาติ แต่ ขุนศึกคนสําคัญนั้นมี ๓ คน คือพญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขน สั้นราว (คือแขนสั้นข้างยาวข้าง) พญาลิ้นกาฬ (ลิ้นดํา)

ในตํานาน พระศรีอาริย์จุติ ซึ่งพระอิศวรผู้เป็นเจ้าไปนิมนต์มาเกิดนั้นกล่าวไว้ เป็นปัญหาว่า “ฤทธิ์เดชของพญาแขนสั้นยาวนั้นมากมายเหลือหลาย เหล็กกลม ๒ กํา ยาว ๔ ศอก นั่งหย่องเยาะ เอามือซ้ายขว้างไป ไกลได้ถึง ๗-๘ ไร่นา” ผู้เขียนขอวิจารณ์ว่า “เหล็กกว้าง ๗ กํา ยาว ๔ ศอกนั้น คงไม่ใช่เหล็กธรรมดา คงจะเป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่นั้นเอง” แก้วแหวนเงินทองนั้นใครๆ ก็อยากได้ด้วยกันทุกคน ถ้ามันมีมาก ขนาดเท่าภูเขาเลากา และมันเกิดประเทศใด ประเทศนั้นก็ต้องตก เป็นจุดยุทธศาสตร์ขนาดล้างโลก และก็นั่นแหละวันตัดสินโลก (Doomsday) ได้มาถึงแล้วโดยไม่มีปัญหา ว่าแต่มันจะเกิดที่ไหน และเมื่อไรเท่านั้น



ตามคัมภีร์ของศาสนาคริสต์กล่าวไว้ว่า:
“ศาสดาดาเนียล (ผู้เผยพระวจนะ) ได้รับคําพยากรณ์จาก เทพยดากาเบรียลแห่งแดนสวรรค์ว่า โลกจะถึงซึ่งความพินาศแล้ว ยุคแห่งทองคําจะมาถึง…. เวลานี้เรามีชีวิตอยู่ในยุคที่สุดของโลก พระเยซูจะกลับมาใหม่ในวันตัดสินโลกได้ผ่านไปแล้ว และจะมาอย่างลักษณะขโมย คือว่าจะมาเมื่อชาวโลกเผลอหรือหลับ แปลว่า คนชั่วก็จะเผลอหรือหลับไป ส่วนว่าคนดีจะคอยระแวดระวังไม่ เผลอหรือหลับ (ประมาท) ง่าย คนจําพวกหลังนี้ เขาจะรู้อะไร (โลกพินาศ) ได้ดี แต่คนจําพวกแรก เขาไม่รู้อะไรเลย เพราะไม่เชื่อ ถือพระเจ้า แม้จะปลุกเท่าไหร่ก็ไม่สะดุ้งตื่น (พวกมีวิญญาณอัน ชั่วร้าย) มนุษย์ที่ชั่วก็จะชั่วลงไป และจะหลอกลวงซึ่งกันและกันคือ ว่าคนชั่วและคนเจ้าเล่ห์นั้นจะกําเริบชั่วช้ามากยิ่งขึ้น ฝูงมนุษย์จะ แยกทางเดินกันเป็นสองพวก คือพวกชั่วก็จะเดินไปตามทาง ของพวกชั่ว พวกดีก็จะเดินไปตามทางของพวกดี ทํานองแม่น้ําอัน เดียวกันจะไหลขึ้นฝั่งหนึ่ง จะไหลลงฝั่งหนึ่ง ไม่ไหลตามกัน”

คัมภีร์ดาเนียล ทํานายว่า

“เมื่อโลกจะอวสานนั้น ฝูงมนุษย์จะขวักไขว่ไปมา ความรู้ จะเจริญมาก”

คัมภีร์ธิโมที่ว่า:

“ในคราวที่สุดแห่งโลกนั้น จะบังเกิดเวลาอันน่ากลัว”

คัมภีร์ลูกา ว่า:

“บนแผ่นดินจะมีแต่ความทุกข์ร้อน ตามประเทศต่างๆ จะมีแต่ความฉงนสนเท่ห์ เพราะเสียงกึกก้องของทะเล และอากาศ มนุษย์จะสลบไปด้วยความกลัว และลอยน่าดูเหตุการณ์ซึ่งจะเกิด แก่โลก”

คัมภีร์มัทธายว่า:

“จะบังเกิดกันดารอาหาร และแผ่นดินจะไหวหลายแห่ง

คัมภีร์อนาคต ว่า :

“พระนครแห่งบรมสุข คนทั้งหลายที่ประพฤติตามพระ บัญญัติของพระเจ้า จะได้รับกินแต่ต้นไม้สําหรับชีวิต (ไม้กัลปพฤกษ์ทิพย์)

ท่าน เอ. พริตซ์ แห่งคณะแอดแวนตีสมิชชั่น กล่าวชวน ไว้ว่า :

“พระนครนั้นจะมีความสุขสบายยิ่งข้าพเจ้าประสงค์จะไปอยู่ ณ ที่นั้นจริง ๆ ท่านไม่ประสงค์บ้างหรือ ? ควรจะเตรียมตัวเสียแต่ เวลานี้”

ท่าน เอฟ. เอ. เพรตต์ กับ เอ. พริตซ์ ได้เขียนภาพมนุษย์ และสัตว์ต่างๆ ยืนปะปนกันอยู่ มีสิงโต แพะ และแกะ เป็นต้น แล้วเขียนข้อความไว้ใต้ภาพว่า “ในโลกใหม่ จะไม่มีการรบราฆ่าฟัน เหมือนมีอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ มนุษย์กับสัตว์จะเป็นมิตรต่อกัน” ทํานองข้อความในเมตไตยสูตร

ตามคัมภีร์นารายณ์ ๑๐ ปางของชาวฮินดูนั้น กล่าวถึงยุคทั้ง ๔ คือ กฤตยุค ไตรดายุค ทวาปรยุค กลียุค ได้มีพระนารายณ์ อวตารลงมาปราบโลก ๑๐ ปาง

​

ในกฤตยุคมี ๔ ปาง คือ

๑) มัตสยาวตาร เป็นปลา

(๒) กูรมาวตาร เป็นเต่า

(๓) วราหาวตารเป็นหมู

(๔) นรสิงหาวตาร เป็นนรสิงห์

ในไตรดายุค มี ๒ ปาง คือ

(๑) วามนาวตาร เป็นพราหมณ์เตี้ย

(๒) ปรศุรามาวตาร เป็น พราหมณ์ถือขวาน

ในทวาประยุคมี ๒ปาง คือ

(๑) รามจันทราวตาร เป็นรามจันทร์ (รามโพธิ์สัตว์) กษัตริย์สุริยวงศ์

(๒) กฤษณาวตาร เป็นพระกฤษณะ กษัตริย์จันทรวงศ์



ในกลียุคมี ๒ ปาง คือ

(๑) พุทธาวตาร เป็นสมณโคดมพุทธเจ้า (สันดุสิตโพธิสัตว์)

(๒) กัลกยาวตาร เป็นพระกัลกีย์ (เมตไตรยโพธิสัตว์) ซึ่งจะมาในกลาง กลียุคนี้

ปกรณ์แห่งกลียุคมีว่า “โลกนี้จะมีสัตยธรรมเหลืออยู่เพียง ๑ ใน ๔ กุศลกรรมพลีกรรม จะเสื่อมถอยลง โทสะ โมหะ โลภะ พยาธิ ภยันตราย ฆ่าฟันกันตาย ความทรมาน ความอดอยาก ความเดือดร้อนรอบตัว จะบังเกิดแก่โลกจนสุดขีด พระนารายณ์จะมาปราบโลกด้วยม้าขาว จะเป็นผู้บําราบปราบคนชั่วร้าย และ บันดาลให้มีสัตยธรรมขึ้นใหม่ ดังเช่นในกฤตยุค”

พุทธทํานายในศิลาจารึก ที่วัดพระเชตุพนวิหาร ในสวน มฤคทายวัน ประเทศอินเดีย ว่า:

“พระพุทธศาสนาเมื่อใกล้จะถึง ๒๕๐๐ ปี มนุษย์นอกพระ พุทธศาสนา จะฆ่าฟันกันตายถึงนองเลือด โลหิตจะนองแผ่นดิน และนที่ อัคคีจะไหม้ลามทางปัจจิมทิศา วัดวาอารามจะพินาศ ประชาชาติจะหนีเข้าป่า ช้างม้าและวัวควายจะมรณา กรุงศรีอยุธยา จะลุกเป็นไฟ อัคคีภัยจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ํำ นาค เบื้องต่ํำจะขึ้นมาสําแดงฤทธิ์ จะพ่นพิษเป็นไฟประลัยกัลป์ ทหาร จะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทุกแว่นแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเมือง พวกสีเหลืองจะชนะ พระจะคงเป็นคู่ดาว สีขาวจะแพ้ ยุทธ ครุฑจะกลับสถาพร คนจรจะเข้ากรุง บํารุงพระพุทธ ศาสนา…”



คําพยากรณ์ของพระเจ้าเสือ สมัยกรุงศรีอยุธยากําลัง รุ่งเรืองได้ทรงทํานายไว้ว่า:

​

“น้ํำในแม่น้ํำลําคลองทั้งปวงจะแดงเป็นโลหิต เมฆและ ท้องฟ้าจะแดงเป็นแสงไฟ แผ่นดินจะไหวโดยมาก ยักษ์และผีป่าจะ เข้าเมือง เสื้อเมืองจะหลีกเลี่ยง ฤดูหนาวจะเป็นฤดูร้อน โรคภัยจะ เบียดเบียนสัตว์และมนุษย์ทั้งปวง โอชาว่านยาและผลไม้จะถอยรส มิตรจะกลับเป็นศัตรู เมียจะคิดทรยศตัว (ผัวจะคิดทรยศเมีย) คน ต่ํำตระกูลจะปราบคนตระกูลสูงให้เสื่อมถอย ศิษย์จะสู้ครู พวก พาลจะมีอํานาจ พวกปราชญ์จะตกต่ํำ น้ํำเต้าจะจมกระเบื้องจะลอย ผู้ที่จะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน มนุษย์จะมีอายุสั้นพลันตาย จะเกิดข้าวยากหมากแพง ฝูงมนุษย์จะอดอยาก ผีและเปรตจะ ปะปนอยู่กับคน (คนปนผี) สมณะชีพราหมณ์จะร้อนใจ จะเกิดโจร ผู้ร้ายแย่งชิงกันชุกชุม ที่ลุ่มจะกลับดอน ที่ดอนจะกลับลุ่ม พระ พุทธศาสนาจะเศร้าหมอง คนที่สนุกเฮฮาจะได้ครองสมบัติ (ฉิบ หายใหญ่) คนต่างชาติต่างศาสนาจะเข้ามาเป็นนาย”

พระราชนิพนธ์ของพระเจ้าเสือหรือพระเจ้าสุริเยนทราธิบดีนี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือ “คําให้การชาวกรุงเก่า” หรือ “ขุนหลวงหา วัด” (พระเจ้าอุทุมพร ซึ่งพม่าจับเอาไปเป็นเชลยเมื่อเสียกรุงเก่า) อังกฤษ ค้นคว้ามาได้จากมันดาเล ในพ.ศ. ๒๔๒๙ (พม่าเสียเมือง พ.ศ. ๒๕๒๘) แล้วนํามาไว้ที่หอสมุดแรงกูน ไทยไปได้มาเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๔ ทางการให้พม่าต่อ แปลเป็นภาษาไทยใน พ.ศ. ๒๕๕๔ สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพชําระต้นฉบับเดิม




นอกจากคติฮินดูที่ว่า “พระกัลกิยาวตารมาปราบโลกในกลียุค”

และคติคริสต์ที่ว่า “พระมหาเยซูจะกลับมาใหม่” แล้ว ในคติ ของศาสนาอื่น ๆ ก็ทํานายไว้ทุกศาสนา เช่น

ยิว ก็ว่า “พระเมสไสยาห์จะมาโปรดโลก”

อิสลามว่า “อิหม่ามหดี จะมารวมศาสนา”

ในคติจีนก็ว่า “พระมีเต้งสุด” จะเป็นผู้มาโปรดโลก และโลกจะรวม เป็นรัฐบาลเดียวกัน เรียกว่า “ใต้ท้ง” ถึงกับทําเป็นรูปคนหัวล้าน ท้องใหญ่ มือหนึ่งถือถุงย่าม ซึ่งหมายความว่า “ฝูงมนุษย์จะร่ม เย็นเป็นสุขและชื่นบานดังดอกไม้”

นามผู้โปรดโลกของญี่ปุ่น เรียก ว่า “มีโรกโพสตสุ”

ของรามัญเรียกว่า “เม่นโท”

ของไทยใหญ่ว่า “ขุนดี”

ของญวนว่า “องหว่าง”

ของพม่าว่า “มินคยอลอง”

ของ ไทยและเขมรก็ว่า “ธรรมิกราช” ซึ่งหมายถึงพระเจ้าทรงธรรม คือ“ผู้มีบุญ” และคําว่า “ผู้มีบุญ” ก็หมายถึง “บุญฤทธิ์” ซึ่งมา จากศัพท์บาลีว่า “บุญญวโตฤทธิ์” ซึ่งหมายโดยเฉพาะพระเจ้าจักร พัตราธิราช ผู้ถึงพร้อมด้วยสัตตรัตนะ คือ แก้ววิเศษ ๗ ประการ ในหนังสือเล่มนี้ได้ชี้ถึงพระองค์พระศรีอาริย์โพธิสัตว์โดยตรง

 

ศาสนาพระศรีอาริย์ (หลักการศาสนากลาง ) สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและศาสนาได้จริง ศึกษาหลักการศาสนากลาง รับหลักการศาสนากลางเพื่อความอยู่รอดอย่างมั่นคงสงบสุขของมวลมนุษยชาติ


https://cloud.mail.ru/public/N6Bv/t2jf5F2LM

ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเรียนและศึกษาเรื่องราวต่างๆ

ติดต่อข้าพเจ้า ส่งข้อความผ่านเพจดังนี้ข้อความจะไม่สูญหาย

http://mymfb.com/Thanont/

https://vk.com/id536238610

https://ok.ru/profile/579159166157

nbesasada@inbox.ru--nbesasada@163.com

 

ผู้เขียนกระทู้ นามว่า " ศาสนาพระศรีอาริย์ " ข้างบนนี้
เขียนว่า " เริ่มศึกษาศาสนาพระศรีอาริย์...."
ผมจึงเข้าไปไล่อ่านใน ลิงค์ ต่าง ๆ ที่เขียนไว้
จึงไปพบนี่ครับ
แกเขียนว่า
"
…..ข้าพเจ้าทำหน้าที่นบี อีซา พระศรีอาริย์ (ไม่ได้ทำหน้าที่พระเยซูเพราะยังไม่มีกองทัพถึง1000000 เขาบอกแบบนั้น) ต่อไปจะทำสารถึงกลุ่มการเมืองข้าราชการ และหน่วยงานศาสนาทั่วไป ให้รับหลักการศาสนาและตรวจสอบ ซึ่งจะส่งรายละเอียดข้อมูลที่ครบถ้วน
หากผู้ไดปฎิเสธถือว่า ปฎิเสธพระเจ้า ก็จะผ่านไป
หากผู้ไดรับรู้ศึกษาแล้วเข้าใจแนวทางพระเจ้า ถือว่าและรับหลักการศาสนากลาง
ถือว่าเห็นพระเจ้า การพิพากษา ขั้นแรกคือการสอบสวนความจริง ขั้นต่อไปคือการชี้ผิดถูก ข้าพเจ้าทำหน้าที่แค่เสนอชี้ผิดถููก ผู้ใช้กำลังดำเนินงานเป็นตำรวจคืออิหม่ามมฮ์ดี….

…..ปัจจุบันข้าพเจ้าทำหน้าที่ศาสดาและมีหน้าที่พิเศษกว่าศาสดาท่านอื่นๆ
คือ รับหน้าที่ล่ามของพระเจ้า และมีหน้าที่แปลภาษาทิพย์ในพระคัมภีร์ต่างๆ ของโลก
ในคำพยากรณ์ที่หาผู้พยากรณ์ไม่ได้นั้นเป็นข้อมูลของมัลอิกะ บริวารของพระเจ้า…..

….การมาของข้าพเจ้านบี ในยุคปัจจบัน พระเจ้าได้แจ้งไว้แล้วในคัมภีร์ต่าง ๆ และจุดมุ่งหมายคือ ทำงานตามโอการของพระเจ้านิรันดร์หรือพระอัลเลาะห์ทุกประการ….

….ข้าพเจ้าผู้นำหลักการศาสนากลางมาของพระเจ้าสู่โลกมนุษย์
ย่อมถูกต้องชอบธรรมทุกประการ
เหตุเพราะว่า หากข้าพเจ้านำหลักการมาผิด พระเจ้า ของทุกศาสนา และศาสดาทกพระองค์ คือผู้กระทำผิดพลาดทั้งหมดเพราะว่าศาสนาปัจจุบันต่างแตกแยกรบราฆ่าฟันกัน……

….ประการที่ 4. พระองค์จะมอบการปกครองที่แข็งแกร่งและเป็นนิรันดร์แก่พวกเขา
(คืออิหมามอัลมะฮ์ดี เหตุเพราะว่าศาสนาหลักการอิสลามคือหลักการสูงสุดบนโลกนี้

.......ดังนั้นผู้ที่จะอยู่บนโลกนี้และคอยสอนศาสนิกชน
และควบคุมปกครองคืออิหมามอัลมะฮ์ดี

–และการสอนรวมศาสนานี้เป็นสิ่งชอบธรรมและถูกต้องซึ่งอนาคตหลักการศาสนากลางจะแข็งแกร่งและเป็นนิรันดร์ไม่มีผู้ไดปฏิเสธได้เลย….

ผมเคยอ่านเรื่อง "แปลงสาร " พวกนี้ซึ่งมีมาในประเทศไทยเราตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยกลุ่มคริสเตียนระดับปัญญาชน ซึ่งทั้งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และสมเด็จพระบรมพงษ์โพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตร ก็โดน "แปลงสาร" เป็นผู้รับใช้ "พระเจ้า" ไปแล้ว

มาคราวนี้ พิเคราะห์ดู "ผู้เขียนกระทู้" แกคงหมดทางไปแล้ว
จึงไปขอยืมวิธีของคริสเตียนกลุ่มนั้นมาใช้ เอาเป็นว่าให้ทราบกันนะครับว่า บัดนี้
เขาเอาพระอนาคตวงศ์ องค์ที่ ๕ ของพุทธ ในภัทรกัปนี้ ไปรับใช้อิสลามเสียแล้ว