พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๐ ทดลองอ่าน(2/3)ตอน

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย Aung CapA, 18 ตุลาคม 2008.

  1. Aung CapA

    Aung CapA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +274
    [๑๘] ชฎิลผู้ประพฤติพรหมจรรย์มาในอาศรมนี้ มีรูปร่างน่าดู น่าชม เอวเล็ก
    เอวบาง ไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก รัศมีสวยงาม มีศรีษะปกคลุมด้วยผมอัน <O:p
    ดำเป็นเงางาม ไม่มีหนวด บวชไม่นาน มีเครื่องประดับเป็นรูปเชิงบาตร <O:p
    อยู่ที่คอ มีปุ่มสองปุ่มงามเปล่งปลั่งดังก้อนทองคำ เกิดดีแล้วที่อก หน้า <O:p
    ของชฎิลนั้นน่าดูยิ่งนัก มีกันเจียกจอนห้อยอยู่ที่หูทั้งสองข้าง กันเจียก <O:p
    เหล่านั้นย่อมแวววาว เมื่อชฎิลนั้นเดินไปมาสายพันชฎาก็งามแพรวพราว <O:p
    เครื่องประดับเหล่าอื่นอีกสี่อย่างของชฎิลนั้น มีสีเขียว เหลือง แดง <O:p
    และขาวเมื่อชฎิลนั้นเดินไปมา เครื่องประดับเหล่านั้นย่อมดังกริ่งกร่าง <O:p
    เหมือนฝูงนกติริฏิร้องในเวลาฝนตกฉะนั้น ชฎิลนั้นไม่ได้คาดเครื่อง <O:p
    รัดเอวที่ทำด้วยหญ้าปล้อง ไม่ได้นุ่งผ้าที่ทำด้วยเปลือกไม้ เหมือนของ <O:p
    พวกเรา ผ้าเหล่านั้นพันอยู่ที่ระหว่างแข้งงามโชติช่วง ปลิวสะบัดดังสาย <O:p
    ฟ้าแลบอยู่ในอากาศ ข้าแต่ท่านพ่อ ชฎิลนั้นมีผลไม้ไม่สุกไม่มีขั้วติด <O:p
    อยู่ที่สะเอวภายใต้นาภีไม่กระทบกันกระดกเล่นอยู่เป็นนิตย์ อนึ่ง <O:p
    ชฎิลนั้นมีชฎาน่าดูยิ่งนัก มีปลายงอนมากกว่าร้อย มีกลิ่นหอม มีศีรษะ <O:p
    อันแบ่งด้วยดีเป็นสองส่วน โอ ขอให้ชฎาของเราจงเป็นเช่นนั้นเถิดหนอ <O:p
    และในคราวใด ชฎิลนั้นขยายชฎาอันประกอบด้วยสี และกลิ่นในคราว <O:p
    นั้น อาศรมก็หอมฟุ้งไปเหมือนดอกอุบลเขียวที่ถูกลมรำเพยพัด ฉะนั้น <O:p
    ผิวพรรณของชฎิลนั้นน่าดูยิ่งนัก ไม่เป็นเช่นกับผิวพรรณที่กายของข้าพเจ้า <O:p
    ผิวกายของชฎิลนั้นถูกลมรำเพยพัดแล้ว ย่อมหอมฟุ้งไป ดุจป่าไม้ อัน <O:p
    มีดอกบานในฤดูร้อนฉะนั้นชฎิลนั้นตีผลไม้อันวิจิตรงามน่าดูลงบน <O:p
    พื้นดิน และผลไม้ที่ขว้างไปแล้วย่อมกลับมาสู่มือของเขาอีก ข้าแต่ท่านพ่อ <O:p
    ผลไม้นั้นชื่อผลอะไรหนอ อนึ่งฟันของชฎิลนั้นน่าดูยิ่งนัก ขาวสะอาด <O:p
    เรียบเสมอกันดังสังข์อันขัดดีแล้ว เมื่อชฎิลเปิดปากอยู่ย่อมยังใจให้ผ่อง <O:p
    ใสชฎิลนั้นไม่ได้เคี้ยวผักด้วยฟันเหล่านั้นเป็นแน่คำพูดของเขาไม่ <O:p
    หยาบคาย ไม่เคลื่อนคลาด ไพเราะ อ่อนหวาน ตรง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่คลอน <O:p
    แคลน เสียงของเขาเป็นเครื่องฟูใจจับใจดังเสียงนกการเวก นำใจของ <O:p
    ข้าพเจ้าให้กำหนัดยิ่งนักเสียงของเขาหยดย้อย เป็นถ้อยคำไม่สะบัด <O:p
    สะบิ้ง ไม่ประกอบด้วยเสียงพึมพำ ข้าพเจ้าปรารถนาจะได้เห็นเขาอีก<O:p
    เพราะชฎิลนั้นเป็นมิตรของข้าพเจ้ามาก่อนแผลที่ต่อสนิทดีเกลี้ยงเกลา<O:p
    ในที่ทั้งปวง ใหญ่ เกิดดีแล้ว คล้ายกับกลีบบัว ชฎิลนั้นให้ข้าพเจ้าคร่อม <O:p
    ตรงแผลนั้นแหวกขาเอาแข้งบีบไว้รัศมีซ่านออกจากกายของชฎิลนั้น <O:p
    ย่อมเปล่งปลั่งสว่างไสวรุ่งเรืองดังสายฟ้าอันแลบแปลบปลาบอยู่ใน <O:p
    อากาศฉะนั้น อนึ่ง แขนทั้งสองของชฎิลนั้นอ่อนนุ่ม มีขนเหมือน <O:p
    ขนดอกอัญชัน แม้มือทั้งสองของชฎิลนั้นก็ประกอบด้วยนิ้วมืออันเรียว <O:p
    วิจิตรงดงาม ชฎิลนั้นมีอวัยวะไม่ระคาย มีขนไม่ยาว เล็บยาว ปลาย <O:p
    เป็นสีแดง ชฎิลนั้นมีรูปงาม กอดรัดข้าพเจ้าด้วยแขนทั้งสองอันอ่อนนุ่ม <O:p
    บำเรอให้รื่นรมย์ข้าแต่ท่านพ่อมือทั้งสองของชฎิลนั้นอ่อนนุ่มคล้าย <O:p
    สำลี งามเปล่งปลั่งพื้นฝ่ามือเกลี้ยงเกลาเหมือนแว่นทอง ชฎิลนั้นกอด <O:p
    รัดข้าพเจ้าด้วยมือทั้งสองนั้นแล้วไปจากที่นี้ ย่อมทำให้ข้าพเจ้าเร่าร้อน <O:p
    ด้วยสัมผัสนั้นชฎิลนั้นมิได้นำหาบมา มิได้หักฟืนเอง มิได้ฟันต้นไม้ <O:p
    ด้วยขวาน แม้มือทั้งสองของชฎิลนั้นก็ไม่มีความกระด้าง หมีได้กัดชฎิล <O:p
    นั้นเป็นแผล เธอจึงกล่าวกะข้าพเจ้าว่า ขอท่านช่วยทำให้ข้าพเจ้ามี <O:p
    ความสุขเถิด ข้าพเจ้าจึงช่วยทำให้เธอมีความสุข และความสุขก็เกิดมี <O:p
    แก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าแต่ท่านผู้เป็นพรหม เธอได้บอกข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้า <O:p
    มีความสุขแล้ว ก็ที่อันปูลาดด้วยใบเถาย่างทรายของท่านนี้กระจุยกระจาย <O:p
    แล้ว เพราะข้าพเจ้าและชฎิลนั้น เราทั้งสองเหน็ดเหนื่อยแล้ว ก็รื่นรมย์ <O:p
    กันในน้ำ แล้วเข้าสู่กุฏีอันมุงบังด้วยใบไม้บ่อยๆ ข้าแต่ท่านพ่อ วันนี้ <O:p
    มนต์ทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพเจ้าเลย การบูชาไฟข้าพเจ้าไม่ชอบ <O:p
    ใจเลย แม้การบูชายัญ ในที่นั้นข้าพเจ้าก็ไม่ชอบใจ ตราบใดที่ข้าพเจ้า <O:p
    ยังมิได้พบเห็นชฎิลผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ข้าพเจ้าจะไม่บริโภคมูล <O:p
    ผลาหารของท่านพ่อเลย ข้าแต่ท่านพ่อ แม้ท่านพ่อย่อมรู้เป็นแน่แท้ว่า <O:p
    ชฎิลผู้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ทิศใด ขอท่านพ่อจงพาข้าพเจ้าไปให้ถึงทิศ <O:p
    นั้นโดยเร็วเถิด ข้าพเจ้าอย่าได้ตายเสียในอาศรมของท่านเลย ข้าแต่ <O:p
    ท่านพ่อ ข้าพเจ้าได้ฟังถึงป่าไม้อันวิจิตรมีดอกบาน กึกก้องไปด้วยเสียง <O:p
    นกร้อง มีฝูงนกอาศัยอยู่ ขอท่านพ่อช่วยพาข้าพเจ้าไปให้ถึงป่าไม้นั้นโดย <O:p
    เร็วเถิด ข้าพเจ้าจะต้องละชีวิตเสียก่อนในอาศรมของท่านพ่อเป็นแน่.<O:p
    [๑๙] เราไม่ควรให้เจ้าผู้ยังเป็นเด็กเช่นนี้ ถึงความกระสันในป่าเป็นโชติรส ที่ <O:p
    หมู่คนธรรพ์และเทพอัปสรส้องเสพเป็นที่อยู่อาศัยแห่งฤาษีทั้งหลาย ใน <O:p
    กาลก่อน พวกมิตรย่อมมีบ้างไม่มีบ้าง ชนทั้งหลายย่อมทำความรักใน <O:p
    พวกญาติและพวกมิตร กุมารใดย่อมไม่รู้ว่า เราเป็นผู้มาแต่ไหน กุมาร <O:p
    นี้เป็นผู้ลามก อยู่ในกลางวันเพราะเหตุอะไร มิตรสหายย่อมสนิทกัน <O:p
    บ่อยๆ เพราะความอยู่ร่วมกัน มิตรนั้นนั่นแหละย่อมเสื่อมไป เพราะ <O:p
    ความไม่อยู่ร่วมของบุรุษที่ไม่สมาคม ถ้าเจ้าได้เห็นพรหมจารีได้พูดกับ <O:p
    พรหมจารี เจ้าจักละคุณคือตปธรรมนี้เร็วไว ดุจข้าวกล้าที่สมบูรณ์แล้ว <O:p
    เสียไปเพราะน้ำมาก ฉะนั้น หากเจ้าได้เห็นพรหมจารีอีก ได้พูดกับ <O:p
    พรหมจารีอีก เจ้าจักละสมณเดชนี้เร็วไว ดุจข้าวกล้าที่สมบูรณ์แล้ว <O:p
    เสียไปเพราะน้ำมาก ฉะนั้นดูกรลูกรัก พวกยักษ์นั้นย่อมเที่ยวไปใน <O:p
    มนุษยโลกโดยรูปแปลก ๆนรชนผู้มีปัญญาไม่พึงคบพวกยักษ์นั้น <O:p
    พรหมจารีย่อมฉิบหายไป เพราะความเกาะเกี่ยวกัน.
    <O:p
    จบ นฬินิกาชาดกที่ ๑

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.424418/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...