พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๐ ทดลองอ่าน(3/3)ตอน

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย Aung CapA, 18 ตุลาคม 2008.

  1. Aung CapA

    Aung CapA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +274
    ๒. อุมมาทันตีชาดก

    เสนาบดีถวายนางอุมมาทันตีแด่พระราชา
    <O:p
    [๒๐] ดูกรนายสุนันทสารถี นี่เรือนของใครหนอล้อมด้วยกำแพงสีเหลือง ใคร <O:p
    หนอปรากฏอยู่ในที่ไกล เหมือนเปลวไฟอันลุกโพลงอยู่บนเวหาส และ <O:p
    เหมือนเปลวไฟบนยอดภูเขา ฉะนั้น ดูกรนายสุนันทสารถี หญิงคนนี้ <O:p
    เป็นธิดาของใครหนอ เป็นลูกสะใภ้หรือเป็นภรรยาของใคร ไม่มีผู้หวง <O:p
    แหนหรือผัวของนางมีหรือไม่ เราถามแล้วขอท่านจงบอกแก่เราโดยเร็ว. <O:p
    [๒๑] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชานิกร ก็ข้าพระองค์ย่อมรู้จักหญิงนั้นพร้อม <O:p
    ทั้งมารดา บิดา และสามีของนาง ข้าแต่พระจอมภูมิบาล บุรุษนั้นเป็น <O:p
    ผู้ไม่ประมาทในประโยชน์ของพระองค์ทั้งกลางคืนกลางวัน สามีของนาง <O:p
    เป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางและมั่งคั่ง ทั้งเป็นอำมาตย์คนหนึ่งของพระองค์ <O:p
    ข้าแต่พระราชา หญิงนั้นเป็นภรรยาของอภิปารกเสนาบดี มีชื่อว่าอุมมา <O:p
    ทันตี พระเจ้าข้า. <O:p
    [๒๒] ดูกรท่านผู้เจริญๆ ชื่อที่มารดาและบิดาตั้งให้หญิงนี้ เป็นชื่อเหมาะสมดี <O:p
    จริงอย่างนั้นเมื่อนางมองดูเรา ย่อมทำให้เราหลงใหลคล้ายคนบ้า. <O:p
    [๒๓] ในคืนเดือนเพ็ญ นางผู้มีนัยน์ตาชะม้ายคล้ายเนื้อทราย ร่างกายมีสีเหมือน <O:p
    ดอกปุณฑริกนั่งอยู่ใกล้หน้าต่าง ในคืนนั้น เราได้เห็นนางนุ่งห่มผ้าสีแดง <O:p
    เหมือนเท้านกพิราบ สำคัญว่าพระจันทร์ขึ้นสองดวง คราวใด นางมี <O:p
    หน้ากว้าง ขาวสะอาด ประเล้าประโลมอยู่ด้วยอาการอันงดงาม ชะม้อย <O:p
    ชะม้ายชำเลืองดูเรา ดังจะปล้นเอาดวงใจของเราไปเสียเลย เหมือนนาง <O:p
    กินนรเกิดบนภูเขาในป่า ฉะนั้น ก็คราวนั้นนางผู้พริ้งเพรา มีตัวเป็นสีทอง <O:p
    สวมกุณฑลแก้วมณีผ้านุ่งผ้าห่มท่อนเดียวชำเลืองดูเราประดุจนางเนื้อ <O:p
    ทรายมองดูนายพราน ฉะนั้น เมื่อไรหนอ นางผู้มีเล็บแดง มีขนงาม มี <O:p
    แขนนุ่มนิ่มลูบไล้ด้วยแก่นจันทน์ มีนิ้วมือกลมเกลี้ยง มีกระบวนชดช้อย <O:p
    งามตั้งแต่ศีรษะจักได้ยั่วยวนเรา เมื่อไรหนอ ธิดาของท่านเศรษฐีติรีวัจฉะ <O:p
    ผู้มีทับทรวงอันกระทำด้วยข่ายทองเอวกลมจักกอดรัดเราด้วยแขนทั้ง <O:p
    สองอันนุ่มนิ่ม ประดุจเถาย่านทรายรวบรัดต้นไม้ที่เกิดในป่าใหญ่ ฉะนั้น <O:p
    เมื่อไรหนอ นางผู้มีผิวงามแดงดังน้ำครั่ง มีถันเป็นปริมณฑลดังฟองน้ำ <O:p
    มีอวัยวะฉาบด้วยผิวหนังเปล่งปลั่งดังดอกปุณฑริก จัดจรดปากด้วยปาก <O:p
    กะเรา เหมือนดังนักเลงสุราจรดจอกสุราให้แก่นักเลงสุรา ฉะนั้น ใน <O:p
    กาลใด เราได้เห็นนางผู้มีร่างกายทุกส่วนอันน่ารื่นรมย์ใจยืนอยู่ ในกาล <O:p
    นั้นเราไม่รู้สึกอะไรๆ แก่จิตของตนเลย เราได้เห็นนางอุมมาทันตีผู้ <O:p
    สวมสอดกุณฑลมณีแล้ว นอนไม่หลับทั้งกลางวันและกลางคืน เหมือน <O:p
    แพ้ข้าศึกมาตั้งพันครั้ง ถ้าท้าวสักกะพึงประทานพรให้แก่เรา ขอให้เรา <O:p
    พึงได้พรนั้นเถิด อภิปารกเสนาบดีพึงรื่นรมย์อยู่กับนางอุมมาทันตีคืน <O:p
    หนึ่งหรือสองคืน ต่อจากนั้นพระเจ้าสีวิราชพึงได้รื่นรมย์บ้าง. <O:p
    [๒๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นภูตบดี เมื่อข้าพระองค์นมัสการเทวดาทั้งหลายอยู่ <O:p
    เทวดามาบอกเนื้อความนี้แก่ข้าพระองค์ว่า พระทัยของพระราชาใฝ่ฝันใน <O:p
    นางอุมมาทันตี ข้าพระองค์ขอถวายนางแด่พระองค์ ขอพระองค์จงให้ <O:p
    นางบำเรอเถิด ฯ <O:p
    [๒๕] ก็เราพึงพรากเสียจากบุญและไม่เป็นเทวดา อนึ่ง คนพึงรู้ความชั่วของ <O:p
    เรานี้ และเมื่อท่านให้นางอุมมาทันตีภรรยาที่รักแล้วไม่เห็นนาง ความ <O:p
    แค้นใจอย่างร้ายแรงจะพึงมีแก่ท่าน. <O:p
    [๒๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชานิกร ประชาชนแม้ทั้งสิ้นนอกจากข้าพระ <O:p
    บาทและพระองค์ไม่พึงรู้กรรมที่ทำกันข้าพระบาทยอมถวายนาง <O:p
    อุมมาทันตีแก่พระองค์พระองค์จงทรงอภิรมย์อยู่กับนางเต็มพระหฤทัย <O:p
    ปรารถนาแล้ว จงทรงสลัดเสีย. <O:p
    [๒๗] มนุษย์ใดผู้กระทำกรรมอันลามก มนุษย์นั้นย่อมสำคัญว่าคนอื่นไม่รู้การ <O:p
    กระทำนี้เพราะว่านรชนเหล่าใดประกอบแล้วบนพื้นปฐพี นรชน <O:p
    เหล่านั้นย่อมเห็นการกระทำนี้ คนอื่นใครเล่าในแผ่นดินนี้ทั้งโลกพึงเชื่อ <O:p
    ท่านหรือว่านางอุมมาทันตีไม่เป็นที่รักแห่งเรา เมื่อท่านให้นางอุมมา <O:p
    ทันตีภรรยายอดรักแล้ว ไม่เห็นนางภายหลัง ความคับแค้นใจอย่างร้าย <O:p
    แรงจะพึงมีแก่ท่าน. <O:p
    [๒๘] ข้าแต่พระจอมประชาชน นางอุมมาทันตีนั้นเป็นที่รักของข้าพระบาทโดย <O:p
    แท้ ข้าแต่พระภูมิบาล นางไม่เป็นที่รักของข้าพระบาทก็หาไม่ ขอความ<O:p
    เจริญจงมีแด่พระองค์ เชิญพระองค์เสด็จไปหานางอุมมาทันตีเถิด เหมือน <O:p
    ดังราชสีห์เข้าสู่ถ้ำสิลา ฉะนั้น. <O:p
    [๒๙] นักปราชญ์ทั้งหลายถูกความทุกข์ของตนบีบคั้นแล้ว ย่อมไม่ละกรรมที่มี <O:p
    ผลเป็นสุข แม้จะเป็นผู้หลงมัวเมาด้วยความสุข ก็ย่อมไม่ประพฤติบาป <O:p
    กรรม. <O:p
    [๓๐] ก็พระองค์เป็นทั้งพระมารดาพระบิดา เป็นผู้เลี้ยงดู เป็นเจ้านาย เป็น <O:p
    ผู้พอกเลี้ยง และเป็นเทวดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์พร้อมด้วยบุตร <O:p
    และภรรยาเป็นทาสของพระองค์ ขอพระองค์ทรงบริโภคกามตามความ <O:p
    สุขเถิด. <O:p
    [๓๑] ผู้ใดย่อมทำบาปด้วยความสำคัญว่า เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และครั้นกระทำ <O:p
    แล้วก็ไม่สะดุ้งกลัวต่อชนเหล่าอื่น ผู้นั้นย่อมไม่เป็นอยู่ตลอดอายุยืนยาว <O:p
    เพราะกรรมนั้น แม้เทวดาก็มองดูผู้นั้นด้วยนัยน์ตาอันเหยียดหยาม. <O:p
    [๓๒] ชนเหล่าใดตั้งอยู่ในธรรม ย่อมรับทานที่เป็นของผู้อื่นอันเจ้าของมอบให้ <O:p
    แล้ว ชนเหล่านั้นเป็นผู้รับด้วย เป็นผู้ให้ในทานนั้นด้อย ได้ชื่อว่าทำ <O:p
    กรรมอันมีผลเป็นสุขในเพราะทานนั้นแท้จริง. <O:p
    [๓๓] คนอื่นใครเล่าในแผ่นดินทั้งโลก จะพึงเชื่อท่านหรือว่านางอุมมาทันตี <O:p
    ไม่เป็นที่รักของเราเมื่อท่านให้นางอุมมาทันตีภรรยายอดรักแล้ว ไม่ <O:p
    เห็นนางภายหลัง ความคับแค้นใจอย่างร้ายแรงจะพึงมีแก่ท่าน. <O:p
    [๓๔] ข้าแต่พระจอมประชาชนนางอุมมาทันตีนั้นเป็นที่รักของข้าพระบาท <O:p
    โดยแท้ ข้าแต่พระภูมิบาลนางไม่เป็นที่รักของข้าพระบาทก็หาไม่ <O:p
    ข้าพระบาทยอมถวายนางอุมมาทันตีแก่พระองค์พระองค์จงทรงอภิรมย์ <O:p
    อยู่กับนางเต็มพระหฤทัยปรารถนาแล้ว จงทรงสลัดเสีย. <O:p
    [๓๕] ผู้ใดก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่นด้วยทุกข์ของตน หรือก่อความสุขของตนด้วย <O:p
    ความสุขของผู้อื่น ผู้ใดรู้อย่างนี้ว่าความสุขและความทุกข์ของเรานี้ก็ <O:p
    เหมือนของผู้อื่นผู้นั้นชื่อว่ารู้ธรรม ฯ <O:p
    [๓๖] คนอื่นใครเล่าในแผ่นดินทั้งโลก จะพึงเชื่อท่านหรือว่านางอุมมาทันตี <O:p
    ไม่เป็นที่รักของเรา เมื่อท่านให้นางอุมมาทันตีภรรยายอดรักแล้ว ไม่เห็น <O:p
    นางภายหลังความคับแค้นใจอย่างร้ายแรงจะพึงมีแก่ท่าน <O:p
    [๓๗] ข้าแต่พระองค์ผู้จอมประชาชน พระองค์ย่อมทรงทราบว่า นางอุมมาทันตี <O:p
    นี้เป็นที่รักของข้าพระบาท ข้าแต่พระจอมภูมิบาล นางนั้นไม่เป็นที่รัก <O:p
    ของข้าพระบาทก็หาไม่ ข้าพระบาทขอถวายสิ่งอันเป็นที่รักแก่พระองค์ <O:p
    ด้วยสิ่งอันเป็นที่รักข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ผู้ให้สิ่งอันเป็นที่รัก <O:p
    ย่อมได้สิ่งอันเป็นที่รัก. <O:p
    [๓๘] เรานั้นจักฆ่าตนอันมีกามเป็นเหตุโดยแท้ เราไม่อาจฆ่าธรรมด้วยอธรรม <O:p
    ได้เลย. <O:p
    [๓๙] ข้าแต่พระจอมประชาชน ผู้แกล้วกล้ากว่านรชน ผู้ประเสริฐ ถ้าพระองค์ <O:p
    ไม่ต้องพระประสงค์นางอุมมาทันตี ผู้เป็นของข้าพระบาทไซร้ ข้าพระบาท <O:p
    จะสละนางในท่ามกลางชนทั้งปวงพระองค์พึงรับสั่งให้นำนางผู้พ้นจาก <O:p
    ข้าพระบาทแล้วมาจากที่นั้นเถิด พระเจ้าข้า. <O:p
    [๔๐] ดูกรอภิปารกเสนาบดีผู้กระทำประโยชน์ถ้าท่านจะสละนางอุมมาทันตี <O:p
    ผู้หาประโยชน์มิได้ เพื่อสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์แก่ท่าน ความค่อนว่า <O:p
    อย่างใหญ่หลวงจะพึงมีแก่ท่าน อนึ่ง แม้การใส่ร้ายในพระนครก็จะพึง <O:p
    มีแก่ท่าน. <O:p
    [๔๑] ข้าแต่พระจอมภูมิบาล ข้าพระบาทจักอดกลั้นความค่อนว่าคำนินทา คำ <O:p
    สรรเสริญ และคำติเตียนทั้งหมด ความค่อนว่าเป็นต้นนั้นจงตกอยู่แก่ข้า <O:p
    พระบาท ข้าแต่พระจอมแห่งชนชาวสีพี ขอพระองค์ทรงบริโภคกามตาม <O:p
    ความสำราญเถิด ผู้ใดไม่ถือเอาความนินทา ความสรรเสริญ ความ <O:p
    ติเตียน และแม้การบูชา สิริและปัญญาย่อมปราศไปจากผู้นั้น เหมือน <O:p
    ดังน้ำฝนปราศไปจากดอน ฉะนั้น ข้าพระบาทจักยอมรับความทุกข์ความ <O:p
    สุข สิ่งที่ล่วงธรรมดาและความคับแค้นใจทั้งหมดเพราะเหตุแห่งการสละ <O:p
    นี้ด้วยอก เหมือนดังแผ่นดินรองรับสิ่งของทั้งของคนมั่นคงและคนสะดุ้ง <O:p
    ฉะนั้น.
    [๔๒] เราไม่ปรารถนาสิ่งที่ล่วงธรรมดา ความคับแค้นใจและความทุกข์ของชน <O:p
    เหล่าอื่น เราแม้ผู้เดียวจักเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม ไม่ยังประโยชน์หน่อย <O:p
    หนึ่งให้เสื่อม ข้ามภาระนี้ไป. <O:p
    [๔๓] ข้าแต่จอมประชาชน บุญกรรมย่อมให้เข้าถึงสวรรค์ พระองค์อย่าได้ทรง <O:p
    ทำอันตรายแก่ข้าพระบาทเสียเลย ข้าพระบาทมีใจเลื่อมใสขอถวายนาง
    <O:pอุมมาทันตีแด่พระองค์ดังพระราชาทรงประทานทรัพย์สำหรับบูชายัญ
    <O:pแก่พราหมณ์ทั้งหลาย ฉะนั้น. <O:p
    [๔๔] ท่านเป็นผู้เกื้อกูลแก่เราในการกระทำประโยชน์แน่แท้นางอุมมาทันตี <O:p
    และท่านเป็นสหายของเรา เทวดาและพรหมทั้งหมดเห็นความชั่วอันเป็น <O:p
    ไปในภายหน้า พึงติเตียนได้

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.424419/[/MUSIC]<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...