พระอรหันต์ไม่รับรู้อะไรจริงหรือ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อินทรบุตร, 14 พฤศจิกายน 2012.

  1. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ๗๒.พระอรหันต์ไม่รับรู้อะไรจริงหรือ
    จาก "อตุโล ไม่มีใดเทียม" หน้า๑๘๗​

    หวนคิดขึ้นมาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นสามเณร ๒ รูป เสร็จจากการศึกษาพระปริยัติธรรมแล้ว นั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้หน้ากุฏิ ถกเถียงกันอยู่ถึงคุณแห่งพระอรหันต์ที่ศึกษามาจากห้องเรียน

    สามเณรใหญ่ชี้แจงว่า "พระอรหันต์นั้นละกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น หมดความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิง"
    สามเณรน้อยเถียงทันที "พระอรหันต์ของหลวงพี่ช่างน่าเวทนานัก เหมือนเสาต้นหนึ่ง ก้อนหินก้อนหนึ่ง จะเกิดน้ำท่วมไฟไหม้ก็ไม่รู้อะไรเลย คงจะต้องตายเสียเปล่า และยังเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สิ้นเชิง"

    ขณะที่วิวาทะกำลังดำเนินไปอย่างผิดเป้าหมาย ก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากในกุฏิ สามเณรทั้ง ๒ จึงสามัคคีกันหลบหนีไป
    ครั้นข้อถกเถียงนี้ล่วงรู้ถึงหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า "แม้จะเป็นการถกเถียงเอาชนะกันแต่ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตที่น่าพินิจพิจารณา" แล้วหลวงปู่อธิบายว่า


    "จิตเป็นสภาพรู้อารมณ์ ตราบใดที่มีจิต การรับรู้อารมณ์ก็ย่อมมีเป็นธรรมดา โดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นบุคคลธรรมดารับรู้อารมณ์อย่างไร พระอรหันต์ก็ย่อมจะต้องรับรู้อารมณ์อย่างนั้น และการรับรู้อารมณ์ของท่านน่าจะเป็นไปด้วยดี ยิ่งเสียกว่าคนธรรมดาสามัญด้วยซ้ำ เพราะจิตของท่านไม่มีเมฆหมอกคือกิเลสปกคลุมอยู่ อันจะทำให้ความสามารถรับรู้อารมณ์ลดลง"

    ดังนี้ การกล่าวหาว่าพระอรหันต์ไม่รับรู้อะไร ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น จึงไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน
    ส่วนการที่ท่านหมดความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิงนั้น ย่อมหมายความว่าแม้กระทั่งความไม่ยึดมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ย่อมไม่มีแก่ท่าน
    กล่าวคือ ท่านหมดทั้งความยึดมั่นถือมั่น และความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีทั้งความพอใจในสิ่งใด ทั้งความรังเกียจในสิ่งใด ดังนี้จึงจะเรียกว่า "โดยสิ้นเชิง" ได้ จิตของท่านจึงลอยเด่นเหนือความดึงดูดและผลักดันต่อสรรพสิ่งเป็นอิสระชั่วนิรันดร

    หลวงปู่ได้ชี้แนวทางพิจารณาว่า

    "อย่าพยายามทึกทักเอาเองตามความรู้สึกของตนว่า พระอริยบุคคลไม่ว่าในลำดับใด เป็นบุคคลที่มีอะไรผิดแปลกไปจากคนธรรมดาสามัญ ท่านก็มีอะไรทุกอย่างเหมือนๆ กับคนธรรมดาสามัญ ทั้งร่างกายและจิตใจ หรือถ้าจะว่าให้ถูก ท่านเสียอีกเป็นธรรมดาสามัญ ปุถุชนต่างหากที่มีอะไรผิดธรรมดาวิปริตไปด้วยการปรุงของกิเลสตัณหาอันเป็นเหตุแห่งทุกข์

    พระอรหันต์ท่านเป็นปกติธรรมดา พ้นจากการปรุงแต่ง จึงอยู่อย่างไม่มีทุกข์

    พระอริยบุคคลที่รองๆ ลงมา ก็มีการดำรงอยู่อย่างมีทุกข์มากขึ้นตามลำดับ และกำลังดำเนินไปสู่การดำรงอยู่อย่างไม่มีทุกข์ต่อไป ก็แล การดำรงอยู่อย่างไม่มีทุกข์นี้ ย่อมเป็นยอดปรารถนาของสัตว์โลกทั้งมวล

    สรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าที่วิ่งเต้นดิ้นรนอยู่ด้วยประการต่างๆทุกวันเวลานี้ ก็ล้วนแต่เพื่อจุดประสงค์ที่จะระงับดับทุกข์ของตนๆ อย่างเดียวเท่านั้น มิได้เป็นไปเพื่อประการอื่นใดเลยแม้แต่น้อย เมื่อหิวก็เสาะแสวงหาอาหาร เมื่อเกิดโรคภัยก็วิ่งหายารักษาโรค เป็นต้น"

    - หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  2. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ทุกข์.....เกิดได้ทุกรูปทุกนาม (ไม่มีเว้น จำไว้)
    กิเลส.....เกิดได้ทุกรูปทุกนาม (เช่นกัน)
     
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    จิตที่หลุดพ้นไปแล้วก็ เป็นอีกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับชีวะ
    จะกล่าวอ้างตาม สมมุติอย่างชาวโลก ว่าเป็นบุญเป็นบาป
    ก็ไม่ถูก ที่ไม่รับรู้ก็เห็นแต่ผู้ที่ขันธปรินิพพาน ส่วนที่แค่กิเลสนิพพาน
    ก็มีการรับรู้อย่างคนปกติธรรมดานี้เอง แต่ต่างกับคนธรรมดาตรงที่
    ความรู้สึก ไม่เข้าไปทำร้ายจิตได้ ปุถุชนความรู้สึกแล่นเข้าไปถึงจิตถึงใจ
    ถูกทำร้ายได้สองชั้น กาย กับ จิต พระอรหันตขีณาสพ ถูกต้องได้แค่กาย
    ใจเข้าไปไม่ถึง ไม่สามารถทำร้ายจิตท่านได้ ด้วยเหตุที่จิตท่านเข้าร่วมเป็นพระนิพพาน
    เหมือน อย่างบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตลอดถึง พระอรหันตขีณาสพ
     
  4. พุืทธวจน000

    พุืทธวจน000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ..ดูพระสูตรนี้ครับ...

    ลักษณะแห่งนิพพานธาตุสองชนิด
    ภิกษุ ท. ! นิพพานธาตุมี ๒ อย่าง, สองอย่างเหล่าไหนเล่า ?
    สองอย่างคือ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ และอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
    ก. สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    ภิกษุ ท. ! สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. !
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันต์ ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์
    แล้ว ได้ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว ได้บรรลุถึงประโยชน์ของ
    ตนแล้ว มีกิเลสอันเป็นเครื่องผูกติดให้อยู่กับภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้ว
    เพราะรู้โดยชอบ. อินทรีย์ห้าของเธอยังตั้งอยู่ เพราะเป็ นอินทรีย์ที่ยัง
    ไม่ถูกกำจัด เธอย่อมเสวยอารมณ์อันเป็นที่ชอบใจบ้าง ไม่เป็นที่ชอบใจ
    บ้าง ให้รู้สึกสุขและทุกข์บ้าง. ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่ง
    โทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะของเธอ อันใด, ภิกษุ ท.! อันนั้นแหละ เรา
    เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
    ข. อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    ภิกษุ ท. ! ก็ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. !
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันต์ ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์
    แล้ว ได้ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว ได้บรรลุถึงประโยชน์ของ
    ตนแล้ว มีกิเลสอันเป็นเครื่องผูกติดอยู่กับภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้
    โดยชอบ. ภิกษุ ท. ! เวทนาทั้งหลายทั้งปวงของเธอ อันเธอไม่
    เพลิดเพลินแล้ว จักดับเย็นในโลกนี้เอง. ภิกษุ ท.! อย่างนี้แล เราเรียก
    ว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
     
  5. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,946
    พระอรหันต์ ท่าน มี สติสัมปชัญญะ ตลอดเวลา

    อุปมาอุปมัย ว่า ตัวท่าน เปรียบเสมือน น้ำอยู่ หนึ่ง บ่อเล็กๆ ที่อยู่ในโลก แต่ ไฟมารลุก อยู่ทั้วโลก ไฟมารไม่สามารถทำให้น้ำในบ่อ หายไปได้ แล้วก็ น้ำในบ่อ ก็ไม่สามารถทำให้ไฟมาร หยุด เผา ได้ครับ

    สาธุครับ
     
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    มันเป็นเรื่องที่ ปุถุชนตามคิดได้ลำบาก

    ในความเห็นของผม เต็มที่เราพอจะเดาได้ใกล้เคียงก็คืออารมณ์พระโสดาบัน
    เกินไปกว่านั้น... ก็บ้าตำรา
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    คงเหมือนจับคนขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา ลองขึ้นทุกวัน นานๆไปก็เริ่มชิน และไม่รู้สึกกลัว เช่นเดียวกับควารูสึกด้านอื่นๆ ก็สามารถฝึกให้ชิน และไม่รู้สึกได้ ดิฉันคิดว่าพระอรหันต์คงมีอารมย์ นิ่งเฉยจนเป็นสันดาร อะไรมากระทบก็ไม่รู้สึกเพราะฝึกจนเปนสันดาร
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    พระอรหันต์ รู้ แม้กระทั่ง "อวิชชา" ความไม่รู้ ยังถูกรู้ได้ แล้วยังจะมีอะไรเหลือ ท่านรับรู้ทุกอย่างเพียงแต่ท่านไม่อยู่กับมันเท่านั้นเอง จิตปุถุชน อยู่กับ อวิชชา แต่ จิตพระอริยะ อยู่กับ วิชชา ทุกอย่างเหมือนกันหมด ยกเว้นเรื่องเดียว คือ เรื่อง "การอยู่" เท่านั้นเอง

    จิตปุถุชน อยู่กับ "ไม่รู้" แต่ หลวงปู่ดูลย์ อยู่กับ "รู้" ต่างกันแค่ติ๊ดเดียวเอง ปุถุชนก็สามารถฝึกฝนได้ คือฝึก "การอยู่" ใน "มหาสติปัฏฐาน 4" เท่านั้นเองแหละ
     
  9. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ให้พิจารณาตรงนี้จะมีประโยชน์คือสิ่งที่เกิดกับจิต โลภ โกรธ หลง เป็นอย่างไร

    เช่นกินข้าว พระอริยะเห็นรู้นามคือพ้นสมมติ อร่อย(เพียงความรู้สึกอย่างนึง มี เกิดดับ)
    ไม่มีนะว่า นี่ไข่เจียวหมูสับ นี่ต้มยำ
    ญาติโยมถาม บอกพอใจ ตอบเพื่อกำลังใจคนอื่น สะดวกพอเหมาะถูกปากแก่ธาตุขันธ์ ร่างกายไม่ใช่เพราะอยากกินอีก วันหลังเอาอีกนะ แบบนั้นครับ

    การปฎิบัติให้เกิดการเฉยชาชินนั้นเป็นความเห็นผิดแล้วนะครับ
     
  10. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ท่านศรีเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วท่านไปล่วงรู้อารมณ์พระอรหันต์ได้อย่างไร

    หรือท่านศรีคิดตัดช่องน้อยรึท่าน ไม่สงสารเหล่าสาวกบ้างรึท่านศรี
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ตถาคต กับ คำว่าอรหันต์ เป็นสิ่งเดียวกัน หรือท่านจะเรียกว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ผิด

    ผมพูดความจริง ผมรู้ว่าผมเป็นใคร รหัสกรรมมีนามพุทธะว่าอะไรเพียงแต่ไม่ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ

    ผมพูดความจริง ในปีที่ผมได้คิดจะออกโปรดเวไนยสัตว์
    ในเขตนนทบุรี ผมได้เข้ามาพักในบ้านไม้ ซึ่งสถานที่นี้เคยเป็นสำนักทรงของปู่พระกาฬมาก่อน ประวัติ บ้านไม้หลังนี้มีเสาตกน้ำมันอยู่ในบ้านชั้นบนห้องนอน เจ้าของบ้านเล่าว่ามีนางไม้ เพราะคนที่อยู่ก่อนหน้าเรา เค้าเจอกัน ผมสารภาพ ผมก็เจอ จนละแวกข้างบ้านถามผมว่าอยู่บ้านไม้หลังนี้ได้ไง ผมตอบว่าเราอยู่ด้วยความดีไม่คิดเบียดเบียนอิจฉาใคร พี่ชัยเธอชมผม ดามีจิตที่บริสุทธิ์จริงๆ แค่ทุกครั้งคุณดาเดินผ่านหน้าบ้านผม ผมก็ขนลุกแล้ว แต่ตอบไม่ได้เกิดจากอะไรจนอดทักไม่ได้ พี่ชัยชื่นชมผมคุณนะมีของดี บอกๆกันบ้างนะ

    ย้อนไปคืนแรกของบ้านหลังนี้ ยังไม่มีอะไร ต่อต่อมา ราวสักสองอาทิตย์ได้พบเห็นนิมิตประหลาด ภายในตัวบ้านไม้เป็นภูเขาแก้ว มีถ้ำหลายๆคูหา แต่ละคู่หาก็เป็นช่องถ้ำที่มองดู เห็นปู่ฤาษีนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาในรูปนั่ง เต็มคูหาของถ้ำแก้ว มีแต่พระฤาษีนั่งสมาธิ จิตที่เป็นทิพย์บอกให้ทราบว่า ท่านพระฤาษีเหล่านี้ สำเร็จ ต่อมาก็ทราบว่าพระมุณีเหล่านี้ เป็นคณะของพระปัจเจกพุทธเจ้า ถือเป็นหมายสำคัญที่ทำให้ผมไม่กลัวที่จะตามงานทางธรรมะ

    ในเวลาเที่ยงคืนเทวดาที่นี่มีไม่มากนัก บางคืนในเวลาเที่ยงคืนไปแล้วต้องแสดงธรรมให้กับเทวดาที่มาจากที่สูง และต้องตอบปัญหาแก่เทวดาที่ท่านมาหา ท่านแจ้งกับพี่ศรีว่าไม่ได้ลงมายังโลกมนุษย์นานทีเดียว เพราะอยู่ข้างบนก็บำเพ็ญเช่นกัน แต่ครั้งนี้เห็นที่จะต้องลงมา
    ถามปัญหาจากท่าน เรื่องที่สนทนาธรรมกับเทวดา เทวดาถามพี่ศรีว่า รูปที่อยู่เป็นอย่างไง
    รูปนี้เป็นของว่าง เกิดและดับ เทวดาถาม หากรูปได้รับเวทนา รูปนี้ได้รับแต่จิตของเราไม่รับ
    เสวยในเวทนาที่แสดง แล้วท่านอยู่ด้วยอะไร เราอยู่ในจิตที่ว่างเป็นวิหารธรรม ทำไม่ท่านตอบปัญหาของพระอรันต์ได้ รู้อารมณ์ของพระอรหันต์ เทวดาอุทานออกมาอย่างดัง ถ้าเช่นนั้นท่านตอบปัญหาของพระอรหันต์ได้ ท่านก็เป็นพระอรหันต์แล้วสิ ถูกแล้วท่านผู้เจริญ
    เราบรรลุความเป็นพระอรหันต์แล้ว เทวดาที่มาที่นี้กล่าวสาธุการ แล้วกล่าวอำลาด้วยทิ้งความเป็นมงคลปีติเอาไว้ จากนี้ไปผมเห็นต้องลากลับไปบำเพ็ญเบื้องบนต่อ เทพเทวาท่านไม่ไดติดการกราบการไหว้บูชา อย่างมนุษย์ เทพเทวาที่ดีมีแต่ตั้งหน้าตนด้วยความประมาท ว่างไม่ได้ท่านต้องบำเพ็ญตะบะ แล้วกล่าวสาธุ สาธุการ สาธุการ กลับวิมารไป ดังได้แสดงมา ผมพูดความจริง

    GhostHeadท่านสามารถศึกษาได้จากประวัติ
    นำเที่ยวลพบุรี เขาวงพระจันทร์ ตำบลห้วยโป่ง อำเภอโคกสำโรง ตอนที่ 1 จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
    เขานางจันทร์ หริอเขาวงพระจันทร์ท่าน เจ้าคุณโอภาสี ท่านมาพำนักที่ ช่วงที่ท่านมาเรียนกสิณไฟ กับหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกาบ้านหมี่


    ท่านเจ้าคุณ โอภาสี หรือมหาชวน ท่านเป็นพระมาจากลุ่มน้ำปากพนัง ที่มาศึกษาพระปริยตธรรม จนจบ ป.7 แล้วท่านออกธุดงค์ เพราะ ท่าน ชอบนำสิ่งของมีค่ามาเผาไฟ จนพระลูกวัดบวรฯฟ้องเจ้าอาวาส แล้วท่านออกไปปลีกวิเวกที่สวนส้มบางมด

    บนยอดเขานางจันทร์ ที่นี้มีนิยายปรัมปราเล่าสืบกันมาว่า เมื่อพระรามเสร็จศึกกลับเข้าเมือง เนื่องด้วยนางสีดาหนีไปพระรามจึงเดินดงออกตามหานางสีดา ระหว่างทางได้พบยักษ์มาร พรรามปราบปรามพวกยักษ์มารหมด จนกระทั้งได้ทำสงครามกับท้าวอุณาราช เจ้าเมืองมหาสิงขร พระรามเอาต้นกก ทำเป็นศรแผลงถูกอกท้าวอุณาราช ท้าวอุณาราชต้องศรปลิวมาตกที่ภูเขานางจันทร์ หรือเขาวงพระจันทร์แต่ไม่ตาย ถูกตรึงติดไว้ในถ้ำ และถูกพระรามสาปไว้ด้วยว่า เมื่อพระศรีอาริย์ เสด็จมาตรัสด้วยแล้วจึงจะให้ท้าวอุณาราชพ้นทุกข์ทรมานจากต้องศร

    คนทั้งหลายเรียกท้าวอุณาราชว่าท้าวกกขนาก และพระรามสาปให้มีไก่แก้ว 2 ตัวเฝ้า ท้าวกกขนากไว้ และว่าถ้าลูกศรที่ปักอกท้าวอุณาราชหรือท้าวกกขนาก


    เขยื้อนออกมาเมื่อใด ให้ไก่แก้ว 2 ตัวนี้ ขันบอกให้ หนุมานได้ยิน เพื่อจะได้มาเอาค้อนตอกอก ท้าวกกขนากซ่ำ ไม่ให้ศรหลุดออกมาได้ และตอกให้แน่นลงไปอีก

    นางจันทร์ลูกสาวท้าวอุณาราชหรือท้าวกกขนาก สงสารพ่อที่ทุกข์ทรมาน ได้ตามมาดูแลพ่อ ที่ถูกศรพระรามปักอกทนทุกข์ทรมานยู่ในถ้ำ นางพระจันทร์ได้ทำพิธีทอผ้าใยบัว เพื่อรอถวายทำเป็นผ้าจีวร ถวายพระศรีอาริย์

    แก้ไข้กรรมในอดีตของนางจันท์ท้าวอุณาราชนางกวัก ด้วยบารมีนางกวัก
    ได้รูปนางกวักท่านมาบูชา ก็เป็นสื่อให้ท่านเข้ามาหานำความอุดมสมบูรณ์ตามวาระกรรม
    นางกวักช่วยได้ท่านก็ช่วย เมื่อผมขยายผลก็ได้ทราบเหตุจูงใจที่ท่านมาตามผมในครั้งนี้ เพราะต้องการสะสางมวลสารของบาปกรรมในอดีตชาติ ระหว่างพระรามกับท้าวอุณาราช
    ท้าวอุณาราชได้ต้องคำสาป พระรามพระรามได้สาปท้าวอุนาณาราช จะพ้นจากคำสาปก็ต่อเมื่อ พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ท่านมาตรัสรู้ในโลกนี้แล้ว จึงจะถอนหญ้ากกที่เป็นศรของพระรามออกได้ เมื่อนั้นท้าวอุณาราชจะพ้นจากบ่วงของกรรมทันที


    หากอวิชชา ยังมิได้ปหานให้สิ้นแล้วไชร์จึงชื่อยังไม่บรรลุพุทธะแต่หากอวิชชาได้ปหานให้สิ้นแล้วรู้แจ้งซึ่งความเป็น
    พระสาวก และพระปัจเจกโพธิตลอดถึงพระศาสดาจารย์พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
    ก็มิอาจดำรงค์อยู่ซึ่งโพธิสัตว์วิสัยได้ต่อไปครับท่าน GhostHead
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สูตรใหม่พี่ศรีฯ

    บรรลุอรหันต์ แล้วกลับมาเกิดได้อีก
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    แอบอ้างคุณธรรมของท่านอื่นไม่ดีนะน้องปราบเทวดา
    บรรลุอรหันต์แล้วยังต้องเกิดอีกได้ที่ไหน มีแต่ถ้ามนุษย์
    ที่มีจิตที่เป็นกุศล เดือดร้อน ร้องหาพระพุทธะพระองค์นั้น
    ท่านก็จะรวมเป็นร่างของพระพุทธะพระองค์นั้นจากนั้นก็ทำกิจ
    บอกทางพ้นทุกข์ให้กับมนุษย์ผู้หวังความพ้นทุกข์เมื่อหมดกิจ
    ให้ต้องช่วยมนุษย์แล้วท่านก็สลายกลับคืนสู่ อนัตตา

    ซึ่งจะมีให้ได้ยินด้วยหู เห็นด้วยตาได้อยู่เสมอๆพระพุทธเจ้าพระสาวกพ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระผู้เข้านิพพานไปแล้วสามารถเนรมิตรูปสมมติ ขึ้นมากระทำกิจให้ลุล่วงไป จากนั้นท่านก็กลับคืนสู่ความไม่มีอะไรเลย
    น้องปราบเทวดา


    "คัมภีร์พระอรหัง"
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ติดตามผลงานพี่ศรีฯ ไง
    พี่ศรีฯ ยืนยันตัวเอง ว่าบรรลุอรหันต์หรือเปล่าล่ะเท่าที่อ่านมาเห็นว่ายืนยัน
    แล้วยังยืนยันเป็นพระศรีอาริยะอีกหรือเปล่า เท่าที่เป็นแฟนคลับติดตามมา
    ก็อ่านแล้วเข้าใจอย่างนั้น

    ทีนี้ ก็ในเมื่อ เป็นพระอรหันต์ จะยังต้องมาเกิดอีกเหรอ
    ผมเลยเข้าใจว่าเป็นสูตรใหม่ พี่ศรีฯ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณวิมมุตติ เคยถามผมทำนองนี้
    ผมตอบว่า ใช่ ผมพูดความจริง
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มันต้องอย่างนี้แหล่ะ จะวิปลาสก็วิปลาสอย่างน่ารัก

    มั่นใจก็ต้องมั่นใจ ไม่ใช่ ทำทีพูดให้คนอื่นคิดเอาว่าบรรลุแล้ว

    แล้วพอเอาเข้าจริงๆ กลับกลอก กลับไปกลับมา

    แต่ในความเป็นจริง จะบรรลุจริงหรือไม่นั้น
    ในพุทธกาล มีแต่พระพุทธเจ้าตัดสิน

    ในปัจจุบันได้แต่ สังเกตุเอา จริยาวัตร ปฏิปทา
    ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าหรือเปล่า

    ถ้าไม่ตรงตามคำสอน คิดว่า แต่ละท่านคงเลือกเองได้

    อย่างพี่ศรีฯ ผมกล้าทักท้วงจังจัง
    เพราะ เคยให้อาหารกัน มันเป็นกรรมเป็นเวร หุหุ
    จะโกรธ ก็ช่วยไม่ได้นะ :d
     
  17. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    พระอรหันต์ ท่านรู้อารมณ์ที่เป็นปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ ไม่มีวิปลาส

    ตอบตามหัวข้อกระทู้

    พี่ศรีฯ สบายดีนะคะ ไปก่อนนะคะ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    จะว่าไป นอกเรื่องซักหน่อย

    ท้าวอุณาราช ครานู้น นู้นๆ ที่ไปจิ้มๆ ท่านแวะมาเยี่ยม ที่บ้านเฉยเลย

    ผมว่า ท่านคงจะเอ็นดูพี่ศรีฯ อยู่ละม้าง
     
  19. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ศึกท้าวอุณาราช

    จากนั้นพระรามได้เดินป่าต่อไป จนถึงบริเวณอาณาเขต เมืองสิงขร ซึ่งที่นั่นเป็นสวนของยักษ์ชื่อท้าวอุณาราช และมีนนทกาลเฝ้ารักษา เมื่อนนทกาลเห็นพระรามพระลักษมณ์และเหล่าลิง ก็ให้ทหารจับตัวไปถวายท้าวอุณาราช รวมทั้งจับกินพลลิงเสีย แต่กลับสู้พลลิงไม่ได้ จึงไปทูลท้าวอุณาราช ท้าวอุณาราชก็จัดทัพออกมารบ นิลพัท อสุรผัด และมัจฉานุ อาสาออกรบ แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ พระรามแผลงศรต้องอกท้าวอุณาราช แต่ไม่ตายหนีไปซ่อนที่สระน้ำกลางสวนฝ่ายฤาษีโคศภ รู้ด้วยญาณว่า ท้าวอุณาราชถูกพระรามแผลงศรแต่ไม่ตาย รีบมาทูลพระรามว่า เดิมท้าวอุณาราชเป็นข้ารับใช้พระอิศวร ต่อมาเกียจคร้านไม่เข้าเฝ้า จึงถูกสาปมาเป็นยักษ์และไม่มีอาวุธใดฆ่าได้ ต้องให้พระรามถอนต้นกกแผลงไปปักอกตรึงไว้กับหิน ให้ได้รับความทรมานแสนโกฎปี พระรามจึงถอนต้นกกแผลงไปปักอกติดอยู่กับหิน แล้วสาปให้เกิดไก่แก้วกับนนทรี โดยให้นนทรีถือฆ้อนเหล็กคอยเฝ้าไว้ หากต้นกกเลื่อนหลุด ให้ไก่แก้วขัน และให้นนทรีเอาฆ้อนเหล็กตอกลงไป จนกว่าจะครบแสนโกฎปี หลังจากที่ปราบอุณาราชแล้ว ก็ครบหนึ่งพันปีพอดี พระรามได้เสด็จกลับศรีอยุธยา แล้วปูนบำเหน็จแก่ไพร่พล

    -พี่ยักษ์แกถูกตรึงอยู่ไปเที่ยวได้ไง งี้พี่ไก่ฟ้า กับพี่นนทรี บกพร่องต่อหน้าที่ราชการนี่
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ^

    บูบู ก็ลองไป จิ้มๆดูดิ หุหุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...