เรื่องเด่น พระอาจารย์เล็กสอนว่า "ในสายตาของพระ ท่านให้การสงเคราะห์ทุกคนเสมอหน้ากัน"

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย Komodo, 22 มิถุนายน 2018.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    35846518_2067472413574079_3427159262533517312_n.jpg

    พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของพระ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ หรือแม้กระทั่งอาตมาก็ตาม มีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ บรรดาลูกศิษย์จำนวนหนึ่งมักจะต้องการเสนอหน้าให้คนอื่นเห็นว่าใกล้ชิด มีสิทธิพิเศษมากกว่าใคร ขอยืนยันว่าวัดท่าขนุนไม่มี ถ้าใครอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด มีสิทธิพิเศษ ก็ช่วยจามมะเหงกพิเศษ ๆ ให้เขาด้วย..! เพราะว่าพอถึงเวลาแล้วกลายเป็นสร้างความแตกแยกไป ว่าคนโน้นเป็นคนใกล้ชิด คนนี้เป็นคนห่าง

    ในสายตาของพระ ท่านให้การสงเคราะห์ทุกคนเสมอหน้ากัน แต่ว่าบางท่านอาจจะมีความคล่องตัวเฉพาะในบางอย่าง ซึ่งต้องเรียกใช้ในด้านนั้นอยู่ ขอบอกว่าโปรดอย่าอิจฉาเขา เพราะถ้าต้องทำเองแล้วจะเหนื่อยรากเลือด..! เห็นเขาได้ทำเราก็ยกมือโมทนาสาธุ....กูไม่ช่วยมึงหรอก หมดเรื่องหมดราวไปเลย ไม่อย่างนั้นแล้วพอถึงเวลาก็จะมีการนินทาว่าร้าย จิกกัดกันเป็นปกติ ซึ่งไม่น่าจะเป็นวิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม


    อาตมาเองฟังจนเบื่อ และสงสัยว่าเมื่อไรจะเลิกจิกกัดกันเสียที การสร้างวจีกรรมนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก การนินทาว่าร้ายคนอื่นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ บาลีท่านว่า นินทา ปสังสา การนินทาเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าเราทำเมื่อไรก็เท่ากับสร้างกรรมให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันก็สร้างกรรมให้แก่คนรอบข้างไปด้วย เพราะว่าไปสร้างความมัวหมองให้เกิดขึ้นในใจของเขา มองเห็นคนนั้นเป็นศัตรู เห็นคนนี้เป็นคนที่เพื่อนเราไม่ชอบหน้า เราก็พลอยไม่ชอบไปด้วย"
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    "ยิ่งยุคนี้สมัยนี้มีเฟซบุ๊ก มีไลน์ ถึงเวลาเราก็ส่งต่อกันไปในพริบตาเดียว หรือไม่ก็ขึ้นสเตตัส กลายเป็นประจานตัวเองเสียเปล่า ๆ ว่ากำลังใจของเราแย่มาก ถึงยังว่าร้ายคนอื่นเขาอยู่ ถ้าใครรู้ตัวแล้วก็ให้เลิกความประพฤตินี้เสีย เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่โทษสถานเดียว พระพุทธเจ้าท่านถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรกล่าว

    หลายคนก็มาพูดเข้าหูอาตมาว่า คนโน้นนินทาว่าอย่างนี้ โดนคนนั้นกัดมาอย่างนั้น ซึ่งความจริงถ้าเราดูย้อนหลังไปก่อนหน้านั้น เราก็เคยนินทาเขาเอาไว้แบบนั้น เคยกัดเขาเอาไว้แบบนั้น แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าทำเอามันปากไปเรื่อย พอตัวเองมาโดนเข้าถึงได้รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ได้มองว่าเป็นเพราะเคยทำมาอย่างนั้น กลับไปมองว่าคนโน้นทำไม่ดีกับเรา คนนี้ทำไม่ดีกับเรา

    ฉะนั้น ถ้าหากว่าเราปรับปรุงกาย วาจา ใจของเรา ตั้งหน้าตั้งตาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น ถ้าสามารถทรงความดีเอาไว้ได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ห่างไกลออกไป แล้วท้ายที่สุดถ้าเรามีกาย วาจา ใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ ทำทุกอย่างด้วยความหวังดีปรารถนาดีต่อคนอื่น ก็จะไม่มีใครมานินทาว่าร้ายเราอีก แต่ก็ไม่แน่หรอก อย่างที่โบราณท่านว่าไว้ว่า “แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา”
     
  3. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    "หลวงพ่อพระพุทธชินราชท่านนั่งอยู่ของท่านสบาย ๆ อยู่โบสถ์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกโน่น ใคร ๆ ก็ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในประเทศไทย ลูกคุณช่างติก็ไปยืนมองซ้ายมองขวาดูรอบหนึ่ง แล้วท้ายสุดก็บอกว่า “ก็สวยอยู่หรอก เสียอย่างเดียว..พูดไม่ได้” คิดดูก็แล้วกันว่านินทาท่านจนได้

    ฉะนั้น เมื่อเราเข้าใจตรงจุดนี้แล้วก็ให้รู้ว่า จริง ๆ แล้วการปฏิบัติธรรมเป็นการขัดเกลาทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของเราให้ดี ถ้าเรายังไม่สามารถละการนินทาว่าร้ายคนอื่นเขาได้ ยังมีการจิกการกัด การนินทากันเป็นปกติอยู่ ขอให้รู้ว่าเรายังมีความเลวอยู่มาก รู้แล้วพยายามละยังถือว่าพอเป็นคนดีได้ แต่ถ้ารู้แล้วไม่ละแต่ทำไปเรื่อยถือว่าเลวมาก..!

    แม้กระทั่งโทษทัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการที่เราละเมิดในศีลในธรรม ท่านก็ถือว่าการ “รู้แล้วขืนทำ” เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด โดยเฉพาะในหมู่คณะของพวกเรา ถ้าหากว่ามีการนินทาว่าร้ายกัน ก็จะก่อให้เกิดการแตกสามัคคีขึ้นมา อย่าลืมพระบาลีที่ว่า สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีของหมู่คณะช่วยก่อให้เกิดสุข แต่ถ้าหมู่คณะแตกแยกก็ย่อมเกิดทุกข์ โดยเฉพาะบุคคลที่ต้องคอยประสานหมู่คณะเข้าด้วยกัน ท่านจะทุกข์ใจมาก"
     
  4. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    "ในบรรดาคณะศิษย์ของหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ต่าง ๆ นั้น เราจะเห็นว่าจับกันเป็นหมู่คณะ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แต่ถึงจะเป็นกลุ่มก็ขอให้กลุ่มที่เหนียวแน่นและรู้จักเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นเราก็จะเป็นแค่ห่วงเฉย ๆ ไม่ว่าจะเป็นห่วงเหล็ก ห่วงทองเหลือง ห่วงทองแดงอะไรก็ตาม ใช้งานได้จำกัด แต่ถ้าเรารู้จักเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นด้วยความรักความสามัคคี จากห่วงก็จะกลายเป็นโซ่ ยิ่งยาวเท่าไรก็ยิ่งใช้ประโยชน์ได้มากเท่านั้น

    ดังนั้น สิ่งที่ทำให้แตกความสามัคคีได้ง่ายที่สุด ก็คือเรื่องของวาจา โดยเฉพาะบางคนที่พูดไม่เคยคิด พอคนอื่นว่าคืน ถึงรู้สึกตัวแต่ก็ยังละไม่ได้ ก็ต้องทนลำบากสร้างวจีกรรม มโนกรรมกันต่อไป ซึ่งมีแต่จะผูกเวรผูกกรรมกันไปนับชาติไม่ถ้วน

    เมื่อเป็นเช่นนั้น เรารู้แล้วว่าสาเหตุของความแตกความสามัคคีในหมู่คณะคืออะไร สาเหตุที่คนอื่นเขานินทาว่าร้ายเราคืออะไร โดยเฉพาะบุคคลที่ทำงานสนองงานต่าง ๆ โอกาสที่จะรอดการนินทานั้นไม่มี อย่างไรเสียก็ต้องเป็นขี้ปากของบรรดาบุคคลที่กำลังใจต่ำ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าคนเรากำลังใจแค่ไหนก็คิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ในเมื่อกำลังใจของเขาต่ำ ถ้าหากว่าเขานินทาว่าร้าย พูดไม่ดีถึงเรามา แทนที่จะโกรธจะเคืองก็สงสารเขาเถอะ ประเภทนั้นยังเกิดอีกนาน ถ้าเกิดอีกนานก็แปลว่าทุกข์อีกนาน"
     
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    "เรารู้ตัวแล้วเราก็ละก็วางเสีย พยายามแผ่เมตตา ให้อภัยเป็นปกติ นอกจากจะช่วยเชื่อมความสามัคคีในหมู่คณะ เพราะมีกาย มีวาจา มีใจที่เยือกเย็น ไม่ถือโทษโกรธเคืองคนอื่นแล้ว ยังทำให้ตัวเราได้รับการปฏิบัติขัดเกลากาย วาจา ใจ ให้เข้าสู่ความบริสุทธิ์มากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วท้ายที่สุดเมื่อกาย วาจา ใจของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์โดยพร้อมมูล เราก็จะกลายเป็น คนเหนือโลก ก็คือ บุคคลที่ไม่ต้องข้องแวะกับกิเลสต่าง ๆ อีกแล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายในการปฏิบัติของพวกเราทุกคน"

    เก็บตกงานฉลองบ้านวิริยบารมี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘

    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4398&langid=2
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...