((พระเครื่องพระบูชาพระเกจิ...จังหวัดนนทบุรี))

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย namayti, 12 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    nonthaburi%20copy.jpg
    [​IMG]
    เงื่อนไข
    1.พิมพ์"จอง-ปิด"รายการต่างๆได้เลยครับ
    2.โอนเงินภายใน 7 วันหลังจากวันที่โพสต์จอง-ปิด
    3.แจ้งรายละเอียดการโอนทางกล่องข้อความ(ด้านบนขวามือ)พร้อมที่อยู่จัดส่ง
    4.จัดส่ง EMS ในวันถัดไปและจะแจ้งเลขส่งทางข้อความให้ทราบ
    5.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากลทุกประการ
    [​IMG]

    ปิดรายการที่ 1 เหรียญ"สามอาจารย์"หลังพระปิดตาเลข ๑ รุ่นแรก ปี 12 เหรียญสวยๆ หายากจริงๆ ครับ หลวงพ่อทองสุขปลุกเสก จัดอยู่ในทำเนียบเหรียญสายวัดสะพานสูง ยุคแรกๆ ที่นิยมกันครับ มาตรฐานสากล บล็อกนี้เป็นบล็อก ห-หางงอ แบ่งเบาๆจ้า ขอที่ 550.-ฟรีส่ง EMS (ท่าน shaj)
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2017
  2. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,331
    ค่าพลัง:
    +6,396
    ปิดรายการที่1 เหรียญสามอาจารย์ วัดสะพานสูง ปี12ครับ
     
  3. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    รับทราบการจอง...ขอบพระคุณมากครับ
     
  4. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    รายการที่ 2 ล็อกเก็ตโบราณ พระราชปรีชามุนี วัดโมลี จ.นนทบุรี ขอที่ 100.-ฟรีส่ง EMS
    20160420_095126-horz.jpg
    13516576_1928290190730899_481605570705370938_n.jpg
    ประวัติหลวงปู่เผือก วัดโมลี(พระราชปรีชามุนี)
    หลวงปู่เดิมชื่อเผือก ทั้งนี้บิดามารดาของท่านเห็นว่าเป็นคนผิวขาวเหมือนเผือก จึงตั้งชื่อท่านว่าเผือก บิดาท่านชื่อว่า บุญโยม มารดาชื่อ จ้อน(นามสกุลเดิม บัวปรี)หลวงพ่อชาตะเมื่อวันพุธ เดือน6ขึ้น3ค่ำ ปีมะแม พ.ศ.2426 ณ.ที่บ้านหาดชะอม ตำบล.ยางสูง อำเภอ.ขาณุวรลักษณบุรี จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่น้องร่วมกัน5คน หลวงพ่อใช้นามสกุล จุลพันธ์
    1.หลวงพ่อพระราชปรีชามุนี(เผือก)
    2.นายจาด บัวปรีย์
    3.นายเหว่า บัวปรีย์
    4.นายวอน บัวปรีย์
    5.นางอิง หลำตี
    เมื่อวัยเยาว์ได้รับการอบรมหนังสือไทย ในสำนักวัดอุดมศรัทธาราม ซึ้งเป็นวัดที่อยู่ใก้ลบ้านท่าน โดยครูเป็นพระในวัดเป็นผู้สั้งสอนทั้งศีลธรรมและอักขระ พออ่านออกเขียนได้
    พออายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่วัดโบสถ์ ตำบลบางแก้ว อำเภอ.บรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีพระอธิการแหยม วัดบ้านแคน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมบาล(ป๊อก)วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดกำแพงเพชรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูถิรธรรม(เคลือบ)วัดอุดมศรัทธาราม จังหวัดกำแพงเพชร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทเรียบร้อยแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดอุดมศรัทธาราม1พรรษา เพื่อปฎิบัติอุปัชฌาย์ อาจาริยวัตรและศึกษาพระปริยัติธรรม ครั้น
    พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดวังหินท้ายน้ำ พิจิตร เพื่อศึกษาวิปัสนาธุระ
    พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดตะโก บางคลาน จ.พิจิตร เพื่อเรียนคันถธุระ
    พ.ศ.2451 ได้กลับวัดอุดมศรัทธาราม ภูมิลำเนาเดิม
    พ.ศ.2452 ได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆษิตาราม บางกอกน้อย ธนบุรี เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม
    2458 ได้ย้ายมาอยู่วัดโมลี บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จนกระทั้งสิ้นชีพ
    ชีวิตของหลวงพ่อ
    พ.ศ 2452 ได้มูลกจจายนะ1คัมภีร์ (ไม่ได้สอบไล่)
    พ.ศ.2462 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด บางใหญ่ แขวงบางบัวทอง นนทบุรี
    พ.ศ2464 ได้เป็นพระครู เจ้าคณะแขวงบางบัวทอง นนทบุรี ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับสัญญาบัตรเป็นพระครูนนทปรีชา เจ้าคณะแขวงบางบัวทองและบางใหญ่ นนทบุรี
    พ.ศ2471 ได้จัดตั้งโรงเรียนธรรมบาลี สำนักวัดโมลี และเป็นผู้อุปการะบำรุงด้วย
    พ.ศ2473. เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมตรี. สนามหลวง
    พ.ศ2475 เป็นกรรมการศึกษาประจำอำเภอบางใหญ่
    พ.ศ2479 เป็นผู้อำนวยการศึกษาอบรมปริยัติธรรม ประจำแขวงบางบัวทองและบางใหญ่
    8มิ.ย.พศ.2490 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระราชคณะมีนามว่า พระราชปรีชามุนี(ชั้นสามัญ)
    5.ธ.ค.พ.ศ.2504 พระราชปรีชานนทมุนี(ชั้นราช)
    ก่อนที่หลวงพ่อจะจากไป
    แม้ว่าวัยอันชราของหลวงพ่อซึ่งอายุ 84 ปีแล้วก็ตาม หลวงพ่อเป็นคนแข็งแรง หลวงพ่อได้ออกตรวจตราบริเวณวัดเป็นประจำก่อนที่ท่านจะจากไปประมาณ 5 วัน ขณะที่หลวงพ่อกำลังก้าวออกมาจากกุฎินั้น พอดีประจวบกับประตูไม่ได้ใส่กลอน เมื่อหลวงพ่อเอื้อมมือออกมาหวังดันออกไปนั้นประตูไม่ได้ใส่กลอนซึ่งหลุดออกไป หลวงพ่อจึงได้ล้มลงไปในขณะนั้น ทำให้แขนทางด้านขวาบวมช้ำ แต่ได้หมอมารักษาจนหายปกติ และในช่วงเวลา 2-3 วันเท่านั้น หลวงพ่อได้ลงไปสั่งงานรื้อกุฏิเพื่อสร้างใหม่แก่บรรดาศานุศิษย์ที่มาช่วย และพอดีในเย็นวันที่ 29 กันยา 08 พุธขึ้น 4 ค่ำเดือน 11 เวลาประมาณ 16.30 น. หลวงพ่อได้บอกกับศิษย์ว่าเจ็บแขน บรรดาศานุศิษย์ซึ่งได้พยุงหลวงพ่อขึ้นกุฏิ และได้ให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน ศานุศิษย์จึงได้ใช้ผ้าเช็ดตัวหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน เมื่อเห็นพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว บรรดาศิษย์จึงได้ลงมาทำงานต่อไปอีกเป็นเวลาสัก 30 นาที จึงได้ขึ้นไปเยี่ยมหลวงพ่ออีก ทุกคนมองได้มองไปที่ร่างหลวงพ่อยังคงนอนสงบนิ่ง และได้เห็นน้ำลายใสๆ ไหลออกมาทางปากเล็กน้อย บรรดาศิษย์จึงได้ไปเช็ดให้ขณะที่ท่านหลับตาอยู่เช่นนั้น เมื่อปรากฎเช่นนี้
    บรรดาศานุศิษย์คิดว่าหลวงพ่อคงจะมีอาการเจ็บป่วยมากทีเดียว เพราะหลวงพ่อเป็นคนสะอาดและไม่เคยที่จะปรากฎการเช่นนี้ จึงได้รีบไปตามหมอ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ใคร่ดีสักหน่อย เนื่องจากหมอประจำตัวหลวงไม่อยู่เสียจึงได้ไปรับหมออื่นมา เมื่อหมอมาถึงได้ทำการตรวจและดูอยู่ขณะหนึ่ง หมอจึงบอกว่า " ลมหายใจน้อย" บรรดาศานุศิษย์ได้เห็นเช่นนั้นจึงได้รีบจัดเรือส่งโรงพยาบาลจังหวัดโดยด่วน แม้ว่าเวลาจะล่วงเข้าเกือบสามทุ่มแล้วก็ตาม เพราะบรรดาศานุศิษย์ทุกคนปรารถนาไว้ว่าจะพยายามพยาบาลหลวงพ่อให้ดีที่สุดในชีวิต แต่แล้วพอเรือออกมาจากวัดได้ประมาณ 10 กว่านาที หมอได้ร่วมไปกับเรือหลวงพ่อได้บอกกับศานุศิษย์ว่าหลวงพ่อได้เสียแล้ว ทุกคนตกตลึง
    ด้วยคาดไม่ถึงว่าหลวงพ่อจะรีบด่วนจากไปเสียก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ที่บรรดาศานุศิษย์ตั้งใจจะพยาบาลหลวงพ่อ ทุกคนจึงเร่งรีบให้ถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด แต่ก็หมดหวังเสียแล้ว จึงได้พาร่างของหลวงพ่อกลับมาสู่ ณ ที่หลวงพ่อเคยพำนักอยู่ตลอดมาเป็นเวลา 40 ปีเศษ ทิ้งความเศร้าโศรกแก่ศานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
    แต่ก็เป็นกฎของธรรมชาติที่มีเวียนว่ายตายเกิด แต่ใครเล่าจะอดเศร้าใจเสียมิได้ในเมื่อร่มโพธิร่มไทรที่พักพิงอย่างร่มเย็นนั้น บัดนี้ได้สิ้นไปแล้วไม่มีวันกลับมาอีก
    ถ้าหากดวงวิญญาณของหลวงพ่อสถิตอยู่ ณ ที่ใด ขอหลวงพ่อจงได้ปกป้องรักษาคุ้มครองศานุศิษย์ของหลวงพ่อนั้นด้วยเทอญ
    พระคุณท่านได้จากไปแล้วแต่ บารมีของหลวงปู่ยังคงอยู่ตลอดไป
    หลวงปู่มรณภาพเมื่อวันที่ 29. ก.ย. 08 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 วันพุธ เวลา 4 ทุ่ม 40 นาที

    ขอบพระคุณข้อมูลและภาพจาก
    #พี่เจี๊ยบ บางกร่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...