พระเครื่องวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง(แท้ ดูง่าย)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย อโศ, 8 กุมภาพันธ์ 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. koekrisda

    koekrisda สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +28
    รายการที่ 102 ชานหมากหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา
    จองครับ
     
  2. koekrisda

    koekrisda สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +28
    โอนเงินรายการที่ 102 ชานหมากหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา วันนี้ เวลา 10.40 น. 4,050 บาทครับ
     
  3. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    ลูกไม้มงคล 3 ประการ สำนักเขาอ้อ

    SAM_1880.JPG

    ตำราการสร้างลูกไม้มงคล สำนักเขาอ้อ
    เป็นตำราเก่าแก่ของสำนักเขาอ้อมาแต่สมัยโบราณ อาจารย์ใหญ่สำนักเขาอ้อแต่ละยุคได้มีการสร้างแจกลูกศิษย์สำนักมาโดยตลอด การสร้างอิทธิวัตถุมงคลชนิดนี้ สร้างกันได้แสนยากมาก ผู้สร้างจะต้องมีภูมิความรู้ขั้นสูง และเชี่ยวชาญในกรรมวิธีของการสร้างอย่างแตกฉานทุกขั้นตอนแล้ว ยังจะต้องประกอบด้วยสมาธิจิตของญาณสมาบัติอันสูงส่งของผู้สร้างด้วย

    ลูกไม้มงคล 3 ประการของสำนักเขาอ้อนี้
    ประกอบด้วยลูกไม้มงคล 3 ชนิด ด้วยกัน 1. ลูกสวาท 2. ลูกลาน 3. ลูกประคำดีควาย


    6350689053908500001.jpg
    1417704107.jpg
    1372267247.jpg

    กรรมวิธีการสร้าง
    เมื่อได้ลูกไม้มงคลมาครบ 3 ชนิดแล้ว ขั้นตอนกรรมวิธีการ ดังต่อไปนี้
    1. เจาะรูเป็นช่องเล็ก ๆ จากนั้นคว้านเอาเนื้อภายในออกให้หมด
    2. บรรจุผงวิเศษเข้าไปภายใน ซึ่งผงวิเศษที่บรรจุภายในลูกไม้แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ผงที่บรรจุลูกสวาทก็อย่างหนึ่ง ลูกลานอย่างหนึ่งและลูกประคำดีควายก็อย่างหนึ่ง จะบรรจุผงสลับกันไม่ได้ ซึ่งผงที่บรรจุในลูกไม้แต่ละชนิดนี้ จะมีการแยกกันทำและแยกกันปลุกเสก
    3. เอากระดาษสาลงอักขระบรรจุเข้าไป ซึ่งกระดาษสาลงอักขระที่บรรจุเข้าไปนี้ จะมีการแยกเหมือนผงวิเศษ คือกระดาษสาลงอักขระในลูกสวาทอย่างหนึ่ง ลูกลานอย่างหนึ่งและลูกประคำดีควายก็อย่างหนึ่งเหมือนกัน การลงอักขระที่ใช้ลงในกระดาษสาไม่เหมือนกัน เป็นการลงอักขระเป็นคนละอย่างตามตำราและแยกกันปลุกเสกด้วย
    4. เมื่อบรรจุผงวิเศษกับกระดาษสาเรียบร้อยแล้ว หยอดครั่งปิดทับปากรูที่เจาะในตอนแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ผงวิเศษและกระดาษสาหลุดออกมา และเป็นการป้องกันน้ำและความชื้นจากภายนอกเข้าไปข้างในด้วย
    5. จากนั้นมาถึงขั้นตอนของการปลุกเสกจะไม่ปลุกเสกรวมกัน จะแยกลูกสวาท ลูกลาน และลูกประคำดีควาย ออกไปปลุกเสกทีละอย่าง เนื่องจากคาถาปลุกเสกลูกไม้แต่ละชนิดจะเป็นคาถาคนละบทกัน ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเจาะลูกไม้แต่ละชนิดเพื่อคว้านเอาเนื้อในออก การทำผงวิเศษ การลงอักขระในกระดาษสา การบรรจุผงวิเศษ การบรรจุกระดาษสาลงอักขระ ไปจนถึงการปลุกเสก ทุกขั้นตอนจะต้องกระทำภายในฤกษ์ที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งฤกษ์ของแต่ละอย่างก็จะไม่เหมือนกันด้วย

    คุณวิเศษของลูกไม้มงคล 3 ประการ
    แต่ละชนิดจะมีคุณวิเศษที่ไม่เหมือนกัน
    1. ลูกสวาท มีคุณวิเศษทางเมตตามหานิยม
    2. ลูกลาน มีคุณวิเศษทางแคล้วคลาด และทำน้ำมนต์แก้และกันโรคภัยไข้เจ็บ
    3. ลูกประคำดีควาย มีคุณวิเศษทางคงกระพันป้องกันภูติผีปีศาจ คุณไสย ตลอดทั้งเสนียดจัญไรและสิ่งอัปมงคลต่าง ๆ ทั้งปวง

    การบูชาลูกไม้มงคล
    ลูกไม้มงคล 3 ประการ จะบูชาพกติดตัวหรือตั้งบูชาไว้คุ้มครองบ้านเรือน ถ้าพกติดตัวจะป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ เป็นเมตตามหานิยมเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย บูชาไว้ที่บ้านเรือนหรือร้านค้า จะเป็นมงคลกับสถานที่ เป็นโชคลาภโภคทรัพย์ ป้องกันภูติผีคุณไสย และเสนียดจัญไร ตลอดจนสิ่งอัปมงคลต่าง ๆ ทั้งปวง จึงมีการนิยมเอา ลูกไม้มงคล 3 ประการนี้ ใส่ในถุงรวมกันผูกติดกับเสาเอกของบ้านเรือน

    คาถาที่ใช้ภาวนากำกับการใช้ลูกไม้มงคล 3 ประการ
    ภาวนาว่า "พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ"

    ลูกไม้มงคล 3 ประการม พระอาจารย์สำนักเขาอ้อทุกยุคทุกสมัยมาแต่ครั้งโบราณได้สร้างแจกลูกศิษย์ลูกหาของท่าน แต่ส่วนใหญ่ลูกไม้มงคลของสำนักเขาอ้อรุ่นเก่า ๆ มักจะมีไม่ครบทั้ง 3 ลูก คือ บรรดาลูกศิษย์แต่ละคน มักจะมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงลูกเดียว โอกาสที่จะมีครบทั้ง 3 ลูกนั้นน้อยมาก ตอนแรกพระอาจารย์จะแจกมาให้ลูกศิษย์คนใดคนหนึ่งครบทั้ง 3 ลูก แต่ต่อมาเมื่อลูกศิษย์นั้นมีลูกมีหลาน จะต้องแบ่งให้ลูกหลานไปใช้คนละลูก การที่หาลูกไม้มงคล 3 ประการสำนักเขาอ้อรุ่นเก่า ๆ ครบทั้ง 3 ลูก จึงเป็นเรื่องที่ยากดังที่กล่าวมา
     
  4. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    รายการที่ 44 องค์บรมครูพ่อปู่พระฤาษีมหาเวทย์ สำนักวัดเขาอ้อ หน้าที่ 108
    รายการที่ 69 ตะกรุดเงินพอกครั่งเหลือร้าย หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง หน้าที่ 111
    รายการที่ 77 ลูกอมผงยาดำเจ็ดพญาช้างสาร หลวงพ่อดิ่ง หน้าที่ 112
    รายการที่ 78 ลูกอมสะท้านปฐพีหลวงพ่อพริ้ง ลูกที่ 2 หน้าที่ 112
    รายการที่ 81 เบี๊ยแก้พอกครั่งเหลือร้าย หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ลูกที่ 2
    หน้าที่ 112
    รายการที่ 83 ลูกอมหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร หน้าที่ 112
    รายการที่ 91 ตะกรุดพอกครั่งเหลือร้าย หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง หน้าที่ 113
    รายการที่ 96 พระขรรค์สาริกาหลวงพ่อโสก วัดปากคลอง สุดยอดเทพศาตราวุธ หน้าที่ 113

    รายการที่ 103 ตะกรุดมหาปราบหลวงพ่อปาน วัดบางเหี๊ย ยาว 5 นิ้ว หน้าที่ 115
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2018
  5. Fredom_T

    Fredom_T สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +116
    ตะกรุดหน้าผากเสือหลวงพ่อโสม กับรายการที่ 99 ลูกอมมหากันหลวงพ่อคง ยังอยู่ไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2018
  6. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    รายการที่ 104 ลูกอมหลวงพ่อเนียม วัดน้อย

    1Xh.jpg

    บรมครูแห่งเมืองสุพรรณ
    สุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองสุพรรณบุรี เกียรติคุณชื่อเสียงของหลวงพ่อเนี่ยมที่โด่งดังจนเป็นที่กล่าวขาน พระเกจิจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ เช่น หลวงพ่อโหน่ง (ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) หลวงพ่อปาน (ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) เป็นต้น

    ศิษย์สมเด็จโต วัดระฆัง
    หลวงพ่อเนียม ท่านฯได้ไปศึกษาในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมฐานกับเจ้าประคุณ วัดระฆัง ซึ่งเป็นผู้ที่มีอภิญญาสูงและมีวิทยาคมแก่กล้า

    รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
    ครั้งหนึ่งมีภิกษุจากวัดสุวรรณภูมิ ๔ รูป ไปหาหลวงพ่อเนียม เพื่อขอฤกษ์ลาสิกขาบท พอเห็นหน้าภิกษุทั้งสี่ ท่านร้องทักขึ้นว่า "จะมาขอฤกษ์ลาสิกขาบทใช่ไหมล่ะ" ภิกษุทั้งสี่ตอบว่าใช่ ท่านให้ฤกษ์ไปสามรูป อีกรูปหนึ่งท่านท้วงว่าอย่าเพิ่งเลย ชะตากำลังไม่ใคร่ดี ท่านไม่ให้ฤกษ์ แต่ภิกษุนั้นหายอมฟังคำทักท้วงของหลวงพ่อเนียม ทนไม่ไหวจีวรร้อนเป็นไฟ ตัดสินใจสึกโดยไม่ฟังคำทักท้วงของหลวงพ่อเนียม เมื่อออกจากวัดกลับมาหาบิดามารดาที่บ้าน ค่ำวันนั้นเองขณะที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่บนบ้าน ปรากฏว่ามีคนร้ายเอาปืนยิงเข้าไปในกลุ่มสนทนา กระสุนถูกศีรษะทิดสึกใหม่คนนั้นตายคาที่

    ผู้มีญาณวิเศษ
    วันหนึ่งหลวงพ่อเนียมเอ่ยปากขอสำรับเพลจากชาวบ้านจำนวน ๕๐ สำรับ โดยไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรที่ไหน ครั้นใกล้จะถึงเวลาเพล สำรับที่ขอชาวบ้านทยอยมาสู่วัดครบตามจำนวน แต่ชาวบ้านมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ ไม่เห็นมีวี่แววจะ มีใครจะมาจากที่ไหน เสียงกลองเพลดังลั่นขึ้นเท่านั้น หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง พาภิกษุมารวม ๕๐ รูป เดินทางมานมัสการหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ พอเดินทางมาถึงหน้าวัดน้อย ปรากฏว่าเกิดพายุขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนเป็นที่ผิดปกติ หลวงพ่อปาน จึงพูดกับพระที่มาด้วยกันแล้ว
    " เอ เห็นจะต้องแวะที่วัดนี้เสียแล้ว เจ้าของท้องที่เขาเชิญให้แวะ ไม่ควรขัดศรัทธา" จึงสั่งให้เรือจอดที่ท่าวัดน้อย พาภิกษุทั้งหมดขึ้นไปบนวัด ได้รับการต้อนรับจากหลวงพ่อเนียมด้วยการถวายเพลแก่อาจารย์วัดบางเหี้ยและ ภิกษุทุกรูป


    คำประกาศิต
    นงานทำบุญคล้ายวันเกิด ชาวบ้านจัดงานใหญ่โต มีแสดงพระธรรมเทศนาพร้อมด้วยมหรสพสมโภช ร้านค้าตั้งเต็มลานวัด ค่ำวันนั้น เมฆดำทมึนฝนตั้งเค้า พายุพัดตึง ฝนได้ลงเม็ดมาปรอยๆ ร้านค้าขายต่างกุลีกุจอเก็บข้าวของเตรียมหนีฝนกันจ้าละหวั่น วุ่นวายไปทั่วทั้งลานวัด คนที่มาเที่ยวต่างก็หลบฝนเข้าไปในใต้ถุนกุฏิ และที่หอฉันเต็มไปหมด ในขณะที่กำลังอลหม่านกันนั้นเอง หลวงพ่อเนียมเดินลงมาจากุฏิร้องบอกว่า "ไม่ต้องเก็บไม่ต้องเลิก มหรสพเล่นต่อไป ของขายต่อไป ที่นี่ไม่มีฝน ฝนไม่ตกที่นี่ "ท่านเดินไปหยุดที่หน้ากุฏิ มองขึ้นไปเบื้องบนท้องฟ้า ดั่งคำประกาศิต ฝนตั้งเค้าและท่าจะตกลงมาอย่างหนักนั้นหาได้ตกลงมาภายในบริเวณวัด แต่เมื่อมองออกไปนอกวัดจะเห็นฝนตกลงมาอย่างรุนแรง ทั้งตกอยู่นานอักโขอยู่ พองานเลิกทุกคนต้องเดินลุยน้ำขนาดครึ่งหน้าแข้ง

    ถ่ายรูปไม่ติด
    เล่าลือกันว่าการถ่ายรูปหลวงพ่อเนียมถ่ายไม่ติด พระประมาณต้อง การพิสูจน์ความจริง ตามเสียงที่เล่าลือกันจะเป็นจริงเพียงใด จึงไปที่วัดน้อยแล้วนิมนต์พระทั้งวัดมานั่งถ่ายรูปพร้อมด้วยหลวงพ่อเนียม เมื่อเอาฟิล์มไปล้างปรากฏว่าไม่มีรูปหลวงพ่อเนียมอยู่ในกลุ่มนั้นจริงๆ จึง ขอทดลองถ่ายอีกโดยขอให้หลวงพ่อเนียมเดินไปที่โอ่งน้ำมนต์ ถ่ายขณะที่หลวงพ่อกำลังเดินไปและขณะอยู่ที่โอ่งกำลังทำน้ำมนต์ก็ไม่ติดอีก เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

    ท่าน้ำศักดิสิทธิ์
    ปัจจุบัน แม่น้ำที่ไหลผ่านวัดน้อย ทางวัดได้สร้างแพให้ลงไปเป็นที่ตักดื่มน้ำมนต์ศักดิสิทธิ์ ตามอมตะวาจาของหลวงพ่อเนียมบรมครูเฒ่าพระอาจารย์ใหญ่ผู้ศักดิสิทธิ์ทรงอิทธิปาฏิหารย์ แม้วันเวลาจะล่วงเลยผ่านมาเป็นร้อยปี แต่ความเข้มขลังศักดิสิทธิ์ ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้


    น้ำมนต์ศักดิสิทธิ์
    น้ำมนต์ศักดิสิทธิ์ของท่านไม่เฉพาะแต่น้ำมนต์ในโอ่งเท่านั้น ที่ท่าวัดของท่านก็ศักดิสิทธิ์เช่นเดียวกัน ครั้งหนึ่งมีจีนคนหนึ่งชื่อ "โต้ผ่วย" มาขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อเนียม ท่านบอกเจ๊กโต้ผ่วยให้ไปตักเอาเองซิ อยู่ที่ท่าน้ำ เจ๊กโต้ผ่วยไปตักน้ำมาแล้วเอามาให้ท่านหลวงพ่อบอกให้จุดธูป พอจุดเสร็จท่านบอกกับเจ๊กโต้ผ่วยว่าเสร็จแล้ว เจ๊กโต้ผ่วยมองหน้าหลวงพ่อเนียมเป็นเชิงสงสัย และนึกฉุนตะหงิดๆ ขึ้นมาในใจ อะไรกัน ไม่เห็นหลวงพ่อท่านบริกรรมคาถาเลยแม้แต่คำเดียว จะเป็นน้ำมนต์ได้อย่างไร แต่จะไม่เอาไปก็ไม่ใช้ที่ จึงเอาไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อออกไปนอกวัด เจ๊กโต้ผ่วยรำพึงขึ้นอย่างแค้นใจ จึงคว่ำขวดโหลใบที่ใส่น้ำมนต์ น้ำมนต์ในขวดโหลหาได้ไหลออกมาไม่! บังเอิญพลัดหลุดมือแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำมนต์ในขวดโหลแทนที่จะเป็นน้ำเหลว กลับกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เจ๊กโต้ผ่วยตกใจรีบตาสีตาเหลือกเก็บก้อนน้ำแข็งนั้นใส่ภาชนะอื่นทันที นึกถึงอภินิหารของหลวงพ่อเนียม ยกภาชนะนั้นขึ้นทูนหัวพร้อมกับกล่าวขออภัยในใจ ที่หมิ่นหลวงพ่อและเอาก้อนน้ำแข็งน้ำมนต์นั้นไปเก็บไว้จนละลา


    ขั้นตอนวิธีการสร้าง
    การสร้างลูกสะกดตามตำราโบราณาจารย์นั้นทำได้ยาก กรรมวิธีมีหลายขั้นตอน ดังต่อไปนี้
    1. นำตะกั่วน้ำนมมาหลอมจนละลายเทลงไปบนถาดโลหะ เพื่อให้แผ่เป็นแผ่นเมื่อโลหะเย็นลงแล้วก็แกะออกมา
    2. บริกรรมพระคาถาจนจิตเป็นสมาธิแน่วนิ่ง เรียกสูตรหัวใจพระคาถาต่างๆ เอาเหล็กจารมาลงอักขระเขียนไปจนเต็มแผ่นหมดด้านหนึ่งแล้วพลิกอีกด้านหนึ่งมาจารจนเต็ม
    3. เอาตะกั่วที่ลงอักขระพระคาถาต่างๆ กลับไปหลอมใหม่เทลงในแบบพิมพ์เดิม เมื่อเย็นก็เอามาลงอักขระอีกครั้งหนึ่งแล้วก็หลอมอีก ทำอย่างนั้นไปจนครบ 9 ครั้ง 9 หน เรียกว่า "ลงถม" วิธีนี้คือ การจารอักขระทับถมไปบนแผ่นโลหะจนครบ 9 ครั้ง ตามที่กำหนดในสูตรการสร้างลูกสะกดในตำราโบราณาจารย์ เมื่อเทลงบนแบบเป็นรูปกลมหรือทรงรูปยาวรี แกะออกมาและตกแต่งผิวให้เรียบร้อย พร้อมเจาะรูตรงกลาง ร้อยเชือกเอาไว้ให้คาดเอวเรียกว่า “ลูกสะกด” หากไม่เจาะรูใช้เป็น "ลูกอม" มีพุทธคุณเท่าเทียมกัน ลูกสะกดหรือลูกอม นอกจากจะทำด้วยตะกั่วแล้วยังทำด้วยการผสมโลหะต่างๆ เช่น เมฆพัตร เมฆสิทธิ์ ฯลฯ แล้วแต่ท่านโบราณาจารย์ผู้ชาญฉลาดจะประดิษฐคิดทำกันขึ้นมา นำเอาวัตถุมงคลหรือวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ ที่นำเอามาเป็นส่วนผสมพร้อมกับลงอักขระเลขยันต์บริกรรมปลุกเสกจนสำเร็จ


    พุทธคุณ
    อานุภาพแห่งลูกอมนั้น พระอาจารย์ท่านทั้งหลายได้มุ่งหมายให้ใช้ทางมหาอุดและคงกระพันชาตรี สำเร็จขึ้นจากการหล่อหลอมโลหะด้วยเตโชธาตุ

    คาถาอาราธนาลูกอม
    อิติพันธะเกษามะอะอุ พันธะโลมาจะภะกะสะพันธะนักขามะนะนพะทะ พันธะทันตากระมะถะ พันธะตะ โจอิสวาสุ พันธะนังสังจิปีเสดิ พันธนะหะรูหะรูสุวิสังอะ พันธะอัฐิทุสะมะนิ พันธะอัตถิมินชังนะสังสิโม พันธะวักกังปะวะอะปะ ทิมะสังอังขุ นะมะอะอุ นะมามิหัง สิทธิเตชัง สิทธิวาจัง กายะพันธะนัง องคะพันนธะนัง สารพัดสิทธิ ภะวันตุเมฯ

    คาถานี้ให้ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้วยกลูกอมขึ้นจดเหนือหน้าผาก จึงค่อยภาวนาพระคาถาให้จบบท สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วผ่อนออก และเมื่อเวลาจะคาดเข้าเอวให้ภาวนาพระคาถานี้จนกว่าจะผูกเงื่อนเสร็จให้ภาวนาดังนี้ “อิมังกะยะพันธะนังอธิษฐานมินะมะพะทะ”


    1Xj.jpg 1XF.jpg 1XG.jpg 1XH.jpg

    ลูกอมหลวงพ่อเนียม วัดน้อย
    บูชา 4000 บาท

    ปิดรายการ

    โอนเงินบัญชีออมทรัพย์ นายวิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริ
    ธนาคารกสิกรไทย สาขา สำโรง (ปู่เจ้า)
    เลขบัญชี 325-2-61738-7
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2018
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...