พระเครื่องและประสบการณ์คนดัง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 21 กันยายน 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    รวบรวมจาก คมชัดลึก ครับ

    อาจตัดบางส่วนออกไป เพราะไม่ update แล้ว เช่น การจัดสร้างพระพุทธรูปให้บูชา ในปี พ.ศ. 2547
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2008
  2. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อแช่ม แสดงปาฏิหาริย์ช่วยชีวิต...พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค


    [​IMG]

    "ไม่จับโสเภณี ไม่จับบ่อนการพนัน" นี่คือหลักในการทำงานตลอดเวลา ที่อยู่ในเครื่องแบบสีกากีของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ พร้อมกับให้เหตุผลไว้อย่างน่าคิดว่า

    "โสเภณีและบ่อนการพนัน ต่อให้ระดมตำรวจออกมาตรวจจับทั้งกรม ก็ไม่สามารถที่จะปราบปรามได้หมด เพราะ ๒ สิ่งนี้ได้หยั่งรากฝังลึกอยู่ในสังคมไทยมานาน จนยากเกินกว่าที่จะถอนให้หมดไปจากสังคมไทยได้ ที่สำคัญคือ เราต้องยอมรับว่า มีซ่องโสเภณีและบ่อนการพนัน ที่อยู่เหนือกฎหมายมากมาย"
    ขณะเดียวกัน เขาก็ยึดหลักการทำงานที่ว่า "หากตำรวจทำอะไรผิดกฎหมายพอที่จะยอมรับกันได้ แต่ถ้าผิดศีลธรรมแล้วจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด" พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า "การทำผิดกฎหมายบางเรื่องอาจจะไม่ผิดศีลธรรม แต่ถ้าผิดศีลธรรมแล้ว ส่วนใหญ่จะผิดกฎหมายด้วย"

    พล.ต.อ.สล้าง เล่าว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เผชิญกับเหตุการณ์เฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่อยู่ในสนามรบในป่าจนกระทั่งย้ายเข้ามาทำงานในเมือง ในช่วงที่เข้ารับราชการใหม่ๆ พ่อได้มอบ พระกำแพงเขย่ง ให้องค์หนึ่ง ขณะเดียวกันก็ได้ พระรอด ลำพูน จากผู้ใหญ่ที่นับถือมากท่านหนึ่ง โดยห้อยมาตั้งแต่ติดยศร้อยตรี นอกจากนี้แล้วยังมี เหรียญ ๒ หน้า หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต

    [​IMG]

    ส่วนที่มาของเหรียญ หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อแช่ม พล.ต.อ.สล้าง เล่าอย่างไม่อายว่า หมอนวดคนหนึ่งให้มา เพราะคืนก่อนที่จะกระโดดร่มนั้น พระซึ่งเคยแขวนอยู่ประจำได้หายไป หมอนวดจึงถอดพระให้มาองค์หนึ่ง ขณะนั้นไม่รู้เลยว่าเป็นพระอะไร เมื่อถึงเช้าวันรุ่นขึ้นก็ขึ้นกระโดดร่มซึ่งเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าร่มไม่กาง ต้องกระตุกเองร่มถึงกาง จากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยลืมแขวนเลยสักครั้งเดียว

    แม้ว่าพระเครื่องชุดดังกล่าวนี้จะแสดงปาฏิหาริย์ให้ พล.ต.อ.สล้างรอดพ้นจากอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต เมื่อปี ๒๕๓๑ แต่เขาก็ต้องสูญเสียภรรยาและลูกรัก โดยไม่มีสิทธิเรียกกลับคืนมาได้

    [​IMG]

    "รถที่นั่งมาได้ชนกับรถสิบล้อ ตกลงไปในคลอง ภรรยาและลูกของผมเสียชีวิตทันที ส่วนตัวผมถูกอัดติดกับหลังคารถ ใครเห็นสภาพของรถ ยิ่งกว่ากระป๋องที่ถูกบีบ และทุกคนที่เห็นคิดว่าผมรอดตายเพราะปาฏิหาริย์เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่น หลังจากนั้นมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลถึง ๓ เดือน และมารักษาตัวอีกเกือบปี" พล.ต.อ.สล้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ

    หลังจากหายเกือบปกติ จึงสร้างโบสถ์ที่มีเก้าอี้นั่งซึ่งเป็นแห่งเดียวและแห่งแรกในประเทศไทย และสร้างพระประธานไปถวายวัดบ่อทองคำ จ.ชัยนาท นอกจากนี้แล้ว ยังนิยมสร้างพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ เพื่อมอบให้สถานที่สำคัญต่างๆ อีกหลายองค์ ด้วยเหตุที่ว่า คุณทวดเป็นข้าราชบริพารรับใช้รัชกาลที่ ๕ อย่างใกล้ชิดมาก่อน

    [​IMG]

    เขาพูดถึงหลักในการทำบุญและทำทานไว้อย่างน่าคิดว่า "ส่วนตัวผมให้คะแนนการทำทาน ๗๐ เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นการทำบุญ เพราะการทำทานทำให้เห็นชัดเจน การทำบุญให้พระที่อิ่มกว่าเรา เราก็ไม่รู้ว่าเอาเงินเราไปทำอะไร ผมเลยแยกแยะไม่ถูก ผมเห็นคนที่น่าเวทนาสงสารแล้วก็ให้ ทำแล้วไม่ต้องไปบอกใคร"

    สำหรับเหตุการณ์ถูกยิงทั้งซึ่งหน้าและลับหลังนั้น พล.ต.อ.สล้าง บอกว่า นับครั้งไม่ถ้วน ครั้งแรกไปปะทะกับมูเซอแดง สังกัดพรรคคอมมิวนิสต์พม่า จากนั้นก็ปะทะกันอีกหลายสิบครั้ง เคยเสียผู้ใต้บังคับบัญชาต่อหน้าครั้งเดียวกันนับสิบคนก็มี ซึ่งเป็นธรรมดาของชีวิตตำรวจสายปราบปราม

    เมื่อถามถึงศัตรูคู่แค้น พล.ต.อ.สล้าง ตอบทันทีว่า "ผมมีศัตรูเพียง ๒ คนเท่านั้นคือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และ พล.ต.อ.บุญชู วังกานนท์ ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวความคิดที่ต่างกันในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ต่างฝ่ายต่างมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น คำว่าอภัยจึงปลอดภัย ศัตรูก็กลับกลายเป็นมหามิตร"

    พล.ต.อ.สล้าง บอกด้วยว่า ชีวิตตำรวจถ้าตั้งใจทำงานเป็นเรื่องลำเข็ญมาก การเป็นตำรวจที่สามารถจับผู้ร้ายมากๆ ไม่ใช่เพราะมีสายดี แต่เพราะตำรวจได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากกว่า ถ้าเราไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน ชีวิตก็ดำเนินและเป็นไปตามปกติ ซึ่งมันอาจจะมีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ตลอดชีวิตที่ผ่านมามีเรื่องที่ต้องชนกับคนใหญ่ๆ ถ้านายดีชีวิตก็รุ่งโรจน์ แต่ถ้านายเลวชีวิตก็หยุดนิ่ง และอาจจะต้องหักเห


    [​IMG]


    "ก่อนนอนผมก็สวดมนต์บทต่างๆ ชินบัญชรก็สวด และก่อนออกจากบ้าน ก็จะนำพระบรมฉายาลักษณ์ของทุกพระองค์ไปสวดชินบัญชรด้วย" นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ พล.ต.อ.สล้าง ยึดปฏิบัติ และเป็นเหตุผลของการแขวนเหรียญเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ประกอบด้วยเหรียญพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๕ สมเด็จย่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเขาได้สร้างขึ้นเองเมื่อปี ๒๕๓๗ โดยได้ประกอบพิธีปลุกเสกจาก ๙ วัด ประจำรัชกาล จุดประสงค์การสร้างเหรียญครั้งนี้เพื่อนำรายได้จากการให้เช่า มอบเป็นสวัสดิการแก่ตำรวจที่ถูกออกจาก ราชการหรือถูกดำเนินคดี เพราะการปฏิบัติหน้าที่ แต่เขามาถูกสั่งพักราชการเสียก่อน ทำให้เหรียญจำนวนดังกล่าวไม่ได้นำออกให้เช่าบูชาตามแผนที่วางไว้ ยกเว้นผู้รู้เท่านั้นถึงติดต่อเช่า


    ....

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2004/09/25/02.php
     
  3. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง: ทางเดินสาย "มัชฌิมาปฏิปทา' ของ..." ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน"

    [​IMG]

    "ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ของระบบราชการก็เป็นคนชอบศึกษาประวัติชีวิตคน เราจะเห็นว่า หลายคนที่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะทำหน้าที่ที่ตึงเกินไปหรือไม ่บางคนก็ทำหน้าที่หย่อนเกินไป จนยอมเขาไปหมด ไม่รู้จักให้สิ่งที่ทำนั้นเกิด ความพอดี ถ้าคนเรามีความพอดีก็จะไม่เกิดปัญหากับใคร ดังนั้นคนเราจะต้องมี มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง การเดินสายกลาง แล้วการดำเนินชีวิตการงานก็จะมีความสุข"

    นี่เป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นทุกข์ของ ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครอง และประธานสมาคมศาลปกครองโลก

    [​IMG]

    ศ.ดร.อักขราทร เล่าย้อยอดีตของตระกลูให้ฟังว่า ตระกูล "จุฬารัตน" สืบเชื้อสายมาจากจุฬาราชมนตรีคนแรก(เฉก อะฮะหมัด) ที่เป็นคุณทวด ต่อมาถึงยุคคุณพ่อ (เลิศ จุฬารัตน) ก็ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ ในขณะที่ญาติพี่น้องอีกฝ่ายหนึ่งยังคงนับถือ ศาสนาอิสลามเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้เองทำให้ตนเองนับถือศาสนาพุทธตามผู้เป็นพ่อ

    อย่างไรก็ตาม แม้เราจะนับถือกันคนละศาสนา แต่การพบปะญาติพี่น้อง ก็ยังคงทักทายกันแบบชาวมุสลิม เพื่อไม่ให้มีความแตกต่าง และไม่ลืมความสัมพันธ์อันดีของความเป็นต้นตระกูลเดียวกัน

    [​IMG]

    พูดถึงคนเรา หากไม่เดินทางสายกลางก็จะเป็นการยึดติด เอนเอียง ตรงนี้จะเป็นตัวบอกว่า จิตของเราขาดความเป็นกลาง การปล่อยวาง วางเฉย ต่อสิ่งที่เรารับรู้ได้นั้นเป็นการวางจิตใจให้เป็นกลางได้

    ดังนั้นการยึดทางสายกลางเอาไว้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไปสู่เป้าหมายได้ไม่ยาก มัชฌิมาปฏิปทาจึงเป็นหลักธรรมที่สุดประเสริฐของศาสนาพุทธ ซึ่งทุกคนสามารถนำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

    ประธานศาลปกครองอธิบายความหมายของมัชฌิมาปฏิปทาให้ฟังว่า คือการเดินทางสายกลางที่ไม่ได้หมายถึงในด้านกายและ วาจาของเรา แต่หมายถึงในด้านจิตใจ เมื่อถูกอารมณ์มากระทบ ถ้าอารมณ์ที่ไม่ถูกใจมากระทบกระทั่ง ก็ทำให้วุ่นวาย ถ้าจิตวุ่นวายหวั่นไหวเช่นนี้ ก็ไม่ใช่หนทาง เมื่ออารมณ์ที่ชอบใจดีใจเกิดขึ้นมาแล้วก็ดีอกดีใจ ติดแน่นอยู่ในกามสุขัลลิกานุโยโค อันนี้ก็ไม่ใช่หนทาง

    [​IMG]

    "ทุกวันนี้ผมไปทำงานก็จะไหว้พระที่ห้องทำงานเป็นประจำ เพื่อความสบายใจของเราเอง ผมว่าจริงๆ หลักศาสนาพุทธเป็นหลักศาสนาที่อยู่ที่ใจของเรา ถ้าเราทำดี ประพฤติตัวดี ก็เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคอยคุ้มครองเรา ทุกวันของการไหว้พระเราจะต้องรู้ด้วยว่าการไหว้พระนั้น เราไหว้เพื่ออะไร เราไหว้เพื่อบูชาใคร ถ้าไหว้แล้วไม่รู้จะไหว้ไปทำไมก็ทำให้การไหว้นั้นไม่มีประโยชน์อะไร" นี่เป็นความศรัทธาในศาสนาของประธานศาลปกครอง

    สำหรับพระเครื่องคู่ใจของ ศ.ดร.อักขราทร ประกอบด้วย เหรียญราหูอมจันทร์ วัดบรรพตสถิต จ.ลำปาง รุ่นปี ๒๕๑๖ พระพิฆเนศ หลังพระวิษณุ เนื้อผง ได้มาจากกรมศิลปากร และพระสมเด็จที่พ่อเป็นผู้ให้ไว้เป็นที่ระลึก แขวนติดตัวก็คิดว่าเป็นมงคลแล้ว โดยพระเครื่องทั้ง ๓ องค์นี้ แขวนติดตัวมาเป็นเวลาประมาณกว่า ๑๐ ปี ได้แล้ว

    ศ.ดร.อักขราทร บอกด้วยว่า สมัยก่อนแขวนพระเยอะมากเลย พอคล้องไปนานๆ เข้า มันไม่ไหวเพราะทำให้คอเรารับไม่ไหว ระยะหลังมาจึงต้องเลือกแขวนพระเครื่องตามความเหมาะสม ทุกวันนี้ได้แขวนพระเครื่องเพียง 3 องค์ เท่านั้น

    [​IMG]

    ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นก็เป็นคนชอบสะสมพระเครื่องเอาไว้เป็นจำนวนมาก ในบางครั้งจะให้เซียนดูก็กลัวเหมือนกันว่าคนที่ดูเป็น พอเขาดูพระเราแล้วจะมาหลอกว่าเป็นพระปลอม แล้วเอาพระดีของเราไป ความกลัวตรงนี้ก็เลยเก็บเอาไว้ดีกว่า ไม่ให้ใครดู

    เมื่อถามถึงเหตุการณ์เฉียดตายหรือ ปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ศ.ดร.อักขราทร บอกว่า "ชีวิตแคล้วคลาดมาตลอด" พร้อมกับเล่าต่อว่า เกือบจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิวัติถึง 2 ครั้ง ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ครั้งแรกถูกเชิญให้ไปเป็น ที่ปรึกษาฝ่ายปฏิวัติระหว่าง ขับรถตาม คนที่นำเพื่อเข้าไปยังทำเนียบ ความจริงเราต้องเลี้ยวตามรถที่นำเรามา ช่วงนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรก็ไม่รู้เลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เราแคล้วคลาดจากการปฏิวัติในครั้งนั้น

    [​IMG]

    ส่วนอีกเหตุการณ์เป็นครั้งที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ก่อนออกเดินทางในค่ำคืนนั้นได้นั่งกินเลี้ยงกันอยู่ที่บ้านท่าน ความรู้สึกตอนนั้นถ้าอยากไปก็คาดการณ์ว่า ถ้าพ่อไม่สบายที่เชียงใหม่ จะขอท่านไปเยี่ยมพ่อด้วย แต่ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบเดินทางสักเท่าไร จึงไม่ได้ขอไป ผลปรากฏว่ามีเหตุการณ์จี้บนเครื่องบิน ทำให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายดังกล่าว

    นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่เรียกว่าแคล้วคลาดหรือปาฏิหาริย์ก็ว่าได้ สมัยนั้นทำหน้าที่เป็นเลขานุการอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงยุติธรรม (ศ.ดร.สมภพ โหตระกิตย์) ต้องติดตามท่านไปทุกหน ทุกแห่งของประเทศไทย ส่วนสถานที่แห่งเดียวที่ยังไม่เคยไปก็คือ อ.เบตง จ.ยะลา เพราะสมัยนั้นเขาพับผ้า จ.พัทลุง ยังคงมีปัญหามาก ยิ่งสมัยไปเปิดศาลที่ จ.พัทลุง คนที่จะขับรถมารับ รอกันตั้งนานก็ยังไม่มา ทำให้การเดินทางจาก จ.สงขลา ในครั้งนั้นต้องอาศัยรถยนต์ของอัยการแทน

    [​IMG]

    ระหว่างเดินทางไปนั้น มองขึ้นไปบนต้นไม้ ทำไมถึงมีทหารยืนถือปืน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ร้อนระอุไม่แตกต่างไปจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่สงบในปัจจุบัน แม้ว่าในช่วงนั้นพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้จะร้อนอย่างไร ดวงของท่านสมภพค่อนข้างประหลาดในมุมมองของตนเอง

    "ใครไปไหนกับท่านไม่คนใด ก็คนหนึ่งจะต้องมีอุบัติเหตุเสมอ แต่ตัวท่านเองจะแคล้วคลาดตลอด ไม่ว่าจะเป็นรถชนกัน รถคว่ำ หรือรถไฟตกราง แม้รถของ ท่านสมภพประสบอุบัติเหตุไปชนกับรถขนปูน ที่ จ.เพชรบุรี เป็นเหตุให้ภรรยาท่านเสียชีวิต หลายคนก็มองว่าท่านเป็นคนดวงแรง แต่มันก็แปลกที่ท่านแคล้วคลาดมาตลอด ส่วนตัวผมเองที่รอดมาได้ก็ไม่รู้ว่ามีพระเครื่องดีหรือเป็น เพราะดวงของท่านสมภพ อันนี้ผมไม่แน่ใจ" ประธานศาลปกครอง กล่าวทิ้งทาย


    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ อุทร ศรีพันธ์ 0


    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/05/07/02.php
     
  4. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : ยอดชาย เมฆสุวรรณ สิ่งเร้นลับสะกิด...จึงไม่ตายโหง


    [​IMG]

    คนมีชื่อเสียงในอดีต มีจำนวนไม่น้อย ที่เติบโตมากับข้าวก้นบาตร หลายคน ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ไม่เคยลืมความเป็นเด็กวัด ของตัวเอง ทุกคนเมื่อพูด ถึงชีวิตวัยเด็กขึ้นมาครั้งใดก็ยิ่งภูมิใจไม่น้อย หนึ่งในนั้นมีเด็ก วัดคนหนึ่งที่ได้ ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกภาพยนตร์ แถวหน้าของเมืองไทย คือ "ยอดชาย เมฆสุวรรณ " โดยมีผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้ เป็นอย่างมากคือเรื่อง "พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ"

    ยอดชาย เล่าว่า บ้านเกิดอยู่ จ.นนทบุรี พออายุ ๗ ขวบ พระครูพรหมญาณนิมิตร รองเจ้าอาวาสวัด หงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ กทม. ในขณะนั้น ได้ขอตัวพ่อแม่ให้มา เป็นลูกศิษย์วัด จนได้กลายเป็นอารามบอย

    ถ้าถามว่า ได้อะไรจากวัดบ้าง ก็อยากบอกว่า ความเป็นเด็กวัดสอนให้เราได้เห็น สัจธรรมชีวิต ที่ต้องต่อสู้ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตัวเราเอง

    จริงๆ แล้วชีวิตเด็กวัด สอนให้เราเป็นคนแกร่ง แม้ว่าจะพบกับอุปสรรคต่างๆ เราก็สามารถแก้ไขได้ด้วยปัญญา ของความเป็นเด็กวัด

    สมัยนั้นรอบๆ วัดที่อยู่มี อสูรกาย อยู่ในอบาย ๔ เกิดเป็นผลของอกุศลกรรมที่ จะคอยดึงตัวเราตกนรกได้ อย่างง่ายดาย แต่เราก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่า จะเป็นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพวก เปรต สัตว์เดียรัจฉาน ยิ่งบางคนเข้ามาท้าทาย ต้องการชกต่อยกับเรา ถูกรังแกไม่เว้นในแต่ละวัน เราก็พยายาม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านั้น วัดได้สอนให้เรารู้สิ่งผิดชอบชั่วดีมาตลอด

    เมื่อถามถึงเหตุการณ์เฉียดตาย ยอดชาย บอกว่า เคยประสบอุบัติเหตุเฉียดตายครั้ง หนึ่งในช่วงที่มีชื่อเสียง ต้องรับงานถ่ายภาพยนตร์ วันละหลายสิบเรื่อง จนไม่มีเวลา พักผ่อน ไม่มีเวลานอน

    วันนั้น ประมาณตีสาม หลังถ่ายภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเสร็จ ต้องรีบขับรถไปถ่าย ภาพยนตร์อีก ๑ เรื่อง ซึ่งทางทีมงาน จะต้องรีบปิดกล้องอีกเช่นกัน ระหว่างขับรถไป ตามถนนเพชรบุรีก็ไม่รู้สึกอ่อนเพลียอะไร คิดว่าตัวเองยังแข็งแรง คงไม่เป็นไร แต่อยู่ดีๆ ได้เกิดหลับในไปโดยไม่รู้ตัว


    [​IMG]


    ระหว่างที่หลับในอยู่นั้น ความรู้สึกเหมือนมีใคร มาสะกิดตัวด้านขวา แล้วเรียกให้ตื่นๆ วินาทีนั้น พอมีความรู้สึกตัว ก็ตกใจอย่างมาก เมื่อเห็น รถสิบล้อที่วิ่งเข้ามา ด้วยความเร็ว อยู่ด้านหน้า จึงได้รีบหักหลบ หากไม่หักหลบ คงประสานงากันเป็นแน่ เรียกได้ว่า เฉียดตาย แบบเส้นยาแดงผ่าแปดกันเลย

    "ก็คิดว่าเรายังไม่ถึงที่ตายมากกว่า ถ้าวันนั้นไม่มีใครมาสะกิดผม ผมก็คงต้องตายไปแล้ว มาถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า ใครสะกิดผม ถือเป็นเรื่อง แปลกประหลาดอย่างมาก เป็นคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ มาจนถึงทุกวันนี้ แต่มันก็ทำให้เราใช้ชีวิต อย่างไม่ประมาท เพราะทุกเสี้ยว วินาทีเราอาจตายได้ทุกเมื่อ" เขาเล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตาย ราวกับว่าเหตุการณ์เพิ่งผ่านพ้นมา เพียงไม่กี่นาทีทั้งๆ ที่มันเกิดขึ้นเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว

    อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เดินทางไปไหนก็ตาม ยอดชายจะแขวนพระเครื่องติดตัว ๒ องค์ คือ พระสมเด็จที่ ใช้ผงจากพระสมเด็จวัดระฆัง โดยได้จากพระครูพรหมญาณนิมิตร เป็นพระ ที่อยู่ในย่ามของท่านมานาน แล้วท่านได้ให้เอาไว้แขวนติดตัวตั้งแต่เป็นเด็กวัด

    ส่วนองค์ที่สองเป็นพระพิฆเนศ ได้มาจากพระอาจารย์ใน จ.ราชบุรี พระพิฆเนศองค์นี้เคย ฝันเห็นว่า ท่านมาหา ในฝันนั้น เห็นท่านแต่งตัวเป็นสีชมพูสีแดง หน้าตาเป็นช้าง แต่ตัวเป็นคน ตัวใหญ่มาก ท่านได้เดินเข้ามาหา เวลานั้นมีความรู้สึกตกใจตื่นขึ้นมา ก็มีความรู้สึกไม่สบายใจ

    "วันรุ่งขึ้นได้เดินทางไปไหว้ องค์ท่านที่วัดแขก เชื่อไหมว่า พระพิฆเนศที่ได้เข้าไปไหว้นั้น เหมือนกับองค์ ที่ได้เห็นในฝัน และไม่เคยคิดว่า จะได้ฝันเห็นท่าน เพราะในโลกนี้ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะ เป็นไปได้" ยอดชาย กล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า


    [​IMG]

    ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราต้องเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า "กมฺมุนา วตฺตตี โลโก" แปลว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คนเราเกิดมามีเสียงดี เสียงเพราะ รูปร่างหน้าตาดี ก็เพราะอดีตชาติ คงเป็นคนที่มีจิตใจดี มีศีลมีธรรม เกิดมาจึงเป็นคนสวยงาม ก่อนตายถ้าเพิ่งไปฆ่าคนอื่น หรือฆ่าตัวเอง จิตใจก็จะเศร้าหมอง เกิดมาก็ไม่ดี ฉะนั้น คนเราถ้ามี จิตเป็นกุศล ทุกสิ่งทุกอย่าง มาจากเหตุ พระพุทธเจ้าบอกเหตุดีผลก็ย่อมดี"

    สำหรับหลักธรรม ที่ยอดชายยึดถือ และปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ คือ "อิทธิบาท ๔" ทั้งนี้เขา ได้อธิบายให้ฟังว่า อิทธิบาท ๔ ประกอบด้วย ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น และ ๔. วิมังสา ความหมั่น สอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น หลักธรรมทั้งหมด นี้ผมใช้ในการทำงานมาตลอด

    "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คนเราเกิดมามีเสียงดี เสียงเพราะ รูปร่างหน้าตาดี ก็เพราะ อดีตชาติคงเป็นคนที่มีจิตใจดี มีศีลมีธรรม เกิดมาจึงเป็นคนสวยงาม "


    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ พีระรัตน์ ธรรมจง

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/10/01/02.php
     
  5. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : "เกือบตาย! ...เพราะทหารมาเฟีย" รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค


    [​IMG]

    "ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยมีการร่วมกันต่อต้านคอรัปชั่น การบริหารทางการเมือง โดยคาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจมี ตัวอย่างการคอรัปชั่นระดับสูงของภาครัฐ ที่จะต้องถูก นำมาขึ้นศาล เพื่อลงโทษให้ได้ในที่สุด การลงโทษของบุคคลที่คอรัปชั่นใน ประเทศไทยต้องให้เด็ดขาด การปราบคอรัปชั่นถึงจะสำเร็จ"

    นี่เป็นมุมมองในการแก้ปัญหาการคอรัปชั่นของ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานกรรมการบริษัท วิศวกรรมที่ปรึกษา ต่อตระกูล ยมนาค และคณะ จำกัด (ทีเอซีอี)

    [​IMG]

    ทั้งนี้ อ.ต่อตระกูล ได้กล่าวถึงอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของการปราบปราม คอรัปชั่นในประเทศไทย ทั้งใน อดีตและปัจจุบัน คือ การปล่อยปละละเลย ของภาคประชาชน เพราะเข้าใจว่า คอรัปชั่นเป็นเรื่องสินน้ำ ใจเล็กๆ น้อยๆ เป็นการหยอดน้ำมันหล่อลื่นให้ข้าราชการ ทำงานได้รวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพ แถมยกย่องความดี ของการคอรัปชั่นว่า เป็นตัวเร่ง ให้นัก การเมืองทำงานสร้างสรรค์ โครงการเพื่อ ความเจริญของชาติได้บ้าง ดีกว่าไม่กิน แต่ไม่ทำอะไรเลย
    การที่คนดีต้องเดือดร้อนในสังคมส่วนเหนึ่ง เป็นเพราะ คนดีกลายเป็นคน สงบปาก สงบคำ ไม่ลุกขึ้น มาประณามความชั่ว หรือคนชั่ว ที่ก่อกรรม ทำเข็ญกับผู้อื่น ขาดความกล้าหาญที่จะแสดงความรักชาติ ออกมา เพราะถือว่า
     
  6. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    เครื่องบินตก แต่...ไม่ตาย !! ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา

    <!--[​IMG]-->
    [​IMG]

    ชีวิตของคนเรามีความชอบที่อยากจะทำแตกต่างกันไป บางคนชอบเล่นกีฬา บางคนชอบไปดูภาพยนตร์ มีอีกมากมายที่เห็นหลายคนได้ทำกันเป็นงานอดิเรก ส่วน ศ.เกียรติคุณ ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และประธานกรรมการบริษัท คาซ่า จำกัด คนนี้เป็นคนที่ชอบขับเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ

    "พ่อเล่นเครื่องบินบังคับไม่ได้เรื่องเลย" คำพูดของลูกชายที่ยังก้องอยู่ในหูของ ร.อ.กฤษฎา อยู่ตลอดเวลา และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สนใจฝึกหัดขับเครื่องบินมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะประสบกับเหตุการณ์เฉียดตายจากเครื่องบินตกมานับครั้งไม่ถ้วน

    ร.อ.กฤษฎา เล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตายเพราะเครื่องบินครั้งแรกว่า เพื่อความปลอดภัยของนักบิน มีกฎข้อบังคับของนักบินอย่างหนึ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด คือ ห้ามขับเครื่องบินเข้าไปในบริเวณก้อนเมฆ ด้วยเหตุที่เป็นการขับครั้งแรกจึงไม่รู้ว่า ควรจะอยู่ในระยะห่างเท่าไรถึงจะปลอดภัย ขณะเดียวกันก็อยากลองว่าจะเป็นอย่างไร จึงบินไปอยู่ใต้ก้อนเมฆ ทันใดนั้นเอง ก้อนเมฆที่ว่านั้นก็ดูดเครื่องบินหายเข้าไปในก้อนเมฆ จึงควบคุมสติหักหัวเครื่องบินออกมา เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องจดจำไปจนวันตาย


    [​IMG]

    ครั้งที่สองเกิดขึ้นระหว่างขับเครื่องบินไปกับเพื่อน โดยเพื่อนเป็นคนขับ จากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต เมื่อเครื่องบินไปถึงบางสะพานก็เห็นเมฆก้อนโตสูงประมาณ ๓ หมื่นฟุต ครั้นจะขับเครื่องบินข้ามก้อนเมฆก้อนนี้ก็ข้ามไม่ไหว จึงตัดสินใจขับเครื่องบินมุดใต้ก้อนเมฆ

    ระหว่างบินอยู่ในเมฆ ก็เหมือนเราอยู่ในคลื่นทะเลขึ้นลงๆ อยู่อย่างนั้นนานพอสมควร ความรู้สึกช่วงนั้นใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จึงตัดสินใจกระโดดเปลี่ยนไปขับแทนกลางอากาศมือก็จับคันบังคับ ทันใดนั้นเองตาก็มองลงไปก็เห็นเป็นท้องทะเล เดชะบุญที่สามารถบังคับเครื่องให้บินขึ้นได้ และรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์

    "ผมเกือบตายอีกครั้งที่ขับเครื่องบินมาจากหัวหิน แล้วดันน้ำมันหมด ตอนที่เครื่องมาถึงบางพระ วินาทีนั้นตัดสินใจอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเครื่องบินอยู่บริเวณสนามกอล์ฟที่มีคนเล่นกอล์ฟอยู่เต็มสนาม พยายามให้เครื่องบินชนกับต้นไม้ โดยเอาปีกชน ทำให้เครื่องบินปีกหัก ล้อหน้าหัก พอถึงพื้นดิน ผมก็เปิดประตูกระโดดหนีทันที เพราะกลัวเครื่องมันจะระเบิด เพียงชั่วครู่ทุกอย่างก็สงบลง แต่เป็นเรื่องแปลกมากที่เฉียดตายมาก็หลายครั้งแต่ไม่เคยมีเลือดตกยางออกเลย"


    [​IMG]


    นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์เฉียดตายของ ร.อ.กฤษฎา ที่เจ้าตัวบอกว่า "ไม่มีวันลืม"
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายครั้ง แต่เมื่อถามถึงเครื่องรางของขลัง ร.อ.กฤษฎา ตอบว่า "พระเครื่องที่แขวนหากจำเป็นก็จะเป็นพระสมเด็จจิตรลดา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่หัว พระราชทานเมื่อหลายสิบปีก่อน"

    ขณะเดียวกัน ร.อ.กฤษฎา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ผมห้อยพระธรรมติดตัวและติดใจไว้ตลอดเวลา ผมคิดว่าคนที่แขวนพระเครื่องไม่น่าจะเป็นพุทธเต็มตัวเท่าใดนัก เช่น บางคนแขวนพระองค์นี้เพื่อให้คนเมตตา แขวนองค์นี้ให้ยิงไม่เข้า หรือแขวนองค์นี้แล้วให้เป็นมงคล ในความรู้สึกของตัวเองก็คิดว่ามงคลไม่ได้เกิดจากพระเครื่อง แต่มงคลจะเกิดจากการปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องถูกศีลธรรม พอเราเข้าใจในตรงจุดนี้แล้วก็คิดว่าจะแขวนพระเครื่องหรือไม่แขวนก็ได้"

    [​IMG]

    หลังจากหมดวาระของการเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้มาเป็นประธานชมรม โครงการธรรมะในสวน ซึ่งเป็นโครงการของกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายล้วนชาย ว่องวานิช และ กลุ่มบริษัท ว่องวานิช ทั้งนี้จะมีการนิมนต์พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางการปฏิบัติมาเทศนาธรรมในสวนให้กับประชาชนได้รับฟัง อาทิ

    พระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญา นันทภิกขุ) พระเทพโสภณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดหนังราชวรวิหาร พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา พระราชธรรมวาที วัดประยุรวงศาวาส พระมหากิตติศักดิ์ โคตมสิสฺโส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระพยอม กัลยาโณ วัดสวนแก้ว ฯลฯ เป็นต้น

    หลายครั้งได้นิมนต์พระอาจารย์ที่เป็นชาวต่างชาติมาเทศนาธรรม มีอยู่คำหนึ่งที่ท่านพูดขึ้นมาจนทำให้สะกิดใจมาจนถึงวันนี้ คือ "คนไทยไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาเป็นชาวพุทธทันที แล้วหลายคนก็ไม่ค่อยสนใจในพระพุทธศาสนาจริงจังว่า พระพุทธศาสนาเป็นความจริงที่วิเศษแค่ไหน ที่จะช่วยให้พ้นทุกข์ได้ ส่วนเขาเป็นชาวต่างชาติเกิดมาอยู่ในศาสนาอื่น ก็ยังสนใจในพระพุทธศาสนา"


    [​IMG]


    นอกจากนี้แล้ว ก่อนมาบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ต้องศึกษาหลักพระพุทธศาสนาอย่างละเอียดว่าดีอย่างไร ศึกษาที่ว่านี้ยังต้องนำไปอธิบายให้กับครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนของเขาเข้าใจได้ว่า ทำไมเขาถึงต้องเปลี่ยนศาสนา หากไม่สามารถอธิบายให้พ่อแม่พี่น้อง รวมทั้งเพื่อนๆ ให้เข้าใจได้ แต่มาบวชเฉยๆ ญาติพี่น้องก็คงนึกว่าเป็นคนเสียสติไปแล้ว กว่าจะได้มาซึ่งความเป็นพุทธไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่คนไทยเข้าใจกัน

    การเปลี่ยนจากฆราวาสเป็นสมณเพศไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนจะเปลี่ยนศาสนาเป็นเรื่องอ่อนไหวของคนในครอบครัวค่อนข้างมาก สิ่งหนึ่งที่พระสงฆ์ชาวต่างชาติมักพูดเหมือนกันทุกๆ รูป คือ "คนไทยโชคดีไม่ต้องเปลี่ยนไปไหน
    เกิดมาก็เป็นชาวพุทธ น่าจะได้ใช้ความโชคดีนี้เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็น่าจะเข้าใจว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ตรัสรู้อะไร แล้วสิ่งที่ท่านตรัสรู้ก็เป็นเหมือนวงจรแห่งทุกข์ คือ ปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมแห่งการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์ และเป็นเพราะคนเรามีกรรมจึงต้องเกิดอีกนั่นเอง"


    [​IMG]


    ร.อ.กฤษฎา พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "คนเราพยายามอยู่กับศีล ๕ ให้ได้ เพราะหากทุกคนได้เอาศีล ๕ เหล่านี้ติดตัวไว้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเองแล้วสังคมเราก็จะอยู่กันอย่างสงบสุข เพราะศีล ๕ ทำให้คนเรามีจิตใจที่ไม่ไปเบียดเบียนใคร วันนี้ชีวิตผมที่ผ่านอะไรมามากมาย ผมไม่เคยกระเสือกกระสนที่อยากจะได้มา ผมก็คิดว่ามันอาจเป็นโชค หรือเป็นจังหวะโอกาสของคนเรามากกว่า วันหนึ่งผมได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมก็ไม่เคยยึดติดกับอำนาจเหล่านั้น เพราะมันไม่ยั่งยืน"


    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง
    ภาพ ศุภชัย เพชรเทวี

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/05/28/02.php
     
  7. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : พลังศรัทธา ร.๕ ของ "สรอรรถ กลิ่นประทุม"


    [​IMG]

    พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริยาธิราช รัชกาลที่ ๕ ในบรมราชจักรีวงศ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จอยู่ในราชบัลลังก์เป็นเวลา ๔๒ ปี และตลอดเวลาอันยาวนานนี้ได้ทรงปรับปรุงทำนุบำรุงและเทิดเกียรติ ประเทศไทยให้มีฐานะสูงเทียบอารยประเทศอันเป็นที่ยกย่อง พระราชกรณียกิจมีมากมายหลายด้านหลายประการ เช่น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เลิกทาส เพื่อชาวไทยได้เป็นพลเมืองที่มีเสรีเสมอภาคกันตามกฎหมาย


    ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ประชาชนชาวไทยให้ความเคารพศรัทธาต่อรัชกาลที่ ๕ มาโดยตลอด และหนึ่งในจำนวนนี้ก็มี นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมอยู่ด้วย

    ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกในบริเวณด้านหลังของโต๊ะทำงานที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ของ รมต.สรอรรถ จะมีพระบรมรูป ร.๕ พร้อมด้วยเครื่องสักการบูชา ประกอบด้วย พวงมาลัย สุรา น้ำเปล่า ซิการ์ ตามความเชื่อจากการบอกเล่าของผู้ที่ศรัทธา โดยจะมีการเปลี่ยนเครื่องบูชาทุกๆ ๒-๓ วัน


    นอกจากนี้แล้วก่อนออกจากบ้านก็จะสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะคาถาชินบัญชรที่ต้องสวดทุกวัน ตามความเชื่ออีกเหมือนกันว่า หากได้สวดแล้วก็จะทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข จิตใจก็สบาย ทำอะไรก็มีสติ ว่าตรงนี้เป็นบาปหรือเป็นบุญ ส่วนจะสวดหลายจบหรือไม่นั้นคงขึ้นอยู่กับเวลาด้วย


    จากนั้นเมื่อเดินทางมาถึงที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ก่อนจะเริ่มต้นทำงานของวันนั้นจะสวดมนต์ไหว้พระพุทธรูปเป็นประจำ รวมทั้งไหว้พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ตั้งบูชาเอาไว้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน และคำอธิษฐานที่ขอพรนั้น ส่วนมากจะขอพรว่าขอให้มีหัวใจ พลังใจที่เข้มแข็งตามที่ได้รับมอบหมาย


    รมต.สรอรรถ พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อ ความศรัทธา ก่อให้เกิดเป็นกำลังใจ ไม่ใช่สิ่งที่งมงาย คนเราหากเชื่อในบางสิ่งบางอย่างแล้วไม่ได้ทำให้ใครเสียหายก็คงไม่เป็นอะไร เพราะความเชื่อที่ว่านี้มันทำให้ตัวเราเกิดเป็นความสุขใจสบายใจ"

    แม้ว่าเวลาเดินทางไปทำบุญที่วัดส่วนใหญ่มีไม่มากนักก็ทำตามสะดวก แต่วันเกิดทุกปีจะทำบุญตักบาตรทุกครั้ง ขณะเดียวกันก็จะไปบริจาคโลงศพให้กับชาวบ้านยากจนในพื้นที่เป็นประจำเช่นกัน การช่วยเหลือชาวบ้านทุกครั้งก็ทำด้วยความเต็มใจ ดังนั้นคนเราจะอยู่บนโลกนี้ได้ก็คงอยู่อีกไม่นานนัก อะไรที่ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสทางสังคมได้ เราก็ควรจะต้องกระทำและบุญที่ทำไม่เคยคิดว่าจะต้องสนองกลับมาหาเรา


    รมต.สรอรรถ บอกด้วยว่า วันนี้เยาวชนบ้านเราอยู่ห่างไกลศาสนาอยู่ไม่น้อย บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าวันพระเป็นวันสำคัญต่อชาวพุทธจะต้องทำอะไรหรือวันหยุดทางพระพุทธศาสนาก็ไม่ค่อยจะมีเยาวชนเข้าวัดกันเลย ฉะนั้นการรณรงค์ให้เยาวชนได้เข้าถึงหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต้องร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมในการรณรงค์ให้เยาวชนเห็นความสำคัญ หลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะเรื่อง ผิด ชอบ ชั่ว ดี


    คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสัจธรรมชีวิต เมื่อคนเราสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ต้องปฏิบัติกันจริง ผลที่ได้ก็จะออกมาเป็นไปตามคำสอนของท่าน ในการนำไปสู่ความสำเร็จ คำสอนของท่านจึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าหลักธรรมะไม่มีเฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับพระธรรม ทุกวันนี้ชาวต่างชาติก็จะเอาแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันอย่างไม่ประมาท



    [​IMG]

    "เคยเฉียดตายแบบเส้นยาแดงผ่าแปดมาแล้ว" นี่คือคำยืนยันจากปากของ รมต.สรอรรถ พร้อมกับเล่าว่า ประมาณ ๒๕๒๓ เป็นช่วงที่เดินทางไปเรียนปริญญาโทด้านการจัดการวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยคาธอลิกวอชิงตัน ดี.ซี. มลรัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา เดินทางไปไหนก็ต้องขับรถยนต์ ด้วยตัวเองตลอด ครั้งหนึ่งจำได้ว่าต้องขับรถไปหาพี่ชายและใช้เวลา เดินทางประมาณ ๑ วัน ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวพอดี มีหิมะตกจนบนถนนกลายเป็นน้ำแข็ง ระหว่างขับไปตามถนนอยู่ดีๆ รถก็เกิดเสียหลักหมุนติ้วซึ่งรวดเร็วมากคล้ายกับเจอพายุ


    "พอเกิดเหตุการณ์กะทันหัน ในใจตรงนั้นคิดอะไรไม่ถูกแล้ว คิดเพียงอย่างเดียวว่าคราวนี้ผมต้องเสร็จแน่ ตายแน่ๆ วินาทีที่รถหมุนอยู่นั้นเอง รถก็พลิกตกไปอยู่อีกด้านหนึ่งของถนน นับว่าโชคดีที่ไม่พลิกไปอีกด้านหนึ่งของถนน ไม่เช่นนั้นรถอาจตกถนนตกเหวไปอย่างแน่นอน ผมคิดว่าคงมีตายกับตายเท่านั้น เพียงเสี้ยววินาทีรถก็หยุดนิ่ง รถสิบล้อซึ่งวิ่งสวนผ่านมาพอดี ใจหายแวบเลย เกือบตายไปแล้วไหมเนี่ย" สรอรรถ เล่าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบราวกับว่าเหตุการณ์เพิ่งผ่านพ้นมาเพียงไม่กี่วินาที


    สำหรับพระเครื่องคู่ใจของ รมว.พัฒนาสังคมฯ นั้น เป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย ๑ องค์ ซึ่งมีเพียงองค์เดียว โดยแขวนติดตัวมาเป็นระยะเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว พร้อมกับให้เหตุผลของการแขวนพระว่า


    บางคนอาจแขวนเพราะเชื่อปาฏิหาริย์ แต่หากมองให้เป็นวิทยาศาสตร์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ใครไม่เชื่อก็ไม่ควรไปลบหลู่ การแขวนพระเครื่องจึงใช้เป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่กระทำสิ่งใดที่ผิดศีลธรรม ใครทำไม่ดีคนอื่นไม่เห็นแต่องค์พระท่านเห็นแน่นอน ส่วนพระพุทธรูปที่บูชาก็จะเป็นพระแก้วมรกต พระพุทธโสธร พระไพรีพินาศ หลวงพ่อนาค และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ฯลฯ


    "ชีวิตวันนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้หลักธรรมไว้เป็นที่ตั้งในการบริหารงาน บริหารลูกน้องด้วยคำแนะนำมากกว่าจะตำหนิ ทำให้เกิดความอับอาย วันนี้ผมจะเก่งได้ก็คงทำตามลำพังไม่ได้ ถึงผมเก่งผมก็ต้องสอนลูกน้องให้เก่งด้วย เมื่อเรื่องใดเรารู้มากกว่าเขา เราก็ต้องแชร์ความรู้ตรงนั้นให้ลูกน้องด้วย และสิ่งสำคัญผมว่าต้องให้เกียรติกัน ผมไม่เคยตำหนิลูกน้องต่อหน้าหน่วยงานอื่นเด็ดขาด และคนที่จะเป็นนักบริหารที่ดีได้ก็ต้องใส่จิตวิญญาณลงไป ผิดพลาดจงใช้มันเป็นครู" สรอรรถ กล่าวทิ้งท้าย


    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/01/30/02.php
     
  8. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : เหตุอาถรรพณ์ที่บ้าน...ดร.การุญ จันทรางศุ



    [​IMG]

    เมื่อพูดถึงเหตุอาถรรพณ์ของสถานที่ต่างๆ ในยุควิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีเจริญรุ่งเรือง หลายคนอาจจะส่ายหัว บางคนอาจจะค้าน หัวชนฝา ว่าไม่มีทางเป็นจริงไปได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับ ดร.การุญ จันทรางศุ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และว่า ที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือฉายา "ดร.เค" รวมทั้งคนในครอบครัวของเขาแล้ว "เชื่อว่ามีจริง เพราะได้สัมผัส มาด้วยตัวเอง"

    ดร.การุญ เล่าว่า บ้านหลังนี้ได้ปลูกอาศัยความร่มเย็น มาแล้วเป็นเวลา ประมาณ ๒๕ ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคย มีเรื่องราวใดๆ ทำให้ทุกข์ใจเลย แม้ว่าครั้งหนึ่งได้มีโจรบุกขึ้นบ้านเพื่อขโมยทรัพย์สิน แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก โจรไม่ได้แตะต้องพระหรือ ทรัพย์สินอื่น ในบ้านเลยสักชิ้นเดียว ทั้งๆ ที่มีพระบูชาเก่าแก่ซึ่งเก็บรักษาสืบทอด มาหลายชั่วอายุจำนวนมาก ส่วนอีกครั้งหนึ่งนั้น เกิดฟ้าผ่าลงมา ยังตัวบ้านเต็มๆ ซึ่งน่าจะทำตัวบ้านเสียหาย แต่ความจริงแล้ว หลังคาบิ่นแตก เพียงเล็กน้อย

    เมื่อนำเหตุการณ์ทั้งสองมานั่งทบทวนและพยายามทำความเข้าใจ ในที่สุดก็พอสรุปได้ว่า บ้านหลังนี้มีภูมิคุ้มกันสำหรับคนไม่หวังดีกับบ้าน ภูมิคุ้มกันน่าจะมาจากพระพุทธรูปเก่าแก่ในบ้านหลังนี้มากกว่าจะเป็นเรื่องอื่น รวมทั้งเกิดจากความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาว่า ใครทำดีอะไรไว้ ความดีถือเป็นภูมิที่ดีไว้ได้คุ้มภัยชีวิตหากเกิดช่วงวิกฤติ ด้วยเหตุนี้ห้องพระพุทธรูปบูชาจึงถือเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของบ้าน

    จากนั้นเป็นต้นมาจึงตั้งให้พระพุทธรูปทั้งหมดหันไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะอยู่เหนือเสาเอกของบ้าน เนื่องจากมนุษย์แสวงหาความสมดุล ความพอดี ความลงตัว เสมอมา จึงพยายามหาทางเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ว่าจะสร้างบ้านหรือสร้างเมือง จะมีการลงเสาเอก ลงมหาศักดิ์หลักบ้าน มเหศักดิ์หลักเมือง เพื่อเชื่อมโยงบ้านเรือน หมู่บ้านหรือเมืองให้เข้ากับศูนย์กลางแห่งจักรวาล เป็นศูนย์กลางแห่งชีวิต

    "ตามความเชื่อโบราณเกี่ยวกับเสาเอก ต่างก็มีความเชื่อกันว่า ผีเรือนจะอยู่เสาเอก โดยเจ้าของบ้านจะผูกผ้าแดงหรือมีเครื่องหมายแสดงให้เห็นว่า เสาเอกโดดเด่นกว่าเสาต้นอื่นของบ้าน หรืออาจจะมีหิ้งวางหีบผ้าตั้งอยู่ คนโบราณเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของผีบรรพบุรุษ การไหว้ผีเรือนจะทำให้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ตรงนี้เองจึงมีการทำบุญให้กับผีบ้านผีเรือนสืบทอดกันมา ผมก็คิดว่าคงเป็นเรื่องจริงที่หาข้อพิสูจน์ได้ยากเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ชีวิตมีแต่ความสุขมาตลอด ลูกๆ ทุกคนก็เป็นคนดี ทำให้ผมรักบ้านหลังนี้มาก" นี่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับเสาเอกของ ดร.การุญ

    [​IMG]

    ขณะเดียวกัน เขาได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่า ทุกครั้งการปลูกบ้านคนเรามักจะอ้างอิงพิธีกรรมจากอินเดียหรือจากพราหมณ์ แต่ความจริงแล้วเกิดจากตนเองที่ว่า ศรัทธาเป็นบ่อเกิดแห่งพลัง พลังเป็นบ่อเกิดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมจะศักดิ์สิทธิ์ต้องอาศัยความศรัทธา หากมนุษย์ต้องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มสังคมให้ได้นั้น ต้องอาศัยศรัทธาในความเชื่ออันเดียวกัน ไม่เช่นนั้นสังคมไทยคงไม่สงบสุขเช่นนี้อย่างแน่นอน และเมื่อมนุษย์มีความเชื่อบนบรรทัดฐานเดียวกัน ทำให้เกิดเป็นความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมทั้งทางโลกมนุษย์และโลกแห่งวิญญาณ ความเชื่อโบราณที่ว่านี้ มีการแบ่งพิธีกรรมไว้ทั้งหมด ๑๐ อย่าง ประกอบด้วย ๑.พิธีกรรมอันเนื่องจากการเกิด โกนผมไฟ ตั้งชื่อ ผูกดวง ๒.พิธีกรรมอันเนื่องจากกิจวัตรประจำวัน ด้วยการสวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ บูชา ๓.พิธีกรรมอันเนื่องจากการเริ่มต้น ด้วยการประกอบกิจการอันเป็นปฐมฤกษ์ บูชาพระฤกษ์ ยกเสาเอก วางศิลาฤกษ์ ๔.พิธีกรรมอันเนื่องจากวันอันสำคัญในแต่ละเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวันแต่งงาน วันพุทธาภิเษก วันเกิด วันชาติ ตั้งศาลพระภูมิ พระพรหม ๕.พิธีกรรมอันเนื่องจากความเกรงกลัวต่อบาป ด้วยการล้างบาป ขมาลาโทษนั่นเอง ๖.พิธีกรรมอันเนื่องจากการให้ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงพราหมณ์ ปราชญ์ ราชบัณฑิต เลี้ยงผี เลี้ยงคนจร ๗.พิธีกรรมอันเนื่องจากความตาย เช่น งานศพ ลอยอังคาร ลอยกระดูก ส่งวิญญาณ ทำบุญอุทิศคนตาย ๘.พิธีกรรมอันเนื่องจากประเพณีสำคัญๆ วันลอยกระทง วันพืชมงคล วันฉัตรมงคล ๙.พิธีกรรมอันเนื่องจากความปรารถนาอยากเห็นผู้อื่นมีความสุข คือ การบนบานสานกล่าว ขอบุตร ขอให้สำเร็จ และ ๑๐.พิธีกรรมอันเนื่องจากการศึกษาให้ประสบความสำเร็จก็ต้องมีการไหว้ครู ครอบครู ขึ้นครู เป็นต้น
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ดร.เค จะเรียนจบสาขาวิศวกรรมโยธา เป็นหลักวิทยาศาสตร์ล้วนๆ แต่ก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมที่ว่า คนทำอะไรไว้ไม่ดีก็จะมีผลให้เห็นในระยะยาวมาหลายคน พร้อมกับยกตัวอย่างเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ฟังว่า


    [​IMG]

    ตนเองกับเจ้าของสุราชื่อดังของเมืองไทยท่านหนึ่ง รู้จักกันเป็นอย่างดี ท่านมีอาชีพปรุงแต่งหรือผสมน้ำเมาให้กับคนทั่วไปได้นำไปดื่มเพื่อความสุขสำราญใดๆ ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการปรุงแต่งเอาสารพิษเข้าไปยังร่างกายคนอื่น จนบางคนกินมากไปก็จะต้องเป็นตับแข็งตาย ในที่สุดผลกรรมก็ตามเพื่อนคนดังกล่าวทัน โดยเสียชีวิตลงด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับตับเช่นกัน

    กฎแห่งกรรม คนเราสามารถที่จะทำเรื่องหนักให้เป็นเบาได้ด้วยการทำบุญสร้างกุศลให้กับตัวเอง โดยวันที่ ๑๘ กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดก็จะทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ในตอนเช้าที่บริเวณหน้าบ้านเป็นประจำ พร้อมทั้งเดินทางไปทำบุญที่วัดตำหนักใต้ จ.นนทบุรี เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อ (ดร.สิริลักขณ์ จันทรางศุ) และญาติ ด้วยการทำสังฆทานบ้างเป็นระยะ ส่วนการไปทำบุญที่วัดเจ้าอาม ก็ทำบุญให้กับบรรพบุรุษของฝ่ายภรรยา (นางศิริขวัญ จันทรางศุ)

    "การเดินสายกลาง และเข้าใจหลักของโลกธรรม ๘ ที่เป็นธรรมดาในโลกนี้คือ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีคนนินทาว่าร้าย มีความสุขกายใจ มีความทุกข์กายใจ และอย่าไปทำให้ใครเขาเดือดร้อน หลักธรรมเหล่านี้ก็ได้นำมาใช้กับการบริหารงานที่ผ่านมาตลอด ผมว่าเพียงเท่านี้ก็จะทำให้ชีวิตคนเรามีความสุขได้ เพราะหลักธรรมนี้ก็สามารถสยบการแก่งแย่ง ช่วงชิงหรือเอาเปรียบสังคมได้" ดร.การุญ กล่าวทิ้งท้าย


    http://www.komchadluek.net/column/pra/2004/07/17/02.php
     
  9. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : คณิน บุญสุวรรณ รอดตายเพราะ..."บุญ และความดี "


    [​IMG]

    ....

    นายคณิน ยังได้กล่าวอีกว่า ปัจจุบันชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงไม่แน่นอนเช่นกัน ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์เฉียดตายแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อสมัยที่ได้เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ชลบุรี (เขต ๒) เช้าวันหนึ่งต้องขับรถออกจากกรุงเทพฯ เพื่อลงพื้นที่พบกับลูกเสือชาวบ้าน ระหว่างขับไปถึงสถานพักฟื้นคนชรา อ.บางละมุง เกิดหลับในรถเกิดเสียหลักพุ่งไปชนเข้าไปชนรถสิบล้อที่บรรทุกน้ำมาเต็มคัน ในช่วงนั้นไม่ได้รู้สึกตัวเป็นเวลากว่า ๘ ชั่วโมง จนมีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังว่า ไม่น่ารอดมาได้เลย เพราะสภาพรถยนต์พังยับเยินเพื่อพุ่งชนไปกลางลำของรถสิบล้อ


    <CENTER>[​IMG] </CENTER><CENTER> </CENTER>
    "วันที่ผมรอดตายจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมาได้ มีเสี่ยจิวมาดูผมตอนผมยังไม่ฟื้น ก็พบว่า สิ่งที่ติดตัวผมอยู่วันนั้นคือ พระพุทธชินราช วันนี้พระพุทธชินราชองค์นี้ผมจึงแขวนติดตัวมาตลอด คิดว่าพุทธคุณจากองค์พระพุทธชินราช และคุณงามความดีที่ผมได้ทำเอาไว้ ช่วยให้ผมรอดตายมาจนถึงวันนี้ เพราะความศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อ ถือเป็นสิ่งที่อยู่กับสังคมไทยมานาน พอเราเข้าถึงตาจนจริงๆ พุทธคุณเหล่านี้ก็จะมาช่วยเราให้รอดตายได้" นายคณิน กล่าวพร้อมกับเล่าต่อว่า

    เมื่อปี ๒๕๑๒ ได้มีโอกาสอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดราษฎร์บำรุง อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยมีพระเดชพระคุณพระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารี มหาเถร) ราชบัณฑิต เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมโกศาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และสามารถสวดและสอบพระปาฏิโมกข์ได้ในการบวชพรรษาเดียว ทั้งที่ไม่เคยบวชเป็นสามเณร หรือศึกษาเล่าเรียนภาษาบาลีมาก่อน อย่างน้อยยังได้ช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนาที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และสิ่งที่ได้จากการบวชคือการปล่อยวาง มีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง

    ขณะเดียวกัน ความเสียสละ ความซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ความจริงใจต่อตัวเองถือเป็นรากฐานสำคัญที่สุดสำหรับการดำรงชีวิต บางครั้งสิ่งที่เราทำลงไปเพื่อชาติเพื่อสังคมผลตอบกลับมาไม่คุ้มค่าเท่าไร แต่จิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกก็จะต่อสู้กันถึงความชอบธรรมอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น หรือภัยคุกคามสังคมไทยก็ตาม สิ่งที่เราทำอาจมีผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าเราก็ต้องทำ เพราะบางคนมีอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่ถูกทางผลสุดท้ายชีวิตก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข "วันนี้ผมได้สัจธรรมชีวิตอย่างมากก็คือ ความดีนั้นจีรังแน่นอน ถึงแม้ผลของการทำความดีบางครั้งอาจเป็นโทษให้ตัวเอง ก็อย่าเอาโทษนั้นมาปะปนกับความดี และอย่าไปคิดว่า ทำดีขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ได้ดี อย่าไปคิดตรงนั้น เพราะมันจะทำให้จิตใจเราไม่เป็นสุข ถ้าเราทำความดีไปแล้ว อะไรจะขึ้นก็ต้องปล่อยให้มันเกิด แต่สิ่งที่ยังไม่เกิดต้องคอยดูแลควบคู่ไปด้วย ชีวิตเราไม่ต้องคาดหวัง เพียงเท่านี้เราก็มีความสุขในจิตใจแล้ว มันจีรัง ไม่เหมือนบางคนที่ร่ำรวยเงินทอง แต่แท้จริงแล้วภายในจิตใจอาจทุกข์ทนอยู่ในจิตใจ" นายคณิน กล่าวทิ้งท้าย


    http://www.komchadluek.net/column/pra/2006/01/22/02.php
     
  10. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : ศรัทธามี... ศักดิ์สิทธิ์มา... ปาฏิหาริย์ จึงเกิด อ.สุริยัน อริยวงศ์โสภณ "หมอหยอง"

    [​IMG]

    <!--lead-->...

    หมอหยอง เล่าว่า หลังจากชีวิตได้ถูกรถชนให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่ออายุประมาณ ๗ ขวบ ทำให้ได้เห็นวิญญาณหลังความตายว่ามีจริง อบายภูมิคืออะไร ความตายตรงนั้นเป็นที่มาของการมองว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็กลัวความตายด้วยกันทุกคน แต่ทั้งนี้เราต่างหากที่จะต้องเตรียมตัวตายอย่างไรให้มีสติ ไปในภพภูมิที่ดีกว่าอย่างไร หรือตายอย่างไรไม่ให้ทุกข์ร้อน การทำบุญเพื่อเอาไปใช้ในชาติหน้าจึงเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ ใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เพราะเรื่องราวแบบนี้ใครเห็นธรรมก่อนก็แสดงว่าเขาเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง

    [​IMG]

    ด้วยเหตุนี้ หมอยอง จึงเชื่อและเข้าใจสัจธรรมที่ว่า "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมประจักษ์ชั่ว ไม่มีใครไม่เจอวิบากกรรม แม้ตัวผมเองยังเคยเจอ" พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า หากมองตามวันเวลาก็ไม่สามารถบอกได้ว่า เราจะทำดีแล้วได้ดี ใครทำชั่วแล้วยังไม่มีการตอบสนองหรือไม่มีการปรากฏความชั่วให้เห็นนั้น เป็นเพราะว่าทุกคนมีบุญเก่า มีกรรมเก่าหนุนไปตามกาลเวลา และสังเกตได้ว่าหากเราทำดีต่อผู้อื่นแล้วไม่ได้คิดร้ายกับใคร จิตใจเราก็มีความสุข ขณะเดียวกันเป็นคนชอบใส่บาตรทุกเช้าจนมีลูกศิษย์ถามว่า ใส่บาตรแบบนี้ไม่กลัวใส่ให้กับพระปลอมหรืออย่างไร ตรงนี้ก็ได้ตอบว่า เมื่อเราใส่บาตรด้วยใจ บุญที่ได้ก็เปี่ยมไปด้วยกุศล


    [​IMG]

    สำหรับเรื่องวิบากกรรมนั้น เป็นสิ่งที่ทำเอาไว้แล้วในอดีตชาติ เมื่อถึงเวลาวิบากกรรมจะเป็นตัวที่มาช่วยทวงหนี้ อยู่ที่ว่าเราได้สะสมบุญในชาตินี้ให้รู้เท่าเวลา ที่มันจะมาบังเกิด บางช่วงชีวิตอาจไม่ดีนัก เราก็รอเวลาอย่าใจร้อน แต่ต้องรอตั้งรับด้วยการสะสมบุญถ่ายกรรมไปเรื่อยๆ ความผิดโดยไม่ตั้งใจหรือไม่รู้ ทำให้วิบากกรรมไม่หนัก แต่ทำผิดจากความตั้งใจฆ่าผู้อื่นคือเจตนา จะพบว่าจิตจะกลายเป็นมารไม่สามารถลดกรรมที่ทำนั้นได้

    "เราจะเห็นได้จากสังคมทุกวันนี้ว่า ชีวิตของคนร่ำรวย แต่พอมาถึงรุ่นลูกกลับกลายมาเป็นยาจก เป็นเพราะว่าบุญเก่าที่ทำไว้ในชาติที่แล้วมันหมด ปู่ย่าตายายให้มาก็ใช้เกลี้ยงแต่ตัวเองไม่ได้ทำเพิ่ม ฉะนั้น เมื่อไม่ได้ทำบุญเพิ่มตัวเองก็ไม่ประจักษ์ก็หมด เราจะเห็นได้ว่าคนที่ทำบุญมาตั้งแต่เป็นเด็กถึงเกิดมายากไร้ยากจน แต่เขาก็ทำบุญตลอด ความดีของเขาก็กลายเป็นแสงสว่าง ก็เป็นราศี และการไหว้แม่ธรณี ดิน น้ำ ดวงจันทร์ ก็แสดงให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้เป็นบุญคุณที่ให้กับเรา พวกเราจึงต้องตอบแทน" หมอหยอง กล่าว

    "หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ และพระพิฆเนศ" เป็นพระเครื่องที่หมอหยองพกติดตัวเป็นประจำ โดยแม่ได้ให้แขวนพระหลวงปู่ทวดมาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ และจากเหตุการณ์ประสบอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต ทำให้เขากล้าพูดยืนยันอย่างเต็มปากว่า "เรารู้ เราเห็น เราสัมผัส เราพบ เราประจักษ์ เราได้เจอ เราจึงเชื่อ เพราะเป็นสิ่งที่เจอมากับตัวเอง ทำให้เชื่อว่า สิ่งที่เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ในชาตินี้มีจริง และเป็นความเชื่อที่เป็นเหตุเป็นผล"

    [​IMG]

    ส่วนประสบการณ์ของพระพิฆเนศนั้น หมอหยอง บอกว่า ถือเป็นสิ่งที่พลิกผันให้ชีวิตจาก เด็กบ้านนอกได้เข้ามาช่วยเหลือ ประชาชนที่มีความทุกข์ ได้ตอบแทนญาติพี่น้องและประเทศชาติ ได้ทำงานช่วยเหลือสังคม ด้วยบารมีขององค์พระพิฆเนศทุกอย่าง เนื่องจากท่านมีอภินิหารบารมี พลังแห่งพุทธานุภาพให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วยบุญกุศล และทำให้เกิดปัญญาในการดำเนินชีวิต ซึ่งชีวิตคนเราถึงเวลาตาย ก็ต้องตาย ไม่มีใครหนีพ้น เหมือนพุทธองค์ท่านก็หนีไม่ได้ แต่เราแคล้วคลาดได้ด้วยบุญกุศล ที่อาจทำให้เรื่องหนักเป็นเบา

    หมอหยองพูดถึงเรื่องการแขวนพระไว้อย่างน่าคิดว่า "พุทธคุณของพระไม่ได้ให้เรานำไปใช้ในทางชั่ว ส่วนพระพุทธชินราชให้เราใช้อธิษฐานจิต น้อมระลึกนึกถึง เมื่อครั้งได้ช่วยชาวอโยธยา สมัยสมเด็จพระนเรศวร ดังนั้น ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ตาม จะศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ที่ใจเราศรัทธาและปฏิบัติ ปาฏิหาริย์จึงเกิด"

    [​IMG]

    ขณะเดียวกัน หมอหยองไม่เชื่อว่า การแขวนพระเครื่องจะช่วยให้รอดตายจากกระสุนปืนได้ หากคนแขวนนั้นไม่อยู่ในศีลธรรมจรรยา ต่อให้แขวนพระรอดทั้งกรุถ้ายังทำชั่ว ไม่อยู่ในศีลธรรม พระรอดก็ไม่ช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายได้ หรือต่อให้แขวนพระขุนแผนร้อยองค์ แล้วสร้างเสน่ห์ด้วยน้ำมันพราย แต่คงสู้อำนาจเงินไม่ได้ ก็ลองพกขุนแผนแล้วไม่มีเงินจ่ายเป็นปึก ถามหน่อยผู้หญิงที่ว่าจะไปด้วยไหม เขาเชื่อความขลังอยู่ที่แรงศรัทธา

    นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เดินหลงทาง หมอหยองจึงได้สร้างหยิน-หยางขึ้นมา โดยมีความหมายว่า เป็นลัทธิแห่งความสมดุล ขาวกับดำ มนุษย์เราไม่มีใครที่บริสุทธิ์ทั้งหมดเหมือนพระพุทธเจ้า เพราะว่าเราเป็นมนุษย์ และก็ไม่มีคนไหนที่ชีวิตจะดำมืดทั้งหมด เพียงแต่ว่าทำอย่างไรให้ความขาวมีความสว่าง ความเคลื่อนไหวการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต อารมณ์มั่นคง จิตใจปลอดโปร่งใส พระอาทิตย์ พลังที่แข็งแกร่ง ความร้อน ความอบอุ่น ดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและมีชีวิตชีวา

    [​IMG]

    "การเป็นหมอดูจริงๆ ลำบากเหมือนกัน เพราะมันอยู่ท่ามกลางความโลภกับความไม่โลภ ถ้าผมพูดจาดีหน่อยนะ ไม่พูดขวานฝ่าซากแบบทุกวันนี้ เชื่อว่าจะต้องรวยมีเงินเป็นพันล้าน แล้วถ้าช่วยคนตามหลักมนุษย์ ก็จะรวยมหาศาล แค่แนะนำให้คนซื้อที่ดินตรงนี้มันถูกผมก็จะได้เงินแล้ว หรือการพูดบอกว่าดวงไม่ดีให้กลายเป็นดีด้วยคำพูดดีๆ รับรองรวยเป็นพันล้าน แต่นี่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะดวงคนเรา อะไรเป็นความจริง ก็ต้องบอกตรงๆ นี่จึงเป็นที่มาของการไม่โลภ" หมอหยอง กล่าวทิ้งท้าย

    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง/ภาพ อุทร ศรีพันธ์

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2004/09/11/02.php
     
  11. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง: สมาธิทำให้...วิกรม กรมดิษฐ์ "ค้นพบตัวตนที่แท้จริง"

    [​IMG]

    "การบวชทำให้ผมได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนเรา ผมมีความรู้สึกว่ามีความเข้าใจตัวเองมากขึ้น พอผมเข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็พบว่าเรามีสติสัมปชัญญะ หากเราทำอะไรที่ถูกต้องและ ดีอย่างมีสติ พอทำได้ก็ทำให้เราเกิดความสงบ มีสมาธิมากขึ้น เรียกได้ว่าหลักธรรม สมาธิช่วยทำให้ผมฉลาด มีความคิดแนวปรัชญา"

    นี่เป็นหลักธรรมชีวิตที่ นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ได้จากการอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อครั้งได้ตัดสินใจเดินหาพระธรรมในเวลาเที่ยงคืนวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๗
    วิกรม กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องบวชในเวลาเที่ยงคืนว่า เพราะเวลาดังกล่าวเป็นเวลาคาบเกี่ยววันอังคารกับวันพุธพอดี จึงเป็นเวลาที่ตรงกับอายุที่ครบ ๕๐ ปีพอดี ไม่ได้จัดงานอะไรเพียงแต่บวชกับพระอุปัชฌาย์เท่านั้น โดยได้รับฉายาว่า "โชติกโรภิกขุ" หมายถึง "ผู้ที่มีปัญญาและ ผู้ที่มีความอดทนต่อสิ่งที่นำไปสู่การเป็นคนดี"

    ทั้งนี้มีความตั้งใจว่าจะบวชเป็นเวลา ๑ เดือน โดยได้เดินทางไปจำวัด อยู่ที่วัดอาวุธฯ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๒ บางพลัด กรุงเทพฯ เป็นเวลา ๑ สัปดาห์ จากนั้นได้เดินทางไปจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติธรรมด้วยการเดินธุดงค์กับการค้นหาความเงียบสงบ เป็นหนทางสัจธรรมชีวิตที่ไม่มีความวุ่นวาย กระทั่งพระอาจารย์ได้มาแนะแนวหนทางสงบด้วยการนั่งสมาธิ

    [​IMG]

    การนั่งสมาธิทำให้เราได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เป็นการสอนให้เราได้ฝึกการทำสมาธิ โดยไม่ได้ฝึกฝนจิตเพียงอย่างเดียว แต่การฝึกฝนอบรมจิตนี้หากคนเราไม่ฝึกฝนก็ไม่มีวันเป็นสมาธิได้ แล้วไม่มีใครทำให้ได้ด้วย ไม่เหมือนสิ่งอื่น วัตถุอื่น เช่น ทำสวนทำไร่ทำนา รวมทั้งทำการงานต่างๆ คนอื่นทำให้ได้ แต่การทำสมาธิคนอื่นทำให้ไม่ได้ ตนเองทำจึงจะได้ แล้วเห็นด้วยตนเอง คนอื่นไม่เห็น

    ด้วยเหตุนี้เอง พระอาจารย์ที่สอนบอกว่า การทำสมาธินั้นจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ที่ว่ายากคือจิตใจของเรานั้นไม่เป็นสมาธิ และทำอย่างไรจึงจะเป็นสมาธิ มันก็ยากเหมือนกัน แต่ที่ว่าง่ายก็คือ มันไม่ต้องการอะไร ไม่อยากอะไร ปล่อยวางเฉยๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ เรื่องราวต่างๆ มันก็อยู่ตามเรื่องของมัน เมื่อจิตมันวาง อารมณ์ต่างๆ มันก็สงบนิ่งเป็นสมาธิ ไม่ได้นึกได้คิดว่าจะเป็นแต่ว่ามันเป็นเอง นั่นแหละที่พระอาจารย์สอนว่าง่ายก็ง่าย

    วิกรมได้ถ่ายทอดหลักการทำสมาธิระหว่างที่บวชพระให้ฟังว่า "พระอาจารย์บอกหัดให้มันได้อย่างนี้บ่อยๆ เชื่อว่าจะทำให้จิตของเราแก่กล้า ทำจิตของเราให้เป็นคนแก่คนเฒ่า มันจะหมดเรื่อง แล้วคราวนี้ไม่มีกังวลเกี่ยวข้องอะไรเลย ผมรู้สึกว่าชีวิตอยู่สงบดี ข้าวของเงินทองสมบัติพัสถานอะไรทั้งปวงทั้งหมดไม่มีในที่นั้นก็จริง แต่มันก็ยังอยู่ ท่านสอนให้เราไม่คิดไม่นึก ที่สุดของพุทธศาสนาอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าไปหาที่อื่นเลย ไปเห็นตรงนั้นแล้วมันหมดที่ไป แล้วถ้าทำได้ก็เหมือนเป็นการรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งจิตใจก็จะสู่ความสงบนิ่ง เชื่อไหมว่าหัวสมองเรามันมีตัวตน มันเป็นตัวเองมากทีเดียว ทำให้จิตใจนิ่งไม่วุ่นวาย ความคิดดีๆ ก็ตามมา"

    สำหรับพระเครื่องนอกจากจะให้คนเราได้แขวนติดตัวเพื่อระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า หรือเป็นสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจของคนเราให้กระทำแต่ความดี ส่วนในเรื่องของพระพุทธรูปยิ่งมีความสุขมากขึ้นทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าองค์พระ เพราะมองท่านครั้งใดก็ทำให้สบายตา สบายใจ มีความสุขทางใจไม่น้อย ตรงนี่เองจึงเป็นที่มาของการไม่แขวนพระเครื่อง

    [​IMG]

    นอกจากนี้ ชีวิตครั้งหนึ่งเคยเชื่อในเรื่อง เครื่องรางของขลังแบบสุดโต่ง ที่เป็นเช่นนี้อาจมาจากการ ทำงานซึ่งต้องขับรถอยู่กับไร่ เข้าป่าบ่อยครั้ง จึงคิดว่ามีความจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ติดตัว ไม่ว่าจะเป็นบทสวดมนต์ คาถาอาคม ผ้ายันต์ ตะกรุด พระเครื่อง เหรียญของหลวงพ่อต่างๆ สาลิกาลิ้นทอง ขุนแผนแสนเสน่ห์ เหล็กไหล ฯลฯ ความศรัทธาทำให้ไม่ยอมที่จะลอดราวตากผ้าเนื่องจากกลัวว่าของที่อยู่ติดตัวจะเสื่อมความขลัง

    "ไม่รู้ว่าตอนนั้นมีความเชื่อในเรื่องหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน ตีฟันแทงไม่เข้า กระทั่งยอมเจ็บตัวไปนอนให้อาจารย์สักยันต์จนเต็มแผ่นหลังในวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ และปัจจุบันก็หวนกลับไปคิดถึงความเชื่อในครั้งนั้นว่าเป็นความเชื่อที่งมงาย วันนี้คิดได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา" วิกรม กล่าวพร้อมกับเล่าถึงประสบการณ์ของรอยสักยันต์บนแผ่นหลังให้ฟังว่า

    [​IMG]

    หลายครั้งมีเหตุการณ์ที่ทำหนักให้เป็นเบาเกี่ยวกับยันต์ที่สักไว้ ครั้งแรกเกิดขึ้นที่ไต้หวัน เมื่อครั้งอดีตแฟนคนหนึ่งกับน้องสาวกำลัง ถูกกลุ่มวัยรุ่นมารังแกตอนไปว่ายน้ำ ทุกอย่างจบลง เมื่อกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นเห็น รอยสักเต็มแผ่นอกและแผ่นหลัง แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเปิดโชว์ใคร ทำให้พวกนี้เผ่นหนีทันที ซึ่งมารู้ตอนหลังว่า พวกนี้จะกลัวมากเพราะ คนที่สักยันต์มีแต่พวกยากูซ่าเท่านั้น อีกครั้งเมื่อรู้ว่าเพื่อนๆ ที่เป็นนักเรียนอาชีวะจะถูกนักเลงอัดตะลุมบอน จึงนัดล้างแค้นกันที่มหาวิทยาลัยชิงหัว ทันทีที่พวกนั้นมาถึงยังไม่ทันได้ลงมือ ได้เห็นรอยสักเต็มแผ่นหลังก็เผ่นหนีกลับไปเช่นกัน

    "กว่าสองพันปีแห่งปรัชญาที่ว่า คิดดี พูดดี ทำดี ของพระพุทธเจ้าว่าท่านตรัสรู้อย่างไร เพื่อที่จะมาปรับปรุงให้ชีวิตนี้ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าความภูมิใจและความสุข อะไรที่ทำได้ก็อยากทำ ก่อนที่จะปิดตาตัวเอง เป็นการทดสอบความเป็นอมตะที่แท้จริงขององค์กรเราว่าไม่ยึดติดกับคน องค์กรใดผูกติดกับคนหนึ่งคนใด องค์กรนั้นไม่ยั่งยืน สองปีที่ผ่านมาไม่ได้เข้าสำนักงานเลยแล้วให้เป้าหมายนโยบายแก้ไข เขาก็ทำได้ดี และทำให้เห็นว่าค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ถ้าองค์กรไม่มีจุดนั้นก็คงไม่ยั่งยืน" วิกรมกล่าวทิ้งท้าย

    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ ทวีศักดิ์ ภักดีหุ่น 0

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/01/15/02.php
     
  12. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    อาจารย์หนู กันภัย กับ... หลักธรรมที่ฝากไว้บนลายยันต์


    [​IMG]

    การสักยันต์ เป็นวัฒธรรมอย่างหนึ่งของไทย ที่มีมาช้านาน จนถึงปัจจุบัน แม้ทุกวันนี้จะมีผู้เชื่อมั่นและศรัทธาในการสักยันต์อยู่ แต่ก็นับว่าลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา เหตุผลการสักยันต์ยังคงมีอยู่ คือ หลาย ๆ คนยังเชื่อว่า การสักยันต์จะทำให้มีโชค และอยู่ยงคงกระพัน พ้นอันตราย

    ปัจจุบันผู้ที่ชื่นชอบการสักยันต์คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อาจารย์หนู กันภัย อาจารย์สักยันต์ชื่อดังแห่งจ.ปทุมธานี นอกจากนี้แล้ว อาจารย์หนู ยังเป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศ โดยการบอกต่อปากต่อปาก ขณะเดียวกันกลุ่มลูกศิษย์ก็ได้จัดทำเว็บไซต์ (www.arjannoo.com) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องการสักยันต์

    ด้วยความเชี่ยวชาญเรื่อง อักขระเลขยันต์ อาจารย์หนูจึงมักจะได้รับเชิญให้เป็น ที่ปรึกษาในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับไสยศาสตร์หลายเรื่อง

    ทั้งนี้ อาจารย์หนู เคยสักยันต์ให้กับ แองเจลิน่า โจลี นางเอกฮอลลีวู้ดชื่อดัง ถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกได้สักรูปเสือเผ่นและลงอักขระมหาเศรษฐี มีขนาดกว้าง ๒๐ ซม. ยาว ๓๐ ซม.ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง และยังสวดคาถาอาคมให้ ครั้งที่ ๒ ได้สักยันต์หนุนดวง ลงอักขระให้ที่หัวไหล่ด้านซ้าย เป็นอักขระขอม ๔ แถว โดยมีความหมายให้มีโชคลาภ ป้องกันอุบัติเหตุ และแคล้วคลาดจากภัยพิบัติ
    แองเจลีน่า โจลี ให้เหตุผลของการเดินทางมาสักยันต์ครั้งนั้นว่า หลังจากได้รับการสักจากอาจารย์หนู ครั้งแรกรู้สึกชีวิตดีขึ้นและมีโชคลาภ

    นอกจากนี้แล้ว เธอยังเชิญอาจารย์หนูไปสหรัฐอเมริกา เพื่อสักยันต์แบบนี้ให้กับเพื่อนดารานักแสดงจากฮอลลีวู้ดอีกด้วย

    ปัจจุบันมีชาวต่างชาติได้เชิญอาจารย์หนูไปสักยันต์ ลงนะหน้าทองกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าประชาชนในประเทศนั้นๆ ส่วนใหญ่จะนับถืออื่น เมื่อเดินทางไปถึงประเทศนั้น มีทั้งดารานักแสดงและประชาชนที่รู้ข่าวต่างเดินทางเข้ามาให้สักยันต์กันเป็นจำนวนมาก

    ขณะเดียวกันก็มีนักแสดงของประเทศต่างๆ ที่เดินทางมาเมืองไทย ไปให้อาจารย์หนูสักยันต์ถึงที่สำนักอีกด้วย

    ผู้ที่เดิทางส่วนใหญ่ให้เหตุผลในทำนองเดียวกันว่า ได้ติดตามข่าวสารจาก หนังสือพิมพ์ที่เขียนเรื่องราวของ อาจารย์หนู ทำให้คนทั่วโลกรู้จักในศาสตร์นี้ว่า มาจากประเทศไทย ประกอบกับได้สักยันต์ให้กับ แองเจลิน่า โจลี แล้วทำให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตของการเป็นนักแสดง จึงอยากมีชื่อเสียงแบบนางเอกฮอลลีวู้ดคนดังกล่าวบ้าง

    ยันต์ที่นิยมสักมากที่สุด คือ รูปพระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และยันต์ที่เป็นเมตตามหานิยม

    [​IMG]

    "เขาบอกว่าอยากมีชื่อเสียง หรือความสำเร็จอันใหญ่หลวง ตรงนี้อาจารย์บอกเขาไปว่า จะดังหรือไม่ดังก็อยู่ที่ตัวเขาเอง เมื่ออาจารย์ให้ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าตัวเขาทำดีก็ย่อมได้ดี หากทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี มันคงไม่เกี่ยวกับอาจารย์ เพราะอาจารย์ถือว่า ได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธให้ทุกคน มีสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้มีจิตใจมุ่งมั่น จนกลายเป็นจิตที่บริสุทธิ์ ก็อาจจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้" อาจารย์หนู กล่าวพร้อมกับบอกด้วยว่า

    ทุกครั้งที่ชาวต่างชาติมาสักยันต์ก็จะพยายามเล่าประวัติเกี่ยวกับการสักยันต์ให้ฟังว่า เมืองไทยสมัยก่อนสงครามโลก ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เริ่มมาตั้งแต่คนในสมัยก่อนจะใช้วิชาอาคมเหล่านี้ป้องกันภัยหรือศัตรูที่จะมาปองร้าย ยิ่งสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะมีเรื่องของการสักยันต์ที่ใช้ในการกอบกู้บ้านเมือง คำมั่นสัญญาที่มีต่อผู้ที่มาสักยันต์จะต้องนับถือศาสนาพุทธ
    ก่อนสักยันต์ทุกครั้งคนที่จะมาสักจะต้องนับถือศาสนาพุทธ ตามตำราของการสักยันต์ที่ได้มีการอ้างอิงเอาไว้ หากใครรับปากว่าทำตามระเบียบที่วางเอาไว้ก็จะสักยันต์ให้

    ที่ผ่านมา มีดารานักแสดงชาวฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ที่เคยนับถือศาสนาอื่น เมื่อมารับการสักยันต์แล้วต่างก็มุ่งมั่นหันมานับถือศาสนาพุทธกันเป็นจำนวนมาก

    อาจารย์หนู บอกด้วยว่า ในกรณีของ แองเจลิน่า โจลี ก่อนหน้านี้ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่เธอก็ยังยอมที่จะมานับถือพุทธ

    นอกจากนี้แล้ว หลายคนได้ถามว่า พระเครื่องเป็นก้อนดินเล็กๆ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ? ก็จะเล่าให้เขาฟังว่า การสร้างพระเครื่องขึ้นมาก็เพื่อใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นการดำรงสืบสานพระพุทธศาสนาให้ยังคงอยู่ ใครที่ศรัทธาเชื่อมั่นในองค์พระก็สามารทำให้เกิดเป็นปาฏิหาริย์ได้ แต่ถ้าหากไม่เชื่อมั่นไม่ศรัทธา ปาฏิหาริย์ก็จะไม่เกิด

    อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยสักยันต์ส่วนหนึ่งก็จะเดินทางกลับมาสักยันต์กับอาจารย์หนูเพิ่มขึ้นอีก โดยต่างเชื่อว่า ตั้งแต่สักยันต์ไปแล้ว ชีวิตดีขึ้นจริงๆ ขณะที่บางคนสักยันต์ไปแล้วชีวิตไม่ดีขึ้น ก็จะบอกเขาว่า ศาสนาพุทธไม่ได้สักยันต์ไปแล้วอยู่เฉยๆ จะรอความรวยจะรอวาสนามาเกยหน้าบ้าน คงเป็นไปไม่ได้ แต่จะต้องกระทำความดี ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน และสิ่งสำคัญต้องรู้จักการทำบุญทำทานด้วย

    "อาจารย์ทำแบบนี้ไม่รู้ว่าศาสนาอื่นเขาจะว่าอย่างไร อาจารย์ไม่รับรู้ เพราะวันนี้อาจารย์ก็มีความรู้สึกภูมิใจว่า เราได้กระตุ้นเตือนให้คนมานับถือศาสนาพุทธมากขึ้น อาจารย์คิดว่า ได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธที่ได้ใช้คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาสอนให้คนเรากระทำแต่ความดี ละเว้นการทำความชั่ว และเมื่อคนเรารู้จักการทำความดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับความชั่วแล้ว สังคมเราก็จะอยู่กันอย่างสันติสุข" อาจารย์หนูกล่าวทิ้งท้าย

    อย่างไรก็ตาม ทุกเดือนอาจารย์หนูจะทำบุญเป็นเจ้าภาพซื้อโลงศพถวาย วัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เป็นประจำ เนื่องจากชาวเขาส่วนใหญ่เมื่อเสียชีวิตแล้ว ไม่มีโลงศพ

    ท่านผู้ใดต้องการร่วมทำบุญซื้อโลงศพถวายวัดแม่ตะไคร้ สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนัก อาจารย์หนู กันภัย บ้านเลขที่ ๙๕/๕ ต.แขยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ff9900 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffcc66>
    ข้อห้ามของคนสักยันต์

    "ไม่สักยันต์ให้ถ้าอายุไม่ถึง ๒๐ ปี" นี่เป็นกฎข้อแรกที่ อาจารย์หนู ยึดปฏิบัติตลอดมา ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากสักยันต์ให้ไปแล้วอาจจะทำอะไรที่ไม่ดี โดยไม่ยั้งคิดก็เป็นได้

    เมื่อได้รับการสักยันต์แล้ว มีข้อห้ามอย่างเคร่งครัด คือ

    ๑. ไม่เป็นคนเจ้าชู้กับเมียใคร
    ๒. ไม่ด่าว่าพ่อแม่ของใครๆ โดยเด็ดขาด
    ๓. ไม่ทำลายพระพุทธศาสนา
    ๔. ไม่ลบหลู่บิดา-มารดา เวลาท่านต่อว่า
    ๕. ไม่เสพสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมายทุกประเภท
    ๖.ห้ามไม่ให้เป็นคนผิดในศีลธรรม
    ๗.ห้ามเป็นนักเลงหัวไม้ และ
    ๘.ห้ามตีรันฟันแทงกับใครอย่างเด็ดขาด

    ขณะเดียวกันต้องหมั่นสวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นประจำทุกๆ วัน หลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว ขอให้นั่งสมาธิ ฝึกจิต ประมาณ วันละ ๑๕-๒๐ นาที จากนั้นให้แผ่เมตตาให้กับบิดามารดา และเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ลูกศิษย์ที่สักยันต์แล้ว หากปฏิบัติตามได้ก็จะเป็นคนอยู่ยงคงกระพันชาตรี ไม่มีอะไรทำร้ายได้ แต่ถ้าลูกศิษย์คนใดผิดศีล ไม่ปฏิบัติตาม ลายสักยันต์ก็จะเป็นเพียงรูปวาดบนผิวหนังเท่านั้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    0 สุทธิคุณ กองทอง 0


    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/08/23/02.php
     
  13. โอม อุดมชัย

    โอม อุดมชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +2,527
    อนุโมทนา ครับ
    สุดคุ้มค่า กับความตั้งใจนำเสนอจของคุณTupLuang






    ******************************************************<O:p</O:p
    ตะกรุดยันต์สิงห์เพิ่มทรัพย์บรรจุมวลสารร้อยแปด ยาว 3.5 ซ.ม. ซึ่งได้รับเมตตาจาก หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฐโฐ วัดถ่ำเสือจ.กระบี่และพระอาจารย์งาม รตนญาโน วัดถ่ำเพกา จ.นครราชสีมา อธิษฐานจิตมอบให้เป็นที่ระลึก 1 ดอก<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthrea...58#post1501858<O:p</O:p<!-- / message --><!-- attachments -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2008
  14. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    ผู้ก่อตั้งชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์ ดร.คะนอง เนินอุไร

    <!--lead-->
    "ธรรมะก็คือสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจ ต้องปฏิบัติจริงและปฏิบัติบ่อยๆ แล้วเมื่อปฏิบัติจนเข้าใจจนเห็นธรรมะ จิตใจก็สบาย หลุดพ้นจากทุกข์ ไม่ว่าทุกข์นั้นจะเป็นทุกข์ทางโลก (ขั้นหยาบ) หรือทุกข์ทางธรรม (ขั้นละเอียด)" นี่เป็นหลักธรรมะในการจัดตั้งชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์ของ ดร.คะนอง เนินอุไร เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือโลกทิพย์

    สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์ขึ้นมา ดร.คะนอง บอกว่า เพื่อต้องการให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย โดยมีวัตถุประสงค์
    ๑.เป็นการสืบทอดและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา
    ๒.ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๗๖ พรรษามหาราชา
    ๓.เป็นการให้ธรรมทานอันเป็นปัญญาอันบริสุทธิ์
    ๔.รวมน้ำใจชาวพุทธ ในการสร้างกุศลกรรมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม

    ส่วนพระกรรมฐานที่เจ็บไข้ได้ป่วยมาพักที่ชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์หรือติดต่อมาโดยตรงบ้าง และได้ประสบพบเห็นบ้าง ขาดการสงเคราะห์หรือผู้ช่วยเหลือเอาใจใส่ จึงทำให้ท่านไม่กล้าไปรักษาตัว บางทีก็ปล่อยไปตามยถากรรม เคยได้ส่งพระรูปหนึ่งไปรักษาและผ่าตัดตาที่มองเห็นไม่ชัดจนมองเห็นชัดขึ้น ที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญาและได้พูดคุยกับ น.พ.ปัญญา ส่งสัมพันธ์ จึงทำให้ทราบว่า แม้ น.พ.ปัญญาเองก็ได้สงเคราะห์ไปแล้วจำนวนมาก แต่ก็ไม่สามารถให้การสงเคราะห์ได้ทั่วถึงเพราะยังขาดเงินทุนสำหรับสงเคราะห์พระกรรมฐานที่เจ็บป่วยอีกมาก

    จากตรงนี้เองจึงได้แนะนำว่า หากนิตยสารโลกทิพย์ได้ช่วยจัดหาทุนหรือตั้งกองทุนขึ้นมาก็จะช่วยพระกรรมฐานได้มาก เพื่อให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้มีโอกาสสร้างบุญมหากุศลร่วมกัน จึงได้ดำริจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์พระกรรมฐานที่เจ็บป่วยเพื่อช่วยเหลือพระกรรมฐานที่เจ็บป่วยอีกทางหนึ่ง โดยในขั้นต้นนี้ ตนเองและภรรยา (พนิดา ชอบวณิชชา) ในนาม กองทุนโลกทิพย์ ได้บริจาคเริ่มต้นไว้เป็นจำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท

    [​IMG]

    ดร.คะนอง หรือ อานนท์ เนินอุไร เกิดที่บ้านแพรกมะขาม ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๔๘๘ ปีวอก บิดาชื่อ นายเคียง (เสียชีวิตแล้ว) มารดาชื่อ นางกิมจุ๊ย (เสียชีวิตแล้ว) มีพี่น้อง ๘ คน คือ ๑.นายคณิต (เสียชีวิตแล้ว) ๒.นายธรรมรัตน์ (คนึง) ๓.นายคะนอง ๔.นายคเณศ ๕.นางจินตนา โอห์ล (พำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา) ๖.นายคณะ ๗.นายคณิน (พำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา) ๘.นายคณา เนินอุไร

    จบการศึกษาชั้น ป.๔ ที่โรงเรียนวัดเนินพระ จบมัธยมศึกษาตอนต้น ม.๑-ม.๖ ที่โรงเรียนระยองมิตรอุปถัมภ์ (ปัจจุบันคือโรงเรียนระยองวิทยาคม) จบมัธยมตอนปลาย ม.๗-ม.๘ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท จบปริญญาตรีด้านกสิกรรมและสัตวบาล พ.ศ. ๒๕๑๑ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และขณะที่ศึกษาในปีสุดท้าย ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

    เคยได้ไปฝึกปฏิบัติธรรมเมื่ออยู่ปี ๒ (พ.ศ. ๒๕๐๘) กับท่านธัมมชโย วัดพระธรรมกาย เพื่อนรุ่นเดียวกันซึ่งได้ชักชวนให้ไปปฏิบัติกับคุณยายแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นการปฏิบัติธรรมครั้งแรก เกิดปีติตัวลอยชั่วแวบแล้วก็หายไป แต่อย่างไรก็ตาม เคยได้อ่านหนังสือธรรมะ จึงรู้จักการภาวนาหายใจ เข้าพุท-ออกโธ และต่อมาได้จบ ปริญญาตรีด้านกฎหมายนิติศาสตรบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง รุ่น ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒

    จากนั้นก็เดินตามวิถีชีวิตทางโลกเรื่อยมาจนกระทั่งชีวิตผกผันได้มาจัดทำนิตยสารโลกทิพย์ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ก่อนมาจัดทำนิตยสารโลกทิพย์ ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๒๓) เกิดการนอนไม่หลับ จึงใช้ภาวนาช่วย ขณะนั้นทำอาชีพเกี่ยวกับไม้ดอกไม้ประดับใช้คาถาปัจเจกพระพุทธเจ้า ภาวนาทุกเช้า จนจิตสงบ มีความสุขพอสมควร ซึ่งทำให้ค้าขายได้ดีมาก เมื่อได้มีโอกาสมาจัดทำนิตยสารโลกทิพย์ ก็ปฏิบัติอย่างจริงจังมาก แต่อย่างไรก็ตามใน ๓ ปีแรก ยังภาวนาไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากมีภาระและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ในความดูแลมาก หลังจากปี ๒๕๒๘ ได้ขะมักเขม้นในการปฏิบัติมากขึ้น จนรู้เห็นธรรมะเอาตัวรอดได้พอสมควร จึงเป็นเหตุให้ขยายงานการเผยแพร่ได้มากขึ้นและมีศรัทธาแน่นแฟ้น ไม่เสื่อมคลายไปจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้มอบที่ดินจำนวน ๕๐ ไร่ ที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี พร้อมทั้งสร้าง ศาลา กุฏิ ห้องน้ำ เพื่อใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรม โดยเรียกชื่อว่า "สวนป่ากรรมฐานโลกทิพย์" พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้ก่อตั้ง "สภาชาวพุทธ" ร่วมกับ พ.อ. (พิเศษ) ปิยภูมิ อจลพล (ประธานสภาชาวพุทธคนแรก) เพื่อปลูกฝังคุณธรรมแก่ชาวพุทธ และเป็นประธานสภาชาวพุทธ มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๙
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร ประเภทสื่อมวลชนจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    พ.ศ. ๒๕๓๘ (๑๘ เมษายน) ได้ก่อตั้งมูลนิธิโลกทิพย์ หลังจากที่ได้ดำเนินกิจกรรมการกุศลต่างๆ ในนามกองทุนโลกทิพย์มาเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี รวมทั้งกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนหนังสือธรรมะแจกฟรี กองทุนสงเคราะห์พระกรรมฐานที่เจ็บป่วย กองทุนบริขารธุดงค์ กองทุนทอดกฐินวัดกรรมฐาน ๑๐๘ วัด ฯลฯ และอื่นๆ เช่น ชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์ ชมรมเด็กปฏิบัติธรรมโลกทิพย์ ฯลฯ


    [​IMG]

    ชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์นั้นได้จัดให้มีขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ โดยจัดให้มีการอบรมธรรมทุกวันเสาร์ต้นเดือน ต่อมาได้สร้างศาลาปฏิบัติธรรมติดแอร์กลางสระน้ำ และกุฏิพัก ๒ หลัง เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (Doctor in Science) จากเดอะ โอเพ่น อินเตอร์เนชั่นแนล ยูนิเวอร์วิตี้ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ในฐานะผู้เผยแพร่การฝึกจิตและการใช้พลังจิต

    พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้ร่วมกันจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต โดยทำหน้าที่เป็นเลขาธิการ ร่วมกับ ศ.น.พ.ดร.เทพพนม เมืองแมน (ประธานสถาบัน) และ น.พ.ชินโอสถ หัศบำเรอ (รองประธานสถาบัน) และอีกหลายๆ ท่าน เพื่อเผยแพร่ ความรู้ด้านจิตในแง่วิทยาศาสตร์ โดยได้จัดงาน "มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต" เป็นประจำทุกปี ปีละ ๑ ครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นต้นมา

    พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้จัดให้มีรางวัลโลกทิพย์ โดยเลียนแบบจากรางวัลแมกไซไซ เพื่อมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล รางวัลละ ๑๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ในการพัฒนาจิตปีละ ๕ ท่าน ในการประชุมใหญ่สภาชาวพุทธประจำปีในเดือนเมษายน

    จัดให้มีการทำบุญพระกรรมฐาน ๕๙-๗๙ รูป ตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ชาวพุทธเลื่อมใสในพระกรรมฐานปีละหลายครั้งเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี จัดให้มีการทอดกฐิน ๑๐๘ วัดกรรมฐานเป็นประจำทุกปีมากกว่า ๑๐ ปีแล้ว พ.ศ. ๒๕๔๓ ก่อนเข้าพักจิต บวชเป็นพระภิกษุ ๑ พรรษา ได้มอบที่ดินเป็นเขา ๓ ลูก ที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เพื่อสร้างเป็นวัด (เป็นวัดที่ ๒) โดยใช้ชื่อว่า "สำนักวังสวนหลวงโลกทิพย์" ซึ่งขณะนี้เป็นวัดสายหลวงพ่อชา สุภัทโท

    ชมรมปฏิบัติโลกทิพย์ ตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ ๔๘๓/๑๑ ถนนประชาสงเคราะห์ ซอย ๒ (สุทธิพร) แยกสำนักงานโลกทิพย์ ดินแดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐


    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง 0
    0 ภาพ พีระรัตน์ ธรรมจง 0

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/04/22/02.php
     
  15. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : ดร.สุวิทย์ คุณกิตติ กับ..."ปาฏิหาริย์หลวงพ่อโอภาสี"


    [​IMG]


    "การบวชครั้งนี้เพราะต้องการบวช ไม่ได้บวชแก้บน ถือเป็นการบวชครั้งที่สองในชีวิต โดยได้จำวัด ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา ๓ วัน จากนั้น จะไปจำวัดที่วัดมกุฏคีรีวัน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา"

    นี่คือเหตุผลในการบวชพระ ครั้งที่สองของ ดร.สุวิทย์ คุณกิตติ อดีต รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบวช เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

    ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า หลักปฏิบัติ ด้วยการเจริญกรรมฐาน ต้องการฝึกให้อดทน เป็นการฝึกให้มีกุศลจิต ฝึกให้เกิดเมตตา ฝึกให้มีเมตตา เพื่อแผ่เมตตาให้ศัตรูเป็นมิตร ขจัดความอิจฉาริษยา จะไม่มีศัตรูในตัวเองอีกต่อไป ใครเป็นศัตรูก็ต้องแผ่เมตตาไปให้มาเป็นมิตร ผู้มีขันติธรรม ความอดทนสำคัญมากเป็นยารักษาโรคจิตดีที่สุด ความอดทน วิริยะความเพียร เป็นยาอันหนึ่งที่ทำให้เราอายุยืนได้เหมือนกัน สติปัญญาทำให้คนอายุยืนนั่นเอง

    สำหรับเหตุการณ์เฉียดตายของสมาชิกในครอบครัวนั้น ดร.สุวิทย์ เล่าว่า ภรรยา (แหม่ม ลาวัณย์ คุณกิตติ) พาลูกๆ ไปต่างจังหวัด จังหวะที่เดินทางไปถึง จ.ลพบุรี เกิดอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงขึ้น เมื่อโชเฟอร์เกิดหลับใน ทำให้รถยนต์ต้องหักหลบรถที่สวนขึ้นมา จากตรงนี้ทำให้รถเกิดเสียหลัก พุ่งลงข้างทางอย่างแรง ทันใดนั้นภรรยาก็ตะโกนเรียกชื่อหลวงพ่อโอภาสี และในจังหวะนั้นเองก็เหมือนมีถุงดำขนาดใหญ่มาครอบคนทั้งหมด ปรากฏว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่มีใครเป็นอะไรเลยแม้แต่คนเดียว

    "ความรู้สึกของผมจริงๆ แม้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นผมไม่ได้ไปด้วย แต่ผมก็คิดว่า สิ่งที่ครอบครัวผมให้ความเคารพบูชา โดยเฉพาะหลวงพ่อโอภาสี เพื่อใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมทั้งพระเครื่ององค์อื่นๆ ผมก็คิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนสิ่งสำคัญทางใจที่คนไทยเคารพนับถือกันแล้ว สิ่งที่ครอบครัวผมรอดตายมาได้ ก็เป็นภาวะปกติ ที่หลายคนได้เจอได้พบ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นความเชื่อของคนบางคนหรือบางกลุ่ม เป็นความเชื่อความศรัทธาที่ไม่ใช่เป็นเรื่องงมงาย" นี่เป็นความเชื่อของครอบครัวคุณกิตติ

    นอกจากครอบครัวมีความศรัทธาต่อหลวงพ่อโอภาสีแล้ว ทุกคนในบ้านจะต้องท่องคาถาหลวงพ่อโอภาสีเป็นประจำตลอดมา เพราะย่าสอนให้ท่องมาตั้งแต่เป็นเด็ก คาถาที่ว่านี้คือ

    "อิติ สุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโม พุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง"

    ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนในบ้านสามารถท่องคาถานี้ได้ทั้งหมด และก่อนเดินทางออกจากบ้านไปไหนๆ ก็จะต้องท่องคาถานี้ทุกครั้ง

    ทั้งนี้ ดร.สุวิทย์ เล่าประวัติหลวงพ่อโอภาสีให้ฟังด้วยว่า ระหว่างปี ๒๔๘๔-๒๔๘๕ ประชาชนในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดพากันมาชุมนุมหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร ดังจะมีงานใหญ่ บริเวณหน้าวัดไปจรดตลาดบางลำพู มีแต่ผู้คนเนืองแน่นไปหมด ซึ่งล้วนมารอนมัสการหลวงพ่อโอภาสีประกอบพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่แตกต่างไปจากพิธีอื่นๆ นั่นคือ การเผาทรัพย์สินสิ่งของมีค่าทุกอย่าง รวมทั้งเงินทอง ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน แต่หลวงพ่อจะนั่งสงบเยือกเย็นนิ่งเฉย

    จากความพลุกพล่านของประชาชนภายในวัดบวรนิเวศวิหาร หลวงพ่อจึงได้ย้ายไปพำนักที่วัดพิชัย แต่ก็มียังมีญาติโยมบางคนติดตามไปนมัสการกันอีก จนหลวงพ่อมีความรู้สึกทำนองเกรงใจว่า จะเป็นที่รบกวนความสงบภายในวัด จึงได้ออกจาริกธุดงค์ เข้าไปอยู่ในสวนส้ม บางมด ละแวกบางขุนเทียน ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นวัดหลวงพ่อโอภาสี เป็นจุดรวมศรัทธาของมหาชนอีกแห่งหนึ่ง
    ดร.สุวิทย์ กล่าวถึง พระเครื่องที่แขวนติดตัวว่า มีอยู่ ๕ องค์ ประกอบด้วย พระนางพญางิ้วดำ ใส่แล้วเน้นไปทางเมตตามหานิยม โดยแม่ให้ไว้คุ้มครองตัวเองเมื่อครั้งไปเรียนต่อต่างประเทศ ระดับอุดมศึกษา สาขาเคมี ที่มหาวิทยาลัยเคนตักกี ปริญญาโท สาขาเคมี ที่มหาวิทยาลัยเคนตักกี นอกจากนี้ยังมีเหรียญหลวงพ่อโอภาสี โดยได้มาจากย่า พระสมเด็จจิตรลดา เหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเหรียญ ร.๕ เป็นสิ่งที่ให้คุณค่าทางใจ อย่างน้อยก็เป็นสิริมงคลกับชีวิต

    ในฐานะเป็นคนเรียนด้านวิทยาศาสตร์ ที่สอนว่า จะเชื่ออะไรต้องเหตุมีผล ทำให้มองความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ทำให้มองสิ่งนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องงมงาย ประกอบกับได้บรรพชาเป็นสามเณรและพระภิกษุมาแล้ว ก็ได้ศึกษาพระธรรมวินัย เนื่องจากพระภิกษุนวกะที่บวชใหม่จะต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ พร้อมให้ศึกษา นวโกวาท แล้วก็ตั้งใจทำ ตั้งใจปฏิบัติกิจวัตร ถ้าหากบวชแล้วไม่ทำอะไรเลย ก็จะทำให้เป็นบาป

    สำหรับนิสัยเรื่องการทำบุญนั้น ดร.สุวิทย์ บอกว่า ในสมัยเด็ก ย่ามักจูงไปทำบุญที่วัดเป็นประจำ จากตรงนี้จึงเป็นสาเหตุให้จิตใจที่อยากจะทำบุญอยู่เป็นประจำ และเมื่อโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งได้เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร การทำบุญจึงเป็นกิจวัตรที่ต้องไปร่วมงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อยามว่างจากงานวันไหนก็จะไปวัดทำบุญอย่างสม่ำเสมอ ความศรัทธาที่มีต่อการทำบุญก็จะทำเป็นแบบมีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย "ย่าสอนว่า การทำบุญจะได้บุญต้องทำด้วยใจ ไม่ได้ทำด้วยเงิน แต่ทำบุญแล้วต้องได้ความสบายใจ ทำแล้วไม่เดือดร้อน ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนก็จะทำบุญตลอด ไปเลี้ยงเด็กกำพร้า เลี้ยงคนแก่ บริจาคเป็นทุนการศึกษา และย่าได้สอนให้ใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา หรือการเดินสายกลาง พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยในทุกเรื่อง รักษาศีล มีใจเป็นทานปฏิบัติสมาธิและฝึกปัญญาให้มีสติ และสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะ เพื่อเป็นเครื่องช่วยเตือนตัวเอง ไม่ให้นำเรื่องต่างๆ มาเป็นอารมณ์" ดร.สุวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย


    http://www.komchadluek.net/column/pra/2006/01/29/03.php
     
  16. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    พระเครื่องคู่ใจคนดัง : เกือบตาย !! ...เพราะคุณไสย อำภา ภูษิต

    คุณไสย...ศาสตร์แห่งความตาย หลายเรื่องราวที่เล่าขานกันมา ไม่ว่าคนไหนจะถูกคุณไสยเข้าตัว มีการเสกตะปูฝังอยู่ในท้อง หรือเรื่องราวของความรัก คุณไสยก็เข้าไปเกี่ยวข้องจนบางคนปางตายมาแล้ว

    อดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง "แอ๊ว" อำภา ภูษิต ที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง "สามใบเถา" โดยมีนางเอกอีกสองคนแสดงร่วมกันในครั้งนั้น คือ เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ กับ สุพรรษา เนื่องภิรมย์

    อำภา เล่าว่า ประมาณปี ๒๕๔๐ ชีวิตคู่ย่างเข้าสู่ปีที่ ๙ ชีวิตครอบครัวต้องจบลงด้วยบุคคลที่ ๓ โดยก่อนหน้านั้น ไม่ได้ระแวงว่าอดีตสามีคนนี้จะมีผู้หญิงอื่นมาชอบ และไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ จะมีแรงอาฆาตมาดร้ายต้องการชนะด้วยวิธีไสยศาสตร์ ถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจากความคิดของตัวเอง
    ก่อนวันพระ ๑ วัน มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็หายไป แต่อยู่ดีๆ ๑๐ วัน ก็ปวดขึ้นมาอีก หรือบางครั้ง ๑๕ วัน ก็ปวดท้องแบบนี้อีก หายไปเป็นเดือนก็กลับมาปวดเหมือนเดิม

    พอมานึกทบทวนว่าผู้หญิงคนนี้เจอกับสามีเมื่อต้นปี ๒๕๔๐ จึงเชื่อว่าตัวเองโดนของอย่างแน่นอน

    ประมาณเดือนเมษายน เกิดอุบัติเหตุลื่นหกล้มพื้นกระเบื้องหลังบ้าน ก้นกบกระแทกกับพื้น รู้สึกปวดมาก จนต้องไปหาหมอ เอกซเรย์ดูกระดูกก้นกบที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า ผลเอกซเรย์พบฟันกรามหนึ่งซี่อยู่ในท้องข้างซ้าย แต่หมอไม่แน่ใจว่าอยู่ในมดลูกหรือปีกมดลูก จึงตัดสินใจให้หมอทำอุลตร้าซาวนด์ ดูตำแหน่งของฟันกรามในช่องท้องว่า อยู่ที่ส่วนใดกันแน่

    การอุลตร้าซาวนด์ทั้งสองโรงพยาบาลไม่พบฟันกรามหนึ่งซี่เท่านั้น แต่ได้ตรวจพบก้อนเนื้องอกที่บรรจุสิ่งแปลกประหลาดน่ากลัวอยู่ถึง ๓ ชนิด ทำให้ตกใจอย่างมาก เพราะพบฟัน เส้นผมประมาณ ๗-๘ เส้น ผิวหนังมนุษย์ ๑ แผ่น
    เพื่อความชัดเจนก่อนการผ่าตัดจึงได้ไปอุลตร้าซาวนด์ที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ผลออกมาก็ตรงกัน

    ระหว่างนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา ๓ คืน กับ ๔ วัน ก็เจอเหตุการณ์ น่าสะพรึงกลัวอีก เวลา ๐๒.๐๐ น. ขณะที่นอนหลับอยู่เพียงคนเดียวบนเตียง ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว เมื่อมีมือมือหนึ่งมาคว้าข้อแขน ที่ติดสายน้ำเกลือให้ตามไป แต่พยายามใช้มืออีกข้างหนึ่งที่ยึดกับเหล็กกั้นเตียงไว้ ขณะเดียวกันก็หาจังหวะกดออดเรียกพยาบาล แต่เมื่อพยาบาลเข้ามาผีตนนั้นก็หายไปทางหัวเตียง

    "แอ๊วรู้สึกตกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัดก็รู้สึกว่า เหมือนมีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา บุคคลลึกลับที่หายตัวไปราวกับภูตผีเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ตัวดำปี๋ นุ่งโจงกระเบนสีแดงมาดึงขา เราก็ไม่ยอม รุ่งเช้าได้ให้พี่สาวซื้อพวงมาลัยมาให้ แต่พี่สาวยังมาไม่ถึงก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผีผู้ชายร่างยักษ์ ยังไม่ทันเข้ามาจับตัวก็ได้กดออดเรียกพยาบาลมาได้ทัน ผีตนนั้นจึงหายไปทางหัวเตียงทันที" เธอเชื่อว่าผีตนนั้นหมายมาเอาชีวิต
    อำภา กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นพ่อป่วยด้วยโรคหัวใจกับโรคความดันโลหิตสูงเพียง ๑ เดือน ท่านก็จากไป เป็นเรื่องแปลกอย่างมาก เพราะว่าท่านเพิ่งได้รับการตรวจเช็ค จากทางโรงพยาบาลว่า ร่างกายแข็งแรงดี แต่ปรากฏว่าขณะที่นอนหลับอยู่ที่บ้านพ่อก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

    จากนั้นได้ปรึกษากับลุงทรง และก็ได้ให้มาพบพระอาจารย์สุภาพ วัดชนะสงคราม ท่านบอกว่า มีหมอผีได้สั่งให้ผีตนหนึ่งชื่ออินแปมาเอาชีวิต เราต้องทำพิธีรดน้ำมนต์จึงจะดีขึ้น ท่านให้นั่งบนเก้าอี้แล้วเหยียดปลายเท้าจรดพื้น จากนั้นก็อาบน้ำมนต์ให้ทั้งตัว ท่านบอกให้อาบก่อนเวลา ๑๑.๐๐ น. และอาบในวันพระ จากนั้นก็ให้น้ำมนต์มาทานที่บ้าน ชีวิตก็รอดพ้นจากมนต์ดำเหล่านั้น
    จากนั้นได้ไปพบหลวงพ่อที่วัดเจดีย์กลางน้ำ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ท่านกำจัดรากเหง้าของมนต์ดำเหล่านี้ เมื่อไปถึงวัด หลวงพ่อได้ทักขึ้นว่าตัวเรามีผีตามมาเป็นจำนวนมาก ท่านจึงให้นำกระทงอาหารไปวางตรงทาง ๓ แพร่ง ทั้งทางน้ำและทางบก โดยท่านบอกนัดว่าจากนี้ไปอีก ๑ สัปดาห์ ห้ามพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ถ้าจะพูดให้ไปพูดในโบสถ์ที่มีเสมาจึงจะพูดได้ ไม่เช่นนั้นอาจารย์ผู้ทำพิธีจะเดือดร้อนอย่างหนัก

    อดีตนางเอกชื่อดัง กล่าวทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะได้รับคำบอกจากพระรูปหนึ่ง ที่เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้พ่อเสียชีวิต เขามาเอาคุณพ่อไปแล้ว ท่านไปแทนเราเพราะคุณพ่อท่านจิตอ่อนกว่าเรา
    จากประสบการณ์ที่ได้เจอ ทำให้ อำภา ภูษิต มั่นใจว่าไสยศาสตร์มีจริง
    "ตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัดก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา บุคคลลึกลับก็หายตัวไปราวกับภูตผี เป็นผู้ชายตัวใหญ่ ตัวดำปี๋"


    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ ทวีศักดิ์ ภักดีหุ่น

    http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/12/03/02.php
     
  17. RedDavid

    RedDavid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +15
    ที่รู้แอ๊ดบาวห้อยแต่มเหศวรเท่านั้น และยิงทดสอบพุทธคุณโดยแอ๊ดบาวคับ
     
  18. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,568
    อนุโมทนาครับ การห้อยพระ ควรจะทำดีรักษาศีล และยึดมั่นในพระรัตนไตร ด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...