พระเทพสังวรญาณ (หลวงตาพวง สุขินทริโย) มรณะภาพ

กราบหลวงตาด้วยความเคารพค่ะ

หากแม้ลูกได้เคยพลาดพลั้งล่วงเกินหลวงตาแม้นด้วยกาย วาจาใจ

เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี

ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี

ในชาตินี้ หรือชาติใดๆก็ดี

ลูกขอกราบขอขมาและขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

กราบอำลาและอาลัยด้วยคนครับ

กราบอำลาและอาลัยด้วยครับ
ผมคนนึงที่ได้เคยไปใส่บาตรแก่ท่าน ซึ่งคุณเต๊ะได้พาผมไป ตอนที่ไปปฏิบัติธรรมที่ "สำนักปฏิบัติธรรมภูริทัตตะ"
(วัดแม่จันทา ฤกษ์ยาม) จ.ร้อยเอ็ด จำไม่ได้ว่า วันนั้นเปนวันเดียวกับ วันพระใหญ่ที่คุนเต๊ะบอกไว้หรือไม่

[FONT=&quot]เป็นบุญของผมจริงๆที่ได้มาเจอคุนเต๊ะ[/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
[FONT=&quot]เป์นบุญของผม ครั้งที่2 ที่คุณเต๊ะพาผมไปปฏิบัติธรรม[/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
[FONT=&quot]เป์นบุญของผม ครั้งที่3 ที่คุนเต๊ะพาผมไปใส่บาตรหลวงตาพวง[/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นบุญของผม ครั้งที่4 ที่ได้มาอ่านหนังสือ ที่ หน.นำมาให้อ่าน[/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]

ชาติก่อนเราอาจจะทำบุญร่วมกันมาและ ฟ้าเบื้องบนก็อาจดลบันดาลให้มาเจอ คุณเต๊ะ และ คุณตั๊ก

อ้อ ผมได้อ่านข้อความในโทรศัพท์แล้ว ฝากบอกคุณตั๊กด้วยว่า ขอขอบคุนสำหรับความปรารถนาดี และที่จริงก็ไม่ควรจะอธิษฐานเช่นนั้น เพราะชีวิตทุกชีวิตต่างเกิดมาเพราะบุญทำกรรมแต่งในอดีตชาติ หากเรายังไม่สิ้นกิเลส ยังต้องเกิดมาอีกนับชาติไม่ถ้วน

การเกิดนั้น พระพุทธเจ้ากล่าวว่า เป็นทุกข์อย่างยิ่ง การไม่เกิดอีก คือความสุขอย่างยิ่ง

ดังนั้น ควรจะอธิษฐานว่า

หากแม้นเกิดมาอีก ขอให้เป็นมนุษย์ทุกชาติ และให้ได้เจอพระพุทธศาสนา ให้ได้ทำบุญปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นแห่งทุกข์ เพื่อเป็นปัจจัยเข้าสู่นิพพานในกาลต่อไป

ซึ่งเป็นการอธิษฐานที่เหมาะสมที่สุด

และขอให้คุณตั๊กโชคดีในหน้าที่การงาน และเป็นแม่พิมพ์ที่ดีของชาติต่อไป คนมีบุญบารมีอย่างคุนตั๊ก ทำอะไรก็จะเจริญในชีวิต เจริญในหน้าที่การงาน ผมเชื่อเช่นนั้นครับ

วกกลับมาเรื่อง หลวงตาพวง มีใครทราบบ้างว่า ชาตินึง หลวงตาพวง เคยเกิดเป็น เสนาปัว ที่ได้ร่วมสร้างพระแก้วมรกต ที่คนไทยกราบไหว้กันทุกวันนี้ หากใครยังไม่ทราบ ผมขอเล่าเรื่องราวนิมิต ที่คุณ ไพศาล แสนไชย เขียนไว้ในหนังสือ นิมิตพิศวง ตอน การสร้างพระแก้วมรกต

นิมิตนี้เกิดขึ้น ในคืนวันยี่เป็ง (วันลอยกระทง) ตรงกับวันที่ 24 พย. 2539
มีอยู่คืนนึงที่คุณไพศาลหลับไป แล้วมีนิมิตว่า ท่านพญาพิงคราช (เป็นเจ้าผู้ครองนครโยนกเชียงแสน) และ ครูบาคันธา คัณธาโล ชาติก่อนท่านเคยอยู่ วัดเมืองสร้อย เมืองระแหง จ.ตาก ครูบานี้ได้เสี้ยงจิต (ตาย) จากโลกมนุษย์มาแล้วเป็นเวลา 1000 กว่าปีตอนนี้อยู่ใน แดนสัคกั๋ง (แดนทิพย์) ที่ครูบามาในนิมิตนี้ เพราะท่านพญาพิงคราชนิมนต์มาเพื่อจะพาคุณไพศาลไปดูโลกหน้าว่าเป็นอย่างไร
ท่านพญาพิงคราช และ ครูบา ได้พาคุณไพศาล ไปยังที่แห่งนึง (ในนิมิต) และได้พาไปพบนายขนานจืน (หนาน/ทิดหนาน)
(ซึ่งคนนี้ ชาติก่อนเป็นชาวบ้านธรรมดาคนนึงที่มีชีวิตอยู่ในยุคที่มีพญาพิงคราชครองเมือง )
ในดินแดน สัคคังโลกัง ชั้น มหาวนา ซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ดูแลรักษาของสำคัญของประเทศไทย เพื่อจะให้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างพระแก้วมรกตในสมัยก่อนให้คุณไพศาลฟัง

นายขนานจืนได้เล่าว่า

[FONT=&quot]“ ชาติก่อนที่เป็นชาวบ้านธรรมดานั้น มีชาวบ้าน2คนซึ่งอยู่บ้านติดๆกันได้ทอดแหในแม่น้ำโขง แล้วแหได้ไปติดสิ่งนึงที่อยู่ในน้ำ พอดำน้ำลงไป ก็พบว่า แหติดก้อนหินอยู่[/FONT]

[FONT=&quot]<O></O>[/FONT](ซึ่งตัวเองมารู้ภายหลังว่า การที่แหติดก้อนหินนั้นเป็นเพราะการดลบันดาลของเทวดา ชื่อ "โสนันทะเทวบุตร" )

จึงได้กู้แหขึ้นมา และเอาก้อนหินขึ้นมาด้วย ซึ่งเป็นก้อนหินประหลาดเพราะมีสีเขียว ชาวบ้านทราบข่าวก็แห่กันมาดู ทำให้ข่าวนี้แพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวง
ท่านพญาพิงคราชที่เป็นเจ้าเมืองในขณะนั้น ได้สั่งให้ไปพบเพื่อไต่ถามความจริง เมื่อพระองค์ทราบเรื่องทั้งหมด จึงได้ขอหินก้อนนี้ และได้นำไปวางไว้บนหิ้งพระเพื่อบูชา แล้วพระองค์ก็สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนและอธิษฐาน ให้เทวดามาช่วยเข้าฝันด้วยว่า จะเอาก้อนหินประหลาดนี้ไปทำไรดี

ในคืนนึง มีเทวดาองค์นึง ชื่อ "สัมปุสสะเทวบุตร" มาบอกว่า ควรแกะเป็นพระพุทธรูป ให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา พระองค์จึงได้เกณฑ์ ช่างในวัง และ ช่างชาวบ้าน มาช่วยแกะสลัก แล้วก็แกะเสร็จในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เหนือ (เดือน 10 ใต้) ปี พ.ศ. 1650

จากนั้นได้จัดงานสมโภชขึ้น (บวชองค์พระแก้ว หรือเบิกเนตรพระแก้ว)
งานได้จัดในวันที่ 15 ค่ำ เดือน 3 เหนือ เดือน 1 ใต้ ปี พ.ศ. 1650 (สมัยนั้นภาคเหนือนับวันขึ้นปีใหม่ในเดือน 7)
การสมโภชครั้งนี้ที่ประชุมได้ลงความเห็นว่าให้ตั้งชื่อพระพุทธรูปนี้ว่า

"พระพุทธโคตมมุนีศรีโยนกนาคนครเชียงแสน"

มีผู้มาร่วมงานในครั้งนี้ มีเสนาอำมาตย์ 156 คน ชาวบ้าน 256 คน ที่ลงท้ายด้วย 56 นั้น ก็เพราะพญาพิงคราชและโหราจารย์เห็นควรกันว่า จะให้เท่าบุญกุศลของพระพุทธเจ้า คือ 56 และจำนวนนี้ก็พอกับขนาดของสถานที่ด้วย

เมื่อเสร็จงานพิธี พญาพิงคราชได้นำหมู่คณะทั้งหมดพากันกรวดน้ำและอธิษฐานจิตว่า

" ด้วยบุญกุศลอันนี้ ขอให้เป็นปัจจัยค้ำชูบูชาตัวข้าพเจ้าทั้งหมด แม้ได้เกิดมาในโลก ก็ขอให้ได้เป็นมนุษย์ทุกชาติ และให้ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ทำบุญทำทาน จนถึงพระนิพพานเป็นที่สุด "

และจำนวนเสนาอำมาตย์ 156 คน นี้ มีอยู่ 2 คน ที่ได้ร่วมงานบุญในครั้งนั้น ที่ในชาตินี้ มาเกิดเป็นพระ (ที่คุนเต๊ะรู้จักดีหรือเคยไปไหว้มาแล้ว) นั่นคือ

1. ท่านสาธุเจ้าสุขินทริโยภิกขุ หรือ หลวงตาพวง อยู่วัดศรีธรรมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร ชาติก่อน ท่านคือ เสนาปัว

2.ท่านสาธุเจ้ามหาวีโรภิกขุ หรือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร อยู่วัดประชาคมวนาราม อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ชาติก่อน ท่านคือ เสนาอาด

และอีก 2 ท่าน ที่อยู่ใน จ. ร้อยเอ็ด ซึ่งไม่แน่ใจว่าคุณเต๊ะเคยไปหรือไม่ นั่นคือ

3.ท่านสาธุเจ้าสุกกะวะโรภิกขุ หรือ หลวงปู่เลื่อน อยู่วัดเหนือ อ.เมือง จ ร้อยเอ็ด ชาติก่อนคือ เสนาก้อน

4.ท่านสาธุเจ้ามา หรือ หลวงปู่มาญาณวโร อยู่วัดสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ ร้อยเอ็ด ชาติก่อนคือ นายขนานนวน


สำหรับชาวบ้าน 2 คนที่อยู่ข้างบ้านนายขนานจืน ที่ไปทอดแหนั้น มีชื่อดังนี้

1. นายหนานจื้น เกิดมาชาตินี้มีชื่อว่า นายประสิทธิ์ จันทรังสี
2. นายหนานปั๋ง เกิดมาชาตินี้มีชื่อว่า นายสุวิทย์ อินพูนใจ

ทั้ง 2 คน อยู่บ้านเกาะผาคำ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

สำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและระดับโลก ที่รู้จักกันดี จะขอยกตัวอย่างบางรายชื่อ เช่น

เสนาปวง เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า วิทยา ผิวผ่อง
เสนาขุด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ
นางตุด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหวัณ
นายขนานตุ่น เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า เจิม ปันยารชุน
นายขนานจ้าด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า นายชลอ จารุจินดา
นายขนานปัน เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า นายผล ศรุตานนท์
นายขนานดก เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า นายเดช บุญหลง
นายขนานพด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ชัยวัฒน์ อุทัยวัน อยู่ ธ นครหลวงไทย
นายขนานอ๊อย เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า นายขรรค์ ประจวบเหมาะ
นายฟัก เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า สายัณห์ สวัสดิ์ศรี อยู่ รพ พระมงกุฏ
นายป๋อน เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ฉัตรชัย ไทรโชติ อยู่ สำนักศาลยุติธรรมประจำภาค 1
นายปั๊ด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์ อยู่ บ โอสถสภา
นายพาง เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ดุล วงศ์ศุภสวัสดิ์ อยู่ บ เซเรบอส
นายดีถอด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า อำนวย อินทภูติ อยู่ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
นายน้อยสุ่มอ้า เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า อำพล กิตติอำพล อยู่ สศช
นายน้อยม่วง เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ปราโมทย์ รัฐวินิตย์ อยู่ กรมประชาสัมพันธ์
นางคำดา เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า มัลลิกา เจริญสุธาสินี อยู่ ม วลัยลักษณ์
นางคำดี เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ศิริรัตน์ จิตรการค้า อยู่ ว.ปิโตรเลียม จุฬา
นางจันทร์ผา เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ธารินทร์ สงวนเสริมศรี อยู่ กทม
นางกุย เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า กรวิภา บุญซื่อ อยู่ un
นางขาด เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า จุไรรัตน์ อุณหะกะ อยู่ แกรมมี่
นางแก้วใส เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า วาสนา พงศ์พิสุทธิ์ โกศล อยู่ บ โฟโมส
นายขนานตั๊บ เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า สมชาย จักรพันธ์
นายขนานมา เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล
นายขนานขาว เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ชาญณรงค์ ขันทีท้าว หรือ ติ๊ก กลิ่นสี
นายขนานหลวง เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ประวิทย์ มาลีนนท์์
นายถา เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า วรวัฒน์ มาลีนนท์
นายเปี้ย เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า ชฎิล มาลีนนท์
นางแก้วหยาดน้ำ เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า อรอุมา มาลีนนท์
นางสีทิ เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า วัลลิพา มาลีนนท์
นายโม เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
นายปุ๋ง เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า โชติ เชษฐโชติศักดิ์
นายตุง เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า เชษฐ์ เชษฐโชติศักดิ์
นางจา เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า วิรดา นิราพาธพงศ์พร นักกอล์ฟชาวไทย
นางคำเฟย เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า แอนนา คูนิโคว่า (anna kournikova) นักเทนนิสชาวรัสเซีย
นางคำพูน เกิดมาชาตินี้ ชื่อว่า มาติน่า ฮินกีส (martina hingis) นักเทนนิสชาวสวิต

และอื่นๆอีกมากมาย

หมายเหตุ คุนไพศาลมีนิมิตตั้งแต่ปี 39 แต่นายขนานจืนสั่งให้เผยแพร่หลังจากเลยไปแล้ว 10 ปี
คุนไพศาลจึงได้รวบรวมนิมิต และเขียนเปนหนังสือเมื่อปี 50
ดังนั้น ในปัจจุบัน บางคนอาจจะไม่ได้ดำรง ตน.ตามหน่วยงานที่กล่าวไว้ข้างบน

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่นายขนานจืนได้เล่าให้คุณไพศาลฟังในนิมิตท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้

สำหรับผมคิดว่าเป็นเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้เพราะในหนังสือมีพยานหลักฐานหลายคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็น คนธรรมดา ดารา ข้าราชการ นักธุรกิจ นักการศึกษา นักกีฬา นักการเมือง พระสงฆ์ ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และระดับโลก รวมทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และต่างประเทศ
เป็นที่น่าสังเกตว่า นายขนานจืนรู้ ชื่อจริง นามสกุลจริง เลขที่พัก เบอร์โทรศัพท์ สถานที่ทำงาน เลขที่โฉนด และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งๆที่คุณไพศาล ไม่เคยรู้ ไม่เคยไปพบคนๆนั้นเลยมาก่อนเลย

นอกจากนี้ นายขนานจืนยังรู้อีกว่า ชาติหน้า คนเหล่านี้จะเกิดเป็นอะไร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ถ้าคนเหล่านี้ยังยึดมั่นในศีลธรรมอันดี แต่หากพวกเขาทำกรรมชั่วมากๆ ก็จะลงไปสู่นรกทันทีเช่นเดียวกัน

รายละเอียดยังมีอีกมากที่อ่านแ้ล้ววางไม่ลงใครสนใจสามารถอ่านต่อได้ในหนังสือ

นิมิตพิศวง ตอน การสร้างพระแก้วมรกต (ไม่มีขายทั่วไป) เขียนโดยคุณ ไพศาล แสนไชย

หากใครสนใจหนังสือนี้ฉบับถ่ายเอกสารก็ให้ลงชื่อ ที่อยู่ผมจะส่งไปให้ทาง ปณ. และ มีค่ากระดาษ+ค่าจัดส่งด้วย

เพราะคุณไพศาลได้บอกไว้ว่าหนังสือของเขานั้น แจกฟรี ห้ามจำหน่าย ผมก็อยากจะแจกฟรีจริงๆ แต่หากนอกเหนือจากนั้น ที่ไม่ใช่หนังสือ ก็ขอคิดค่ากระดาษ และ ค่าส่ง นิดหน่อยเท่านั้น ผมไม่อยากที่จะทำให้ผิดเจตนารมณ์ของผู้เขียน เดี๋ยวคุณไพศาลสั่งให้ นายขนานจืนมาหลอกผมก็เป็นได้'(-_-)

สัพพะ ทานัง ธัมมะ ทานัง ชินาติ --- การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

 

cd มีเหลือบ้างไหมครับ จะขอรับด้วยคนได้ไหมคับ
หากหมดจริงๆ รบกวนท่านอื่นช่วยไรท์ซ้ำจะได้ไหมครับ
จะผิดลิขสิทธ์ไหมคับ ถ้าไม่ไ่ด้ไม่เปนไรคับ

 

วันนี้ได้ไปกราบสังขารท่านมาค่ะ

วันนี้ที่ ๙ เมษา เพื่อนได้มารับไปกราบสังขารท่าน และได้ไปกราบท่านเจ้าอาวาทวัดใหม่นิคมฯท่านเล่าทุกอย่างที่ท่านได้ประสบมาก่อนที่หลวงตาจะละสังขาร
มีตอนหนึ่งที่ท่านเล่าแล้วอยากจะเล่าสู่ผู้ที่เคารพนับถือท่านฟัง
ก่อนหลวงตาจะละสังขารนั้น หลวงตาสรวง น้องชายท่าน ได้พูดกับร่างที่นอนสงบนิ่งของท่านหลวงตาพวงว่า จะรับจัดการงานทุกอย่างที่ท่านต้องการทำ ไม่ต้องห่วง และหากท่านรอใครก็ไม่ต้องห่วงจะบอกต่อคนที่ท่านรอให้ พอพูดจบ ระดับความดันและ การเต้นหัวใจ ก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็วมาจนระดับ ศูนย์
ในงานมีการจำหน่ายภาพพระอาทิตย์ทรงกรดเป็นภาพหน้าท่านด้านข้าง และดวงธรรม ที่พุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์ ซึ่งเกิดในระหว่างนำสังขารท่านบรรจุโลง
สังขารท่านอยู่ที่วัดในตัว จ.ยโสธร ไม่ได้อยู่ที่วัดใหม่ฯ

ท่านเจ้าอาวาทวัดใหม่นิคมพัฒนาราม อ.ป่าติว จ.ยโสธร
วันที่ ๑๐ เมษา ท่านจะปลีกวิเวก ไปที่เชียงใหม่หนีความวุ่นวาย

รูปที่ ๔ นับจากซ้ายมือ ท่านเจ้าอาวาทวัดใหม่พัฒนานิคม

ภาพลูกศิษย์ท่านที่เดินทางมาจากอุบลฯ ถ่ายร่วมกับท่านเจ้าอาวาทวัดใหม่นิคมฯ

 

กราบอาลัยพระอริยเจ้าหลวงตาพวงครับ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกๆคนด้วยนะครับ ผมไปกราบท่าน3ครั้งแล้วครับ

 

ใครสนใจ เรื่องราวการสร้างพระแก้วมรกตในอดีต อ่านต่อได้ที่นี่ครับ

 

ใครไปกราบพระศพองค์หลวงตาแล้วนำรูปมาให้ชมด้วยนะครับ _/\_

หรือมีข่าวความคืบหน้างานพิธีพระราชทานเพลิงก็นำข่าวมาแจ้งด้วยนะครับ

 

ขอกราบไว้อาลัยพระอริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พระคุณเจ้าหลวงตาพวงอย่างสุดซึ้ง
อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ...สาธุ สาธุ สาธุ

 

พระเจ้า! มีแอนนา คูนิโคว่า คนสวยด้วย
ไปเกิดซะไกลเชียว อิๆ สวยด้วย!

 

ข้าพเจ้าขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ. และข้าพเจ้ามีความสนใจมาก สำหรับหนังสือนิมิตพิศวง ตอน การสร้างพระแก้วมรกต แล้วคุณจะจัดส่งให้ข้าพเจ้าจริงหรือครับ กรุณาส่งมาที่ นายชัชฌาณัฏฐ์ สังวาลเพ็ชร หอพักมาลัยแมนนแมนชั่น 3 8/3 ห้องเลขที่ 09 ถนนมาลัยแมน ซอย 1 ตำบลลำพยา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม 73000 ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยนะครับ.

 

คุณชัชฌาณัฏฐ์ มีคอมไหมครับ ผมว่าน่าจะโหลด ไฟล์ pdf ไปอ่านดีกว่า ซึ่งตอนนี้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คิดว่า คุนคงโหลดไปอ่านแล้วกระมัง

หากไม่มีคอม ก้อจะจัดส่งหนังสือ (ที่เป็นกระดาษ) ไปให้ครับ

 

ประกาศวันพระราชทานเพลิงศพท่านเจ้าคุณพระเทพสังวรญาณ



วันอังคารที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๕
เวลา ๑๙.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
เวลา ๒๐.๐๐ น.
แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เปลี่ยนเครื่องประกอบเกียรติยศศพ


วันพุธที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕
เวลา ๐๗.๐๐ น.
พระภิกษุสามเณพ ออกรับบิณฑบาตและฉันภัตตาหารเช้า
เวลา ๐๙.๐๐ น.
พิธีขอขมาสรีระสังขารหลวงตา และอาราธนาสรีระสังขารลงจากศาลาสุนทรจิตตานุสรณ์ ตั้งขบวนอาราธนาไปยังพระเมรุ แห่รอบพระเมรุ ๓ รอบ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนจิตกาธาน ณ เมรุพิเศษ
เวลา ๑๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
- แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
- พระสงฆ์ ทั้งนั้น ถวายพรพระแล้วฉันภัตตาหารเพล
เวลา ๑๓.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๒๐ รูป รับทักษิณานุประทาน
เวลา ๑๙.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
เวลา ๒๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ แสดงพระธรรมเทศนา ๑กัณฑ์


วันพฤหัสที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๕
เวลา ๐๗.๐๐ น.
พระภิกษุสามเณร ออกรับบิณฑบาตและฉันภัตตาหารเช้า
เวลา ๑๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
- แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
- พระสงฆ์ ทั้งนั้น ถวายพรพระแล้วฉันภัตตาหารเพล
เวลา ๑๓.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๒๐ รูป รับทักษิณานุประทาน
เวลา ๑๙.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
เวลา ๒๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์


วันศุกร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๕
เวลา ๐๗.๐๐ น.
พระภิกษุสามเณพ ออกรับบิณฑบาตและฉันภัตตาหารเช้า
เวลา ๐๘.๐๐ น.
ถวายฉันภัตตาหารเช้า
เวลา ๑๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
- แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
- พระสงฆ์ ทั้งนั้น ถวายพรพระแล้วฉันภัตตาหารเพล

เวลา ๑๓.๐๐ น.
แสดงพระธรรมเทศนาสังคยนา ๒ ธรรมาสน์
-พระสงฆ์ 50 รูป สวดแจง
เวลา ๑๙.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
เวลา ๒๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์



วันเสาร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕
เวลา ๐๗.๐๐ น.
พระภิกษุสามเณพ ออกรับบิณฑบาตและฉันภัตตาหารเช้า
เวลา ๑๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
- แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
- พระสงฆ์ ทั้งนั้น ถวายพรพระแล้วฉันภัตตาหารเพล
เวลา ๑๓.๐๐ น.
พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๑๐ รูป สวดมาติกาบังสุกุล
เวลา ๑๓.๓๐ น.
พระสงฆ์ ๑๔๐ รูป รับทักษิณานุประทาน
เวลา ๑๖.๐๐ น.
ประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส
- ทอดผ้าไตร ๑๐ ไตร พระัสงฆ์ ๑๐ รูป บังสุกุล

- ประกอบพิธีพระราชทานเพลิง -

พระัพิธีธรรม ๔ รูป สวดพระอภิธรรม
เวลา ๒๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์

วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๕
เวลา ๐๗.๐๐ น.
พิธี ๓ หาบ พระสงฆ์ ๓ รูป บังสุกุล
ฉันภัตตาหาร ๓ หาบ ในพิธีเก็บอัฐิ
เวลา ๐๙.๐๐ น.
อัญเชิญอัฐิประดิษฐานบนศาลาสุนทรจิตตานุสรณ์
เวลา ๑๐.๐๐ น.
พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ฉลองอัฐิื
เวลา ๑๑.๐๐ น.
ถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุ สามเณร เป็นเสร็จพิธี


เชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเืพื่อทำบุญในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงตาพวง
บริจาคได้ที่
ธนาคารกรุงไทย สาขา ยโสธร
บัญชี พิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพสังวรญาณ(พวง สุขินฺทริโย)
315 - 0 - 36844 - 4




หรือติดต่อ
พระครูประสิทธิ์ สีลคุณ (ผู้่ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีธรรมาราม)086-4602234
หลวงพ่อบัลลังก์ ฉินฺนะอันโธ 089-0042188 , 086-4602234

ขอบพระคุณข้อมูลจาก หลวงตาพวง

 

ขอรับซีดีที่ท่านแจกเป็นธรรมทานนะครับ ชื่อภาสกร ทองศรี 123 หมู่ 2 หอ แก้วกัลยา ตำบล ศีรไค อำเภอ วารินชำราบ จังหวัด อุบลราชธานี 34190