.พระไตรปิฎก คืออะไร

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 13 พฤษภาคม 2007.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    1. พระไตรปิฎก คืออะไร
    พระไตรปิฎก คือ พระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้าได้สั่งสอนไว้ในสมัยพุทธกาล ต่อมาเมื่อมีพระอรหันต์พระอริยสงฆ์สาวกได้รวบรวมพระธรรมเป็น 3 ภาค 3 ตำรา จึงเรียกว่า ไตรปิฎก เพื่อสาธุชนรุ่นหลังจะได้ศึกษาปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนเพื่อพ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดจาก นรกภูมิ มนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เพื่อติดตามองค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าสู่เอกันตบรมสุขแดนทิพย์นิพพานได้ง่าย

    2. พระไตรปิฎกแบ่งเป็น 3 ภาค 3 ปิฎกนั้นมีอะไรบ้าง
    พระไตรปิฎก ซึ่งแปลว่ามีพระธรรม 3 ภาค (3 ตำรา, 3 คัมภีร์) คือ
    1. วินัยปิฎก มีข้อห้ามหรือศีลของภิกษุ ภิกษุณี
    ข้อห้ามของผู้ครองเรือน คือ ศีล 5 ข้อ
    2. สุตตันตปิฎก เป็นตำราว่าด้วยพระธรรมเทศนา รวมทั้งสมาธิวิปัสสนาทั่วๆไป รวมทั้งภาษิตและประวัติของพระพุทธเจ้า พระพุทธสาวก
    3. อภิธรรมปิฎก เป็นตำราว่าด้วยหัวข้อธรรมะล้วนๆ เป็นหลักธรรมที่สำคัญยิ่ง พระไตรปิฎกมีเนื้อความทั้งหมด 84000 พระธรรมขันธ์ แบ่งเป็น
    พระวินัยปิฎก 21000 พระธรรมขันธ์
    พระสุตตันตปิฎก 21000 พระธรรมขันธ์
    พระอภิธรรมปิฎก 42000 พระธรรมขันธ์
    สมัยพุทธกาลพระสาวกท่านได้จดจำไว้ในใจ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสบอกพระจุนทะเถระผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ให้รวบรวมธรรมภาษิตของพระองค์และให้จัดระเบียบเพื่อให้พระธรรมถูกต้องยั่งยืนสืบไป
    เมื่อองค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานได้ 3 เดือน ท่านพระมหากัสสปเถระทรงริเริ่มรวบรวมพระธรรมคำสอนและเป็นประธานผู้สอบถามท่านพระอุบาลีเถระเป็นผู้ตอบทางพระวินัย ท่านอานนท์เถระเป็นผู้ตอบทางพระธรรม มีพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ 500 รูปประชุมกันสังคายนาจัดพระธรรมเป็นตำรา กระทำกันอยู่ 7 เดือนจึงเสร็จ ต่อมาภายหลังได้รวบรวมตำราจากการจำมาเขียนบันทึกเป็นภาษาบาลีในอินเดียภาคเหนือ และมีท่านผู้รู้แปลพระไตรปิฎกจากภาษาบาลีเป็นภาษาจีน ภาษาอังกฤษและภาษาไทยจำนวน 80 เล่มเท่าพระชนมายุของพระผู้มีพระภาคเจ้า และได้ย่อความรวบรวมพระไตรปิฎกมาจาก 80 เล่มเป็น 45 เล่ม
    การศึกษาให้รู้และเข้าใจในพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎกแบ่งออกเป็น 3 ขั้น
    1) ขั้นปริยัติ ขั้นแรกเรียนเข้าใจทางปริยัติหรือตำรา คือ อ่านเข้าใจหัวข้อพระธรรมให้เข้าใจก่อน
    2) ขั้นปฏิบัติ เมื่อเข้าใจตำราปริยัติแล้วก็เริ่มปฏิบัติทางกาย วาจา ใจ ตามจริตอัธยาศัยที่ตนเองชอบปฏิบัติแบบไหนเพราะแนวคำสอนพระพุทธองค์มีถึง 84000 พระธรรมขันธ์ ชอบแบบไหนทำแบบนั้นดีทุกแบบแล้วแต่จะเลือกตามอัธยาศัยของท่านที่ปฏิบัติ
    3) ขั้นปฏิเวธ คือ การได้รับผลมีความสุขกายสุขใจจากบุญบารมีคุณความดีที่ได้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนในตำราพระไตรปิฎกนั้นจิตเข้าถึงอริยมรรค อริยผล มีพระนิพพานเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของจิตไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

    3. พระธรรม 84000 พระธรรมขันธ์โดยรวมยอดย่อที่สุดนั้นคืออะไร
    ขอตอบตามที่พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาไว้ในพระอภิธรรมทั้ง 7 โดยล้ำลึกละเอียดยิ่งนั้นย่อจาก 84000 พระธรรมขันธ์แล้วมี 4 อย่างคือ
    1) จิต คือทำจิตให้สะอาดแจ่มใสด้วยการนึกถึงความตายเป็นอริยสัจ นึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระนิพพาน คุณพระอริยสงฆ์ เป็นการห้ามจิตไม่คิดวิตกกังวลฟุ้งซ่านเป็นทั้งสมาธิและวิปัสสนาญาณรวมกัน
    2) เจตสิก คืออารมณ์จิตทั้งหลายแหล่แส่ส่ายไปทั่วโลก ก็หัดห้ามอารมณ์ใจให้เป็นหนึ่ง คือ มีเมตตาและวางเฉยในเมื่อสุขๆทุกข์ๆเกิดขึ้นให้มีอารมณ์เดียวเป็นสมาธิมีปัญญาดี
    3) รูป คือรูปร่างกายที่จิตเรานั้นมาอาศัยอยู่ชั่วคราวจิตอย่าไปหลงรักรูปร่างกายเรา รูปร่างกายเขาหรือทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญใดๆ ในโลก เพราะรูปวัตถุ คน สัตว์ เหล่านี้แปรปรวนเสื่อมสลายพังไปไม่มีอะไรเหลือในที่สุด
    4) พระนิพพาน ให้ตั้งจิตตั้งใจไว้ว่า ร่างกายที่สกปรกเน่าเหม็นเป็นที่พักอาศัยของจิตชั่วคราว ทั้งรูปทั้งนาม คือ ขันธ์ 5 แตกสลายตายไปเมื่อไร จิตเรามีจุดหมายปลายทางที่ไป คือ พระนิพพาน
    แต่รวมยอดสั้นที่สุดก็คือ จิตเราไม่มีวันตายเป็นอมตะ ไม่สูญสลาย จิตมีจริง พระนิพพานก็เป็นของจริง รูปร่างกาย เจตสิกอารมณ์ดีชั่วต่างๆเป็นของปลอม ไม่ต้องสนใจของปลอมของสมมุติ ให้สนใจของจริง คือ จิตและพระนิพพาน เป็นของง่ายที่สุด ถ้าแยกจิตออกจากกายได้ ก็ชื่อว่าผู้นั้นเข้าใจ 84000 พระธรรมขันธ์
    ผู้ไม่ติดใจขันธ์ 5 ชื่อว่ามีพระไตรปิฎกที่อยู่ในจิต พระธรรมทั้ง 84000 พระธรรมขันธ์ทั้งหมดก็มาลงที่ให้ละทิ้งปล่อยวางขันธ์ 5 เราขันธ์ 5 เขาทั้งนั้น

    ขอตอบโดยย่อจาก 84000 พระธรรมขันธ์ นั้นให้เหลือเพียง 2 อย่างคือ
    1. โลกียธรรม คือ ธรรมที่คนสัตว์อยู่ร่วมกันในโลกอย่างสันติสุข คือ เมตตาให้ทานมีศีล 5 ครบ ถ้าตอบตามแบบพระอภิธรรมคือ รูปร่างกายคน สัตว์ สิ่งของ เป็นของเสื่อมสลาย รวมทั้งเจตสิกอารมณ์ทั้ง 52 ชนิดก็ไม่ถาวรเกิดๆดับๆ หายไป ไม่ใช่ของจริง เป็นของชั่วคราวทั้งสิ้นในโลกนี้

    2. โลกุตตรธรรม คือ ความจริงที่ยกระดับจิตคนเทพพรหมเป็นพระอริยเจ้าสู่พระนิพพาน ถ้าจะตอบแบบนักอภิธรรม คือ ของจริงแท้มีแต่จิตกับพระนิพพาน นอกจากจิตและพระนิพพานแล้ว นอกนั้นเป็นของปลอมของสมมติทั้งสิ้น โลกุตตรธรรมจึงเป็นธรรมะเหลือโลกไม่มีการเวียนเกิดเวียนตาย ไม่สูญสลายไปด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีอยู่ 2 อย่างคือ จิตและนิพพานเป็นของจริง ตาเนื้อมองไม่เห็นจิตหรือนิพพาน แต่รู้ได้ด้วยทิพยจักขุญาณ คือ จิตเป็นทิพย์ ผู้ที่จะเข้าใจจิตและพระนิพพานได้ถูกต้อง คือ พระอริยเจ้าตั้งแต่ขั้นพระโสดาปฏิมรรคถึงพระอรหัตตผล สำหรับพระโยคาวจร คือ เราท่านผู้ปฏิบัติธรรมที่ฝึกมโนมยิทธิได้โดยพระเมตตาขององค์สมเด็จพระศากยมุนีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    โปรดช่วยยกจิตให้เหล่าพุทธบริษัทได้เข้าอภิวาทกราบแทบพระบาทพระพุทธองค์ได้ง่ายๆ ได้เข้าใจในสภาวะพระนิพพานตามความเป็นจริงจะได้ก้าวหน้าเข้าใจพระธรรมคำสอนบรรลุอริยมรรคอริยผลตามองค์พระตถาคตได้ง่ายรวดเร็วว่องไวในชาติปัจจุบันนี้

    จากหนังสือ "ธรรมประทานพร เล่ม ๔"
    โดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ
    <!--MsgFile=1-->
    <!--MsgFile=0-->http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5404762/Y5404762.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...