พลังเรกิ คือ อะไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 19 พฤศจิกายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เรกิคืออะไร

    เรกิคือการบำบัดเยียวยาแบบองค์รวม กล่าวคือเป็นการบำบัดทั้งในระดับกายภาพ จิตใจ อารมณ์และ จิตวิญญาณ โดยมีความเชื่อที่ว่าพลังงานจะไหลผ่านมือของผู้บำบัดเมื่อมือ ทั้งสองข้า งวางบนหรือใ กล้กับร่างกาย จุดหรือตำแหน่งของผู้รับการบำบัด.

    จุดกำเนิดและการพัฒนา

    เรกิ หรือพลังจักรวาล มีอยู่ในสิ่งมีชีวิต เทคนิคการบำบัดนี้มีพื้นฐานมาจากพุทธศาสนา ในทิเบต ซึ่งต่ อมาได้รับการพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นในปลายศตวรรษที่19หรือต้นศตวรรษ ที่20 โดย ดร.ยูซุ่ย (1865-1926) ซึ่งตัวของผู้บำบัดจะเป็นตัวกลางหรือช่องทาง ของการลำเลีย งพลังงา นนี้ผ่านตนเองเข้า ไปยังตัวผู้ป่วยด้วยการวางมืออย่างนุ่มนวลเพื่อกระตุ้นให้พลังธรรมชาติไปบำบัดตามร่างกายของผู้ป่วยเพื่อให้ร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเกิดความสมดุล ผู้บำบัดที่สามารถเข้าถึงพลังนี้ได้ต้องผ่านกระบวนการเปิดจักระจากอาจารย์ครูเรกิเท่านั้น.
    [​IMG]

    การให้พลังเรกิ 5 คน ต่อคนป่วย 1 คน


    ที่มา: โรงเรียนศาสตร์ทางเลือกไทชี่



    [​IMG]


    ความเป็นมาของพลังบำบัดระบบเรกิ

    ระบบการเยียวยาที่มีการพัฒนาขึ้นในช่วงปลาย ค.ศ. 1800 จากการค้นคว้าและการปฏิบัติสมาธิของ ดร.มิคาโอะ อูซูอิ ผู้ซึ่งศึกษาความรู้ด้านปรัชญาธรรมชาติ ศาสนา และองค์ความรู้เรื่องการเยียวยารักษาโรค ภายหลังการพัฒนาการเยียวยาระบบเรกิของ ดร. อูซูอิ ในญี่ปุ่นมีระบบการรักษาที่ใช้ชื่อว่าเรกิหลายแบบ แต่การอบรมจะหมายถึง ระบบการเยียวยาของ ดร. อูซูอิ ที่มีชื่อเรียกว่า ระบบอูซูอิเพื่อการเยียวยาตามธรรมชาติ หรือ อูซูอิ ซิกิ เรียวโฮ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของเรกิ


    มีความเชื่อว่ารากฐานการพัฒนาระบบการเยียวยาด้วยวิธีธรรมชาติของ ดร. อูซูอิ เป็นรูปแบบการเยียวยาด้วยพลังที่ปรากฏมาหลายพันปี การค้นคว้าบางแหล่งเชื่อว่าเป็นรูปแบบการเยียวยาที่คล้ายคลึงกับแนวปฏิบัติของพระภิกษุชาวธิเบตที่สามารถเข้าใจศาสตร์แห่งการนำพลังจากธรรมชาติมาใช้เพื่อฝึกจิตใจให้เกิดความสงบและสามารถความเข้าถึงสภาวะธรรม ศาสตร์การบำบัดด้วยพลังมีการถ่ายทอดจากครูผู้สำเร็จวิชาแก่ศิษย์ที่ได้รับการเลือกสรรเท่านั้น ตลอดจนมีการเผยแพร่สู่พระภิกษุในพุทธศาสนามหายาน และมีการเผยแพร่สู่ประเทศจีนและญี่ปุ่น


    ตามความเชื่อของชาวพุทธสายวัชรยานมหายานเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าที่เรียกขานว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ก่อนที่ ดร. มิคาโอะ อูซูอิ พัฒนาระบบเรกิ ท่านได้ฝึกการเยียวยาด้วยพลังมาก่อน แต่ค้นพบข้อจำกัดในการใช้เทคนิคการบำบัด เช่น เมื่อรักษาแล้วมีการสูญเสียพลังในร่างกายตนเอง ต้องฝึกดึงพลังมาเก็บในร่างกาย และไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ในจำนวนมาก และบางคนไม่สามารถพัฒนาตนเองเพื่อใช้พลังในการบำบัดได้ เป็นต้น จากข้อจำกัดดังกล่าวทำให้อาจารย์เริ่มศึกษาค้นหารูปแบบการเยียวที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการถ่ายทอดแก่ผู้สนใจ ในการค้นคว้า ดร. อูซูอิ มีการค้นคว้าจากเอกสารคำภีร์ต่าง ๆ จนได้เรียนรู้สัญลักษณ์ แต่ไม่สามารถใช้สัญลักษณ์จนกระทั่งมีการฝึกสมาธิแบบเคร่งครัดโดยงดอาหารเป็นเวลา 21 วัน ระหว่างฝึกสมาธิเกิดประสบการณ์แห่งปัญญาจนเข้าใจการนำพลังชีวิตแห่งจักรวาลมาใช้และสามารถถ่ายทอดการบำบัดระบบเรกิแก่ผู้อื่น


    ภายหลังค้นพบและพัฒนา ดร. อูซูอิได้ถ่ายทอดเรกิขั้นสูงให้กับศิษย์หลายคน ซึ่งบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญคือนายแพทย์จุชิโระ ฮายาชิ ซึ่งเป็นนายแพทย์ทหารประจำกองทัพเรือญี่ปุ่น ก่อนการเรียนรู้การเยียวยาระบบเรกิ นายแพทย์ ฮายาชิเจ็บป่วย ต่อมาท่านใช้เรกิเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาตนเอง ดร. ฮายาชิมีบทบาทสำคัญในการปรับเทคนิคการเยียวยาจากเดิมที่มีความหลากหลาย มีความยุ่งยากในการจดจำ เป็นท่าการวางมือแบบมาตรฐาน ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและการปฏิบัติจริง


    ต่อมา ดร. ฮายาชิ ได้ตระหนักว่าเรกิควรได้รับการเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ จึงตัดสินใจถ่ายทอดองค์ความรู้เรกิแก่ นางฮาวาโย ทากาตะ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในเกาะคาวี มลรัฐฮาวาย ประเทสสหรัฐอเมริกา นางฮาวาโย ทากาตะ กล่าวได้ว่านางเป็นคนแรกที่นำระบบเรกิไปเผยแพร่ในอเมริกา ต่อมาเรกิเกิดการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทั้งรูปแบบการสอน จุดมุ่งเน้น แต่คงไว้ซึ่งลักษณะดั้งเดิมที่ได้รับจากอาจารย์อูซูอิ ระบบถ่ายทอดความรู้ที่ผ่านจากครูผู้สอนไปสู่นักเรียนโดยตรง


    ในช่วงที่นางทากาตะได้ริเริ่มถ่ายทอดเรกิในอเมริกาได้เกิดระบบการกำหนดโครงสร้างค่า ธรรมเนียมการเรียนเรกิ และการแบ่งระดับย่อยของระดับการเรียนเรกิ ระบบค่าธรรมเนียมการเรียนที่แตกต่างกัน ทั้งนี้จุดเน้นหลัก คือมองว่าเรกิคือหลักสูตรการบำบัดแบบผสมผสานเพื่อการเยียวยาตัวเองเช่นเดียวกับระบบแพทย์ทางเลือกอื่น ๆ เช่น การนวด โยคะ เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ความหมายเรกิ

    เรกิเป็นภาษาญี่ปุ่น “เร” อาจหมายถึง ความรู้ทางจิตธรรมชาติ สิ่งเหนือธรรมชาติ พลังจิตแห่งจักรวาล พลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ หรืออาจหมายถึง องค์ความรู้ของพระเจ้าต่อสรรพสิ่งต่างๆ เพื่อการเข้าใจความเป็นคนเราอย่างสมบูรณ์ ส่วน “กิ” หมายถึง พลังชีวิต (life force) มีความหมายเช่นเดี่ยวกับ ฉี ในภาษาจีน หรือ ปราณ ในภาษาสันสกฤต หรือมานา ในภาษาดั้งเดิมของฮาวาย


    เรกิ หมายถึง พลังชีวิตแห่งจักรวาล (universal life force) โดยมี “เร” ทำหน้าที่ในการนำทางพลังชีวิตที่เรียกว่า “กิ” ไปสู่การปฏิบัติ แนวความคิดของผู้ปฏิบัติระบบนี้เชื่อว่าเรกิมีคุณสมบัติที่จะนำตัวเองในการทำงาน หรือพลังเรกิมีปัญญาแห่งตนที่ไม่ตอบสนองต่อการเหนี่ยวนำหรือความสุขุมด้านจิตของผู้ปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติเรกิผู้ปฏิบัติไม่ต้องใช้จิตเพื่อชี้นำพลังไปตามบริเวณที่บำบัด


    ในปัจจุบันพบว่ามีผู้เยียวยาหลายคนที่ใช้พลังบำบัด แต่เป็นเพียงการใช้พลังชีวิตทั่วคือ กิ ในการเยียวยา การบำบัดโดยใช้ “กิ” นั้น เกิดจากจิตผู้ปฏิบัติเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหวของพลัง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ระบบเรกิผู้ปฏิบัติที่ใช้พลังเทคนิคการบำบัดด้วยพลังรูปแบบอื่นสามารถเรียนรู้ระบบเรกิได้เพื่อพัฒนาศักยภาพในการบำบัด จากประสบการณ์ของผู้เขียนพบว่าบุคคลเหล่านี้เมื่อเรียนรู้ระบบเรกิเพิ่มเติมสามารถพัฒนาการรับรู้พลังที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ความแตกต่างของเรกิจากระบบการบำบัดอื่นคือ ระบบการถ่ายทอดความรู้เรกิ กล่าวคือ ผู้ศึกษาต้องได้รับปรับพลังเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับแหล่งพลังงานเรกิที่มีอยู่ในจักรวาล


    เรกิไม่ใช่ศาสนา เรกิเป็นเรื่องของจิตที่เป็นธรรมชาติ เรกิจึงไม่ใช่หลักการด้านศาสนาหรือลัทธิ ไม่มีความเชื่อหรือระบบพิธีกรรมที่ต้องปฏิบัติระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน และผู้เรียนไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนระบบความเชื่อเชิงศาสนาเดิมเมื่อตัดสินใจเรียนรู้เรกิ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีความศรัทธาตามศาสนาที่ตนนับถือให้ข้อมูลว่าพวกเขามีความก้าวหน้าในการปฏิบัติตามความเชื่อมากขึ้นเมื่อเรียนรู้และฝึกการบำบัดระบบเรกิอย่างสม่ำเสมอ


    เรกิไม่มีอันตราย การค้นคว้าเอกสารและประสบการณ์การใช้เรกิไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวกับอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนจากการบำบัดระบบเรกิ เพราะผู้ปฏิบัติไม่ได้สั่งการเยียวยาใด ๆ และไม่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษา เพราะผู้ปฏิบัติไม่ใช่ผู้รักษาแต่เป็นเพียงช่องทางให้พลังเรกิผ่านไปยังผู้ป่วยเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลในร่างกายของผู้ป่วย


    พลังไม่เคยถอย เนื่องจากการเยียวยาด้วยระบบเรกิผู้ปฏิบัติเป็นเพียงช่องทางที่พลังเรกิจากบรรยากาศทั่วไปในจักรวาลไหลผ่านเพื่อไปสู่ผู้รับพลังเรกิ พลังของผู้ปฏิบัติจึงไม่ถูกใช้ในการเยียวยา ดังนั้นพลังของผู้ปฏิบัติจึงไม่ถดถอย ผู้ปฏิบัติไม่ปรากฎอาการอ่อนเพลียหลังจากเยียวยา และสามารถรักษาผู้ป่วยได้ต่อเนื่องหลายคน

    กล่าวโดยสรุปการเยียวยาด้วยระบบเรกิมีลักษณะเด่นคือ

    1. การเป็นผู้ปฏิบัติเรกิเกิดจากครูผู้สอนปรับร่างกายของผู้เรียนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อสามารถใช้เรกิในการเยียวยา ทำให้ทุกคนสามารถเรียนเรกิได้
    2. ผู้เรียนไม่ต้องฝึกสมาธิ หายใจ หรือกิจกรรมอื่นเป็นระยะเวลานาน ต่อเนื่องเพื่อพัฒนาศักยภาพเป็นผู้ปฏิบัติเรกิ
    3. พลังเรกิเป็นคลื่นที่มีความถี่สูงสามารถไหลเวียนหรือเคลื่อนไปตามตำแหน่งต่าง ๆ ในร่างกายที่มีการขาดความสมดุลของพลังงานได้อย่างอัตโนมัติ ผู้ปฏิบัติไม่จำเป็นต้องใช้จิตเป็นตัวนำเพื่อส่งผ่านพลังไปรักษา
    4. เรกิไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติและผู้รับการเยียวยา
    5. ผู้ปฏิบัติเรกิเป็นเพียงท่อส่งผ่านพลัง การเยียวยาจากระบบเรกิไม่ใช้พลังจากผู้เยียวยาทำให้เมื่อสิ้นสุดการรักษาผู้ปฏิบัติไม่เสียพลังหรือมีอาการอ่อนเพลีย


    เรกิเป็นเครื่องมือในการพัฒนาจิต การปฏิบัติเรกิสม่ำเสมอช่วยให้กายจิตเป็นหนึ่ง เมื่อเกิดความสงบทางจิตผู้ปฏิบัติเข้าใจความสัมพันธ์แห่งชีวิต ช่วยเกิดการปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิตประจำวันอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ


    ข้อมูลจาก http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=396&sid=306835e5eefe761d3e87bd67dfb7dd7b
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  4. luciferluna

    luciferluna Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +91
    เพิ่งเริ่มศึกษาวันแรก เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะ ขอให้ปฏิบัติสำเร็จด้วยเถิด
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Gs_JCObT_d0?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Gs_JCObT_d0?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เร กิ เป็นการบำบัดที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นตรงที่ไม่ใช่ศาสนา หรือลัทธิ ไม่มีข้อห้าม ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการบำบัด สิ่งเดียวที่ผู้ทำเรกิและผู้รับการบำบัดต้องมี คือ ความเชื่อในพลังธรรมชาติและยึดกฎ 5 ข้อ (Principle of Reiki) อันเป็นแนวปฏิบัติซึ่งคล้ายคลึงกับคำสอนในพุทธศาสนา ได้แก่

    1. ฉันจะไม่โกรธ
    2. ฉันจะไม่กังวล
    3. ฉันจะสวดมนตร์ภาวนา
    4. ฉันจะทำงาน (ด้านพัฒนา จิตวิญญาณ) อย่างซื่อสัตย์
    5. ฉันจะมีเมตตาต่อทุกสรรพชีวิตบนโลก

    โดยกฎทั้ง 5ข้อมีพื้นฐานสำคัญว่าต้องอยู่กับปัจจุบันขณะไม่กังวลเรื่อง อนาคต หรือจมอยู่กับอดีต

    เรกิบำบัดทำอย่างไร
    เร กิ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใช้เสริมการรักษาโรคร่วมกับวิธีทางการแพทย์แผน ปัจจุบัน ในการทำเรกิผู้ป่วยจะต้องได้รับการบำบัดโดยเรกิ มาสเตอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งผ่านพลังจากจักรวาลเข้าสู่จักระทั้ง 7 จุดในร่างกาย อันได้แก่ 1.กระหม่อม (crown chakra) 2.หว่างคิ้ว (3rd eye chakra) 3.คอ (throat chakra) 4.หัวใจ (heart chakra) 5.ลิ้นปี่ (solar plexus chakra) 6.ส่วนท้อง ใต้สะดือลงไป 2 นิ้ว (sacral chakra) 7.อวัยวะเพศ (root chakra) เพื่อปรับสมดุลทางเคมี ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ
    โดยเรกิ มาสเตอร์ ที่ผ่านการฝึกฝนและเปิดจักระแล้วจะสามารถรับพลังจักรวาลผ่านการทำสมาธิ และส่งผ่านพลังนั้นทางฝ่ามือเพื่อให้คลื่นพลังไหลเวียนทั่วร่างกายผู้ป่วย ใช้เวลาราว 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอาการเจ็บป่วยของแต่ละคน ลองนึกภาพการถ่ายพลังรักษาโรคที่พบเห็นได้ในหนังจีนกำลังภายใน นั่นเป็นวิธีที่คล้ายกับการทำเรกิมากค่ะ
    อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยอาจศึกษาเรกิ เพื่อบำบัดตนเองได้เช่นกัน โดยการเรียนมี 3 ระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ที่สามารถนำพลังจักรวาลมาดูแลตนเองและผู้อื่นได้ โดยเรกิมาสเตอร์จะเปิดจักระให้ผู้เรียนก่อน และสอนตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของเรกิ ตลอดจนการทำสมาธิ การดูออร่า และการถ่ายทอดพลังจักรวาล ระดับพัฒนา จะเป็นการเรียนรู้สัญลักษณ์เพื่อนำพลังจักรวาลมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นรวม ทั้งเพื่อใช้ขจัดพลังไม่ดีออกจากสถานที่บำบัด และระดับสูงหรือมาสเตอร์ เป็นเรกิขั้นสูงสุดที่สามารถเปิดจักระให้ผู้อื่นได้

    เรกิกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์
    ปัจจุบัน เรกิบำบัด นิยมใช้ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อช่วยในการรักษาโรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis) รวมทั้งความเครียดและอาการแพนิก เพราะการบำบัดจะเข้าไปปรับสมดุลพลังงานในร่างกายให้ระบบต่างๆ ทำงานดีขึ้น
    โดย ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการทดลองมากมายเกี่ยวกับการใช้เรกิบำบัดผู้ป่วย ตัวอย่างเช่น การทดลองโดยทีมนักวิจัยจาก University of Texas Houston Health Science Center ซึ่งทดสอบวัดอุณหภูมิ ความดันโลหิต และการตอบสนองของกล้ามเนื้อผู้ป่วยที่ทำเรกิบำบัด ผลการวิจัยสรุปว่าผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย และมีภูมิต้านทานสูงขึ้น จากการไหลเวียนโลหิตที่สมดุลและความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติ และปริมาณน้ำลายที่เพิ่มขึ้น
    อีกหนึ่งการทดลองที่น่าสนใจโดยมหาวิทยาลัย เยล คือ การทดสอบกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 20 ราย โดยให้ผู้ป่วย 10 รายใช้เรกิบำบัดควบคู่กับการรักษาตามปกติ ส่วนอีก 10 รายใช้วิธีรักษาตามปกติ พบว่า ผู้ป่วยกลุ่มแรกมีอาการดีขึ้นกว่ากลุ่มที่สองมาก โดยผู้ป่วยเริ่มแข็งแรงขึ้นและตอบสนองต่อการรักษาทางทางการ

    เรกิในเมืองไทย
    ปัจจุบัน เรกิในเมืองไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายและถือว่าค่อนข้างใหม่ อีกทั้งยังมีคนเพียงจำนวนไม่มากที่รู้จักและใช้เรกิเพื่อบำบัดโรค โดยมากจะพบการบำบัดเรกิได้ในสปาชั้นนำ ศูนย์สุขภาพ หรือสถาบันแพทย์ทางเลือกแบบองค์รวม ที่ให้บริการเรกิร่วมกับการบำบัดแบบต่างๆ และสถานที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการบำบัดแบบเรกิ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 10 ฉบับที่ : 116 เดือน : กันยายน 2553
     
  7. Crystal DNA

    Crystal DNA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +530
    หนูน้อยหมวกแดง

    หนูน้อยชุดแดง เมื่อวันงาน
    เห็นเราป่าว แต่น่ากลัวเนอะเหมือนพวกแม่มดเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตั้งใจ....คนหน้าเเปลกจะได้ไม่เข้ามาทัก
     
  9. Crystal DNA

    Crystal DNA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +530
    หนูน้อยหมวกแดง เจ้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่หนอ

    เจ้าอยู่ฝ่ายมนุษย์ต่างดาว ฝ่ายดี หรือ ไม่ดี เหรอ
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    เจ้ายังเเบ่งฝ่ายดีกับไม่ดีอยู่อีกหรอ?

    ท่าทางจะต้องฝึกพัฒนาจิตอีกเยอะนะเนี๊ย
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมาธิ และการสวดมนต์ทำให้เกิดพลังชีวิตที่ดี

    เคยได้อ่านประวัติของ หลวงพ่อสิงห์ทน นราสโภ
    ท่านเป็นผู้หนึ่งที่บำบัดผู้อื่นได้ โดยใช้พลังที่ท่านเรียกว่า "รังษีธรรม"
    โดยที่มันเกิดขึ้นเอง ไม่ได้รับการเปิดจักระจากใคร
    ท่านเคยบวชเรียนแล้วชอบการสวดมนต์มากๆ หลังจากบวชก็ยังสวดมนต์ต่อมาเรื่อยๆ
    จนการสวมมนต์ทำให้เกิดสมาธิ.......................
    มีช่วงหนึ่งมีเพื่อนชวนไปที่กลุ่มโยเร เพื่อรับพระ
    ประมาณว่า รับองค์พระเครื่องและเปิดจักระ
    คนเยอะมากๆ เพื่อนส่งองค์พระเครื่องมาให้ถือไว้ แต่ยังคอยเปิดจักระอยู่
    มีคนไม่สบายที่มาร่วมงาน เห็นท่านถือองค์พระเครื่องไว้ในมือ
    เข้าใจไปว่า ท่านเป็นผู้ให้โยเรได้ ก็ขอให้ท่านบำบัดให้.....
    ท่านก็เลยทำท่าโยเร ตามๆ ไปเหมือนที่คนอื่นๆ ทำ ปรากฏว่า คนที่ไม่สบายนั้น หายป่วย
    แล้ววันต่อๆ มา ก็มีคนแนะนำให้มารับการบำบัดโยเร จากท่าน ซึ่งท่านก็ทดสอบการให้
    พลังนั้นไปเรื่อยๆ และผู้คนก็หายป่วยได้....

    จนแม้กระทั่งว่า หาองค์พระเครื่องไม่เจอแล้ว แต่พลังนั้น ก็ยังใช้ได้ผลดีอยู่
    ท่านจึงมีความเชื่อมั่นต่อการสวดมนต์.......และต่อมา ท่านได้สอนให้รับรังษีธรรม
    จากดวงอาทิตย์ โดยการกำหนดจิตและท่าทางตามจักระ 7 แห่ง

    เคยมีการทดสอบโดยเอากล้องถ่ายรูปแบบ Kerian มาใช้ถ่ายดูออร่า ก่อนและหลัง
    การ "รับรังษีธรรม" พบว่า ออร่าที่ถ่ายได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้นมาก

    ท่านหลวงพ่อเคยมีประวัติการป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งท่านมีความมั่นใจในการปฏิบัติ
    สมาธิด้วยการสวดมนต์ จนสามารถบำบัดตนเองให้หายจากโรคมะเร็งได้
    โดยท่านบอกว่า นอกจากจะทำให้เกิดสมาธิแล้วยังมีคลื่นความสั่นสะเทือนต่อร่างกาย
    ที่เรียกว่า Vibrational Medicine ส่งผลให้ร่างกายบำบัดตนเอง
    โดยท่านได้ให้คำชี้แนะว่า สำหรับคนบางคนที่มีฐานพลังไม่เพียงพอ
    การฝึกวิปัสสนาจึงไม่มีความก้าวหน้า ควรฝึกสมถะสมาธิด้วยการสวดมนต์เสียก่อน

    สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ท่านแนะนำให้ฝึกสวดมนต์เป็นประจำ
    ถือเป็นการแพทย์ทางเลือกอีกอย่างหนึ่ง

    ดังนั้น เกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา ไม่ว่าจะเป็นสมถะสมาธิ หรือวิปัสสนา
    มีแนวโน้มที่จะเกิดพลังงานในทางบวกขึ้น
    ซึ่งถ้าให้ดี สำหรับผู้ที่จะทำการเปิดจักระในรูปแบบใดก็ตาม เช่น ชี่กง เรกิ หรือโยเร
    อาจจะทำการทดสอบก่อนว่า บุคคลผู้นั้นมีพลังงานทางบวกอยู่มากน้อยเพียงใด
    หรืออาจจะมีความสามารถในการส่งพลังให้ผู้อื่นอยู่ด้วยแล้ว
    (เป็นภาวะที่จักระเปิดเอง จากการปฏิบัติสมาธิภาวนา) ก่อนจะถูกเปิดจักระโดยผู้อื่นก็ได้

    สำหรับเรกินั้น ไม่ว่าผู้ปฏิบัติจะมีความเชื่อในด้านศาสนาของตนเองเป็นแบบใด
    ก็ไม่มีผลต่อการฝึกเรกิ เพราะเรกิไม่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือความเชื่อใดๆ
    และไม่ใช่การทำสมาธิ การฝึกเรกิจึงไม่จำเป็นจะต้องใช้การตั้งจิต
    หรือเพ่งจิตระหว่างการบำบัด

    ส่วนที่แตกต่างของผู้ปฏิบัติที่ฝึกสมาธิภาวนา จะมีความละเอียดในการการรับรู้ถึง
    การสั่นสะเทือนของพลังได้ดีและชัดกว่าผู้ที่ไม่เคยฝึกสมาธิภาวนา
    อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เคยฝึกสมาธิภาวนาก็มีศักยภาพในการฝึกเรกิ
    โดยการฝึกฝนทั้งการบำบัดตนเองและผู้อื่นจะทำให้พลังงานที่เคลื่อนในระบบพลังชีวิต
    ของบุคคลนั้น มีความลื่นไหลและจัดการขจัดข้อบกพร่องและการติดขัดของการเลื่อนไหล
    ของพลังชีวิตให้เกิดความสมดุลได้มากยิ่งขึ้น

    แต่ทั้งนี้ ตามที่ได้ศึกษาร่ำเรียน เรกิ
    (สาย Usui Shiki Reiki Ryoho = The Usui System of natural healing)
    ความสำคัญที่เด่นชัดของการรู้แจ้งถึงวิธีการบำบัดด้วยพลังชีวิตจากจักรวาล
    ของท่านมิกาโอะ อูชูอิ คือการส่งพลังให้แก่ผู้อื่น โดยผู้ให้ไม่สูญเสียพลัง หรือพลังไม่
    ถถถอย และยังมีการเติมเต็มพลังจากจักรวาลเข้าสู่ผู้ให้อีกด้วย นี่คือสิ่งพิเศษของศาสตร์
    แห่งพลังชีวิตบำบัด : เรกิ

    การถ่ายทอดศาสตร์แห่งเรกิ นั้นจะทำได้โดยการเปิดช่องทาง หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า
    ปรับพลัง เพื่อที่ผู้เรียนจะสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งพลังเรกิจากจักรวาลได้
    การปรับพลังนี้จะทำได้โดยการถ่ายทอดจากอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความพิเศษของเรกิในส่วนที่เชื่อมโยงพลังชีวิตที่มีอยู่ในจักรวาล
    ได้โดยไม่จำกัดสถานที่ การปรับพลัง และการให้เรกิสามารถทำได้ในขณะที่บุคคลผู้ให้กับ
    ผู้รับไม่ได้อยู่ต่อหน้ากัน หรือเรียกว่า เรกิทางไกล (Remote or Distant Reiki
    Session) ได้ด้วย

    **Article Written By : Reiki Master/Teacher Meena

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2010
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ตำนานเรกิ Reiki History


    บนดิน แดนแห่งอารยธรรมที่ถูกขนานนามว่ามู (MU)

    ได้มีการสอนเรกิระดับ 1 ก่อนจะเข้าศึกษาในโรงเรียน และได้รับการสอนระดับ 2 เมื่อเรียนอยู่ในชั้นมัชฌิมา เรกิระดับ3และระดับปรมาจารย์

    จะได้รับการสอนให้กับคนที่ต้องการเรียนในระดับนี้ เมื่อผู้คนจากรากฐานแห่งวัฒนธรรม โยกย้ายจากแผ่นดินใหญ่แห่งอาณาจักรมู (Mu)

    ซึ่งปัจจุบันดินแดนแห่งนี้คือ อินเดียและธิเบต เรกิก็หายสาบสูญไปกับพวกเขาเหล่านั้นด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่การหายสาบสูญของอาณาจักรมู (Mu)

    ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก พร้อมกับการหายสาบสูญของอานาจักรมู (Mu) กลายมาเป็นอาณาจักรแอตแลนตีส (Atlantis)

    มีการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมและความรู้ในช่วงระยะเวลาอันสั้นถูกเลือกสรรค์โดย เฉพาะในกลุ่มคนจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น

    ในศตวรรษที่ 19 บุรุษชาวญี่ปุ่นได้เสาะแสวงหาวิธีการบำบัดรักษาดั้งเดิมในแบบพระเยซูและพระพุทธเจ้า

    ในยุคโบราณที่มีหลักฐานเพียงน้อยนิด ซึ่งในต้นยุควัฒนธรรมของพระศิวะ มีการถ่ายทอดประเพณีสืบต่อกันมาในชนบางกลุ่มในอินเดียเท่านั้นเอง

    แบบแผนของเรกิได้เริ่มขึ้นในยุค

    ปลาย ปี 1800 โดย มิคาโอะ อูซูอิ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแห่งมหาลัยโดซิซะ ในกรุงเกียวโต

    ประเทศญี่ปุ่นและเป็นผู้สอนศาสนาคริสต์ด้วย เขาถูกอินเดีย (เจ้าชายสิทธิทัตถะแห่งศากยมุนีวงค์ 620-543 พุทธศักราช)

    กับอัตชีวะประวัติของพระเยซูในการรักษาผู้คน อูซูอิได้รับการบอกเล่าจากพระสงฆ์

    ถึงวิธีการรักษาบำบัดโดยศาสตร์แบบโบราณ และวิธีการนั้นก็ได้หายสาบสูญไปนานแล้ว มีวิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการศึกษาพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นปัจจัยไปสู่การ รู้แจ้ง (ตรัสรู้)

    เขา ได้ค้นพบเคล็ดลับที่แสนจะง่ายดายเหมือนการบวกเลข สองบวกสองเท่ากับสี่ แต่เขาต้องแปลสิ่งนี้ก่อน เพราะว่ามันถูกเขียนขึ้นเมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว

    ฉะนั้นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน การตรวจสอบใช้เวลาถึงสามสัปดาห์ในการทำสมาธิ อดอาหาร และสวดมนต์ เขาได้นั่งสมาธิบนเขาคูริยามะ

    และได้ใช้หินก้อนเล็กๆ 21 ก้อน เป็นตัวกำหนดเวลาวางไว้ด้านหน้า ในแต่ละวันเขาจะโยนหินก้อนหนึ่งทิ้งไป

    และในตอนเช้าของรุ่งอรุณในวันสุดท้ายเขาได้เห็นลำแสงส่องสว่างมายังตัวเขา ณ ขณะจิตเขาต้องการวิ่งหนีลำแสงนั้น

    แต่เขาก็คิดได้ว่าแสงนั้นเป็นผลจากการทำสมาธิของเขา เขาจะวิ่งหนีหรือถึงแม้ว่าแสงนั้นจะทำให้เขาถึงแก่ความตายก็ตาม

    เขาเล่าว่า เมื่อเขาคิดเช่นนั้นแสงก็กระจายลงบนตัวเขา มันลอยมากระทบเข้าบริเวณกลางหน้าผาก และทำให้เขาล้มลงหมดสติอยู่ตรงนั้น

    เมื่อเขารู้สึกตัวเขามองเห็นฟองอากาศนับล้านๆฟอง และสุดท้ายเขามองเห็นสัญลักษณ์แห่งเรกิ ที่ปรากฏอย่างแจ่มชัด

    เหมือนถูกฉายลงบนจอภาพ เขารับรู้และจดจำสัญลักษณ์เหล่านั้นเพื่อใช้ในการกระตุ้นพลังงานในการบำบัด

    นั่นคือการปรับจูนพลังงานครั้งแรก เป็นการค้นพบการบำบัดด้านจิตวิณญาณแบบโบราณอีกครั้งหนึ่ง

    อูซูอิกลับจากเขาโคริยาม่าพร้อมกับความรู้การรักษาตามแบบฉบับพระพุทธจ้า และพระเยซู

    อูซูอิ เรียกพลังงานบำบัดนี้ว่า เรกิ ซึ่งแปลว่า พลังชีวิตแห่งจักรวาล

    ที่มา: http://www.kwan-thai.siamreiki.com/images/stories/master.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2010
  13. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +975
    ผมเองเป็นผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางพุทธศาสนา แต่บังเอิญได้ไปรับรู้การถ่ายทอดพลังจักรวาลจาก อ.สถิตย์ธรรมและลูกศิษย์ของท่านโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อประมาณกลางปี 53 ผมจึงถือโอกาสให้ลูกศิษย์ของท่านรักษาโรคประจำตัวดู เขายืนเหมือนในภาพแรกข้างบน เมื่อพวกเขาเริ่มวางมืออยู่เหนือตัวของผม(ไม่โดนตัว) ก็รู้สึกถึงพลังที่ส่งผ่านมาทางมือของพวกเขา ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนพลังร้อน บางคนพลังเย็น วิ่งไปตามจุดที่พวกเขาวางมือ (ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเรกิหรือไม่ แต่ผมทราบว่า อ.สถิตย์ธรรมท่านเรียนรู้มาจาก Kryon ผู้มีฌานนอกจักรวาล) หลังจากเสร็จพิธีรักษาแล้ว ผมได้นอนพักผ่อนเพื่อคลายพลัง ปรากฏว่ามีพลังบางอย่างเคลื่อนมาที่ศรีษะของผมแล้วบีบอัดพลังเข้าทางจุดจักระเกศธาตุอย่างหนักหน่วงแล้วเคลื่อนพลังไปทั่วร่าง ดูเหมือนร่างกายผมจะลอยได้(ที่จริงยังนอนติดพื้นอยู่) แล้วก็รู้สึกสบาย ผมถามลูกศิษย์ของท่านทุกคนว่าใครส่งพลังมาให้ ไม่มีใครตอบผมได้ ซึ่งทั้งหมดที่ผมเล่ามานั้น เป็นประสบการณ์ส่วนตัว(โปรดใช้วิจารณญาณ) ที่ดูเหมือนกับให้ผมไปเรียนรู้ศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือพระพุทธศาสนา ซึ่งอาจนำมาประยุกต์ใช้กับวิธีวิปัสสนาหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ปัจจุบันผมก็ยังปฏิบัติตามรอยพระพุทธเจ้าอย่างมั่นคงอยู่ครับ
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้
     
  14. Crystal DNA

    Crystal DNA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +530
    อยากให้สันโดษรักษา ญาติเราหน่อยน่ะ

    เค้าเป็นเนื้องอกในสมองน่ะ
    สันโดษรักษาได้มั้ยครับ
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สันโดษช่วยได้เท่าที่สันโดษทำได้เท่านั้น คริสตัลดีเอ็นเอ

    เนื้องอกเกิดจาก จักระ7 (กระหม่อม) ปิด

    เขาต้องฝึกสมาธิเปิดจักระให้ตัวเขารักษาสมดุลในร่างกายของเขาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2010
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/W5zkeYgFkRk?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/W5zkeYgFkRk?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/eYAa27Xsi5s?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/eYAa27Xsi5s?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>


     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/gtJmmG1ydn4?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/gtJmmG1ydn4?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/HjYviup6Xac?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/HjYviup6Xac?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เปิดจักระ 7 (กระหม่อม) ด้วยคำว่าโอม

    <object width="480" height="385">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/RuGTpNRXMgE?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>


    จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อว่า สหสราระ

    - อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
    - ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง

    - ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง



    จักระ คือ วงล้อ ต้องทำให้วงล้อหมุนด้วยการสั่นไหว

    หรือ เคลื่อนไหวให้เป็นวงกลมเพื่อให้วงล้อหมุนเื่พื่อที่จะได้ดูดพลังจักรวาลเข้ามาเป็นกลไกในการทำงานในร่างกายค่ะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...