พิมพ์ไก่หางพวง กดด้วยมวลสารในตำนาน พ่อท่านเขียว เเละเกจิใต้เสกเดี่ยว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 14 มีนาคม 2015.

  1. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    :cool::cool::cool:[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มีนาคม 2015
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    รายละเอียดจะบอกค่ำๆวันนี้ห้ามพลาดนะครับ
     
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    ค่ำๆจะถ่ายภาพพระให้ชมกันนะครับ เเละจะบอกว่าพระ มีจำนวนเพียง200องค์เท่านั้น
    สร้างได้น้อยมากตามมวลสารสำคัญที่มีครับ

    อัฐิใบ้นิดหน่อยก่อนลงรายละเอียดมาก ท่านเป็นพระอาจารย์ที่เป็นคนบอกกรรมฐานหลวงปู่ปานเเละเป็นหลวงลุงคุณเเม่บุญเรือน
     
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    พระผงพิมพ์พระพุทธเจ้าประทับไก่หางพวง พิมพ์ยอดนิยมถึงขีดสุดของหลวงพ่อปาน ซึ่งพระพิมพ์นี้องค์ดาราสวยๆองค์นี้หลายเเสนถึงหลักล้านต้น ดังนั้นจึงไม่เเปลกที่ยุคเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจะเห็น คนสร้างออกมาเยอะมากมายหลายสำนัก มาถึงยุคปัจจุบัน เเม้สายตรงหลวงพ่อปานเอง ปัจจุบันกลับไม่ค่อยมีคนสร้างพระพิมพ์นี้เสียเท่าไหร่ ทั้งที่พิมพ์ทรงกระทัดรัดเเละไม่ใหญ่ ผู้ชายห้อยได้ผู้หญิงห้อยดีเเม้เด็กๆก็ห้อยได้ไม่ใหญ่เกินไป ผมเองเห็นเป็นการดีเมื่อผมได้ชิ้นส่วนปูนพญานาค หน้าซุ้มประตูพระอุโบสถ สมัยรัชกาลที่สามของวัดระฆัง นำมาบดผสมปูนล้วนๆไม่เจือเนื้ออื่นคลุกผงยอดเจดีย์พุทธคยาสมัยปาละอายุนับพันปี เเละโรยผงตะไบพระสมัยบ้านพลูหลวง วัดพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช เเละผงอัฐิธาตุหลวงตาพริ้ง วัดบางประกอก ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อปานโดยตรงอีกรูปหนึ่ง ผมสร้างพระชุดนี้ในวันมาฆบูชา เรียบร้อย เรียกว่า เนื้อผงวัดระฆังล้วนๆไม่เจืออะไรว่างั้นก็ไม่ผิด ผมสร้างเพื่อระลึกถึงหลวงพ่อปาน ซึ่งครอบครัวผมสวดพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกวัน

    พระพุทธเจ้า ประทับไก่หางพวง
    ผมเองได้ผสมมวลสารดังนี้
    1ผงปูนพญานาคหน้าซุ้มประตูพระอุโบสถ วัดระฆัง สมัยรัชกาลที่3
    ทันสมัย สมเด็จโต
    2ผงอัฐิ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก พระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เเละ เสด็จในกรม ...
    3 ผงตะไบเนื้อสัมฤทธิ์ ของพระชำรุดเก่าเเตกหักวัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
    4ผงยอดพระเจดีย์บริวาร พุทธคยาสมัยปาละ
    5ผงโมเสส วัดพระเเก้วสมัยรัชกาลที่4
    เรียกว่าผงที่มากที่สุดเเก่ผงปูนวัดระฆังก็ไม่ผิด ผมได้รับมวลสารนี้มาจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง หรือจะเรียกว่าเนื้อวัดระฆังล้วนๆก้อไม่ผิด

    เปิดให้ทำบุญเพื่อนำเงินไปจัดงานทำบุญฉลอง พระเจดีย์ วัดดีหลวง สทิงพระ สงขลา เดือนเมษา-พฤษภาคม ซึ่งตอนนี้บัญชีหลวงพ่อทวดหลังจากตัดค่าทำพระเจดีย์สามยอดเเละ ถวายเงินสองล้านบาทที่วัดสะบ้าย้อย เเล้วจะไม่มีเงินเหลือเลยครับ
    จำนวนการสร้าง200องค์
    ให้ทำบุญ องค์ละ1500บาท




    ท่านที่ร่วมทำบุญ กรุณาโอนปัจจัย ไปที่ อาจารย์ นายแพทย์ ประพล เองชวน ตามนี้ครับ
    ชื่อบัญชี นายประพล เองชวน
    ธนาคารกรุงไทย สาขาโรงพยาบาลสงขลา
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 9805253309
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2015
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    ภาพพระพุทธเจ้าประทับไก่หางพวง

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. เก้าช่อง

    เก้าช่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +3,058
    ร่วมทำบุญ 1 องค์ครับ
     
  7. pcharn

    pcharn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2,255
    ค่าพลัง:
    +2,706
    ขอร่วมทำบุญ 1 องค์ครับ
     
  8. เก้าช่อง

    เก้าช่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +3,058
    แจ้งการโอนเงินร่วมบุญ ที่อยู่จะแจ้งให้ทราบทางPm ครับ
    โมทนาบุญ......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2015
  9. อภิญญา8

    อภิญญา8 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,864
    ค่าพลัง:
    +6,799
    ขอร่วมบุญบูชา 1 องค์ นะครับ
     
  10. pcharn

    pcharn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2,255
    ค่าพลัง:
    +2,706
    แจ้งโอนเงินร่วมทำบุญ 1,500 บาทเมื่อวันที่ 15/03/2558 เวลา 15.50 น.ที่จัดส่งแจ้งทาง pm ครับ
    ขออนุโมทนาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      181
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2015
  11. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    ประวัติพระครูวิหารกิจจานุการ

    [​IMG]



    พระครูวิหารกิจจานุการ หรือหลวงพ่อปาน โสนันโท เดิมชื่อ ปาน สุทธาวงษ์
    บิดาชื่อนายอาจ มารดาชื่อ นางอิ่ม เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2418 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ที่บ้านตำบลบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับการขนานนามว่า “ปาน”
    เนื่องจากตั้งแต่แรกเกิดท่านมีสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นปานสีแดงที่นิ้วก้อยมือซ้ายตั้งแต่โคนถึงปลายนิ้ว
    เมื่ออายุ 21 ปี ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบางนมโค โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจ้อย วัดบ้านแพน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์อุ่ม วัดสุธาโภชน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “โสนันโท” หลวงพ่อปาน ศึกษาร่ำเรียนวิทยาการกับหลวงพ่อสุ่น ทั้งด้านวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการรักษาโรคภัยไข่เจ็บตลอดจนผู้ที่ถูกคุณไสยจนแตกฉาน จากนั้นจึงออกธุดงค์ ในระหว่างนั้นท่านได้ศึกษาวิชาความรู้กับพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงหลายๆ รูป อาทิตย์
    • หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.ปางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
    • หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน (วัดใหม่อัมพวา) อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรบุรี ศิษย์รุ่นพี่สำนักหลวงพ่อเนียม
    • อาจารย์จีน วัดเจ้าเจ็ด ด้านพระปริยัติธรรมและภาษาบาลี
    • พระอาจารย์เจิ่น สำนักวัดสระเกศ กรุงเทพฯ ด้านคันถะธุระและวิปัสสนาธุระจนจบพระอภิธรรม 7 คัมภีร์
    นอกจากยังได้ศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณที่วัดสังเวชจนเชี่ยวชาญ หลังจากที่ท่านใช้เวลาในช่วงการศึกษาร่ำเรียนนานพอสมควรแก่เวลา


    หลวงพ่อปานจึงเดินทางกลับบ้านเกิดมาจำพรรษาที่วัดบางนมโค ตั้งสำนักสอนภาษาบาลีและนักธรรม ริเริ่มการก่อสร้างศาสนวัตถุต่างๆ และพัฒนาวัดบางนมโค จนเจริญรุ่งเรืองจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ จากนั้นหลวงพ่อปานก็ได้ไปบูรณะปฏิสังขรณ์และก่อสร้างวัดทั้งหมดถึง 41 วัด มีการก่อสร้างโบสถ์ และศาสนวัตถุอื่นอีกมากมาย นับว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีบารมีสูงมากจึงสามารถสร้างถาวรวัตถุเพื่อสืบทอดพระศาสนาได้มากถึงเพียงนี้

    นอกเหนือจากการเป็นพระนักพัฒนาแล้วหลวงพ่อปาน ยังเป็นนักเทศน์ฝีปากเอกเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของบรรดาญาติโยมที่มารับฟังเทศน์ฟังธรรมยิ่งนัก ทางด้านการแพทย์ท่านก็สงเคราะห์รักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยหรือถูกคุณไสยต่างๆ ตามวิชาการแพทย์แผนโบราณที่ได้ร่ำเรียนมา ทั้งรักษาด้วยน้ำมนต์และรักษาด้วยสมุนไพร โดยมีการกำกับด้วยคาถาอาคมพลังจิตเพื่อให้เข้มขลัง

    หลวงพ่อปานได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาจากชีปะขาว เมื่อราวปี พ.ศ.2446 ระหว่างที่ท่านฝึกวิปัสสนากรรมฐานเพิ่มเติมที่ศาลาไว้ศพที่วัดบางนมโค ด้วยวิธีพิจารณา “อศุภกรรมฐาน” คือการพิจารณาศพคนตายเพื่อปลงสังขาร ชีปะขาวเดินเข้ามาหาและบอกกล่าวให้ท่านการสร้างพระพิมพ์รูปพระพุทธเจ้านั่งสมาธิ มีรูปสัตว์ 6 ชนิดอยู่ใต้ที่ประทับคือ ไก่ ครุฑ หนุมาน ปลา เม่น และนก โดยนิมิตเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ดังกล่าว พร้อมทั้งมีคาถากำกับในแต่ละชนิดมาด้วย นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นรูปแบบการสร้างพระพิมพ์ของหลวงพ่อปาน
    ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ท่านอาจารย์แจง ซึ่งเป็นฆราวาสได้เดินทางมาจากนครสวรรค์เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อปานด้วยความเลื่อมใสในกิตติคุณมีการถ่ายทอดวิชาซึ่งกันและกัน หลวงพ่อปานได้ศึกษาวิชาที่ว่าด้วยการปลุกเสกพระเครื่องและสร้างพระตามตำรา “พระร่วงเจ้า” ที่ได้รับสืบทอดมา ซึ่งเป็นต้นแบบการสร้างพระของหลวงพ่อปานที่สำคัญที่สุดคือ “ยันต์เกราะเพชร” ยอดของธงมหาพิชัยสงคราม ก็ได้รับการถ่ายทอดมาในคราวนี้เช่นกัน และท่านนำมาใช้ช่วยเหลือสงเคราะห์ชาวบ้านได้อย่างมากมายในโอกาสต่อมา หลวงพ่อปานได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศที่ พระครูวิหารกิจจานุการ เป็นพระครูพิเศษ ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2481 ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 8 สิริอายุรวม 63 ปี พรรษาที่ 42


    การสร้างพระของหลวงพ่อปาน


    ในปี พ.ศ.2446 นั้น หลวงพ่อปานดำริที่จะหาปัจจัยมาการดำเนินการปรับปรุงเสนาสนะภานในวัดบางนมโคและจะสร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแทนองค์เดิมที่ชำรุดทรุดโทรม แล้วท่านก็ได้พบชีปะขาวและท่านอาจารย์แสงดังกล่าวมาแล้วท่านตัดสินใจสร้างพระเครื่องขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2450 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านอย่างเต็มที่ ผู้มีความรู้ทางช่างก็แกะแม่พิมพ์ถวาย บรรดาลูกศิษย์ก็ออกแสวงหาวัตถุมงคลต่างๆ มาให้ ทั้งว่านที่เป็นมงคลและมีสรรพคุณทางยา เกสรดอกไม้ที่เป็นมงคลนาม ดินขุยปูนา ตลอดจนพระพิมพ์โบราณที่ชำรุดแตกหัก เพื่อนำมาผสมเป็นเนื้อพระ พระพิมพ์ชุดนี้ศิลปะแม่พิมพ์ไม่สวยงามนักเนื่องจากเป็นช่างฝีมือชาวบ้าน เรียกกันว่า “พิมพ์โบราณ” สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2451 จำนวนการสร้างไม่มากนัก ผู้มีไว้บูชาก็หวงแหน จึงหาดูได้ยากยิ่งนัก จะมีเล่นหากันอยู่ก็คือ “พิมพ์ขี่เม่น” (สมัยก่อนเรียก “พิมพ์ขี่หมู” เพราะตัวเม่นมองดูคล้ายหมูมากว่า) และ “พิมพ์ขี่ไก่” ซึ่งจะมีขนาดเล็กและบางกว่าพิมพ์มาตรฐานมาก การอุดผงจะอุดขอบพระด้านล่าง และเนื้อขององค์พระค่อนข่างแกร่ง

    ต่อมาจึงจัดหาช่างฝีมือดีมาแกะแม่พิมพ์ใหม่ศิลปะแม่พิมพ์จึงสวยงามขึ้นมาก เราเรียกกันว่า “พิมพ์นิยม” หรือ “พิมพ์มาตรฐาน” สร้างแจกในปี พ.ศ.2460 พร้อมมีสลากกำกับวิธีการใช้พระให้ด้วยนับเป็นที่นิยมอย่างมากในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่องในปัจจุบัน สนนราคาเป็นหลักแสนทีเดียวของทำเทียนเลียนแบบก็เยอะ หาดูของแท้ๆ ยาก เช่นกันนอกจาก “พระหลวงพ่อปาน” ซึ่งเป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผาแล้ว หลวงพ่อปานยังได้สร้างวัตถุมองคลอื่นๆ เพื่อแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่าอีกด้วย อาทิ ผ้ายันต์เกราะเพชร ลูกอม ตะกรุด และแหวนพระ


    กรรมวิธีในการสร้างพระ

    หลวงพ่อปานท่านกล่าวว่า หัวใจสำคัญในการสร้างพระก็คือ “ผงวิเศษ” ที่บรรจุอยู่ในองค์พระการทำ “ผงวิเศษหัวใจสัตว์” จะกระทำในพระอุโบสถโดยนั่งสมาธิเขียนอักขระเลขยันต์หัวใจของสัตว์ต่างๆ ทั้ง 6 ชนิดที่หลวงพ่อปานเห็นมาในนิมิตแล้วลบผงวิเศษนี้ออกมา หัวใจนี้ท่านมิได้ถ่ายทอดให้กับผู้ใดเพราะถือเป็นวาสนาเฉพาะบุคคล มีหลวงพ่อปานเป็นคนแรกที่ทำได้และเป็นคนสุดท้ายไม่มีการสืบทอด การทำผงพระนี้ยากมากต้องมีสมาบัติ 8 รูป สัตว์ทั้ง 6 ชนิด คือ ไก่ ครุฑ หนุมาน ปลา เม่น และนก นั้น หากจะทำชนิดใดก็ต้องล็อกคาถาของสัตว์ชนิดนั้นมาทำผง เช่นจะทำพระขี่นก จะเอาผ้าขาวมาเสกให้เป็นนกแล้วกางปีกออก จะมีพระคาถาอยู่ในปีกแล้วล็อกพระคาถามาทำผง เมื่อได้ผงมาก็ต้องนั่งปลุกเสกในโบสถ์ อดข้าว 7 วัน 7 คืน ออกไปไหนไม่ได้เลยต้องเข้าสมาบัติตลอดขณะที่ปลุกเสกพระอยู่ในโบสถ์ จะมีการตั้งบาตรน้ำมนต์ไว้สี่มุม เวลาบริกรรมคาถาบรรดาคุณไสยต่างๆ ที่มีผู้กระทำมาในอากาศก็จะกระทบกับพระเวทย์ของหลวงพ่อปาน แล้วร่วงหล่นสู่บาตน้ำมนต์ มีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการตัดไม้ข่มนามพวกคุณไสย ผงวิเศษนี้จึงสามารถป้องกันคุณไสยได้

    ผงวิเศษสูตรที่ 2 หลวงพ่อปานท่านใช้ “ผงวิเศษจากยันต์เกราะเพชร” โดยตั้งสมาธิเขียนยันต์บนกระดานชนวน แล้วชักยันต์ขึ้นแล้วลบผงมา ต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างสูงเพราะต้องใช้เวลายาวนานมากกว่าจะลบผงออกมาได้และต้องถูกต้องทุกขั้นตอนตามที่ตำราระบุไว้จึงจะมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์

    ผงวิเศษสูตรสุดท้ายคือ “ผงวิเศษ 5 ประการ” ประกอบด้วย ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนสิงเห และผงพระพุทธคุณ อันเป็นยอดของผงวิเศษที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังฯ หลวงปู่ภู วัดอินทร์ และพระปิลันทน์ วัดระฆังฯ ใช้เป็นส่วนผสมในเนื้อมวลสารของพระเครื่องที่ท่านสร้าง อันทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

    หลวงพ่อปานใช้เวลาทำอยู่ตลอดพรรษาจนมีจำนวนมากพอผงวิเศษที่ได้มาทั้งหมดนี้ นับเป็นผงที่มีพุทธคุณเอกอนันต์ใช้งานสารพัดอย่างเป็นเลิศเรียกว่าเป็น “กฤตยาคมแฝด” ที่พระพิมพ์อื่นๆ ไม่มีขั้นตอนการสร้างองค์พระหลวงพ่อปานจะนำดินขุยปูและดินนวลหรือดินเหนียวในทุ่งนาที่ขุดลงไปค่อนข้างลึกเพื่อให้ได้เนื้อดินที่ละเอียดซึ่งชาวบ้านหามาให้นั้น มากรองบดและนวด ให้เนื้อดินเหนียวและเนียน จากนั้นแบ่งออกเป็นก้อนเล็กๆ นำไปกดกับแม่พิมพ์พระที่เตรียมไว้วิธีการนำพระออกจากแม่พิมพ์ของหลวงพ่อปานก็แตกต่างจากพระคณาจารย์ท่านอื่น คือจะใช้ไม้ไผ่เหลาให้ปลายแหลมๆ แล้วเสียบที่ด้านบนเศียรพระงัดพระออกจากพิมพ์ ซึ่งจะเกิดเป็น “ร” เพื่อบรรจุ “ผงวิเศษ”

    ดังนั้นขนาดและรูปทรงของรูจะไม่มีมาตรฐานแน่นอน ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ยาวบ้างสั้นบ้าง หรือเหลี่ยมบ้างกลมบ้าง แล้วหลวงพ่อก็จะนำพระที่กดพิมพ์เรียบร้อยไปบรรจุในบาตรจำนวนพอสมควร นำมาสุมด้วยแกลบจุดไฟเผาจนพระสุกแดงได้ที่จึงลาไปออก ปล่อยไว้ให้เย็นแล้วจึงนำมาบรรจุ “ผงวิเศษ” ลงในรูจนเต็ม ใช้ซีเมนต์ผสมปิดทับอีกทีหนึ่งเมื่อแห้งจะทนทานมาก บริเวณที่อุดนี้จะเป็นสีเทาของซีเมนต์ผสมกับสีขาวของผงวิเศษทุกองค์ อันเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งพิธีปลุกเสกพระทำในพระอุโบสถ หลวงพ่อปานท่านจะตั้งบายศรีราชวัตรฉัตรธง หัวหมู ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว เมื่อปลุกเสกครบไตรมาส

    หลวงพ่อจะย้ายกลับมาปลุกเสกที่กุฎิของท่านต่อทุกคืนจนถึงวันไหว้ครูประจำปีของท่าน แล้วจะตั้งพิธีเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ท่านกล่าวว่า “ต้องอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระปัจเจกะพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสาวกทุกองค์ ตลอดจนพระพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย การชุมนุมบวงสรวงเช่นนี้ประเดี๋ยวก็เสร็จไม่ต้องถึงสามเดือนอย่างที่แล้วมา จงจำไว้ว่าการจะปลุกเสกพระหรือผ้ายันต์อะไรก็ตาม ถ้าจะอาศัยอำนาจของเราอย่างเดียวไม่ช้าก็เสื่อม เราน่ะมันดีแคไหน การทำตัวเป็นคนเก่งน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่ง พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง พระพรหมท่านเก่ง ท่านมาช่วยทำประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จดีกว่าเราทำตั้งพันปีเราต้องการให้ท่านช่วยอะไรก็บอกไป ของที่ทำจะคุ้มครองผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้ทุกคนถ้าหากพระก็ดี พระพรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครองให้ ท่านก็มองเห็นถนัด คุ้มครองได้ถนัดและจำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้านำของนั้นไปใช้ในทางทุจริตคิดมิชอบก็ไม่มีอะไรจะคุ้มครองได้ ที่เป็นคนเลวอยู่แล้วก็ช่วยพยุงให้เลวน้อยหน่อย ต้องช่วยตัวเองด้วยไม่ใช่จะคอยพึ่งผ้ายันต์หรือพระ ถ้าดีอยู่แล้วก็ช่วยให้ดียิ่งขึ้น นี่เป็นกฎของอำนาจพระพุทธบารมี พระธรรมบารมี พระสังฆบารมี ตลอดจนพระพรหมและเทวดาทั้งหลาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2015
  12. kajit

    kajit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,656
    ค่าพลัง:
    +3,351
    ขอร่วมบุญบูชา 1 องค์ครับ
     
  13. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    รบกวนหลังโอนเงินเเจ้งชื่อที่อยู่ด้วยนะครับ
    อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  14. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    [​IMG]

    ท่านพระครูประศาสน์สิกขกิจ อินทโชติ (พริ้ง) อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดบางปะกอก เดิมชื่อ "พริ้ง เอี่ยมทศ" บิดาชื่อเอี่ยม มารดาชื่อสุ่น ได้อุปสมบทเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเล็กที่วัดพลับ ธนบุรี เมื่ออายุครบจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดทองนพคุณ ธนบุรี โดยมิได้อยู่ในเพศฆราวาสเลย ต่อมาจึงได้ถูกนิมนต์มาประจำพรรษาอยู่ที่วัดบางปะกอกนี้ สองสามปีต่อมาจึงได้เป็นพระอธิการเจ้าอาวาส มีพระภิกษุประจำพรรษาอยู่เพียง ๒ -๓ องค์เท่านั้น เนื่องจากวัดบางปะกอกนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแต่ในสมัยใดไม่ปรากฏแน่ชัด กุฏิ โบสถ์และเสนาสนะอื่น ๆ ชำรุดทรุดโทรมมาก สันนิษฐานจากการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถมาครั้งหนึ่ง เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๐ และจากการสอบถามท่านผู้มีอายุหลายต่อหลายท่านซึ่งอายุใกล้ร้อยปี และท่านเหล่านั้นบางท่านก็ได้ถึงแก่กรรมไปหมดแล้ว ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ร้อยกว่าปี ท่านบอกว่าท่านเกิดมาเป็นเด็ก ๆ ก็เห็นวัดบางปะกอกนี้อยู่แล้ว ท่านเคยถามบิดามารดาก็บอกอย่างนี้เช่นเดียวกัน ผิดแต่ว่า กุฏิ โบสถ์ ชำรุดทรุดโทรมมากไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ โบสถ์โบกปูนปิดทึกแบบมหาอุตเหมือนวัดเก่า ๆ ในต่างจังหวัด ซึ่งก็คงมีมาแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นหรืออาจก่อนกรุงศรีอยุธยาก็ได้ อายุไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ ปีขึ้นไป

    เดิมทีเดียวบางปะกอกนี้มีชื่อว่าบางคี่ และในสมัยก่อนที่หลวงพ่อพริ้งจะมาเป็นเจ้าอาวาสนั้นมีนักเลงอยู่มาก แม้ในเวลาที่มีการทำบุญตักบาตรในวัด จะต้องมีการตีกันอยู่เป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านที่จะมาทำบุญก็ต้องพกมีดไม้มาด้วย นับแต่ท่านได้มาประจำพรรษาเป็นพระอธิการเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดนี้ นักเลงเหล่านั้นก็เกรงกลัว ต่างมอบตัวเป็นศิษย์ของท่านหรือไม่ก็หายหน้าหายตาไปหมด ต่อมาท่านก็ได้ร่วมกับชาวบ้านบูรณะปฏิสังขรณ์ กุฏิ โบสถ์ วิหาร และเสนาสนะอื่น ๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมจนเรียบร้อยสวยงามมาจนถึงบัดนี้เป็นเวลา ๖๐ ปีเศษ

    หลวงพ่อพริ้งซึ่งชาวบางประกอบและชาวตำบลใกล้เคียงเรียกท่านว่า "หลวงปู่" ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมจนแก่กล้ามาตั้งแต่เป็นสามเณรอยู่ที่วัดพลับ แต่ท่านจะศึกษาเล่าเรียนมาจากพระอาจารย์องค์ใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด มีท่านผู้มีอายุหลายท่านเล่าว่าท่านชอบธุดงค์จาริกในป่าต่าง ๆ หลายครั้งหลายหน แต่ก็มีบางท่านเล่าให้ฟังว่าท่านเคยเรียนร่วมอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่า เลยไม่ได้ความแน่ชัดว่าท่านศึกษามาจากสำนักใด พระอาจารย์องค์ใด เข้าใจว่าท่านคงจะศึกษาเล่าเรียนชั้นแรกกับพระอาจารย์ที่วัดพลับตอนที่ท่านอุปสมบทเป็นสามเณรนั่นเอง ท่านผู้ใหญ่หลายท่านซึ่งเคยอุปสมบทและเคยใกล้ชิดกับหลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า ท่านได้สนใจศึกษาเล่าเรียนวิชาล่องหนหายตัวและคงกระพันชาตรีตั้งแต่เป็นสามเณร และสามารถทำได้โดยไม่ยาก

    ต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูประศาสน์สิกขกิจ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๙ มีประชาชนเคารพนับถือทั่วไป ตลอดจนบรรดาเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ในรั้วในวังต่างก็รู้จักท่านดี ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะข้าราชการทหารเรือในสมัยนั้น ทุกวันเสาร์อาทิตย์ทหารเรือทั้งนายพลจะพากันมาขอของดี ลงกระหม่อมกันแน่นกุฏิ บรรดาท่านผู้มีชื่อเสียงที่ไปมาหาสู่ท่านอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เท่าที่พอจะรวบรวมได้ก็มี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งกองทัพเรือ ตลอดจนพระโอรส พระธิดาของท่าน เสด็จกรมหลวงชุมพรฯ มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่อมาก ถึงกับนำพระโอรสมาอุปสมบทเป็นสามเณรอยู่ที่วัดนี้ถึง ๓ องค์ด้วยกันคือ พลเรือเอก หม่อมเจ้าครรชิดพลอาภากร (ท่านน่วม) อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ หม่อมเจ้าสมรบรรเทิง (ท่านขรัว) และหม่อมเจ้าดำแคงฤทธิ์ (ท่านบ๊วย) โดยที่เสด็จในกรมฯ และหม่อมเจ้าหญิงเริงจิตแจรง พระธิดา ตลอดจนข้าราชบริพารได้มาถือศีลประจำอยู่ที่วัดนี้จนพระโอรสครบกำหนดลาสิกขา และอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งในอดีตก็เคยเป็นศิษย์ของท่าน พระชายาของกรมหลวงลพบุรีราเมศร์และพระโอรสก็เคยไปมาหาสู่ท่านเป็นประจำ โดยเฉพาะเสด็จกรมหลวงชุมพระเขตรอุดมศักดิ์ นั้นเคารพนับถือเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งเท่าเทียมหลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่า และเข้าใจว่าคงจะได้ของดีจากหลวงพ่อไปมิใช่น้อย เพราะเท่าที่ทราบกันทั่ว ๆ ไป เสด็จในกรมฯนั้น เมื่อทราบว่าพระอาจารย์องค์ไหนมีชื่อเสียงแล้วมักจะทรงไปลองดีอยู่เสมอ ๆ และถ้าไม่แน่จริงแล้วท่านก็ไม่เคยให้ความเลื่อมใสศรัทธา

    "ผู้เขียนได้ถามนายเทียบ อุทัยเวช (นายเทียบฯ นี้เป็นน้องของหม่อมเมี้ยนซึ่งเป็นหม่อมของเสด็จในกรมฯ) ว่าเสด็จในกรมฯ นั้นทรงเคารพเลื่อมใสหลวงพ่อศุของค์เดียวหรือ หรือมีองค์อื่นอีก นายเทียบเล่าว่ามีอีกองค์หนึ่งอยู่วัดบางปะกอกธนบุรี ชื่อพระอาจารย์พริ้ง ท่านอาจารย์พริ้งองค์นี้มาหาเจ้าพ่อที่วังเสมอ แต่ท่านอาจารย์พริ้งจะให้ของหรือประสิทธิ์ประสาทวิชาคาถาอาคมอะไรให้กับท่านเจ้าพ่อยังไงผมไม่ทราบ แต่ท่านเจ้าพ่อเคารพนับถือเป็นพระอาจารย์

    นายเทียบเล่าต่อไปว่า พระอาจารย์พริ้งองค์นี้มีคนนับถือมาก เล่าลือกันว่าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญวิชาทางไสยศาสตร์ไม่แพ้หลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่าเหมือนกัน น้องชายของผมชื่อจำเรียง ทัศนเวช บวชเป็นพระครูเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดส้มเกลี้ยง ตำบลสามเสน พระนคร (ปัจจุบันนี้เป็นพระวิบูลย์ธรรมาภรณ์ อยู่วัดราชาธิวาส) ได้นิมนต์พระอาจารย์พริ้งไปปลุกเสกองค์เดียว เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ ปรากฏว่าผ้ายันต์ที่กองอยู่นั้นกระพือพรึบเหมือนลมกระทบคลื่นอยู่ไปมา ทั้ง ๆ ที่การกระทำพิธีก็กระทำอยู่ในพระอุโบสถของวัดชนะสงคราม หน้าต่างประตูก็ปิดหมด พัดลมก็ไม่มีสักอัน และมีผู้ร่วมเป็นสักขีพยานอยู่หลายท่าน กองผ้ายันต์เคลื่อนไหวเป็นอยู่พักหนึ่งจนเสร็จพิธี"

    หลวงพ่อพริ้งเป็นอาจารย์สักและหมอยา มีเครื่องรางของขลังที่มีชื่อเสียงมากทางคงกะพันและเมตตามหานิยมในสมัยนั้น หากใครไม่รู้จักหลวงพ่อพริ้งก็อาจจะเรียกได้ว่ายังไม่ได้เป็นนักเลงพระอย่างแท้จริง ประชาชนทั่ว ๆ ไป ให้ความเคารพเลื่อมใสกันอย่างมาก นอกจากนั้นท่านยังดูฤกษ์ยามทายโชคชะตาได้แม่นยำ ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังขึ้นครั้งแรก เท่าที่ทราบกันดีคือ ลูกอมดำ ซึ่งมีชื่อเสียงในทางคงกระพันเมตตามหานิยมและอาราธนาทำน้ำมนต์ให้คนป่วยรับประทานเป็นที่รู้จักกันทั่ว ๆ ไปอย่างกว้างขวาง และสร้างลูกอมสีขาวปนเทา พระสมเด็จผงใบลานสีเทา สีปูน แหวนปลอกมีดขึ้นอีกซึ่งก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน และในโอกาสต่อมาท่านก็ได้สร้างเหรียญรูปท่านขึ้นอีกใน พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยคุณหลวงพัสดุฯ เป็นผู้จัดทำถวายให้หลวงพ่อปลุกเสก

    โดยเฉพาะลูกอมดำซึ่งเป็นเครื่องรางชนิดแรกที่ท่านสร้างขึ้น มีอภินิหารทางคงกะพันมาก ซึ่งมีผู้ประสบเหตุมาแล้วจำนวนมากบอกกับผู้เขียนว่าจะให้ราคากี่พัน กี่หมื่นก็ให้ไม่ได้ เพราะถ้าไม่ได้ลูกอมดำของท่านแล้ว คงไม่มีโอกาสให้สัมภาษณ์แก่คุณในขณะนี้แน่ ลูกอมดำนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเลื่องลือไปไกล เหตุที่มีผู้นำติดตัวไปแล้วประสบภัยต่าง ๆ หลายต่อหลายสิบรายแต่ก็รอดชีวิตมาได้ เป็นเหตุให้มีผู้ต้องการมาก หาเช่าได้ยากจึงมีผู้รู้จักลูกอมดำมากกว่าเครื่องรางชนิดอื่น ๆ ที่หลวงพ่อสร้าง

    ในตอนต้นสงครามอินโดจีน ท่านก็ได้สร้างเสื้อยันต์ผ้ายันต์และปลุกเสกเครื่องรางชนิดอื่น ๆ อีกหลายอย่างเพื่อมอบให้กับทหารที่ไปราชการสงครามและลูกศิษย์ในครั้งกระนั้น และในโอกาสที่ทางราชการทำพิธีจัดส่งทหารไปราชการสงคราม ท่านก็ได้รับนิมนต์จากทางราชการให้ไปประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นที่เลื่องลือในครั้งกระนั้น

    ในอดีตหลวงพ่อพริ้งท่านได้เข้าร่วมพิธีนั่งปรกปลุกเสกตามวัดใหญ่ ๆ หลายครั้ง เช่น วัดราชบพิธ และวัดสุทัศน์เทพวราราม โดยเฉพาะที่วัดสุทัศน์ ฯ นี้ท่านได้เข้าพิธีทุกครั้งที่สมเด็จพระสังฆราชแพ จัดทำในครั้งหลัง ๆ ก็เช่นกัน ท่านเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น บรรดาพระชั้นผู้ใหญ่ที่ประจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศน์ ฯ รู้จักหลวงพ่อดีแทบทุกองค์ ผู้เขียนได้ไปขอสัมภาษณ์จากท่านเจ้าคุณหลายองค์ที่วัดสุทัศน์ ต่างก็เล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าหลวงพ่อพริ้งขณะนั้นโด่งดังมากกว่าพระอาจารย์ อื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นจริง ๆ รูปร่างลักษณะของท่านเป็นคนที่ท่วงทีสง่างามสมกับเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพนับถือ นี่เป็นคำกล่าวของท่านเจ้าคุณพระญาณโพธิ กับท่านเจ้าคุณพระศรีสัจจญาณมุนี และท่านเจ้าคุณพระวิบูลย์ธรรมาภรณ์

    ในบรรดาพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนี้ หลายต่อหลายองค์ก็เคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ผู้เขียนของดที่จะกล่าวนามพระอาจารย์เหล่านั้น เพราะยังมิได้ติดต่อขออนุญาตจากท่าน เนื่องจากผู้เขียนไม่มีเวลาและโอกาสที่จะไปติดต่อ จึงขอกล่าวเพียง ๒-๓ องค์

    คือ หลวงพ่อพระร่วง พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงองค์หนึ่งแห่งวัดยางสุทธาราม บางกอกน้อย ธนบุรี ในอดีต พระอาจารย์เฉลิม เกตุแก้ว ที่วัดยางสทธารามปัจจุบันนี้เล่าให้ฟังว่า อาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อพระร่วง ได้เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อพริ้งเคยเป็นอาจารย์ของท่าน เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อพริ้งท่านก็มีแทบทุกชนิด และเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดคนหนึ่งทีเดียว แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้หลวงพ่อพระร่วงได้มรณภาพไปแล้ว ผู้เขียนจึงไม่ทราบรายละเอียดที่เกี่ยวกับหลวงพ่อพริ้งมากกว่านี้

    พระอาจารย์อีกองค์หนึ่งแห่งถ้ำคูหาทองในจังหวัดลพบุรี คุณพิทักษ์ ฯ เล่าให้ฟังว่าเมื่อ ๒-๓ ปีที่แล้วมีพรรคพวกซึ่งเป็นคนจีนได้ชวนไปเที่ยวที่จังหวัดลพบุรี และเดินทางไปยังสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งซึ่ออยู่ในถ้ำบนภูเขาห่างจากตัวเมืองโคกกระเทียมไปหลายสิบกิโลเมตร ณ สำนักสงฆ์แห่งนั้นได้มีพระอาจารย์องค์หนึ่งซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งในจังหวัดลพบุรี และใกล้เคียง ได้นำเครื่องรางของขลังชนิดต่าง ๆ ที่ท่านสร้างขึ้นให้คนได้เช่าบูชา เพื่อนำรายได้สร้างพระอุโบสถที่กำลังก่อสร้างอยู่

    คนจีนที่ไปด้วยเช่ากันเป็นจำนวนมาก ราคาค่าเช่าบูชาก็ราคาสูง แต่คุณพิทักษ์เองมิได้เช่าเพราะเห็นว่ามีอยู่มากแล้ว แต่ท่านอาจารย์องค์นั้นได้ถามคุณพิทักษ์ว่าทำไมไม่เอาไว้บ้าง ซึ่งคุณพิทักษ์ก็ตอบว่ามีอยู่แล้วทำให้พระอาจารย์องค์นั้นขอดู คุณพิทักษ์ก็จำเป็นต้องถอดสร้อยคอซึ่งมีลูกอมดำของหลวงพ่อรวมอยู่ด้วยออกมาให้ดู

    ทันทีที่ท่านอาจารย์องค์นั้นเห็นลูกอมดำ ก็ยกสร้อยพระขึ้นพนมมือเหนือศีรษะ และกราบลงบนอาสนะเบื้องหน้าท่าน พร้อมกับพูดว่า โยมไม่ต้องเอาของอาตมาแล้วเพราะมีของดีอยู่แล้วนี่ไง พร้อมกับชี้ที่ลูกอมดำ

    คุณพิทักษ์ก็เลยเรียนถามว่าท่านทราบหรือว่าเป็นของพระอาจารย์องค์ใด ท่านอาจารย์องค์นั้นตอบว่า

    นี่คือลูกอมดำของหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ธนบุรีและเป็นอาจารย์ของอาตมาด้วย พร้อมกับบอกว่าได้ของดีของอาจารย์ของอาตมามาแล้ว ไม่ต้องเอาของอาตมาหรอก

    คุณพิทักษ์กล่าวว่าจำชื่ออาจารย์องค์นั้นไม่ได้เพราะเป็นเวลา ๒-๓ ปีแล้วแต่รู้สึกว่าดังมากจากคำบอกเล่าของพรรคพวกที่ไปด้วย

    พระอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่เคยมาศึกษากับหลวงพ่ออีกก็คือ "หลวงพ่อปาน ผู้มีชื่อเสียงแห่งวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา"

    พระภิกษุเชื้อ วิสุทธสีโล วัดบางปะกอก ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเมื่อตอนเป็นเด็กอายุ ๑๒-๑๓ ปี ได้ติดตามพระจำรัส ประสารเกตุ พี่ชายของนายแจ่ม ประสารเกตุ (คนเก่าแก่ตำบลบางปะกอก) ไปหาหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคเพื่อขอของดีของท่านซึ่งกำลังเริ่มจะมีชื่อเสียง เมื่อเข้าไปถึงวัดก็เข้าไปกราบมนัสการท่าน

    หลวงพ่อปาน จึงได้ถามว่ามาทำไม พระจำรัส ฯ จึงตอบว่ามาขอของดีจากหลวงพ่อท่านจึงได้ถามว่าอยู่กันที่ไหนล่ะ

    พระจำรัสฯ จึงตอบว่าอยู่วัดบางปะกอก ธนบุรี หลวงพ่อปาน จึงบอกว่าไม่มีหรอกของดีที่นี่น่ะ พระภิกษุเชื้อฯ ตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่และยังไม่ได้บวชเรียน จึงพูดว่าที่หน้าหลวงพ่อมีตั้ง ๕ บาตรแน่ะ

    ท่านจึงหัวเราะและกล่าวว่าอยู่วัดบางปะกอกก็มีของอาจารย์ฉันอยู่แล้วนี่นา จะมาเอาของฉันทำไมอีก "หลวงพ่อพริ้งไงล่ะ"
    และท่านก็ได้มอบให้มาคนละ ๕ องค์ พร้อมกับฝากมาให้หลวงพ่อพริ้งอีกจำนวนหนึ่ง

    เมื่อกลับมาถึงวัดก็มีมีความสงสัย เพราะหลวงพ่อปานท่านบอกว่าเคยเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพริ้ง แต่ทำไมเราไม่เคยเห็นหน้าสักที เราก็อยู่เป็นเด็กวัดมานาน จึงได้ถามหลวงพ่อพริ้งว่า "หลวงลุง หลวงพ่อปานเขาบอกว่าเคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงลุง ผมไม่เคยเห็นหน้าสักที"

    หลวงพ่อจึงกล่าวว่า เขาไม่ได้เป็นลูกศิษย์แบบเองนี่ เขามาเรียนกับข้าเพียงคืนเดียว เท่านั้น
    สอบถามต่อจึงได้ความว่าหลวงพ่อปานขณะนั้นมีอายุมากกว่า หลวงพ่อ ได้มาขอเรียนวิปัสสนาธุระ โดยบอกว่าทราบว่าอาจารย์สำเร็จวิปัสสนา ผมขอสมัครตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนด้วย เพราะเรียนมาหมดธูปเป็นกระบุงๆ แล้วไม่สำเร็จสักที

    หลวงพ่อจึงดำเนินการสอนให้ ซึ่งหลวงพ่อปานศึกษาเพียงคืนเดียวเท่านั้นก็สำเร็จ โดยบอกกับหลวงพ่อปานว่า "เอาละท่านเรียนสำเร็จแล้ว"

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2015
  15. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,953
    ค่าพลัง:
    +5,631
    ขอร่วมทำบุญ 1 องค์ครับ
     
  16. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  17. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    ภาพพิธีปลุกเสก พระพุทธเจ้าประทับ ไก่หางพวงสร้างครั้งเเรกในชีวิตผมเเละเป็นพระพุทธประทับไก่รุ่นเเรกพ่อท่านเขียวด้วยครับ
    ชมภาพละกันนะครับท่านเสกเดี่ยวสบายใจครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7230.JPG
      IMG_7230.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      5,208
    • IMG_7231.JPG
      IMG_7231.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      192
    • IMG_7235.JPG
      IMG_7235.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      281
  18. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    หลวงปู่มหาวรรณ ปธ8 วัดจะทิ้งพระ เมตตานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7266.JPG
      IMG_7266.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      231
  19. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    พ่อท่านเเสง วัดศิลาลอย เมตตาปลุกเสกเดี่ยว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7288.JPG
      IMG_7288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      219
    • IMG_7289.JPG
      IMG_7289.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      219
  20. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,931
    หมอเปลี่ยน หัตถยานนท์ ศิษย์พระอาจารย์ปาล เขาอ้อ
    เสกเดี่ยวตามตำรับเขาอ้อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7320.JPG
      IMG_7320.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      246

แชร์หน้านี้

Loading...