พุทธคุณกับการเช็คพระ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MonYP, 3 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +681
    ข้อมูล: หนังสือ 101 ปี หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ

    คงไม่มีใครปฏิเสธว่า พระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลกนั้นมีความงามยิ่ง เป็นองค์พระที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น

    ครั้งหนึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ ข้าพเจ้าได้หาซื้อ ส.ค.ส.อยู่ในร้านและได้แลเห็นโปสการ์ดภาพพระพุทธชินราชจึงได้หยิบมาดู ขณะที่เพ่งมองภาพอยู่นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างวิ่งออกจากภาพเข้าสู่ตัวข้าพเจ้าจนเกิดปิติขนลุก น้ำตาไหล เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนทั้งสองมือที่จับภาพอยู่ เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิต ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยและสนใจใคร่รู้ขึ้นมาทันที ข้าพเจ้าพยายามทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าเหมือนกับเมื่อครั้งที่หลวงพ่อเคยมอบพระบูชาให้ข้าพเจ้า เป็นเหตุการณ์ขณะที่ท่านยื่นสองมือจับที่องค์พระพุทธรูปและสวดมนต์ให้พร ข้าพเจ้าเองก็หลับตาและยื่นมือแตะที่องค์พระเช่นกัน ในระหว่างนั้น รู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างวิ่งออกจากท่านผ่านองค์พระพุทธรูปเข้าสู่ตัวข้าพเจ้าและรู้สึกสว่างไสวไปหมดทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่

    เมื่อท่านให้พรเสร็จ ท่านมองข้าพเจ้าแล้วว่า แกเป็นดี ข้าพเจ้าเรียนถามท่านว่าหลวงพ่อทราบได้อย่างไร

    ท่านตอบว่า มีปิติออกจากข้า ไหลไปที่แกแล้วกลับมาหาข้า

    หลวงพ่อได้สอนข้าพเจ้าให้หัดจับพระ ซึ่งในหมู่ศิษย์เรียกกันเองว่า เช็คพระ วิธีการคือใช้มือขวาหรือทั้งสองมือแตะที่ภาพพระหรือกำหากเป็นพระเครื่อง หรือจับที่องค์พระหากเป็นพระพุทธรูปจากนั้นทำจิตให้นิ่ง และจะรู้สึกสัมผัสได้ถึงพุทธคุณที่ครูบาอาจารย์ท่านได้อธิษฐานไว้

    หลวงพ่อเคยเล่าเรื่องการปลุกเสกพระให้ฟังว่า เรื่องคงกระพันชาตรีนั้นทำง่าย แค่ขนลุกก็เหนียวแล้ว แคล้วคลาดยังดีกว่าเพราะไม่เจ็บตัว แต่ที่ดีที่สุดคือเมตตาเพราะแคล้วคลาดยังมีศัตรู แต่รอดพ้นได้ ส่วนเมตตานั้นมีแต่คนรักไม่มีศัตรู การเสกพระให้มีพุทธคุณทางเมตตาจึงทำได้ยากที่สุด

    มีเรื่องปรากฏในพระธรรมบทว่า ในกรุงราชคฤห์ เด็กคนหนึ่งไปเก็บฟืนกับบิดา โคที่เทียมเกวียนได้หนีเข้าไปในเมือง บิดาจึงตามโคเข้าไป แต่เวลาจะออกจากเมืองนั้นประตูปิดเสียแล้ว จึงต้องทิ้งบุตรน้อยคนเดียวไว้นอกเมืองนั้นเอง ถึงเวลากลางคืนขณะที่เด็กนอนหลับ ได้มีพวกอมนุษย์เข้ามาทำร้ายโดยพากันลากเท้าของเด็กนั้นไปมา เมื่อเด็กตกใจตื่นขึ้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วร้องออกมาว่า นะโมพุทธัสสะ (ข้าขอนมัสการพระพุทธเจ้า) พวกอมนุษย์ก็ถอยกลับทันที ไม่กล้าทำร้ายเด็กนั้นอีก ความทราบถึงพระเจ้ากรุงราชคฤห์จึงเสด็จไปเฝ้าทูลเรื่องราวนี้ต่อพระพุทธเจ้า

    พระพุทธองค์ทรงรับสั่งว่า การระลึกถึงพระองค์นั้นยังไม่พอ ต้องระลึกถึงพระธรรม พระสงฆ์ ตั้งสติมั่น ไม่เบียดเบียนใคร และมีจิตเมตตาด้วย พระพุทธพจน์ข้อนี้เองที่ถึอเป็นหลักต่อมาว่าสิ่งที่ป้องกันอันตรายที่ดีที่สุดนั้นคือ เมตตา นั่นเอง

    ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการสอนของหลวงพ่อโดยการให้เช็คพระเช่นนี้เป็นอุบายวิธีการฝึกให้ศิษย์ได้เกิด พุทธานุสติ เพราะทุกครั้งที่จับองค์พระ จิตจะมีอารมณ์น้อมไปสู่ความเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้าเสมอ ทำให้เราระลึกและทำแต่สิ่งที่ดี

    มีลูกศิษย์ของหลงพ่อที่จับองค์พระและสามารถสัมผัสถึงพุทธคุณ ได้เล่าว่าพระบูชาที่ผ่านการปลุกเสกมาแล้วนั้น หากเด่นในเรื่องคงกระพันชาตรี เมื่อจับดูก็จะมีอาการปิติขนลุกขนพองสยองเกล้า แต่หากเด่นทางเมตตา เมื่อจับดูก็จะมีปิติน้ำตาไหลและบังเกิดความสงบเยือกเย็นถึงจิตถึงใจ

    ทำไมหลวงพ่อจึงสอนเรื่องเช็คพระ ข้าพเจ้ามาใคร่ครวญดูแล้วพบว่านอกจากเพื่อให้เกิดพุทธานุสติแล้ว หลวงพ่อต้องการให้ศิษย์แต่ละคนสามารถเป็นประจักษ์พยานแก่ตนเองได้ ให้เป็นปัจจัตตัง ได้รู้เองเห็นเอง เป็นพยานให้ตนเองได้ จะได้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นนั่นเอง มิใช่ให้ไปอวดเด่นอวดดี หรืออวดคุณวิเศษในตัว หรือเที่ยวไปเช็คพระให้ผู้อื่น ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากผู้อื่นยังทำไม่เป็น ถึงเขาจะบอกว่าเชื่ออย่างไร โดยส่วนลึกเขาก็ยังมีความลังเลสงสัยอยู่นั่นเอง เพระไม่รู้ไม่เห็นด้วยตนเอง

    ปัจจุบันมีผู้อ้างตนเป็นศิษย์หลวงพ่อดู่และแสดงความสามารถในการเช็คพระ ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง พระบูชา หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า ว่าท่านเหล่านั้นมีคุณธรรมในระดับนั้น ระดับนี้ โดยหวังอามิสลาภผล ไม่วาจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งการหลงเชื่อดังกล่าวอาจนำท่านไปสู่ความเสียหาย ตั้งแต่การเสียทรัพย์หรือหลงออกนอกลู่นอกทางที่พระพุทธเจ้า รวมทั้งที่หลวงพ่อดู่พาดำเนิน กระทั่งการทำบาปกรรมจากการไปปรามาสครูอาจารย์ที่ท่านมีคุณธรรมโดยไม่เจตนา เพราะสิ่งที่หลวงพ่อดู่พร่ำสอนนนั้น จะต้องเป็นไปเพื่อการลดละความโลภ จึงเป็นข้อพึงพิจารณาระมัดระวังไม่ให้ผิดทาง
     

แชร์หน้านี้

Loading...