เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    25 ปีเมืองร้างเมืองผีเชอร์โนบิล

    25 ปีเมืองร้างเมืองผีเชอร์โนบิล - Pantip


    สาระน่ารู้ : โดยสถิติที่รวบรวมจากสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกา ระบุสถิติการมีหัวรบนิวเคลียร์ในครอบครองของแต่ละประเทศ จะมีประเทศอะไรบ้าง ขอเสนอ 10 อันดับ ประเทศที่ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุด

    เครดิต : สถิติที่รวบรวมจากสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกา

    10. อิหร่าน
    อิหร่านมีแร่ยูเรเนียมสมรรถนพิเศษในครอบครอง ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อการผลิตพลังงานอย่างสันติ แต่เนื่องจากอิหร่านไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบในการสำรวจ ทำให้สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและชาติตะวันตกร่วมกันแซงค์ชั่นอิหร่านด้านเศรษฐกิจและอาวุธ และยังไม่สามารถประมาณการได้แต่คาดว่ามีแน่นอน

    9. เกาหลีเหนือ
    เกาหลีเหนือ มีหัวรบในการครอบครองน้อยกว่า 10 หัวรบ

    8. อิสราเอล
    อิสราเอล มีหัวรบในการครอบครองถึง 80 หัวรบ

    7. อินเดีย
    อินเดีย มีหัวรบในการครอบครองถึง 80-100 หัวรบ

    6. ปากีสถาน
    ปากีสถาน มีหัวรบในการครอบครองถึง 90-110 หัวรบ

    5. สหราชอาณาจักร
    สหราชอาณาจักร มีหัวรบในการครอบครองถึง 225 หัวรบ

    4. จีน
    จีน มีหัวรบในการครอบครองถึง 240 หัวรบ

    3. ฝรั่งเศส
    ฝรั่งเศส มีหัวรบในการครอบครองถึง 300 หัวรบ

    2. สหรัฐอเมริกา
    เป็นชาติมหาอำนาจที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลก มีระบบซัดส่ง เช่น ระบบอาวุธปล่อย ขีปนาวุธ อากาศยานทิ้งระเบิดระยะไกล หรือ ระบบทำการยิงจากใต้น้ำ ซึ่งสามารถนำพาหัวรบนิวเคลียร์ไปสู่เป้าหมายได้ทุกแห่งหนบนโลก ด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่า และไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่หัวรบนิวเคลียร์สหรัฐฯ ไปไม่ถึง สหรัฐฯ แสดงเจตจำนงมาโดยตลอด ที่จะถือครองอาวุธนิวเคลียร์ไว้ เพื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แห่งชาติในระดับสูงสุด ที่กระทบต่อความอยู่รอดของชาติ (Survival Interest) กับใช้เพื่อการป้องปรามทางยุทธศาสตร์ มีหัวรบในการครอบครองถึง 7,650 หัวรบ

    1. รัสเซีย
    เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพเป็นรองก็แต่เพียงสหรัฐฯ มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทั่วโลก ด้วยขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) โดยมีจำนวนฐานยิง และจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ มากกว่าสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น ปฏิบัติการนิวเคลียร์ (Nuclear Operations) ต่อสหรัฐฯ จะใช้เส้นทางผ่านขั้วโลกเหนือเป็นหลัก กับการใช้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เล็ดลอดเข้าไปจ่อยิง เพื่อให้มีเวลาการป้องกันเหลือน้อยที่สุด เป็นที่คาดกันว่าหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จะสามารถฝ่าข่ายการป้องกันของสหรัฐฯ ไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 1/3 ของสหรัฐฯ ถูกทำลายสิ้น ดังนั้น กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จึงถือเป็นภัยคุกคามอันดับ 1 ต่อสหรัฐฯ มีหัวรบในการครอบครองถึง 8,420 หัวรบ
    ข้อมูลจาก มติชน
    และ toptenthailand

    [ame]https://youtu.be/rFcFIKrPUDw[/ame]


    ตัวเลขอาวุธนิวเคลียร์เป็นเพียงการประมาณกาลคร่าวๆเพียงเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่า ใครไปทุบหม้อข้าวบ้านใครก่อน หลังจากนั้นก็คงเป็นบทสุดท้ายสู้ตาย

    คว่ำบาตร คว่ำบาตร คว่ำบาตร อดตายหิวโหยสูญเสียประชากรมากขึ้นเท่าไหร่ นาทีสุดท้ายลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้นเอง


    ตัณหาความทะยานอยากของมนุษย์

    เผยปริศนา..นอสตราดามุส ทำนายอะไรไว้เมื่อ 400 ปีที่แล้ว? (ตอนแรก)
    เมื่อพูดถึง นอสตราดามุส หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาจากคำพยากรณ์ต่างๆ ที่สอดคล้องกับแต่ละสถานการณ์บนโลก นอสตราดามุส เป็นชื่อภาษาละตินของชาวฝรั่งเศส เขามีเชื้อสาย “ ยิว” มีชื่อเต็มว่า ไมเคิล เดอ นอสเตรอดัม ได้รับการขนานนามจากชาวโลกว่าเป็น “ราชาโหรโลก” หรือปรมาจารย์แห่งโหราศาสตร์เอกของโลก
    เขาเกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1503 ตรงกับสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ของฝรั่งเศส (ค.ศ.1498-ค.ศ.1515) บ้านเกิดอยู่ที่ เมืองแซงต์ เรมี เดอ โปรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวของ ชาคส์ กับ เรอเน เดอ นอสเตรดัม นายทะเบียนผู้รุ่งเรืองของเมือง


    นอสตราดามุส เกิดร่วมสมัยกับ มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำแห่งศาสนาคริสเตียนนิกายโปรเตสแตนต์ , พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ชาวยิวทุกคนเปลี่ยนศาสนาเดิม มานับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ เรียกว่า คริสเตียน โดยเข้ารับศีลจุ่ม (บัปติสมา)ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนระอุ ครอบครัวนอสตราดามุส ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกทางออก ด้วยการรับศีลเข้ารีตเป็นคริสเตียน แต่ภายในบ้านก็ยังยึดถือปฏิบัติศาสนกิจตามความเชื่อของยิวอย่างลับๆ มาโดยตลอด


    เมื่อนอสตราดามุสมีอายุครบ 14 ปี คุณปู่ แนะนำให้เข้าเรียนต่อด้านศิลปศาสตร์ ที่เมืองอาวียอง แหล่งวิชาสำคัญของฝรั่งเศสยุคนั้น เขาศึกษาวิชาปรัชญา , ไวยากรณ์ และศิลปการพูด ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของพระ ยามว่างมักใช้เวลาหมดไปในห้องสมุดที่แห่งนี้ นอสตราดามุสได้พบหนังสือหลายเล่ม ที่เขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องของไสยศาสตร์ผีสางและเวทมนตร์ รวมทั้งชีวประวัติของศาสดาพยากรณ์ ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งทำให้เกิดความสนใจในวิชาโหราศาสตร์มากขึ้น ถึงขนาดลงมือค้นคว้าหลักการทำนายอนาคต


    นอสตราดามุส มีความรู้แตกฉานด้านดาราศาสตร์ หรือจะด้วยพลังจิตทัศน์ ที่แฝงอยู่ในตัวมาก่อนก็ตาม เขาได้คิดหันชีวิตมุ่งไปทางโหราศาสตร์อย่างจริงจัง และด้วยคุณปู่คนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจความปรารถนา จึงให้ยึดถืออาชีพการแพทย์ควบคู่ไปกับการมุ่งศึกษาด้านโหราศาสตร์ปี ค.ศ.1525 นอสตราดามุส สอบผ่านจบหลักสูตร ได้ปริญญาบัตรการแพทย์จากมหาวิทยาลัยมองต์เปลีเยร์ พร้อมด้วยใบประกอบโรคศิลปทางแพทย์ และเมื่อเกิดกาฬโรคระบาดร้ายแรงทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โรคระบาดทำให้ผู้คนเสียชีวิตดุจใบไม้ร่วงคนป่วยนอกจากจะได้รับความเจ็บปวดอย่างสาหัสแล้ว ยังได้รับการทรมานจากแผลที่เน่าเฟะเป็นหนอง ส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่ว ถึงรักษาหายก็ยังฝากรอยแผลเป็นไว้ตามตัวและใบหน้า


    แพทย์ทุกคนทำงานหนักในห้วงเวลานี้นอสตราดามุส มีความระแวดระวังภัยรอบตัว มาแต่อ้อนแต่ออก จึงทำให้เขารอดจากการจ้องจับผิดของเจ้าหน้าที่สังฆจักโรมันคาทอลิกอยู่เรื่อยมา ชื่อของ นอสตราดามุส อยู่ในบัญชีดำ เป็นผู้ถูกเพ่งเล็งหมิ่นเหม่ ต่อการถูกเรียกตัวเข้าคอก เป็นจำเลยเพื่อไต่สวนหลายครั้ง แต่เพราะความเป็นนายแพทย์ที่สร้างคุณประโยชน์ อาจหาญรักษาเพื่อนร่วมชาติที่ล้มตายด้วยโรคระบาดตามหัวเมืองต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงความน่าสยดสยองของโรคร้าย ความดีอันนี้ จึงมีส่วนช่วยเป็นเกราะกำบังภัยให้นอสตราดามุสเรื่อยมา


    ปี ค.ศ.1529 โรคระบาดเริ่มทุเลาลดลง นอสตราดามุสหวนกลับมาติดตามความตั้งใจเดิมที่ตกค้างคาใจอยู่ คือการอยากจะเผยแผ่ทฤษฎีการแพทย์ใหม่ให้แก่สถาบัน เขาทำปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยมองต์เปลีเยร์ กลายเป็นแพทย์มืออาชีพชื่อดังไปแต่เมื่อเวลาผ่านไป นอสตราดามุส ต้องการอิสรภาพทางความคิด มาตรฐานวิชาแพทย์รูปแบบใหม่ที่นอสตราดามุสวางรากฐานไว้ แต่การสอนที่มหาวิทยาลัยมองต์เปลีเยร์ เริ่มเวียนวนซ้ำซาก จึงตัดสินใจลาออก นอสตราดามุสมุ่งหน้าเลาะไปตามเมืองต่างๆ ที่รู้จัก และประสบความสำเร็จในวิชาชีพเมื่อครั้งรักษาโรคระบาด


    ปี ค.ศ.1534 เขาปักหลักตั้งสำนักงานแพทย์ที่เมืองตูลูส เพียงไม่นานผู้คนในเมืองตูลูส และใกล้เคียงต่าง มารับการรักษา ในจำนวนนี้มี จูเลียส ซีซาร์ สคาลิงเจอร์ นักคิดนักปรัชญาชื่อดังแห่งเมืองอายอง รวมอยู่ด้วย โดยคบกันอย่างถูกอัธยาศัยจนกลายเป็นเพื่อนสนิท นอสตราดามุสได้ตัดสินใจย้ายมาตั้งรกรากอยู่ในเมืองนี้ เป็นบุรุษเนื้อหอมของเมืองอายอง


    ในที่สุดเขาตัดสินใจสละโสด เข้าพิธีแต่งงานกับหญิงสาวรวยทรัพย์มากเสน่ห์คนหนึ่งของเมือง โดยมีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่งคน ใช้ชีวิตช่วงนี้อย่างบรมสุข
    ปี ค.ศ.1537 โรคระบาดที่ทะลักมาจากเมืองอื่น เริ่มเข้ามาคุกคามเมืองอายอง มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก กลางคืน นอสตราดามุส รวบรวมความรู้ประสบการณ์ที่เคยมีมา ออกตระเวนรักษาคนป่วยอย่างเต็มกำลังทุกวัน หาได้เฉลียวใจสักนิดไม่ว่า ความวิบัติหายนะกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ตนกับครอบครัว


    คืนวันหนึ่ง นอสตราดามุสกลับมาถึงบ้าน พบลูกและเมียตัวเองมีอาการไข้ของเชื้อกาฬโรค นอสตราดามุสกลับรักษาคนใกล้ตัวอันเป็นที่รักไว้ไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างรวดเร็วและขาดการป้องกันที่ดี ภรรยาและลูกทั้งสองของนอสตราดามุส ต้องจบชีวิตด้วยโรคร้ายในคราวนั้นเหตุการณ์เศร้าสลดของนอสตราดามุส ทำให้ชาวเมืองอายองเลิกเชื่อถือในวิชาแพทย์ของเขา อีกทั้งเพื่อนๆ ปัญญาชนที่เคยสนิท อย่างจูเลียส ซีซาร์ สคาลิงเจอร์ ที่รักใคร่สนิทสนมกันหนักหนาก็ตีจาก


    ปี ค.ศ.1545 นอสตราดามุส กลับบ้านเกิดเมืองนอน มาเป็นลูกมือให้ลุย แซร์ แพทย์ชื่อดังซึ่งกำลังยับยั้งกาฬโรคที่ระบาดหนักในเมืองมาร์แซย์ จากนั้นได้เข้ารับมือกับกาฬโรคที่แพร่อยู่ในเมืองซาล็อง-เดอ-พรอว็องส์ กับ อิกซ์-อ็อง-พอรว็องส์ ด้วย
    ปี ค.ศ.1547 นอสตราจึงตั้งรกรากที่เมืองซาล็อง-เดอ-พรอว็องส์ เรือนของเขายังมีอยู่ในบัดนี้ ที่เมืองนั้นเขาได้สมรสกับ อัน ปงซาด เศรษฐินีหม้าย และมีบุตรด้วยกัน 6 คน เป็นหญิง 3 ชาย 3


    นอสตราดามุส กลับไปเยือนอิตาลีอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเบนเข็มจากสมุนไพรเป็นเรื่องคุณไสย พอได้รับทราบกระแสนิยมหลายกระแสแล้ว เขาก็เขียนกาลานุกรม สำหรับปี ค.ศ.1550 ขึ้นเผยแพร่ โดยใช้ชื่อสกุลตนเองเป็นภาษาละตินว่า “Nostradamus” เป็นครั้งแรกกาลานุกรมของเขามียอดขายดีมาก ทำให้เขาเขียนกาลานุกรม อีกหลายฉบับอย่างน้อยปีละเล่ม ส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของแต่ละปี แต่บางปีก็เริ่มแต่วันที่ 1 มีนาคม เมื่อรวมกาลานุกรมทั้งหมดแล้ว เป็นคำพยากรณ์จำนวน 6,338 บท และปฏิทินอย่างน้อย 11 ปี


    นอสตราดามุส เริ่มมีชื่อเสียง และบุคคลสำคัญมากหน้าหลายตาก็เริ่มแห่กันมาร้องขอให้เขาทำนายโชคชะตาราศีให้ รวมถึงขอให้เขาใช้ “ญาณทิพย์” มอบคำปรึกษาให้ นอสตราดามุสมักให้ “ลูกค้า” ส่งมอบวันเดือนปีเกิด ที่เขียนลงบนตารางให้สำหรับใช้ทายทัก มากกว่าจะคำนวณตัวเลขเหล่านั้น ด้วยตนเหมือนดังที่นักดาราศาสตร์มืออาชีพพึงทำ เมื่อนอสตราดามุสเขียนโคลง 4 พยากรณ์จำนวน 1,000 บท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาฝรั่งเศส และไม่ลงวันเวลากำกับไว้ แต่ด้วยเกรงว่า จะถูกต่อต้านด้วยเหตุผลทางศาสนา เขาจึงเขียนให้เนื้อความเคลือบคลุมเข้าไว้ โดยใช้กลวิธีทางวากยสัมพันธ์แบบเวอร์จิล ทั้งยังเล่นคำ และแทรกภาษาอื่น เช่น ภาษากรีก ภาษาอิตาลี ภาษาละติน และภาษาถิ่นพรอว็องส์


    โคลงเหล่านี้ทำให้เขามีชื่อเสียงมากมาจนบัดนี้ โคลง 4 พยากรณ์ ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ เลพรอเฟตี แปลว่า คำทำนาย เมื่อเผยแพร่แล้วมีเสียงตอบรับในทางบวกบ้างลบบ้างคละกันไป ชาวบ้านเชื่อว่า นอสตราดามุสเป็นทาสมาร เป็นนักพรตต้มตุ๋น หรือเป็นบ้าแต่พวกผู้ลากมากดีไม่คิดเช่นนั้น แคทเธอรีน เดอ เมดีชี มเหสีพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส เป็น 1 ในบรรดาผู้เลื่อมใส นอสตราดามุส อย่างเหนียวแน่นที่สุด เขาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นปุโรหิต และหมอหลวงประจำพระเจ้าชาร์ลที่ 9 เขาได้รับความทรมานจากโรคเกาต์มาหลายปี ในบั้นปลายชีวิตเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก จนโรคนั้นลุกลามกลายเป็นอาการบวมน้ำหรือท้องมานไป


    ปี ค.ศ.1566 ปลายเดือนมิถุนายน เขาจึงเรียกทนายความประจำตัวมาเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดซึ่งมีมูลค่ากว่า 3,444 คราวน์ (ราว 300,000 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน) พร้อมหนี้สินพ่วงมาด้วยเล็กน้อย ให้แก่ภริยาเขา ระหว่างที่ยังมิได้สมรสใหม่ เพื่อใช้เป็นทุนรอนเลี้ยงบุตรหญิงบุตรชายต่อไป


    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1556 ช่วงบ่าย เขาบอกฌ็อง เดอ ชาวีญี เลขานุการส่วนตัวของเขา ว่า “พออาทิตย์ขึ้นแล้ว เจ้าจะไม่เห็นข้ามีชีวิตอีก” วันรุ่งขึ้น มีรายงานว่า เขาถูกพบเป็นศพนอนอยู่บนพื้นถัดจากเตียงและตั่งของเขาศพของเขาฝังไว้ที่วัดคริสต์ฟรันซิสกันในเมืองซาลง ซึ่งบัดนี้บางส่วนกลายเป็นภัตตาคารชื่อ ลาโบรเชอรี แล้ว แต่ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส มีการขุดศพเขาขึ้นไปฝังที่ป่าช้าวัดแซ็ง-ลอแร็ง แทน ศพของเขาอยู่ที่นั่นมาตราบทุกวันนี้


    *******************************************
    ศาสตร์เก่าแก่ที่โลกซีกตะวันออก และ โลกตะวันตก ใช้เป็นเข็มทิศดำเนินชีวิตนั้น นอกเหนือจากคำพยากรณ์จากศาสดาต่างๆ แล้ว…ผลจากคำทำนายชะตาโลก ของนอสตราดามุสก็ทำให้ทั้ง 2 ซีกโลกพากันวิตกอยู่ไม่น้อย


    หนังสือที่เขาเขียนมีการพิมพ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ติดต่อกันมากว่า 400 ปีมาแล้ว เฉลี่ยได้ว่าทุกร้อยปีจะมีการพิมพ์คำทำนายของเขา หรือหนังสือเกี่ยวกับตัวเขา การทำนายของเขาอย่างน้อยก็เป็น 100 เล่ม , จักรพรรดินีโจเซฟิน ก็เคยให้นโปเลียนอ่านคำทำนายของ นอสตราดามุส ขณะที่คุกบาสติลล์แตก กลุ่มนักปฏิวัติ บุกเข้าไปได้อ่านคำทำนายเกี่ยวกับตนเอง เนื่องจากมีหนังสือเกี่ยวกับคำทำนายของนอสตราดามุสวางทิ้งไว้บนโต๊ะในคุก ซึ่งมีคำกล่าวถึงความสำเร็จของการปฏิวัติไว้ด้วย หลังจากนั้นจึงได้มีการเปิดให้ประชาชนเข้าแถว มาอ่านคำทำนายของนอสตราดามุส ที่คุกบาสติลล์เป็นเวลาติดต่อกันถึง 10 วัน


    รัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการ ของฮิตเลอร์ ก็เคยให้ฮิตเลอร์ อ่านคำทำนายของนอสตราดามุส และดัดแปลงใช้คำทำนายของเขาทำการโฆษณาการชวนเชื่อในประเทศยุโรป ที่ฮิตเลอร์ เข้ายึดครอง จนเป็นเหตุให้อังกฤษต้องวางแผนโฆษณาตอบโต้
    คำทำนายของนอสตราดามุส เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของโลก ทั้งที่ช่วงเขามีชีวิตอยู่ ยังไม่เคยมีบุคคล หรือเหตุเหล่านี้ แต่ได้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ดังนี้


    1. นโปเลียน จักรพรรดิองค์หนึ่งจะเกิดใกล้อิตาลี จักรพรรดิองค์นี้จะมีราคาแพงมากสำหรับจักรวรรดิ เมื่อเห็นพวกพ้องของเขาแล้ว คนก็จะพูดว่าท่านเป็นนักฆ่ามากกว่าเจ้าชาย

    2. ฮิตเลอร์ สัตว์ป่าซึ่งบ้าบิ่นเพราะความหิวโหยจะข้ามแม่น้ำ สนามรบส่วนใหญ่จะเป็นการรบต่อต้านฮิสเตอร์ (ฮิตเลอร์) เขาจะลากผู้นำไปในกรงเหล็ก เมื่อคนเยอรมันผู้นี้ไม่ยอมรับกฎหมายใด ๆ

    3. ฟรังโก จากคาสติลล์ ฟรังโกจะนำพรรคพวกออกมา ซึ่งพวกทูตไม่เห็นด้วยและสร้างความร้าวฉานขึ้น พรรคพวกของริวิเอรา (ผู้เผด็จการซึ่งฟรังโกมีส่วนช่วยโค่นล้ม) จะอยู่ในกลุ่มด้วย และฟรังโกจะไม่สามารถเข้ามาในอ่าว (หมายถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) ได้

    4. หลุยส์ ปาสเตอร์ สิ่งที่สูญหายจะถูกค้นพบหลังจากหลายศตวรรษ (การค้นพบเชื้อโรคในบรรยากาศของปาสเตอร์) ปาสเตอร์จะมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเทพเจ้า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์โคจรครบรอบ (ปี ค.ศ.1889 และเป็นปีเดียวกับที่ปาสเตอร์ได้ตั้งสถาบันปาสเตอร์ขึ้น) แต่ข่าวลืออื่น ๆ จะทำให้เขาเสียชื่อ (หมายถึงการต่อต้านจากวงการแพทย์สมัยนั้น)

    5. การตั้งรัฐอิสราเอล รัฐใหม่จะเกิดขึ้นบริเวณซีเรีย จูเดีย และ ปาเลสไตน์ จักรวรรดิป่าเถื่อน (หมายถึงไม่ใช่พวกคริสเตียน) จะแตกสลายก่อนสิ้นศตวรรษของพระอาทิตย์ (ศตวรรษที่ 20)

    6. สันนิบาตชาติ สุนทรพจน์ที่ทะเลสาบเลอมัน จะดุเดือดขึ้น วันจะยืดยาวนานไปเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี แล้วทุกอย่างก็จะพังทลาย เจ้าหน้าที่จะด่าว่าอำนาจที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ของตน

    7. สงครามโลกครั้งที่สอง ไม่นานหลังจากนั้น ซึ่งทิ้งระยะไม่นานนักจะเกิดความวุ่นวายขึ้นทั้งทางบกและทางทะเล สงครามทางทะเลจะยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมา เพลิง สัตว์ (เครื่องมือ เครื่องจักร) จะทำให้เกิดความวุ่นวายหนักหน่วงยิ่งขึ้น

    8. นางาซากิ และ ฮิโรชิมา ใกล้ท่าเรือและในสองเมืองจะประสบภัยพิบัติอย่างที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน ความหิวโหย โรคภัย จะเกิดขึ้นและผู้คนซึ่งถูกดาบฟาดฟันขับไล่ออกมาจะเรียกร้องขอความช่วยเหลือ จากพระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นอมตะ

    9. การสละราชบัลลังก์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 กษัตริย์อังกฤษซึ่งกำลังจะสิ้นพระชนม์ ตั้งพระทัยมอบราชบัลลังก์ให้กับเจ้าชายหนุ่ม แต่เมื่อกษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว ลอนดอนจะตั้งข้อพิพาทกับเจ้าชาย และจะเรียกร้องราชอาณาจักรคืนจากพระองค์ เนื่องจากไม่ทรงยินยอมทำการหย่าขาด ซึ่งเห็นกันว่าไม่เหมาะสม กษัตริย์แห่งเกาะใหญ่น้อยจึงทรงถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์และผู้ที่ไม่ควร ได้เป็นกษัตริย์ได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน (หมายถึงพระเจ้ายอร์ชที่ 6)

    10. การเดินทางอากาศ เมื่อหมดโรคภัยแล้ว โลกจะแคบลง และจะสงบสุขไปเป็นเวลานาน ประชาชนจะเดินทางโดยปลอดภัยในท้องฟ้า ทางบก และทางทะเล และแล้วสงครามก็จะเกิดขึ้นอีก

    11. สงครามทางอากาศ ตลอดคืน คนจะคิดว่าตนเห็นพระอาทิตย์ขณะที่เห็นคนครึ่งหมู (นักบินที่ใส่หน้ากากออกซิเจน) จะมีเสียงครึกโครม เสียงหวีดหวิว จะมีการต่อสู้ของสงครามในท้องฟ้า สัตว์ร้าย (นักบิน) จะพูดติดต่อกันได้

    12. พระเจ้าชาห์ และ โคไมนี ความอดอยาก และสงครามจะไม่มีวันสิ้นสุดในเปอร์เซีย ความเชื่อมั่นจนเกินไปจะทำให้กษัตริย์ถูกหักหลัง การดำเนินการที่เริ่มในฝรั่งเศสจะยุติที่นั่น และเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าเขาจะต้องตาย

    13. ท้องฟ้าจะถูกเผาผลาญ ณ องศาที่ 45 (เส้นรุ้ง 45-ที่ตั้งนครนิวยอร์ก) เพลิงจะพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่ในบัดดล ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา” ….“มาบัส (อุสมา บินลาเดน) จะตายในไม่ช้า จะมีการฆ่าหมู่คน และสัตว์อย่างสยดสยอง ทันใดนั้นการแก้แค้นจะปรากฏขึ้นจากร้อยแผ่นดิน (อเมริกา) ความกระหาย อดอยาก จะเกิดขึ้นเมื่อดาวหางโคจรผ่านมา…..”

    การไฮแจ็ค เครื่องบินพาณิชย์ที่บรรทุกผู้โดยสารร้อยกว่าชีวิตพุ่งเข้าชนเวิล์ด เทรดเซ็นเตอร์ ในกรุงนิวยอร์ก ตรงกับโคลงตีความว่ายามที่นอสตราดามุสมองเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าใส่ตึกเวิล์ดเทรด ไม่แตกต่างไปจากหอกแหลมจากฟากฟ้าจะบินมาพร้อมกับลูกไฟ

    เพราะหัวของเครื่องบินที่มีปีกนั้น ดูเผินๆ ก็ไม่แตกต่างกับหอกขนาดยักษ์เท่าใดนัก (สมัยนอสตราดามุสไม่มีเครื่องบิน) เช่นเดียวกับการชนก็เกิดการระเบิดทันทีจนเป็นลูกไฟไปทั่วฟ้านั่นเอง ตามคำทำนาย การตายของบินลาเดน จะเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสันติภาพ และจะเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ และยาวนานกว่าทุกครั้ง โดยการแก้แค้นของพวกร้อยแผ่นดิน (United State) ซึ่งก็คือ สหรัฐนั่นเอง


    ส่วนอาวุธลับ ที่สหรัฐจะใช้จัดการกับขบวนการก่อการร้าย จนกระทั่งเกิดการตายอย่างมากมายนั้น นอสตราดามุสใช้คำว่า ดาวหางมาเยือน ดาวหางที่นอสตราดามุสเห็น น่าจะเป็นระบบโจมตี และป้องกันภัยทางอากาศ ที่สหรัฐใช้ในปัจจุบัน


    เผย..นอสตราดามุส ทำนายสงครามโลกครั้งที่สาม
    ในตอนที่แล้ว ได้เล่าประวัติของนอสตราดามุส บุรุษผู้ได้รับการขนานนามจากชาวโลกว่าเป็น “ราชาโหรโลก” หรือปรมาจารย์แห่งโหราศาสตร์เอกของโลก พร้อมทำนำนายล่วงหน้าบางส่วนของเขาที่สอดคล้องกับบุคคล และสถานที่ ในช่วงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลก


    นอสตราดามุส ทำนายไว้ว่า สงครามโลกครั้งที่สาม เมื่อพระเสาร์เล็งกับราศีมีนในช่วงสูงสุด การสู้รบทางทหารจะก่อให้เกิดโรคระบาด ความอดอยาก ความตาย เมื่อใกล้จะขึ้นศตวรรษใหม่ ความอดอยากครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะเกิดขึ้นจะเริ่มในบางบริเวณก่อน แล้วแผ่ขยายไปทั่วโลก


    และจะดำเนินไปอย่างกว้างขวางยาวนานจนต้นไม้และเด็ก ๆ จะตายหมด นกฮูกจะมาร้องที่ปล่องไฟ ราคาข้าวสาลี จะขึ้นสูงจนคนต้องกินเนื้อคน ราชอาณาจักรจะแผ่ขยายจากเฟซ (ตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ) ไปสู่ยุโรป ไฟจะเผาผลาญเมือง ดาบจะปะทะกัน

    “ ผู้ยิ่งใหญ่จากเอเชีย” จะยกทัพใหญ่ ทั้งทางบกทางเรือ...? และเข่นฆ่าคริสต์ศาสนิกชนจนอาสัญ หลังจากที่คอยกันมาเป็นเวลานาน เขาจะไม่ปรากฏตัวขึ้นที่ยุโรป แต่ในเอเชีย เขาจะมาจากเชื้อสายหนึ่งของเทพเจ้าเฮอร์เมส และจะยิ่งใหญ่เหนืออำนาจอื่นใดในตะวันออก


    ผู้นี้มีราศีน้ำเด่นถึง 3 ราศีด้วยกัน คือ ราศี Aries, Cancer และ Capricorn เป็น “ผู้ที่ต่อต้านพระคริสต์คนที่สาม “ (แอนตี้ไครสต์) บุรุษจากตะวันออกผู้นี้ จะออกจากเมืองข้ามภูเขาแอปเพนไนน์มาฝรั่งเศส เขาจะผ่านมาทางฟ้า ทะเล หิมะและจะทำลายทุกคนด้วยอาวุธของเขา บุรุษซึ่งปลุกวิญญาณดุร้ายของเทพเจ้าฮันนิบาล ซึ่งเป็นที่หวาดหวั่นของชาวโลก ไม่มีความสยดสยองใดที่เคยปรากฏบนกระดาษที่จะร้ายแรงกว่าครั้งนี้ และจะมาถึงชาวคริสต์จากบาบิลอน


    จะเกิดความวุ่นวายปั่นป่วนทั้งเอเชีย ทั้งในไมเชีย ไลเซีย และแพมฟีเลีย เลือดจะหลั่งนอง เพราะความไม่ยอมรับบาปบุญคุณโทษ “ของบุรุษผิวคล้ำ “ ซึ่งมีการกระทำที่โหดร้าย บุรุษผู้หนึ่งจะเกิดภายใต้ราศีน้ำทั้งสาม และวันหยุดทางศาสนาของเขา คือวันพฤหัสบดี ความมีชื่อเสียง ความสรรเสริญเยินยอ


    อำนาจการปกครองของเขาจะแผ่ขยายไปทั้งทางบก ทางน้ำและนำความยุ่งยากมาสู่ตะวันออก ในไม่ช้าผู้ต่อต้านพระคริสต์ก็ทำลายล้างทั้งสาม (?) ผู้ที่ไม่เชื่อเขาจะต้องตาย ถูกจับกุมและเนรเทศ เลือด ซากมนุษย์ น้ำ และลูกเห็บสีแดงจะปกคลุมไปทั่วโลก
    กษัตริย์แห่งความโหดร้ายจะมาจากท้องฟ้า เขาปลุกวิญญาณของ กษัตริย์มงโกลขึ้นมาใหม่ สงครามใหญ่จะดำเนินไปก่อนและหลังจากนั้น หลังจากความทุกข์ทรมานของมนุษย์โลกแล้ว มนุษย์จะยังประสบภัยพิบัติใหญ่หลวงยิ่งกว่าเมื่อจะขึ้นศตวรรษใหม่ จะมีการหลั่งเลือด น้ำนม (?) ความอดอยาก สงครามและโรคภัยไข้เจ็บ ในท้องฟ้าจะปรากฏดาวหาง


    สองครั้งสองหนที่ตะวันออก สู้กับตะวันตก และต้องพ่ายแพ้ แต่ขณะเดียวกันทำให้ตะวันตกอ่อนแอลงไปด้วย หลังจากการสู้รบหลายครั้ง ที่สุดฝ่ายตะวันออกก็แพ้สงครามทางเรือเมื่อถึงคราวคับขัน กฎจะไม่ได้ผล กฎอื่นที่เป็นที่พอใจมากกว่าจะมาแทนที่ ลุ่มแม่น้ำดนีปเปอร์ (อยู่ตอนใต้ของรัสเซีย) จะเป็นแห่งแรกที่เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น โดยกฎอื่นที่ดึงดูดความสนใจได้ มากกว่าจะเข้าแทนที่ โดยอาศัยของกำนัลและเล่ห์ลิ้น วันหนึ่งผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งสอง จะเป็นมิตรกันและอำนาจจะยิ่งใหญ่ขึ้น แผ่นดินใหญ่จะมีอำนาจสูงสุด และบุรุษเลือดจะประเมินสถานการณ์ของตนเอง

    เมื่อประเทศที่ขั้วโลกเหนือจะเป็นมิตรกัน ตะวันออกจะเกรงกลัวและระแวงมาก บุรุษผู้หนึ่ง จะได้รับเลือกตั้ง และได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่หวาดกลัว บริเวณตะวันออกกลางจะละเลงไปด้วยเลือดของผู้ป่าเถื่อนทั้งสองจะยึดอำนาจปกครองอยู่ได้เพียงระยะเวลาอันสั้น เมื่อผ่านเวลา 3 ปี 7 เดือนไปแล้ว ทั้งสองก็จะเข้าสู่สงครามอีก ประเทศเล็ก ๆ สองประเทศจะลุกขึ้นต่อต้านและผู้ชนะคือผู้ที่เกิดในอเมริกา (สมัยของนอสตราดามุสเขียนคำทำนาย เพิ่งค้นพบอเมริกาเพียง 50 กว่าปีเท่านั้น)


    จากดินแดนที่ถัดไปจากทะเลดำ และพวกตาดกษัตริย์องค์หนึ่งจะเสด็จไป ฝรั่งเศส พระองค์จะเสด็จผ่านอาลาเนีย และอาร์มีเนีย และทิ้งอาวุธเปื้อนเลือดของพระองค์ไว้ในไบเซนเตียม

    ที่ผ่านมา นอสตราดามุส ทำนายผิดก็มีไม่น้อย แต่อาจเพราะหลายบทที่ไม่ทราบความหมาย หรืออาจจะแปลเป็นอะไรก็ได้ที่จะให้ตรงกับสถานการณ์โลก เพราะเขาเขียนทุกอย่างไว้เป็นเชิงปริศนาให้มีการ ทำนายต่อ และสลับเหตุการณ์ไว้ตามศตวรรษ ต่าง ๆ ไม่ให้ปะติดปะต่อกัน


    แต่มีบทที่น่าอัศจรรย์ เช่น ที่เกี่ยวกับ ปาสเตอร์ ฮิตเลอร์ นโปเลียน อเมริกา สงครามในอากาศ วิทยุ เรือดำน้ำ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นคำทำนายที่เขียนขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทั้งนั้น ซึ่งสมัยนั้นไม่มีสิ่งพวกนี้

    ดินแดนที่ถัดทะเลดำ (ใกล้ยูเครน) คือ จุดที่น่าจะเริ่มสงครามใหญ่ ใกล้ดินแดนจีน กับรัสเซีย ความยุ่งยากในบริเวณตะวันออกกลางก็จะเกิดขึ้นด้วย สงครามอาจจะมาทั้งสองทาง คือ จากดินแดนอาหรับ และจีน สงครามโลกครั้งหน้านี้ ถ้าเกิดขึ้นก็จะเป็นไปในขอบเขตยิ่งใหญ่สาหัสกว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและ ครั้งที่สองมากมายนัก
    ถ้าเอาคำทำนายของนอสตราดามุส มาเป็นโจทย์ทำนายเล่น ก็พอจะสรุปได้ว่า สงครามโลกครั้งที่สาม น่าจะมาจากดินแดน ตะวันออกกลาง หรือ จีน (มงโกล) ผู้ก่อสงครามจะเป็นคนผิวคล้ำ คนผู้นี้ถือวันพฤหัสบดีเป็นวันหยุด จึงยังมีว่าคนผู้นี้คือใคร เหตุใดจึงถือวันพฤหัสบดีเป็นวันหยุด บุคคลผู้นี้เป็น ผู้ที่ต่อต้านพระคริสต์ (แอนตี้ไครสต์) คนที่สาม

    นโปเลียน คือ แอนตี้ไครสต์คนแรก (เขาก่อสงครามทำให้คนเสียชีวิตไปมากกว่า 2 ล้านคน) ,

    ฮิตเลอร์ คือแอนตี้ไครสต์คนที่สอง ทำให้ผู้คนล้มตายไปกว่า 50 ล้านคน และ

    แอนตี้ไครสต์คน คนที่สามนี้ จะเป็นผู้ก่อสงครามโลกครั้งที่สามขึ้น ??
    ------------------->


    ตัดฉากมาในความจริงปัจจุบันนี้ รัฐบาลอเมริกา มีหนี้สินท่วมหัว ใช้ไปอีกหลายสิบปีก็ยังไม่หมด จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เขาจะต้องล้มกระดานใหม่ทุกครั้งเมื่อจนแต้ม ซึ่งจะนำไปสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะเห็นได้ว่าพัฒนาการสงครามใหญ่มีมาเป็นลำดับ ไม่ใช่อยู่มาวันดีก็เกิดสงครามใหญ่แบบไม่มีเหตุผล


    ถ้าใครโลกสวย มองว่าอเมริกามีแสนยานุภาพทางทหารขนาดนั้น ใครจะกล้าทำสงครามใหญ่ กับเขา หารู้ไม่ว่าตอนนี้ อเมริกา รัสเซีย จีน เขาเตรียมซินาริโอสงครามเอาไว้แล้ว ตามลำดับดังนี้คือ

    1. ขั้นหลังเงินดอลล่าร์ล่มสลาย
    2. ขั้นหลังประเทศสหรัฐอเมริกาล่มสลาย
    3. ขั้นโลกเข้าสู่ภาวะสงคราม จุดเริ่มต้นที่ใด ใครเริ่มก่อน แล้วแบ่งข้างกันแบบใด
    4. ขั้นหลังอเมริกาประกาศรับความพ่ายแพ้แล้ว ใครนำประเทศประกาศยอมแพ้ และเป็นประธานาธิบดีคนสุดท้าย
    5. ขั้นแบ่งดินแดนสหรัฐอเมริกาหลังจากล่มสลายแล้ว โดยแบ่งตามสัดส่วนของเจ้าหนี้สหรัฐฯ


    ตอนนี้ ธนาคารกลางของรัสเซีย ได้เพิ่มปริมาณทองคำแท่งสำรองในช่วงไตรมาสที่สาม โดยเขาฉวยโอกาสในช่วงที่ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงขาลง การเร่งสต็อคทองคำแท่งของรัสเซียในครั้งนี้ เป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ในการทำสงครามเศรษฐกิจ ที่ยืดเยื้อและยาวนานกับบรรดาชาติตะวันตก


    ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บรรดาธนาคารต่างๆทั่วโลก ต่างซื้อทองคำรวมกันคิดเป็นปริมาณ 93 ตัน เป็นผลมาจากความความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความพยายามที่จะหันไปสำรองทองคำแท่ง แทนดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปีนี้บรรดาธนาคารกลางต่างๆ จะพยายามสำรองทองคำเพิ่มอีก 500 ตัน


    ส่วน รัสเซีย สั่งการให้สต็อคทองคำแท่งจำนวน 55 ตัน ซึ่งมากกว่าชาติใดๆ ในช่วง 3 เดือน ขณะที่ราคาทองคำกำลังอ่อนตัว ทำให้รัฐบาลของปูติน มีทองคำแท่งอยู่ในสต็อคมากเป็น 3 เท่าหรือประมาณ 1,150 ตัน ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และทำให้รัสเซีย มีอาวุธที่ทรงอำนาจมาชดเชยค่าเงินรูเบิล ที่อ่อนตัว


    อันเป็นผลมาจากการถูกมาตรการคว่ำบาตร ของสหรัฐและเหล่าชาติพันธมิตรในยุโรป อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดิ่งตัวลง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย ที่รายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซมีสัดส่วนถึง 45% ของรายรับทั้งหมดของรัฐบาลรัสเซีย


    ในบรรดาผู้ซื้อทองคำรายใหญ่รองจากรัสเซีย คือ กลุ่มประเทศอิสระที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต หรือซีไอเอส นำโดยคาซัคสถาน และอาเซอร์ไบจัน
    ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐ ไม่ต้องการเสียยูเครน เพราะคือประตูสู่ยุโรปตะวันออกของ รัสเซีย มีท่อส่งก๊าซจำนวนมาก พาดผ่านยูเครนไปยังยุโรปตะวันออก สร้างรายได้ให้กับ ทั้งรัฐบาลยูเครน และรัสเซีย ถ้าสหรัฐทำลายเสถียรภาพในยูเครนได้ ก็จะกระทบเศรษฐกิจ ของทั้งรัสเซียและสหภาพยุโรปด้วยนั่นเอง


    ต่อมา รัฐบาลยูเครนเวลานั้น นำโดยประธานาธิบดียานูโควิช จะบินไปกู้เงินจากรัสเซียและจีน นั่นหมายถึงประเทศยูเครนประตูสู่ยุโรปตรงนี้ จะต้องเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจกับรัสเซียและจีนไปด้วย อเมริกา จึงรีบหนุนก่อสงครามกลางเมือง และรัฐประหารในยูเครน


    ส่งผลให้ยูเครนเกิดสงครามกลางเมือง การเกิดรัฐประหารโค่นล้ม ประธานาธิบดียานูโควิช จากนั้นถัดมาไม่กี่วัน อเมริกาได้ส่งเครื่องบินด่วนบินไปยังยูเครน และขนทองคำสำรองของยูเครน มุ่งหน้ากลับสหรัฐทันที


    ตอนนี้ทางรัฐบาลใหม่ยูเครนเพิ่งออกมายอมรับสารภาพว่า จากที่เคยมีทองคำสำรองสูงสุดถึง 8% (42.3 ตัน) ของเงินสำรอง แต่ตอนนี้เหลือเหลือทองคำสำรองไม่ถึง 1% เท่านั้น โดนอเมริปล้นไปเรียบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ยูเครน ก็แค่เรื่องของเงินๆ ทองๆ เหมือนที่อเมริกาทำช่วงเข้าปล้นประเทศอิรัก ตามที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วในตอนก่อนๆ นั่นแหละ


    ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยแฉความพยายามของรัฐบาลสหรัฐ ที่จะกดดันรัสเซียให้ยอมรับ และอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาลอเมริกา โดยได้พยายามบังคับให้บรรดาพันธมิตร ยอมรับและตกอยู่ใต้อิทธิพลของรัฐบาลอเมริกาด้วย ตอนนี้จึงมีหลายประเทศ พยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่ให้รัฐบาลสหรัฐได้สังเกตเห็น หรือเรียกบ้านๆ ว่าหนีตาย เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ


    เนื่องจากปัญหาการเมืองภายในสหรัฐเอง เวลานี้นักการเมืองอเมริกาสายไซออนิสต์ กำลังจะผลักดันให้มีการก่อสงคราม โดยวิธรการโจมตีล่วงหน้าทั้งอาวุธทั่วไปและอาวุธนิวเคลียร์ โดยใช้วิธีโจมตีทุกจุดทั่วโลก ในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง (Prompt Global Strike ,PGS)


    จึงต้องการเคลื่อนย้ายระบบต่อต้านขีปนาวุธ เข้ามายังยุโรปตะวันออก เพื่อโจมตีรัสเซีย รัฐบาลอเมริกา จึงเดินหน้าสนับสนุน และติดอาวุธให้กับทหารยูเครน และทำสงครามในตะวันออกกลาง เพื่อผลักดัน และโจมตีชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียในด้านตะวันออก ที่ฝ่ายต่อต้านยึดครองให้ได้


    ล่าสุดทางกองทัพของรัสเซีย ได้รายงานความพร้อมรับมือกับการโจมตีแบบสายฟ้าแล่บของกองกำลังทหารยูเครน ที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน และตามแผนแล้วรัฐบาลหุ่นเชิดยูเครน ต้องการบุกควบคุมเมืองที่ฝ่ายนิยมรัสเซียยึดครอง ให้ได้ก่อนเดือนธันวาคม 2557


    ทางกองกำลังยูเครน มีแผนการใช้ทั้งอาวุธหนัก ขีปนาวุธ และเครื่องบินรบ ในการโจมตีดังกล่าว ในขณะที่รัสเซีย ก็ได้สั่งเตรียมพร้อมตลอดแนวพรมแดนยูเครน และเรือรบเตรียมความพร้อม ในบริเวณเมือง มารีอูโปลเช่นกัน เพราะทางผู้นำรัสเซีย เองก็ได้ประกาศออกมาว่า จะไม่ยอมกองกำลังยูเครนที่ฝักใฝ่นาซี ชนะเป็นอันขาด
    เพิ่งเกิดเหตุหลุมยุบตัวขนาดใหญ่มาก ลึกราว 40 เมตร ใกล้เทือกเขาอูราล ในรัสเซีย กลืนบ้านตรงภาพจมหายไปในดินหลายหลัง เวลานี้ปฏิบัติการอาวุธทางทหารขั้นสูงเริ่มขึ้นแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายใดเริ่มก่อน เพราะมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นในตอนกลางคืนสัปดาห์ก่อน เมื่อจู่ๆ ก็มีแสงสีส้มนวลค่อยๆ ปรากฏขึ้นแสงสว่างสีแดงไปทั่วท้องฟ้า ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 10 วินาที ที่บริเวณเทือกเขาอูราล ใกล้พรมแดนรัสเซีย ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับทั้งเมือง


    ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมกับปรากฏการณ์นี้เลย สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวเมืองในระแวกนั้นเป็นอย่างมาก และสร้างความฉงนไปทั่วโลก สิ่งนี้ก็คือ หัวรบนิวเคลียร์ ขนาดเล็ก (Tactical nuke) ซึ่งถ้ายิงขึ้นไประเบิดบนท้องฟ้า จะทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ EMP


    จนทำให้กระแสไฟฟ้าดับทั้งเมืองได้ สถานการณ์ถ้าถึงขั้นใช้ EMP หรือ Tactical nuke มันก็คือการเตรียมการก่อสงครามเต็มรูปแบบนั่นเอง จึงพบรายงานยานยานต์ขนยุทธโธปกรณ์จำนวนมากจากรัสเซีย เขาไปตรงจุดเมืองโดเนกส์ ฐานที่มั่นกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียนี้


    เมื่อช่วงเดือนก่อน ที่ ฟอร์ต คาร์ลสัน ในสหรัฐ เจ้า Tactical nuke หรืออาจเป็น หัวรับนิวเคลียร์ W48 ที่ใช้ยิงจากรถถัง หรือปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ได้เกิดสูญหายระหว่างการฝึกซ้อม จนปิดฐานทัพเพื่อตรวจค้นรถยนต์ทุกคัน รวมทั้งทหารที่ประจำการในฐานทัพดังกล่าว ผู้นำรัสเซีย จึงมีคำสั่งให้เคลื่อนย้าย หัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก มาประจำการที่แคว้นไครเมียบ้าง


    ส่วนทางการจีนกำลังมีการสร้างเกาะปะการัง เฟียรี ครอส ใกล้หมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอสำหรับสร้างสนามบินได้ โดยจีนได้ทำการสร้างเกาะให้มีความยาวอย่างน้อย 3 กม. และความกว้าง 200-300 เมตร ซึ่งเป็นขนาดพื้นที่ใหญ่พอในการสร้างรันเวย์ และลานจอดของเครื่องบิน


    โดยมีการคาดการณ์กันว่า รัฐบาลจีนต้องการสร้างเกาะแห่งนี้ เพื่อเป็นฐานทัพของจีน รวมทั้งติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ, อุปกรณ์สื่อสาร สร้างฐานทัพอากาศ และอื่นๆ
    นอสตราดามุส ทำนายว่าเป็นปริศนาว่า “ศาสนาที่มีชื่อเหมือนทะเลจะมีชัย การต่อต้านนิกายของอะดาลูนกาทิฟ ผู้บุตรพวกหัวดื้อ พวกโศกเศร้าตำหนินิกายจะกลัวเกรง อาลิฟ กับ อาลิฟ ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสอง….”


    ตามคำทำนายของโหรบันลือโลกคนนี้ เราจะเจอกับสงครามโลกที่กินเวลายาวนานมากๆ ช่วงเวลาเริ่มและสิ้นสุด ไม่อาจตีความได้แน่นอน แต่เทียบกับจารึกคัมภีร์ทางศาสนาใหญ่ 3 ศาสนา คือ คริส พุทธ อิสลาม ที่จารึกไว้คล้ายๆ กัน
    สงครามโลกครั้งที่ 3 นี้จะมีคนตายกว่า 2 พันล้านคนแน่นอน..แล้วตอนนั้นจะเหลืออะไร ???


    ตอนต่อไปจะให้ดูซินนาริโอเสมือนจริง ฉายภาพอนาคต สงครามโลกครั้งที่ 3 จะแสดงรายละเอียด การรับมือสงครามพื้นที่แต่ละประเทศ ที่การเกิดสงครามโลกครั้ง 3 นี้ ปัจจัยหลักที่จะนำมาอ้างเหตุผลปะทุความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ จนลุกลามเป็นสงคราม ฟันธงว่าคงหนีไม่พ้น “เงินตรา และ ทองคำ” จนต้องใช้อาวุธทางทหารมาสู้รบกัน เหตุผลก็เป็นเหตุผลคล้ายเดิมของสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อ 100 ปีที่แล้ว และครั้งที่ 2 เมื่อ 70 ปีที่แล้ว


    การเผชิญหน้ากัน ระหว่างสหรัฐ และรัสเซีย ในยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันออก คาดการณ์ว่าจะพัฒนาที่ชัดเจนที่สุด ในการเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3

    จะสังเกตุได้ว่าช่วงนี้กองกำลังทางอากาศของรัสเซีย กำลังเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ และเรือดำน้ำ ไปป้วนเปี้ยนใกล้ยุโรป มากขึ้นอย่างผิดปรกติ
    นั่นเพราะ รัสเซีย มีการฝึกซ้อมการโจมตี เสมือนจริงบางประเทศในยุโรป ที่เป็นสมาชิกกองกำลังนาโตนั่นเอง รายงานข่าวกรองของเดนมาร์ค ก็ได้รับรายงานนี้ และมีการส่งเครื่องบินขึ้นสกัดกั้น และตามประกบเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียนับครั้งไม่ถ้วน มันไม่ใช่การบินยั่วยุธรรมดา แต่มันคือ “การฝึกซ้อมจริงๆ ”


    ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีทั้งการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป จากเรือดำน้ำ พร้อมๆ กับการส่งจรวดขึ้นไปยังห้วงอวกาศ ของสหรัฐ และ รัสเซีย ถี่ยิบ และปรากฏเหตุพิศวง เมื่อจรวดขึ้นสู่อวกาศของอเมริกา กลับโดนอะไรไม่รู้กลางอากาศ และร่วงลงพื้นดินระเบิดเสียหายพังยับเยิน


    เวลานี้จีนน่าจะเป็นประเทศ ที่มีทองคำสำรองจริงๆ (ไม่ใช่ราคาคุย) มากที่สุดในโลก และมากกว่าตัวเลขที่จีนเปิดเผยอย่างเป็นทางการ คาดว่าอาจจะมีมากกว่า 25,000 ตันแล้ว , ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาเป็นผู้ก่อตั้งสัญญา เบรตันวู๊ด กำหนดให้เงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก


    เพราะในห้วงเวลานั้น สหรัฐมีทองคำประมาณ 20,000 ตัน ซึ่งถือว่ายังเป็นประเทศที่มีทองคำมากที่สุดในโลกในยุคนั้น จึงสามารถเอาดอลลาร์ไปผูกกับทองคำได้ แต่สถานการณ์ในเวลานี้ ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะสัญญาเบรตตันวู๊ด ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 สมัย ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสันทำให้นาย เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่เป็น รมต.ต่างประเทศ บินมาเจรนากับกลุ่มโอเปค ที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย ประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดให้โลก และกลายเป็นระบบ "เปโตรดอลดาห์" ซึ่งหมายถึงการซื้อขายน้ำมันในสกุลเงินดอลลาร์ มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน


    การสร้างฉากสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ในภูมิภาคตะวันออกกลาง นั้น รมต.กลาโหมสหรัฐ ออกมากระซิบบอกกับ ทหารอเมริกัน ว่า "การจัดระเบียบโลกใหม่ของสหรัฐ คือ สงครามที่ไม่มีจบ" เพราะต้องทำสงครามกับ ประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อ "เปโตรดอลดาห์"


    ปี ค.ศ. 2001 ถ้าไม่มีการก่อการร้ายในสหรัฐ เช่น กรณีเหตุการณ์ 9/11 จู่ๆ จะส่งทหารเข้าไปทำสงคราม ต่อต้านการก่อการ้ายในตะวันออกกลาง ชาวอเมริกันย่อมจะไม่เห็นด้วย จากการเปิดเผยของ นายพลคาร์ค แห่งกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า 10 วัน ให้หลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาไปที่เพนตากอน พบทั้ง รมว.กลาโหม และ รอง รมว. อยู่ที่นั่น มีนายพลอีกคนหนึ่งที่เรียกเขาไปพบ บอกความกังวลใจอย่างมากว่าสหรัฐฯ ได้เตรียมการบุกถล่มอิรักแล้ว


    เขาถามว่า "เพื่ออะไร" นายพลอีกคนตอบว่า "ผมไม่รู้ พวกเขาคงไม่มีอะไรจะทำแล้วมั๊ง" จากนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กระวีกระวาด ส่งทหารเข้าไปถล่มบอมบ์อัฟกานิสถานเสียยับเยินอ้างว่าต้องการสังหารบินลาเดน แต่เป้าหมายที่แท้จริง คือ บล็อกการขายน้ำมันจากอิรักเป็น “ทองคำ” และส่งผ่านอัฟกานิสสถาน เข้าสู่จีนตรงมลฑลซินเจียง
    อีกหลายสัปดาห์ต่อมา เขาไปพบนายพลคนเดิมอีกครั้ง ถามว่า “ ยังจะคงบุกอิรัคอีกหรือเปล่า” นายพลคนนั้นให้ตอบว่า มีบันทึกจากสำนักงานของ รมต.ต่างประเทศ ส่งมาว่าให้กองทัพสหรัฐฯเตรียมตัวบุกถล่ม 7 ประเทศใน 5 ปี คือ อิรัก ซีเรีย เลบานอน ลิเบีย โซมาเลีย ก่อนที่จะจบด้วยอิหร่าน !!


    สหรัฐฯ ถล่มประเทศเป้าหมายเรียบร้อย คือ อ้ฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย โดยการสร้างกองกำลังติดอาวุธก่อการร้ายของตนเองขึ้นมา ก็คือกลุ่มอัลกอดีดะห์ ( อัฟกานิสถาน) , กลุ่ม IS (ซีเรีย อิรัก) , กลุ่มกบฏมุสลิม (ลิเบีย) และ กลุ่มหัวรุนแรงอัล-ชาบับ (โซมาเลีย) นั่นเอง เป้าหมายใหญ่สุดอยู่ที่การครอบครองอิหร่าน แต่ก่อนจะไปถล่มอิหร่านได้ ต้องจัดการซีเรียให้ได้ก่อน


    แต่รัสเซีย กับ อิหร่าน ก็รู้ทันจึงหนุนซีเรียเต็มพิกัด สหรัฐฯ จะผลีผลามเข้าไปบุกซีเรียไม่ได้ ต่อมาจึงต้องมีการสร้างสถานการณ์ว่ารัฐบาลซีเรียของนายอัดซาด ใช้อาวุธเคมีเพื่อสังหารประชาชน เพื่อเปิดข้ออ้างให้สหรัฐฯ และมหาอำนาจเข้าไปถล่มซีเรีย
    ช่วงนั้นอเมริกา จึงไฟเขียวให้อิสราเอลลุย กลุ่มฮามาส ปาเลสไตน์ ก่อน เพราะอิสราเอลรู้ตัวว่าโดนอาหรับที่พร้อมที่จะย้ายข้าง ล้อมเอาไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะขีปนาวุธ ของอิหร่านที่พร้อมจะถล่มอิสราเอลทุกเมื่อ แล้วถ้าสงครามตะวันออกกลางขยายวง อเมริกาค่อยสนับสนุนอิราเอลทีหลัง


    ซาอุดิอาราเบีย มีเงินทุนสำรองที่ถือเป็นดอลล่าร์ไว้ 6-7 แสนล้าน US สะสมมาหลายสิบปี จากการขายน้ำมัน อาจจะกลายเป็นกระดาษเช็ดก้น ถ้าเปโตรดอลล่าร์ล่ม ซาอุฯ คงแตกเป็นเสี่ยงๆ จึงไม่ช่วยฮามาส แต่กลับสร้างกลุ่มติดอาวุธของตนเองอีกหลายกลุ่ม เพื่อโค่นล้มอัสซาด แห่งซีเรีย


    จังหวะนั้นจึงเกิดสงครามระหว่าง กลุ่มฮามาส ของปาเลสไตน์ โดยอิหร่านหนุนเบื้องหลังบ้าง ให้สู้กับอิสราเอล เพื่อถ่วงเวลาสหรัฐฯ จนกระแสโลกปั่นป่วนไม่ยอมรับอย่างหนัก โอบามา จึงถอดใจไม่รุกราน ซีเรีย และรัฐสภาอังกฤษก็อนุมัติเช่นกัน ซีเรียจึงรอดหวุดหวิดเพราะอิหร่าน กับ รัสเซีย ที่เอาเรือรบไปจอดซุ่ม คอยช่วยส่งอาวุธให้
    นั่นหมายถึงอเมริกาจ้องจะทำสงคราม กับทุกประเทศที่ซื้อขายน้ำมันในสกุลเงินอื่น ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ เช่น บางประเทศในตะวันออกกบาง ที่เป็นพันธมิตรของ จีน และรัสเซียนั่น (อิหร่าน ซีเรีย) ที่อเมริกากำลัง โจมตีเครือข่าย IS นั่นเอง ซึ่งเป้าหมายจริงๆ ฉากหลังก็คือ โค่นล้มรัฐบาล อัสสาดของซีเรีย และกระทบไปยังอิหร่าน ที่เป็นพันธมิตรของ รัฐบาลซีเรียด้วยเช่นกัน


    เพราะสองประเทศนี้ กล้าหักเหลี่ยม เปโตรดอลดาห์ ไปค้าขายน้ำมันกับจีน และรัสเซียในเงินสกุลเงินอื่นโดยตรง คือ หยวน และ รูเบิ้ล เป็นการบั่นทอนทางรอดเศรษฐกิจทุนนิยม ของสหรัฐ และเงินดอลลาร์ ตอนนี้รัฐบาลอเมริกัน จึงต้องสร้างกระแสข่าว การก่อการร้ายโดยกลุ่ม IS ในสหรัฐ เพื่อความชอบธรรม ให้รัฐบาลสหรัฐ เดินหน้าทำสงครามแบบไม่รู้จบกับซีเรีย และอิหร่าน อ้างว่าโจมตีเครือข่าย IS แต่เป้าหมายหลักคือ ประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อ เงินดอลลาร์ ให้กลายเป็นสงครามที่ไม่มีวันจบนั่นเอง
    ตอนนี้อเมริกายังยึดทฤษฏี “ ครองอาหารได้ก็ควบคุมประเทศ ครองน้ำมันได้ก็ควบคุมทวีป ครองเงินตราได้ ก็ควบคุมโลก “ เมื่อระบบการเงิน เปโตรดอลล่าร์ เอาไม่อยู่แล้วเพราะหลายประเทศเอาใจออกห่าง หันไปซื้อขายโดยตรงกับจีนเป็นหยวน และ รัสเซีย เป็นรูเบิ้ล


    ส่งผลให้สัดส่วนดอลลาห์ในตลาดการเงินโลก ลดลงเหลือไม่ถึง 40 % ขืนปล่อยไปแบบนี้ อเมริกาจะเอาอะไรกิน อีกไม่นานจำต้องมีการล้มโต๊ะ แต่ปัญหาตอนนี้ คือ สหรัฐฯ ยังไม่พร้อมรบ เพราะว่ามหาอำนาจเกิดใหม่ คือ รัสเซีย จีน และ อินเดีย ดันพร้อมรบมากกว่า


    แต่ถึงอย่างไรอยู่เฉยๆ ก็รอวันตาย พร้อมไม่พร้อมก็จำต้องรบ เพราะเมื่อเปโตรดอลล่าร์พังคลืน สหรัฐฯ จะไม่เหลืออะไรเลย จะกลายเป็นประเทศที่ยากจน ประชาชนจะก่อการจราจลภายไปทั่วอย่างรวดเร็ว สถานการณ์บีบรัดรอบตัวแบบนี้ อเมริกาต้องตัดสินใจล้มโต๊ะแน่ๆ


    การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นี้ จะเป็นการสู้รบที่รุนแรง และน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ขอบข่ายของสงครามโลกครั้งนี้ จะได้ชื่อว่าเป็น “สงครามมหาวินาศ” ยิ่งกว่าสงครามครั้งใด เมื่อสงครามมหาประลัยโลก ที่กำลังจะระเบิดขึ้นอีกครั้ง ขอบข่ายการสู้รบ รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่จะนำมาใช้ทำลายล้างมนุษย์ด้วยกัน จะไฮเทคเกินที่หลายคนจินตนาการ

    การขัดแย้งกันครั้งนี้ ประเทศที่จะมีส่วนในการสงคราม นอกจากจะมีสหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน และประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง รวมถึงละตินอเมริกา ยังจะมีการสู้รบย่อยๆ กันในพื้นที่ต่างๆ อีกมากมายหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ก็จะมีส่วนร่วมและได้รับผลกระทบกระเทือนจากการขัดแย้งในครั้งนี้ด้วย


    จะมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ อาวุธเชื้อโรค และ ไอพิษ สังหารประชากรทีละประเทศๆ โดยอำนาจมหาประลัยอาวุธการทำลายล้างครั้งนี้ จะมีผลกว้างใหญ่ไพศาลกว่าครั้งใดๆ เท่าที่โลกเคยประสบมา มีความหฤโหด เหนือกว่าสงครามทุกครั้งที่ผ่านมา


    ซินนาริโอจำลอง ฉายภาพอนาคต สงครามโลกครั้งที่ 3 สงครามจะเริ่มก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ทั่วโลก คิดว่าโลกยังอยู่ในห้วงบรรยากาศแห่งสันติภาพ ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในสหภาพโซเวียตเดิม ทำให้เกิดการล่มสลายเมื่อ ปี ค.ศ. 1991 ทำให้สาธารณรัฐต่างๆ แบ่งแยกตั้งเป็นประเทศทั้งหมด 15 ประเทศ
    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ส่งผลให้ประเทศที่แยกตัวออกไปนี้บางประเทศ เช่น ยูเครน ฟื้นฟูมิตรภาพกับอเมริกา บรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศจุดรอยต่อระหว่างยุโรป กับรัสเซียนี้ กลายไปในทางไม่ดี เพราะการเป็นพันธมิตรกันระหว่างกันดังกล่าว จะมีผลกระทบกระเทือนต่อดุลอำนาจของโลกมากยิ่งขึ้น
    นั่นคือ คือ หากรวมแสนยานุภาพของยูเครน เข้ากับแสนยานุภาพของฝ่ายยุโรปตะวันตกได้ หลังจากนั้นไม่นานชาติต่างๆ ในตะวันออกไกล และตะวันออกกลาง ก็จะตอบโต้บ้างด้วยการรวมตัวกัน เพื่อเตรียมพร้อมทำสงครามกับฝ่ายชาติตะวันตก
    โดยฝ่ายตะวันออกไกล และฝ่ายตะวันออกกลาง จะได้รับการสนับสนุนอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธแบคทีเรีย และอาวุธเคมีจากประเทศจีน ลักษณะที่พิเศษคือ แม้แต่ละฝ่ายจะมีอาวุธร้ายแรงสุดขั้ว ใช้อาวุธนิวเคลียร์ และ อาวุธชีวภาพ ทำลายล้างกันอย่างกว้างขวางแล้ว ประเทศคู่สงคราม ทั้งฝ่ายตะวันตก และฝ่ายตะวันออก ยังจะคงใช้การรบกันโดยใช้ยุทธวิธีปกติ
    คือ ใช้กำลังรบ ทั้งทางบก ทางเรือ อากาศ กันอย่างกว้างขวางพร้อมๆ กันไปด้วย หลายคนอาจจะคิดว่า มหาสงครามครั้งต่อไป จะเริ่มด้วยการกดปุ่มอาวุธร้ายแรงทางทหาร ที่ซ่อนอยู่ในอุโมงค์ลึกใต้ดิน และสงครามน่าจะยุติลงในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เพราะอาวุธนิวเคลียร์จะทำลายล้างอารยธรรม ทั่วทั้งตะวันตก และ ตะวันออกเสียสิ้น
    แต่ยุทธวิธีทางการทหารแบบนี้มันง่ายและตื้นเกินไป เพราะการสู้รบในสงครามโลกครั้งต่อไปนั้น มหาอำนาจฝ่ายหนึ่ง จะพยายามชิงความได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่ตัวเองไม่เสี่ยงกับการถูกตอบโต้ และทำลายจากฝ่ายศัตรู ด้วยอาวุธที่ร้ายแรงพอๆ กัน ดังนั้นอาวุธนิวเคลียร์ จะไม่ปูพรมไปทั่วโลก แต่จะใช้โต้ตอบกันในขอบเขตจำกัดเท่านั้น
    เพราะขืนทางฝ่ายต่างกดปุ่มยิง อีกฝ่ายก็จะยิงใส่บ้าง ทำให้อาจยิงอาวุธนิวเคลียร์กันไม่มากนัก จากนั้นจะติดตามมาด้วยการทำสงครามรูปแบบปกติ แล้วจะขยับระดับขึ้นมาเป็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กภาคสนาม (Tactical nuke) เพื่อสนับสนุนการรบแบบปกติ เมื่อเห็นว่าเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น
    การสู้รบสมรภูมิใหญ่สำคัญๆ ในสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นในยุโรป แต่ส่วนอื่นๆ ของโลกก็จะต้องรับเคราะห์กรรมจากสงครามนี้ด้วย เพราะความจริงแล้วความขัดแย้งกันครั้งนี้ มีขอบเขตกว้างใหญ่ไพศาลกว่าประเทศหรือทวีป แต่เป็นความขัดแย้งทางความคิดของคน แต่การสังหาร และ การสู้รบกันอย่างดุเดือดนองเลือด ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในดินแดนยุโรป
    ความขัดแย้งระหว่างอเมริกา และยุโรป ฝ่ายหนึ่ง กับอีกฝ่ายคือ จีน กลุ่มประเทศตะวันออกไกล และตะวันออกกลาง , การที่จีน และ พันธมิตรของจีนในตะวันออกไกล จะมีชัยชนะได้อย่างเด็ดขาดนั้น มีทางเดียวที่จะกระทำได้ ก็คือต้องปิดล้อม และหาทางแยกเอาสองส่วนของกลุ่มประเทศอภิมหาอำนาจนี้ ออกจากกัน รวมทั้งแยกออกจากส่วนอื่นๆ ของโลกด้วย


    หวยสงครามโลกครั้งถัดไปจึงมาออกที่ ยุโรป เพราะเป็นเส้นทางคมนาคมหลักระหว่างบรรดาประเทศที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต กับอเมริกา ดังนั้นการพิชิต และทำลายล้างยุโรป จึงเป็นส่วนสำคัญยิ่งในยุทธศาสตร์สงครามของฝ่ายตะวันออก
    สงครามระยะที่ 1 ประเทศอิสราเอล จะเป็นประเทศแรก ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามพิชิตตะวันออกกลาง ของเหล่าประเทศอาหรับ ซึ่งฝ่ายอาหรับ ไม่เพียงแต่ที่จะพิชิตตะวันออกกลางเท่านั้น แต่อาหรับ ก็จะพิชิตทุกประเทศในทวีปยุโรปอีกต่อไปด้วย ในช่วงเวลาพร้อมๆ กันด้วยประเทศกรีซ กับ ประเทศตุรกี จะขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนถึงกับใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกัน กรีซจะเป็นฝ่ายแพ้สงคราม และได้เปิดการเจรจาสันติภาพ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่การเจรจากันต้องประสบกับความล้มเหลว


    สงครามระยะที่ 2 อุบัติขึ้นทางด้านตะวันออกไกล เมื่อจีนใช้อาวุธนิวเคลียร์ โจมตีฝ่ายตะวันตกอย่างฉับพลัน และยิงระเบิดชีวภาพชนิดร้ายแรง ไปที่รัฐอลาสก้าของสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ไปตามกระแสลม และกระแสน้ำ ครอบคลุมถึงประเทศต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรของฝ่ายประเทศตะวันตก หลังจากนั้นจีน ก็จะใช้กำลังทหาร บุกทางภาคใต้ของประเทศที่เป็นบรรดาสหภาพโซเวียตเก่าที่ไปสวมิภักดิ์ชาติตะวันตก ส่วนฝ่ายกลุ่มประเทศอาหรับ ก็ไม่น้อยหน้าจะดำเนินแผนการรบของตน โดยเคลื่อนกำลังไปทางประเทศตะวันตก ทำการโจมตีชาติต่างๆ ที่อยู่ใกล้เขตประเทศของตนในที่สุดกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็จะถูกทำลายอย่างย่อยยับ และจะเกิดสงครามกลางเมือง ขึ้นในประเทศอิตาลี กองกำลังของฝ่ายอาหรับ จะเคลื่อนตัวมุ่งสู่พรมแดนของฝรั่งเศส เป็นเหตุให้ฝรั่งเศสกระโจนเข้าสู่ความขัดแย้งครั้งนี้ เพราะสถานการณ์บีบบังคับ


    สงครามระยะที่ 3 เริ่มขึ้นเมื่อกองทัพฝรั่งเศส เข้าไปตั้งรับฝ่ายอาหรับที่พรมแดนอิตาลี แล้วต้องประสบกับความพ่ายแพ้ ในขณะที่กองทัพฝรั่งเศส กำลังรวมพลครั้งใหม่หลังการแพ้สงครามอยู่นั้น ทางด้านประเทศอังกฤษ ก็จะเกิดอุทกภัย อย่างร้ายแรงทั่วประเทศอิตาลี ก็เกิดสถานการณ์วุ่นวายเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อองค์ประมุขทางศาสนาคริสต์ จะถูกบังคับให้หนีไปยังดินแดนแห่งใหม่ พร้อมกันนี้ เจ้าชายแห่งประเทศโมนาโก จะถูกจับกุมตัว และเมืองเวนิชในอิตาลี ถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์


    สงครามระยะที่ 4 ประเทศโมนาโก จะถูกถล่มจนราบคาบ กองทัพจีน จะบุกเข้าโจมตีฝรั่งเศส กองกำลังร่วมระหว่างจีน กับ อาหรับจะยกทัพเข้าโจมตีประเทศสเปนต่อ และระดมทิ้งระเบิดจนทั่วยุโรปฝ่ายพันธมิตรตะวันตก จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ เมื่อสูญเสียประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และที่มั่นสุดท้ายคือเมืองบลูเจส ในประเทศเบลเยี่ยม ทั่วทั้งยุโรป จะตกอยู่ในความยึดครองของฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันออก อยู่เป็นเวลานาน


    สงครามช่วงที่ 5 กระแสของสงครามจะเปลี่ยนไป โดยสหรัฐอเมริกา และประเทศในกลุ่มสหภาพโซเวียตเก่า จะเป็นฝ่ายรุกบ้าง แต่กว่าจะถึงช่วงนี้ ฝ่ายพันธมิตรตะวันออกจะเคลื่อนกำลังเข้าไปในละตินอเมริกาเรียบร้อยแล้ว สหรัฐอเมริกา และยุโรปตะวันตก เริ่มใช้อาวุธเชื้อโรคกับชาวจีน และบุกโจมตีเข้าไปในดินแดนละตินอเมริกา
    เมื่อนั้นสงครามจุดนี้จะยุติลง ฝ่ายพันธมิตรตะวันตก สามารถรวมกำลังพล และ กำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ มาทุ่มอยู่ทางด้านสมรภูมิทางยุโรป จนสามารถช่วงชิงยุโรปคืนมาได้ ในเวลาไม่นานนัก จะมีการใช้กองกำลังเรือดำน้ำ เข้าโจมตี รวมทั้งใช้อาวุธเชื้อโรค และอาวุธนิวเคลียร์สนับสนุน


    จะมีการยุทธนาวีครั้งยิ่งใหญ่ นอกฝั่งตะวันตกของประเทศสเปน และในที่สุดฝ่ายพันธมิตรตะวันตก ก็จะสามารถช่วงชิงยุโรปกลับคืนมาได้ทั้งหมด เมื่อสงครามยุติลง องค์ประมุขทางศาสนาคริสต์ ก็จะเสด็จกลับนครวาติกันดังเดิม แต่ขณะนั้นนครวาติกัน ถูกฝ่ายตะวันออกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลือไว้แต่ซากปรักหักพังเป็นอนุสรณ์เท่านั้น ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นตะวันออกกลาง จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี ยุโรปแทบจะร้างผู้คน จีนเป็นมหาอำนาจของโลกรายใหม่ ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาไม่ถูกกดขี่จากตะวันตก

    แม้ว่าในปัจจุบันชาติต่าง ๆ ในตะวันออกกลาง อาจจะเห็นว่ายังไม่เข้มแข็งพอ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบันชาติอาหรับต่างๆ เหล่านี้มีพลังทางเศรษฐกิจอย่างมากมาย เนื่องจากมีน้ำมันสำรองอยู่มากนั่นเอง
    การที่ประเทศอิสราเอล เคยทำสงครามชนะประเทศเพื่อนบ้านอาหรับมาตลอด อิทธิพลของรัสเซียในแถบนั้นได้ลดลงไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว ส่วนอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาก็มีแนวโน้มว่าจะลดน้อยลงในดินแดนแถบนั้นด้วย เนื่องจากสหรัฐอเมริกา ยืนหยัดอย่างแน่วแน่ที่จะยังให้การช่วยเหลือแก่ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นศัตรูของฝ่ายโลกอาหรับอยู่ต่อไป


    เมื่อฝ่ายอาหรับต่างพากันหันหลังให้ลูกพี่เก่า คือ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย จึงต้องหันหน้าไปพึ่งลูกพี่ใหม่คือจีนปักกิ่ง ฝ่ายอาหรับจึงสามารถหาพันธมิตรที่จะเต็มใจ ให้การสนับสนุนพวกเขาในด้านอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธแบคทีเรีย อาวุธเคมี และอาวุธแบบปกติอื่น ๆ


    เมื่อฝ่ายอาหรับได้อาวุธเหล่านี้จากจีน มาเก็บไว้ในคลังแสงของตนแล้ว ก็พร้อมที่จะรุกโจมตียุโรปทางตะวันออก ส่วนจีนก็จะโจมตีขนาบยุโรปทางตอนใต้ นั่นคือจุดระเบิดของสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามซินนาริโอนี้

    ถามว่าจะเริ่มเกิดเมื่อไร ระยะเวลาที่แน่นอนตอบไม่ได้ แต่บัดนี้สถานการณ์ได้สุกงอมจนเริ่มปริแตกมาหลายจุดแล้ว..รู้แต่ว่าการเริ่มกดปุ่มสงครามโลกครั้ง 1 (เมื่อ 100 ปี) และครั้งที่ 2 (เมื่อ 70 ปี) ที่ผ่านมาในอดีตนั้น...สถานการณ์อึมครึมช่วงนั้น ใกล้เคียงตอนนี้อย่างมาก !!

    เกี่ยวเนื่องจากเฟส ประกอบด้วยองค์ความรู้มากมาย
    https://www.facebook.com/pudit.suk

    พายุขึ้นเหนือไปหาจุดที่สนามแม่เหล็กโลกเคลื่อนลงมา ชี้ชัดว่าโลกกำลังเปลี่ยนพื้นที่ขั้วสนามแม่เหล็กโลกใหม่ ที่เรียกกันว่า "โพลชิ้ป Pole Shift"

    โพลชิ้ปนี้ไม่ได้สลับแบบผลิกฝ่ามือนะครับ ไม่ได้สลับขั้วเหนือไปใต้ ขั้วใต้ไปเหนือ

    แต่เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งขั้วสนามแม่เหล็กโลกใหม่ จากพื้นที่เดิม เช่น ฝรั่งเศสในอดีตเคยเป็นขั้วโลกมาก่อน ไซบีเรียเคยเป็นทุ่งหญ้าซาวันน่ามาก่อน แต่ปัจจุบันฝรั่งเศสอบอุ่นขึ้น เลื่อนลงมาเป็นเขตหนาวเหนือแทนแล้ว ทะเลระหว่าง แคนนาดา กรีนแลนด์ ไอซแลนด์เป็นขั้วโลกเหนือแทน

    เตรียมตัวรับสภาพภูมิอากาศวิปริตแปรปรวน ฤดูกาลไม่ปกติ อีกยาวนาน และอย่าลืมนะครับ หลัง ๒๑ กันยายนนี้ วิกฤติการน้ำท่วมจะเริ่มหนัก และหนาวนี้จะหนาวนาน รีบเตรียมอุปกรณ์จำเป็นแต่เนิ่นๆในขณะที่ราคายังปกติอยู่ เพราะเมื่อเข้าวิกฤติแล้ว ทุกอย่างขึ้นราคาแน่นอน และที่สำคัญ อาจขาดตลาดด้วย



    กรณีวิเคราะห์ศึกษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2016
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ติดตามข่าวสาร บีบีซีไทย - BBC Thai

    https://www.facebook.com/BBCThai/?pnref=story


    มาเรื่อยๆ

    นักวิทยาศาสตร์คาดภูเขาไฟซากุระจิมะของญี่ปุ่นอาจปะทุครั้งใหญ่ใน 30 ปี

    คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสตอลของสหราชอาณาจักร และศูนย์วิจัยภูเขาไฟซากุระจิมะของญี่ปุ่น เผยแพร่รายงานการประเมินสถานการณ์ของภูเขาไฟซากุระจิมะในเมืองคาโกชิมะ บนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) โดยผลวิจัยบ่งชี้ว่าภูเขาไฟซากุระจิมะมีปริมาณหินหนืดหรือแม็กมาใต้เปลือกโลกประมาณ 14 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีในปัจจุบัน และจะมีปริมาณหินหนืดสะสมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ภูเขาไฟปะทุครั้งใหญ่ภายในรอบ 30 ปีต่อจากนี้
    ดร.เจมส์ ฮิคลีย์ หัวหน้าคณะวิจัย คาดการณ์ว่าการปะทุของภูเขาไฟซากุระจิมะในรอบ 30 ปีต่อจากนี้อาจจะมีความรุนแรงเทียบเท่าการปะทุครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2457 (1914) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 58 คน เพราะปริมาณหินหนืดสะสมในรอบกว่าหนึ่งร้อยปีจะทำให้เกิดก๊าซและแรงดันปริมาณมหาศาลใต้เปลือกโลก
    ดร.ฮารุฮิสะ นากามิชิ ศาสตราจารย์ประจำสถาบันวิจัยและป้องกันภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าสำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นในเมืองคาโกชิมะจะเตรียมแผนอพยพและรับมือที่ครอบคลุมในกรณีที่ภูเขาไฟซากุระจิมะอาจจะปะทุครั้งใหญ่ในช่วง 30 ปีต่อจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและการสูญเสียชีวิตของประชาชน
    ทั้งนี้ ภูเขาไฟซากุระจิมะอยู่ห่างจากเมืองเซนได ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เซนได ประมาณ 49 กม. ที่ผ่านมาภูเขาไฟดังกล่าวเกิดปะทุพ่นควันอยู่เป็นประจำในแต่ละปี ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และสำนักงานทางธรณีวิทยาของญี่ปุ่นจัดให้ภูเขาไฟซากุระจิมะเป็นภูเขาไฟที่เสี่ยงต่อการปะทุในระดับ 3 จากทั้งหมด 5 ระดับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2016
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    “ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึก เห็นได้ยาก
    รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่งลง สู่ความตรึก
    ละเอียดเป็นวิสัยของบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง
    ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็นต้นนี้
    เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นนี้ แม้ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท
    หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้ นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได้
    ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา
    ข้อนั้นจะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่าแก่เรา
    จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา”


    {O} ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต {O}
    ๑) มังสจักษุ ๑) ทิพยจักษุ ๒) ปัญญาจักษุ ๔) พุทธจักษุ ๕) สมันตจักษุ

    จักษุมี ๒ อย่าง คือ มังสจักษุ ๑ ปัญญาจักษุ ๑.

    ฝ่ายมังสจักษุ มี ๒ อย่าง คือ สสัมภารจักษุ ๑, ปสาทจักษุ ๑.
    ก้อนเนื้ออันใดตั้งอยู่ที่เบ้าตา พร้อมด้วยหนังหุ้มลูกตาภายนอกทั้ง ๒ ข้าง เบื้องต่ำกำหนดด้วยกระดูกเบ้าตา เบื้องบนกำหนดด้วยกระดูกคิ้ว ผูกด้วยเส้นเอ็นอันออกจากท่ามกลางเบ้าตาโยงติดไปถึงสมองศีรษะ วิจิตรด้วยมณฑลแห่งตาดำล้อมรอบด้วยตาขาว ก้อนเนื้อนี้ชื่อว่าสสัมภารจักษุ.

    ส่วนความใสอันใดเกี่ยวในสสัมภารจักษุนี้ เนื่องในสสัมภารจักษุนี้ อาศัยมหาภูตรูป ๔ มีอยู่, ความใสนี้ ชื่อว่าปสาทจักษุ.

    ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาปสาทจักษุ นี้. ปสาทจักษุนี้นั้น โดยประมาณก็สักเท่าศีรษะเล็นอาศัยธาตุทั้ง ๔ อาบเยื่อตาทั้ง ๗ ชั้น ดุจน้ำมันที่ราดลงที่ปุยนุ่น ๗ ชั้น อาบปุยนุ่นทุกชั้นอยู่ฉะนั้น ให้สำเร็จความเป็นวัตถุและทวารตามสมควรแก่จิตในวิถีมีจักขุวิญญาณจิตเป็นต้น ตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง เป็นที่เกิดขึ้นแห่งสรีรสัณฐาน ที่อยู่ตรงหน้าในท่ามกลางแววตาดำที่แวดล้อมด้วยมณฑลตาขาว แห่งสสัมภารจักษุนั้น.


    ในจักษุทั้ง ๒ นั้น ปัญญาจักษุมี ๕ อย่าง คือ พุทธจักษุ ๑, สมันตจักษุ ๑, ญาณจักษุ ๑, ทิพยจักษุ ๑, ธรรมจักษุ ๑.
    คำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเมื่อตรวจดูสัตวโลก ได้เห็นแล้วแลด้วยพุทธจักษุ๑- ดังนี้ ชื่อว่าพุทธจักษุ.

    คำนี้ว่า สัพพัญญุตญาณ เรียกว่าสมันตจักษุ๒- ดังนี้ ชื่อว่าสมันตจักษุ.

    คำนี้ว่า ดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว๓- ดังนี้ ชื่อว่าญาณจักษุ.

    คำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุ เราได้เห็นแล้วแล ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ๔- ดังนี้ ชื่อว่าทิพยจักษุ.

    มรรคญาณเบื้องต่ำ ๓ นี้มาในคำว่า ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ไม่มีมลทิน เกิดขึ้นแล้ว๕- ดังนี้ ชื่อว่าธรรมจักษุ.


    ท่านผู้ต้องการเห็นธรรมจะต้องอาศัยจักษุด้วยประการนี้เท่านั้น หากท่านสามารถเห็นด้วยความสามารถเหล่าอื่น หากมีผู้หวังผู้พิจารณาตาม ก็จงพิจารณาตามไปจนสุดปัญญานั้นๆ หากมีผู้ไม่เห็นตามท่านก็ถือว่า ไม่ใช่และไม่ตรงกับอัชฌาสัยของท่านนั้นๆถือเอาตามนี้ อธิกรณ์ก็ให้หมดจบผ่าน


    ปฏิสัมภิทามรรค

    " ผู้ที่มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
    มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์
    ไม่ได้"


    http://84000.org/tipitaka/attha/atth...b=31.0&i=0&p=1

    สากัจฉสูตร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสีลสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสมาธิด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสมาธิสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภปัญญาสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติญาณทัสสนะด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติญาณทัสสนสัมปทาได้ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ฯ
    จบสูตรที่ ๕





    องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาด้วย

    อุ. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแลพระพุทธเจ้าข้า?

    พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
    ๑. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
    ๒. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
    ๓. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
    ๔. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
    ๕. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.


    องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?คือ:
    ๑. เป็นผู้ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
    ๒. เป็นผู้ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
    ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
    ๔. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
    ๕. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.


    องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาอีกนัยหนึ่ง

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
    ๑. ไม่เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
    ๒. ไม่เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
    ๓. ไม่เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
    ๔. ไม่เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
    ๕. ไม่พิจารณาจิตตามที่วิมุติ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.

    องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?คือ:
    ๑. เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
    ๒. เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
    ๓. เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
    ๔. เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
    ๕. พิจารณาจิตตามที่วิมุติ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
    ภิกขุนีโอวาทวรรค ที่ ๘ จบ


    อรรกถา เจือด้วย วิมุตติญานทัสสนะของพระอรหันตสาวกที่เพ่งวิมุตติ และ เจือด้วย วิมุตติญานทัสสนะ พระอริยะสาวกจนพระอรหันตสาวกผู้ทรงปฎิสัมภิทาญาน นี่เป็นภูมิที่พระเสขะต้องรู้ว่า ปัญญาธรรมนี้ ไม่สามารถจะแสดงได้เทียบเท่าผู้ต้องวิมุตติญานทัสสนะของพระอริยะและพระอเสขะได้เลย

    ไล่ตั้งแต่ เสกขปฎิสัมภิทา จนถึง อเสกขปฎิสัมภิทา

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ทรงปฎิสัมภิทาญานขั้นสูงสุด รู้แม้คำสอนของศาสนาอื่น ทั้งคติที่ไป จนทรงบัญญัติ ทิฏฐิ ๖๒ ในพรหมชาลสูตร พิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมของศาสนาพุทธ ส่วนองค์คุณประโยชน์ของ พิชัยสงครามนี้ มีแต่บัณฑิตที่พึงรู้ ท่านใดปรารถนาจะทราบ พึงพิจารณาลำดับญานที่ทรงบรรลุตรัสรู้พร้อม ปฎิสัมภิทาญาน องค์กำเนิดพระสัทธรรม เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุนี้ การทำสังคายนาจึงต้องพึ่งพระผู้ทรงปฎิสัมภิทาญานเป็นหลัก

    ว่าด้วยนักพูด ๔ จำพวก
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นักพูด ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน ?
    นักพูดย่อมจำนนโดยอรรถ แต่ไม่จำนนโดยพยัญชนะก็มี
    นักพูดจำนนโดยพยัญชนะแต่ไม่จำนนโดยอรรถก็มี
    นักพูดจำนนทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะก็มี
    นักพูดไม่จำนนทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะก็มี
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายนักพูด ๔ จำพวกนี้แล

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุผู้ประกอบด้วยปฏิสัมภิทา ๔
    พึงถึงความจำนนโดยอรรถหรือโดยพยัญชนะ
    นี้ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส.

    จบวาทีสูตรที่ ๑๐
    จบปุคคลวรรคที่ ๔

    ฉนั้นผู้ได้บรรลุปฎิสัมภิทาญานจึงเป็นเลิศสุดในการ ปุจฉาและวิสัชนากถาต่างๆทั้งแนวนอกและแนวใน ไม่ว่าจะเป็น ว่าโดยเรื่อง พระสัทธรรม หรือ อสัทธรรม ก็ตาม

    ด้วยเหตุนี้จึงทรงได้รับการขนานพระนามว่าเป็น"ศาสดาเอกของโลก"

    สัญญาสูตร นี่เป็นปฎิสัมภิทามรรค อันทำให้เห็นและรู้ว่า บทธรรมเสมอกันกับพระพุทธเจ้าทรงแสดงหรือไม่ทรงแสดงก็ตาม มีอยู่ แต่ถึงอย่างไร การแจกแจงขยายธรรมของพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงละเอียดกว่า หากจะให้ทรงแสดง มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงเสมอกันได้ อันนี้เรากล่าวถึงญานทัสสนะ ไม่ใช่ บทธรรมโดยตรง




    {O}ผู้เห็นธรรมมีเพียง ๓ สถานะเท่านั้น{O}

    " ผู้เห็นธรรม๑ คือเห็นธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์,พระปัจเจกพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้เห็นโดยตรง" ซึ่ง"พระธรรมแม่บท"โดยปฎิสัมภิทาญาน" อันข้อนี้ก็รวมไปถึงพระอรหันตสาวกผู้เป็นพระอเสกขผู้เพ่งตามวิมุตติธรรมในข้อนั้นๆไว้ด้วย ตลอดจนไปถึงอริยะบุคคลผู้เป็นเสกขภูมิจนถึงอเสกขภูมิ เป็นต้น

    " ผู้เห็นธรรม๒ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงด้วยพระประสงค์ ให้เห็นตามด้วยพระทศพลญาน (ทรงพระมหากรุณาโปรดแสดงอนุปุพพิกถาตามลำดับเป็นกรณีพิเศษ,และด้วยอธิษฐานไว้เพื่อผู้ต้องบุพกรรม ณ ที่แห่งหนนั้นๆตามพระทศพลญาน ข้อนี้ก็สามารถพิจารณาเข้าสู่สิ่งที่ท่านทั้งหลายฯ ต่างปุจฉา-วิสัชนากันได้ เฉกเช่นเดียวกับที่ทรงอธิษฐานแก่พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ไว้ในภายภาคนั้นก่อนจะธาตุอันตรธาน คือ ธาตุอันตรธาน ถ้าท่านใดต้องบุพกรรมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนไปถึงเหล่าพระอรหันต์ผู้มีข่ายญานอธิษฐานเอาไว้ให้ธรรมทายาท อันมี บิดามารดาของท่านญาติมิตรศิษย์สหายกลับชาติมาเกิดใหม่ ข้อนี้ท่านพึงเห็นได้ด้วยข่ายพระญาน และข่ายญานนั้นๆ

    ธาตุอันตรธานเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ พระบรมธาตุนิพพาน “ และคำว่านิพพานนั้นมี ๓ ประการ คือ
    ๑. กิเลสนิพพาน คือการตรัสรู้ที่โคนต้นศรีมหาโพธิ์
    ๒. ขันธนิพพาน คือการดับเบญจขันธ์ ที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
    ๓. ธาตุนิพพาน คือพระบรมสารีริกธาตุสูญสิ้นไปจากโลก ซึ่งจักเกิดขึ้นในอนาคต

    การนิพพานแห่งพระบรมสารีริกธาตุแห่งพระบรมศาสดาที่ประดิษฐานอยู่ในที่ต่างๆ เมื่อไม่มีผู้สักการะบูชาพระบรมธาตุก็จะเสด็จไปยังถิ่นประเทศที่มีคนเคารพสักการบูชา จวบจนวาระสุดท้ายมาถึง ทั่วทุกถิ่นประเทศหาผู้สักการบูชาไม่มีเลย พระบรมธาตุทั้งหลายจากโลกมนุษย์ เทวโลกและนาคพิภพ จะเสด็จมาสู่ต้นพระศรีมหาโพธิ์สถานที่ตรัสรู้ทั้งหมด แล้วรวมกันเป็นรูปของพระพุทธองค์ ทรงประดิษฐ์สถาน ณ โคนต้นศรีมหาโพธิ์นั้น ประหนึ่งว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ จะทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ในที่นั้น แต่ในครั้งนี้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายจะมิมีผู้ใดได้เห็นพระองค์เลย

    ฝ่ายเทพยดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาล จะพากันมาประชุม ณ ที่นั้น ต่างก็กรรแสงโศกาอาดูรเหมือนเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ปรินิพพานที่เมืองกุสินารา ลำดับนั้น เตโชธาตุก็เกิดขึ้นที่พระสรีรธาตุเผาผลาญพระบรมธาตุจนหมดสิ้นหาเศษมิได้ เข้าถึงซึ่งความสูญหายไปจากโลก ได้ชื่อว่า “พระบรมธาตุนิพพาน”

    อายุกาลแห่งพระพุทธศาสนาก็สิ้นสุดลง ในบัดนั้น
    เมื่อพระบรมธาตุนิพพานแล้ว เหล่าเทพยดาพากันทำสักการบูชาแล้ว ทำประทักษิณสิ้น ๓ รอบเสร็จสิ้นต่างก็พากันกลับสู่วิมานของตนๆ ในเทวโลก

    ส่วนข้อที่จะไม่มีมนุษย์ได้ฟังธรรมและได้พบเห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกในครานั้นก็ต้องรอดูหรือพึงรู้พึงทราบกันตามภพภูมิของสัตว์ในยุคนั้น อาจจะมีโอกาสเป็นเราหรือท่านผู้หนึ่งผู้ใดก็ได้ในนี้ ถ้าระบุไว้อย่างนั้นจริงๆก็ขอให้ท่านทั้งหลายฯ ผู้เจริญในพระสัทธรรม ที่ยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน เป็นเทพเทวดาและเหล่าพรหมนั้นเทอญฯ

    " ผู้เห็นธรรม๓ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สืบทอดจารึก ท่องจำมุขปาฐะตีพิมพ์กันมาด้วยความเพียรพยายาม ด้วยสภาวะบุญอันเข้าถึงในอดีตชาติที่สั่งสมการพิจารณาใคร่ครวญปฎิบัติมาดีแล้ว จนเข้าสู่หนทางปฎิบัติแห่งการบรรลุตามอัชฌาสัยของท่านสุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ตามลำดับ ซึ่งท่านเหล่านี้สามารถที่จะเพ่งพิจารณาตามจิตที่ต้องวิมุุตติของท่านได้ตามกาล ส่วนจะได้มากได้น้อยซึ่งวิมุตติญานทัสสนะกถา ท่านจะแสดงหรือไม่ ก็ขอยกเอาไว้ตามอัชฌาสัยของท่านเหล่านั้นฯ

    แต่ก็มิใช่ว่าท่านจะละทิ้งหวังเพียงแค่สุขส่วนตนโดยเฉพาะพระอรหันตสาวกผู้เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา

    กำลังของพระอรหันตสาวก นั้นเป็นแรงจิตอธิษฐานที่มีอานุภาพมาก ที่ได้พิจารณาธรรมไว้ตามกาลตามเหตุ เพื่ออนุเคราะห์แก่ญาติมิตรสหายในกาลล่วงไปข้างหน้านับต่อนับ ด้วยแรงจิตอธิษฐานนั้น เป็นพลานิสงส์อันเป็นพลวปัจจัยที่จะชี้นำแนะแนวให้สัตว์เกิดดำรงสติปัญญาในธรรม ให้เจริญขึ้นได้ตามจริตธรรมที่ได้บันทึกจารึกไว้ ให้ผู้มีอุปนิสัยใจคอคล้ายคลึงกันตามจริตกรรมมัฎฐาน และเป็นตัวอย่างในการพิจารณาธรรม โดยสามารถนำเข้าสู่ความเจริญในพระสัทธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าต่อไป


    เป็นระบบธรรมสมบัติ ตามเจตจำนงค์และความปรารถนาตามที่ได้อธิษฐานจิตเอาไว้มีหน้าที่สืบเนื่องรับต่อไป ตามพระบารมีกำลังแห่งสาวกญานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายฯ ตามพุทธสมัย

    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์ สารีบุตรพาเอาศีลขันธ์ สมาธิขันธ์
    ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์ หรือวิมุตติญาณทัสสนขันธ์ ปรินิพพานไปด้วยหรือ?


    ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า หามิได้ พระเจ้าข้า ท่านพระสารีบุตรมิได้พาศีลขันธ์ปรินิพพานไปด้วย ฯลฯ มิได้พาวิมุตติญาณทัสสนขันธ์ปรินิพพานไปด้วย ก็แต่ว่าท่านพระสารีบุตรเป็นผู้กล่าวแสดงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ไม่เกียจคร้านในการแสดงธรรม อนุเคราะห์เพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายมาตามระลึกถึง โอชะแห่งธรรม ธรรมสมบัติ และการอนุเคราะห์ด้วยธรรมนั้น ของท่านพระสารีบุตร.

    "จงพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงเถิดว่า"

    องค์สมเด็จพระบรมมหาศาสดาทรงจำแนกพระธรรมคำภีร์คำสั่งสอนออกมาเป็นทางสายกลางสายเดียวไม่มีแปลกแยกเป็นอื่น ผู้ที่ถือพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทโดยปฎิสัมภิทาญานได้ "เปรียบเสมือนผู้ถือแท่งทองชมพูนุช"เป็นแม่แบบ เป็น"รัตนมหาธาตุ"ย่อมสามารถมองล่วงรู้เห็นว่า ทองคำแท่งใดปลอมปน วัสดุอื่นตามได้อย่างละเอียด ว่ามีเหล็กบ้าง ตะกั่วบ้าง เป็นต้น ถ้าถึงกาลเวลานั้น คือมีผู้สามารถรวมรวมการแตกแยกของนิกายทั้งหมดมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เมื่อไร ด้วย ปาฎิหาริย์ ๓ ตอนนั้นจักรวรรดิธรรม ก็จะพร้อมเรียกชื่อ นิกาย อันมีนามแท้"ดั้งเดิม" อันเป็นนามที่แท้จริงของพระศาสนา เหมือนกับสมัยพุทธันดรก่อนๆ นั้นแล


    ปริยัติอันตรธาน ยังไงก็หายแน่นอน และต่อให้หายไป ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ด้วยปฎิสัมภิทาญาน ที่เหลือขึ้นอยู่กับว่า ท่านใด มีบุญบารมีทรงจำได้มากหรือน้อย นี่คือความแตกต่างของ ระดับการทรงจำ ปฎิสัมภิทาญานแตกต่างกันอย่างเดียวคือ การทรงจำได้มาก หรือ น้อย เพียงเท่านั้น รอผู้นั้นที่ยิ่งกว่าเรา สหายธรรมในที่นี้ก็มีสิทธิ์ ขอเพียงมีความนอบน้อมเคารพ รักพระไตรปิฏก ในอนาคตท่านย่อมได้ ปฎิสัมภิทาญาน อย่างไม่ต้องสงสัย เห็นแล้วก็จะรู้เอง ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นธรรม คือ ทรงเห็นอะไร? หากจะไม่ศึกษาอะไรเลยจะหวังพึ่งแต่ทัสสนะญานเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ใช่อัชฌาสัยของท่านที่บรรลุปฎิสัมภิทาญานในเสกขภูมิ ญานทัสสนะวิสุทธิในท่านเสกขภูมิจะสามารถหลอมรวม เหตุแห่งการเกิดดับและการเริ่มต้นต่างๆ ได้อย่างสุดวิเศษ เมื่อถึงเวลา บทธรรมเหล่านั้นจะปรากฎเองอย่างที่ทรงตรัสรู้เห็น นั่นแหละ ! พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทดั้งเดิม มีรูปแบบเดียวกันกับ ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายฯ ทรงตรัสรู้เห็นพร้อมกันซึ่งอันเดียวกับธรรมนั้น และทรงตรัสรู้ธรรมเสมอกัน ส่วนพระอรหันสาวกผู้บรรลุปฎิสัมภิทา หรืออริยะสาวกผู้ได้ ปฎิสัมภิทาญาน ก็จักเจริญตามภูมิธรรมซึ่งก็คือ เสกขภูมิไปจนอเสกขภูมิ ส่วนพระอรหันตสาวกผู้เป็นพระอเสขะที่มิได้บรรลุปฎิสัมภิทาญาน ท่านก็สามารถเห็นธรรมและตรัสรู้ธรรมได้โดยการ พิจารณาตามจิตที่ต้องวิมุตติญานทัสสนะ เรียกว่าอาศัยการเสวยวิมุตติธรรมนั้นแลฯ ความสุขในพระพุทธศาสนา เป็นความสุขที่ยอดเยี่ยมยิ่ง นี่ล่ะจึงทรงตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"

    มหาปุริสลักษณะ ๓๒ อนุพยัญชนะ ๘๐ เป็นธรรมกายของพระพุทธเจ้าทั้งหลายฯ เป็นสุดยอดแห่งอินทรียธาตุที่จะสามารถรับรู้ ซ้องเสพ เกี่ยวข้อง ละทิ้ง ล่วงรู้ อายตนะมารทั้งหลายฯ ไม่มีอินทรียธาตุของผู้ใดที่มีอายตนะที่สมบูรณ์ไปยิ่งกว่าพระองค์ จึงทรงรู้ชัดรู้แจ้งที่สุดแห่งอายตนะและธรรมารมณืทั้งหลายฯ

    กัสสกสูตรที่ ๙
    สาวัตถีนิทาน ฯ
    ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงยังภิกษุทั้งหลายให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาเกี่ยวด้วยพระนิพพาน และภิกษุเหล่านั้นทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วยความเต็มใจ เงี่ยโสตลงสดับธรรมอยู่ ฯ

    ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้มีความคิดว่า พระสมณโคดมนี้แล ทรงยังภิกษุทั้งหลายให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาเกี่ยวด้วยพระนิพพาน ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปใกล้พระสมณโคดมถึงที่ประทับเพื่อการกำบังตาเถิด ฯ

    ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปจึงนิรมิตเพศเป็นชาวนาแบกไถใหญ่ถือปะฏักมีด้ามยาว มีผมยาวรุงรังปกหน้าปกหลัง นุ่งผ้าเนื้อหยาบ มีเท้าทั้งสองเปื้อนโคลน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่สมณะท่านได้เห็นโคทั้งหลายบ้างไหม ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า แน่ะมารผู้มีบาป ท่านจะต้องการอะไรด้วยโคทั้งหลายเล่า ฯ

    มารกราบทูลว่า
    ข้าแต่พระสมณะ จักษุเป็นของเราแท้ รูปก็เป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแก่จักษุสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น
    ข้าแต่สมณะ โสตเป็นของเรา เสียงเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่โสตสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น
    ข้าแต่สมณะ จมูกเป็นของเรากลิ่นเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่ฆานสัมผัส ก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น ข้าแต่สมณะ ลิ้นเป็นของเรา รสเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่ชิวหาสัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น
    ข้าแต่สมณะ กายเป็นของเรา โผฏฐัพพะเป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่กาย
    สัมผัสก็เป็นของเรา ท่านจะหนีเราไปไหนพ้น
    ข้าแต่สมณะ ใจเป็นของเราธรรมารมณ์เป็นของเรา อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่มโนสัมผัสก็เป็นของเราท่านจะหนีเราไปไหนพ้น ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมารผู้มีบาป

    จักษุเป็นของท่าน
    รูปเป็นของท่าน
    อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่จักษุสัมผัสก็เป็นของท่านแท้

    ดูกรมารผู้มีบาป แต่ในที่ใด ไม่มีจักษุ ไม่มีรูป ไม่มีอายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่จักษุ
    สัมผัส ที่นั้นมิใช่ทางดำเนินของท่าน

    โสตเป็นของท่าน
    เสียงเป็นของท่าน
    อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่โสตสัมผัสก็เป็นของท่าน

    แต่ในที่ใด ไม่มีโสต ไม่มีเสียง ไม่มีอายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่โสตสัมผัส ที่นั้นมิใช่ทางดำเนินของท่าน

    จมูกเป็นของท่าน
    กลิ่นเป็นของท่าน
    อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่ฆานสัมผัสเป็นของท่าน ฯลฯ

    ลิ้นเป็นของท่าน
    รสเป็นของท่าน
    อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่ชิวหาสัมผัสเป็นของท่าน ฯลฯ

    กายเป็นของท่าน
    โผฏฐัพพะเป็นของท่าน
    อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่กายสัมผัสเป็นของท่าน ฯลฯ

    ใจเป็นของท่าน
    ธรรมารมณ์ทั้งหลายเป็นของท่าน
    อายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่มโนสัมผัสก็เป็นของท่าน

    แต่ในที่ใด ไม่มีใจ ไม่มีธรรมารมณ์ ไม่มีอายตนะคือวิญญาณอันเกิดแต่มโนสัมผัส ที่นั้นมิใช่ทางดำเนินของท่าน ฯ

    มารกราบทูลว่า
    ชนเหล่าใดกล่าวถึงสิ่งใดว่า นี้ของเรา และกล่าวว่า นี้เป็นเราถ้าใจของท่านมีอยู่ในสิ่งนั้น ข้าแต่สมณะ ท่านก็จะไม่พ้นเราไปได้ ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ชนเหล่าใดกล่าวถึงสิ่งใด สิ่งนั้นไม่มีแก่เรา ชนเหล่าใดกล่าว ชนเหล่านั้นไม่ใช่เรา ดูกรมารผู้มีบาป ท่านจงรู้อย่างนี้ ท่านย่อมไม่เห็นแม้ทางของเรา ฯ

    ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา
    พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นนั่นเอง ฯ



    วิมุตติ คือ การหลุดพ้นจากกิเลสเป็นระดับชั้นไป มี ๕ ระดับ คือ

    ตทังควิมุตติ หลุดพ้นชั่วคราว

    วิกขัมภนวิมุตติ หลุดพ้นด้วยการสะกดไว้ ระงับอำนาจกิเลสไว้ด้วยอำนาจของกำลังฌาน เมื่ออยู่ในฌาน ได้แก่ วิมุตติของผู้ได้ฌาน๘

    สมุจเฉทวิมุตติ หลุดพ้นอย่างเด็ดขาด หลุดพ้นด้วยอำนาจอริยมรรคตัดขาดจากกิเลสผู้บรรลุโสดาปัตติมรรค, อรหัตตมรรค

    ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ หลุดพ้นอย่างสงบ พ้นกิเลสต่อจากอรหัตตมรรคถึงอรหัตตผล ไม่ต้องพยายามกำจัดกิเลสอีกเพราะกิเลสระงับไม่เกิดอีกแล้วในขณะผลนั้นๆ

    นิสสรณวิมุตติ หลุดพ้นด้วยออกไป หลุดพ้นกิเลสอย่างยั่งยืน ได้แก่วิมุตติคือนิพพาน


    กุญแจไขประตูพระนิพพาน ย่อมเป็นของคู่กันกับประตูพระนิพพาน

    ตราบใดที่มีพระนิพพาน กุญแจที่ไขเข้าสู่ประตูก็จะมีอยู่เสมอๆ



    สุภัททะ !
    ในธรรมวินัยใด ไม่มีอริยมรรคมีองค์แปด
    สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น;
    แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาไม่ได้;
    แม้สมณะที่สาม (พระอนาคามี) ก็หาไม่ได้;
    แม้สมณะที่สี่ (พระอรหันต์) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น.
    สุภัททะ !
    ในธรรมวินัยนี้แล มีอริยมรรคมีองค์แปด
    สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาได้ในธรรมวินัยนี้;
    แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาได้;
    แม้สมณะที่สาม (พระอนาคามี) ก็หาได้;
    แม้สมณะที่สี่ (พระอรหันต์) ก็หาได้ในธรรมวินัยนี้.
    สุภัททะ !
    ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้จะพึงอยู่โดยชอบไซร้
    โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย แล.
    มหา. ที. ๑๐/๑๗๕/๑๓๘.



    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้เดินทางไกลพบห้วงน้ำใหญ่ ฝั่งข้างนี้ น่ารังเกียจ มีภัยตั้งอยู่เฉพาะหน้า ฝั่งข้างโน้นเกษม ไม่มีภัย ก็แหละเรือหรือสะพานสำหรับข้าม เพื่อจะไปสู่ฝั่งโน้น ไม่พึงมี บุรุษนั้นพึงดำริอย่างนี้ว่า ห้วงน้ำนี้ใหญ่แล ฝั่งข้างนี้น่ารังเกียจ มีภัยตั้งอยู่เฉพาะหน้า ฝั่งข้างโน้นเกษม ไม่มีภัย ก็แหละเรือหรือสะพานสำหรับข้าม เพื่อจะไปสู่ฝั่งโน้น ย่อมไม่มี ถ้ากระไร เราพึงรวบรวมหญ้า ไม้ กิ่งไม้ และใบไม้มาผูกเป็นแพ แล้วอาศัยแพนั้น พยายามด้วยมือและเท้า พึงข้ามถึงฝั่งได้โดยความสวัสดี.

    ทีนี้แล บุรุษนั้นรวบรวมหญ้า ไม้ กิ่งไม้ และใบไม้มาผูกเป็นแพ อาศัยแพนั้น พยายามด้วยมือและเท้า พึงข้ามถึงฝั่งโดยความสวัสดี บุรุษนั้นข้ามไปสู่ฝั่งได้แล้ว พึงดำริ อย่างนี้ว่า แพนี้มีอุปการะแก่เรามากแล เราอาศัยแพนี้พยายามอยู่ด้วยมือและเท้า ข้ามถึงฝั่งได้โดยความสวัสดี ถ้ากระไร เรายก แพนี้ขึ้นบนศีรษะ หรือแบกที่บ่า แล้วพึงหลีกไปตามความปรารถนา.

    ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นผู้กระทำอย่างนี้ จะชื่อว่ากระทำถูกหน้าที่ในแพนั้นบ้างหรือหนอ?

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้อนั้นชื่อว่าทำไม่ถูก พระเจ้าข้า?

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุรุษนั้นกระทำอย่างไร จึงจะชื่อว่าทำถูกหน้าที่ในแพนั้น? ในข้อนี้

    บุรุษนั้นข้ามไปสู่ฝั่งแล้ว พึงดำริอย่างนี้ว่า แพนี้มีอุปการะแก่เรามากแล เราอาศัยแพนี้
    พยายามอยู่ด้วยมือและเท้า จึงข้ามถึงฝั่งได้ โดยสวัสดี ถ้ากระไร เราพึงยกแพนี้ขึ้นวางบนบกหรือให้ลอยอยู่ในน้ำแล้ว พึงหลีกไปตามความปรารถนา.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษนั้นกระทำอย่างนี้แล จึงจะชื่อว่ากระทำถูกหน้าที่ในแพนั้น แม้ฉันใด.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยแพ เพื่อต้องการสลัดออก ไม่ใช่เพื่อต้องการยึดถือ ฉันนั้นแล เธอทั้งหลายรู้ถึงธรรมมีอุปมาด้วยแพที่เราแสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย พึงละแม้ซึ่งธรรมทั้งหลาย จะป่วยกล่าวไปไยถึงอธรรมเล่า.



    สำหรับเราล่องแพยังไม่เข้าถึงฝั่งจะให้ทิ้งแพที่อาศัยคงจะเป็นไปไม่ได้ แล้วแพนี้ก็แพวิเศษด้วยที่สามารถใช้ข้ามฝั่งมหานทีแห่งนี้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่มีสิ่งอื่นหรือวิธีอื่น




    แม้ได้ขึ้นชื่อหรือถูกโพทะนาติเตียนว่าแย่หรือไม่ดีที่สุดในสายพุทธ
    แต่หากจะมองในข้อดีในการที่เกิดสังฆเภทต้องแตกออกในปัจจุบันก็เป็นไปในลักษณะ องคาพยพ ที่ต้องอาศัยตามกาล ในท้ายที่สุด สุดสังฆเภทนิกายนั้นก็ยังมีส่วนปกป้องคุ้มกัน นิกายแท้ ให้ยังคงอยู่ได้จนถึงปัจจุบันตามกาล นี่เป็นไปตามกลไกอุปนิสัยอันเป็นพลวปัจจัย ที่สั่งสมมาของเหล่าหมู่สัตว์ทั้งหลายฯ ในการจะให้เขาเดินเข้าสู่ทางตรงยังนิกายอันเที่ยงแท้ ตั้งแต่แรกพบนั้น ไม่ใช่ฐานะที่จะทำกันได้ง่ายๆ เรียกได้ว่าจนถึงแทบไม่มีโดยทีเดียว อันเป็นสุดปัญญาที่จะอุปมารู้เห็นได้ เพราะฉนั้นตามความเป็นจริง ต้องสั่งสมกันมานานนักแลฯ จึงจะเข้าสู่หนทางแห่งการตรัสรู้ได้

    พิจารณา
    "เลวที่สุดของเราก็ยังประเสริฐกว่า"


    ขอโอกาสไว้ ณ ที่นี้ และคงไม่มีโอกาสมาร่วมเสวนาบ่อยๆอย่างที่เคย เราวิสัชนาเผื่อไว้ใน ผู้เห็นธรรมในข้อที่ ๒ ข้อที่ท่านทั้งหลายฯต่าง ธรรมสากัจฉา จาก ปุจฉาและวิสัชนา จนไปถึงซึ่งการเสวนาและอเสวนาผู้สกวาทีและผู้ปรวาที เผื่อให้สิ่งที่ถูกปิดไว้ได้เปิดออกเพื่อคลายความกังวลและสงสัยตามกาล

    เดือน ตุลาคม ถัดไปหลังจากนี้คงต้องย้ายไปออกราชการสนามอยู่แถวป่าภูเขา เพราะมีการเคลื่อนย้ายสับเปลี่ยนกำลัง ด้วยสัญญานหรือ การใช้ internet คงจะไม่ง่ายจนถึงไม่มีและยากแก่การมาร่วมสนทนาต่างๆ ร่ำลาไว้ตรงนี้จนกว่าจะได้มีโอกาสมาเสวนากันใหม่ ตามกาลและสถานที่และโอกาสอื่นๆต่อไป

    “ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ
    เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารีฯ”


    “ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรมบุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ นี้เป็นอานิสงส์ในธรรมที่ประพฤติดีแล้ว ผู้ประพฤติธรรมย่อมไม่ไปสู่ทุคติ”

    ถนอมสุขภาพและรักษาใจขอให้ท่านทั้งหลายฯจงเจริญในพระสัทธรรมอันยิ่งขึ้นไป ศัตรูของเราท่านทั้งหลายฯ ไม่ใช่เหล่าเวไนยสัตว์อย่างเราหรือท่านทั้งหลายฯ ในธรรมวินัยนี้ไม่เป็นข้าศึกในโลกฯ แต่ก็มีในโลกฯที่เห็นเราเป็นข้าศึก ขอท่านทั้งหลายฯจงเดินตามอัชฌาสัยที่ท่านทั้งหลายฯได้สั่งสมพลวปัจจัยอันมีบุญบารมีอันดีตามธรรมสมบัติอันพึมีพึงได้ตามกาลมาแล้วนั้นเทอญฯ


    ขอจงอโหสิกรรมอดโทษแก่ข้าพเจ้าในทุกกรณี ข้าพเจ้าก็ขออโหสิกรรมอดโทษแก่ท่านทั้งหลายฯเฉกเช่นเดียวกัน


    กระทู้ร่ำลา
    http://palungjit.org/threads/พบพระพ...ที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ.569133/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. phusintr

    phusintr สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +5
    ยอมรับสิ่งที่จะเกิด ทำไปอย่าได้ละ
     
  5. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ขอบคุณพี่จ่า ที่เอามาให้อ่าน มันดี แต่โอกาสเกิดสงครามก็มีมาก แต่ คงอีกนานอยู่ใช้สงครามตัวแทน+ตัวตนเป็นบางครั้ง ดีกว่า แบบเวียตนาน สบายใจ แต่ดูแล้ว พวกอาหรับ มันก็......จริง. แทนที่จะกำจัดศัตรูตัวเอ้ก่อนดันมากำจัดกันเองก่อน อิสราเอลสบายใจ...ว่าจะไม่ถามแล้ว ขอถามเผื่อคนหลายคนด้วยครับ งวดนี้ 1/10/2559 พี่จ่า ได้ตัวดีอะไร.. ขอบคุณครับ
     
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ปัญญัติสูตร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบัญญัติซึ่งสิ่งที่เลิศ ๔ ประการนี้ ๔ ประการ
    เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาสัตว์ผู้มีอัตภาพ (ใหญ่) อสุรินทราหูเป็นเลิศ
    บรรดาบุคคลผู้บริโภคกาม พระเจ้ามันธาตุราชเป็นเลิศ บรรดาผู้ใหญ่ยิ่ง มารผู้มี
    บาปเป็นเลิศ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อันโลกกล่าวว่าเป็นเลิศในโลก
    ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและ
    มนุษย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบัญญัติสิ่งที่เลิศ ๔ ประการเหล่านี้แล ฯ
    บรรดาสัตว์ผู้มีอัตภาพ (ใหญ่) อสุรินทราหูเป็นเลิศ บรรดา
    บุคคลผู้บริโภคกาม พระเจ้ามันธาตุราชเป็นเลิศ บรรดาผู้
    ใหญ่ยิ่ง มารเป็นเลิศ
    พระพุทธเจ้าผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ อัน
    โลกกล่าวว่าเป็นเลิศในโลก ทั้งเทวดาและมนุษย์ ทั่วภูมิเป็น
    ที่อยู่ของสัตว์ ทั้งเบื้องบน ท่ามกลาง และเบื้องต่ำ ฯ


    [ame]https://youtu.be/dEExdnzXKnY[/ame]

    รามายณะ กวนเกษียรสมุทร อสุรินทราหู

    ความเกี่ยวข้องระหว่างพุทธและพราหมณ์ไม่รู้ไม่เห็นด้วยทัศนะวิสัยอันแน่ชัดด้วยญานหยั่งรู้แน่ชัด ยังไม่ควรสรุป
     
  7. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    คนที่เป็นไม่อยาก คนทร่อยากไม่เป็น เราว่านะ
    พระศรีตัวจริงท่านคงไม่เที่ยวประกาศบอกใครว่าฉันคือพระศรี ท่านลงมาทำหน้าที่อย่างเดียว
     
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    สุดฮา!!!



    ศิษย์ออกมาแถจนมั่วสุดท้ายศาสดาของตนเองปาราชิก เพราะตีความพระสูตรไม่เป็นไม่แจ่มแจ้งแทงตลอด

    ลูกศิษย์คึกฤทธิ์ยกพระสูตรออกมาหวังช่วยอาจารย์ให้รอดจาก การสำคัญผิดว่า"แม้สำคัญผิดว่าบรรลุโสดาบันนั้นก็เกิดประโยชน์ สำคัญผิดมาก ยิ่งมากยิ่งดี โลกยิ่งสงบสุข "
    แต่กลับเป็นการฆ่าอาจารย์ ยอมรับว่า ไอ้คึกฤทธิ์อาจารย์ของตนได้ต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว
    อ่านพระสูตร
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุเป็นอันมาก สำคัญมรรคผลอันตนยังมิได้เห็นว่าได้เห็น
    สำคัญมรรคผลอันตนยังมิได้ถึงว่าได้ถึง สำคัญมรรคผลอันตนยังมิได้บรรลุว่าได้บรรลุ สำคัญมรรคผลอันตนยังมิได้ทำให้แจ้งว่าได้ทำให้แจ้ง จึงอวดอ้างมรรคผลตามที่สำคัญว่าได้บรรลุ ครั้นต่อมา จิตของพวกเธอน้อมไปเพื่อความกำหนัดก็มี น้อมไปเพื่อความขัดเคืองก็มี น้อมไปเพื่อความหลงก็มี จึงมีความรังเกียจว่า สิกขาบทอันพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้แล้ว แต่พวกเราสำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้เห็นว่าได้เห็น สำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้ถึงว่าได้ถึง สำคัญมรรคผล
    ที่ตนยังมิได้บรรลุว่าได้บรรลุ สำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้ทำให้แจ้งว่าได้ทำให้แจ้ง จึงอวดอ้างมรรคผลตามที่สำคัญว่าได้บรรลุ พวกเราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ แล้วแจ้งเรื่องนั้นแก่ท่านพระอานนท์ๆ กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มีอยู่เหมือนกันอานนท์ ข้อที่ภิกษุทั้งหลายสำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้เห็นว่าได้เห็น สำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้ถึงว่าได้ถึง สำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้บรรลุว่าได้บรรลุ สำคัญมรรคผลที่ตนยังมิได้ทำให้แจ้งว่าได้ทำให้แจ้ง จึงอวดอ้างมรรคผลตามที่สำคัญว่าได้บรรลุ แต่ข้อนั้นนั่นแล เป็นอัพโพหาริก


    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงกระทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้
    ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
    พระอนุบัญญัติ

    ๔. อนึ่ง ภิกษุใด ไม่รู้เฉพาะ กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความรู้
    ความเห็น อย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้ามาในตนว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้
    ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ***ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น ***อันผู้ใดผู้หนึ่ง ถือเอาตามก็ตาม ไม่ถือเอาตามก็ตาม เป็นอันต้องอาบัติแล้ว มุ่งความหมดจด จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า
    แน่ะท่าน ข้าพเจ้าไม่รู้อย่างนั้น ได้กล่าวว่ารู้ ไม่เห็นอย่างนั้น ได้กล่าวว่าเห็น ได้
    พูดพล่อยๆ เป็นเท็จเปล่าๆ เว้นไว้แต่สำคัญว่าได้บรรลุ แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก
    หาสังวาสมิได้.

    คำว่า อัพโพหาริก โดยทั่วไปท่านแปลว่า “กล่าวไม่ได้ว่ามี”, มีแต่ไม่ปรากฏ จึงไม่ได้โวหารว่ามี, ไม่ควรกล่าว, คำนี้ส่วนใหญ่จะพบในพระวินัย เช่น เขาเจือสุราลงในอาหาร หรือเจือลงในยารักษาโรค พระภิกษุฉันได้ไม่ผิดข้อผิดสุรา หรือแป้งที่เขาผสมในงบน้ำอ้อย หรือยาเม็ด การฉันยาเม็ดที่มีแป้งผสมอยู่ในเวลาวิกาล ไม่กล่าวว่าฉันแป้ง ไม่เป็นอาบัติ ยังไม่พบคำอธิบายแบบแยกศัพท์ ถ้าแยกควรจะเป็น อัพพ + โวหาร + อิก


    ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น คือหลังจากที่ได้ทรงตำหนิบัญญัติสิกขาบทแล้ว ต้องอาบัติทั้งหมดทั้งสิ้น

    นั่งแทรกสงฆ์ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนแล้วไอ้คึกน่ะนะ ติดลบแล้วนะเอ็งคึกฤทธิ์ ปาราชิกด้วยตนเองไม่พอลากลิ่วล้อไปปาราชิกด้วย บริวารก็บ้าไปตามๆกัน

    *****สรุปรับผลกรรมกันถ้วนหน้า บ้าทั้งลูกศิษย์ทั้งอาจารย์******
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายฯ การบรรลุธรรม หมายความว่า มีคุณลักษณะตามความเป็นอริยะบุคคล เช่นพระโสดาบัน เป็นต้น มีความรู้สึกว่า ทำไม่ได้ ไม่ได้ทำ หิริโอตัปปะ สรุปโดยรวม อ่านพุทธวจนปิฏก ได้บรรลุแน่นอนฯลฯ

    คึกวจน 888 พระสูตร บรรลุธรรมโดยไม่มีและไม่ได้ในวิมุตติญานทัสสนะ
    คึกฤทธิ์เอาอะไรไปบันทะลุ วิมุตติญานทัสสนะก็ไม่เคยมีเคยได้แต่มาพยากรณ์การบรรลุธรรมที่ต้องอาศัยต้องได้ในวิมุตติ


    พยสนสูตร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย
    กล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ความฉิบหาย ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ
    ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ ๑
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ๑
    สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๑
    เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย ๑
    เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๑
    ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑
    ย่อมถูกโรคอย่างหนัก ๑
    ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน ๑
    เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ ๑
    เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย๑๐ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ฯ
    จบสูตรที่ ๘
    วิมุตติ คืออะไร?
    ตอบ พระพุทธศาสนาแสดง วิมุตติ คือความหลุดพ้นจากกิเลสไว้ ๕ อย่างคือ
    ๑. วิกขัมภนวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยการข่มไว้ด้วยอำนาจของฌาน เพียงปฐมฌานก็สามารถข่มธรรมอันเป็นข้าศึก คือนิวรณ์ ๕ มีกามฉันทะนิวรณ์ได้แล้ว แต่ไม่อาจละนิวรณ์ ๕ ให้ขาดไปจากใจได้ หมดอำนาจฌาน กิเลสคือนิวรณ์ก็เกิดได้อีก
    ๒. ตทังควิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยองค์นั้น ด้วยอำนาจของวิปัสสนาญาณ เพียงได้นามรูปปริจเฉทญาณ ปัญญาที่แยกนามกับรูปว่าเป็นคนละอย่าง ก็สามารถละความเห็นผิดว่านามรูป เป็นตัวตนได้ชั่วคราว
    ๓. สมุจเฉทวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลส ด้วยการตัดขาด ด้วยมรรคญาณ กิเลสที่ถูกตัดขาดไปแล้วย่อมไม่กลับมาเกิดได้อีก
    ๔. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลส เพราะกิเลสทั้งหลายสงบระงับไปในขณะแห่งผลจิต
    ๕. นิสสรณวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยการสลัดออกจากธรรมอันเป็นข้าศึกคือกิเลส ด้วยนิพพาน
    ในวิมุตติ ๕ อย่างนี้ วิมุตติ ๒ อย่างแรกเป็นโลกียะ ส่วนวิมุตติ ๓ อย่างหลังเป็นโลกุตตระ ปัญญาคือความรู้ในวิมุตติ ๕ อย่างนั้น เรียกว่า วิมุตติญาณ
    ใน อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต กล่าวถึงวิมุตติ ๒ อย่างคือ เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ ว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ ย่อมไม่หลุดพ้น หรือปัญญาที่เศร้าหมองด้วยอวิชชา ย่อมไม่เจริญด้วยประการฉะนี้แล
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะสำรอกราคะได้ จึงชื่อว่าเจโตวิมุติ เพราะสำรอกอวิชชาได้จึงชื่อว่าปัญญาวิมุติฯ
    ขยายความ โดยปริยายหนึ่งๆ ว่า :-
    เจโตวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยใจ ได้แก่ ผลสมาธิ คือสมาธิที่ประกอบกับอรหัตตผลจิต
    ปัญญาวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยปัญญา ได้แก่ ผลปัญญา คือปัญญาที่ประกอบกับอรหัตตผลจิต
    เพราะฉะนั้น เมื่อว่าโดยพระอภิธรรมแล้ว เจโตวิมุตติกับปัญญาวิมุตติ จึงเกิดขึ้นพร้อมกันกับอรหัตตผลจิต ก็เจโตวิมุตตินั้น ได้แก่ เอกัคคตาหรือสัมมาสมาธิ ปัญญาวิมุตติ ได้แก่ ปัญญาหรือสัมมาทิฐิ ที่ประกอบด้วยอรหัตตผลจิต
    อริยมรรค ชื่อว่า กำลังหลุดพ้นจากกิเลส
    อริยผล ชื่อว่า หลุดพ้นแล้วจากกิเลส
    อริยมรรคนั้นเป็นกุศลจิตมี ๔ คือโสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค
    อริยผลเป็นผลของมรรคเป็นวิบากจิต ก็มี ๔ เท่ากับอริยมรรค คือโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตตผล
    ในขณะที่มรรคจิตอันเป็นกุศลเกิดขึ้น ทำลายกิเลสให้ขาดเป็นสมุจเฉทแล้วดับไป ผลจิตอันเป็นวิบากจะเกิดขึ้นสืบต่อจากมรรคจิตทันที โดยไม่มีจิตอื่นมาเกิดคั่นในระหว่างนั้น นั่นคือเมื่อมรรคอันเป็นเหตุเกิดขึ้นแล้วดับลง ผลของมรรคจะเกิดต่อทันที โดยไม่มีจิตอื่นมาคั่น
    การที่มรรคจิตอันเป็นกุศลเกิดขึ้นแล้วดับไปผลจิตอันเป็นวิบากก็เกิดขึ้นทันที โดยไม่ต้องรอเวลา นี้แหละชื่อว่า อกาลิโก เพราะไม่มีกาลเวลาในการให้ผลกุศลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมหากุศลหรือฌานกุศลเมื่อเกิดขึ้นและดับไปแล้วที่จะให้ผลทันทีเหมือนมรรคจิตหามีไม่ ต้องรอเวลาที่จะให้ผลทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นมรรคจิตเท่านั้นจึงชื่อว่า อกาลิโก กุศลอื่นๆ ไม่ชื่อว่าอกาลิโก
    ในอรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สัททสูตร กล่าวว่า สมาธิชื่อว่า เจโตวิมุตติ เป็นผลของสมถะ และที่สมาธิได้ชื่อว่าเจโตวิมุตติเพราะพ้นจากราคะ
    ปัญญาชื่อว่าปัญญาวิมุตติ เป็นผลของวิปัสสนา และที่ปัญญาได้ชื่อว่าปัญญาวิมุตติ เพราะพ้นจากอวิชชา
    ใน คัมภีร์บุคคลบัญญัติ แสดงวิมุตติของพระอรหันต์ ๒ อย่าง คือ อุภโตภาควิมุตติ และปัญญาวิมุตติ ไม่มีเจโตวิมุตติ
    อุภโตภาควิมุตติ ได้แก่ บุคคลที่ได้สมาบัติ ๘ คือได้ทั้งรูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ ออกจากสมาบัติแล้วเจริญวิปัสสนา เห็นความเสื่อมไปสิ้นไปของสังขารทั้งหลายด้วยวิปัสสนาปัญญา เห็นอริยสัจ ๔ ด้วยมรรคปัญญา กล่าวคือบุคคลประเภทอุภโตภาควิมุตตินี้พ้นจากรูปกายคือรูปฌานด้วยอรูปฌานหรืออรูปสมาบัติ และเพราะเจริญฌานที่มีอรูปเป็นอารมณ์ จึงชื่อว่าพ้นจากรูปกายด้วยอรูปสมาบัติก่อนเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงพ้นจากนามกาย คือกิเลสด้วยอริยมรรคเป็นครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าอุภโตภาควิมุตตบุคคล เพราะหลุดพ้นจากส่วนสองคือ ๒ ครั้ง ครั้งแรกพ้นจากรูปกายด้วยอรูปสมาบัติ ครั้งที่ ๒ พ้นจากกิเลสด้วยอริยมรรค
    ท่านจัดบุคคลที่ชื่อว่าอุภโตภาควิมุตติไว้ ๕ พวกคือบุคคลที่ได้อรูปสมาบัติ ๔ ออกจากอรูปสมาบัติแต่ละสมาบัติแล้ว พิจารณาสังขารทั้งหลายแล้วจึงบรรลุพระอรหัตต์จัดเป็น ๔ พวก กับพระอนาคามีผู้ออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว บรรลุพระอรหัตต์อีกพวกหนึ่ง จึงเป็น ๕ พวก
    สรุปว่า บุคคลที่ได้ชื่อว่า อุภโตภาควิมุตตินั้น ได้แก่พระอรหันต์ผู้ได้สมาบัติ ๘ เท่านั้น
    ปัญญาวิมุตติ ได้แก่บุคคลผู้มิได้ถูกต้องสมาบัติ ๘ ด้วยกาย แต่หลุดพ้นจากกิเลสเพราะเห็นด้วยปัญญา ท่านจัดปัญญาวิมุตติบุคคลไว้ ๕ พวก คือพระอรหันต์ผู้สุกขวิปัสสก คือเจริญวิปัสสนาล้วนๆ พวกหนึ่ง และบุคคลผู้ออกจากรูปฌาน ๔ แต่ละฌานแล้วเจริญวิปัสสนา แล้วบรรลุพระอรหันต์อีก ๔ พวกคือ
    ออกจากปฐมฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์ ๑ ออกจากทุติยฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์ ๑
    ออกจากตติยฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์ ๑ ออกจากจตุตถฌานแล้วบรรลุพระอรหัตต์อีก ๑ จึงรวมเป็น ๕ พวก ซึ่งพระอรหันต์ทั้ง ๕ พวกนี้ไม่มีท่านใดเลยที่ได้สมาบัติ ๘ อย่างมากก็ได้เพียงรูปฌาน ๔ เท่านั้น
    ถึงกระนั้น บุคคลทั้งสองพวกนี้ คือทั้งอุภโตภาควิมุตติและปัญญาวิมุตติต่างก็ได้ชื่อว่า พระอรหันต์ผู้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงเป็นสมุจเฉทวิมุตติด้วยกันทั้งสิ้น
    หมายเหตุ
    สมาบัติ ๘ นั้นได้แก่ รูปฌาน ๔ คือปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน และอรูปฌาน ๔ คืออากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน และเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
    นิโรธสมาบัติหรือสัญญาเวทยิตนิโรธ คือการเข้าสมาบัติด้วยการดับสัญญาและเวทนา ซึ่งรวมไปถึงการดับจิตและเจตสิกอื่นๆ พร้อมทั้งรูปที่เกิดจากจิตด้วย แต่รูปที่เกิดจากกรรม จากอุตุและอาหารยังคงเป็นไปอยู่ เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติจึงยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติได้นั้นมี ๒ พวก คือพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ผู้ได้สมาบัติ ๘ เท่านั้น พระอริยบุคคลนอกจากนั้นเข้าไม่ได้ และท่านจะเข้านิโรธสมาบัติกันอย่างมาก ๗ วัน ก่อนเข้าท่านจะต้องทำบุพกิจ ๔ อย่าง คือ
    ๑. อธิษฐานไม่ให้บริขารและร่างกายของท่านเป็นอันตราย
    ๒. อธิษฐานขอให้ออกจากฌานได้โดยไม่ต้องมีใครมาเรียก เมื่อสงฆ์ต้องการพบท่าน
    ๓. อธิษฐานขอให้ออกจากฌานได้โดยไม่ต้องมีใครมาเรียก เมื่อพระพุทธองค์ทรงมีพระประสงค์จะพบท่าน
    ๔. พิจารณาอายุของท่านว่าจะอยู่ได้ครบ ๗ วันหรือไม่ ถ้าอยู่ครบ ท่านก็อธิษฐานกำหนดเวลาเข้า ถ้าอยู่ไม่ครบ ๗ วัน ท่านก็กำหนดเวลาเข้าให้น้อยกว่า ๗ วัน

    [ame]https://youtu.be/8fsJt6HOYFk[/ame]


    ลูกศิษย์คึก แถจนยอมรับ ว่าอาบัติปาราชิก แดกคึกฤทธิ์โดยไม่รู้ตัว สุดสะอื้น ในครานี้แลฯ
    http://pantip.com/topic/34108880/page2
     
  9. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    พี่จ่าครับ สถานการณ์ โลก ณ วันนี้ ใกล้สงครามใหญ่เข้ามามากๆแล้ว แต่คงแค่ใกล้ และขอให้เป็นแค่ใกล้สงครามก็พอ....ส่วนเร่งด่วนของไทยเรานะเวลานี้ ถ้า แอรี ไม่สลายตัว ขอให้ทุกๆท่านเตรียมรับน้ำท่วม ก็แล้วกัน โดยเฉพาะ กทม. เพราะมันจะทำให้ร่องมรสุมแรงขึ้น ฝนตกในประเทศมากขึ้น
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204

    ติดตามสถานการณ์

    https://www.facebook.com/หมี-CNN-1395770040688338/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    หลังจากจัดการ มาร ๕ ตัวนี้ได้ คราวนี้ล่ะเตรียมตัวเผชิญภัยครั้งใหญ่กันได้เลย

    แผ่นดินไหว คืนสภาพต้น เพื่อรักษา ถ้าไหวแบบรุนแรงต่อจากนั้นก็เป็นเพราะ อหังการวิเศษมาร เล่นงานแน่นอน!!

    ถ้าเอาคึกฤทธิ์ ออกจากธรณีสงฆ์เสียได้ เหล่าเทพพรหมเทวดา พระธรณีแย้มสรวลแน่นอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2016
  12. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    [ame]https://www.youtube.com/watch?v=G_mmgqIwbes&feature=share[/ame]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ในทรรศนของหนูคิดว่า ขอฟังไว้ แล้วนำมาเป็นกำลังใจในการปฏิบัติดีกว่าค่ะ ถ้ามองในแง่ของประวัติศาสตร์มันยังไม่มีมูล ไม่มีหลักฐาน ถ้านับเป็นหลักฐานก็เป็นหลักฐานชั้นทุติยะแล้ว ยกตัวอย่าง เรื่องกฤษณาสอนน้องที่ได้ถ้อยความมาจาก มหาภารตะ เมื่อกลายมาเป็นกฤษณาสอนน้องได้ต่างไปจากของเดิม แม้จะได้รับอิทธิพลมาจากมหาภารตะก็ตาม

    ในทางส่วนตัวหนูคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดค่ะ เราเตรียมตัวรับมือด้วยการ ซ้อมตนเองให้มีสติตื่นตัวกับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันค่ะ หากคำทำนายเป็นจริงดังนั้น ถ้าเราทำอะไรไม่ได้มันก็ไม่เกิดประโยชน์ค่ะ ถึงหากคำทำนายเป็นเท็จเจตนาของผู้เขียนก็คงเพื่อให้คนทำความดี หากจะเชื่อและปฏิบัติก็คงไม่เสียหายอะไร แต่วิธีของพระพุทธเจ้านั้นหนูคิดว่าท่านจะสอนถึงเหตุและผลตามหลักอริยสัจสี่ มากกว่าสร้างโปรแกรมความกลัวให้เกิดขึ้นในจิต

    ดังนั้นหนูคิดว่า หากเป็นจริงก็น่าจะนำมาปรับใช้ให้เกิดความคิดทางบวกหรือเป็นพลังในการเริ่มต้นกระทำความดี หรือสร้างความดีต่อๆไปค่ะ สมมุติว่าเราเชื่อสิ่งใดสิ่งนั้นก็จะเป็นไปตามที่เราลงมือกระทำดังนั้นหากเชื่อว่าเราจะเปลี่ยนแปลงโลกนี่้ได้ด้วยการสร้างความรัก ความดีหนูเชื่อว่า ถึงเป็นพลังเล็กๆแต่อย่างน้อยก็สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับสังคมเล็กๆรอบตัวเราได้ค่ะ
     
  14. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/jW98rii_MJ0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  15. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +63
    กระทู้นี้ เป็นกระทู้ของอะไรกันแน่ ผมเห็นหน้าท้าย ๆ มีอะไรมาโฆษณา น่าเบื่อจริง ๆ เลยพวกนี้ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักว่ากระทู้นี้กระทู้อะไร พอผมบอกไปแบบนี้ก็จะหาว่าผมไม่รักพระศาสนาอีกหล่ะ กลายเป็นว่าเราเป็นคนไม่มีศาสนาอีก (จะมีศาสนาหรือไม่มีศาสนาก็เรื่องของตู ตูไม่เคยทำให้ใครเดือนร้อนและก็รู้จักกาลเทศะ ดีกว่าพวกเที่ยวโฆษณาไม่รู้จักว่ากระทู้ไหนเป็นกระทู้ไหน) คงจะต้องแจ้งแอดมินแล้วหล่ะ แบบนี้
     
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    15/11/2559 บันทึกราตรี
    อยากให้เป็นเพียงแค่ความฝัน


    มหันตภัย-ย้อนรอยกลับคืนสู่-ตราประทับที่ไม่อาจหลุดพ้น-ผู้ถูกส่งมาเพื่อเอ่ยอหังการวิเศษมารความพินาศ-ดาบแดงหอกขาวที่คุ้นเคย-โดนหาว่าไม่รับแขกลืมกำพืดในการเข้ารีต- การสั่นสะเทือนระดับ 10/11/12 ปฐพีถล่ม -เตรียมทางรอด 5 ประการ

    และแล้วก็มีบ้างสำหรับ บุคคลชื่นชอบเข้ามาขอหมอลำ ก็ไม่ได้ห้ามการขอหมอลำ อยากจะขอขอไปแต่ไม่เปิดให้ฟัง อยากฟังหมอลำก็ไปเปิดฟังเอาเอง

    ผู้เห็นต่างก็เพราะมีความเพียรน้อย มีปัญญาน้อย ก็ได้เท่าที่ตนเองทำได้ มาตรฐานตนเอง ความอึดความอดทนมีเท่าไหร่ ก็ได้เท่านั้นแหละ น่าเวทนานักที่ไม่เข้าใจ ไม่แปลกใจหรอกที่ได้เพียงเท่านั้น ทำตนเอง ก็รับชะตากรรมไปเอง คงบอกได้แต่คนฉลาดๆในธรรมก็พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2016
  17. รัตนมหาธาตุ

    รัตนมหาธาตุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2017
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +65

    เตรียมตัว หากได้ฤทธิ์ของสภาวะของสิ่งนั้นด้วย ก็ เตรียมตัว เตรียมใจ
    ปลาบปลื้มคนไทยคว้าแชมป์โลกการทดสอบท่องจำพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานนานาชาติ รับรางวัล 1.4 ล้านบาท

    คว้าแชมป์โลก
    เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 นักท่องจำอัลกุรอานประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศการทดสอบท่องจำพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานนานาชาติ พร้อมตัฟซีร (การอรรถธิบายกุรอาน) Khartoum International Holy Quran Award (รับเงินรางวัล 1,400,000 บาท) ณ เมืองคุรตูม ประเทศซูดาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทดสอบกว่า 74 คนจาก 60 ประเทศทั่วโลก
    การประกาศผลรางวัลชนะเลิศการท่องจำอัลกุรอาน 7 อันดับได้แก่
    อันดับที่ 1.ประเทศไทย
    อันดับที่ 2.แอลจีเรีย
    อันดับที่ 3.คูเวต
    อันดับที่ 4.บังคลาเทศ
    อันดับที่ 5.ซาอุดิอาระเบีย
    อันดับที่ 6.อัฟกานิสถาน และ
    อันดับที่ 7.เยเมน


    ยังจะเกิดบุคคลพิเศษแบบนี้ และยิ่งกว่านี้ ของศาสนาอื่นเกิดขึ้นอีก ถ้าเกิดผู้นำทางด้านจิตวิญญานแห่งนักรบขึ้นมาและเป็นผู้นำทางฤทธิ์เดช เตรียมซวย

    นี่แหละกรรมผลของการไม่มีผู้บรรลุธรรมในบวรพระพุทธศาสนา บวชเข้าไปทำไม ไปหาลาภสักการะ

    " จงไปผนวกกับกระทู้ " ทั้งชีวิตขอเรื่องเดียว " แล้วจะเข้าใจยิ่งขึ้นถึงมหาภัยที่จะมาเยือน

    คิดว่ามีแต่พระพุทธศาสนาหรือยังไง? ที่มี ฤทธานุภาพ ฤทธิ์เดชนานาประการ

    สมน้ำหน้า!
     
  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    อยากจะเขียนเรื่อง "อหังการวิเศษมาร" อริวิเศษ ซึ่งฤทธิ์ของมันร้ายกาจ แต่ผู้บรรลุปฎิสัมภิทาญานระดับอเสขะยังไม่ปรากฎ ตอนนี้คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด

    จับตารอดูฤทธิ์ของมันให้ดีๆ มันได้ผลึกสีเขียวจากเราไป แค่หนึ่งก้อน ในบรรดานับสิบชิ้นจากเรา ดูซิว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง! และตอนนี้มันก็ยังไม่รู้หรอกว่าเรามีผลึกนั้นอยู่ และมีมากกว่า

    อสัทธรรม อันชั่วร้ายจะแผลงฤทธิ์อีกคราอย่างแน่นอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    "มีบุญจึงได้เรียนได้รู้ได้เห็น กึ่งพุทธกาลแล้ว เตรียมกายเตรียมใจเพื่อเจริญเข้าสู่พระสัทธรรมโดยปฎิสัมภิทาญาน รอคอยพระยาธรรมิกราช"

    มาแน่นอน! และท่านก็เป็นผู้มีปฎิสัมภิทาญาน ระดับเสขะปฎิสัมภิทาอันยอดยิ่งอีกด้วย เชื่อว่าย่อมจะมีพระอริยะบุคคลปรากฎถึงระดับอเสขะปฎิสัมภิทานั้นด้วย

    อะไรที่บิดเบือนผิดพลาดไปทั้งหลายฯจนเป็นเหตุให้มรรคผลเสื่อมสูญจะต้องถูกแก้ไขให้ถูกต้องตามกาล



    https://www.facebook.com/พระไตรปิฏก...ยวิเศษบริสุทธิธรรม-295115010851468/?ref=br_rs
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ตรงช่วงนี้ล่ะที่มันหักถล่มลง

    https://www.facebook.com/



    ตรงช่วงนี้ล่ะที่มันหักถล่มลง ในบุพนิมิต

    https://www.facebook.com/
    แผ่นดินไหวที่ชุมพร

    ได้ระบุไปก่อนแล้วว่า เป็นช่วงประจวบและชุมพร


    15/11/2559 บันทึกราตรี
    อยากให้เป็นเพียงแค่ความฝัน


    มหันตภัย-ย้อนรอยกลับคืนสู่-ตราประทับที่ไม่อาจหลุดพ้น-ผู้ถูกส่งมาเพื่อเอ่ยอหังการวิเศษมารความพินาศ-ดาบแดงหอกขาวที่คุ้นเคย-โดนหาว่าไม่รับแขกลืมกำพืดในการเข้ารีต- การสั่นสะเทือนระดับ 10/11/12 ปฐพีถล่ม -เตรียมทางรอด 5 ประการ
     

แชร์หน้านี้

Loading...