พุทธปาฏิหารย์กลางฟ้า -ปราสาทลึกลับสามพันปีเฮี้ยน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 สิงหาคม 2012.

  1. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ก็ตามนั้นครับ บังเอิญว่า อาจไม่มีคนเห็นข่าวนี้ พุทธปาฎิหารย์กลางฟ้าที่ประเทศอินโดนีเซีย
    จึงขอโพสขึ้นใหม่ครับ
     
  2. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ค่อยๆศึกษาไปครับ ในโลกเรา-มิตินี้ ยังมีความลี้ลับอีกมากมายรอให้ค้นพบ ถ้ารู้อย่างที่ผมรู้ แล้วจะอุทานออกมาว่า "นี่แค่หน้าฉากที่เขาจัดให้เรา"เห็น"แค่นั้นเอง หลัีงโรงละคร และพื้นที่ทั่วโลกยังมีอีกเยอะ โลกนี้เหมือนภาพลวงตาจริงๆ" วิชาความรู้ ความลี้ลับของจักรวาล เหมือนใบไม้ทั้งป่า พระพุทธองค์นำมาแจกแจงแต่สิบใบ แต่เป็นเรื่องราวถึง84,000เรื่อง ที่น่าอัศจรรย์ ทุกวันนี้พระป่าหลายรูปท่านสามารถติดต่อกับชาวต่างดาวได้ และพวกนั้นก็มาขอฟังธรรม ขอปรึกษาด้วย

    ----ทั้งพญานาคพญาครุฑ เทพจากประเทศต่างๆ ดังพระอาจารย์มั่นท่านว่า "วันนี้เทพมาจากประเทศเยอรมันมากมาย ขอฟังเทศน์เรื่องสงครามและสันติภาพ เนื่องจากมีการรบกันเองที่ยาวนาน" อะไรแบบนั้น เรื่องเมืองลับแล คนลับแล ก็คือคนต่างมิติ เป็นคนที่อยู่ใกล้ผิวโลก ไม่ใช่คนที่อยู่ใต้โลกนะครับ เดี๋ยวเราจะเจาะลึกกันอีกรอบ เนื่องจากเว็ปโน้นผมจะจบเรื่องแล้ว อีกครึ่งเล่มจะเป็นเรื่องของศาสนา เทวดา โลกทิพย์ล้วน จะฟังดูบ้ากว่านี้อีกครับ

    [​IMG] .

    ภาพก้อนเมฆ ก่อตัวเป็นพระพุทธรูปอย่างชัดเจน ภาพนี้น่าจะมาจากไต้หวัน--เหมือนที่ผมว่า บางครั้งผู้กำกับได้ตะโกนออกมาจากหลังเวทีว่า "โลกนี้ ชีวิตนี้ก็แค่ละคร อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับมันนัก"


    --หนังสือที่ผมแปลมาตลอด คนเขียนเป็นด็อกเตอร์ทางจิตวิทยาชื่อโจชัวครับ และยังมีดร.บางคนเข้่ามาสารภาพว่า เป็นดร.เรียนมาสารพัด แต่ไม่เคยได้อ่านเรื่องทำนองนี้มาก่อน ชอบ และจำนนด้วยหลักฐานที่นำเสนอมาก้ยินดีครับ เหมือนเราเรียนรู้โลกไปด้วยกัน หลายกระทู้ยังมีเนื้อความสอดค้องกับกระทู้นี้ ทั้งๆที่แยกกันค้นหา แต่ข้อมูลตรงกัน และออกมาไล่เลี่ยกัน แย่างเรื่อง การย้ายสู่มิติที่ห้า อันนี้มีหลายกระแสมากๆ ซึ่งเราคนอ่านนำมาเทียบได้เลย เรืองความหนาแน่ที่สาม ระเบียบโลกให้ เป็นคำที่ชาวต่างดาวใช้ครับ ---ชาวโลกเรียกมิติที่3
    --ก็อย่างที่บอกว่า บางครั้งตั้งใจเขียนมาก แต่เขียนไม่ออกครับ--ความจริงมันมีหลายเรื่องมากที่อยากจะเขียน ซึ่งมากกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า--บางครั้งนึกไม่ออกเลย บางครั้งก็ต้องไปเว็ปต่างประเทศดูว่า ช่วงนี้มีอะไรแปลกน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  3. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <table id="post6531254" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">wild win
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2011
    ข้อความ: 77
    Groans: 5
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 66
    ได้รับอนุโมทนา 98 ครั้ง ใน 33 โพส
    พลังการให้คะแนน: 39 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_6531254" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ภาพก้อนเมฆก่อตัวเป็นพระพุทธรูปอย่างชัดเจน .....

    ไม่ทราบว่าทำไมทันทีที่มองภาพนี้ จิตมันผ่อนคลาย แล้วก็สงบลงทันทีจนรู้สึกได้เลย เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งตัวเลยล่ะ
    </td></tr></tbody></table>
     
  4. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    Posted on 10 Mar 2012
    Image of Buddha appears to STOMPer in Indonesia's sky

    [​IMG]


    When STOMPer jfzl0508 was in Indonesia, a photo he snapped of the sky had an image of the Buddha.

    Said the STOMPer:

    "Sky god.

    "Can you all believe this?

    "It was taken when I was overseas in Indonesia, no Photoshop.

    "How many times has this happened before?

    "It was after my soccer match in June last year.<table id="post6531484" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_6531484" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">
    "My friends were talking about it but I didn't believe it. I snapped a photo of the sky.

    "When I went back to my hotel, I was browsing through my photos when I noticed it.

    "I used my phone's editing software to make a circle on the photo."

    The red circle was added by the STOMPer.


    ภาพล่างมาจากมือถือ ที่ปรับแสงแล้ว ไม่ซ้ำกับภาพบนสุดครับ


    STOMP - Singapore Seen - Image of Buddha appears to STOMPer in Indonesia's sky
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px; border-top: 0px" align="right"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0001111.jpg
      0001111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.9 KB
      เปิดดู:
      594
    • 000222.jpg
      000222.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      340
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  5. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ในโลก....ไม่มีอะไรประเสริฐกว่ามนุษย์เลย
    ญาติโยมทั้งหลายเอ๋ย!.....
    โปรดพิจารณาตัวเอง ไม่มีอะไรประเสริฐไปยิ่งกว่ามนุษย์
    แต่ยังไงตัวมนุษย์ไม่มีอะไรประเสริฐยิ่งกว่าจิตใจของเรา
    และจิตใจก็ไม่มีอะไรประเสริฐกว่าคุณธรรม
    ถ้าจิตใจมนุษย์เราไร้ซึ่งคุณธรรมแล้ว
    ความประเสริฐของมนุษย์ก็จะไร้ความหมายลงทันที - หลวงพ่อจรัญ -


    ขอบคุณมอตโต้นี้ ของคุณ รินชาง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  6. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ผจญพญานาคที่ภูบักบิด
    “ภู บักบิด” เป็นภูเขาเล็กๆ ห่างจากตัวจังหวัดเลยไปไม่มากนัก เป็นภูเขาซึ่งอยู่เหนือฟากฝั่งแม่น้ำเลย มีตัวเมืองเลยอยู่ฟากฝั่งตรงข้าม หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ในพรรษาที่ 32 ท่านได้เดินทางมาปฏิบัติภาวนาที่ “ภูบักบิด” นี้ ที่มาของชื่อนี้ค่อนข้างพิสดารอยู่ กล่าวคือยอดเขาภูแห่งนี้ มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งเป็นถ้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นอาณาจักรของพวก “ภูบักบิด” ภุมมเทวดาสถิตอยู่ ลักษณะของถ้ำบนภูบักบิดนี้ มีปากถ้ำค่อนข้างเล็กแคบ แต่เมื่อผ่านปากถ้ำเข้าแล้ว ภายในกลับกว้างขวางเวิ้งว้าง ผนังถ้ำเป็นรูเป็นซอกหลืบมากมาย ทั้งยังมีโพรงลึกอยู่โพรงหนึ่ง ชาวบ้านเรียกขานกันว่าโพรงของพญานาค หากใครนำมะพร้าวมาทิ้งลงในโพรงนี้ มะพร้าวจะไปโผล่ที่กุดป่องอย่างน่าอัศจรรย์ ที่เป็นเช่นนี้แสดงว่าลึกจากโพรงถ้ำลงไป คงมีลำธารน้ำใต้ดินไหลอยู่ และไหลซอกแซกทอดยาวไปถึงกุดป่องได้

    เมื่อกาลก่อนนั้นเล่ากันว่า ภายในถ้ำมีสมบัติมีค่ามากมายมหาศาลของเทวดา สมบัติดังกล่าวเป็นเครื่องประดับล้ำค่าของโบราณ ประกอบด้วยแก้วแหวนเงินทอง สร้อยคอ สร้อยข้อมือ สร้อยสายสะพาย ปะวะหล่ำ กำไลเงิน กำไลมือ สายสังวาล เข็มขัดทอง และเข็มขัดนาก เครื่องประดับเหล่านี้วางกองอยู่บนแท่นหินภายในถ้ำ นอกจากเครื่องประดับล้ำค่าแล้ว ยังมีพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปนาก และพระพุทธรูปเงินขนาดต่างๆ วางไว้บนชั้นหินหลายระดับ แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นเจ้าของสมบัติ ซึ่งเป็นคนโบราณ เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับนำทองคำ นากและเงิน มาหล่อเป็นพระพุทธรูปเพื่อกราบไหว้ ชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาภูบักบิดในสมัยก่อน มีสิทธิ์ไปยืมเครื่องประดับมาแต่งกาย และนำพระพุทธรูปมาเคารพในงานบุญต่างๆได้ชั่วคราว เมื่อเสร็จงานบุญแล้วก็นำเครื่องประดับและพระพุทธรูปไปคืนไว้ที่เดิม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันตรุษ สงกรานต์ วันสารท หรือวันที่มีงานบุญมงคลต่างๆ เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานบวช งานโกนจุก และงานแต่งงาน ชาวบ้านทั้งชายหญิงจะมีของมีค่าเป็นเครื่องประดับใส่กันแพรวพราว เวลาเข้าไปเอาเครื่องประดับในถ้ำศักดิ์สิทธิ์บนภูบักบิดนี้ มีกฎอยู่ 2 ประการคือข้อแรก ผู้ที่จะเข้าไปเอาต้องถอดเสื้อผ้าให้หมด แล้วเดินตัวเปล่าๆเข้าไป เหตุที่ต้องทำเช่นนั้น คงถือเอาความบริสุทธิ์ใจเป็นสำคัญ คือไม่เอาเครื่องประดับชิ้นใดชิ้นหนึ่งซุกซ่อนไว้ในเสื้อผ้า กฎข้อนี้ต้องกระทำเหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก หรือคนแก่ ข้อต่อมา ให้หยิบเครื่องประดับได้ 1 กำมือเท่านั้น จะเอาไปมากกว่านี้ไม่ได้ ผู้คนสมัยก่อนเป็นคนที่มีศีลธรรมประจำใจ ไม่มีความละโมบโลภมาก เมื่อหยิบเครื่องประดับไปใช้สมประสงค์แล้ว ก็จะรีบนำมาไว้ที่เดิม เพราะถือว่าเป็นของกลางไม่ใช่สมบัติส่วนตนหรือของใครทั้งสิ้น ต่อมามีผู้เกิดความละโมบ อยากได้ของประดับของมีค่ามาเป็นของตน เข้าไปยืมเครื่องประดับภายในถ้ำแล้วไม่นำไปคืน ยักยอกเอาไว้เป็นของตนเอง การกระทำเช่นนี้จึงเท่ากับจงใจเจตนาผิดศีลข้ออทินนาทาน คือลักขโมยทรัพย์ของผู้อื่น เครื่องประดับมากมายก็ลดน้อยลงไปเรื่อย อีกทั้งทองคำสุกปลั่งวาววับ เริ่มหมองคล้ำดำลงไปคล้ายกับทองเหลือง ต่อมาได้เกิดเหตุร้ายแรงภายในถ้ำ นั่นคือวันหนึ่งได้มีหญิงชาวบ้านจะเข้ามายืมสมบัติของมีค่ามาแต่งตัว และมีเณรน้อยรูปหนึ่งเดินตามหญิงสาวเข้าไปด้วย เณรน้อยได้กระทำผิดด้วยเจตนาหยอกเอินหญิงนั้น คือเอื้อมมือไปบิดก้นของหญิงสาวที่เดินนำหน้า การกระทำเช่นนี้เท่ากับผิดศีลเพราะมีเจตนาจับต้องเนื้อสตรีเพศ ทั้งยังแสดงกริยาหยาบคายไม่สำรวมตนเหมือนไม่เคารพสถานที่อันควรเคารพ ทันใดนั้น! เพดานถ้ำบริเวณที่ไว้สมบัติได้ถล่มครืนลงปิดทางเข้าทั้งหมด เณรน้อยผู้ทำผิดศีลหนีเตลิดจนพลัดตกลงไปในปล่องโพรงพญานาค แล้วไปโผล่ขึ้นที่กุดป่อง การมีชีวิตรอดมาได้ ก็เพียงเพิ่อบอกเล่าสาเหตุที่ถ้ำเก็บสมบัติถล่มลงมาเท่านั้น เพราะต่อมาเณรน้อยก็กลายเป็นคนสติฟั้นเฟือน จริตเลอะเลือนพล่ามเพ้อถึงกรรมเลวของตนจนกระทั่งตายไปในที่สุด นับแต่นั้นมาภูเขาลูกนี้จึงได้ชื่อว่า “ภูบักบิด”
    Bloggang.com : travelaround
     
  7. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ตื่นรอยเท้านกยักษ์ ชาวบ้านร่ำลือ "รอยพญาครุฑ"


    [​IMG][​IMG][​IMG]
    เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าวจ.นครปฐม ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม ว่าพบรอยเท้า สัตว์ปีกขนาดใหญ่ปรากฏที่บนกองหินกรวด ซึ่งเป็นลานจอดรถของวัดหนองงูเหลือม ตั้งอยู่หมู่ 5 ต.หนองงูเหลือม ชาวบ้านในย่านดังกล่าวต่างร่ำลือกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นรอยเท้าของพญา ครุฑ ลงมาเพื่อเป็นสิริมงคลให้ชาวบ้าน


    จากการตรวจสอบพบว่ารอยดังกล่าวคล้ายรอยเท้านกขนาดใหญ่ คล้ายขาไก่หรือขานก มีกว่า 20 รอย ซึ่งแต่ละรอยอยู่ห่างกัน 3-4 เมตร ปรากฏอยู่บนกองหินกรวด อยู่ในเนื้อที่กว่าครึ่งไร่ ด้านหลังของกุฎิพระปลัดมานพ ฐานะมุตตโม เจ้าอาวาสวัดหนองงูเหลือม ทางวัดได้ใช้เชือกฟางล้อมรอบ พร้อมกับนำสปเรย์สีแดงพ่นไว้รอบนอกของรอยเท้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ไม่ให้ใครเข้าไปเหยียบย่ำ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมามุงดูกันจำนวนมาก


    พระ ปลัดมานพ กล่าวว่า ตนเห็นรอยเท้านี้เป็นคนแรก เมื่อเวลา 06.00 น. ขณะที่เดินตรวจตราภายในวัด แล้วพบรอยเท้าดังกล่าวคล้ายสัตว์ขนาดใหญ่ อาจเป็นนกหรือไก่ตนก็ไม่ทราบ ขนาดถึง 2 ฝ่ามือเดินเป็นหย่อมๆ เกือบ 20 รอย จึงเรียกแม่ชีและพระลูกวัดช่วยกันดู

    ด้าน แม่ชีสิน ยังวรรณ อายุ 70 ปี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเที่ยงคืนตนได้ยินเสียงลมพัดแรงมากและมีเสียงคล้ายกระสอบใบใหญ่ หล่นตุ๊บลงมาที่หลังคา สุนัขเห่าหอนไปทั่วไม่ยอมหยุดแต่ตนไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าจึงเล่าให้เจ้าอาวาสฟัง ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาดูรอยเท้าที่ปรากฏนี้ ต่างร่ำลือกันว่าเป็นรอยเท้าของพญาครุฑลงมาให้โชคลาภกับชาวบ้าน ซึ่งภายในวัดแห่งนี้มีพญาครุฑปูนปั้นที่ตั้งตระหง่านบนยอดพระอุโบสถด้วย

    ที่มา ข่าวสด---ของแถมเพียบครับ พี่น้องครับ

     
  8. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    [​IMG]"พญาครุฑ"
    เทพพาหนะแห่งพระวิษณุ
    ขอขอบพระคุณ : ตรีมูรติ อภิมหาเทพของฮินดู / อรุณศักดิ์ กิ่งมณี / สำนักพิมพ์ Museum Press

    [​IMG]
    [​IMG]

    รูปปั้นครุฑ มีมากที่อินโดนีเซียด้วยนา มีรูปปั้น-รูปสลักเทพ มีละครรามเกียรติ์ ถามว่า ทำไม ตอบว่า อิทธิพลทางศาสนาของฮินดู และพทธก็มีนะครับ เชิงลึก อยากจะบอกว่า คนเก่งๆ ระดับอาจารย์ เค้านั่งสมาธิ"เห็น"มาหมดแล้ว และบังเอิญเป็นอาจารย์ของยุวกษัตริย์ด้วย ก็โป๊ะเชะสิครับท่าน จึงมีภาพปั้นศิลปะแนวฮินดูมากมายไปยันบาหลีเลยหละครับ ฟันธง
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> Last edited by chandayot; 13-08-2012 at 11:30 AM.
     
  9. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234

    ------------------
    บิณฑ์บรรลือฤทธิ์ ตอนยังไม่ดัง ทีงานจัดให้อยู่โรงแรมห้องหรู่ ติดแอร์-เห็นทะเล อยู่คนเดียว เค้าคิดว่า
    ทางกองถ่ายให้เกียรติมาก เลยนอนเล่นอย่างสบายใจ พอละสายตาจาก นสพ. ก็เห็นผู้หญิงผมยาวนั่งอยู่ที่ปลายเท้า ด้วยความเข้าใจผิด จึงยัยตัวถีบผีเข้าให้ แต่ก็ถีบอากาศ(ผีไหวตัวทัน) เขาจึงหลับตาตั้งสติใหม่ แล้วค่อยๆมองไปที่เดิม ปรากฏว่า ผีตนนั้นได้มานั่งข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว
    (เครื่องแบบ--แฟชั่นที่นิยมในบรรดาผีสาวๆ ตาคม ผมยาว เสื้อผ้าสีขาวพริ้วไหว ยามเคลื่อนกายหรือเหาะจะให้ความรู้สึกเซ็กซี่และอ่อนหวาน สมเป็นกุลสตรีไทยครับท่าน) ทำไมผีต้องหลอกคนที่อยู่คนเดียว เพราะการที่คนหลายคนอยู่เค้ามักจะคุยกัน ผีมีมารยาทพอที่จะไม่รบกวน หรืออาจจะไม่ได้สังเกต ไม่สนใจในการหลอกหลอน--- จะทำให้ผี"เสียเซ็ลฟ์" คือจะขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย จะทำให้ไม่กล้าหลอกในครั้งต่อไป จะทำให้ยอดรวมการถูกผีหลอกในประเทศไทยลดลงได้

    ---ที่ประเทศอังกฤษ สามารถนำพวกผีๆ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เป็นรายได้ของแผ่นดิน คือจะมีทัวร์ปราสาทเก่าๆ และเน้นๆว่าต้องมีผีด้วย เป็นที่นิยมมากของนักท่องเที่ยว ในการนี้ต้องขอปิดโทรมือถือ เพราะมีหลักฐานว่าคลื่นมือถือ จะรวบกวนการเป็นอยู่ของผี จนต้อบงหนีไปจากที่นั้นๆ (คราวนี้เรื่องจริงสิ) ผีไทยอมตะ แม่นาก สร้างจนแม่นาคกลายเป็นเทพไปแล้ว ปอบ สร้างแล้ว 11 หรือ14ภาคก็ไม่รู้ มีปอบรีเทอร์น หรือรียูไนเต็ดอะไรก็ไม่รู้สิครับ ฉากคลาสสิกคือผียืดแขนออกยาวๆ นั้นมีผู้ยืนยันว่าเป็นจริง---และบรรดาผีก็ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ หรือว่า คนไทยชอบหยอกล้อกันเล่น ผีไทยก็เช่นเดียวกัน งั้นผีเกาหลี --ผีญี่ปุ่นก็คงต้องหลอกแบบจริงจัง ดุดัน และเฉียบขาด ว่ามะ--

    --ผีมาเข้าฝันบอก เลข 879 หวยออก 312 โห ผีหลอกนี่น่ากลัวจริงๆ ถ้าเล่นมากๆ หมดตัวกันได้ง่ายๆ
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1">
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  10. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234

    กรมศิลปากรเร่งขุดตัวปราสาทช่างปี่

    วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม 2555 เวลา 19:53 น.
    [​IMG]



    กรมศิลปากรเร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการขุดตัวปราสาทช่างปี่ ที่ชาวบ้านช่างปี่ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ต่างพากันหวาดผวาในอาถรรพ์ของปราสาท ว่า คร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้วหลายราย เพื่อบูรณะให้แล้วเสร็จทันพิธีเซ่นสรวงบูชาปราสาทช่างปี่ในปีหน้า

    จากกรณี นายชัยณรงค์ ทองหล่อ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านช่างปี่ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พร้อมชาวบ้านนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป มาประกอบพิธีสวดอัญเชิญเทพเจ้า เพื่อขอขมาต่อเทพผู้รักษาปราสาทหินช่างปี่ ไม่ให้ทำร้ายหรือเอาชีวิตชาวหมู่บ้านอีก หลังมีความเชื่อว่าตั้งแต่ปี 53 ที่มีการขุดแต่งปฏิสังขรณ์ปราสาท พบวัตถุโบราณจำนวนมาก แล้วมีการนำออกไปจากตัวปราสาท จนมีคนในตำบลล้มตายติดต่อกันหลายศพอย่างผิดปกติ รวมทั้งมีอาถรรพ์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

    เกี่ยวกับความคืบหน้าในนี้ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายดุสิต ทุมมากรณ์ หน.อุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติพิมาย
    รักษาการแทน ผอ.การสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เปิดเผยว่า ปราสาทช่างปี่ มีการขุดพบเมื่อ เม.ย. 53 ที่ผ่านมา และวัตถุโบราณรวม 51 ชิ้น เจ้าหน้าที่ศิลปากรได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ จำนวน 25 ชิ้น ส่วนที่เหลืออีก 26 ชิ้น ชาวชุมชนบ้านช่างปี่ได้ขอนำไปเก็บไว้ที่วัดช่างปี่ จึงได้ทำข้อตกลงร่วมกันว่าชาวบ้านจะต้องช่วยกันดูแลรักษาไว้อย่างดี จัดเวรยามคอยรักษาความปลอดภัย ไม่ให้มีการลักขโมยหรือเก็บไปเป็นสมบัติส่วนตัว รักษาการ แทน ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา กล่าวอีกว่า ตามขั้นตอนและกฎหมายแล้ว วัตถุโบราณที่มีการขุดค้นพบจะต้องนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ที่สำคัญได้ทำสัญญาวงเงินประกันสำหรับการเก็บรักษาวัตถุโบราณทั้ง 26 ชิ้น ไว้เป็นเงิน 12.86 ล้านบาท ซึ่งกรมศิลปากรได้ประเมินราคาวัตถุโบราณทั้ง 26 ชิ้นเอาไว้แล้ว ถ้าหากเกิดการสูญหาย ชาวชุมชนหรือวัดหรือ อบต.ช่างปี่ จะต้องชดใช้เงินคืนแก่กรมศิลปากรตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งกรณีอย่างนี้เคยเกิดขึ้นที่ จ.ร้อยเอ็ดมาแล้ว
    นาย ดุสิต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านมาโดยตลอดว่า วัตถุโบราณที่ขุดพบในปราสาทเป็นสมบัติของชาติ ไม่ใช่สมบัติของชุมชน ตามระเบียบกฎหมายต้องเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่ชาวบ้านก็ไม่ยอม เจ้าหน้าที่ก็อะลุ้มอล่วยให้ และไม่เคยมีปัญหาใด ๆ กระทั่งเกิดกรณีที่ชาวบ้านร่ำลือกันถึงการเจ็บป่วยและล้มตาย ชาวบ้านจึงนำไปโยงกับการเก็บรักษาวัตถุโบราณของกรมศิลปากร ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล ทางกรมศิลปากรยืนยันที่จะเดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน และพยายามนำวัตถุโบราณ 26 ชิ้นที่มาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ให้ได้ เพราะถ้าหากเจ้าที่เจ้าทางมีจริง ก็ต้องอนุโมทนาให้เจ้าหน้าที่นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ แม้จะเคยคุยกันมาแล้วหลายรอบก็ตาม แต่เราก็ยืนยันว่าต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย เพราะถ้าหากไม่ทำ ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วน ที่ ปราสาทช่างปี่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการขุดหาร่องรอยที่ประกอบในส่วนโคปุระอย่างต่อเนื่อง โดยมีชาวบ้านจากต่างถิ่นทราบข่าวเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเซียนพระจำนวนมากเดินทางเข้ามาสอบถามและขอดูวัตถุโบราณที่ขุดได้ ก่อนจะพากันไปชมวัตถุโบราณที่เก็บรักษาไว้ที่วัดอย่างคึกคักด้วย
    สำหรับ ปราสาทช่างปี่ จัดเป็นอโรคยาศาล ในจำนวน 102 แห่งที่พระชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งเมืองกัมพุช ยุคขอมโบราณ ทรงสร้างไว้ตามรายทางที่เสด็จไปตามหัวเมืองต่างๆ สร้างด้วยหินศิลาแลง และชั้นประตูหิต มีโคปุระ บรรณาลัย และกำแพง ปราสาทพร้อมบาราย 3 แห่ง บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ เพื่อเป็นการรักษาพยาบาลประชากรของพระองค์ ปัจจุบันได้รับการขุดแต่งเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์จากกรมศิลปากร คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือน เม.ย.56 ตรงกับพิธีเซ่นสรวงบูชาและการแสดงแสงสีเสียงตำนานปราสาทช่างปี่ในห้วงเดือน เม.ย.ของทุกปี ขณะที่ยังมีเหตุอาถรรพ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  11. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ผวา!อาถรรพ์ภูตองครักษ์ปราสาท 3000 ปี เอาชีวิตคนหมดตำบล

    วันพุธที่ 15 สิงหาคม 2555 เวลา 15:05 น.
    [​IMG]
    [​IMG]


    เมื่อเวลา 09.39 น. วันนี้ ( 15 ส.ค.) ที่บริเวณปราสาทช่างปี หมู่ 1ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ชาวบ้าน ต.ช่างปี นำโดยนายชัยณรงค์ ทองหล่อ ผู้ใหญ่บ้านหมู่1 ร่วมกันนิมนต์พระสงฆ์9 รูป ทำพิธีสวดอัญเชิญเทพเจ้าเพื่อขอขมาต่อเทพผู้รักษาปราสาทหินช่างปี่ เพื่อมิให้ออกมาทำร้ายชาวบ้านอีก เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าชาวบ้านหลายหมู่บ้าน ในต.ช่างปี่ต่างหวาดผวา ข่าวลือเกี่ยวกับ ภูติองครักษ์ประจำปราสาทช่างปี่ ตามทวงเอาชีวิตคน เพื่อเซ่นสังเวยองค์ปราสาทโทษฐานที่มีคนนำวัตถุโบราณที่ขุดได้จากตัวปราสาท ไปเป็นสมบัติส่วนตัว ทำให้มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ทั้งพระภิกษุและฆราวาส เชื่อว่าเหตุอาถรรพ์ที่เกิด มาครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ได้นำเอาหินศิลาแลงที่ตกหล่นรอบปราสาทไปแสดงให้เด็กนักเรียนชมจนเกิดเหตุ เพลิงไหม้โรงเรียนเสียหายทั้งหลังจากนั้นจึงมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
    พระ สมุห์ศรณรินทร์ ธัมมเมธี เจ้าอาวาสวัดช่างปี่ กล่าวว่าเป็นความเชื่อของชาวบ้านที่เห็นว่ามีเหตุมีผลมาหักล้างกันน่าเชื่อ ถือได้เพราะก่อนนั้นที่นี่ก็สงบสุขมาตลอดไม่เคยมีเหตุเภทภัยอันตราย ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นตามที่ชาวบ้านเชื่อหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่ความเชื่อของชาวบ้าน สำหรับตนนั้นนับแต่มีการขุดแต่งปราสาทมาก็พบเหตุประหลาดใจหลายครั้ง เช่นเห็นแสงไฟสีฟ้าคล้ายไฟธูปส่องประกายสว่างไสวเต็มอยู่ทั่วปราสาท ก่อนจะมีการขุดพบขุดพบวัตถุโบราณในตัวปราสาท เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ชาวบ้านจึงลงความเห็นว่าจะนำสิ่งของมีค่าเหล่า นั้นไปเก็บรักษษไว้ที่เดิม จึงอยากฝากถึงบุคคลใดๆที่เคยนำ โบราณวัตถุจากปราสาทแห่งนี้ไปนำกลับมาส่งให้คืนแก่วัดด้วย ส่วนที่กรมศิลปากรนำไปเก็บไว้ ขณะนี้ทางชาวบ้านได้ยื่นถวายฎีกาต่อองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือ และทางสำนักพระราชวังได้ตอบหนังสือกลับมาแล้ว
    สำหรับ ปราสาทช่างปี่ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จัดเป็นอโรคยาศาล ในจำนวน 102 แห่งที่พระชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งเมืองกัมพุช ยุคขอมโบราณ ทรงสร้างใว้ตามรายทางที่เสด็จไปตามหัวเมืองต่างๆ สร้างด้วยหินศิลาแลง และชั้นประตูหินทราย มีโคปุระ บรรณาลัย และกำแพง ปราสาท พร้อมบาราย 3 แห่ง อยู่ในพื้นที่ประมาณ 20ไร่เศษ ปัจจุบันได้รับการขุดแต่งเพื่อบูรณะปฎิสังขรณ์จากกรมศิลปากร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน เมษายน 56 ซึ่งจะมีพิธีเซ่นสรวงบูชาและการแสดงแสงสีเสียงตำนานปราสาทช่างปีในห้วงเดือน เมษายน ของทุกปีด้วย และยังมีเหตุอาถรรพ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย.-(จขกท.ขอออกความเห็น)
    --สำหรับตำบลเล็กๆ ที่เคยอยู่อย่างสุขสงบมาช้านาน เกิดการตายของ อบต. เลขาอบต. พระภิษุมรณภาพ 2 รูปในเจ็ดวัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ แพทย์บอกว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค แต่ไม่สาม่รถบอกถึงสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลก

    --- ส่วนเรื่องการเก็บโบราณวัตถุ ขนาดที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ยังมีข่าวว่าส่งไปขายเมืองนอก ในขณะที่เก็บเอาไว้แต่ของปลอม ซึ่งจุดนี้น่าจะมีการพิสูจน์และแถลงข่าวออกมาให้ชัดเจน สำหรับภูตโบราณ(ไม่ทันสมัย)ที่ออกมาทำร้ายคน ควรจัดหน่วย(กล้าตาย)ออกไปทำการชี้แจงให้พวกนั้นทราบโดยด่วน คนนอกจะว่าชาวบ้านงมงาย แต่ถ้าบ้านเราอยู่ตรงนั้นก็คงพูดไม่ออกครับ แหะๆ
     
  12. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ------------------------------------------
    “ปราสาทเมืองสิงห์” แบบขอม โผล่ที่เมืองกาญจน์ได้ยังไง?
    (ใครไปขุดเจอ หรือโผล่จากดินมาเอง)

    วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 17:00 น.
    [​IMG]
    สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้จัก "ปราสาทเมืองสิงห์" มา ก่อน ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม คงชวนให้เข้าใจว่า โบราณสถานดังกล่าว อาจตั้งอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี แต่แท้จริงแล้ว ปราสาทเมืองสิงห์ บ้างเรียกสั้นๆ ว่า "เมืองสิงห์" หรือชื่อเรียกเป็นทางการ คือ "อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์" นั้น อยู่ในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
    ด้วย ทำเลที่ตั้งเมืองสิงห์ อยู่บนพื้นที่ราบริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย และมีเทือกเขาล้อมรอบ ทำให้พื้นที่ลาดเทลงมาทางลำน้ำแควน้อย จึงเป็นผลดีให้ดินบริเวณนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก และเหมาะต่อการทำเกษตรกรรม
    ขณะที่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ทำให้นักโบราณคดีพบว่า ตัวเมืองสิงห์เป็นเมืองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีพื้นที่ราว 1 ตารางกิโลเมตร มีคูเมือง คันดิน และกำแพงเมืองศิลาแลงล้อมรอบ ที่ตำแหน่งกลางเมืองมีโบราณสถานทรงปราสาทสร้างขึ้นตามลักษณะศิลปะขอมแบบบายน
    นอก จากนี้ นักโบราณคดียังขุดค้นพบหลุมฝังศพมนุษย์และเครื่องมือเครื่องใช้ ฝังร่วมกับศพ จากบริเวณริมแม่น้ำแควน้อย นอกกำแพงเมืองสิงห์ด้านทิศใต้ โดยลักษณะที่พบคล้ายคลึงกับหลุมฝังศพที่บ้านดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งถูกกำหนดอายุอยู่ในตอนปลายยุคโลหะ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุราว 2,000 ปี สมัยต่อมาจึงเป็นช่วงที่มีการสร้างเมืองสิงห์ ดังหลักฐานปรากฏจำนวนมาก
    จาก ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ทำให้เมืองสิงห์มีพัฒนาการทางวัฒนธรรมมา เป็นเวลานานตามที่มีปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะโบราณวัตถุ สามารถกำหนดอายุได้ว่า เมืองสิงห์และตัวปราสาท น่าจะสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือตรงกับรัชสมัยของ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของกัมพูชา ตามปรากฏหลักศิลาจารึกหลักหนึ่ง
    ศิลา จารึก ที่บ่งบอกเรื่องราวเมืองสิงห์ ถูกพบที่ปราสาทพระขรรค์ ทำขึ้นโดยเจ้าชายวีรกุมารพระราชโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีข้อความสรรเสริญความกล้าหาญ และการบุญกุศลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
    ทั้ง นี้มีตอนหนึ่ง กล่าวถึงชื่อเมืองต่างๆ 6 เมือง ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเมืองในภาคกลางของไทย ได้แก่ ลโวทยะปุระ สุวรรณปุระ ศัมพูกะปัฏฏนะ ชัยราชบุรี ศรีชัยสิงห์บุรี และศรีชัยวัชรบุรี ซึ่งเข้าใจกันว่า เมืองศรีชัยสิงห์บุรี ก็คือ เมืองสิงห์ ที่ตั้งของปราสาทเมืองสิงห์ ในจังหวัดกาญจนบุรีนั่นเอง
    ยังมีอีกแนวความคิดเกี่ยวกับที่มาของเมืองสิงห์ ที่เชื่อว่า น่า จะเป็นการก่อสร้างเลียนแบบปราสาทขอม สมัยหลังรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และไม่น่าจะเกี่ยวข้องอันใดกับชื่อเมืองศรีชัยสิงห์บุรี หรือศรีชัยสิงห์บุรี ในจารึก เนื่องจากเห็นว่า ลักษณะทางสถาปัตยกรรมขาดความสมดุล และความลงตัว อีกทั้งเกิดความคลาดเคลื่อนในการวางตำแหน่งอาคาร ตลอดจนจารึกที่ฐานหินทรายรองรับประติมากรรมเป็นตัวอักษรและภาษาขอมสมัยหลัง เมืองพระนคร หรือหลังจากรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 รวม ทั้งชื่อเมืองสิงห์ ไม่เคยปรากฏในหลักฐานประวัติศาสตร์ใด ก่อนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    อย่างไรก็ตาม เรื่อง ราวของเมืองสิงห์ยังปรากฏเป็นตำนานจากคำบอก เล่าของชาวพื้นเมืองว่า ท้าวอู่ทอง หนีภัยจากท้าวเวชสุวรรณโณ แล้วไปสร้างเมืองหลบซ่อนตามที่ต่างๆ โดยชื่อเมืองจะอธิบายโบราณสถานแห่งนั้นตามแนวคิดของตนกับสิ่งที่พบเห็น เช่น การตั้งชื่อเมืองว่า กลอนโด่ เพราะสภาพโบราณสถานเหลือเพียงซาก เนื่องจากผู้เล่าเห็นว่า เป็นกลอนประตูทิ้งอยู่ ดังนั้น เมืองครุฑและเมืองสิงห์ก็น่าจะเป็นประสบการณ์ของผู้เล่าที่พบรูปครุฑ และรูปสิงห์ถูกทิ้งร้างอยู่ที่โบราณสถานแห่งนั้น
    แม้ ที่มาของเมืองสิงห์จะมีถึง 3 แนวคิด แต่การทำงานของนักโบราณคดี สามารถสรุปลักษณะของเมืองสิงห์ได้ว่า มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเนื้อที่ 641 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง ขนาดกว้าง 88 เมตร ส่วนแนวด้านเหนือถึงใต้ ยาวจรดแม่น้ำ 1,400 เมตร ตัวกำแพงสูง 7 เมตร มีประตูทางเข้า-ออก 4 ด้าน
    กำแพง ด้านในถมดินลาด ด้านทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทิศตะวันตกมีคูน้ำคันดิน ล้อมรอบอีก 7 ชั้น ส่วนทางทิศใต้ กำแพงเมืองคดโค้งไปตามลำน้ำแควน้อย โดยใช้ลำแม่น้ำเป็นคูเมือง ภายในตัวเมืองมีสระน้ำ 6 สระ และสิ่งก่อสร้างเนื่องในศาสนาอีก 4 แห่ง
    ผู้ ที่สนใจชมร่องรอยประวัติศาสตร์ของเมืองสิงห์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สอบถามเพิ่มเติมโดยตรงได้กับอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ 034-528456-7.
    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม 2555 เวลา 00:00 น.
    [​IMG]



    อีกหนึ่งที่สุดในไทยที่ใครเห็นเป็นต้องทึ่ง “ปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย”

    โบราณสถานหรือโบราณวัตถุถูกพบกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย วันนี้
    เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาไปรู้จักกับโบราณสถานที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จัก กันเป็นอย่างดี แต่บางคนอาจยังไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งที่สุดของไทย ปราสาทหินพิมาย จ.นครราชสีมา ปราสาทหินพิมาย ตั้งอยู่ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เป็น ศาสนาสถานทางพุทธศาสนานิกายมหายาน สร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งเป็นศิลปะแบบปาปวนเช่นเดียวกับปราสาทหินพนมวัน และปราสาทหินพนมรุ้ง แต่ยังมีจุดที่แตกต่างคือปราสาทหินพิมายจะหันหน้าไปยังทิศใต้ ภายในพื้นที่ปราสาทมีสถาปัตยกรรมอันงดงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สะพานนาคราช ที่มีประติมากรรมรูปสิงห์ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ห้องโถงกว้างที่ไม่มีหลังคา ซึ่งในบริเวณนี้มีภาษาเขมรที่จารึกอยู่บริเวณกำแพงประตูนอก จากนี้ยังมี อีกหลายส่วนที่น่าสนใจ อาทิ กำแพงแก้ว ที่พอเมื่อเดินผ่านกำแพงแก้วมาก็จะถึง ชานชาลา ซึ่งเป็นทางเดินที่ก่อสร้างด้วยหินทรายเป็นเส้นทางนำไปสู่ ระเบียงคด ซึ่งมีซุ้มประตูอยู่ตรงกลางสวยงามสะดุดตา จากนั้นก็เข้ามาที่ ปราสาทประธาน หอพราหมณ์ ปรางค์หินแดง และปรางค์พรหมทัต รวมถึงอีกหลายจุดที่น่าสนใจ ใครที่เคยเดินทางมายังปราสาทหินพิมายคงรับรู้ได้ถึงความใหญ่โตมโหฬารและทึ่ง ในภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อน ที่สามารถสร้างปราสาทหินที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ และจากพื้นที่และตัวโบราณสถานที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ ทำให้ปราสาทหินพิมายถูกยกให้เป็น ปราสาทขอมและปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  14. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ฮือฮา!ชัตเตอร์ติดวิญญาณโผล่ปราสาทโดนตวล

    วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2555 เวลา 15:37 น.
    [​IMG]
    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ชาวศรีสะเกษฮือฮาภาพถ่ายวิญญาณ สามเณรนักศึกษา มจร. ถ่ายภาพติดดวงไฟประหลาด ที่ปราสาทขอมโดนตวล ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่รู้สาเหตุ รอผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

    วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการร่ำลือทั่วจ.ศรีสะเกษ และใกล้เคียง ว่ามีผู้บันทึกภาพดวงไฟประหลาด ที่ปรากฏภายในองค์ปราสาทขอมโดนตวล ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ห่างจากหน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเพียง 300 เมตร อยู่ในเขตพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

    จึง ไปตรวจสอบ ที่วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย พบสามเณรพัลลภ นาคนวล อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ยอมรับว่าเป็นผู้บันทึกภาพดังกล่าวจริง พร้อมนำกล้องดิจิตอลยี่ห้อโกดัก อีซีแชร์ เอ็ม 23 มาให้ดู พบการบันทึกภาพ บรรยากาศภายในปราสาทโดนตวล ที่ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล นับร้อยภาพ แต่มีเพียงภาพเดียวเท่านั้น ที่บันทึกภาพองค์พระศิวะภายในตัวปราสาท ซึ่งติดภาพดวงไฟประหลาด มีลักษณะดวงกลม เปล่งแสงสีน้ำเงิน ปรากฏอยู่บนหินศิลาแลงข้างหลังองค์พระ สร้างความประหลาดใจ ขนลุกซู่ให้กับผู้พบเห็น เพราะบรรยากาศบริเวณปราสาท ค่อนข้างเงียบและวังเวง เนื่องจากเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ชายแดน ห่างจากปราสาทพระวิหารเพียง 1 กม. ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย
    พระมหาชัชวาลย์ โอภาโส เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ กล่าวว่า ได้นำพระและสามเณร ไปทัศนศึกษาตามเส้นทางอารยะธรรมขอมโบราณ โดยมีสามเณรพัลลภ ทำหน้าที่เป็นช่างภาพ เมื่อกดดูภาพที่บันทึกไว้ ก็ต้องตกใจเมื่อมีดวงไฟประหลาด โผล่ในภาพที่บันทึกในตัวปราสาท จะว่าเลนส์สกปรกก็ไม่ใช่ เพราะภาพอื่นอีกนับร้อยภาพ ถ่ายไม่ติดดวงไฟประหลาดเลย กระทั่งเกิดกระแสข่าวร่ำลือปากต่อปาก จึงมีผู้เดินทางมาติดต่อขอดูภาพจำนวนมาก
    อย่าง ไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่า ดวงไฟประหลาดที่ปรากฏในภาพนั้น เกิดจากอะไรกันแน่ ต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญนำไฟล์ต้นฉบับ ไปตรวจสอบทางเทคนิคอย่างละเอียด จึงจะระบุได้ชัดเจน ว่าเกิดจากความผิดพลาดของกล้อง หรือเกิดจากสาเหตุใดแน่ชัด ซึ่งชาวบ้านหลายคนที่เห็นภาพ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ ให้ความเห็นแตกต่างกันไปต่างๆ นานา หลายคนเชื่อว่าเป็นดวงวิญญาณ และได้กรวดน้ำแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เพื่อความสบายใจ หรือต่างก็นำไปตีเป็นเลขเด็ดตามความเชื่อของแต่ละคน
    สำหรับ ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทขอมโบราณขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง บนเทือกเขาพนมดงรัก ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วยปรางค์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม ก่อด้วยอิฐ ซุ้มประตูก่อด้วยศิลา และมีรูปสิงโตจำหลักอยู่หน้าปราสาท สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 ได้ถูกทหารไทยสั่งปิดห้ามเข้า เมื่อครั้งปะทะกับกัมพูชา เพราะทหารกัมพูชาพยายามโจมตี เพื่อที่จะยึดปราสาทโดนตวล ซึ่งอยู่ในเขตแดนไทยเป็นฐานที่มั่น แต่ทหารไทยป้องกันไว้ได้.

    (ความเห็นจาก จขกท.) ดวงแสง ที่เรียกว่า "เอิ๊ร์บ" อาจเกิดจากการหักเหแสงของฝุานละออง และหยดน้ำหน้าเลนส์
    ถ้าจากการถ่ายหลายๆรูป และสิ่งแวดล้ม อาจจะเกิกจาก ดวงวิญญาณ ซึ่งอุปกรณ์ซีซีดีที่จับภาพนั้น ไวต่อพลังงานชนิดอื่นรวมทั้งแสง กลองดิจิตอลรับภาพวิญญาณได้ดีกว่าแบบใช้ฟิล์ม ส่วนผู้เก่งทางสมาธิกลับกล่าวว่า "เป็นทรงกลมของกล้องถ่ายภาพระยะไกลของชาวต่างดาว"ครับ
    [​IMG] ฝรั่งแผ่เมตตาให้กับวิญญาณจากป่า
    -----ดวงแสงเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับ ผี วิญญาณ และพลังหรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
    http://orbs.net/orbs-in-pictures/orb_picture

    [​IMG]ดวงแสงวิญญาณที่แสดงชัด คือ มีรายละเอียดภายใน ที่เรียกว่าเป็นอวัยวะของวิญญาณ

    --สถานที่ถ่ายติดดวงวิญญาณเทพ มากที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน--- ก็ที่ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ถ้าอธิษฐาน หรือพูด ขอให้ติดภาพบ้าง-- พอถ่ายใหม่ ก็จะติดภาพดวงแสงวิญญาณในทันที ไม่เลือกเวลากลางวัน กลางคืน แสงมากหรือน้อยหรือฝนตก บางทีสว่างเท่าแสงอาทิตย์แต่เป็นสีม่วง

    ---สำหรับกระทู้นี้เป็นแบบเฉพาะกิจครับ ---จะไม่มีต่อเนื่อง ถ้าสนใจ ก็ตามที่กระทู้ชาวต่างดาวของผู้เขียนครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  15. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    นักท่องเที่ยวนับแสนแห่ชมปราสาทหินพนมรุ้ง

    วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555 เวลา 19:38 น.
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    วันหยุดเข้าพรรษานักท่องเที่ยวแห่ชมปราสาทหินพนมเป็นเรือนแสน เงินสะพัดร้านอาหาร-ขายของที่ระลึกหน้าบาน

    วันนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินับหมื่นคนต่างหลั่งไหล ขึ้นไปเที่ยวชมความงดงามของปราสาทพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.บุรีรัมย์ ช่วงเทศกาลหยุดยาววันเข้าพรรษา พุ่งขึ้นจากช่วงปกติที่มีผู้มาเที่ยวชมเพียง วันละ 2 – 3พันคนเท่านั้น ส่งผลให้ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านอาหารบริเวณเขาพนมรุ้งหน้าบานขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คาดว่าช่วงหยุดยาว 4 วัน จะมีเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้งหลายล้านบาท
    นางชุติมา จันทน์เทศ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น สถานการณ์บ้านเมืองเป็นปกติ คาดว่าตลอดช่วงวันหยุดเข้าพรรษา 4 วัน จะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้งกว่าแสนคน อยากเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้ง ร่วมกันอนุรักษ์สถานที่ ไม่ขีดข่วน หรือกระทำการใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถาน และร่วมกันรักษาความสะอาด ทิ้งขยะให้ถูกที่ เพื่อรักษาภูมิทัศน์ของปราสาทพนมรุ้งด้วย.
     
  16. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
  17. hmu111

    hmu111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +391
  18. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +1,919
    งงครับ 4 มิติอะไรยังไงหรอครับ แล้วที่มีตัวเลขอยู่แต่ละจุดคืออะไรอะ?
     
  19. ศักยิ์กมล

    ศักยิ์กมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    826
    ค่าพลัง:
    +1,316
    งง ! เช่นกันครับ ขอคำอธิบาย เพื่อนำมาเป็นความรู้หน่อยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  20. ความสงบ

    ความสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,011

    ภาพแรกที่มีภาพดวงธรรมเหนือดวงธรรมขึ้นไปมีดวงตาจ้องมองอยู่1ข้างลองสังเกตุดูแต่คงไม่แปลกเพราะถ้าสังเกตบนฟ้าดีๆท่านจะเห็นดวงตาหลายดวงมองลงมาดูว่ามนุษย์กำลังทำอะไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...