พุทธพยากรณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยพระพุทธศาสดาองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สัพเพ ธัมมา อะนัตตา, 25 พฤษภาคม 2009.

  1. สัพเพ ธัมมา อะนัตตา

    สัพเพ ธัมมา อะนัตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +104
    พุทธพยากรณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยพระพุทธศาสดาองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้
    เรื่อง : ธรรศธรรม พัทธ์ไพสิฐ

    [​IMG]

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศไทย จึงเป็นศาสนาที่คนไทยนับถือมากที่สุด แต่ในทางกลับกันคนไทยน้อยคนนักที่จะศึกษาถึงเรื่องราวในศาสนาพุทธอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้แห่งพุทธศาสน์รวมถึงเรื่องราวจากพุทธพยากรณ์
    ชาวพุทธหลายคนคงไม่อาจปฏิเสธถึงความมหัศจรรย์แห่งพุทธพจน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสนั้นไม่มีข้อใดที่ไม่เป็นจริง จนหลายคนถึงกับสงสัยว่า สิ่งที่อุบัติขึ้นเป็นเพราะคำตรัส หรือคำตรัสนั้นเป็นการตรัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
    เรื่องราวของพระโพธิสัตว์นั้นก็เป็นอีกเรื่องที่องค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ หรือพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าของเรากล่าวไว้อยู่มากทั้ง อดีต และอนาคต คือองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย
    ในอดีตนั้นได้มีการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าเป็นอเนกอนันต์ ประมาณมิได้มาแล้วพระพุทธเจ้าของเรา (องค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ) ได้ใช้เวลาบำเพ็ญปรมัตถบารมีคือการบำเพ็ญบารมีด้วยวาจาและกาย สี่อสงไขยแสนมหากัป ซึ่งระหว่างนี้ได้พบกับพระพุทธเจ้า 27 พระองค์ (แต่ได้รับการพยากรณ์เพียง 24 พระองค์) ดังนี้
    สารมัณฑกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 4พระองค์
    1.องค์สมเด็จพระพุทธตัณหังกร
    2.องค์สมเด็จพระพุทธเมธังกร
    3.องค์สมเด็จพระพุทธสรณังกร
    4.องค์สมเด็จพระพุทธทีปังกร (พระพุทธเจ้าของเราได้รับการพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า)
    สารกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 1พระองค์
    5.องค์สมเด็จพระพุทธพระโกณฑัญญะ
    สารมัณฑกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 4พระองค์
    6.องค์สมเด็จพระพุทธพระสุมังคละ
    7.องค์สมเด็จพระพุทธสุมนะ
    8.องค์สมเด็จพระพุทธเรวตะ
    9.องค์สมเด็จพระพุทธโสภิตะ
    วรกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 3พระองค์
    10.องค์สมเด็จพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
    11.องค์สมเด็จพระพุทธปทุมะ
    12.องค์สมเด็จพระพุทธนารทะ
    สารกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 1พระองค์
    13.องค์สมเด็จพระพุทธปทุมุตระ
    มัณฑกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 2พระองค์
    14.องค์สมเด็จพระพุทธสุเมธะ
    15.องค์สมเด็จพระพุทธสุชาตะ
    วรกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 3พระองค์
    16.องค์สมเด็จพระพุทธปิยทัสสี
    17.องค์สมเด็จพระพุทธอัตถทัสสี
    18.องค์สมเด็จพระพุทธธรรมทัสสี
    สารกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 1พระองค์
    19.องค์สมเด็จพระพุทธสิทธัตถะ
    มัณฑกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 2พระองค์
    20.องค์สมเด็จพระพุทธติสสะ
    21.องค์สมเด็จพระพุทธปุสสะ
    สารกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 1พระองค์
    22.องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสี
    มัณฑกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 2พระองค์
    23.องค์สมเด็จพระพุทธสิขี
    24.องค์สมเด็จพระพุทธเวสสภู
    ภัทรกัป เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ 5พระองค์ อันถือว่ามีการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้ามากที่สุดของกัป ซึ่งจะมีมากกว่านี้ไม่ได้
    25.องค์สมเด็จพระพุทธกุกกุสันธะ
    26.องค์สมเด็จพระพุทธโกนาคมนะ
    27.องค์สมเด็จพระพุทธกัสสปะ
    28.องค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
    และ
    29.องค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป)
    ระหว่างกัปนี้จะมีสุญญกัป(กัปที่ไม่มีการอุบัติของพระพุทธเจ้า)คอยคั่นอยู่เป็นระยะ
    [​IMG]

    หลายคนคงทราบว่า อายุของพระพุทธศาสนามี 5,000 ปี นับแต่พระพุทธเจ้าปรินิพานหลังจาก 5,000ปีไปแล้วพุทธศาสนาจะสิ้นสุด หลายคนเข้าใจว่าเมื่อสิ้นสุดยุคขององค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ จะเข้าสู่ยุคขององค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยทันที อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด ดังเช่นยุคขององค์สมเด็จพระพุทธกัสสปะ ไม่เชื่อมต่อกับยุคขององค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ ทันทีฉันใด ยุคขององค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ ก็ไม่เชื่อมต่อกับยุคขององค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย ทันทีฉันนั้น
    ในช่วงที่พระพุทธเจ้าของเรายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น ตอนนั้นมนุษย์มีอายุขัยประมาณ100 ปี พระพุทธเจ้าได้เคยดำรัสว่า ทุกๆ100ปี อายุขัยของมนุษย์ จะลดลง 1 ปี ซึ่งขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมากว่า 2,500ปี อายุขัยของมนุษย์ก็อยู่ที่ประมาณ 75 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงขาลงของอายุมนุษย์
    พระพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ว่า เมื่อมนุษย์อายุไขลดลงจนเหลือเพียง 10 ปี อันเป็นยุคตกต่ำที่สุดของมนุษย์ เมื่อนั้นธรรมทั้งหลายจะปรากฏมนุษย์จะมีศีลธรรม อายุของมนุษย์ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีอายุเป็นอสงไขยปี(มีเลข1นำและตามด้วยเลข0 อีก140 ตัว) และเมื่อศีลธรรมเริ่มหมดไปมนุษย์ที่มีความประมาทในไตรลักษณ์ จนอายุถอยลงมาเหลือ 80,000 ปี เมื่อนั้นพระศรีอาริยเมตไตรยจึงอุบัติยังประโยชน์แก่สรรพสัตว์
    ที่กล่าวมานั้น ผิดกับความเข้าใจของหลายคนที่เข้าใจว่าพระศรีอาริยเมตไตรยจะอุบัติขึ้นทันทีเมื่อหมดยุคขององค์สมเด็จพระพุทธโคตมะ เพราะช่วงเวลาอย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลากว่าร้อยอสงไขยปี(เลข1นำ ตามด้วยเลข0อีก142 ตัว)กว่าพระศรีอาริยเมตไตรยจะอุบัติขึ้นเพื่อโปรดสัตว์ อย่างไรก็ตาม ชาวพุทธหลายคนปรารถนาที่จะบรรลุธรรมในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้าซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมว่าแม้แต่พระเจ้าอชาติศัตรู ที่เกิดในยุคเดียวกับพระพุทธเจ้าสามารถเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้อย่างใกล้ชิดได้ทุกเมื่อ ยังพลาดโอกาสบรรลุธรรมเนื่องจากฆ่าบิดาของตัวเองตามคำยุยงของพระเทวทัต กรรมดังกล่าวได้กางกั้นไว้ทำให้ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินั้นได้ แล้วอะไรจะเป็นหลักประกันได้ว่าหากเราได้ไปเกิดในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย เราจะไม่ทำพลาดแบบพระเจ้าอชาติศัตรู
    อ้างอิงจาก
    หนังสือ พระโพธิสัตว์เป็นมาอย่างไร
    ผู้แต่ง ปัญญา ใช้บางยาง
    www.wiengkalong.cominternet-filepraseearnpraseearn01.php
    larnbuddhism.net
     
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ถ้าไปอ่านความเชื่อของมหายานแล้วก็จะยิ่งงงไปกว่านี้
    ถ้าเอาวิทยาศาสตร์มาจับ โลกเราอายุ14000ล้านปี สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกมีเมื่อ4000ล้านปี
    เจ้า4000ล้านปีนี่ สร้างพระพุทธเจ้าได้ 28 พระองค์หรือไม่ ลองคำนวนดู ซึ่งน่าจะได้แน่นอน
     
  3. สัพเพ ธัมมา อะนัตตา

    สัพเพ ธัมมา อะนัตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +104
    ก็นับดูก็งงๆอยู่นะครับ
    ที่นับดูได้ 12 กัป ครับ

    เรื่องของ กัป จากพระไตรปิฏกประมาณคำว่า 1 กัปได้ดังนี้
    สมมุติมีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 100 โยชน์ ยาว 100โยชน์ และ สูง 100 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป
    (บางตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์)
    วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร
    ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 1600X1600X1600 = 4,096,000,000 ลูกบาตกิโลเมตร
    ประมานว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร
    1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตร
    จะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,000 เมล็ด
    ดังนั้น 1600 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = 1600X2,000,000 = 3,200,000,000 เมล็ด
    ถ้าเป็นปริมาตร คือ กว้าง*ยาว*สูง ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ
    3,200,000,000X3,200,000,000X3,200,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000 เมล็ด
    ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ
    32,768,000,000,000,000,000,000,000,000X100 = 3,276,800,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี
    จึงได้เวลา 1 กัป ประมาณ สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้านล้าน ปี


    แต่โลกเราเพิ่งจะมีอายุแค่ 14000 ล้านปีเอง แต่ใครจะรู้จริงๆว่าโลกเราเกิดมานานแค่ไหนแล้วกันแน่

    เอาตัวเลขมา คูณ กับ 12 กัป ที่ผมนับได้ จะเป็นเทาไรนะ เยอะจัง
     
  4. Premsuda (May)

    Premsuda (May) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +646
    พี่ NARKA กำลังเข้าใจผิดอย่างมากค่ะ คิดเอาเองโดยไม่ศึกษาพระไตรปิฏก เดาไม่ปรึกษาใครเลยนะคะ

    โลกใบนี้ (เรียกว่า ภัทรกัปป์) จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 5 พระองค์เท่านั้น ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1- 24 ท่าน
    ตรัสรู้ในโลกก่อนๆหน้าโน้น ในหลายๆโลก ไม่ใช่โลกใบนี้ ไม่ได้หมายความว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องมาตรัสรู้ที่โลกนี้
    โลกมนุษย์มันมีการเกิดดับ มันไม่ได้อยู่ตลอดกาล โลกที่เราอยู่ปัจจุบัน มันก็มีการดับ (จะดับช่วงที่หมดศาสนาของพระศรีย์ ฯ ไปแล้ว)
    โดยการดับนั้นจะถูกไฟทำลาย และจักรวาลจะสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา เป็นวัฏจักรเช่นนี้


    โลกมนุษย์บางโลก ไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เลยด้วยซ้ำ เรียกยุคนั้นว่า ยุคสุญกัปป์



    หลักฐานบางส่วนใน "สุริยะสูตร"
    ลองเข้า Google แล้วพิมพ์ว่า สุริยะสูตร

    *ในระยะเวลาที่โลกเริ่มมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น (64 อันตรกัปป์สุดท้าย คือ ยุคปัจจุบันนี้เอง) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ยุคสมัย คือ
    1.ยุคสุญกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่ไม่มีพระพุทธเจ้า หรือ พระปัจจเจกพระพุทธเจ้า หรือ พระเจ้าจักพรรดิ์ มาเกิดในกัปป์นั้นเลย แม้แต่พระองค์เดียว
    2.ยุคอสุญกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่ไม่ว่างเปล่าจากมรรคผลนิพพาน แม้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกัปป์นั้น 1 พระองค์ สามารถแบ่งเป็น 5 ยุค ได้อีก คือ
    2.1 ยุคสาระกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่มีแก่นสาร คือ มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกัปป์นั้น 1 พระองค์
    2.2 ยุคมัณฑะกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่มีความผ่องใส คือ มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกัปป์นั้น 2 พระองค์
    2.3 ยุควรกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่ประเสริฐ คือ มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกัปป์นั้น 3 พระองค์
    2.4 ยุคสาระมัณฑะกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่ประเสริฐกว่า คือ มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกัปป์นั้น 4 พระองค์
    2.5 ยุคภัทรกัปป์ หมายถึง ในยุค หรือ ในมหากัปป์ที่เจริญที่สุด คือ มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในกัปป์นั้น 5 พระองค์ (ยุคปัจจุบัน มีพระกกุสัณธะ ,พระโกนาคมนะ ,พระกัสสะปะ ,พระโคโตมะ ,พระศรีอริยเม

    ตไตรย์ ลงมาตรัสสรู้)

    ------------------------------------------------------------------------------------------
    *ระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จะมีระยะเวลา 1มหากัปป์ ใน1 มหากัปป์ โลกจะถูกทำลายลง 1 ครั้ง
    สิ่งที่จะทำให้โลกจะถูกทำลายมี 3 อย่าง คือ 1.ถูกทำลายด้วยไฟ 2.ถูกทำลายด้วยน้ำ 3.ถูกทำลายด้วยลม (ลม หมายถึง ลมจักรวาล พัดพาทำให้ดาวชนกันจนพินาศ)
    และเมื่อโลกถูกทำลายครบ ๖๔ ครั้งนั้น (มีระยะเวลาเท่ากับ 64 มหากัปป์) จะแบ่งเป็น
    - โลกจะถูกทำลายด้วยไฟ ๕๖ ครั้ง
    - โลกจะถูกทำลายด้วยน้ำ ๗ ครั้ง
    - โลกจะถูกทำลายด้วยลม ๑ ครั้ง

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    *การที่โลกถูกทำลายด้วย ไฟ น้ำ ลม รวมทั้งสิ้น 64 ครั้ง (1 มหากัปป์ จะถูกทำลาย 1 ครั้ง ดังนั้น 64 ครั้ง เท่ากับระยะเวลา 64 มหากัปป์) ใน 64 ครั้ง จะแบ่งออกเป็น 8 รอบ ของการทำลาย คือ
    รอบที่1 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง (1 รอบ ถูกทำลาย 8 ครั้ง ระยะเวลาเท่ากับ 8 มหากัปป์ )
    รอบที่2 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง
    รอบที่3 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง
    รอบที่4 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง
    รอบที่5 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง
    รอบที่6 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง
    รอบที่7 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยน้ำ 1 ครั้ง
    รอบที่8 โลกถูกทำลายด้วยไฟ 7 ครั้ง => ครั้งที่8 โลกถูกทำลายด้วยลม 1 ครั้ง
    * หมายเหตุ 8 รอบๆละ 8 ครั้ง (8 x 8 = 64 ครั้ง) (ระยะเวลา 64 มหากัปป์) แบ่งเป็น
    - โลกจะถูกทำลายด้วยไฟ (เตโช สังวัฏฏะกัปป์) ๕๖ ครั้ง ถูกทำลายไปจนถึง พรหมณ์ ปฐมฌาณภูมิ (ระยะเวลา 56 มหากัปป์)
    - โลกจะถูกทำลายด้วยน้ำ (อาโป สังวัฏฏะกัปป์) ๗ ครั้ง ถูกทำลายไปจนถึง พรหมณ์ ทุติยะฌาณภูมิ (ระยะเวลา 7 มหากัปป์)
    - โลกจะถูกทำลายด้วยลม (วาโย สังวัฏฏะกัปป์) ๑ ครั้ง ถูกทำลายไปจนถึง พรหมณ์ ตติยฌาณภูมิ (ระยะเวลา 1 มหากัปป์)

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    *เมื่อสิ้นสุด ยุคภัทรกัปป์ (ยุคปัจจุบัน) คือ พระศรีอริยะเมตไตรย์ ปรินิพพาน ไปแล้ว ก็จะสิ้นสุด ยุคภัทรกัปป์นี้
    และโลกก็จะเข้าสู่
    - ยุคที่ 1 สังวัฏฏะอสงไขย์กัปป์ คือโลกใบนี้ก็จะถูกทำลายอีกครั้ง (ถูกทำลาย ด้วยไฟ ,หรือน้ำ ,หรือลม) ซึ่งยุคนี้จะใช้เวลา 64 อัตรกัปป์ และหมุนเวียนเข้าสู่
    - ยุคที่ 2 สังวัฏฏะถาญีอสงไขย์กัปป์ หมายถึง ช่วงที่โลกถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วแต่ยังระอุอยู่ ซึ่งยุคนี้จะใช้เวลา 64 อัตรกัปป์
    - ยุคที่ 3 วิวัฏฏะอสงไขย์กัปป์ หมายถึง ช่วงที่โลกเย็นตัวลง และกำลังจะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งยุคนี้จะใช้เวลา 64 อัตรกัปป์
    - ยุคที่ 4 วิวัฏฏะถาญีอสงไขย์กัปป์ หมายถึง ช่วงที่โลกเริ่มมีสิ่งมีชีวิตมาเกิด (ยุคอนาคตกาลภายหน้า) ซึ่งยุคนี้จะใช้เวลา 64 อัตรกัปป์
    หมายเหตุ วนไปเป็นวัฏจักรเช่นนี้

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2009
  5. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    แต่ก่อนนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโลกมีอายุน้อย แต่ยิ่งค้นคว้ามากขึ้นก็กำหนดอายุโลกและจักรวาลมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปถ้าค้นคว้ามากไปอีกก็จะพบข้อมูลว่าอายุโลกและจักรวาลมีมากกว่าที่เชื่อในปัจจุบันไปอีก
    แต่ก่อนตามทฤษฎีสมพันธภาพเชื่อว่าจักรวาลเกิดจากบิ๊กแบงก์ ต่อมาควอนตัมฟิสิกซ์ก็เสนอทฤษฎีฟองอวกาศซึ่งมีหลายเอกภพ จึงไม่สามารถกำหนดอายุจักรวาลได้
     
  6. atsnop

    atsnop สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    โลก และ จักวาลทั้งหลายมีการเกิด ดับมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนไม่ใช่แค่มีโลกนี้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว การกำเนิดโลก หลังจาการ เกิด บิ๊กแบง(Big Bang Theory) ณ ที่จุด Singularity แรงระเบิดทำให้มวลสารต่างๆเป็นกาแลกซีจำนวนมากมาย หลังจากที่หมดกำลังจากการระเบิดนี้แล้ว ภายในประมาณ 65000 - 75000 ล้านปี ก็จะถูกแรงดึงดูดนี้ดึงกลับเข้าไปรวมกันใหม่ ที่จุด Singularity โดยใช้เวลาอีกประมาณ 65000 - 75000 ล้านปี แล้วก็ จะเกิดการระเบิดขึ้นใหม่ เป็นเช่นนี้ตลอดกาลไม่รู้จบ โลกที่เราอยู่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรอกครับเป็นไปตาม กฏของไตรลักษณ์ อนิจจัง มันไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา วนเวียนอยู่เช่นนี้ไม่รู้จบ
    ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ใดจะมา อุบัติ ผมว่าไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเพราะท่านมาค้นพบแล้วก็สั่งสอน ธรรมทั้งหลายที่ท่านได้ค้นพบ และตอนนี้เราก็รู้หลักธรรมทั้งหลายที่จะช่วยให้เราพ้นทุกข์แล้วซึ่งธรรมเหล่านี้มันก็มีอยู่จริงอยู่แล้วถึงแม้ไม่มีผู้ค้นพบแต่มันก็มีอยู่ ถึงแม้จะมีพระพุทธเจ้าลงมาอุบัติ กี่พระองค์แต่มนุษย์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนก็ไร้ประโยชน์ หลักธรรมที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าค้นพบนั้นมีมากมาย แต่หลักธรรมที่ท่านนำมาสอนเท่านั้นที่จะช่วยให้เราพ้นทุกข์ สิ่งอื่นๆหาได้มีประโยชน์อันใดรู้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์เป็นปัญหาให้ถกเถียงกันเท่านั้น
    ***เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปสู่ป่าแล้ว ทรงหยิบใบไม้ขึ้นมาหยิบหนึ่งแล้วอุปมาว่า ใบไม้ในมือของเราตถาคตนี้กับใบไม้ในป่า อะไรจะมากกว่ากัน แล้วพระสงฆ์ทูลตอบว่า ใบไม้ในป่ามากกว่า พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ตรัสว่า ฉันใดธรรมที่เราตรัสรู้แล้วก็มากเหมือนใบไม้ในป่า เราเอาออกมาเทศนาให้พุทธบริษัทฟังนี้น้อยนิดเดียว เหมือนใบไม้ในมือของเราฉะนั้น***
    เราจะอยากรู้สิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร ยิ่งรู้มากรู้ทุกสิ่งยิ่ง ยิ่งทำให้เราเกิดข้อโต้แย้งในใจเหมือนน้ำที่เต็มแก้วเติมอะไรลงไปก็มีแต่จะล้นออก ฉันใด ก็ฉันนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...