พุทธพยากรณ์ และภัยพิบัติโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 8 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำพยากรณ์ที่ 78 - 79 : ฝ่ายตะวันออกรบแพ้ฝ่ายตะวันตก
    Le conducteur de l’armee Francoise,
    Cuidant perdre le principal phalange :
    Par sus pave de l’avoine et d’ardoise,
    Soi parfondra par Gennes gent etrange. (VII,39)

    Avant qu’a <city>
    Rome</place></city> grand aie rendu l’ame,</p> Affrayeur grande a l’armee etrangere :
    Par escadrons l’embuche pres de Parme,
    Puis les deux rouges ensemble feront chere. (V,22)


    คำแปล
    ผู้นำกองทัพฝรั่งเศส จะวางแผนพิชิตกองกำลังหลักของฝ่ายศัตรูที่ตั้งอยู่ใกล้ลานนาข้าวโอ๊ต ชาวต่างประเทศจะทำลายฐานของตนเองที่เมืองเจนัว
    ก่อนที่ผู้นำยิ่งใหญ่จะเสียชีวิตที่กรุงโรม จะเกิดภยันตรายร้ายแรงต่อกองทัพของต่างชาติ จะถูกซุ่มโจมตีโดยกองพันทหารม้าหลายกองพันใกล้ปาร์มา (ทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี) และผู้นำทางศาสนจักรสองคนจะร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดี


    ตีความและวิเคราะห์
    หลังจากประสพกับความพ่ายแพ้ในการรบพุ่งกับกองทัพของฝ่ายตะวันออกมาตลอด กองทัพของฝ่ายฝรั่งเศสจะรวมพลที่แตกพ่ายมาได้อีกครั้งหนึ่ง และมีแผนที่จะตีโต้ฝ่ายศัตรู ในขณะเดียวกัน กองทัพของฝ่ายตะวันออกจะดำเนินแผนยุทธการผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ต้องสูญเสียฐานปฏิบัติการที่ตนยึดไว้ได้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพของฝ่ายฝรั่งเศสจะอยู่ในฐานะได้เปรียบในการรบ ก่อนที่องค์สันตะปาปาซึ่งถูกจับกุมไว้ที่กรุงโรมจะสิ้นพระชนม์ กองทัพของฝ่ายตะวันออกซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณลุ่มแม่น้ำโป จะประสพกับความพ่ายแพ้แก่กองกำลังของฝรั่งเศส ในพื้นที่ปาร์มาทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี การพ่ายแพ้ในการรบของฝ่ายตะวันออกในครั้งนี้ จะเป็นที่ชื่นชมยินดีอย่างยิ่งของผู้นำฝ่ายศาสนจักรโรมันคาทอลิกสองคน เพราะต่างคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสงคราม


    คำพยากรณ์ที่ 80 - 81 : ฝ่ายตะวันออกตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และใช้อาวุธปรมาณูโจมตีเมืองฟลอเรนซ์
    La saintete trop feinte et seductive,
    Accompagne d’une langue diserte :
    La cite vieille, et Parme trop hative,

    <city>
    Florence</place></city> et Sienne rendront plus desertes. (VI,48)</p>
    Verceil, <city>
    Milan</place></city> donra intelligence,</p> Dedans Ticin sera faite la plaie :

    Courir par
    Seine</place> cau, sang, feu par <city>
    Florence</place></city>,</p> Unique choir d’haut en bas faisant maye. (VIII,7)


    คำแปล
    จะเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าพวกตนมั่นคง ปลอดภัย ทั้งนี้เนื่องมาจากคำปราศรัยของบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง แต่ในที่สุดเมืองนั้นจะพังทลาย และเมือง ปาร์มาจะปฏิบัติการก่อนกำหนดเกินไป พวกศัตรูจะเปลี่ยนเมืองฟลอเรนซ์และเมืองเซนา (ในภาคกลางของอิตาลี) ให้เป็นทะเลทราย
    จะมีข่าวจากเมืองเวอร์เซลลี และเมืองมิลาน (ในภาคเหนือของอิตาลี) ในเมืองปาเวียจะเกิดโรคระบาด เชื้อโรคนี้จะพบแม้แต่ในแม่น้ำเซน (กรุงปารีส) ในเมืองฟลอเรนซ์จะเต็มไปด้วยเลือดและเปลวเพลิง และผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งจะล้มลงและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ


    ตีความและวิเคราะห์
    กองทัพของฝ่ายฝรั่งเศสและอิตาลีจะเกิดความชะล่าใจ เมื่อเห็นว่าฝ่ายตนสามารถเอาชนะกองทัพของฝ่ายตะวันออกได้เป็นครั้งแรก ด้วยความชะล่าใจนี้เอง ทำให้ทำการโจมตีข้าศึกในเวลาที่ยังไม่ สมควรจะปฏิบัติการเช่นนั้น เป็นผลให้ตกเป็นเบี้ยล่างของฝ่ายตะวันออกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงตอนนี้ฝ่ายตะวันออกจะรุกหนักยิ่งขึ้นไปอีก โดยจะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีเมืองฟลอเรนซ์และเมืองเซียนา พร้อม ๆ กันนั้นก็ยังจะใช้อาวุธเชื้อโรคโจมตีเมืองปาเวียอีก ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพฝ่ายตะวันออกจะเตรียมแผนการบุกประเทศฝรั่งเศสต่อไป แต่ก่อนที่จะบุกก็จะส่งแนวที่ห้าของตนเข้าไปโปรยเชื้อโรคลงในแหล่งน้ำดื่มตามสถานที่ต่าง ๆ ในนครปารีสเสียก่อน
    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><script language="JavaScript" src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc.js"></script><script src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc1.js"></script><script src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc2.js"></script><script language="JavaScript" src="http://geocities.com/js_source/geov2.js"></script><script language="javascript"></script>[​IMG]
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ฝ่ายตะวันออกบุกทวีปอเมริกา


    คำพยากรณ์ที่ 180 : โจมตีสหรัฐอเมริกาด้วยอาวุธนิวเคลียร์
    L’aine vaillant de la fille du Roi,
    Repoussera si profond les Celtiques,
    Qu’il mettra foudres, combien en tel arroi,
    Peu et loin, puis profond es Hesperiques. (IV,99)


    คำแปล
    บุตรชายผู้กล้าหาญของธิดาผู้บัญชาการทัพ จะพิชิตกองทัพของฝรั่งเศสได้สำเร็จ นอกจากนั้นเขาจะโจมตีเข้าไปในเฮสพีเรียส์ (สหรัฐอเมริกา) โดยในระยะแรกจะใช้อาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากมายโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางการทหาร แต่ต่อมาจะใช้นิวเคลียร์จำนวนหนึ่งโจมตีอย่างสะเปะสะปะโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นเป้าหมายทางการทหารหรือไม่


    ตีความและวิเคราะห์
    เมื่อกองทัพอาหรับและจีนทำสงครามจนสามารถพิชิตทวีปยุโรปได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะมุ่งความสนใจไปที่ทวีปอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังที่จะยึดดินแดนของพญาอินทรี คือ สหรัฐอเมริกา ผู้บัญชาการทัพของฝ่ายตะวันออกที่ยกไปเพื่อยึดสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เป็นคนเดียวกันกับที่นำกองทัพพิชิตประเทศฝรั่งเศส นอสตราดามุสระบุว่า เขาเป็นหลานของผู้นำจีนคนสำคัญคนหนึ่ง ในระยะเริ่มแรกของสงคราม เขาจะออกคำสั่งให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐอเมริกา เฉพาะจุดที่เป็นเป้าหมายทางทหารและมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ต่อมาเขาจะออกคำสั่งให้ใช้นิวเคลียร์โจมตี ในพื้นที่ทั่วไป โดยไม่ได้พิจารณาแม้แต่น้อยว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์หรือไม่


    คำพยากรณ์ที่ 181 : ผลทำลายล้างของนิวเคลียร์ในสหรัฐ ฯ และรัสเซีย
    Les lieux peuples seront inhabitables :
    Pour champs avoir grande division :
    Regnes livres a prudents incapables :
    Lors les grand freres mort et dissension. (II,95)


    คำแปล
    สถานที่ซึ่งเคยมีมนุษย์อาศัยอยู่ จะกลับกลายเป็นดินแดนไร้มนุษย์ มหาชนจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาหารในเรือกสวนไร่นา เจ้าหน้าที่ผู้ไร้ความ สามารถจะปกครองดินแดนต่าง ๆ การจลาจลและความตายจะเกิดกับสองพี่น้องผู้ยิ่งใหญ่ (สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย)


    ตีความและวิเคราะห์
    จากคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสบทนี้แสดงว่า กองทัพของฝ่าย ตะวันออก จะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกัน ประเทศทั้งสองจะประสพกับความหายนะจากระเบิดนิวเคลียร์และกัมมันตภาพรังสี ประชาชนตามเมืองต่าง ๆ ในประเทศทั้งสองจะอพยพหนีภัยจากนิวเคลียร์ จะเกิดการขาดแคลนอาหารที่นำไปเลี้ยงดูประชาชน ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะพืชพันธุ์ธัญญาหารได้รับความเสียหายจากกัมมันตภาพรังสีของนิวเคลียร์ และอาวุธเชื้อโรค รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่สามารถแก้ไขวิกฤติการณ์และสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดครั้งนี้ได้ ประชาชนจะพากันล้มตายเหมือนใบไม้ร่วง


    คำพยากรณ์ที่ 181 เอ : ภาวะวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจในสหรัฐ ฯ
    Mis tresor temple, citadins Hesperiques,
    Dand iceluiretire en secret lieu :
    Le trmple ouvrir les liens fame liques,
    Rapris, ravis, proie horrible au millieu. (X,81)


    คำแปล
    สถานที่ลี้ลับที่ชาวเฮสพีเรียน (ชาวอเมริกัน) เก็บทรัพย์สมบัติไว้ จะถูกประชาชนผู้อดอยากหิวโหยขาดความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีพากันบุกเข้าไปเปิดนำออกมา และจะเกิดการจลาจลอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชน


    ตีความและวิเคราะห์
    หลังจากประเทศสหรัฐอเมริกาถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์แล้ว รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศ จะเกิดการก่อจลาจลตามเมืองต่าง ๆ ประชาชนประสพกับความอดอยากและเจ็บป่วย เพราะกัมมันตภาพรังสีของนิวเคลียร์และเชื้อโรคร้ายแรงจากอาวุธเชื้อโรคพวกเขาจะขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เมื่อหาเงินซื้ออาหารที่มีอยู่อย่างจำกัดไม่ได้ ก็จะก่อการจลาจลบุกปล้นธนาคาร ซึ่งขณะนั้นปิดกิจการเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่มีทางจัดการใด ๆ กับพวกก่อการจลาจลเหล่านี้ได้ ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น ประชาชนตามเมืองต่าง ๆ จะต่อสู้ประหัตประหารกันเพื่อแย่งชิงเงินที่ได้มาจากการบุกปล้นธนาคาร


    คำพยากรณ์ที่ 182 : เพลิงจากนิวเคลียร์เผาผลาญนครนิวยอร์ก
    Cinq et quarante degres ciel brulera,
    Feu approcher de la grande dite neuve :
    Instant grande flamme eparse sautera,

    Quand on voudra des <city>
    Normans</place></city> faire preuve. (VI,97)</p>

    คำแปล
    จะเกิดเพลิงโหมไหม้บนท้องฟ้าเหนือเส้นขนานที่ 45 เพลิงจะลุกลามไปจนถึงมหานคร (นครนิวยอร์ก) ในฉับพลันนั้นเอง เปลวไฟขนาดมหึมาจะลุกพวยพุ่งกระจายไปจนทั่ว ในขณะที่ชาวฝรั่งเศสกำลังรับศึกหนัก


    ตีความและวิเคราะห์
    ระบบนิวเคลียร์ที่จีนจะใช้โจมตีสหรัฐอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 3 เป็นชนิดที่เรียกเป็นชื่อย่อว่า คอนแฟลม (Cluster Orbital Nuclear Fire Weapon for Light Atmosphere lgnition) ซึ่งเป็นนิวเคลียร์ที่เมื่อระเบิดกลางอากาศแล้วจะเกิดพลังความร้อนสามารถทำลายสิ่งต่างๆ จะเกิดความเสียหายมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่ระเบิดเหนือพื้นดิน เนื่องจากรังสีความร้อนสามารถพุ่งไปได้ไกลกว่า เพราะปราศจากสิ่งกีดขวาง เช่น ตึกรามบ้านช่อง ภูเขาและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ตามคำพยากรณ์บทนี้ จุดศูนย์กลางแห่งการระเบิดจะอยู่เหนือนิวอิงแลนด์ (สหรัฐอเมริกา) เมื่อระเบิดแล้วจะเกิดเพลิงในบรรยากาศชั้นบน และพายุจะพัดลงใต้สุดจนถึงนครนิวยอร์ก จีนใช้นิวเคลียร์โจมตีสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ ในระหว่างที่ประเทศฝรั่งเศสกำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเองจากการบุกของฝ่ายตะวันออกในทวีปยุโรป
    นายคริสเวลล์ โหรในรัฐคาลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้เคยพยากรณ์ไว้เช่นเดียวกันว่า จะมีชาติ ๆหนึ่งใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงถล่มประเทศสหรัฐอเมริกา หัวรบนิวเคลียร์เหล่านี้จะถูกทำลายด้วยระบบต่อต้านนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาไปเป็นจำนวนมากมาย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่สามารถเล็ดลอดจากระบบป้องกันนิวเคลียร์ตกกระทบเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ นายคริสเวลล์ ระบุไว้ในคำพยากรณ์ด้วยว่า มลรัฐเวอร์มอนท์จะได้รับภัยพิบัติอย่างรุนแรงจากอาวุธนิวเคลียร์ที่โจมตีจากต่างชาติในครั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า เส้นขนานที่ 45 ซึ่งนอสตราดามุสพยากรณ์ว่า จะเป็นจุดศูนย์กลางของการระเบิดนั้น อยู่ในบริเวณเส้นพรมแดนระหว่างมลรัฐเวอร์มอนท์ ของสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา ถ้าหากระเบิดนิวเคลียร์ที่จีนยิงมาเกิดระเบิดพร้อม ๆ กัน ในบรรยากาศเหนือมลรัฐเวอร์มอนท์จริง ก็เป็นไปได้ว่า พายุเพลิงที่เกิดจากนิวเคลียร์จะเผาผลาญทำลายพื้นที่นิวอิงแลนด์
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำพยากรณ์ที่ 183-184 : นครนิวยอร์กเกิดแผ่นดินไหว
    Ennosigee feu du centre de terre,
    Fera tremler autour de cite neuve,
    Deux grands rochers longtemps feront la guerre,
    Puis Arethuse rongira nouveau fleuve. (I,85)
    Jardin du monde aupres de cite neuve,
    Dans le chemin des montagnes cavees,
    Sera saisi et plonge dans la Cuve,
    uvant par force eaux soufre envenimees.(X,49)


    คำแปล
    ภูเขาไฟที่จุดศูนย์กลางของโลกจะเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เกิดแผ่นดินไหวบริเวณรอบ ๆ นครใหม่ (นครนิวยอร์ค) หินใหญ่สองก้อนจะกระทบกันเป็นเวลานาน แม่น้ำทั้งหลายกลายเป็นสีแดงดั่งสีเลือด
    ส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้นครใหม่ และบริเวณต่าง ๆ ตามเส้นทางไปสู่ภูเขาที่มนุษย์สร้างขึ้น (ตึกระฟ้า) จะพังทลายลงสู่อ่าว ส่วนประชาชนที่อยู่ในนครแห่งนี้ก็ต้องดื่มน้ำเน่าเหม็นที่เป็นพิษ


    ตีความและวิเคราะห์
    ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เหตุการณ์ที่เกิดแผ่นดินไหวในนครนิวยอร์กครั้งนี้ จะเกิดขึ้นในขณะเดียวกันกับที่จีนใช้ระเบิดนิวเคลียร์โจมตีที่บริเวณเส้นขนานที่ 45 ซึ่งทำให้เกิดพายุเพลิงลุกลามมาที่นครนิวยอร์คดังได้กล่าวมาแล้วนั้นหรือไม่ แต่คำพยากรณ์สองบทนี้ ได้กล่าวถึงความหายนะที่เกิดจากแผ่นดินไหว อันเนื่องมาจากแรงระเบิดของนิวเคลียร์ โดยนครนิวยอร์กและสถานที่ใกล้เคียงจะถูกทำลายไปส่วนหนึ่ง จากผลของแผ่นดินไหวในครั้งนี้ แผ่นดินไหวจะมีความรุนแรงมากในบางพื้นที่ เช่น ที่ย่านแมนฮัตตันถึงกับทำให้ตึกระฟ้าพังทลายลงไปในอ่าวนิวยอร์คเลยทีเดียว นอกจากนั้น ผลของแผ่นดินไหวจะทำให้ท่อ เมนน้ำประปาหลายต่อหลายท่อแตก ส่วนน้ำดื่มที่ยังเหลืออยู่จะมีสิ่งที่เป็นมลพิษจือปนอยู่ ซึ่งเมื่อดื่มไปแล้วจะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและอนามัยของประชาชน
    การที่นครนิวยอร์กจะประสพกับภัยพิบัตินี้ นอสตราดามุสได้พยากรณ์ไว้กว่า 400 ปีมาแล้ว แม้แต่โหรในยุคปัจจุบันก็ได้พยากรณ์ไว้ในทำนองเดียวกัน โหรหลายคนเคยพยากรณ์ไว้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับชั้นหินที่อยู่ใต้มหานครนิวยอร์ก
    นายคริสเวลล์ หมอดูชาวอเมริกัน ในรัฐคาลิฟอร์เนียพยากรณ์ไว้ว่า นครนิวยอร์กจะทรุดจมลงไปในน้ำ ในระหว่างปี พ.ศ. 2423-2533 ทั้งนี้เพราะเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา นายคริสเวลล์ กล่าวว่า ลองไอส์แลนด์จะจมน้ำและหลังจากนั้นอีกไม่นานนัก บริเวณย่านแมนฮัตตันจะกลายเป็น เมืองเวนิชของสหรัฐอเมริกา กล่าวคือจะเป็นเมืองที่มีลำคลองเกิดขึ้นหลายแห่ง นครนิวยอร์กจะทรุดลงไปมาก ถึงขนาดที่ประชาชนต้องอพยพจากที่พักอาศัยภายในเมืองออกไปอยู่ในที่ที่สูงพ้นจากน้ำท่วม
    เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นายจิม กาวิน โหรชาวไอริช ก็ได้พยากรณ์ไว้ในทำนองเดียวกันว่า นครนิวยอร์กจะทรุดจมลงไปในน้ำ โดยเขากล่าวว่า สตาเต็นไอส์แลนด์ จะจมน้ำ เหมือนกับแพที่ถูกน้ำดูดจมหายลงใต้น้ำ นอกจากนั้น ย่านแมนฮัตตันที่อยู่ในที่ต่ำก็จะจมหายไปในอ่าว น้ำจะท่วมไปจนถึงถนนเลขที่ 59

    พวกนักธรณีวิทยาต่างทราบกันมานานหลายปีแล้วว่า นิวยอร์คมีฐานรองรับใต้ดินที่ไม่มั่นคงนักแม้ว่าจะมีหินรองรับอยู่ก็ตาม นายฮิว อัลเลน เคยเขียนไว้ในหนังสือ Window in <city>
    Providence</place></city> ว่า นครนิวยอร์กมีฐานรองรับเบื้องล่างไม่ค่อยดี ในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว เกาะแมนฮัตตันจะ แตกออกเป็นสามส่วน ซึ่งจะทำลายบริเวณต่าง ๆ ในนครนิวยอร์ก และมีผลกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรงต่อประชาชนหลายล้านคนที่อยู่ในนครแห่งนี้</p> ที่กล่าวกันว่า นครนิวยอร์กมีฐานรองรับเกิดผิดปกตินั้น ส่วนหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากมีรอยแยกของพื้นดินขนาดใหญ่ ซึ่งกินอาณาบริเวณนับตั้งแต่มลรัฐเมน ตัดผ่านบริเวณเมืองบอสตันและเมืองฟิลาเดลเฟีย ในบรรทัดที่สามของคำพยากรณ์บทแรกนั้น นอสตราดามุสได้พยากรณ์ว่า หินใหญ่สองก้อนจะกระทบกระแทกกันอยู่เป็นเวลานาน คำว่า หินสองก้อน ก็น่าจะหมายถึงแนวแตกของหินที่ตัดผ่านบริเวณนิวอิงแลนด์ ซึ่งแนวแตกนี้เกิดการกระแทกกระทั้นกันอย่างรุนแรง
    ส่วน เอ็ดการ์ เคย์ซี เป็นผู้ให้ความกระจ่างยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลที่จะได้รับผลกระทบกระเทือนจากแผ่นดินไหวในนครนิวยอร์ก โดยในปี พ.ศ. 2475 เมื่อมีผู้ถามว่าในอนาคตจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในสหรัฐอเมริกาที่ใดบ้าง เอ็ดการ์ เคย์ซี นั่งทางในอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา โดยจะมีความรุนแรงมากตามบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เอ็ดการ์ เคย์ซี ระบุแน่ชัดยิ่งขึ้นว่าพื้นที่ในนครนิวยอร์ก และคอนเนคติคัตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงเนื่องจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นครนิวยอร์กจะจมหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้ นอกจากนั้นเขายังพยากรณ์ไว้ด้วยว่า ดินแดนในทางภาคใต้ของรัฐนอร์ทคาโรไลนา รัฐเซาท์คาโรไลนา และรัฐจอร์เจีย จะเกิดภาวะน้ำท่วมอย่างรุนแรง
    โหรอีกผู้หนึ่งที่ทำนายไว้ในทำนองเดียวกัน ได้แก่ นายจอห์น เพนดรากอน โหรชาวอังกฤษพยากรณ์ไว้ก่อนจะเสียชีวิตไม่นานว่า พื้นที่ทุกหนทุกแห่งตามชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก นับตั้งแต่เมืองบอสตันไปจนถึงเมืองบัลติมอร์ จะพบความวิบัติอย่างย่อยยับ ความวิบัติครั้งนี้จะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่นครนิวยอร์ก และจะส่งผลทำลายล้างออกไปภายในรัศมี 500 ไมล์ เมืองที่จะถูกทำลายในครั้งนี้รวมทั้งเมืองพิตต์สเบิร์กและเมืองฟิลาเดลเฟีย เมืองเหล่านี้จะถูกทำลายอย่างย่อยยับโดยไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย นอกจากผืนแผ่นดินอันเป็นที่ตั้งของเมืองเท่านั้น
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำพยากรณ์ที่ 185 - 187 : ฝ่ายตะวันออกบุกนิวยอร์ก
    Le Roi voudra en cite entrer,
    Per ennemis expugner I’on viendra :
    Captif libre faux dire et perpetrer,
    Ror dehors etre, loin d’ennemis tiendra. (IX,92)
    La pille faite a la cote marine,
    En cita nova et parents amenes,
    Plusiers de Malte par le fait de Messine,
    Etroit serres seront mal guerdonnes. (IX,61)
    Navale pugne suit sera superee,
    Le feu auz naves a l’Occident ruine :
    Rubriche neuve, la grande nef coloree,
    Ire a vaincu, et victoire en bruine. (IX,100)


    คำแปล
    ผู้บัญชาการทัพผู้หนึ่ง ต้องการเดินทัพเข้าไปในนครใหม่ (นครนิวยอร์ก) แต่ก็ประสพกับความพ่ายแพ้และถูกจับไปเป็นเชลย ถูกคุมขังอยู่นอกเมืองโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชาติ
    ชายฝั่งทะเลถูกโจมตี ที่เมืองใหม่ (นครนิวยอร์ก) มีการระดมกำลังเข้าต่อต้าน ขณะที่มอลตาถูกโจมตีจากเมสซินา (เกาะซิซิลี) พวกเชลยจะถูกควบคุมตัว โดยไม่มีการจ่ายค่าเสียหายทดแทน
    มีการสู้รบทางเรือในตอนรุ่งอรุณของวันใหม่ กระสุนปืนจากเรือรบจะทำลายประเทศตะวันตก (สหรัฐอเมริกา) เรือรบที่พรางตาไว้ด้วยวิธีการแบบใหม่ ออกมาต่อสู้กับเรือรบของฝ่ายรุกรานเหล่านี้ ฝ่ายข้าศึกที่ประสพกับความพ่ายแพ้มีความรู้สึกโกรธเคือง เมื่อทราบชัดว่าชัยชนะกลายเป็นความฝันอันเลื่อนลอย


    ตีความและวิเคราะห์
    ฝ่ายตะวันออกจะฉวยโอกาสในตอนที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังประสพกับหายนะ และความสับสนวุ่นวาย อันเนื่องมาจากการถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และการเกิดแผ่นดินไหวตามบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือดังกล่าวมาแล้ว โดยถือว่านั่นเป็นโอกาสทองเหมาะที่ตนจะเข้าโจมตีประเทศ สหรัฐอเมริกาได้แล้ว ฝ่ายตะวันออกจะใช้กำลังทางเรือระดมยิงเข้าไปในนิวยอร์dก่อน ติดตามด้วยการยกพลขึ้นบก แต่ปรากฏในคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสว่า การรุกของฝ่ายตะวันออกครั้งนี้ประสพกับความล้มเหลว เพราะกองทัพเรือของสหรัฐฯ จะส่งเรือรบของตนซึ่งติดอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยเข้าขัดขวางแผนการยกพลขึ้นบกของฝ่ายตะวันออก ในที่สุด ฝ่ายตะวันออกจะประสพกับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง และผู้บัญชาการกองทัพของฝ่ายตะวันออกจะถูกจับตัวได้ สหรัฐอเมริกาจะดำเนินมาตรการเช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติในสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ยึดข้าศึกชาวตะวันออกที่จับกุมได้เหล่านี้เป็นตัวประกัน และจะไม่จ่ายค่าทดเชยใด ๆ อันเกิดจากการสู้รบแก่ฝ่ายตะวันออก นอสตราดามุสระบุไว้ว่า การรุกรานประเทศสหรัฐอเมริกาของฝ่ายตะวันออกครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กองกำลังของฝ่ายตะวันออกที่เกาะซิซิลีในประเทศ อิตาลีกำลังบุกโจมตีเกาะมอลตา


    คำพยากรณ์ที่ 188 : ฝ่ายตะวันออกบุกละตินอเมริกา
    En terre neuve bien avant Roi entre,
    Pendant sujets lui viendront faire accueil :
    Sa perfidie aura tel rencontre,
    Qu’aux citadins lieu de fete et recueil. (VIII,74)


    คำแปล
    ผู้บัญชาการทหารผู้หนึ่งจะนำทัพบุกเข้าไปในโลกใหม่ (ทวีปอเมริกา) เขาจะได้รับการต้อนรับจากประชาชนบางพวกในดินแดนที่สามารถยึดได้ แต่เมื่อประชาชนเหล่านั้นทราบเล่ห์เพทุบายของผู้บัญชาการทหารผู้นี้ ก็จะพากันล้มเลิกแผนการต้อนรับการเดินทางมาของเขา


    ตีความและวิเคราะห์
    ในขณะที่กองทัพของฝ่ายตะวันออกประสพความล้มเหลวในการสถาปนาหัวหาดที่นครนิวยอร์ค แต่ก็จะประสพความสำเร็จในการบุกประเทศ ต่าง ๆ ในแถบละตินอเมริกา มีประเทศในแถบนั้นประเทศหนึ่งเตรียมวางแผนต้อนรับผู้บัญชาการทัพของฝ่ายตะวันออก ในฐานะที่เป็นแขกบ้านแขกเมืองที่ทรงเกียรติ แต่ต่อมาผู้นำของประเทศนั้นรู้เล่ห์เพทุบายของผู้บัญชาการผู้นั้นเป็นอย่างดี และตระหนักว่าการนำประเทศของตนไปเป็นพันธมิตรกับฝ่ายตะวันออก เป็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ผิดพลาด ในที่สุด ผู้นำของชาตินี้ก็จะเลิกล้มแผนการที่จะพบปะเจรจากับผู้บัญชาการทัพของฝ่ายตะวันออกผู้นั้น


    คำพยากรณ์ที่ 189 : อสัญกรรมของประธานาธิบดีบราซิล
    Le fait luisant de neuf vieux eleve,
    Seront si grands par Midi Aquilon :
    De sa soeur propre grandes olles leve,
    Fuyant meurtri au buisson d�Ambellon. (X,69)


    คำแปล
    รัฐบุรุษอาวุโสที่ได้รับการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ผู้หนึ่ง ได้รับการยกย่องให้ดำรงตำแหน่งอันสูงส่ง มีกองทัพอันเกรียงไกรกองทัพหนึ่งบุกโจมตีอาควิลอนใต้ (อเมริกาใต้) รัฐบุรุษผู้นั้นได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากน้องสาว และจะได้เป็นผู้นำของมหาชน แต่ในขณะที่หลบหนี รัฐบุรุษผู้นี้จะถูกสังหารในป่าเบเลม (ในประเทศบราซิล)


    ตีความและวิเคราะห์
    ถึงแม้ว่าผู้บัญชาการกองทัพของฝ่ายตะวันออกจะประสพกับอุปสรรค ที่จะนำประเทศหนึ่งมาเป็นพันธมิตร แต่เขาก็จะไม่ท้อถอย และล้มเลิกแผนการที่จะพิชิตละตินอเมริกา แผนการบุกจะดำเนินไปตามที่ได้วางเอาไว้ รัฐบุรุษคนสำคัญของประเทศบราซิลผู้หนึ่งซึ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ จะพยายามหลบหนีกองทัพของฝ่ายตะวันออกแต่ก็จะหนีไปไม่ตลอดรอดฝั่ง จะถูกจับไปสังหารที่บริเวณใกล้กับเบเลม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล

     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำพยากรณ์ที่ 190 : กองทัพฝ่ายตะวันออกคุกคามคลองปานามา

    De nuit par <city>
    Nantes</place></city> l’Iris apparaitra,</p> Des arts marins susciteront la pluie :
    Arabiq gouffre grande classe parfondra,
    Un monstre en Saxe naitre d’ours et truie. (VI,44)


    คำแปล
    ในเวลากลางคืน รุ้งกินน้ำปรากฏเหนือท้องฟ้าเมืองนันทิส (ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส) พวกเขาจะทำให้เกิดฝนตกได้ด้วยวิชาสมุทรศาสตร์ กองเรือรบอันเกรียงไกรจะถูกจมลงในอ่าวอูรามา (อ่าว ดาเรียนในภาคเหนือของประเทศเวเนซุเอลา) อย่างรวดเร็ว เมื่อแซกโซนี (เยอรมนีตะวันออก) ร่วมมือกับต่างชาติ


    ตีความและวิเคราะห์
    กำลังกองทัพบกของฝ่ายตะวันออกที่ทำการบุกดินแดนในแถบ ละตินอเมริกา จะได้รับการสนับสนุนจากกองเรือรบอันเกรียงไกร ซึ่งประกอบด้วยเรือรบของกองทัพเรือฝ่ายตะวันออก และกองทัพเรือของเยอรมนีตะวันออก แต่กองเรือรบอันเกรียงไกรนี้จะถูกกองเรือรบของสหรัฐอเมริกาและ ประเทศต่างๆ ในแถบละตินอเมริกา ทำลายอย่างย่อยยับเมื่อเข้ามาใกล้คลองปานามา นอสตราดามุสทำนายไว้ว่า เหตุการณ์สู้รบในละตินอเมริกา จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ฝ่ายตะวันออกซึ่งกำลังยึดครองทวีปยุโรป ใช้ความรู้ทางด้านอุตุนิยมวิทยาที่ก้าวหน้าของตน ทำการเปลี่ยนแปลงสภาพดินฟ้า อากาศในประเทศฝรั่งเศส


    คำพยากรณ์ที่ 191 : สหรัฐอเมริกาและรัสเซียตอบโต้ด้วยอาวุธเชื้อโรค
    Vent Aquilon fera partir le siege,
    Pars murs jeter cendres, chaux et poussiere :
    Par pluie apres, qui leur fera bien piege,
    Dernier secours encontre leur frontiere. (IX,99)


    คำแปล
    กลุ่มประเทศอาควิลอน (ประเทศที่อยู่ทางภาคเหนือ) จะใช้ลมเพื่อยุติการถูกปิดล้อม ประเทศเหล่านี้จะปล่อยฝุ่นชนิดหนึ่งออกไปนอกเขตแนวป้องกันของตน ฝนจะเป็นพาหะนำฝุ่นนี้กระจายไป ซึ่งเป็นวิธีการที่ฝ่ายข้าศึกเคยใช้กับประเทศเหล่านี้มาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นเป็นความพยายามที่จะป้องกันพรมแดนของตนอย่างเต็มความสามารถ


    ตีความและวิเคราะห์
    เมื่อถึงตอนนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาและรัสเซียจะมีความรู้สึกว่า ฝ่ายตนถูกฝ่ายตะวันออกปิดล้อมไว้ทุกด้าน เพราะฝ่ายตะวันออกสามารถบุกยึดเอเชียใต้ แอฟริกาและยุโรปได้แล้ว และขณะนี้กำลังขยายอำนาจเข้าไปในละตินอเมริกา ทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซียจะต้องทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อยุติการรุกรานของฝ่ายตะวันออกให้ได้ ในที่สุดก็จะตัดสินใจใช้อาวุธเคมีและอาวุธแบคทีเรียโจมตีประเทศฝ่ายตะวันออก เพื่อเป็นการแก้เผ็ดกับการที่ประเทศจีนใช้อาวุธเชื้อโรคโจมตีพวกตนก่อนที่มหาสมุทรอาร์คติก ดังที่ระบุไว้ในคำพยากรณ์หมายเลขที่ 29 ต่อไปนี้ประเทศสองพี่น้องในขั้วโลกเหนือ คือ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย จะไม่ยอมละเว้นใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้อีกต่อไป เพราะมันเป็นอาวุธชนิดเดียวเท่านั้นที่จะทำลายวงปิดล้อมของฝ่ายตะวันออกได้
    คำพยากรณ์ที่ 192-193 : ชาวรัสเซียต่อสู้เพื่อป้องกันประเทศ
    Le Roi ruse entendra ses embuches,
    De trois quartiers ennemis assaillir:
    Un nombre entrannge larmes de coqueluches,
    Viendra Lemprin du traducteur faillir. (IX,81)
    La gent esclave par un heur martial
    Viendra en haut degre tant elevee :
    Changeront Prince, maitra un provincial,
    Passer ls lmer copie aux monts levee. (V,26)


    คำแปล
    ผู้บัญชาการเจนศึกจะเข้าใจกลศึกของฝ่ายศัตรู ศัตรูจะโจมตีจากสามทิศทาง น้ำตามากมายก่ายกองจะหลั่งไหลออกจากดวงตาของบุคคลที่กำลังสำลัก เมื่ออาณาจักรตกเป็นของผู้นำที่พูดภาษาต่างประเทศ
    ประชาชนชาวสลาฟ (ชาวรัสเซีย) จะประสพกับความโชคดีในการทำสงคราม จะอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบเป็นอย่างยิ่ง จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำจากเจ้าชายองค์หนึ่งมาเป็นบุคคลที่เกิดในประเทศ กองทัพจะออกจากภูเขาข้ามไปยังทะเลต่าง ๆ


    ตีความและวิเคราะห์
    ในตอนนี้ นอสตราดามุสพยากรณ์ว่า ประเทศรัสเซียจะถูกกองทัพจีนรุกรานจากสามทิศทาง คือ จากทางภาคใต้ ดังที่ปรากฏในคำพยากรณ์หมายเลขที่ 30 จากทิศตะวันตกและจากดินแดนทางยุโรปที่ฝ่ายตะวันออกพิชิตได้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการกองทัพของโซเวียตจะประเมินยุทธศาสตร์ของฝ่ายศัตรูได้อย่างถูกต้อง และทำการตอบโต้ด้วยอาวุธเคมี ซึ่งมีประสิทธิภาพทำให้นัยน์ตาของทหารในกองทัพจีนเกิดความเจ็บปวด มีน้ำตาไหลออกมาอย่างชนิดที่ไม่สามารถรักษาเยียวยาใด ๆ ได้ นอกจากกองทัพจีนจะถูกต่อต้านจากกองทัพรัสเซียด้วยอาวุธเคมีแล้ว ก็ยังจะต้องประสพปัญหาร้ายแรงอีกอย่างหนึ่ง คือไม่ได้รับการสนับสนุนตามที่ร้องขอจากประเทศเมืองแม่เท่าที่ควร ทั้งสองประการนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทัพจีนตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบในการทำสงครามกับกองทัพรัสเซีย ส่วนในทางการเมืองภายในจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำในคณะรัฐบาลรัสเซีย
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำพยากรณ์ที่ 194 : ฝ่ายตะวันออกบุกดินแดนในย่านแปซิฟิกตอนใต้
    Sous l’opposite climat Babylonique,
    Grande sera de sang effusion,
    Que terre et mer, air, ciel sera inique :
    Sectes, faim, regnes, pestes, confusion. (I,55)


    คำแปล
    ในดินแดนห่างไกลที่จะไปยังตะวันออกกลาง (ย่านมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้) จะมีการสู้รบอย่างนองเลือด กองทัพของฝ่ายอธรรมจะมาทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดการสับสนอลหม่าน เกิดทุพภิกขภัย และโรคระบาดในประเทศต่าง ๆ


    ตีความและวิเคราะห์
    เมื่อกองทัพของฝ่ายตะวันออก เห็นว่าฝ่ายตนมีขีดความสามารถไม่พอที่จะบุกรัสเซียและสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จตามเป้าหมายทางทหารที่วางไว้ ก็เริ่มตระหนักถึงแสนยานุภาพทางทหารของทั้งสองประเทศ จึงจัดตั้ง แนวป้องกันตนเองในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อสามารถบุกยึดประเทศต่าง ๆ ในเอเชียให้ได้ทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้น เป้าหมายทางทหารต่อไปของฝ่ายตะวันออก คือบุกประเทศต่าง ๆ ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ในคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสบทนี้ มีการกล่าวถึงเชื้อโรคร้ายแรงด้วย ซึ่งก็พอจะวิเคราะห์ได้ว่า ในการบุกเพื่อพิชิตหมู่เกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพของฝ่ายตะวันออกจะทำการสำเร็จได้ ไม่เพียงแต่จะใช้อาวุธแบบธรรมดาเข้าเข่นฆ่าทหารและประชาชนในประเทศนั้น ๆ เท่านั้น แต่จะใช้อาวุธแบคทีเรียสนับสนุนในการรบด้วย


    คำพยากรณ์ที่ 195 : การทำยุทธนาวีเพื่อชิงมหาสมุทรแปซิฟิก
    De mer copies en trois parts divisees,
    A la seconde les vivres failliront,
    Desesperes cherchant champs Helises,
    Premiers en breche entres victoire auront. (IX,97)


    คำแปล
    กองทัพซึ่งทำการยุทธ์ในทะเล ประกอบด้วย 3 ชาติ กองทัพของชาติที่สองจะขาดแคลนการส่งกำลังบำรุง เมื่อถูกกองทัพของชาติที่สามปิดล้อม จะพยายามตีฝ่าวงล้อมออกไปที่ทุ่งเฮลีเซียน (สหรัฐอเมริกา) แต่กองทัพของชาติหนึ่งจะพบทางออกจากการถูกปิดล้อม และจะร่วมมือกับกองทัพชาติที่สองรบจนได้รับชัยชนะในที่สุด
    ตีความและวิเคราะห์
    สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย จะทำยุทธนาวีกับจีนเพื่อชิงมหา สมุทรแปซิฟิก และจากการสู้รบกันครั้งนี้จะทำให้กระแสสงครามเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในระหว่างการสู้รบ กองกำลังทางเรือของสหรัฐอเมริกา จะถูกกองเรือรบของฝ่ายตะวันออกปิดล้อมอย่างเหนียวแน่น และถูกตัดขาดจากฐานส่งกำลังบำรุงของตนในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในห้วงอันตรายเช่นนี้กองเรือรบของรัสเซียจะเข้ามาช่วยเหลือ และจะสามารถทำลายกองเรือรบของจีนซึ่งกำลังปิดล้อมกองเรือรบย่านมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐฯ อยู่ได้สำเร็จ กองทัพเรือของจีนจะประสพกับความพ่ายแพ้ในการยุทธ์ครั้งต่อ ๆ มา ในที่สุด สหรัฐอเมริกากับรัสเซียจะสามารถทำลายกองเรือรบของฝ่ายตะวันออกที่ครองความเป็นใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิกได้อย่างสิ้นเชิง


    คำพยากรณ์ที่ 196 : ฝ่ายตะวันออกปราชัยครั้งสำคัญเป็นครั้งแรก
    Par deux fois haut, par deux fos mis a bas,
    L’Orientn aussi l’Occident faibira :
    Son adversaire apres plusieurs combats,
    Par mer chasse au besoin faillira. (VIII,59)


    คำแปล
    ฝ่ายตะวันออกจะขึ้นสู่อำนาจและลงจากอำนาจถึงสองครั้งสองคราว จะใช้กำลังล้มล้างฝ่ายตะวันตกซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจฉกรรจ์ แต่หลังจากสู้รบกันในหลายสมรภูมิ พวกเขาจะพ่ายแพ้ในการรบทางทะเล และจะแพ้สงครามในที่สุด


    ตีความและวิเคราะห์
    เมื่อหลายศตวรรษมาแล้ว พวกมองโกลและพวกมุสลิม เคยคุกคามอารยธรรมตะวันตกอยู่เป็นเวลานาน แต่ในที่สุดก็ได้พ่ายแพ้กลับไป ในสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็เช่นเดียวกัน ฝ่ายจีนและฝ่ายมุสลิมจากประเทศในภาคพื้นตะวันออก ซึ่งใช้เครื่องมือทางทหารดำเนินนโยบายครองโลกเป็นครั้งที่ 2 จะประสพกับความล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำพยากรณ์ที่ 197 : สหรัฐอเมริกาและรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ใน ตะวันออกไกล
    L’oiseau royal sur la cite solaire,
    Sept mois devant fera nocturne augure :


    Mur</place> d’Orient cherra tonnerre eclair,</p> Seipt jours aux portes les ennemis a I’heure. (V,81)
    คำแปล
    พญานก (อินทรี, หมายถึงสหรัฐอเมริกา) จะบินอยู่เหนือนครแห่งพระอาทิตย์ (กรุงโรม, ประเทศอิตาลี) เป็นลางบอกเหตุว่า อีก 7 เดือนต่อมา แนวป้องกันของฝ่ายตะวันออกจะพังทลายในท่ามกลางสายฟ้าและเสียงสนั่นหวั่นไหว ฝ่ายข้าศึกจะโจมตีถึงประตูบ้านของฝ่ายตะวันออกอยู่นานถึง 7 วัน


    ตีความและวิเคราะห์
    เมื่อถึงตอนนี้แล้ว สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย จะดำเนินนโยบายเชิงรุกทั้งในยุโรปและเอเชีย ในยุโรปกองทัพอากาศสหรัฐ จะส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดที่ใจกลางของ
    ยุโรปตะวันออกรวมทั้งที่กรุงโรมประเทศอิตาลี ต่อมาอีก 7 เดือน สหรัฐอเมริกาและรัสเซียจะร่วมมือกันทำการโจมตี
    ประเทศจีนและประเทศพันธมิตรฝ่ายตะวันออกไกลของจีนด้วยอาวุธนิวเคลียร์ การโจมตีด้วยอาวุธทางยุทธศาสตร์ครั้งนี้ จะกระทำติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน


    คำพยากรณ์ที่ 198 : จีนและพันธมิตรตะวันออกไกลแพ้สงคราม
    Seront lors Seigneurs deux en nombre d’A
    Quilong, victorieux sur les Orientaux, et sera
    en iceux fait so grand bruikt et tumulte
    belique, que tout iceluis Orient tremblera de
    la frayeur e’iceux freres, non freres Aquilonaires.
    Sera par lors du principal chef Oriental la
    plupart emu par les Septentroinaux et Occidentaux
    vaincu et mis a mort profligez et le
    reste en fuite, et ses enfants de plusieurs femmes
    emprisonnes...(Epistle to Henri II)


    คำแปล
    ผู้นำทั้งสองของอาควิลอน (หมายถึง สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย) จะมีชัยชนะต่อฝ่ายตะวันออก เสียงอึกทึกครึกโครมที่เกิดขึ้นในเวลาทำสงคราม จะมีผลทำให้พวกตะวันออกสั่นสะท้านด้วยความกลัวภัยพิบัติอันจะมาจาก สองพี่น้องนี้
    หัวหน้าใหญ่ของฝ่ายตะวันออกจะถูกกำจัดโดยพวกฝ่ายเหนือ (สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย) และฝ่ายตะวันตก (ชาวยุโรป) ประชาชนที่ก่อสงครามและร่วมมือกับผู้ก่อสงคราม จะถูกนำตัวไปสังหาร ถูกล้อมจับ และขับไล่ให้กระเจิดกระเจิงไป ส่วนผู้หญิงและเด็กจะถูกจับไปขังคุก


    ตีความและวิเคราะห์
    ในที่สุด ฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกก็จะเริ่มแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า แสนยานุภาพของตนเหนือกว่าฝ่ายตะวันออกอย่างมากมาย และจะเริ่มใช้แสนยานุภาพนี้ทั้งในทางบก ทางเรือ และทางอากาศอย่างเต็มที่ เมื่อกองทัพของฝ่ายตะวันออกประสพ
    กับความหายนะจากการทำยุทธนาวีใน
    มหาสมุทรแปซิฟิกและจากการถูกโจมตี
    ด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ก็จะยอมแพ้อย่างปราศจากเงื่อนไข เป็นอันว่าสงครามในตะวันออกไกลยุติลงก่อนสงครามในยุโรปและในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดี เมื่อประเทศเมืองแม่ยอมแพ้สงครามเสียแล้วเช่นนี้ จะมีผลทางจิตวิทยาอย่างใหญ่หลวงต่อกองทัพของฝ่ายตะวันออกไกล
    ที่ยังสู้รบอยู่ในทวีปยุโรปและในตะวันออกกลาง ทั้งนี้เนื่องจากถูกตัดขาดจาการส่งกำลังบำรุงจากเมืองแม่โดยสิ้นเชิง
    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><script language="JavaScript" src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc.js"></script><script src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc1.js"></script><script src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc2.js"></script><script language="JavaScript" src="http://geocities.com/js_source/geov2.js"></script><script language="javascript"></script>[​IMG]
     
  8. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ยุคกึ่งพุทธกาล คือ 2500 บวกลบ100 คือ2400-2600
    ปี 2550 เป็นปีที่ พระศรีอาริยเมตตรัย ทรงเข้าใจตัวเอง แต่ ยังไม่ถึงเวลา..เปิดเผย

    สามพี่น้องที่ว่านี้ หมายถึง 3 ศาสนาหลักของโลก
    พี่คนโต = ศาสนาพุทธ
    พี่รอง = ศาสนาคริสต์
    น้องเล็ก = ศาสนาอิสลาม


    หากดูเหตุการณ์โลก ปัจจุบัน จะเข้าใจในพุทธพยากรณ์ยิ่งขึ้น ดังสมุดข่อยโบราณอีสาน ลาวและศิลาจารึกในอินเดีย
    ที่รบกันอยู่ขณะนี้ คือ พี่รองกับน้องเล็ก ชาติตะวันตก คริสต์ กับ ชาติตะวันออกกลาง มุสลิม พี่ใหญ่นำแนวทางสงบศึก อย่างสมานฉันท์ อย่างไทย ใจพุทธ

    เหตุการณ์วันพิพากษาโลก ได้ผ่านพ้นเหตุใหญ่ไปแล้ว
    ตอนนี้ กำลังฟื้นฟูโลก ร่วมกัน กำลังปรับตัวโลก เข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยอุดมการณ์ใหม่ ที่มีโจทก์ร่วมกันคือ ภาวะโลกร้อน
    พร้อมกันทั่วทั้งมหาสากลจักรวาล ในปีนี้ ดูที่ปรากฎการณ์ใหม่ๆ แปลกๆ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ..แต่ดีขึ้น

    และไทย จะเป็นแบบอย่างของสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นทั่วโลก ได้แก่
    1.การเมืองการปกครอง..ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..เป็นโมเดล ปชต.ที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีศูนย์รวมใจ ไม่ให้แตกแยก เพราะ ปชต.คือการยอมรับความเห็นที่แตกต่างได้ แต่แตกแยก ล่มสลายได้ ถ้าไม่มีศูนย์รวมใจ ให้เป็นหนึ่ง
    2.การศาสนาและสังคม..เป็นแบบอย่างการสมานฉันท์ของคนไทยทั้งชาติ โดยไม่แยกเชื้อชาติ ศาสนา ผู้นำแห่งความดี
    3.เศรษฐกิจ..ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม แบบพอเพียง..เป็นโมเดลเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก ลดการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อใช้ต้องทดแทน ทำให้โลกเข้าสู่ภาวะสมดุลโดยเร็ว ลดปัญหาโลกร้อนได้ในที่สุด
    4.วิทยาศาสตร์แนวใหม่..คนไทยจะค้นพบ..ทั่วโลก ตะลึง ทึ่ง อึ้งไปเลย
    (good) (good) (good) :) :) :)(good) (good) (good)
    ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ ด้วยสติ ปัญญา ญานบิน???
    และนี่คือ ยุคไทยมหารัฐ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2007
  9. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    พุทธทำนายแห่งอีสานประเทศ...ประกอบหมายเหตุ


    <O:p</O:p
    พุทธทำนายนี้ มีอยู่ในใบลาน
    ตั้งแต่บูฮาน มีมาก่อนเก่า
    ในศาสนาของพระพุทธเจ้า ถือเป็นเค้าแต่ก่อนมา
    *ข้าสินำมูลเค้า ความฝันอันประหลาด
    สิเป็นลางเหตุฮ้าย หรือใดเจ้าให้ฮำเพิง

    *ในคืนนั้น เป็นคืน สิบห้าค่ำ แต่ฟ้าดำเมฆกุ้ม จันโทเศร้า บ่ ผ่องใส
    *คือพระทัยของเจ้า ปัสเสน กะเหงาหง่วม ย่อนว่าความฮักกุ้ม สุมไหม้ดั่งไฟ
    *ไฟตัณหาความฮักใคร่ ในผัวเขาเมียท่าน ไฟนารก กะบ่ปาน มีแต่ควันอูดเอ้า ในใจเจ้าอยู่ บ่ เซา
    *จนยามสามล่วงเข้า จึงเนาว์นอนนิททะเน่ง เสียงระเม็งเสพสร้อง จึงลาห้องเสพ งัน
    *พระทรงธรรม์สุบินเบื้อง เผดียงฝันประหลาดต่าง สิเป็นลางเหตุฮ้าย หรือใดแท้ สิ่งใด
    *ในพระทัยองค์เจ้า พระปัสเสน สะดุ้งตื่น พระองค์ฮู้เมื่อขึ้น อรุณรุ่ง ฮู่งมา
    *มัลลิกาเทวีเหง้า เห็นราชาหน้า บ่ ซื่น สมบัติมีหมื่นตื้อ สีหน้า ผัดหล่าหมอง แท้น้อ
    *พระองค์ทรงสืบสร้าง ครองเมืองตุ้มไพร่ แต่หัวคิดบอดใบ้ ปัญญาตื้นตีบตัน
    *พระทรงธรรม์ควรเข้าเฝ้า สัพพัญญู ฮู้แจ้งโลก สิบรรเทาโศกฮ้อน รีบไปถ่อนอย่าอยู่นาน
    *พระภูบาลฟั่งฟ้าว ตกแต่งเดาดา มัลลิกาเทวี แม่เมือง เคียงข้าง
    *พระก็ ดำเนินเข้า เชตวัน วิหารใหญ่ พระอานนท์ทราบเรื่อง พาไปเฝ้า ศาสดา
    *พระราชาทูลไหว้ พระจอมไตรโลกนาถ กราบพระบาท สามเทื่อ แล้ว หยับไปเฝ้าอยู่ที่ควร
    *ส่วนว่าองค์พุทโธเจ้า เนาว์บนพุทธอาสน์ ตรัสโอวาทอิ่นอ้อย แถลงถ้อย ก่อนพระยา
    ว่าดูรา เจ้า ราชายศใหญ่ ผู้เป็นจอมไพร่ฟ้าสองแคว้นยอดเมือง
    พระองค์เคืองขัดข้อง หมองพระทัย จั่งใดแน วรรณะเขียว พ่องแหล่ สีหน้า บ่ ชื่นบาน แท้น้อ
    พระภูบาลเจ้า ปัสถเวน ทูลเหตุ แห่งสุบินประประหลาดล้ำ สิบหก ข้อ ต่อไปฯ

    <O:p</O:p
    ข้อ 1
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    โลกอาจจะความหวังที่จะรอดพ้นจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์
    ในอีก 5 พันล้านปีดวงอาทิตย์จะใช้เชิ้อเพลิงไฮโดรเจนหมดทำให้ดวงอาทิตย์ขยายขนาดใหญกว่าในปัจจุบันมากกว่า 1 พันเท่าก่อนที่จะยุบตัวลงเป็นดาวแคระขาว ไม่มีใครรู้ว่าโลกนั้นจะถูกดาวอาทิตย์กลืนหรือรอดจากเหตุการณ์นี้ได้ แต่ปัจจุบันทีมวิจัยนานาชาติได้เฝ้าดูดาวเคาระห์ในระบบสุริยะอื่นที่มีวงโคจรใกล้เคียงกับโลก โดยผลการสังเกตุพบว่าคาวเคราะห์ดวงนั้นได้รอดจากการที่ดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะนั้นขยายตัวเป็นดาวแดงยักษ์

    เมื่อดวงอาทิตย์กลายเป็นดาวแดงยักษ์มันจะสูญเสียมวลและทำให้วงโคจรของดาวบริวารเปลี่ยนไปซึ่งทำให้การทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับดาวบริวารนั้นเป็นไปได้ยาก นักวิทยาศาสตร์คิดว่าดาวพุธและดาวศุกร์จะถูกกลืนขณะที่ดาวอาทิตยืขยายตัวแต่โลกนั้นยังมีความไม่แน่ใจอยู่

    ผลการศึกษาของ Roberto Silvotti จากหอดูดาว Capodimonte ใน Naples อิตาลีและผู้ร่วมงานจากยุโรป อเมริกา อิสราเอลและใต้หวันทำนายว่า ดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรห่างจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าสองเท่าของระยะห่างจากโลกถึงดวงอาทิตย์หรือ 2 AU จะไม่ถูกกลืนในช่วงที่ดวงอาทิตย์ขยายเป็นดวงแดงยักษ์ ทีมวิจัยได้วิเคราะห์จากผลการสังเกตุดาว V 391 Pegasi ซึ่งกลายเป็นดวงแดงยักษ์เมื่อประมาณ 100 ล้านปีก่อน ภายในดาวดวงนี้กำลังจับตัวเป็น "B-type subdwaf" จากการที่ V 391 Pegasi ได้ใช้ฮีเลียมเป็นเชื้อเพลิงแล้วทำให้เกิดคาร์บอนที่ใจกลาง

    กว่า 7 ปีแล้วที่ Silvotti และทีมงานได้เฝ้าสังเกตุช่วงการขยายตัวที่มากที่สุดของดาวดวงนี้ซึ่งจะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยทุก 6 นาที จากการบันทึกความเข้มข้นของแสงที่ส่องมาจากดาว V 391 Pegasi แต่ทีมวิจับพบว่าทุก 3.2 ปีช่วงการขยายตัวนี้จะเปลี่ยนไป 5 วินาที แสดงให้เห็นว่าดาวนั้นต้องมีการสั่นตัวซึ่งเป็นผลมาจากแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ที่คาบของการโคจรตรงกับที่สังเกตุได้ ทีมวิจัยได้คำนวนดาวเคราะห์นี้ว่ามีอายุประมาณ 1 หมื่นล้านปี

    ปัจจุบันวงโคจรของดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณ 1.7 AU แต่นักวิจัยประมาณว่าก่อนที่ดาว V 391 Pegasi จากขยายตัวนั้น วงโคจรน่าจะมีขนาดประมาณ 1 AU ซึ่งใกล้เคียงกับโลก ทำให้คาดการได้ว่าวงโคจรของโลกจะเพิ่มจาก 1 AU เป็น 1.5 AU เมื่อดวงอาทิตย์ใช้เชื้อเพลิงที่มีอยู่จนหมดและกลายเป็นดวงแดงยักษ์

    อย่างไรก็ตาม Silvotti กล่าวว่าการค้นพบนี้ไม่ได้แปลว่าโลกจะรอดจากการถูกกลืนแบบดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาว V 391 Pegasi แต่เขาหวังว่าการค้นพบนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักฟิสิกส์สามารถทำนายอนาคตของโลกได้แม่นยำมากขึ้น

    ถึงแม้โลกจะรอดพ้นจากการถูกกลืนโดยดวงอาทิตย์ แต่มนุษย์ก็ยังต้องหาวิธีป้องกันผลกระทบอื่นๆจากดวงทิตย์ เนื่องจากนักวิจับคาดว่าอุณหภูมิบนดวงเคราะห์นั้นจะมีค่าประมาณ 200 C

    http://physicsworld.com/cws/article/news/31123

    [​IMG]


    http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=116950
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>ตาชั่งแห่งดุลยภาพ และวันชำระบาปของโลก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"> <td colspan="3" class="style50">
    โดย Dr.G.G.Junior
    http://www.universal-signal.com
    </td> </tr> <tr valign="top"> <td colspan="3" class="style50"> </td> </tr> <tr valign="top"> <td colspan="3" class="style50"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"> </td> <td class="style50 style50" width="96%">
    ความเชื่อมโยงของมนุษย์กับจักรวาล เป็นธรรมชาติที่ถูกผูกเชื่อมกันมาตั้งแต่ปฐมกาล แห่งการกำเนิดโลกและจักรวาล มิใช่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้น ยังรวมสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมด และต้องถือว่าเป็นสรรพชีวิต และยังรวมสิ่งที่ไม่มีชีวิต คือสรรพสิ่งทั้งมวลล้วนเชื่อมโยงกัน เป็นธรรมชาติที่สมดุล ตั้งแต่ครั้งนั้นมา ด้วยพลังงานธรรมชาติที่สร้างขึ้น ก่อให้เกิดพลัง แห่งความเคลื่อนไหวหมุนไปพร้อมๆ กับการหมุนของกระแสคลื่นจิต ในสิ่งที่มีชีวิต คลื่นความคิด ซึ่งเป็นพลังงานของคลื่นสมอง ไม่ว่าสรรพชีวิตจะกระทำสิ่งใด แม้เพียงหายใจเข้าและออก ก็ส่งผลกระทบถึงตนเอง สรรพชีวิตด้วยกัน และสรรพสิ่งอื่นๆ ซึ่งในขณะนั้น ก็ส่งผลการสั่นสะเทือนกระทบไปทุกอณูของโลกและจักรวาลทั้งนั้น มากหรือน้อยตามความรุนแรงของกระแสคลื่นนั้นๆ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นสรรพชีวิต หรือแม้อณูที่เล็กที่สุดของธาตุใดใด ก็ล้วนส่งผลการกระทำ หรือปฏิกิริยาของตน ต่อเชื่อมกันไปทั้งจักรวาลทั้งสิ้น ทุกขณะเวลา ดังคำกล่าวที่ว่า “เด็ดใบไม้หนึ่งใบสะเทือนถึงจักรวาล” นั่นเอง ​
    มนุษย์พึงตระหนักถึงความสำคัญของตนว่าส่งผลยิ่งใหญ่ต่อจักรวาลเพียงใด อย่าคิดเพียงง่ายๆ ว่าลำพังกำลังการกระทำของตนจะทำอะไรได้ นั่นเป็นความคิดที่ผิด และเป็นโทษภัยอย่างมหันต์ทีเดียว เพราะมนุษย์กระทำสิ่งใดก็ตาม ในช่วงเวลาหนึ่งๆ มนุษย์อื่นก็กำลังกระทำสิ่งอื่น ที่ก่อให้เกิดพลังงานด้านมืด (พลังงานลบ) หรือสว่าง (พลังงานด้านบวก) อยู่ด้วยกันพร้อมๆ กันอีกมากมาย การกระทำใดใดก็ตาม ย่อมแสดงผลเป็นพลังงาน ซึ่งแบ่งแยกได้เป็นสองด้าน ดังนั้นมนุษย์พึงเข้าใจเสียใหม่ว่า เราเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังร่วมสร้างพลังงานด้านใดด้านหนึ่ง ตลอดทุกลมหายใจเข้าออก ของเราทีเดียว พลังงานทั้งสองด้านนั้นหล่อเลี้ยงห่อหุ้มจิตของเราทุกคน และโลกธาตุ ทั้งมวลไว้ แล้วส่งผลสะท้อนย้อนกลับมาหาเรา ด้วยแรงของกรรมคือ กฎแห่งธรรมชาติ ที่มนุษย์ และสรรพชีวิตทุกตัวตน มิอาจหลีกพ้นกรรมของตนได้ ธรรมชาติมีการปรับตัว ดังนั้นธรรมชาติแห่งจักรวาลจึงมีนาฬิกาของการรักษาสมดุล แห่งจักรวาลที่เรียกว่า “ตาชั่งแห่งดุลยภาพ”
    ตาชั่งแห่งดุลยภาพ คือ สิ่งที่แสดงความเป็นจริง เป็นเครื่องวัดการสะสมของพลังงาน ทั้งสองด้านว่า ด้านใดจะมากกว่าน้อยกว่าหรือสมดุลกันแล้ว และส่งรหัสสัญญาณไปยัง ธรรมชาติของจักรวาลให้แสดงผลต่างๆ ตอบสนองไปตามที่ตาชั่งวัดได้ ช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่ตาชั่งแห่งดุลยภาพจะทำงานแล้วส่งรหัสไปยังธรรมชาติทั้งปวงนั้น เรียกว่า หนึ่งช่วง พีริออดิค (Periodic) เปรียบเทียบเวลากับมนุษย์นั้น เท่ากับ 60 ปี 4 เดือน 12 วัน คือ 1 รอบพีริออดิค เท่ากับ 22,047 วัน เมื่อถึงรอบเวลาพีรีออดิคท้ายสุดที่ผ่านมาคือ ทางจันทรคติ ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ 2550 แรม 6 ค่ำ เดือน 2 ซึ่งตรงกับทางดาราคติ วันพฤหัสที่ 22 ทุติยฤกษ์เดือน พ.ศ. 2550 แรม 5 ค่ำเดือน 2 การกระทำที่แล้วมา ในอดีตของมนุษย์ ส่งผลให้ช่วงพีริออดิคนี้ ธรรมชาติขาดความสมดุล อย่างรุนแรง จึงนำพาให้ เกิดเหตุสำคัญทางจักรวาล ที่เวียนมาบรรจบ ครบรอบขึ้น 3 ปรากฎการณ์ด้วยกัน แต่ถ้าตาชั่งแห่งดุลยภาพมีผลลัพธ์ว่า จักรวาลยังคงสมดุลอยู่ ปรากฎการณ์ทั้ง 3 นี้ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะกรรมฝ่ายสว่างจะนำพาให้ดวงดวงในจักรวาล หมุนด้วยความสมดุล และไม่หมุนทำมุมดั่ง 3 ปรากฎการณ์ดังต่อไปนี้
    1. ในรอบปีนี้เป็นปีครบรอบ 7,749 ปี พอดีที่ดาวพฤหัส ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดวงอาทิตย์ มาเรียงตัวทำมุมกันเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า ทำให้แรงดึงดูด และสนามแม่เหล็กของดาวทั้งหมดปรวนแปร เกิดพายุใหญ่ขึ้นทั้งบนบกและมหาสมุทร กระแสไฟฟ้าในบรรยากาศผิดปกติ มนุษย์และสรรพชีวิตประสบภัยพิบัติยิ่งใหญ่ อย่างฉับพลันอยู่เนืองๆ
    2. รอบ 12,000 ปี ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทุกดวงของระบบสุริยะจักรวาล เรียงตัวกันเป็นเส้นตรง ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 5,600 แรงดึงดูดและสนามแม่เหล็ก ปรวนแปร อย่างหนักในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 3 นาที แต่ก็จะทำให้น้ำท่วมสูงในซีกโลกที่ตรงกับ แนวการเรียงตัวของดวงดาวดังกล่าว และเกิดน้ำเหือดหายในซีกโลกด้านตรงข้าม (แนวตั้งฉาก)
    3. รอบ 70,000 ปี แกนกลางดาราจักร HALO ดวงอาทิตย์ และโลกเรียงตัวกัน เป็นแนวตรง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันชำระบาปโลก” พลังงานรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ทุกสิ่งที่ประกอบไปด้วยพลังมืดต้องถูกชำระล้างไป คงเหลือแต่พลังงานฝ่ายสว่าง สร้างโลกใหม่ขึ้นเรียกว่า “ยุคพลังงานใหม่” นั่นเอง ซึ่งจะครบรอบปีที่ 70,000 ใน ค.ศ. 2017 มนุษย์ที่มีดวงจิตอันสว่างใสด้วยโพธิจิตก็จะรอดชีวิต เพื่อดำเนินภารกิจการอบรม สั่งสอนให้มนุษย์ที่เกิดขึ้นใหม่ ให้มีการพัฒนาจิตให้สว่างมากกว่าการหลงในวัตถุเหมือน มนุษย์ในปัจจุบันนี้ ที่มีดวงจิตอันขุ่นมัวมืดบอดอับแสงเป็นส่วนใหญ่ ไม่สามารถปรับฟื้นจิตได้แล้ว จึงจำเป็นต้องล้างโลกกันเสียทีในปี ๒๕๖๐ นี้
    นี่คือเหตุแห่งมหันตภัยของโลกครั้งที่จะถึงนี้ โดยที่มนุษย์เป็นส่วนใหญ่ และสรรพชีวิต ได้ร่วมกันสร้างพลังงานฝ่ายมืด คือความเลวร้ายมืดดำทั้งปวง จนหลุมดำไม่สามารถ รับขึ้นไปเก็บไว้ได้อีกแล้ว สุดท้ายมนุษย์นำพาโลก และจักรวาลขึ้นสู่ตาชั่งแห่งดุลยภาพแล้ว มีผลลัพธ์สุดท้ายคือ การเกิดมหันตภัยล้างโลกในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ นี่เอง ตั้งแต่ลมหายใจนี้ ไม่คิดพยายามสร้างกรรมฝ่ายสว่างกันบ้างเลยหรือ มนุษย์ทั้งหลาย จงตื่น เพื่อร่วมกันสร้าง พลังงานฝ่ายสว่างบนข้อเท็จจริงแห่งธรรมชาติกับข้า "ข้าคือสัญญาธาตุรู้ที่อยู่คู่กับทุกอณูในสรรพสิ่ง"</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  12. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ขอขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาเล่าให้เพื่อนๆสมาชิกได้รับทราบครับ

    ขอขอบคุณที่นำสิ่งดีให้รับรู้ขอบคุณครับ
     
  13. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    สาธุครับ...


    เหตุและปัจจัย
    คือ
    หนทางเป็นไปแห่งสรรพสิ่ง
    โลกจะแตก
    มันก็ไม่แปลกอะไร
    ดิน น้ำ ลม ไฟ
    ไม่สมดุล
    ผู้คนล้มตาย..เพราะภัยธรรมชาติ
    นั้นคือ ธาตุแปรปรวน..
    ปฏิบัติตนบนเส้นทางธรรม
    น้อมนำสู่สัจจะปัญญาอย่างแท้จริง
    ...........

    ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    นอสตราดามุส <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ภาคชีวประวัติ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    1. ชาติกำเนิด<o:p></o:p>
    มิเชล เดอ นอสเตรอดัม (Michel de Nostredame) ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามจากชาวโลกว่าเป็น “ราชาโหรโลก” นี้โดยทั่วไปผู้คนรู้จักเขาในชื่อที่เป็นภาษาละตินว่า “นอสตราดามุส” (NOSTRADAMUS) เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1503 ตามแบบปฏิทินจูเลียนโบราณ ซึ่งตรงกับวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1503 ตามแบบปฏิทินเกรกอเรียน บ้านเกิดอยู่ที่ แซงต์ เรมี เดอ โปรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส<o:p></o:p>
    แต่เดิมมีผู้เข้าใจว่าตระกูลของนอสตราดามุสสืบเชื้อสายมาจากขุนนางแพทย์ชาวอิตาเลียนเชื้อสายยิว ซึ่งเป็นแพทย์หลวงประจำราชสำนักของ พระเจ้าเรอเนแห่งอังจู แต่ความจริงแล้ว ตระกูลของนอสตราดามุสไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากขุนนางแพทย์อย่างที่เคยกล่าวอ้างนั้นแต่อย่างใด ทว่าสืบทอดเชื้อสายมาจากตระกูลสามัญชนชาวเมืองอาวิยอง<o:p></o:p>
    จากหลักฐานที่ได้จากการค้นคว้าและวิจัยพบว่า ปู่ของนอสตราดามุส มีชื่อว่า ปีโรต์หรือปีแอร์ เดอ นอสเตรอดัม ซึ่งประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าขายข้าวผู้มีฐานะมั่งคั่ง และได้แต่งงานกับหญิงสาวนอกศาสนายิวคนหนึ่งชื่อบลังช์ ต่อมานายปีแอร์ เดอ นอสเตรอดัมผู้นี้มีบุตรกับนางบลังช์คนหนึ่งชื่อ จูมหรือจาคส์ ซึ่งก็คือบิดาของนอสตราดามุสนี่เอง นายจาคส์ได้ย้ายที่อยู่จากเมืองอาวิยองไปอยู่ที่เมือง แซงต์ เรมี เดอ โปรวองซ์ ในปี ค.ศ. 1495 หลังจากย้ายมาอยู่ในที่แห่งใหม่นี้แล้ว นายจ๊าคศ์ได้เลิกประกอบกิจการค้าข้าว โดยเด็ดขาด และได้แต่งงานอยู่กินกับ นางเรนีร์ เดอ แซงต์ เรมี หลานสาว ของนายแพทย์ผู้หนึ่งซึ่งเปลี่ยนอาชีพจากแพทย์มาเป็นนายอากร<o:p></o:p>
    เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1501 พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส ทรงมีพระบรมราชโองการป่าวประกาศ บังคับชาวยิวทุกคนให้เปลี่ยนศาสนาเดิมมานับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ซึ่งถ้าหากชาวยิวผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม พระบรมราชโองการนี้ ก็จะต้องอพยพโยกย้ายออกจากมณฑลโปรวองซ์ภายในสามเดือน ก่อนหน้านี้ คือในปี ค.ศ. 1458 หลังจากพระเจ้าหลุยส์แห่งอารากองสิ้นพระชนม์ ทั้งมณฑลโปรวองซ์และมณฑลแม็ง ได้ตกอยู่ในอำนาจ การปกครองของกษัตริย์ฝรั่งเศส<o:p></o:p>
    เมื่อพระเจ้าหลุยส์แห่งฝรั่งเศสทรงมีพระบรมราชโองการประกาศออกมาเช่นนี้ ครอบครัวของนอสตราดามุสจึงจำใจต้องเปลี่ยนศาสนาจากยูดายเป็นคาทอลิกอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงใด ๆ ได้ มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่า เมื่อปี ค.ศ. 1512 ซึ่งเป็นตอนที่นอสตราดามุสยังอยู่ในเยาว์วัย มีอายุเพียง 9 ขวบ บิดามารดาของเขามีชื่ออยู่ในบัญชีของผู้เปลี่ยนศาสนาอื่นมานับถือคริสต์นิกายคาทอลิก<o:p></o:p>
    ผู้ที่ต้องการจะถอดข้อความในคำทำนายของนอสตราดามุสอย่างน้อยจะต้องตระหนักในข้อเท็จจริงที่ว่า นอสตราดามุสมีพื้นเพสืบเชื้อสายมาจากยิว เพราะเป็นที่แน่นอนว่าเขาได้รับอิทธิพลจากการที่ได้เคยอ่านตำรับตำราไสยศาสตร์ของพวกยิว<o:p></o:p>
    ยิ่งไปกว่านั้น นักเขียนชีวประวัติหลายต่อหลายคนยังอ้างด้วยว่า ตระกูลของนอสตราดามุสสืบเชื้อสายมาจากยิวโบราณเผ่าอิสซาการ์ ซึ่งเป็นพวกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านดาราศาสตร์มาก สามารถตีความปรากฏการณ์ ธรรมชาติต่าง ๆ ที่ปรากฏบนท้องฟ้าได้ โจเซฟุสนักประวัติศาสตร์ชาวยิวเคยกล่าวถึงยิวเผ่าอิสซาการ์นี้ว่า เป็นพวก “ที่สามารถหยั่งรู้สิ่งทั้งหลายซึ่งจะอุบัติขึ้นในอนาคตได้”<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสเป็นบุตรคนโตของครอบครัว มีน้องเกิดร่วมท้องอีก 4 คน คือ เบอร์ทรันต์, เฮ็กโตร์, อังตวง และ ฌอง เราไม่สามารถค้นหาประวัติละเอียดของ เบอร์ทรันต์,เฮ็กโตร์ และอังตวงได้ แต่สำหรับคนที่ชื่อ ฌอง พอค้นหาประวัติได้ว่าเป็นนักประพันธ์และนักวิจารณ์เพลงพื้นเมืองของมณฑลโปรวองซ์ ต่อมาได้เล่นการเมืองและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรของมณฑลโปรวองซ์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    2. การศึกษาในปฐมวัย<o:p></o:p>
    แววอัจฉริยะของนอสตราดามุส ได้ฉายออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดตั้งแต่เยาว์วัยเลยทีเดียว การศึกษาในปฐมวัยของเขาเริ่มต้นที่บ้านก่อน โดยมีปู่เป็นผู้สอนความรู้เบื้องต้นของวิชาภาษาละติน ภาษากรีก ภาษาฮิบรู คณิตศาสตร์และโหราศาสตร์ให้ ในสมัยนั้น นอสตราดามุสเรียกวิชาโหราศาสตร์ นี้ว่า “นภศาสตร์” (Celestial Science)<o:p></o:p>
    เมื่อปู่ถึงแก่กรรมแล้ว นอสตราดามุสได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านกับบิดา มารดา แต่การศึกษาก็ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป โดยคราวนี้มีตาเป็นผู้สอนให้ ต่อมาถูกส่งให้ไปเรียนต่อที่เมืองอาวิยอง โดยได้ไปพักอยู่กับญาติ ๆ ซึ่งยังมีอยู่ในเมืองนั้น<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสให้ความสนใจในวิชาโหราศาสตร์มากเป็นพิเศษ จนเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่เพื่อนฝูงที่เรียนอยู่ด้วยกัน พวกเพื่อน ๆ ถึงกับขนานนามให้เขากว่า “โหรน้อย” นอกจากนั้นนอสตราดามุส ยังสนับสนุนทฤษฎีของ โคเปอร์นิคัส ที่กล่าวว่าโลกกลม และหมุนรอบดวงอาทิตย์อีกด้วย ซึ่งความเชื่อนี้ยังผลให้กาลิเลโอถูกฝ่ายศาสนจักรคาทอลิกนำตัวไปประหารชีวิต ในอีกร้อยปีต่อมา<o:p></o:p>
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    3. ศึกษาแพทยศาสตร์ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ที่มหาวิทยาลัยมองต์เปลิเย<o:p></o:p>
    การเป็น
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    4. เป็นแพทย์ผู้ชำนาญในการรักษากาฬโรค<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้เกิดกาฬโรคระบาดขึ้นทางภาคใต้ของฝรั่งเศส ในสมัยนั้นคนฝรั่งเศสเรียกโรคนี้ว่า
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    5. สำเร็จปริญญาเอกสาขาแพทยศาสตร์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    หลังจากที่ได้ออกตระเวนไปอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ในประเทศฝรั่งเศส นานถึง 4 ปีแล้ว นอสตราดามุสได้หวนกลับไปที่เมืองมองต์เปลิเยอีกครั้งหนึ่ง เขากลับไปคราวนี้ก็เพื่อที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยเดิมที่เขาสำเร็จปริญญาตรีมานั่นเอง<o:p></o:p>
    ผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมนอสตราดามุสถึงไม่เรียนปริญญาโทก่อนแล้วจึงค่อยเรียนปริญญาเอกในภายหลัง การที่นอสตราดามุสก้าวกระโดดไปเรียนปริญญาเอกได้เลยนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าหลักสูตรการศึกษาในมหาวิทยาลัยมองต์เปลิเยกำหนดให้ผู้จบปริญญาตรีสามารถเรียนต่อปริญญาเอกได้เลย ไม่ต้องผ่านปริญญาโท ในกรณีที่นักศึกษาผู้นั้นมีผลการเรียนดีเยี่ยมในระดับปริญญาตรีมาแล้ว ซึ่งปัจจุบันบางมหาวิทยาลัยทั้งในยุโรปและอเมริกา หรือแม้แต่ในเมืองไทยของเราก็ถือแนวปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ นอสตราดามุสเริ่มลงทะเบียนเป็นนักศึกษาปริญญาเอก เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1529 การสอบในระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยมองต์เปลิเย ในสมัยนั้น ใครที่สามารถผ่านได้ก็ถือว่า ต้องยอดเยี่ยมจริง ๆ นักศึกษาต้องเตรียมศึกษาค้นคว้าวิชาต่าง ๆ เพื่อให้กรรมการทำการสอบจำนวน 12 วิชา แต่ในเวลาสอบจริง ๆ จะเลือกสอบเพียง 6 วิชา ใน 6 วิชานี้ 3 วิชาเลือกโดยวิธีจับสลาก ส่วนอีก 3 วิชา คณบดีคณะแพทยศาสตร์เป็นผู้เลือกให้ด้วยตนเอง<o:p></o:p>
    เมื่อได้ทำการเลือกข้อสอบตามกรรมวิธีดังกล่าวแล้ว นักศึกษาผู้เข้าสอบต้องอภิปรายถกแถลง และตอบข้อซักถามกับบรรดากรรมการสอบจนเป็นที่พอใจของทุกคน<o:p></o:p>
    กล่าวกันว่า เมื่อนอสตราดามุสสอบเพื่อรับปริญญาเอกในครั้งนี้ ได้ถูก กรรมการรุมกินโต๊ะถามอย่างหนัก ทั้งนี้ก็เพราะเหตุที่เขามีแนวการวินิจฉัยและแนวการรักษาโรคผิดแผกแตกต่างไปจากแพทย์คนอื่น ๆ <o:p></o:p>
    นอกจากนั้นที่กรรมการซักนอสตราดามุสหนักกว่านักศึกษาระดับปริญญาเอกคนอื่น ๆ เพราะพวกกรรมการสอบเองไม่ค่อยจะชอบขี้หน้านัก เพราะเขามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เคารพยกย่องในหมู่ของประชาชน จนเกินหน้าเกินตาแพทย์คนอื่น ๆ ในสมัยนั้น<o:p></o:p>
    อย่างไรก็ตาม นอสตราดามุสได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเด่นชัดว่ามีความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในด้านการแพทย์เป็นยอดเยี่ยม จนกระทั่งกรรมการสอบผู้มีอคติไม่สามารถจะหาข้อติใดๆ ได้ ในที่สุด นอสตราดามุสก็ได้รับปริญญาเอก ซึ่งทำให้เขามีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะสวมหมวก ทรงสี่เหลี่ยมอย่างที่เราเห็นอยู่ในรูปของเขาที่โบสถ์เมืองซาลอง นอกจากนั้นเขายังได้รับแหวนทองประจำตัวแพทย์อีกวงหนึ่ง กับตำราแพทย์ของฮิปโปเครติสอีกหนึ่งเล่ม ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย<o:p></o:p>
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    6. เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยมองต์เปลิเย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    หลังจากสำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาเอกแล้ว ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมองต์เปลิเย เชื่อในความสามารถจึงได้เสนอตำแหน่งอาจารย์สอนประจำคณะให้แก่นอสตราดามุส ซึ่งเขาก็รับคำเชิญเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี แต่ทว่าในช่วงที่เป็นอาจารย์อยู่นี้เกิดขัดแย้งกับคณาจารย์อื่น ๆ เกี่ยวกับความเห็นด้านทฤษฎีการแพทย์ คือที่สำคัญนอสตราดามุสไม่เห็นด้วยกับการที่จะรักษาคนไข้ ซึ่งเป็นกาฬโรคด้วยวิธีถ่ายเลือดให้ ซึ่งแพทย์ร่วมสมัยนิยมทำกันในสมัยนั้น ประจวบกับนอสตราดามุสมีนิสัยไม่ชอบอยู่เป็นที่อย่างถาวร ดังนั้นเขาจึงลาออกจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้ว เดินทางร่อนเร่พเนจรไปอยู่ยังที่ต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่งเมื่อปี ค.ศ. 1532 <o:p></o:p>
    ในช่วงที่ท่องเที่ยวไปในครั้งหลังนี้ นอสตราดามุสมักประสพกับปัญหาความยุ่งยาก อยู่เสมอ ๆ เพราะเขาชอบสวมเสื้อคลุมและหมวกสีดำ ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นยิว จึงช่วยกันแจ้งให้ฝ่ายศาสนจักรจับตาดูพฤติกรรมของเขาอยู่ทุกระยะ ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ ณ ที่ใด<o:p></o:p>
    มีข้อที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ นักเขียนฝรั่งเศสชื่อ ราบิเลส์ (Rabelais) ซึ่งชอบเขียนหนังสือแนวขบขันหยาบโลน ก็สำเร็จปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมองต์เปลิเยเมื่อปี ค.ศ. 1530 ด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่านอสตราดามุสและราบิเลส์เคยพบกันมาก่อน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    7. แต่งงานครั้งแรก<o:p></o:p>
    ในช่วงสองปีหลังจากลาออกจากมหาวิทยาลัยมองต์เปลิเยแล้ว นอสตราดามุสได้ท่องเที่ยวผ่านไปยังเมืองบอร์โด เมืองลาโรเชล และเมืองตูลูส ขณะที่ทำการรักษาคนไข้อยู่ในสามเมืองนี้ เขาได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากจูเลียส ซีซาร์ ชาลิแจร์ นักปรัชญาคนสำคัญของยุโรปในยุคกลาง ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้นักปรัชญายุคเดียวกันที่ชื่อ อีราสมุส<o:p></o:p>
    ชาลิแจร์เป็นนักปรัชญาที่สนใจหลายด้าน เป็นต้นว่าด้านการแพทย์ คำประพันธ์ ปรัชญา พฤกษศาสตร์และคณิตศาสตร์ ที่ชาลิแจร์เขียน จดหมายไปนี้ก็เพื่อเชิญนอสตราดามุสให้ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของเขาที่เมืองอากัง<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสได้รับจดหมายฉบับนี้แล้วก็ตอบไปว่า ตนยินดีที่จะไปอยู่ที่บ้านของชาลิแจร์ด้วย นอสตราดามุสชอบชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองอากังนี้มาก ราวปี ค.ศ. 1545 เขาได้ยุติการใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรชั่วคราว โดยได้ตัดสินใจแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่า เธอผู้นั้นนอกจากจะสะสวยน่ารักแล้วแถมยังร่ำรวยเสียอีกด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถค้นหาชื่อภรรยาคนแรกของนอสตราดามุสนี้ได้<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสมีลูกกับภรรยาคนนี้ 2 คน เป็นชาย 1 หญิง 1 ชีวิตในครอบครัวของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนในด้านอาชีพการแพทย์ของเขานั้นเล่า ก็ประสพความเจริญก้าวหน้า และสร้างชื่อเสียงให้แก่เขามากยิ่งขึ้น<o:p></o:p>
    นอกจากนั้น เขายังได้ประโยชน์มากมายจากการที่ได้มาอยู่กับจูเลียส ซีซาร์ ชาลิแจร์ เพราะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนักปรัชญาผู้นี้เป็นประจำ กับทั้งได้มีโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนทรรศนะกับผู้คนที่ไปมาหาสู่ชาลิแจร์อีกมากมาย ซึ่งทำให้นอสตราดามุสได้ความรู้มีโลกทรรศน์กว้างไกล และฉลาดเฉียบแหลมมากยิ่งขึ้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    8. ประสพเคราะห์กรรม<o:p></o:p>
    แต่ครั้นถึงปี ค.ศ. 1537 โศกนาฏกรรมหลายต่อหลายอย่างได้ซัด กระหน่ำชีวิตและครอบครัวของนอสตราดามุส คือปีนั้นกาฬโรคระบาดเข้ามาในเมืองอากัง และในที่สุด ได้คร่าเอาชีวิตภรรยาและลูกทั้งสองคนของนอสตราดามุสไปด้วย ทั้งๆ ที่เขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตภรรยาและลูกทั้งสองคนของเขาได้<o:p></o:p>
    เมื่อการณ์กลับปรากฏเป็นเช่นนี้ เกียรติภูมิของนอสตราดามุสในฐานะที่เป็นแพทย์ผู้สามารถในการรักษากาฬโรคได้ถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อประชาชนทราบว่าเขาไม่สามารถช่วยชีวิตแม้แต่คนในครอบครัวของตัวเองได้<o:p></o:p>
    ยิ่งไปกว่านั้น ในระยะต่อมาเขาเกิดแตกคอกับนายชาลิแจร์ จนถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกันในที่สุด ซึ่งที่จริงผู้ที่ก่อเรื่องไม่ใช่ฝ่ายนอสตราดามุส แต่เรื่องเกิดขึ้นเพราะชาลิแจร์เป็นผู้ก่อ ชาลิแจร์ไม่เพียงแต่ก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับนอสตราดามุสเท่านั้น แต่ยังเที่ยวหาเรื่องกับเพื่อนฝูงทุกคนของเขาด้วย<o:p></o:p>
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความเป็นเพื่อนระหว่างนอสตราดามุสกับชาลิแจร์จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่นอสตราดามุสไม่เคยกล่าวให้ร้ายป้ายสีชาลิแจร์เลย ในหนังสือ Traite des fardemens นอสตราดามุสยังคงเขียนสรรเสริญ เยินยอเกียรติคุณของชาลิแจร์ ไว้ว่า
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    9. ทำนายดวงชะตาของผู้ที่จะเป็นพระสันตะปาปา<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    มีตำนานเล่าขานต่อ ๆ กันมาว่า ในช่วงนี้นอสตราดามุสมีความสามารถในการทำนายทายทักดวงชะตาราศีของใครต่อใครได้แล้ว ว่ากันว่า ในระหว่างที่เขาเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในประเทศอิตาลีนั้น วันหนึ่ง เขาเดินสวนทางกับนักบวชคริสต์รูปหนึ่งซึ่งขณะนั้นมีหน้าที่เป็นเพียงคนเลี้ยงสุกรในวัด เพียงมองเห็นครั้งแรกเท่านั้น นอสตราดามุสก็สามารถทราบในทันทีว่า นักบวชรูปนี้ต่อไปในอนาคตจะได้เป็นพระสันตะปาปา เขาจึงคุกเข่าลงที่โคลนเฉอะแฉะกลางถนนเป็นการคารวะ พลางกล่าวด้วยคำขึ้นต้นว่า
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    12. ปราบโรคระบาด<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เมื่อถึงปี ค.ศ. 1554 นอสตราดามุสได้ไปตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เมืองมาร์แซย์ โดยพักอยู่กับหลุยซ์ แซร์เรอ ในเดือนพฤศจิกายนของปีนั้น มณฑลโปรวองซ์ได้ประสพกับอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งซีซาร์บุตรชายของนอสตราดามุสได้เล่ารายละเอียดเรื่องนี้ไว้ในหนังสือชื่อ Histoire de <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:State><st1:place>Provence</st1:place></st1:State> ว่า ผลของอุทกภัยครั้งนี้ทำให้กาฬโรคระบาดหนักยิ่งกว่าเดิมอีกเท่าตัว เพราะเชื้อโรคแพร่ระบาดไปกับศพเน่าที่ลอยไปตามน้ำ<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนเพื่อรักษาคนไข้ที่เป็นโรคนี้ ซึ่งแตกต่างจากแพทย์คนอื่น ๆ ที่พากันกลัวตายและได้หลบหนีออกไปจากเมืองมาร์แซย์ พร้อมกับคนไข้ที่พอมีกำลังวังชาเดินเหินได้ ซึ่งการกระทำของแพทย์ดังกล่าวกลับยิ่งทำให้กาฬโรคระบาดไปถึงเมืองอื่น ๆ ที่พวกเขาอพยพคนเข้าไปอยู่<o:p></o:p>
    ในสมุดบันทึกความจำที่บันทึกไว้ในสมัยนั้นกล่าวว่า กาฬโรคระบาดหนักที่สุดในเมืองเอ็กซ์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลโปรวองซ์ เจ้าหน้าที่ในเมืองนี้จึงได้ส่งคนไปตาม เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1455 นอสตราดามุสได้เดินทางไปอยู่ที่เมืองเอ็กซ์ตามคำเรียกร้องของเจ้าหน้าที่ และเป็นแพทย์เพียงผู้เดียวที่ไม่ยอมอพยพหนีไปอยู่ที่เมืองอื่น ตลอดระยะเวลาที่โรคยังระบาด<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสทำงานอยู่ท่ามกลางคนป่วย โดยไม่ประหวั่นพรั่นพรึงอันตรายจากการติดเชื้อและให้การรักษาเยียวยาแก่พวกเขาโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก เขาแนะนำให้ประชาชนในเมืองเอ็กซ์พยายามอยู่ในที่ซึ่งมีอากาศบริสุทธิ์และดื่มแต่น้ำสะอาดเท่านั้น<o:p></o:p>
    เมื่อนอสตราดามุสเดินทางไปถึงเมืองเอ็กซ์ใหม่ ๆ นั้น ประชาชนในเมืองนี้ต่างแสดงออกถึงความรู้สึกว่าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เช่น ในกรณีของคนไข้หญิงรายหนึ่ง เธอจัดการเย็บถุงเตรียมเอาไว้ห่อศพของตัวเอง ด้วยเกรงว่าเมื่อเธอตายลงแล้วจะไม่มีใครเย็บให้<o:p></o:p>
    นอสตราดามุสได้บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเขาที่เมืองเอ็กซ์นี้ไว้ในหนังสือชื่อว่า Moultes Opuscules โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทที่ 8 เป็นบทที่เขียนบรรยายถึงเหตุการณ์ในเมืองนี้เฉพาะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    13. คิดค้นสูตรยาป้องกันกาฬโรค <o:p></o:p>
    นอสตราดามุสได้คิดค้นสูตรยาเม็ดป้องกันกาฬโรคขึ้นมาขนานหนึ่ง เรียกกันในสมัยนั้นว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...