พุทธานุสสติทางแห่งพระนิพพาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 2 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,438
    [​IMG]
    ถ้าเราอยากจะไปนรกก็พยายามทำลายศีล ๕ ให้หมดไป คือว่า
    ทำลายศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่งเป็น อาจิณกรรม แล้วก็ไม่สร้างส่วนที่เป็น
    กุศลที่มาหักห้ามมาขัดขวาง เราก็ไป อบายภูมิ ไปนรกกันแน่ แต่ทว่า
    ถ้ามีความจำเป็นจะต้องไปนรก จะต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่ว่าเรามีสิ่ง
    ที่เกาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่มีความสำคัญกว่านั้นคือ
    พระพุทธเจ้า
    อย่าง สุปติฏฐิตเทพบุตร สุปติฏฐิตเทพบุตร นี่ทำลายศีลทุกอย่าง
    แต่ว่าเวลาจะตายจริง ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ขอให้พระพุทธเจ้า
    มาช่วยตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึง-
    สเทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าอีกจบเดียว
    เป็นพระโสดาบัน
    หนีนรกกัน เมื่อตื่นใหม่ ๆ ยังไม่ต้องลุกไปไหน ถ้ายังไม่ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ
    ยังไม่ต้องตั้งท่า ไม่ต้องลุกขึ้นมานั่งก็ได้ ไม่จำเป็นจิตจะเคลื่อน นอน
    แบบนั้น หายใจเข้านึกว่าพุท หายใจออกนึกว่า โธ ถ้าทำอย่างนี้เป็นปกติ
    จนกระทั่งเกิดอาการชิน ต่อไปวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นมีความรำคาญ
    จำเป็นต้องทำอย่างนี้ท่านถือว่า
    เป็นผู้ทรงฌานใน พุทธานุสสติ-
    กรรมฐาน
    เวลาจะตายบาปต่าง ๆ จะไม่สามารถเข้ามาควบคุมจิตได้
    จะมีแต่บุญอย่างเดียว เข้ามาอยู่กับจิต เมื่อบุญเข้ามาอยู่กับจิต บาปก็เข้า
    ไม่ได้ บุญต่าง ๆ ที่เราทำ อาจจะยังไม่ปรากฏภาพ
    แต่ภาพที่ปรากฏ
    จริง ๆ ก็คือพระพุทธเจ้า
    เราจะเห็นภาพพระพุทธเจ้าก่อนตาย ถ้าเรา
    เห็นพระพุทธเจ้าก่อนตายถ้าจิตทรงตัวอย่างนั้นตามบาลีท่านบอกว่าไม่ได้
    เกิดบนสวรรค์ เป็นพรหม ถ้าถึงเวลาจิตรำคาญไม่ทำไม่ได้นี่จะต้องทำ
    ได้มากก็ได้น้อยก็ได้ต้องทำหน่อย อย่างนี้ท่านบอกว่า
    จิตทรงฌาน
    ตายเป็นพรหม
    เวลานี้ฉันก็แก่มากแล้ว อายุก็น้อยลงไปแล้ว วันเวลาก็เหลือไม่มาก
    การจะแนะนำกันก็ขอแนะนำเอาสิ่งที่ง่ายที่สุด ตัวอย่างที่เราจะพึงเห็นง่าย ๆ
    อย่างท่าน มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ท่านมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร เป็น
    มิจฉาทิฏฐิ คือว่า
    เป็นพราหมณ์ ไม่ไหว้พระพุทธเจ้า ไม่ใส่บาตร
    ไม่เคยฟังเทศน์
    แต่เวลาใกล้จะตายจริง ๆ จิตใจของท่านนึกถึงพระพุทธเจ้า
    ขอให้มาช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เวลานั้นก็ตาย เวลานั้นก็เกิดบนสวรรค์-
    ชั้นดาวดึงสเทวโลก ต่อมาในฐานะที่เป็นเทวดา ได้ฟังพระพุทธเจ้าเทศน์อีก
    กัณฑ์เดียวก็เป็นพระโสดาบัน เพียงแค่เขานึกประเดี๋ยวเดียว สำหรับเรานึก
    เป็นเดือนเป็นปีอานิสงส์ย่อมดีกว่า

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    พระโสดาบันก็ดี พระสกิทาคามีก็ดี เป็นผู้มี อธิศีล
    คือ มีศีลบริสุทธิ์ พระอนาคามีเป็นผู้มี อธิจิต คือ จิตตั้งมั่น สำหรับ
    พระอรหันต์ มีปัญญาเป็นใหญ่ ก็รวมความว่า การปฏิบัติของเราทุกคน
    ก็ไม่ต้องตั้งอารมณ์มาก ถ้าปฏิบัติเพื่อการบรรลุมรรคผล ให้ถือตัวอย่างเป็น
    สำคัญ ชอบใจของใครปฏิบัติตามนั้น อย่างสมมุติว่าเราจะเอาแค่เบา ๆ
    อย่างพวก เนยยะ พวก เนยยะ นี่เข้าถึงไตรสรณคมน์ ก็เอาตัวอย่าง
    มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ซึ่งท่านทำน้อยแต่ว่ามีผลใหญ่ ทั้งนี้เพราะอะไร
    เพราะว่าท่านเข้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ มี พุทธานุสสติ คือ
    นึกถึง
    พระพุทธเจ้าเป็นอารมณ
    ์ ์แล้วก็ใช้เวลาแค่นิดหน่อย แค่เวลาป่วย ขณะที่
    ป่วยหนัก ไม่สามารถจะรักษาตัวเองได้ พ่อแม่ไม่เป็นที่พึ่งได้ ทรัพย์สมบัติ
    ไม่เป็นที่พึ่งได้ ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้ามาช่วยให้หายป่วย
    ขณะที่นึกถึงพระพุทธเจ้านั่นเองก็ตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดา
    บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกมีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้าหนึ่งพันเป็น
    บริวาร
    เอาอย่างนี่นะ ทุกวันถ้าเวลาของเรามีน้อย ก็ใช้เวลาก่อนจะหลับเมื่อศีรษะ
    ถึงหมอน นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ นี่สำหรับท่านที่ไม่ได้
    มโนมยิทธินะ พวกที่ได้มโนมยิทธินี่เขาได้กำไรมาก นึกถึงพระพุทธรูป
    องค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ คิดว่าองค์นี้คือพระพุทธเจ้าแล้วก็ภาวนาว่า

    พุทโธ
    หายใจเข้านึกว่าพุท หายใจออกนึกว่า โธ สัก ๒ - ๓ ครั้ง ก็ได้ตาม
    ความพอใจ มากก็ได้น้อยก็ได้แล้วก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ ก็นึกถึง
    พระพุทธรูปองค์นั้นอีก แล้วก็ภาวนาว่าพุทโธ อีก ทำอย่างนี้ทุกวัน จนกระทั่ง
    ถึงวันไหนถ้าเราไม่มีโอกาสจะทำ วันนั้นรำคาญต้องทำ วิธีทำก็ไม่ต้องไป
    นั่งขัดสมาธิก็ได้ กลางวันทั้งวันเราเหนื่อยยากในการงานมากก็นอน เวลา
    จะนอนก็กราบหมอนสัก ๓ ครั้ง
    นึกกราบพระพุทธเจ้า กราบพระธรรม
    กราบพระอริยสงส์ หลังจากนั้นเมื่อหัวถึงหมอนก็นอนภาวนา พุทโธ
    ทำอย่างนี้เพียงแค่ ๒ - ๓ ครั้ง แล้วก็หลับ แล้วตื่นขึ้นมาใหม่เอาอีกแหละ
    เอาแบบนี้ จนกระทั่งมีอาการชิน วันไหนถ้าไม่ได้ภาวนา พุทโธ วันนั้นรำคาญ
    ไม่สบายใจ ไม่ได้ ต้องภาวนา อย่างนี้ถือว่าทรงฌานใน
    พุทธานุสสติ-
    กรรมฐาน
    ถ้าอารมณ์ของท่านทรงฌานใน พุทธานุสสติกรรมฐาน แล้ว
    ถึงแม้ศีลมันจะขาด มันจะบกพร่องบ้าง ถึงอย่างไรก็ตาม ตายแล้วต้องไป
    สวรรค์แน่นอน
    เอาแค่สวรรค์ก่อนนะ
    เรื่องทางใจนี่ต้องระวังให้มาก ในเมื่อเราระวังทางใจแล้วระวังทุกอย่าง
    ทั้ง ๆ ที่มีบาป เราก็ต้องหนีนรกด้วยทางใจเหมือนกัน นั่นคือนึกถึงพระพุทธเจ้า
    ไว้ พุทโธ อัปปมาโณ คุณพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้ สำหรับ
    สุปติฏฐิต-
    เทพบุตร
    เขานึกถึงพระพุทธเจ้าประเดี๋ยวเดียว แต่ว่ามันตายทั้ง ๆ ที่กำลัง
    นึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่นะ เขาจึงพ้นจากนรกได้ไปสวรรค์
    สำหรับเราเอา
    อย่างนี้ก็แล้วกัน
    ตอนก่อนจะหลับนึกถึงพระพุทธเจ้าดูพระพุทธรูปก็แล้วกัน
    นะ ถ้าใครไม่ได้มโนมยิทธิ ถ้าได้มโนมยิทธิก็ไม่ต้อง ห่วง ไปนิพพานเลย
    ไปประเดี๋ยวหนึ่งกลับก็ได้ ไปค้างบนนั้นก็ได้ อย่าลืมตอนเช้าอย่าลืมลงมานะ
    เดี๋ยวขาดงาน ก่อนจะหลับนึกถึงพระพุทธเจ้า ภาวนาว่า พุทโธ หายใจเข้า
    นึกว่า พุท หายใจออกนึกว่าโธ ถ้าภาวนาได้จนหลับจะดีมาก ถ้าบังเอิญ
    ภาวนาไม่ถึงหลับมันรำคาญก็เลิกเสียไม่เป็นไร ตื่นใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้า
    ภาวนาว่า พุทโธ นี่อย่างน้อยนะ

    สุปติฏฐิตเทพบุตร
    นี่ในกาลก่อนเธอไม่เคยรักษาศีลแม้แต่ศีล ๕ ศีล ๑
    ก็ไม่มีธรรมะ ก็ไม่ปฏิบัติ ไม่ยอมเคารพ ทานก็ไม่เคยให้ ไม่เคยตั้งใจรักษา
    ความดี ฆ่าสัตว์ตั้งแต่วันเกิดถึงวันตาย ฆ่าสัตว์ก็เอา ลักทรัพย์ก็เอา ประพฤติ
    ผิดในกามก็เอา มุสาวาท ก็เอา ดื่มสุราเมรัยก็เอา ทุกอย่างที่เขาเรียกว่า
    ความชั่ว ทำครบถ้วนทุกอย่าง แต่ทำไมจึงไปเป็นเทวดาได้
    ตอนนี้เป็น
    การเตือนใจญาติโยมนะ
    ทั้งนี้ก็เพราะขณะที่เขาแก่ลงไป เขาป่วยไข้
    ไม่สบายใกล้จะตาย มีทุกขเวทนามาก ก็มีภรรยา มีบุตรธิดา มีข้าทาสหญิง
    ชายนั่งล้อมอยู่ เขาก็คิดในใจว่า ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ห่วงเราทั้งหมด เขา
    สงสารเราทั้งหมด แต่ว่าไม่มีใครสามารถจะแบ่งเบาทุกขเวทนาไปได้ เรา
    ต้องทนทุกขเวทนาแต่ผู้เดียว เวลานั้นบังเอิญเป็น
    สมัยพระพุทธเจ้า
    ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป
    เขาก็นึกถึงพระพุทธเจ้าว่าตามธรรมดา
    พระพุทธเจ้าย่อมเมตตาไม่เลือกว่าใคร จึงตั้งใจคิดว่า เวลานี้บุตรธิดาภรรยา
    ข้าทาสหญิงชาย ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่เราหาไว้จนกระทั่งเกือบจะเป็น
    มหาเศรษฐี ไม่สามารถจะปลดเปลื้องทุกขเวทนาเราได้ เขาตั้งใจนึกถึง
    องค์สมเด็จพระจอมไตรคือพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้ามาช่วยโปรด
    ให้หาย ให้หมดทุกขเวทนาคือหายป่วย ในขณะที่เขานึกถึงพระพุทธเจ้า
    อยู่นั่นเอง เขาขาดใจตาย อาศัยที่นึกถึงพระพุทธเจ้าเดี๋ยวเดียว นิดเดียว
    ก็ตาย ก็ไปเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทองคำเป็น
    ที่อยู่ มีนางฟ้า ๑,๐๐๐ เป็นบริวาร อาศัยที่เป็นคนมีความประมาท เมื่อเป็น
    เทวดาก็เป็นเทวดาประมาท ไม่สร้างความดีต่อนี่เรื่องของท่านนะ

    ความจริงท่านทั้งหลายที่ได้สร้างความดีนี่ไว้ ดีกว่า มัฏฐกุณฑลี-
    เทพบุตร มาก เพราะว่า มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร จะยอมรับนับถือองค์-
    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็เพียงก่อนหน้าเขาจะตายประเดี๋ยวเดียว
    แต่ทว่าพวกเรานี่ทำบุญอะไรกันบ้าง ภาวนาอะไรกันมาบ้าง สมาทานศีล
    กันแล้วกี่ครั้ง ให้ทานกันแล้วกี่ครั้ง ฟังเทศน์กันแล้วกี่ครั้ง ภาวนาแล้วกี่ครั้ง
    จะประมวลเทียบกัน ความดีของ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร นี่เทียบกันไม่ได้
    เป็นอันว่าบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายทำไว้แล้วมีกำลังใหญ่กว่า
    มัฏฐกุณฑลี-
    เทพบุตร
    มาก ฉะนั้น การที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับรอง
    ถ้อยคำของ มัฏฐกุณฑลี ว่า การเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระชินศรี แม้แต่
    เพียงนิดหนึ่งก็สามารถไปสวรรค์ได้ ก็ต้องเป็นความเป็นจริง ถ้าบังเอิญ
    บุคคลใดที่เขาอ่านเรื่องนี้แล้ว เขาสงสัยว่าเรื่องโกหกเรื่องนรก เรื่องสวรรค์
    อย่างนี้ เราก็บอกเขาว่า หลักสูตรในพระพุทธศาสนามี ถ้าเขาเป็นคนดี
    มีความสามารถจริง ๆ จะเป็นชายหรือว่าเป็นหญิงก็ตาม
    เจริญสมาธิจิต
    ให้ได้ถึงฌาน ๔
    แล้วถอยหลังจิตของเรา เขามานี่มาฝึก
    ทิพจักขุญาณ
    โดยหัดจับกรรมฐานอย่างใดอยางหนึ่ง
    คือ
    อาโลกสิณ โอทาตกสิณ
    หรือว่า เตโชกสิณ
    อย่างใดอย่างหนึ่งทำให้จิตเป็น ทิพจักขุญาณ
    ) ขณะก่อนที่เราจะภาวนา ถ้าเรานึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน เพราะว่า
    คำสอนทั้งหมดเป็นของพระพุทธเจ้า จะภาวนาว่า พุทโธ ก็ได้
    สัมมาอรหัง
    ก็ได้ อิติสุคโต ก็ได้ หรือ นะมะพะธะ ก็ได้ ตามใจชอบ แต่จิตของเรา
    ก่อนภาวนาน้อมนึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่เวลานั้นชื่อว่าเป็น
    พุทธานุสสติ-
    กรรมฐาน
    นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
    ทีนี้การที่พระพุทธเจ้าแนะนำให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์เพราะว่า
    พระพุทธเจ้ามีกำลังสูงมาก บุญญาธิการมาก แม้แต่คนที่มีบาป
    มาก ๆ แค่นึกถึงพระองค์ อย่างเดียวโดยไม่มีความเคารพมาก่อนก็สามารถ
    ไปนิพพานได้

     

แชร์หน้านี้

Loading...