พุทธานุสสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสสติ อนุสสติ ๑๐

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 17 พฤศจิกายน 2005.

  1. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]


    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#800000 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ece8df border=2><TBODY><TR><TD>
    พุทธานุสสติ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ๑. พุทธานุสสติ ได้แก่การน้อมจิตรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า คือ ระลึกถึงความดีอันมีอยู่ในพระองค์ ซึ่งมีอยู่ ๙ ประการ ตามนัยพระบาลี พุทธานุสสติปาฐะ คือ บทสวด อิติปิโส ภควาฯ
    อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต
    โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถาเทว มนุสสานัง พุทโธ ภควา-ติ
    อิติปิโส ภควา พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
    ๑. อรหัง ทรงเป็นพระอรหันต์ ห่างไกลจากกิเลส
    ๒. สัมมาสัมพุทโธ ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ
    ๓. วิชชาจรณสัมปันโน ทรงถึงพร้อมด้วยวิชาและจรณะ
    ๔. สุคโต ทรงเป็นผู้เสด็จไปดี
    ๕. โลกวิทู ทรงเป็นผู้รู้แจ้งซึ่งโลก
    ๖. อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ ทรงเป็นผู้ฝึกคนอย่างยอดเยี่ยม
    ๗. สัตถา เทวมนุสสานัง ทรงเป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
    ๘. พุทโธ ทรงเป็นผู้ตื่นแล้ว (ทรงเป็นผู้ตื่นแล้ว จากกิเลสนิทรา)
    ๙. ภควา ทรงเป็นผู้จำแนกธรรม
    เมื่อกล่าวโดยย่อ พระองค์ทรงมีพระคุณ ๓ ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณและพระวิสุทธิคุณ
    การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า จะระลึกตามบทสวดอิติปิโสทั้งหมดนั้นก็ได้ หรือจะระลึกข้อใดข้อหนึ่งก็ได้
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#800000 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ece8df border=2><TBODY><TR><TD>
    ธัมมานุสติ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ๒. ธัมมานุสติ ได้แก่การระลึกถึงคุณของพระธรรม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีอยู่ ๖ ประการ ตามนัยพระบาลีธัมมานุสสติปาฐะ
    สวากขาโต ภควาตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปัสสิโก
    โอปนยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ-ติ
    ธัมโม พระธรรม
    ๑. สวากขาโต เป็นธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว
    ๒. สันทิฏฐิโก เป็นธรรมที่ผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง
    ๓. อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาลสมัย (ใช้ได้ทุกสมัย)
    ๔. เอหิปัสสิโก เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู (ให้พิสูจน์ดูได้)
    ๕. โอปนยิโก เป็นธรรมที่ควรน้อมเข้ามาในตน (ดีมีประโยชน์)
    ๖. ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เป็นธรรมอันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#800000 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ece8df border=2><TBODY><TR><TD>
    สังฆานุสสติ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ๓. สังฆานุสสติ คือ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ ซึ่งมีอยู่ ๙ ประการ ตามนัยสังฆานุสสติปาฐะ คือ บทสุปฏิปันโนฯ
    สุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ
    อุชุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ
    ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ
    สามีจิปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ
    ยทิทัง จัตตาริ ปุริสยุคานิ อัฏฐ ปุริสปุคคลา
    เอส ภควโต สาวกสังโฆ
    อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชลีกรณีโย
    อนุตตรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสา-ติ
    ภควโต สาวกสังโฆ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค
    ๑. สุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    ๒. อุชุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว
    ๓. ญายปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม
    ๔. สามีจิปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติสมควร (เหมาะสม)
    ๕. อาหุเนยโย เป็นผู้ควรรับของคำนับ
    ๖. ปาหุเนยโย เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ
    ๗. ทักขิเนยโย เป็นผู้ควรรับของทำบุญ
    ๘. อัญชลีกรณีโย เป็นผู้ควรประณมมือไหว้
    ๙. อนุตตรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
    ***************************************
    จาก
    แนวสอนธรรมะ ตามหลักสูตรนักธรรมตรี
    เรียบเรียงโดย พันเอก ปิ่น มุทุกันต์
    หน้า ๓๘๘ - ๓๙๐
    อนุสสติ ๑๐
    อนุสสติ คือ อารมณ์ควรระลึก ๑๐ ประการ
    ๑. พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
    ๒. ธัมมานุสสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม
    ๓. สังฆานุสสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์
    ๔. สีลานุสสติ ระลึกถึงศีลของตน คือ ตรวจดูศีลที่ตนสมาทานไว้แล้ว ว่ามีข้อใดขาดหรือด่างพร้อยบ้าง ถ้าพบข้อที่ขาดหรือด่างพร้อยก็ผูกใจไว้ว่าจะสำรวมระวังต่อไป เมื่อเห็นว่าศีลของตนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ก็พึงปิติยินดี
    ๕. จาคานุสสติ ระลึกถึงทานที่ตนได้บริจาคแล้ว ให้เกิดความ อิ่มเอิบใจ นึกว่าเป็นโชคของเราแล้วที่ได้บริจาคทาน อันเป็นการขัดเกลากิเลส ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น เมื่อระลึกได้อย่างนี้จนจิตเกิดความปีติ
    ๖. เทวตานุสสติ ได้แก่การระลึกถึงคุณธรรมที่ทำให้คนเป็นเทพ ได้แก่ศรัทธา ศีล การฟังธรรม ทานและปัญญา ระลึกว่าเทพทั้งหลายได้ บำเพ็ญธรรมเหล่านี้มาจึงได้ความเป็นเทพ ตัวเราเองก็มีคุณธรรมเหล่านี้แล้ว ระลึกอย่างนี้แล้วย่อมเกิดความปีติ
    ๗. มรณัสสติ ได้แก่การนึกถึงความตาย ว่าเราเองจักต้องตาย เมื่อระลึกถึงความตายย่อมทำให้จิตได้ความสังเวช สลดใจ ตื่นจากความมัวเมา
    ๘. กายคตาสติ ได้แก่การระลึกถึงอวัยวะร่างกาย ตั้งแต่ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ จนถึงอุจจาระปัสสาวะ ให้เห็นว่าร่างกายนี้เป็นของปฏิกูล โสโครก น่าเกลียด ร่างกายของเราฉันใด ร่างกายของคนอื่นก็ฉันนั้น เมื่อระลึกอย่างนี้จิตจะเกิดเป็นความเบื่อหน่าย คลายความกำหนัดยินดีในร่างกาย จิตจะถอนตัวจากราคะ
    ๙. อานาปานสติ คือ กำหนดลมหายใจของตนเอง เอาสติบังคับจิตให้จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ ตรงที่ลมผ่านช่องจมูก จะใช้วิธีนับลมเข้าลมออกด้วยก็ได้ จะใช้คำบริกรรมควบกับลมเข้าลมออกก็ได้ เมื่อปฏิบัติดังนี้ จิตจะถอนตัวจากอารมณ์อย่างอื่น ลดความฟุ้งซ่าน
    ๑๐. อุปสมานุสสติ ระลึกถึงคุณของพระนิพพาน ได้แก่ระลึกถึงความดีของพระนิพพาน กล่าวโดยย่อคือนึกถึงความสุขอันเกิดจากความสิ้นกิเลส ว่าเป็นความสุขที่แท้จริง เพราะดับเสียได้ซี่งตัณหาอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ การนึกถึงคุณพระนิพพานย่อมทำให้จิตยินดีในการละกิเลสและเห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร
    ***************************************
    จาก
    แนวสอนธรรมะ ตามหลักสูตรนักธรรมตรี
    เรียบเรียงโดย พันเอก ปิ่น มุทุกันต์
    หน้า ๓๘๖ - ๓๙๑
    ***************************************
     
  2. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    โมทนาครับ
     
  3. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    ......โมทนาครับ........
     
  4. ผู้ศึกษา

    ผู้ศึกษา เจ้าชายสีฟ้าคราม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +167
    โมทนาด้วย ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...