ภาพภิกษุสันดานกาเจตนาดีที่อาจส่งผลร้าย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 10 ตุลาคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    ภาพ'ภิกษุสันดานกา'เจตนาดีที่อาจส่งผลร้าย

    ภาพ"ภิกษุสันดานกา" เจตนาดีที่อาจส่งผลร้าย

    โดย พระยุทธพล ชิตงฺกโร วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กทม.



    สืบเนื่องมาจากช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา สังคมไทยได้มีโอกาสสัมผัสกระแสของความขัดแย้งของกลุ่มบุคคลในสองวงการ กล่าวคือ วงการศาสนา คือ พระสงฆ์ และวงการศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะ จิตรกรรม โดยมีประเด็นความขัดแย้งมาจากผลงานภาพเขียนสี ของนายอนุพงษ์ จันทร

    ซึ่งข้อพิพาทอาจจะไม่รุนแรงเท่าไหร่ หากผลงานชิ้นดังกล่าวไม่ได้รับรางวัลเหรียญทองการประกวดผลงานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ประจำปี 2550 เป็นดีกรีพ่วงท้าย และกำลังเดินสายจัดการแสดงตามสถาบันการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในปัจจุบัน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2550 ไปจนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2551 (มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 26 กันยายน 2550 หน้า 26) ดังกล่าวนั้น

    และเรื่องคงไม่เกิดขึ้นหากเนื้อหาที่ปรากฏออกมาในภาพดังกล่าว ไม่เป็นไปในลักษณะกระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของบุคลากร ในภาคการศาสนา อย่างเช่น พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ที่แสดงออกให้สังคมส่วนใหญ่รับรู้ถึงลักษณะที่เป็น "ศรัทธาสาธารณะ" ซึ่งหมายถึงรูปแบบแห่งการแสดงออกต่อผู้พบเห็นให้เกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาต่อสาธารณชนทั่วไป

    ตามความรู้สึกของผู้เขียน ซึ่งก็ไม่แตกต่างไปจากภาพลักษณ์ของบุคลากรในภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม ที่มีลักษณะเป็นศรัทธาสาธารณะเฉกเช่นเดียวกัน อย่างเช่น แพทย์ ตำรวจ ทหาร ครูอาจารย์ ข้าราชการ ฯลฯ เพียงแต่ภาพลักษณ์ของนักบวชเช่นพระสงฆ์จะถูกมองมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ เท่านั้น

    อะไรจะเกิดขึ้นหากกลุ่มบุคคลดังที่ได้กล่าวมาในสาขาอาชีพอื่นๆ วันดีคืนดีอาจถูกหยิบยกขึ้นมานำเสนอให้แปดเปื้อนด้วยปลายพู่กันของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินอย่างภาพ "ภิกษุสันดานกา" อย่างนี้บ้าง

    ปรากฏการณ์การนำเสนอภาพที่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อจิตใจของผู้มีจิตเลื่อมใส ศรัทธาในศาสนา เช่น ศาสนาพุทธ นี้ใช่ว่าจะเพิ่งมีปรากฏออกมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก แม้แต่ภาพของพระบรมศาสดาเองก็ยังถูกปู้ยี่ปู้ยำ ออกมานำเสนอทางอินเตอร์เน็ตให้เห็นอยู่เกลื่อนกลาด

    เราคงเคยได้เห็นกันและพยายามเรียกร้องให้แก้ไขกันครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งผู้ที่ผลิตสื่อในลักษณะดังกล่าวออกมาเหล่านั้น อาจจะทำให้เราเข้าใจได้แต่แรกทีเดียวว่าเขาเหล่านั้นอาจมิใช่เป็นผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ จึงกระทำการนำเสนอภาพเหล่านั้นไปโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ว่าผลงานเหล่านั้นจะออกมากระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของใครหรือไม่ ซึ่งก็พอให้อภัยได้

    แต่ในกรณีภาพที่สื่อออกมาในลักษณะเช่นภาพ "ภิกษุสันดานกา" อย่างนี้จะอ้างว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้กระนั้นหรือ

    ซึ่งตัวศิลปินเองและตลอดจนคณะกรรมการผู้ตัดสินรางวัลก็ประกาศตนอย่างชัดเจนว่าเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่อย่างเต็มภาคภูมิ มิหนำซ้ำยังแสดงออกถึงท่าทีที่ปรากฏออกมาตามสื่อต่างๆ ว่าทำไปเพื่อปรารถนาดีต่อผู้ดำรงตนเป็นสมณะ เช่น พระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลาย จะได้กลัวบาปบุญคุณโทษและจะได้ดำรงตนอยู่ในร่องรอยของสมณะที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

    ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ดำรงตนอยู่ในเพศสมณะเช่นเดียวกัน และกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าเป็นผู้หนึ่งที่มิได้มีลักษณะเช่นเดียวกับภาพ "ภิกษุสันดานกา" แต่อย่างใด ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความไม่คุ้มค่ากับภาพพจน์ของพระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่จะต้องสูญเสียไปกับภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอออกมาเยี่ยงนั้น เพื่อแลกกับจิตสำนึกของพระสงฆ์ส่วนน้อยที่ประพฤติผิดร่องรอยของพระธรรมวินัยไป จะได้กลับคืนมาเพียงหยิบมือเดียว เพราะว่าที่ผ่านมาวงการพระศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วงการพระสงฆ์นั้นบอบช้ำมาอย่างมากเพียงพอแล้วจากน้ำมือของบุคคลภายนอกและภายในศาสนาพุทธด้วยกันเอง

    เพราะถ้าหากเราสมมุติต่อไปว่า ภาพในลักษณะที่แสดงถึงพฤติกรรมในด้านลบของพระภิกษุสงฆ์เช่นนี้ ถูกจัดทำและนำเสนออกมาอีกในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายเวอร์ชั่นมากยิ่งขึ้นโดยไม่มีการท้วงติงจากหน่วยงานใดบ้างเลย เพราะเกิดได้รับกระแสการตอบรับจากประชาชนขึ้นมาอย่างเหลือล้นจนถึงขนาดนำไปขึ้นป้ายโฆษณา งานศิลปะตัวใหญ่ๆ ตัวโตๆ และนำไปติดตามสถานที่ชุมชนใหญ่ๆ เช่น ป้ายรถประจำทาง ตึกรามบ้านช่อง ริมถนนหนทาง เป็นต้น อะไรจะเกิดขึ้น

    หากเหล่าบรรดาพระภิกษุสงฆ์ซึ่งทุกๆ เช้าจะต้องออกโคจรรับบิณฑบาตจากบรรดาญาติโยมในสถานที่แหล่งต่างๆ เมื่อท่านต้องมาพานพบกับภาพโดนใจเหล่านั้น (ที่สมมุติว่าได้รับความนิยมและติดเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด) จะมีพระสงฆ์สักกี่รูป สักกี่วัดที่ยังกล้าออกมารับบิณฑบาตจากบรรดาเหล่าญาติโยม ได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับภาพบาดใจเหล่านั้น ทั้งๆ ที่พระคุณเจ้าทั้งหลายจะได้เป็นผู้ที่ขวนขวายในอันที่จะดำรงตนอยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

    จะมีใครสักกี่คนที่จะมาแบกรับความรู้สึกเช่นเดียวกับท่านได้บ้าง หากเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นมาจริงๆ

    นี่ยังไม่รวมถึงผลกระทบต่อค่านิยมการส่งบุตรหลานเข้ามาบวชเพื่อมาศึกษาพระธรรมวินัยในบวรพระพุทธศาสนาว่าจะลดลงไปมากน้อยเพียงใดจากกรณีดังกล่าว

    ถ้าหากสังคมเราทุกวันนี้ยังรับได้กับพฤติกรรมการนำเสนอผลงานทางศิลปะของศิลปินจิตรกรรมในลักษณะนี้ ในรูปแบบเช่นเดียวกับพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งทุกวันนี้ถูกนำมาเป็นหนูทดลองในทางศิลปจิตรกรรมไปแล้วละก็ ผู้เขียนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในวันข้างหน้าก็อย่าได้สะเทือนใจอะไรเลยหากสังคมอาจจะได้มีโอกาสทัศนา ผลงานทางด้านจิตรกรรมของศิลปินคนเดียวกันนี้ในรูปลักษณะที่แสดงออกถึงความไม่ดีงามของบุคคลที่อยู่ในสถานภาพต่างๆ ในสังคมบ้าง เช่น ภาพตำรวจเก็บส่วย รีดไถ อุ้มฆ่า หรือซ้อมผู้ต้องหา ภาพทหารไม่มีวินัยออกมาล้มล้างรัฐธรรมนูญด้วยรองเท้าคอมแบต และพยายามรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ด้วยมือ ภาพหมอไร้จรรยาบรรณ รับทำแท้งการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ของเด็กวัยรุ่นใจแตก ภาพข้าราชการรับสินบนใต้โต๊ะ รวมถึงภาพการฉ้อฉลกลโกงของบุคคลในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคม ก็ควรจัดทำออกมาให้ดูสมน้ำสมเนื้อเฉกเช่นเดียวกันให้ถ้วนหน้า

    ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น ถามว่าสังคมจะได้อะไรขึ้นมานอกจากความสะใจและเอือมระอากับพฤติกรรมของกันและกันเองกระนั้นหรือ

    ที่สมมุติเหตุการณ์ขึ้นมาเป็นกรณีตัวอย่างเช่นนี้มิใช่ว่าจะห้ามไม่ให้วงการศิลปะตลอดจนสื่อสารมวลชนประเภทต่างๆ นำเสนอข้อเท็จจริงในด้านที่ไม่ดีของผู้คนในแต่ละวงการเลยทีเดียว

    เพียงแต่เห็นว่าการจำกัดขอบเขตของการนำเสนอควรจะต้องทำกันอย่างรัดกุมให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในวงการแห่ง "ศรัทธาสาธารณะ" เช่น พระสงฆ์ อันเป็นเสาหลักของความดีงามที่อยู่ควบคู่มากับสังคมไทยมาแต่ครั้งโบราณกาล

    ซึ่งเท่าที่ผ่านมาหากเรากลับไปพลิกดูหน้าประวัติศาสตร์ก็ใช่ว่าเรื่องราวความไม่ดีงามของแวดวงคณะสงฆ์จะไม่ค่อยเกิดขึ้นเลย แต่คนโบราณท่านก็เลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการยกภาพคนดีมากดทับคนไม่ดีไม่ใช่ว่ายกภาพคนไม่ดีมากดทับคนดีอย่างที่ทำกันในปัจจุบันนี้ ซึ่งเหมือนกับการแก้ปัญหาด้วยการเอาลมไปดับไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น จะมิให้เปลวไฟและควันฟุ้งกระจายไปได้อย่างไรไหว

    ทางที่ถูกก็คือ เราทุกคนควรร่วมมือกันในการเอาน้ำเข้าไปดับไฟ คือกลับไปทบทวนดูว่าอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริงของความไม่ดีงามในสังคมนี้ แล้วค่อยๆ ทยอยดับสาเหตุแห่งปัญหาเหล่านั้นเสีย เมื่อเหตุถูกระงับผลก็จะดับไปเองอย่างเรียบง่ายและไม่เอิกเกริกวุ่นวาย

    ไม่เหมือนอย่างการพยายามแก้ปัญหาความไม่ดีงามของคนบางกลุ่มบางพวกที่อยู่ในคณะสงฆ์ให้ดีขึ้นด้วยการเขียนภาพชี้นำสังคมและกำลังเดินสายประจานกันอย่างที่ทำกันในขณะนี้

    ที่ได้สาธยายมาเสียยืดยาวนี้ มิได้ต้องการประชดประชันผู้ใดหรือหน่วยงานใด แต่ใคร่อยากจะสะกิดเตือนใจท่านทั้งหลายที่ได้มีโอกาสอ่านบทความชิ้นนี้ ว่าในสังคมนั้น ในแต่ละองค์กรก็มีทั้งคนดีและคนเลว อยู่ปะปนระคนกันอยู่ทุกวงการ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยกภาพแห่งการทำความดี หรือภาพแห่งการทำความชั่วมาให้สังคมได้เสพคุ้น จนติดเป็นนิสัยฝังใจในพฤติกรรมดังกล่าว จนแนบแน่นติดอยู่ในกมลสันดานได้มากน้อยเพียงใด

    หรือจะให้การแสดงภาพในลักษณะ "ภิกษุสันดานกา" อย่างนี้ ออกมาเต็มไปหมดจนบดบังคุณค่าแห่งความดีและความงามที่สั่งสมบ่มเพาะมาด้วยความยากลำบากและยาวนานของสถาบันสงฆ์ตลอดจนสถาบันอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต พังทลายลงมาในชั่วระยะเวลาเพียงข้ามคืน เพียงเพราะการอ้างความชอบธรรมของงานศิลปะว่าเป็นจิตวิญญาณอิสระ ที่จะต้องนำเสนอผลงานออกสู่สายตาประชาชนในทุกแง่ทุกมุมสู่สาธารณะให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะขัดต่อความรู้สึกของบุคคลบางกลุ่มบางจำพวกที่ใช้ชีวิตร่วมกับพวกท่านในสังคมเดียวกันก็ช่างมันปะไร ประเทศไทยเป็นของคุณแต่เพียงคนเดียวซะเมื่อไร

    เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถ้าวงการศิลปะลองหันกลับมานำเสนอภาพลักษณ์ในแง่มุมที่ดีบ้าง ผ่านทางผลงานทางด้านศิลปจิตรกรรมที่ตรงข้ามกับกรณีดังกล่าว ความมีจิตสำนึกตลอดจนความตระหนักชัดต่อหน้าที่ในแต่ละสถานภาพของคนในสังคม ก็อาจหวนกลับมาสู่ความดีงามได้อีกครั้งหนึ่ง

    จึงใคร่จะย้ำเตือนมาด้วยความปรารถนาดี โดยไม่ต้องมีเรื่องอัปรีย์มาแอบแฝงแต่อย่างใดเหมือนอย่างงานศิลปจิตรกรรมบางประเภท

    เพราะคติในทางพระพุทธศาสนา ท่านก็มักจะสอนกันเอาไว้ ในลักษณะที่ว่า การที่เราจะหวังวาดภาพให้ผู้อื่นเป็นไปเช่นไร ก็ให้ระวังตัวเราเองนั่นแหละ ที่จะต้องไปเป็นเช่นนั้น ท่านว่า....


    -----------
    ที่มา: มติชน
    http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01act04101050&day=2007-10-10&sectionid=0130
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    งานศิลปะเรื่องพระสันดานกา


    โดย ภูชิตต์ ภูมิปาณิก นักศึกษาปริญญาเอกสาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

    [​IMG]


    ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ทางด้านพุทธศาสนา ได้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชนหลากหลายกรณีทั้งในและต่างประเทศ

    ภาพการชุมนุมประท้วงที่หน้ารัฐสภาของพระภิกษุสงฆ์ไทย เพื่อกดดันภาครัฐให้บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นอดข้าวไม่ยอมแตะต้องภัตตาหาร ในที่สุดก็ยุติลงและไม่บรรลุเป้าหมายแต่อย่างใด

    ภาพการเดินประท้วงครั้งใหญ่ของพระภิกษุพม่าต่อรัฐบาลที่ขึ้นค่าน้ำมันในอัตราที่สูง รวมถึงความไม่พอใจต่อการปกครองแบบเผด็จการโดยรัฐบาลทหารพม่า สร้างความหวั่นวิตกและเป็นที่จับตาของอารยประเทศโดยทั่วไปว่าอาจมีเหตุนองเลือดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

    ล่าสุด คือการรวมตัวประท้วงของพระไทยต่อมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อระงับการแสดงภาพวาด "ภิกษุสันดานกา" ของอนุพงษ์ จันทร ผลงานระดับเหรียญทองในการประกวดงานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ซึ่งกระทบกระเทียบเปรียบเปรยพระศาสนา ด้วยทีแปรงอันดิบ กร้าวและดุดัน ในรูปแบบงานศิลปกรรมตามคตินิยมเอ็กซ์เพรสชั่นนิสม์ (Expressionism) ซึ่งได้รับกลิ่นอายจากตะวันตกที่แสดงอัตลักษณ์ของการวิพากษ์แก่นแท้สังคมอย่างเผ็ดร้อนมาช้านาน

    เนื้อหาของภาพเป็นการสะท้อนตัวตนของสังคมพุทธในปัจจุบัน โดยผ่านรูปพระสงฆ์ที่นั่งหันหน้าเอาศีรษะชนกัน มีปากแหลมเหมือนอีกา แสดงกิริยาแย่งด้วยสายสิญจน์และตะกรุดในบาตร ภายในย่ามมีลูกกรอกชาย-หญิงเปลื้องผ้าเห็นเครื่องเพศ บนเนื้อหนังมังสาปรากฏรอยสักรูปเดรัจฉานสมสู่กันในหลายส่วนของร่างกาย อันแสดงถึงภาคหนึ่งของไสยศาสตร์มนต์ดำ การลุ่มหลงและใฝ่ในอวิชชาต่างๆ ที่สิงสู่อยู่ในเบื้องลึกของสิ่งมีชีวิตเพศชายภายใต้ผ้าเหลืองผืนนั้น

    จากที่แปรงสู่เฟรมจีวรผืนใหญ่แทนผืนผ้าใบ สื่อความหมายถึงตัวแทนของพระศาสนาที่ศิลปินตั้งใจถ่ายทอดออกมา โดยมีแรงดลใจ และได้แนวคิดจากทิศทางของพุทธศาสนาเรื่อง "เปรตภูมิ" สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับพฤติกรรมของสงฆ์บางส่วนในปัจจุบัน ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ลุ่มหลงในกิเลส ตัณหา กามโลกียะ และสิ่งยั่วยุในทางโลก ละสิ้น ซึ่งการครองตนที่ดีของสงฆ์

    โดยเปรียบเปรยกับอีกาตามคำกล่าวอ้างในพระไตรปิฎก

    ปรากฏการณ์ในลักษณะดังกล่าวก่อให้เกิดการวิพากษ์ และแบ่งขั้วกันอย่างชัดเจนในสังคม ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วย และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเงื่อนไข

    การออกมาเคลื่อนไหวของเครือข่ายสงฆ์ ทั้งพระนิสิตจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) พร้อมพุทธศาสนิกชนกลุ่มใหญ่ เพื่อต่อต้านและยื่นเงื่อนไขต่อมหาวิทยาลัยศิลปากรให้ถอดถอนรางวัล รวมทั้งระงับการเผยแพร่ภาพดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นการลบหลู่และจาบจ้วงพุทธศาสนาอย่างรุนแรง บ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อภาพนี้ได้เป็นอย่างดี

    อีกฟากหนึ่งของสังคม กลุ่มนักวิชาการบางสาขา ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านศาสนาและศิลปะ กลับมองในมุมต่างว่าเป็นผลงานที่ดี มีคุณค่าและให้เจตนาของศิลปินมากกว่าว่าต้องการสื่อถึงอะไร ภาพวาดที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคม หาใช่เป็นการลบหลู่พระสุปฏิปันโนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ แต่ตำหนิบุคคลผู้อยู่ในคราบของพระหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "กาฝาก" หรือ "เหลือบ" ซึ่งเกาะกินพระศาสนานั่นเอง

    ในขณะที่อีกกลุ่มแสดงความคิดเห็นกลางๆ อย่างยอมรับแบบมีเงื่อนไขว่าขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล แต่ควรจะมีการอธิบายความมากกว่านี้หรือแสดงในอีกบทบาทหนึ่งของสงฆ์ที่ดี เพื่อเป็นการเปรียบเทียบกัน อย่าให้สังคมต้องตีความกันไปเอง เพราะอาจจะเข้าข่ายจาบจ้วงและหมิ่นในศาสนาได้

    การตีความใน 3 ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในทุกเวทีของการสื่อสาร เนื่องจากการถอดรหัสแห่งความหมายของสารที่ต่างกลุ่มต่างสังคมกัน มักจะมีเงื่อนไขและองค์ประกอบซึ่งแตกต่างกันออกไป

    การที่ศิลปินจะหยิบยื่นให้คนสังคมถือกุญแจดอกเดียวกัน เพื่อไขรหัสแห่งความหมายผ่าน "สัญญะ" ดังปรากฏในภาพให้เป็นไปในทางเดียวกันนั้น คงต้องใช้ความสามารถในการส่งสารที่สลับซับซ้อนและหลากหลายของผู้ส่งสารกันเลยทีเดียว สืบเนื่องจากทั้งในเรื่องธรรมชาติของตัวสื่อเองที่เล่าเรื่องราวได้ในขอบเขตอันจำกัด รวมถึงประเด็นที่จะนำมาวิพากษ์ค่อนข้างเปราะบางและอ่อนไหวอยู่พอสมควร

    ฉะนั้น การมองสังคมโดยผ่านกลิ่นสีและทีแปรงของงานชิ้นนี้ การประกอบสร้างความจริงระหว่างศิลปินกับเครือข่ายสงฆ์ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงชุดเดียวกัน

    การเสพผลผลิตของสื่อดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับมุมมอง ขอบเขตประสบการณ์และสถานะทางสังคมของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถมีกุญแจในการไขรหัสที่แตกต่างกันออกไปได้ เช่น

    (1) ในมุมมองทางธรรม ภาพนี้อาจจะจาบจ้วงอย่างรุนแรง หรือดูหมิ่นพระพุทธศาสนา

    (2) ในมุมมองทางโลก เป็นการสะท้อนตัวตนและปัญหาของศาสนากับสังคมได้อย่างถึงแก่นแท้

    (3) ในมุมมองทางธุรกิจ ชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่อาจจะตามมาหลังจากปรากฏการณ์ครั้งนี้ ทั้งวงการศิลปะ ผลงานหรือแม้กระทั่งตัวศิลปินเอง

    ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนว่าจะยืนอยู่ในมุมไหน มองด้วยสายตาอย่างไร และถือกุญแจดอกใดในการไขรหัสแห่งความหมายชิ้นนี้

    กระนั้นก็ดี ถึงที่สุดแล้วทองแม้นมีคนเอาโคลนมาสาด ทองก็ยังเป็นทอง ไม่ต้องกลัวว่าพุทธศาสนาจะดับสูญ ตราบใดที่คนยังมี "พุทธะ" ในหัวใจ

    ----------
    ที่มา:มติชน
    http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01act03101050&day=2007-10-10&sectionid=0130
     
  3. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,516
    ค่าพลัง:
    +27,187
    นู๋ตาตื่นปั๊บจับคีย์บอร์ด
    สงสัยคอมอยู่บนเตียง
     
  4. เพพัง

    เพพัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,759
    ค่าพลัง:
    +8,253
    ภาพนี้ ทำให้ศิลปินผู้วาดโด่งดังในพริบตา จากแค่รู้จักแค่ในวงการ ตอนนี้ดังเป็นพลุทั่วฟ้าเมืองไทย ทำให้แตกแยกทางความคิด เฮ้อ...ไม่ส่งเสริม แต่จะทำลายเสียนี่
     
  5. Ice Age

    Ice Age เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +137
    สร้างกระแสกันนาน พาลเอาคนด่าพระบ้างด่าจิตรกรบ้าง...กันไปต่างๆนานา เฮ้อ...ขอให้โลกสงบสุข
     
  6. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ขอยืนยันภาพที่แสดงออกมาและการใช้ภาษาไม่เหมาะสม ถ้ายังคิดไม่ออก คิดไม่เป็น อย่าแสดงภาพเหล่านั้นสู่สาธารณชน เพราะคนที่ต่างศาสนา คนที่ยังไม่เข้าใจในหลักการสูงสุดของพระพุทธศาสนา เขาจะเข้าใจผิด การแสดงออก ควรมีความคิดที่แตกฉานทางปัญญาก่อน แล้วค่อยมาแสดงออกต่อสาธารณชน
    <!-- / message -->
     
  7. phuttham

    phuttham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +165
    ขอให้สาธุชนทุกท่าน เห็นธรรมในจิตของตนเอง ว่าเมื่อเรามี รัก โลภ โกรธ หลง ชอบ ไม่ชอบ นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตที่ได้ปรุงแต่งนั้น เกิดอะไรขึ้น
    จะดีกว่าที่เราจะมองภายนอก ซึ่งจะได้บุญอย่างสูง ที่ได้รู้แจ้งธรรม
    ซึ่งในทางโลกนั้นจะไปเอาอะไรกับมัน จะทำทุกอย่างให้ได้ดั่งใจหมดทุกอย่าง
    ได้หรือ ในเมื่อตัวเราเองยังทำไม่ได้เลบ ซึ่งเราจะต้องเข้าใจในธรรมชาติที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะไปเปลี่ยนแปลง
    ขอให้ทุกท่านมีความสุข กาย สุขใจ ทุก ๆ ถ้วนหน้ากันเทอญ
    มีความเพียรพยามให้มาก ๆ เมื่อเรากำลังมีความเพียรอยู่ก็ขอให้อยู่กับความเพียรพยามต่อไปแล้วความสำเร็จจะอยู่ข้างหน้าตลอดไป
     
  8. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,596
    ค่าพลัง:
    +6,346
    "ภิกษุสันดานกา" ภาพสะท้อนออกมาได้หลายมุมมอง ปัญหาของสังคมที่เกิดขึ้นจริง ทุก ๆ วงการ ขึ้นอยู่ว่าใครจะมองแบบไหน เพื่อที่จิตใจไม่ตกต่ำ อย่าลืมว่า...ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อม มีแต่คนเสื่อม เพราะปฏิษัติไม่ถูกต้อง
     
  9. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เมื่อไหร่จะจบซะทีนะ จะวาดออกมาทำไมก็ไม่รู้
     
  10. queenie

    queenie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +4,427
    ขออ้างถึงคำกล่าวของหลวงพ่อตามคำสอนของพระบรมศาสดาว่า

    "รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไร มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าเอามาขังไว้ในใจเรา"

    "เราไม่อาจแบกโลกทั้งโลกหรือแก้ไขโลกทั้งโลกได้ ฉะนั้นจงปล่อยวางทุกข์ที่ตัวเราและแก้ไขที่ใจเรา"
    [b-nurse]
    ขอเราทุกคนช่วยกันแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลให้เขาเหล่านั้นเป็นสัมมาทิฏฐิกันเถิด
     
  11. จิ้งจอกขาว

    จิ้งจอกขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +420
    มองหลายๆด้านจะเห็นความเป็นจริง
     
  12. chanoknon

    chanoknon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +776
    สื่อถึงอะไรในภาพฝรั่งไม่รู้หรอกครับ แต่ฝรั่งที่ท่องเที่ยวในไทย
    เห็นพระภิกษุที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบจะพาลไปนึกถึงภาพภิกษุสันดานกาหน่ะสิครับ จะใช้เหตุผลใดก็ไม่ดีทั้งปวง
    <!-- / message -->
     
  13. BirdSoul

    BirdSoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4,248
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,020
    ต่างฝ่ายต่างก็มีเจตนาดีกันทั้งนั้น
    เราว่าน่าจะเลิกเถียงกัน
    จริงแล้วเหตุการณ์นี้ก็ให้อะไรหลายๆอย่าง
    อย่างน้อยก็มีคนหันมาสนใจและค้นหาคำตอบ
    ด้านพระพุทธศาสนากันมากขึ้น
     
  14. masthander

    masthander สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +8
    "ความจริง" นั้นตัดสินด้วยภาพวาดมิได้ ตัดสินด้วยจิต(หยาบๆ)ก็มิได้
    เพราะ ความจริงก็คือความจริง ส่วนมุมมอง...ก็คือมุมมอง
    มุมมองมิได้มีผลต่อความจริงแต่อย่างใด
    ในทางกลับกัน สิ่งที่มันมีผลด้วย ก็คือกับจิตใจของผู้มองเองนั้นแหละ
    จิตลบก็เห็นแต่อะไรลบๆ จิตดีก็เห็นแต่อะไรดีๆ
    จิตเป็นกลางก็ย่อมเห็นทุกสิ่งเป็นกลาง อย่างที่พระพุทธองค์ทรงเห็น

    อนุโมธนาๆๆ
     
  15. s_thit

    s_thit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +3,027
    ถ้าศิลปินผู้วาดภาพ มีจิตสำนึกว่า ภาพใดที่วาดแล้วจะเกิดผลต่อสังคม ให้เกิดการวิพากวิจารณ์ในเชิงลบ ก็ไม่ควรวาดและส่งเข้าประกวด เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ
     
  16. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ท่านผู้เจริญในธรรม ข้าพเจ้าขออนุโมทนากับสัมมาทิฐิของท่าน และขอน้อมรับพรของท่านด้วยความยินดียิ่ง

    สาธุ อนุโมทนามิ
     
  17. thitis

    thitis สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +7
    คุณคิดแบบ overgeneralized หรือเปล่า

    ที่จริงรูปลักษณ์และกริยาอาการของ "พระภิกษุที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ" จะดูแตกต่างจากในภาพภิกษุฯมากเลยครับ ลองคิดถึงพระที่ท่านนับถือดู
     
  18. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ก็เห็นๆอยู่เนี่ยว่าทำให้คนขัดแย้ง ทำให้พุทธศาสนิกชนขัดแย้ง ไม่ว่าผู้วาดจะมีเจตนายังไง แต่ตอนนี้เห็นๆอยู่แล้วว่าทำให้ผู้คนขัดแย้งกัน ยังจะเอาจัดแสดงตามนิทรรศการอีกหรอ อย่างงี้ก็รู้แล้วว่า ตอนนี้มีจุดประสงค์อะไร ตอนวาดอาจจะมีจุดประสงค์ดี แต่พอวาดแล้วได้รับรางวัล จุดประสงค์ก็เปลี่ยนไปเพราะหลงยึดติดในชื่อเสียงเงินทอง หากจุดประสงค์ดีจริง ควรเลิกนำไปจัดแสดงตามนิทรรศการณ์ต่างๆเสีย

    แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรอคุณๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ????
     
  19. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ไหนว่าเขาวาดไม่เหมาะสม แล้วเราก็พูดถึงเขาอยู่หลายวันแล้ว มันก็เลยเป็น negative publicity ไปเสีย ขึ้นโหวตพลังจิตเลยอยุ่หัวเว็ปเชียว

    เราใช้ เห็นหนอ เห็นหนอ เห็นหนอ ดีไหมคะ ประมาณว่าบอยคอตทั้งภาพและสถาบันศิลป์อะไรประมาณนั้น แบบอหิงสาของคานธีไงคะ รึจะนัดกันใส่เสื้อดำสักวันอะไรก็ว่าไป แต่อย่าไปย้ำคิดย้ำทำพูดถึงเขาอีก
     
  20. Pradong

    Pradong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +1,556
    ภัยที่มองไม่เห็น ที่ชาวพุทธมองไม่เห็น เพราะสศนาอิสลามได้เข้ายึดประเทศไทยไปแล้วทั้งประเทศ เพราะมันสามารถทำละมาดได้ในรัฐสภาทำพิธีอะไรได้ทั้งหมดโดยไม่ผิด แต่สศนาพุทธกับทำไม่ได้ ได้แต่สวดนอนสภา มหาโชมันไปทำแม้วอะไรที่ไหนแค่นี้มองไม่เห็น
     

แชร์หน้านี้

Loading...