ภาพอัศจรรย์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โอ๊ตศ์, 14 กันยายน 2010.

  1. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    แชะ!!!

    ขออนุญาต ถ่ายรูปแขกผู้หญ่ายยยยยยยยยย หน่อยฮับ

    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โอ๊ตศ์, dangsticker, โคมหลวง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้มีพระคุณ...ที่ช่วยนำพระ มาสู่ใจ ^___^
     
  2. โคมหลวง

    โคมหลวง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +6,383
    มาตามคำอัญเชิญแล้วครับน้องโอ๊ต
    กระทู้นี้ตั้งพรหมวิหาร4กันทุกคนนะครับ กระแสเบาๆจะได้ไม่หายไป ทุกคนนั้นนี้น่ารักทุกคน รวมทั้งแขก ^^

    ตอนนี้รวบรวมได้เยอะแล้วครับเรื่องของน้ำมนต์ พี่ๆน้องๆเราไปไหนก้จะมาฝาก ตัวเองก็ไปตักใส่ขวดมา รวบรวมไว้เต็มห้องครับ

    ไว้ใช้เป็นมวลสารทำพระต่อยอดไปอีกครับนอกจากใช้พรมและดื่มแล้ว ไว้หาขวดเล็กได้ก็น่าจะทำแจกนะครับ
     
  3. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    คนเค้าจะไม่กล้าดื่มกันนะขอรับ...
    สมัยนี้ การดื่มน้ำจากที่ไหนก็ตาม ก็ต้องใช้ความระมัดระวังกัน
    มิฉาชีพมีมาก... ^^

    ส่งเสริมให้ทำดื่มเองในเบื้องต้นก่อนน่าจะดี...

    ตอนนั้นที่จะให้เอาพระเหรียญแช่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์
    ยังมีคนกลัวว่าจะมีสารตะกั่วเลย อิอิ

    ขอบารมี... พุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี รวมไปถึง เทวบารมี
    แล้วแต่ชอบ

    ด้วย ศรัทธาจริต น้ำธรรมดา ก็กลายเป็นน้ำมนต์ได้...
    น้ำผลึกหกเหลื่ยมอันสวยงาม

    สาธุครับ
     
  4. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มมาอีกแล้วครับ

    "ประโยชน์การสวดมนต์ (ทางการแพทย์)"

    ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารชีวจิต ฉบับแรกของเดือน ม.ค.๕๑

    หากเราสวดมนต์ (ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม) เพื่อให้ใครสักคนหายป่วย
    แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่พลังแห่งบทสวดนั้นจะเดินทางไปเยียวยา
    ความเจ็บป่วยของเขาได้

    เพราะการสวดมนต์บำบัดทำให้เกิดทั้งคลื่นเสียงที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปในสมอง
    และคลื่นไฟฟ้าที่ส่งกระจายไปในชั้นบรรยากาศไกลๆ ได้
    การสวดมนต์บำบัด คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy
    หรือ Vibrational Medicine คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่น
    มาบำบัดความเจ็บป่วย ซึ่งมีหลากหลายวิธี อาทิ เก้าอี้ไฟฟ้า เครื่องนวดต่างๆ ก็เป็น Vibrational Therapy เช่นกัน แต่เป็นคลื่นไฟฟ้าเชิงฟิสิกส์
    ที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต ต่างจากสวดมนต์บำบัดซึ่งเป็นคลื่นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต

    พลังแห่งการสวดมนต์บำบัดกัน ว่าคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ?

    คลื่นแห่งการเยียวยา...
    การสวดมนต์ใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอ
    เพื่อเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยา
    ซึ่งหากคลื่นเสียงที่มากระทบดังแบบไร้ระเบียบ
    คือประกอบด้วยเสียงที่มีความถี่ต่างๆ กัน
    ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการบำบัดกลไกดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อหูของเราได้ยินเสียง
    บทสวด ก็จะส่งสัญญาณต่อไปยังศูนย์การได้ยินที่อยู่บริเวณสมองกลีบขมับ
    ก่อนส่งไปบริเวณก้านสมอง ซึ่งเมื่อได้รับคลื่นเสียงช้าๆ
    ม่ำเสมอประมาณ 15 นาที ก็จะหลั่งสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์มากมาย


    เสียงสวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา : ให้ผลกับร่างกายอเนกอนันต์
    รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี
    หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายเพิ่มเติมดังนี้

    "สมองของเราเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ 15 นาทีขึ้นไป
    จะทำให้เซลล์ประสาทของระบบประสาทสมองสังเคราะห์สารสื่อประสาทหลายๆ ชนิด
    บริเวณก้านสมองจะหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ ซีโรโทนิน (serotonin) เพิ่มขึ้นซึ่งมีฤทธิ์
    คล้ายยานอนหลับ ช่วยการเรียนรู้ ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า
    ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่นๆ
    เช่น เมลาโทนิน ซึ่งเปรียบคล้ายกับยาอายุวัฒนะ

    เพราะจะช่วยยึดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท เซลล์ร่างกาย ให้ชีวิตยืนยาวขึ้น
    และยังมีคุณสมบัติช่วยให้นอนหลับ เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้เซลล์สดชื่นขึ้น
    รวมถึง โดปามีน มีฤทธิ์ลดความก้าวร้าวและอาการพาร์กินสัน

    (เด๋วมีต่อนะ)
     
  5. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    นอกจากนี้ปริมาณของซีโรโทนินมีความสัมพันธ์ต่อการกระตุ้นการหลั่งสารสื่อ
    ประสาทอื่นๆ เช่น อะเซทิลโคลีน ช่วยในกระบวนการเรียนรู้และความจำ
    ช่วยขยายเส้นเลือด ทำให้ความดันลดลง


    และยังช่วยลดปริมาณอาร์กินิน วาโซเปรสซิน
    ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความก้าวร้าว ความสมดุลของน้ำ

    และซีโรโทนินยังเข้าไปลดปริมาณ ของสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้น
    ของการทำงานของต่อมหมวกไตให้ลดลง
    ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานน้อยลง ร่างกายจึงรู้สึกผ่อนคลาย
    ปลอดโปร่ง และไม่เครียด ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น"


    "หลักการสำคัญอยู่ที่หากมีสิ่งเร้าหลายๆ ประเภทเข้ามารบกวน
    กระบวนการทำงานของคลื่นสมองพร้อมๆ กัน ทำให้สัญญาณคลื่นสมองเปลี่ยนไป
    การหลั่งสารสื่อประสาทจะสับสน ไม่มีผลในการเยียวยา
    สิ่งเร้านี้มาจากหลายส่วน ทั้งตัวเอง เช่น บางคนปากสวดมนต์ แต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น
    ก็ไม่ได้ประโยชน์
    และการเกิดเสียงดังอื่นๆ เข้ามารบกวนขณะสวดมนต์
    เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์รับรู้ได้ไวและอ่อนไหวมาก

    เรามีตัวประสาทรับสัญญาณมากมาย เรารับสิ่งเร้าได้ทั้งจากทางปาก ตา หู จมูก
    การเคลื่อนไหว และใจ เหล่านี้ทำให้สัญญาณคลื่นสมองสับสนและเปลี่ยนไป
    ร่างกายก็จะสร้างซีโรโทนินได้ไม่มากพอ"

    และไม่ใช่เฉพาะสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์เท่านั้นที่เราจะได้จากการสวดมนต์
    แต่การสวดมนต์ยังทำให้อวัยวะต่างๆ ได้รับการกระตุ้น คล้ายกับการนวดตัวเอง
    จากการเปล่งเสียงสวดมนต์
     
  6. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    สวดมนต์กระตุ้นอวัยวะ

    อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต อธิบายหลักการนี้ว่า
    "เวลาเราสวดมนต์นานๆ คำแต่ละคำจะสร้างความสั่นสะเทือนไม่เท่ากัน
    ตามฐานที่เกิดของเสียงหรือตามวิธีเปล่งเสียง แม้ว่าเสียงจะออกมาจากปากเหมือนกัน
    แต่ว่าเสียงบางเสียงออกมาจากริมฝีปาก บางเสียงออกมาจากปุ่มเหงือก
    บางเสียงออกมาจากไรฟัน บางเสียงออกมาจากคอ
    ดังนั้น ถ้าเราสวดมนต์ถูกต้องตามฐานกรณ์จึงเกิดพลังของการสั่น"

    และเมื่อเกิดพลังของการสั่น การสั่นนี้จะเข้าไปเยียวยาอาการป่วยได้อย่างไร

    อาจารย์เสถียรพงษ์อธิบายต่อว่า
    "เวลาเราสวดมนต์ เสียงสวดจะไปช่วยกระตุ้นต่อมต่างๆ ซึ่งจะช่วยปราบเชื้อโรคบางชนิด
    เช่นการวิจัยของฝรั่ง พบว่า อักษร เอ บี ซี ดี จะช่วยกระตุ้นระบบน้ำย่อย

    ส่วนบทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา เสียงอักขระแต่ละตัวมีคำหนักเบาไม่เท่ากัน
    บางตัวสั่นสะเทือนมาก บางตัวสั่นสะเทือนน้อย ทำให้ต่อมต่างๆ ในร่างกายถูกกระตุ้น
    เมื่อต่อมที่ฝ่อถูกกระตุ้นบ่อยๆ เข้า ก็คงคืนสภาพ อาการป่วยก็จะดีขึ้น"

    นอกจากนี้ยังมีบทความที่อธิบายเกี่ยวกับการฝึกเปล่งเสียงเพื่อรักษาโรคจาก
    เสียงต่างๆ เช่น

    โอม ...... กระตุ้นหน้าผาก
    ฮัม ....... กระตุ้นคอ
    ยัม ....... กระตุ้นหัวใจ
    ราม .......กระตุ้นลิ้นปี่
    วัม ....... กระตุ้นสะดือ
    ลัม ....... กระตุ้นก้นกบ ฯลฯ

    แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น การสวดมนต์ให้ประโยชน์ทางใจที่มีคุณค่ากับผู้สวด

    รองศาสตราจารย์จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปว่ามี 2 ข้อคือ

    ๑. การสวดมนต์เป็นเครื่องช่วยให้เกิดสมาธิ โดยต้องสวดเสียงดัง ให้หูได้ยินเสียงตัวเอง
    และจิตใจต้องจดจ่ออยู่กับเสียงสวด เมื่อใจไม่ฟุ้งไปที่อื่น ใจอยู่กับเสียงเดียว จึงเกิดสมาธิ

    ๒.ถ้าเข้าใจความหมายของบทสวดนั้นๆ จะทำให้เรามีความเลื่อมใสศรัทธา
    เพราะบทสวดของทุกศาสนาเป็นเรื่องของความดีงาม จิตใจก็จะสะอาดขึ้น
    บริสุทธิ์ขึ้น เป็นการยกระดับจิตใจของผู้สวด

    [​IMG]


    เมื่อร่างกายที่รับสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์และการกระตุ้นระบบอวัยวะต่างๆ
    ให้ทำงานเป็นปกติ เท่ากับว่าเราได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
    ย่อมทำให้ภูมิชีวิตดีขึ้นเป็นลำดับ ความป่วยก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ

    ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่อาจารย์สมพรสรุปให้ฟังว่า
    การสวดมนต์ช่วยบำบัดอาการป่วยและโรคร้ายดังต่อไปนี้

    ๑.หัวใจ
    ๒.ความดันโลหิตสูง
    ๓.เบาหวาน
    ๔.มะเร็ง
    ๕.อัลไซเมอร์
    ๖.ซึมเศร้า
    ๗.ไมเกรน
    ๘.ออทิสติก
    ๙.ย้ำคิดย้ำทำ
    ๑๐.โรคอ้วน
    ๑๑.นอนไม่หลับ
    ๑๒.พาร์กินสัน

    (อ่านจนง่วงกันหรือยังค๊าบ.... ขอเสียงหน่อย ^______^)
     
  7. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    อื้ม อธิบายได้หลายอย่าง มีต่อไหม พอดีเป็นโรคสมาธิสั้น แหะแหะ บทไหนดีน้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2010
  8. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    จิตที่ตั้งมั่นผสานกับการโอมอ่านอักขระที่ศักสิทธิ์ ย่อมทำให้เกิดอานุภาพทางพลังงาน!

    โอม! ศานติ!
     
  9. น้องสาวนักเดินทาง

    น้องสาวนักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +1,364
    โอมมม..
    เหมือนที่ครูโยคะสอนเลย
    การเปล่งเสียงต่างๆ จะกระตุ้นจักระต่างๆ กันไป
     
  10. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    ของพี่เพชร แนะนำวิธีนี้ครับ
    ^____^

     
  11. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    [​IMG]

    สวดมนต์อย่างไรให้หายจากโรค?

    สวดมนต์บำบัดมีวิธีการและจุดประสงค์ที่หลากหลาย สรุปออกมาได้ 3 แบบ

    ๑.การสวดมนต์ด้วยตัวเอง
    เป็นการเหนี่ยวนำตัวเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า
    Prayer Therapy ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะหากใครสักคนคิดที่จะสวดมนต์
    นั่นหมายความว่าเขากำลังมีความปรารถนาดีต่อตนเอง
    วิธีการที่อาจารย์สมพรแนะนำคือ
    ควรสวดด้วยตัวเอง และไม่ควรสวดมนต์หลังกินอาหารทันที
    ควรทิ้งช่วงให้ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย อาจเป็นเวลาก่อนเข้านอน
    หาสถานที่ที่สงบเงียบ
    สวดบทสั้นๆ ๓-๔ พยางค์ โดยใช้เวลาประมาณ ๑๐-๑๕ นาทีขึ้นไป
    จะทำให้ร่างกายได้หลั่งสารซีโรโทนิน
    แต่หากสวดมนต์ด้วยบทยาวๆ จะได้ความผ่อนคลายและความศรัทธา
    ขณะสวดมนต์ให้หลับตา
    สวดให้เกิดเสียงดังเพื่อให้ตัวเองได้ยิน

    ๒.การฟังผู้อื่นสวดมนต์
    เป็นการเหนี่ยวนำโดยคลื่นเสียงจากผู้อื่น
    เช่น การฟังเสียงพระสวดมนต์ เสียงผู้นำสวดในศาสนาต่างๆ
    หากผู้สวดมีสมาธิ เสียงสวดนั้นจะนุ่ม ทุ้ม ทำให้เกิดคลื่น
    ที่ช่วยเยียวยา (healing) ผู้ฟัง
    (แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิ ไม่มีความเมตตา เสียงสวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นคลื่นขึ้นๆ ลงๆ
    นอกจากจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วย อาจทำให้เสียสุขภาพได้)

    ๓.การสวดมนต์ให้ผู้อื่น
    ปรากฏการณ์มากมายที่เราเห็นในสังคม
    เมื่อใครสักคนเจ็บป่วย เรามักสวดมนต์อธิษฐานขอให้ความเจ็บป่วยของเขาหายไป
    บางครั้งอยู่ห่างกันคนละซีกโลก
    เสียงสวดมนต์เหล่านี้จะมีผล
    ทำให้สุขภาพเขาดีขึ้นจริงหรือไม่ อาจารย์สมพรอธิบายดังนี้

    คลื่นสวดมนต์ เป็นคลื่นบวก เพราะเกิดจากจิตใจที่ดีงาม ปรารถนาดีต่อผู้ป่วย
    และเมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกลๆ มันจะเดินทางไปในรูปของคลื่นไฟฟ้า
    ซึ่งมนุษย์มีเซลล์สมองที่สามารถส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้าและสารเคมี
    ได้ถึงสิบยกกำลังสิบ
    คลื่นนี้จึงเดินทางไปได้ไกลๆ

    บางทีพ่อกำลังป่วยหนักอยู่ที่นี่ แต่ลูกอยู่ต่างประเทศ
    ก็สามารถรับคลื่นนี้ได้และรู้ว่ามีใครกำลังไม่สบาย
    ที่เราเรียกว่า ลางสังหรณ์หรือสัมผัสที่หก

    การรับรู้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้รับผู้ส่งด้วย ถ้าคนไหนรับสัญญาณคลื่นแห่งบทสวดมนต์ได้
    จึงได้ผล เหมือนเราเปิดวิทยุ ถ้าคนฟังปิดหูก็จะไม่ได้ยิน

    ดังนั้นถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดรับคลื่นบวกที่เราส่งไปผู้ป่วยก็จะได้รับ
    และทำให้อาการป่วยดีขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องของความมหัศจรรย์
    แต่เป็นหลักธรรมชาติทั่วไป

    เลือกสวดมนต์อย่างไรดี?

    แล้วบทสวดที่เลือกควรใช้บทไหนดี อาจารย์สมพรแนะนำว่า

    "น่าแปลกที่บทสวดในศาสนาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ เหมือนจังหวะเพลง
    จะมีโทนเสียงแค่ไม้เอกไม้โทเท่านั้น สักสามสี่พยางค์ มาสวดซ้ำไปมาได้ทั้งนั้น"

    พระพุทธศาสนา มีบทสวดมากมายหลายบท ให้เลือกใช้ตามความชอบ
    ยกตัวอย่างเช่น อิติปิโส หรือ นะโมตัสสะ นะโมพุทธายะ
    หรือสัพเพสัตตา ฯลฯ เลือกท่อนใดท่อนหนึ่งแล้วสวดวนไปวนมา
    หรือโพชฌงค์ ๗ ที่หลายคนนิยมสวดให้ตัวเองหรือคนไข้หายป่วย

    "ข้อที่น่าสังเกตคือ บทสวดโพชฌงค์ ๗ จะมีความแตกต่างจากบทสวดอื่นๆ
    คือ คลื่นเสียงของบทสวดจะมีแค่เสียงสระ มีแค่สองจังหวะ
    คลื่นเสียงจากบทสวดจึงทำให้เกิดคลื่นที่เยียวยาได้ดีที่สุด"


    (จบแล้วววววววววว)



    ที่มา http://www.thaipost.net/news/030810/25655
     
  12. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เวลาออกเสียงคำว่า โอมทีไร เสียงมักจะดังก้องที่กลางอกเป็นเสียง อุม ทุกที
    เวลาที่ออกเสียง อุม ที่กลางอก จะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือน ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น
    ยิ่งช่วงที่ไม่สบายใจ มักออกเสียงแบบนี้บ่อยๆ
     
  13. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    บรึ๋ย เอารูปหลวงปู่เลยเรอะ ไม่ดีหรอก เผลอไผลไปวางที่ไหนเข้า มันจะไม่งาม นึกเอาก็ดะ

    อยากรู้เพิ่มว่าเสียงไหนกระตุ้นอวัยวะ หรือจักระใด อิอิ ถามให้ลึกลงไปเรื่อยๆ หมายถึงว่าไม่ซ้ำกับข้างบนนะ และพระปริตต่างๆอีก มีเสียงใดกระตุ้นตรงไหน หากรู้เช่นนี้ เราอาจได้รู้ว่าพระปริตหรือคาถาต่างๆที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น มีคำอธิบายแบบเป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ไม่ใช่แค่ความศรัทธาเลยก็ได้ โอ้ว ช่างอัศจรรย์
     
  14. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้แบ่งปันประสบการณ์เรื่องน้ำมนต์และการสวดมนต์ในการรักษาโรคค่ะ

    ก่อนอื่น ข้อความต่อไปนี้เป็นเพียงความเชื่อและความคิดเห็นส่วนบุคคล มิได้มีเจตนาเพื่อชี้ถูกผิดแต่อย่างไร ขอท่านผู้อ่านโปรดอ่านไว้เพียงเพื่อพิจารณา โปรดอย่าเชื่อว่าเป็นสิ่งที่จริงเจ้าค่ะ

    หากสิ่งใดมีการกล่าวถึงบุคคลที่ 3 แล้วความรู้นี้ช่วยให้ผู้อ่านได้รับความรู้ บุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลขอมอบให้ครูอาจารย์และบุคคลที่ 3 นั้นจงได้รับกุศลผลบุญโดยถ้วนทั่วกันค่ะ

    หากข้อความใดเป็นเหตุให้เกิดมโนกรรมหรือวจีกรรมต่อผู้ไม่เห็นด้วยในบทความทั้งหมด ก็ขอขมากรรม ขออโหสิกรรมด้วยค่ะ
     
  15. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    รักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายด้วยใจที่ตั้งมั่น
    ครั้งนึงเมื่อไม่นานมานี้ได้ทราบว่าญาติผู้ใหญ่ของญาติธรรมท่านนึงได้มีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจึงไปไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านหลังหนึ่ง ขณะที่เดินทางไปเยี่ยมก็ได้พยายามรวบรวมจิตใจให้มีกำลัง พยายามสวดมนต์เพื่อให้ใจเราบริสุทธิ์ ไม่คิดถึงเรื่องราวที่เป็นเหตุในทางอกุศล และพยายามรวบรวมกำลังใจให้มีจิตใจในทางกุศลเนื่องจากเราเชื่อว่า จิตใจที่เป็นกุศลและบริสุทธิ์จะสามารถสื่อผ่านออกมาทำให้ผู้รับสามารถรับกระแสนั้นได้

    แม้ในระหว่างทางจะมีกระแสลบๆเข้ามาบ้าง แต่เราก็รวบรวมพลังใจได้ในระดับหนึ่ง

    เมื่อไปถึงเราพบผู้ป่วยนั่งอยู่บนเตียง อาการค่อนข้างเหนื่อย มีกระแสอุ่นๆปล่อยออกมาทางผิวหนังของผู้ป่วย แต่ในขณะเดียวกันบริเวณส่วนปลายของร่างกายเช่นมือและเท้าจะค่อนข้างเย็น(คนเคยตายหรือฝึกตายจะรู้ว่าเวลาธาตุไฟดับจะไล่จากส่วนปลายเข้ามา) แต่บริเวณแกนกลางลำตัวของผู้ป่วยจะร้อน

    วิธีของเราก็คือ เราไม่ได้เก่งกล้าอะไร ไม่ได้มีความรู้ ไม่ได้มีวิชา เรามีแต่ใจ ใจที่อยากให้ผู้ป่วยพ้นจากความทรมาน จุดไหนที่เย็น วางมือลงไปนึกถึงดวงไฟ แล้วส่งความร้อนออกไปด้วยใจที่ปรารถนาให้เขาได้รับถึงความร้อนนั้น จุดไหนที่ร้อน วางมือลงไป นึกถึงกระแสน้ำ แล้วส่งความเย็นออกไปด้วยใจที่ปรารถนาให้เขาได้รับถึงความเย็นนั้น

    ผลลัพธ์ สุดท้ายเราทำได้เท่าที่ทำได้ เราไม่อาจรักษาให้ผู้ป่วยหายจากโรค แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาจากผู้ป่วยคือ คำขอบคุณจากปากของเขา เรามั่นใจว่าเขารับกระแสที่เราสื่อผ่านไปได้
     
  16. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    รักษาตัวด้วยน้ำมนต์

    วิธีนี้ยอมรับว่าเป็นความเชื่อและความคิดเห็นส่วนบุคคลที่ได้ทดลองใช้กับตนเองและญาติพี่น้อง(แต่ไม่กล้าลองใช้กับคนอื่นค่ะ)

    หากพูดถึงการทำน้ำมนต์แล้วเราคงมาลองคุยกันง่ายๆก่อนว่า น้ำมนต์(น้ำ+มนต์) แปลว่าต้องมีองค์ประกอบ 2 อย่างคือน้ำและ มนตรา

    น้ำในที่นี้อาจมีคนคิดว่าน้ำอะไรอ่ะ เป๊บซี่ได้ไหม น้ำหวานได้หรือเปล่า จำเป็นไหมต้องน้ำบริสุทธิ์อย่างเดียว

    หากดูจากการเรียงตัวของผลึกที่เจ้าของกระทู้เอามาให้ดูแล้วจะเห็นได้ว่าตัวแปรของการจัดเรียงตัวของโมเลกุลมีอยู่ 2 อย่างคือ รูปแบบโครงสร้างเดิม กับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้โครงสร้างโมเลกุลเปลี่ยนแปลง
    เคยลองเปลี่ยนเหล็กให้เป็นแม่เหล็กไหม การจะเปลี่ยนเหล็กให้เป็นแม่เหล็กได้ เราต้องเอาแท่งเหล็กไปตัดผ่านสนามแม่เหล็กใช่ป่ะ เราสามารถเอาทองแดงมาแปลงเป็นแม่เหล็กได้หรือเปล่า โมเลกุลตั้งต้นมันคงไม่ได้ใช่ไหม คงต้องมีลักษณะเฉพาะแหละถึงจะทำได้(อันนี้ความคิดเรานะ อาจผิดก็ได้ อาจมีคนลองทำเป๊บซี่ให้เป้นน้ำมนต์ก็ได้อ่ะ)

    พอเทียบแบบนี้จะเห็นได้ว่ามนตราเป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้มีการจัดเรียงของโมเลกุล แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไม่แพ้กันคือ"ใจ"

    ถ้าใจเราไม่ตั้งมั่นในการร่ายมนต์ มนต์ที่ร่ายออกมาก็จะเป็นคลื่นที่ไม่สม่ำเสมอ เมื่อคลื่นไม่สม่ำเสมอ การเรียงตัวของโมเลกุลน้ำย่อมแตกต่างกัน

    ดังนั้น "ใจ" เป็นสิ่งสำคัญ

    ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
    ----------------------------------------------------
    บ่นมาซะยาวเข้าเรื่องเราบ้าง
    เวลาที่เราไม่สบาย เป็นลม หน้ามืด หรืออะไรก็ตาม เรามักจะละลายยาหอมกับน้ำมนต์ดื่มเสมอ เมื่อก่อนเราเที่ยวตระเวนหาน้ำมนต์มาเพื่อชงยาหอม แต่ในยามขัดสนเราจะทำน้ำมนต์ขึ้นมาเอง

    วิธีทำคือหาน้ำสะอาดมาซัก 1 แก้วหรือ 1 ขวด วางใจให้นิ่งและเป็นกุศล ใช้มือจับแก้ว ร่ายมนต์ออกมา อาจจะออกทางปากหรือกลางอกก็ได้ไม่ว่ากัน แล้วนำน้ำนั้นมาผสมยาหอมดื่ม

    ผลลัพธ์ คือ หาย แต่ไม่รู้ว่าเพราะยาหอมหรือเพราะน้ำมนต์

    ป.ล.มนต์ที่ใช้บ่อยก็มีบทสวดพุทธคุณ บทจักรพรรดิ มงกุฎพระพุทธเจ้า นารายณ์ถอดจักร แล้วแต่สถานการณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2010
  17. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    ตกลงนารายณ์ถอดจักรรึ นึกว่านารายณ์ถอนจักร ท่าจะฟังเพี้ยน แหะแหะ
     
  18. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    สวดมนต์ทีไรคอแห้งทุกทีซิน๊า-*-สวดก่อนนอนนั่งทำสมาธิอีกซักหน่อยหลับสบาย^^ใจนิ่งไม่ฟุ่งซ่าน...
     
  19. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    งั้นเรารีบอาบน้ำดีกั่ว อู้มาหลายวันแระ
     
  20. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ..................อู้นี่อู้อาราย55+...............
     

แชร์หน้านี้

Loading...