ภาวนามยปัญญา ทำให้รู้เห็นตามความเป็นจริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 1 มกราคม 2014.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    [​IMG]

    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๗
    ขอเชิญชวนทุกๆท่านมาร่วมกันปฏิบัติบูชา
    เพื่อเป็นสัมมาคารวะต่อองค์พระศาสดา
    ยังให้เกิดประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน สมดังพระบาลีว่า

    "สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิด
    ผู้ที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง ดังนี้"

    (สมาธิสูตร)

    เมื่อพิจารณาตามพระบาลีที่เป็นพระพุทธพจน์
    ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว จะเห็นได้ว่า
    การที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานเกิดปัญญา
    จนรู้เห็นตามความเป็นจริงขึ้นมาได้นั้น
    ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นต้องมีจิตใจที่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิให้ได้เสียก่อน
    อันเป็นบาทฐานในเบื้องต้น

    การรู้เห็นตามความเป็นจริง ก็คือ การรู้เห็นอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง นั่นเอง

    ส่วนผู้ที่มีจิตใจไม่สงบหวั่นไหว สับสนวุ่นวาย ส่งออกนั้น
    เนื่องจากขาดกำลังสติสมาธิ หรือที่เรียกว่า "กรรมฐาน"
    จิตใจย่อมคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
    คล้อยตามอารมณ์กิเลสได้โดยง่าย

    มาเริ่มต้นลงมือปฏิบัติสัมมาสมาธิ ในอริยมรรคมีองค์ ๘ กันเถิด
    ดังที่ทรงแสดงไว้ดีแล้วใน "มหาจัตตารีสกสูตร" ว่า

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ
    คือ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ
    สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉน ?

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย "ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง" ประกอบแล้วด้วยองค์ ๗ เหล่านี้แล
    เรียกว่า สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง ฯ"


    จากพระสูตร แสดงชัดเจนว่า "สัมมาสมาธิ" เป็นใหญ่เป็นประธาน ในอริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง


    อาจมีผู้สงสัยว่า แล้วสัมมาสมาธิของผู้ปฏิบัติธรรมที่ยังเป็นสาสวะอยู่ล่ะ
    จะมีเหตุ มีองค์ประกอบเช่นกันหรือไม่?

    ขอตอบว่า ย่อมต้องมีเหตุมีองค์ประกอบเช่นกัน
    ต่างกันที่ความสามารถในการเข้าถึง"ธรรมอันเอก"
    อันเนื่องจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนา
    เพื่อให้จิตมีสติสงบ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์กิเลสทั้งหลาย

    ผู้ที่จิตมีสติสงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์กิเลสทั้งหลาย
    รวมลงเป็นหนึ่งเดียวที่เกิดจากการ "ภาวนากรรมฐาน" นั้น
    ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริงในอารมณ์กิเลสทั้งหลายนั้นว่า
    "นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนที่เป็นที่พึ่งที่อาศัยของเรา"
    เรียกว่าเกิด "สัมมาทิฐิ" รู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง

    การรู้เห็นตามความเป็นจริงที่ไม่ได้เกิดจากการ "ภาวนามยปัญญา" นั้น
    ไม่อาจเรียกว่า "รู้ชัด" หรือ "รู้เห็นตามความเป็นจริงในอริยสัจ ๔" ได้เลย
    เป็นเพียงการคาดคะเนเอาเองเท่านั้นว่า ความคิดเห็นนั้น "ใช่"
    เรียกว่าคิดถูกต้องตาม "จินตมยปัญญา" ของตนเองเท่านั้น
    ยังไม่จัดว่าเป็น "ความเห็นชอบ" ที่เรียกว่า "สัมมาทิฐิ" อย่างแท้จริง
    เพราะยังขาดการพิสูจน์ทราบจากลงมืออย่างจริงจัง
    ในการ "ภาวนามยปัญญา" จนเกิดผลให้รู้เห็นตามความเป็นจริงในอริยสัจ ๔


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรม

    ธรรมภูต


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ภาวนามยปัญญา เป็นผล
    การรู้เห็นตามจริง เป็นเหตุ

    สร้างเหตุให้ถูกต้อง ผลจึงถูกต้อง
    หากไม่รู้ธรรมะภาคปฏิบัติที่แท้จริง ใช้การนึกคิดเอา จะไม่รู้ว่า อะไรคือเหตุ อะไรคือผล เพราะไม่เคยเดินทางจากเหตุ ไปหาผล
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    สาธุธรรม ท่านธรรมภูติครับ ..ดังนั้นการเรียนธรรมของ พจ.จึงต้องใช้สมาธิเป็นบาทฐาน จึงจะเข้าใจคำว่า "ภาวนา" และก็จะเข้าใจคำว่า.."สภาวะ" ไม่ใช่การ นึก-คิดเอาเอง ตามสมมุติบัญญัติ แล้วมาเรียกว่าเป็น.. สภาวะ
    ..ดวงตาหายดีรึยังครับ ขอเจริญในธรรมครับ สาธุ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2014
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    [​IMG]
     
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    :boo::boo::boo:..ท่าน ขุนพลเทียวเสี้ยม..ลูกน้องท่าน มาสอนสภาวะผิดๆเต็มบอร์ด- มีแต่สมมุติ-สัญญาบัญญัติ-นึกคิด ดูสภาวะจิต อิอิ
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    "สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิด
    ผู้ที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง ดังนี้"
    (สมาธิสูตร)

    *************
    ^
    ^
    ความชัดเจนของพระพุทธพจน์ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

    ไม่ต้องตีความใดๆทั้งสิ้น ชัดเจนในตังเองแล้ว

    ยังมีผู้ที่เป็นบุตรหลานเทวดามาย่ำยีพระพุทธพจน์จนได้

    "สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    พวกเธอจงยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิด
    ผู้ที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว

    -เหตุเพราะภาวนาจนจิตใจตนเองสงบตั้งมั่น

    ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง ดังนี้"
    -ผลย่อมต้องรู้เห็นตามความเป็นจริงว่า

    นี่ทุกข์

    นี่เหตุแห่งทุกข์

    นี่ความดับทุกข์

    นี่ทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์

    อย่าหลงไปกับมารที่คิดทำลายความน่าเชื่อถือของ"พระพุทธพจน์"เลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  7. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    สมาธิ ก็คือพ้นฐานในการ วิปสสนา นั่นเองครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...