ภิกษุสงฆ์ลด ภิกษุณีเพิ่ม ปรากฏการณ์ที่สวนทางในพุทธศาสนา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 29 กรกฎาคม 2008.

  1. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222

    1..อย่างที่เรียนไปครับ พระสงฆ์ในประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือทางสาย เถรวาท ซึ่งยึดถือ พระธรรมวินัย เป็นสิ่งสูงสุดครับ ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับเรื่อง การเปิดใจยอมรับหรือไม่นะครับ

    ถ้าเราไม่เคารพพระธรรมวินัย ก็เท่ากับไม่เคารพพระพุทธองค์ เพราะทรงมีพุทธดำรัสไว้ว่า ภายหลังเมื่อพระองค์ปรินิพพานไป พระธรรมวินัย จะเป็นตัวแทนของพระองค์ครับ

    ซึ่ง ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาทุกท่าน ควรจะต้องระลึกถึงนะครับ


    2.. คณะสงฆ์ไทย ก็ไม่ได้มีนโยบายห้ามการศรัทธานะครับ ท่านใดอยากจะศรัทธา ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด รวมไปถึง กรณีของ สันติอโศก ด้วยครับ

    ทั้ง ๆ ที่ คณะบุคคลเหล่านี้ ถ้าตามกฏหมายประเทศไทย ถือว่า ผิดกฏหมายเรื่องการแต่งกายเลียนแบบสงฆ์นะครับ

    แต่ คณะสงฆ์ไทย ก็ไม่เคยดำเนินการอะไรทางกฏหมายต่อ กลุ่มบุคคลเหล่านี้แต่อย่างใด เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะต้องไปฟ้องร้อง

    ตรงกันข้าม คณะสงฆ์กลับมีเมตตาอย่างสูงยิ่งต่อกลุ่มเหล่านี้

    ในความเห็นส่วนตัวของผม คิดว่า ด้วยความเมตตาที่ได้รับนี้ ก็น่าจะเป็นการพอสมควรแก่เหตุแล้ว ที่ ควรจะหยุดเคลื่อนไหว เรียกร้อง อะไรที่มันเกินเลยพระธรรมวินัย ต่อไปครับ

    และ
     
  2. อุดมเกียรติ

    อุดมเกียรติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    การบรรลุธรรมและนิพพานเปิดกว้างสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย(7 ขวบขึ้นไป) ไม่จำกัดกาล เวลา สถานที่ [​IMG](ในช่วงพุทธกาลสำหรับสาวกภูมิ และในช่วงพุทธันดร สำหรับปัจเจกภูมิ)
     
  3. อุดมเกียรติ

    อุดมเกียรติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    .....จะเห็นว่าเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ด้วยความศรัทธา ด้วยความมุ่งมั่น ต่างคนต่างเดินทางไปบวชที่ศรีลังกา ตามสายที่ตนสามารถทำได้ ไม่มีเอกภาพ กล่าวคือไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยหลังจากอุปสมบทกลับมาแล้ว ดูจะเป็นอุปสรรคปัจจัยสำคัญ เพราะวัดทั่วไปไม่ยอมรับให้ภิกษุณีอาศัย ด้วยเกรงอำนาจจากคณะสงฆ์" ภิกษุณีธัมมนันทา กล่าว ...............
    ขอเตือนสติกันไว้ครับ ด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความศรัทธา.... มุ่งมั่นอะไร ศรัทธาอะไร ทำความเห็นให้ถูกต้องกันได้แล้ว ถ้ามุ่งมั่นปฏิบัติธรรมให้บรรลุมรรคผลกันจริง ๆ ชาวบ้านทั่วไปนี่แหละ ทำได้มากกว่าการบวชมากนัก เพราะไม่ติดขัดกับข้อจำกัดทั้งปวง ผมเคยอธิษฐานบวชตลอดชีวิตทุกครั้ง และเตรียมตัวเตรียมใจมาตลอ ก็เพื่อมรรคผลนิพพาน แต่ตอนนี้หูตาสว่างแล้วครับยกเลิกอธิษฐานแล้ว หลวงพ่อฤาษีท่านกล่าวไว้ชัดว่าการบรรลุมรรคผล ไม่จำเป็นต้องบวชเลย ผมคุยกับครูบาอาจารย์มากมาย ท่านก็เห็นตามนั้น .........แต่การบวชเป็นภิกษุณีนี่ฝืนความจริงและฝืนพระธรรมวินัยกันมาก อย่าตะแบงโดยใช้คำว่าสิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชนกันเลย มันไม่เกิดผลดีทั้งตัวผู้บวช และพุทธศาสนิกชนทั้งสิ้น ตายไปจะได้รู้เลยว่า อเวจีนั้นมีจริง ๆ
     
  4. อุดมเกียรติ

    อุดมเกียรติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    คุณสับสนในความคิดตนเองหรือเปล่า
    1.เพศไหนก็สำเร็จอรหันต์ได้ไม่มีใครกีดกันหรอกครับ นอกจากตนเองจะไม่ปฏิบัติ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องบวชด้วย
    2.แต่ข้อนี้สิ การบวชเป็นพระภิกษุณีเกี่ยวอะไรกับการสำเร็จพระอรหันต์ เกี่ยวอะไรกับการปฏฺบัติธรรม
    3.แต่ข้อนี่สิเด็ดกว่า การบวชเป็นพระภิกษุณีหาอเวจีใส่ตัวแท้ ๆ อยากรู้ทำไม ไปแสวงหาคำตอบเอง หรือถามพระอริยะเจ้าทั้งหลายดูกัน
     
  5. ศานติ าณ

    ศานติ าณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,063
    อนุโมทนา.....

    ดังนั้น เราจึงไม่ควรจะมานั่งถกเถียงกัน เพียงเพราะสิ่งที่เรามองและรับรู้

    ด้วยความเป็นโลก ภิกษุณีและภิกษุต่างมีหน้าที่ดียวกัน คือการสืบต่อ

    พระศาสนาฉะนั้น ถ้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเพศใดเราก็

    ควรจะให้การยอมรับและเปิดโอกาส ที่จะให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา

    คุณภาพจิตใจของมนุษย์เท่าๆกัน เป็นการช่วยคนละไม้คนละมือ (||)
     
  6. OrangeHP

    OrangeHP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +160
    อุดมเกียรติ คำตอบเขาก็ตอบหมดแล้ว อ่านดูให้ืหมดหรือยัง ศาสนาพุทธมีหลายนิกายสรุปว่า นับถือคนละนิกายกัน แต่ละนิกายก็มีข้อปฏิบัติแตกต่างกันไป แล้วทำไมยังฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไมมิทราบหือ งง ถามในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้และแปลกว่าทำไมเมื่องไทยไม่มีการรับบวชภิกษุณี ต่างจากศรีลังกา และบรรดาสมาชิกก็ตอบจนหมดแล้ว งงจังเลย โคตรงงเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2008
  7. wapadi

    wapadi สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สาธุ...

    ศรัทธามากค่ะ...;8
     
  8. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ขอโทษครับทั้งธิเบตแลมหายานทั้งหมดใช้วินัยบทของนิกายธรรมคุปต์ซึ่งเป็นนิกายย่อยของเถรวาทครับผม
     
  9. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อ่านข้างล่างแทนนะครับ จะเป็นการบรรยายเรื่องราวทั้งหมด รวมถึง คำถามของผมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2008
  10. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ขออนุญาติ ถามเอง ตอบเองแล้วกันนะครับ (ยาวหน่อยนะครับ)


    การสืบสายภิกษุณีสงฆ์

    การสืบสายภิกษุณีจากศรีลังกาไปประเทศจีน ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาดูที่ประเทศศรีลังกาเอง ในศรีลังกานั้นมีปัญหาถูกรุกรานจากกษัตริย์โจละ ซึ่งเป็นอินเดียใต้ นับถือศาสนาฮินดู ใน ค.ศ. 1117 ประมาณพ.ศ. 1500 กว่า กษัตริย์โจละของฮินดูเข้ามายึดเกาะศรีลังกาทั้งเกาะ แล้วก็นำเอาศาสนาฮินดูเจ้ามาเผยแพร่ คนทั้งเกาะก็ถูกบังคับให้นับถือศาสนาฮินดูไป
    ..........อีก 50 ปีต่อมา คือ ค.ศ. 1167 ก็มีการกอบกู้เอกราชขึ้น กษัตริย์ศรีลังกาสามารถรวบรวมผู้คนขับไล่กษัตริย์โจละของอินเดียใต้ออกไปได้ แล้วก็ขึ้นครองราชย์ รับนับถือศาสนาพุทธ แต่เมื่อตรวจสอบดูทั่วเกาะศรีลังกาแล้ว พบว่าภิกษุ ภิกษุณีสงฆ์ สูญหายไปหมด ทั้งเกาะเหลือแต่สามเณร จึงปรารภว่าจะสืบศาสนา
    ..........เราจะสังเกตุเห็นว่าการจะสืบศาสนานั้นก็คือขอยืมจากประเทศเพื่อนบ้าน ลักษณะอย่างนี้ก็เป็นมาตั้งแต่ในประเทศไทยเอง เมื่อพระเจ้ารามคำแหงก่อตั้ง พยายามที่จะก่อตั้งพุทธศาสนาในสมัยสุโขทัย ก็ต้องไปขอหยิบขอยืมรับเอาพระพุทธศาสนาเถรวาทศรีลังกามาประดิษฐาน จึงเรียกว่า “ลังกาวงศ์”
     
  11. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ฝ่ายศรีลังกาเมื่อหมดสาย ไม่มีภิกษุ ภิกษุณีสงฆ์ สืบสาย พระเจ้าแผ่นดินท่านก็ได้ข้อมูล จากพ่อค้าที่ทำการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศใกล้เคียง จากพ่อค้าชาวฮอลันดา ก็คือพวกดัทช์ ซึ่งได้กราบทูลว่าในประเทศสยามนั้นพระพุทธศาสนามั่นคงนัก มีพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมาก เหลืองอร่ามทีเดียว น่าที่จะแต่งทูตเพื่อไปขอบวช สืบสายจากประเทศสยาม ในขณะเดียวกัน ก็มีพระภิกษุศรีลังกาที่หนีการเข้ามายึดครองของกษัตริย์โจละ หนีเข้าไปอยู่ในพม่า ก็มีการสืบมา 2 สาย ก็มีการสืบสายหนึ่งมาจากพม่า และอีกสายหนึ่งมาจากประเทศไทย สายที่ไปจากประเทศไทยนั้นอยู่ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งเป็นสมัยอยุธยา หัวหน้าคณะพระภิกษุที่สมเด็จพระเจ้าบรมโกศที่ส่งให้ไปสืบพระศาสนานั้นชื่อว่าพระอุบาลี ไปพร้อมกับคณะสงฆ์ไทยจำนวนหนึ่ง เพราะฉะนั้นนิกายที่ไปจากประเทศไทย จึงเรียกนิกายสยามวงศ์ เหมือนกับที่ประเทศไทยเรามีลังกาวงศ์ เพราะเราไปขอยืมมาจากลังกา ประเทศลังกาเองก็มีนิกายสยามวงศ์ที่รับไปจากประเทศไทย แต่ด้วยประเทศไทยไม่มีพระภิกษุณีสงฆ์ เขาก็สืบได้แต่เฉพาะภิกษุสงฆ์
     
  12. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    นับตั้งแต่กษัตริย์โจละเข้ามาตีศรีลังกาตั้งแต่ ค.ศ. 1117 ไม่มีภิกษุณีสงฆ์เลย ตราบเท่าจนกระทั่งถึงประมาณ 100 ปีที่ผ่านมา ใน 100 ปีนี้เองศรีลังกาก็เกิดความตื่นตัวในการที่ผู้หญิงจะสืบศาสนาเป็นพระภิกษุณีอีก คนแรกที่คิดถึงเรื่องการสืบพระศาสนา ชื่อ แคทเธอรีน เดอ แอลวิส มีพ่อเป็นศรีลังกา เป็นลูกของมิชชั่นเนอรี่ที่เกิดและมาโตในศรีลังกา มีคำปรารภอยากจะบวชเป็นภิกษุณี แต่ปรากฎว่าในศรีลังกาเองไม่มี แล้วคณะสงฆ์ก็ไม่พิจารณาในเรื่องการบวชผู้หญิง จึงได้ไปศึกษาที่ประเทศพม่า แล้วก็สืบสายทศศีลมาตา ที่รับศีล 10 แล้วก็มาเริ่มต้นการบวชผู้หญิง แต่มาเริ่มต้นในลักษณะของทศศีลมาตาที่ศรีลังกา

    ..........ศรีลังกาจึงมีทศศีลมาตาที่นุ่งครองสีเหลืองเหมือนกับพระนับตั้งแต่ประมาณ 100 ปีที่ผ่าน ทีนี้ใกล้เข้ามาอีก ศรีลังกาเริ่มมีการออกไปบวชภิกษุณีจริงๆ ในปี ค.ศ. 1988 โดยมีทศศีลมาตา 10 รูป โดยการนำของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อราชปักเษ ซึ่งสนับสนุนให้มีการบวชภิกษุณีสงฆ์ แต่ตัวราชปักเษเองไม่ใช่นักบวช แต่เป็นอุบาสิกา พูดภาษาอังกฤษได้ ก็นำเอาทศศีลมาตาจำนวน 11 รูปบินไปลอสแองเจิลลีส ประเทศอเมริกา ที่นั้นมีการจัดการบวชนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรกที่วัดซีไหล อยู่ที่ฮาเซียนด้าไฮท์ในลอสแองเจลลีส [1]
     
  13. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ในการบวชครั้งนั้นมีการบวชผู้หญิงจากนิกายต่างๆ ถึง 200 กว่าคน ได้รับการบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ โดยการบวชจากสงฆ์ 2 ฝ่าย [2] วัดซีไหลแปลว่าตะวันออกพบตะวันตก เจ้าอาวาสเป็นพระภิกษุณี สร้างวัดนี้ขึ้น ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่โตมาก ต้องใช้เงินทุนถึง 25 ล้าน เป็นแขนงของวัดโฝกวางชาน ที่อยู่ในไต้หวัน ซึ่งมีหลวงพ่อใหญ่คือหลวงพ่อซิงหยุน นั่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มมีการบวชจริงจังขึ้น ก่อนหน้านั้นก็มีการบวชประปรายที่ฮ่องกง เกาหลี แต่การบวชระดับนานาชาติที่เรียกว่า international ordination มีเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1988 และหลังจากนั้นที่ซีไหลก็มีการจัดบวชต่อๆ กันมา แต่เว้นประมาณ ทุก 2 ปี นั่นเป็นภิกษุณีกลุ่มแรกของศรีลังกา

    อาตมาได้ติดตามไปดูว่ามีปัญหาอย่างไรหรือเปล่า ปัญหาที่ประสบสำหรับภิกษุณีกลุ่มแรกนั้น แม้ว่าจะไปบวชกัน 11 คน แต่บวชจริงๆ 5 คน แต่พอไปถึงลอสแองเจิลลีสแล้วก็เกิดความไม่มั่นใจว่า ถ้ากลับมาที่ศรีลังกาแล้วพระสงฆ์ของศรีลังกาจะไม่ยอมรับ ภิกษุณีกลุ่มนั้นก็มีการศึกษาไม่มากนัก ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ทำให้มีอุปสรรคอยู่พอสมควร ครั้นกลับมาแล้ว บรรดาภิกษุณีเหล่านี้ก่อนจะไปบวชก็อยู่อารามแยกกัน เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่อารามเดิมของตนเอง นั่นก็คืออยู่อารามแยกกัน ไม่ได้เป็นคณะสงฆ์[3] ถ้าหากว่าเราศึกษาประวัติความเป็นมาของภิกษุณีในศรีลังกา เราก็จะเรียนรู้ว่าถ้าหากว่า เราไม่เป็นคณะสงฆ์ ต่างคนก็ต่างไปอยู่อารามของตัวเอง เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ข้อสำคัญก็คือการไม่รู้ภาษาอังกฤษนี้เป็นอุปสรรคอย่างยิ่ง เพราะการบวชนั้นเป็นการบวช international ordination การบวชสากล ภาษาที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษ [4]ในขั้นตอนการบวชภิกษุณี 5 รูปจากศรีลังกานั้นก็ต้องอาศัยราชปักเษเป็นคนแปลให้
     
  14. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ข้อสำคัญคือพระวินัยซึ่งเป็นพระวินัยของนิกายธรรมคุปต์นั้น บรรดาภิกษุณีเหล่านี้ก็ถือกลับมา แต่เป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็อ่านไม่ได้ อ่านไม่ออก[5]

    แต่เมื่ออาตมาตามไปในปี 1990 ได้พบกับภิกษุณีรูปหนึ่ง ก็ขอให้อุบาสิกาคนหนึ่งช่วยแปลพระวินัยของจีนซึ่งเป็นภาคภาษาอังกฤษนั้นออกมาเป็นภาษาสิงหล ออกมาเพื่อให้ภิกษุณีศรีลังกาใช้กันได้ในปี ค.ศ. 1996

    มีการบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นการบวชที่จัดขึ้นโดยคณะภิกษุสงฆ์เกาหลี เป็นประธาน เป็นสปอนเซอร์ จัดการบวชให้ที่เมืองสารนาถ คราวนี้มีผู้หญิงศรีลังกาที่เป็นทศศรีมาตาจำนวน 10 คนที่สำคัญหัวหน้าคนที่บวชชื่อกุสุมา ดีเวนดร้า คนนี้เป็นคนที่มีการศึกษา ตอนที่ไปบวชนั้นจบการศึกษาระดับปริญญาโท แต่เมื่อบวชแล้วก็หลับไปทำปริญญาเอกต่อ เนื่องจากเป็นคนที่รู้ภาษาอังกฤษ และเป็นคนที่ยอมรับในสังคมวงกว้าง การบวชครั้งนั้นก็ทำให้ชาวพุทธในศรีลังกามีการตื่นตัวขึ้นมากในเรื่องการบวชภิกษุณีสงฆ์


    ..........ย้อนไปเมื่อปี 1993 ที่ศากยธิดา ซึ่งขณะนั้นอาตมาเป็นประธานอยู่จัดการประชุมที่ศรีลังกา เมื่อตอนที่ขออนุญาตจัดการประชุม ข้าราชการคนหนึ่งก็ระบุชัดเจนว่า ที่เราจะประชุมกัน ห้ามไม่ให้พูดถึงการรื้อฟื้นภิกษุณีสงฆ์ เราก็รับปาก ว่าเราจะไม่มีการพูดถึงการบวชภิกษุณีสงฆ์ ไม่มีอยู่ใน Agenda ของการประชุม แต่ในความเป็นจริง เมื่อผู้ร่วมประชุมไปถึง 200 กว่าคนนั้น มากกว่าครึ่งเป็นภิกษุณีมาจากประเทศต่างๆ การประชุมจัดที่หอประชุมใหญ่ของชาติ international auditorium และผู้ที่มาเปิดงานประชุมเป็นประธานาธิบดีพร้อมทั้งรัฐมนตรี ในสายงานที่เกี่ยวข้องคือรัฐมนตรีศาสนาและวัฒนธรรม รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้มาร่วมในการประชุม มีทศศีลมาตาถึง 300 รูป มีพระภิกษุสงฆ์จำนวนหนึ่ง
     
  15. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    การประชุมศากยธิดาในปี 1993 เรียกว่าเป็นการปลุกให้ชาวพุทธศรีลังกามีความตื่นตัว รับรู้ถึงการมีอยู่ เป็นอยู่ของภิกษุณีสงฆ์ในต่างประเทศ ในปี 1996 ที่อาตมาเล่าไปแล้วว่าเริ่มมีการบวชเป็นครั้งแรกของคณะสงฆ์จากเกาหลี และในปี 1998 ได้มีการจัดบวชระดับนานาชาติอีกครั้งหนึ่ง จัดโดยโฝกวางชาน ที่พุทธยา มีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคน ขณะนี้กำลังเล่าเรื่องศรีลังกา ทศศีลมาตาของศรีลังกาที่เข้าไปร่วมในการบวชนั้น 30 คน มีการบวชภิกษุณีสงฆ์ และมีคณะสงฆ์ไทยไปร่วม 4 รูป หนึ่งในนั้นก็คือท่านเจ้าคุณพระศรีปริยัติโมลี หลวงพ่อสิงห์ทน หลวงพี่สมนึก นาโท ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดปลักไม้ลาย อำเภอกำแพงแสน ท่านได้เลื่อนเป็นพระครูแล้ว ชื่อตัวว่าสมนึก นาโท เดิมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตร แล้ววัดท่านจะเน้นในเรื่องของสมุนไพร เน้นเรื่องการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ


    ..........ภิกษุณีสงฆ์ที่บวชจากพุทธยา ก็กลับไปสู่บ้านเมืองของตนเอง การบวชครั้งนั้นก็เป็นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 พระสงฆ์ศรีลังกาเริ่มตระหนักว่าผู้หญิงออกไปบวชกันจริงๆ แล้ว และถ้าหากว่าไปบวชโดยสายต่างประเทศ พระสงฆ์ศรีลังกาก็จะไม่สามารถควบคุมได้ ในท้ายที่สุดหลวงพ่อสุมังคโล ที่เป็นพระภิกษุณีในนิกายสยามวงศ์ ขอเล่าเรื่องนิกายสยามวงศ์สักนิดหนึ่ง
     
  16. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    นิกายสยามวงศ์ในศรีลังกานั้นเป็นนิกายที่เก่าที่สุด แต่เนื่องจากใน ค.ศ. 1117 แต่เป็นช่วงที่รับเอาศาสนาฮินดูเข้ามา เพราะการปกครองของกษัตริย์อินเดียช่วง 50 ปีนั้น ทำให้สยามวงศ์ ถือวรรณะ ซึ่งจะบวชเฉพาะวรรณพราหมณ์ ทั้งที่เดิมพุทธศาสนาได้ยกเลิกระบบวรรณะไปแล้ว [6]

    หลวงพ่อสุมังคโล เป็นพระเถระรูปแรกที่อนุญาตให้มีการบวชพระภิกษุสงฆ์โดยไม่จำกัดวรรณะ นั้นก็เป็นพระภิกษุในสยามวงศ์ที่มีหัวก้าวหน้า และรูปนี้เองเป็นคนที่ดำริการบวชภิกษุณีสงฆ์ขึ้น แต่ท่านก็ทำงานอย่างมีขั้นตอน ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ และเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัด dummbulla ซึ่งเป็นวัดถ้ำที่เป็นวัดทางประวัติศาสตร์ ถือว่าเป็นวัดใหญ่และเป็นวัดสำคัญของศรีลังกา เมื่อท่านดำริให้มีการบวชภิกษุณีสงฆ์นั้น ท่านวางขั้นตอนค่อนข้างจะรัดกุม มีการส่งจดหมาย application form ส่งไปทั่วประเทศ มีทศศีลมาตา ซึ่งแสดงความจำนงค์สมัครบวชเป็นร้อยคน แสดงว่าทศศีลมาตาในศรีลังกามีความตื่นตัวในเรื่องการบวชภิกษุณีอยู่มาก และทั้งได้เห็นในปี 1993 ได้เห็นด้วยตาตนเองว่ามีภิกษุณีสงฆ์ในต่างประเทศจำนวนมาก
     
  17. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ในปี 1996 ก็เริ่มมีการบวชแล้ว ในปี 1998 ก็เริ่มมีการบวชอีก ฉะนั้นในปี 1998 ตอนปลายปีที่จัดให้มีการบวชใหญ่ในศรีลังกา จึงได้รับการตอบรับจากทศศรีมาตาจำนวนหลายร้อยคน แต่หลวงพ่อท่านคัดเอาเพียง 30 คน ซึ่ง 30 คนที่คัดมานี้มีการอบรมอยู่ถึง 3 เดือน[7] เชิญอาจารย์เข้ามาสอน เพื่อให้ทศศีลมาตาเหล่านี้มีความเข้าใจในพระธรรมวินัยอย่างถูกต้อง แล้วจึงจัดการบวชให้ในปลายปี ค.ศ. 1998 ที่วัด dummbulla การบวชภิกษุณีสงฆ์ในครั้งนั้นปรากฏมีพระภิกษุสงฆ์มาร่วมกว่า 100 รูป ทำให้เห็นการยอมรับ [8]คณะภิกษุสงฆ์เปิดใจยอมรับคณะภิกษุณีมากขึ้น

    ในศรีลังกานั้นมีอยู่ 3 นิกาย นิกายสยามวงศ์เป็นนิกายที่เก่าที่สุด แต่เพราะนิกายสยามวงศ์ถือเรื่องวรรณะ ทำให้พระภิกษุส่วนหนึ่งไม่พอใจ จึงทำให้มีการไปสืบสายจากพม่า เรียกว่า นิกายอมระปุระ เป็นนิกายที่ 2 ไม่ถือวรรณะ และนิกายที่ 3 คือ รามัญะ ก็สืบไปจากพม่าเหมือนกัน พระภิกษุในนิกายสยามวงศ์ อมรปุระ และรามัญะ สังเกตดูได้จากการห่มครอง ถ้าห่มครองอย่างอาตมาก็จะเป็นนิกายสยามวงศ์ แต่ถ้าห่มครองชนิดคล้ายๆ ม้วนลูกบวบ จะเป็นอมรปุระ และรามัญะ ซึ่งเห็นข้อแตกต่างได้ในภาพกว้าง พระภิกษุสงฆ์ทั้ง 3 นิกายไม่ขึ้นต่อกัน ไม่มีพระสังฆราชเหมือนอย่างในประเทศไทย ไม่มีลักษณะปกครองเป็นลำดับชั้น แต่ละนิกายก็ขึ้นอยู่กับตนเอง สมบูรณ์อยุ่ในตัวเอง พระภิกษุในแต่ละนิกายก็จะมีบางรูปสนับสนุน บางรูปก็ยังไม่สนับสนุน สำหรับพระภิกษุที่สนับสนุนท่านก็จัดการบวชให้ อย่างนิกายอมรปุระ หลวงพ่อธัมมโลก ท่านก็จัดการบวชให้ทั้งสามเณรีและภิกษุณี หลวงพ่อสุมังคโล พระภิกษุเหล่านี้ล้วนเป็นมหาเถระทั้งสิ้น มหาเถระหมายถึงมีอายุการบวชมากกว่า 20 ปี แล้วก็เป็นสังฆนายก อนุสังฆนายก
     
  18. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ............เล่าตกไป ภิกษุณีที่ไปบวชที่ลอสแองเจิลลีสมีการพิจารณาตนเองว่า บวชแล้วกลับมาไม่ได้อยู่กันเป็นคณะสงฆ์ แล้วก็ไม่เข้าใจในพระปาฎิโมกข์ ไม่มีการรักษาพิธีกรรมของพระภิกษุณี ก็กลับเข้ามาบวชใหม่ในปี 1998 อันนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่แสดงว่าลดวางทิฐิ ไม่ได้ยึดว่าตัวเองบวชแล้วก็พอแล้ว แต่ได้มีการพิจารณาตัวเอง ในเมื่อบวชมาแล้ว ไม่มีปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ก็กลับมาบวชอีก[9] แม้กระทั่งพระภิกษุณีที่บวชในปี 1996 คือบวชจากสายของเกาหลี ก็มีอยู่รูปหนึ่งก็กลับมาบวชอีกในปี 1998 เพื่อให้แน่ใจได้บวชอย่างถูกต้องโดยสงฆ์ 2 ฝ่าย
     
  19. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ............อันนี้ก็เป็นเรื่องการสืบสายภิกษุณีสงฆ์ในศรีลังกา ที่นี้จะพูดถึงเรื่องข้อติดขัดที่ว่าศรีลังกาไปบวชมาจากจีน ก็จีนเป็นมหายาน ต้องไม่ลืมว่าเรากำลังพูดถึงธรรมวินัย ในสายการบวชนั้นเป็นการสืบสายทางพระวินัย ส่วนความแตกต่างของมหายานและเถรวาทนั้นเป็นความแตกต่างในเรื่องของการตีความ การอธิบายพระธรรม สายการบวชสืบโดยพระวินัย พระวินัยของฝ่ายเถรวาท เป็นคนที่ไปบวชให้กับสายจีน แต่เมื่อสายเถรวาทหมดภิกษุณีสงฆ์ลง ฝ่ายจีนก็นำกลับมามอบให้กับศรีลังกา ก็ถือว่าเป็นการสืบสายที่ถูกต้องตามพระวินัย ที่สายเดิมของตนเองนั้นย้อนกลับมาบวชให้ [10]


    วินัยที่ฝ่ายจีนถือคือธรรมคุปต์ ซึ่งธรรมคุปต์นั้นเป็นกิ่งนิกายของเถรวาท ที่แยกไปสมัยพระเจ้าอโศก ในสมัยพระเจ้าอโศกเราพูดถึง 18 นิกาย 12 นิกายแยกไปจากเถรวาท 6 นิกายแยกไปจากมหายาน วินัยที่ยังเหลืออยู่ในโลกปัจจุบัน คือนิกายเถรวาท นิกายธรรมคุปต์ และนิกายมูลศาวสติวาท ซึ่งทางฝ่ายธิเบตถืออยู่ ทั้ง 2 นิกายคือธรรมคุปต์ และมูบศาวสติวาท นั้นเป็นกิ่งนิกายของเถรวาททั้งสิ้น


    เพราะฉะนั้นจำนวนสิกขาบท 311 ข้อที่เถรวาทถือนั้นก็อยู่ใน 348 ข้อที่ฝ่ายธรรมคุปต์ถือ เพียงแต่ว่า ธรรมคุปต์มีการเพิ่มข้อบังคับบางประการที่เกี่ยวข้องกับภูมิประเทศ เกี่ยวเนื่องด้วยวัฒนธรรมที่ตัวเองถือ


    ............เพราะฉะนั้นสายธรรมคุปต์จึงเป็นสายเถรวาท การถือสิกขาบท 348 ข้อ ก็คือการถือสิกขาบทของเถรวาท 311 ข้อบวกเพิ่มเข้ามา การบวกเพิ่ม จึงไม่ทำให้สายการบวชของเถรวาทสูญหายไป เพียงแต่ทำให้มั่นคงขึ้น ถ้าเราพิจารณาอย่างนี้ก็จะเข้าใจประเด็นการบวชชัดเจนขึ้น
     
  20. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ............แท้ที่จริงแล้วประเทศไทยที่ไม่มีการบวชภิกษุณีสงฆ์นั้น ถ้าจะบวชโดยภิกษุสงฆ์ฝ่ายเดียวก็น่าจะทำได้ ถ้าสงฆ์เห็นว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำ [11] เป็นสิ่งที่น่าจะทำ ถ้าหากว่าเราจับจิตวิญญาณของพระพุทธศาสนาได้ สารัตถะของพระพุทธศาสนาได้ เมื่อเราไม่มีคณะภิกษุณีสงฆ์ พุทธบริษัทก็ขาดหายไป วิธีการที่เราจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็คือทำให้สมบูรณ์ ทำให้เต็ม ตามพระประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มอบหมายไว้ในมือของพุทธบริษัท 4


    ............ย้อนกลับไปดูที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พระภิกษุบวชภิกษุณีสงฆ์ได้ แต่ต่อมาเมื่อมีการกำหนดให้ภิกษุณีสงฆ์ เป็นผู้สอบถามอันตรายิกธรรม แล้วให้พระภิกษุสงฆ์บวชนั้น เรียกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...