มด แมลงสาป หนู เจอฆ่าให้ตาย

เมื่อเธอตั้งปนิธานงดเนื้อสัตว์...เธอก็จะเห็น ความคิด ความอยาก ความปรารถนา อันแรงที่จะกลับมาทานเนื้อสัตว์...อีกหน และจะหาข้ออ้างต่างๆ นานา เช่น พุทธ ยังไม่ห้ามเนื้อสัตว์ เลย อย่างนี้เป็นต้น

บางทียังไม่ทันงดเนื้อสัตว์ก็อ้างแล้วว่า..ทำไมต้องทำตามด้วย...5555....ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาขู่ เทศนาคนอื่นเลย..เหม็นเนื้อสัตว์ในพุงเอ็งระเหยออกมา

 

เอาพลังงานจากการทานอาหารไปหาสูตรพบพระเจ้าหมดแล้ว เพื่อความรอดของเราและสรรพสัตว์ในโลก โนอา ชเวอสเน็คอาส

 

หาสูตรเสกอาหารจากความว่างเปล่าอยู่ จบแฮปปี้เอนดิ้งแน่

 

กรรม = การกระทำ มาแต่ต้นแล้ว แล้วไอ้การเบียดเบียนมันก็เป็นกรรมแต่ต้นแล้วเหมือนกัน การรวมหัวกันของสัตว์? นี่ไปฝึกอีท่าไหนมา? ถึงได้สรุปเอาว่ากรรมแลวิบากกรรมไม่มีแต่เกิดเอาจากสัตว์ นี่ใช่นักปฏิบัติธรรมจริงๆเหรอ ? วิปลาศเสียแล้วโดยไม่รู้ตัวด้วย

แล้วที่บอกเห็นคนทำดีนี่เห็นจากไหน? ดูจากข่าว ? หรือรู้จักคนนั้นคนนี้บ้างส่วนใหญ่กล้าพูดเลยว่าคุณไม่ได้รู้เรื่องราวเขา จริงๆหรอกและคุณก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาคิดอะไร แค่เจตนาก็เป็นกรรมแล้ว แล้วคุณรู้เรอะตลอดชีวิตเขาทำอะไร? เขาคิดอะไรไปบอกว่าเขาดี?
ที่สำคัญปฏิบัติธรรมมาแล้วยังกล้าพูดด้วยนะว่าวิบากกรรมไม่มีจริง แสดงว่าไม่เคยได้ปฏิบัติจริงๆเลยใช่ไหมแล้วอย่าตอแหลนะว่าไม่มีพระพุทธองค์ท่านก็กล่าวเองเลย แล้วมรึงเป็นใครกล้ากล่าวตู่ธรรมขององค์ท่านหือ? ก็ใครสาวกที่ติดตามภูดิชก็ระวังๆกันไว้แล้วกันมี "วิจารณญาณ" ของตนหัดใช่ไม่ต้องเชื่อใครซักคนนั่นแหละ แต่ให้ดูผลลัพธ์ นะครับว่าวิปลาศจริงหรือไม่

 

ตอบสุดท้ายละนะ ไม่อยากคุยกับคนบ้า ถ้ามีปัญญาพอก็ลองไปอ่านเอาผมเคยโพสท์ไปแล้ว ถึงเรื่องกรรมนี่แหละนะ ก็ขอให้หาเจอแล้วกัน

 

สรุปตอบไม่ได้...เพราะไม่กล้าสรุปในคำถาม

วิบากกรรมเกิดอย่างไร? ใครทำให้เกิด?

ตอบให้ชัดมาเลย ดีกว่า

ตอบไม่ได้คือไม่มีความรู้จริง แถไปที่อื่น

 

เคยโพสท์ไปแล้วไปลองหาอ่านเอาเอง คุณไม่ได้สำคัญพอที่ผมจะมานั่งพิมพ์ใหม่
บ่อน้ำไม่เดินไปหาควายฉันใดก็ฉันนั้นครับ

 

ท่านภูดิศนี้ท่านนับถือศาสนาอะไร ?

มาจากเส้าหลินรึเปล่า เลยไม่ทานเนื้อสัตว์หนะ



แบบว่ามากความสามารถด้วยท่ายาก

คงไม่ได้ฝึกวิชาจนธาตุไฟแตกใช่ใหม ให้ฆ่า มด แมลงสาป หนู แต่ว่าไม่ให้กินเนื้อสัตว์หนะ

คำพูดฟังดูมันย้อนแย้งในตัวเองอยู่นะท่าน

 

ขอเกริ่นแบบนี้นะ อาจจะยาวหน่อย เพื่อความเข้าใจเบื้องต้น
ปกติมนุษย์เราทั่วไปเราจะมีเส้นพลังงานอยู่ ๒ ส่วน
๑. ส่วนที่วิ่งตามแนวจักระด้านหน้าขึ้นไปข้างบน
๒.เส้นที่วิ่งตามแนวกระดูกสันหลัง
ในคนที่จะมีความสามารถใช้งานทางจิตได้แบบภายใน
ปกติเส้นที่๑ จะวิ่งขึ้นบน ส่วนจะมีความสามารถ
ทางด้านไหนก็ดูตามแนวจักระ เช่น ถ้ามีการหมุนตามเส้น
บริเวณท้องแต่ไม่ถึงลิ้นปี่ คือพวกมีสัมผัสภายใน หรือ
พวกมีการหมุนเปิดบริเวณหน้าฝากคือ พวกมีตาดีเป็นพิเศษ
หรือพวกที่มีการหมุนบริเวณลิ้นปี่ร่วมกับบริเวณปาก
ก็คือพวกจอมคาถาหรือเซียนสวด. อะไรประมาณนี้
หรือ คนที่มีเส้นที่ ๒ วิ่งขึ้นบนคือพวกที่มีกำลังจิต ที่พูด
คือแบบคร่าวๆทั่วไป ที่พอทำให้ทราบว่า ใครมีความ
สามารถทางด้านไหน....ในที่นี้สามารถบอกระดับเมตตา
ได้ด้วยว่าคนนั้นมีเมตตาแบบภายในหรือแบบภายนอก...

และเส้นพลังงานทั้ง ๒ นี้ยังสามารถบอกเวลาที่ธาตุต่างๆ
ในร่างกายมันกำลังจะกลับคืนสู่ธรรมชาติมันได้
คือองค์ประกอบของสะสารกำลังสลายไปและแรงต่างๆ
ก็กำลังกลับคืนสู่ธรรมชาติของมัน
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า สิ้นอายุไข

. คนที่จะสิ้นอายุไขตามธรรมชาติ
เส้นพลังงานทั้ง ๒ เส้นนี้ มันจะค่อยๆล้มลงมาจากแนวที่มัน
ตั้งฉากจากพื้นโลก จนกระทั่งมาขนานกับพื้นโลก
และเมื่อขนานกับพื้นโลกก็คือ การสิ้นอายุไขนั้นเอง...
หรือเรียกอีกอย่างว่า ไม่มีเส้นสื่อนำแรง ในการให้องค์
ประกอบของสะสารมันดำรงค์อยู่ได้อีกต่อไป

ดังนั้นหากใครก็ตามถ้าสามารถทราบ
วิธีจับเส้นพลังงานทั้ง ๒ เส้นนี้ให้มันตั้ง
ขึ้นได้อีก(มีการปรับระบบอื่นๆร่วมด้วย)
ก่อนที่มันจะขนานกับพื้นโลก(ย้ำว่าก่อนขนาดพื้นโลก)
บุคคลนั้น ก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้ คล้ายๆว่า ไปกระตุ้น
การทำงานในระบบธาตุหรือพวกสื่อนำแรงให้มันทำงาน
และอยู่ร่วมกับองค์ประกอบธาตุต่างๆได้นั่นเอง.....
แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า จะอยู่ได้นานแค่ไหน
และก็ยังไม่ปรากฏว่า จะมีการกระทำแบบนี้เป็น
ครั้งที่ ๒ ในบุคคลที่เคยได้รับการพลิกแนวแกน
เส้นพลังงานนี้....


ปล. วิบากคือกระแสที่จรเข้ามา...ที่เป็นผลมาจากความคิด
การกระทำ กระแสเป็นสื่อนำแรง มันไม่ได้อิงอาศัยพื้นที่
ในพื้นที่เดียวกัน สามารถมีกระแสนับล้านๆกระแสอาศัย
อยู่ร่วมกันได้(ทางโลกวิบากกรรมที่เจอ)
และมันสามารถสร้างให้เกิดเป็นสนามแรงขึ้นมาได้
(ทำให้ส่งผลต่อกายต่อความคิด พวกนี้เป็นเพียงแค่ผล
ในระดับที่หยาบมองเห็นได้)
เหมือนกับองค์ประกอบของสะสาร ดังนั้นเมื่อไม่ได้อิงพื้นที่
มันจึงไม่มีระยะทาง ไม่มีเรื่องของเวลามาสัมพันธ์
มันจึงอยู่คำว่า กาลและเวลา ที่มาของคำว่า
วิบากกรรมในอดีตนั่นและ.....

ปล. พอเข้าใจเนาะ....

 

ขอบคุณมากครับ ที่ช้วยชี้แนะ

 

บ่อน้ำนิ่งก็เป็นบ่อเน่าเหม็น...ควายมันก็ฉลาดเลือกไม่ลงไปเกลื่อก บ่อน้ำเน่าดอก....เขาเรียกว่าปลักควาย..บ่อที่อ้างถึงน่ะ

 

กล่าวตู่โดยที่ยังไม่ได้เดินไปดูในบ่อที่ชี้ให้ก็ตามใจฉันใดก็ฉันนั้นถ้าได้อ่านแล้วคิดว่าไม่ใช่ก็แย้งมา แต่ถ้ายังไม่ได้แม้กระทั่งเดินไปดูบ่อ ก็ระวังกรรมที่จะตามมาเรื่อยๆนั่นแล

 

อยากแข็งแรงก็อย่าทานเนื้อสัตว์..เนื้อสัตว์หากใครมีระบบระบายเสียไม่ดี..ก็คือ ความเป็นโรคแบบผ่อนส่ง..มาทีละนิดสะสมทีละหน่อย...

สัตว์ หรือพวกครึ่งสัตว์ ไม่ยุ่งกับมัน...เพราะพวกไม่เคยสร้างความดี มีแต่อบาย พลังงานต่ำ..มักไปเกี่ยวกับสัตว์..หรือที่เข้าใจกันว่าเกิดเป็นสัตว์ ..พวกสัมภเวสี

สิ่งที่ฉันใส่ใจคือ ความดี ที่ส่งผลต่อความเจริญในธรรมชาติและในมนุษย์ และ....

 

กรรม ตามมาเรือยๆ ...งงมาก

แปลว่า การกระทำ ตามมาเรื่อยๆ นั่นแล

งงไหม? ใครไม่งง แปลหน่อย

การกระทำ ตามมาเรื่อยๆ คืออะไร?

 

https://palungjit.org/threads/กรรมคืออะไร.652884/
เอ้าเอาบ่อน้ำมาฝากแล้วนะ ถ้าได้อ่านแล้วยังไม่เข้าใจ ก็สุดจะพรรณนาแล เชิญตามสะดวกเลยขี้เกียจคุยกับคนปิดหูปิดตาแล้ว เชิญ

 

แล้วที่เขียนมานี่ ผมยังไม่ได้พูดเกี่ยวกับวิบากกรรมนะเพราะยังรู้ไม่แจ้งพอ แต่ผมรู้ว่ามันมาจากความว่าง เพราะขนาดพระพุทธองค์ยังไม่พ้นวิบากเลย การกำหนดจิตใดๆก็ตามที่ว่าขึ้นมาจากลิ้นปี่ ก่อนมันจะมารวมกันมันก็มาจากความว่างเช่นกัน ผมจึงสรุปได้แค่ว่าวิบากมีและหนีไม่ได้แต่ให้ผลเช่นใด ผมยังไม่รู้ชัด ดังนั้นเรื่องไหนผมไม่รู้แจ้งผมจะไม่อธิบายเพราะเดี๋ยวจะพาผู้อื่นหลงไปด้วย เพราะผมรู้ว่าวิบากมีแต่ไม่รู้ว่าวิบากที่แสดงผลแล้วจะเป็นเช่นไรนั่นแล ผมขอใช้ท่านเป็นตัวอย่างเลยก็แล้วกันจะขอตามสังเกตุการณ์ต่อไปว่าท่านจะเจอกับอะไรนะครับ

 

(วิบาก คือ) กระแสจรที่เข้ามาคืออะไรเล่า??

 

ก็ลองกำหนดจิตดู สิครับ หากได้ทำสติสัมโพชงค์มาเดี๋ยวก็รู้เอง เพราะจะพรรณนาไปไม่เคยทำย่อมไม่เข้าใจอยู่ดี และข้อนี้ท่าน nopphakan เป็นคนตอบก็ให้ท่านมาอธิบายเองแล้วกันถ้าเขาจะชี้ทางให้ท่านเห็นน่ะนะ

 

รับว่าไม่รู้ก็แมนนิ

ใช่ฉันกำลังนั่ง ยืน นอน ท้าทายมันให้มาหาฉันอยู่ขณะนี้ไง...ขึ้เกียจไปเสาะหามัน..วิบากหรรมตัวไหนใหญ่ก็มาหาฉันได้เลย

 

ปกติครับผมตั้งสติมั้นรู้ธรรมเฉพาะหน้าอันไหนรู้ไม่แจ้งผมไม่พิมพ์ลงไปหรอก ส่วนจะตัวไหนผมก็ไม่รู้หรอกแต่เท่าที่เห็นคือวิปลาศคือตัวแรก เพราะถือทิษฐิตน ท่านไม่ยอมอ่านลิ้งของผมด้วยซ้ำในตอนแรก แต่ดันคอมเม้นก่อนที่ผมจะหามาเพื่อโพสให้อ่าน มันก็แสดงแล้วว่า ท่านยังมีทิษฐิ ยังไม่ได้ทดลองยังไม่ได้ทำแต่กลับแสดงความเห็น ดังนั้นมันคือมโน(ความคิด) ผู้ฉลาดย่อมรับฟังทุกความเห็นแล้วนำไปทดลองเพื่อจะได้ทราบชัดว่าใช่ไม่ใช่ แม้แต่ขอทานก็ยังมีความรู้บางอย่างที่นักธุรกิจไม่รู้ แล้วการที่ท่านยังกล้าเสนอมโนว่าให้ฆ่าแมลงสาบ แต่กลับไม่ให้ทานเนื้อสัตว์ซึ่งมันโคตรจะย้อนแย้ง โดยที่ท่านกลับไม่รู้ตัวเลยมันก็แสดงออกมาแต่แรกแล้วว่าท่าน "กำลังจะวิปลาศเสียแล้ว" นั่นแล