มนุษย์ที่ตั้งอยู่ด้วย ราคะ จริต เป็นอย่างไร

ราคะ คือ อะไร

ในทัศนส่วนตัว

คือ การยินดีพอใจในสิ่งใด แล้วห้วนกลับมาทำสิ่งนั้นๆ ซ้ำๆ

เพราะพอใจในสิ่งที่กระทำ ไม่มีการพัฒนาออกจาก

สิ่งที่ได้รับ สิ่งที่ปรากฎ

แบบนี้ เรียกว่า ราคะ

แบบนี้ เรียกว่า ไม่มีจาคะ

บางเรื่องที่ phudit999 แย้งใครบ้างคน

บางกระทู้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า กระทำซ้ำๆ วนๆ แบบนี้ เรียกว่า ราคะ

กำลังเจาะกินบุคคลเหล่านั้นอยู่

(นี่หมายถึงบุคคลที่ยัง ไม่บริสุทธิ์ จริงแท้ สำหรับผู้บริสุทธิ์

จึงจะเป็นคนพิเศษ ยกเว้น)

หรือ เรียกว่า ชื่นชอบ แบบใด ฉันก็จะกลับมาเสพ แบบนั้นเรื่อย ๆ

เพราะทำให้ฉันรู้สึกชื่นมื่น

----------------------------------

ให้เปรียบเทียบ กับ ผู้ชาย หรือ หญิง ที่เสพกาม(มีเพศสัมพันธ์)

แล้วรู้สึกติดอกติดใจในการมีเพศสัมพันธ์ มีความพอใจที่จะมีเพศ

สัมพันธ์กันทุกวัน หรือ ทุกๆชั่วโมง มิหน่ำซ้ำ แหลกเปลี่ยนคู่

เพื่อเสพเพศที่แปลกแยกออกไป

คนทั่วไปคิดว่า แบบนี้ คือ ราคะ

ไม่ใช่ แค่นี้คือตัวอย่าง ของ ราคะ เท่านั้น



ราคะ ที่แท้ ที่ทุกท่านเข้าใจกัน เป็นแบบใด ล่ะครับ

และ ท่านได้กระทำ ราคะให้สิ้น แล้วหรือยัง

หรือว่า ยังนิยม ชมชอบ บ้างสิ่งและเสพเป็นประจำหรือเปล่า

*****************

 

หากมีความนิยมและเสพเป็นประจำ และมีความพอใจ

ที่จะเสพ และกระทำ ให้ชื่นมื่น อีกครั้ง อีกหน

ไม่พยายามละ แต่กลับปล่อยใจ ในผูกมัดกับสิ่งเหล่านี้

อยากรู้ว่า น่ารังเกียจอย่างไร ก่ ให้ดูการเสพกาม (ชายหญิง)

ที่ ไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เว้นแต่ละชั่วโมง ไม่มีหยุดพัก

ไม่มีความรู้สึก ลด ละ เลิก เพื่อที่จะพัฒนาตนเอง

ไปอีกระดับหนึ่ง แบบนี้ไม่เรียกว่า เลื่อนระดับ ดอก

หรืออีกนัยคือ เป็นคนที่ไม่มี จาคะ

 

บุคคล ที่สอน และพูดวนซ้ำๆ ได้ โดยไม่มีราคะ

คือ บุคคลที่เป็นอริย เท่านั้นที่จะ ปฏิบัติอะไรที่ซ้ำๆ

สอนอะไรที่ซ้ำๆ ได้ เพราะความทะยานอยาก ไม่ได้

เกาะกิน ลึกเข้ามาภายใน ... สังเกตได้จากไหน

เอาแบบชัดๆ

มีหญิงชายคู่หนึ่ง กำลังเสพกามอยู่ (ติดพันกันนัวเนีย)

และ ใครบางคน ไปจับแยก ดูอาการของ หญิงชาย

คู่นั้นจะไม่พอใจหรือไม่ จะเหวี่ยง จะฟาด ใส่ คนที่จับแยก

บอกให้หยุดหรือไม่ล่ะ ...

..... แต่เรื่องของ ราคะ เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ จริงๆ

นอกจากจะเป็นผู้รู้ และเท่าทัน ราคะ ของตนเอง

และกระโดดออกมาเอง

หรือ ไม่ก็ เรียกร้องและขอ ให้ช่วย จาก กัลยาณมิตร

ที่อยู่ภายนอก ช่วย ....

แต่ก็น่า อนิจจา

บางคนคิดว่า เพื่อนฝูงที่อยู่ใกล้กัน ทำงานด้วยกันมา คือ กัลยาณมิตร

ก็ ตกหลุมโคลนด้วยกัน แล้ว ใครจะช่วยดึงออก ....

 

กัลยาณมิตร เป็นอย่างไร

บุคคลที่อยู่ ในที่เดียวกัน เห็นพ้องด้วยกัน เรียกว่า กัลยาณมิตร หรือเปล่า

บุคคลที่ พยายามตักเตือน เพื่อนผู้หลงผิด เพื่อนที่กำลัง หลงผิด เรียกว่า กัลยาณมิตรหรือเปล่า

จะยกตัวอย่าง

มีคนอยู่สามคน

สองคน อยู่ในโคลนตม

อีกคนหรือคนที่สาม อยู่บนพื้นดิน ปกติ

สองคนนั้น จะสามารถช่วยเหลือกัน ออกจาก หรือหลุดพ้นออกจากโคลนตม ได้หรือไม่

หรือว่า คนที่สาม ที่ไม่ได้อยู่ในโคลนตม

หนึ่งในสองคนที่อยู่ใน โคลนตม จะคิดอย่างไร

เพื่อนที่อยู่ในโคลนตม คือ กัลยาณมิตร

หรือ คิดว่าเพื่อนที่จะสามารถดึงตนเอง ออกจากโคลนตม เป็นกัลยาณมิตร

----------------------------------------------------------------

บางคนคิดว่า ต้องอยู่ในสถานะเดียวกัน ใกล้ชิดกัน จึงจะเรียกว่าเป็นกัลยาณมิตร

แบบนี้ใช่หรือเปล่า.....

กัลยาณมิตร ต้องเป็นอย่างไร....

มองเห็นสิ่งผิดปกติ ของเพื่อน และบอกให้เพื่อนพ้นจากสิ่งผิดปกติ แบบนี้ใช่หรือเปล่า

.....................................

หรือจะมอง ผู้ที่อยู่ในสถานะแตกต่างจากตนเอง แล้วมองผู้ที่เตือน ด้วยความอคติ

ว่า เสือก .......... ทุกกรณี แต่กลับมอง คนที่เห็นพ้อง เห็นเหมือนคือ กัลยาณมิตร

แบบนี้จะเรียกว่าอะไรดี ... คิดไม่ออก บางให้ที?

 

จาคะ ข้างต้นที่กล่าวหมายถึงอะไร

จาคะ คือ การสลัดทิ้ง การละออก หรือการปล่อยออก

ในทำนองของการ ปลดปล่อย ตนเองไปลื่นไหล ไปตามธรรมชาติ

ธรรมใดที่ตนเองแจ้งแล้ว ก็ต้องปล่อยออก

ไม่ยึดติด ไม่ติดกับมัน ไม่เกาะเกี่ยว กับมัน

ท่านได้ ปฏิบัติตนให้มี จาคะ แล้วหรือยัง....

หากยังไม่มี ลองสำรวจดูสิว่า ตนเอง มี ราคะ หรือไม่

หรืออีกนัยคือ ความพึงพอใจ ยินดี ชอบพอ และ ชื่นมื่น

ทุกครั้งที่เสพ ทุกครั้งที่ รับรู้ และมีความเพียรพยายาม

อย่างเมามัน เพื่อที่จะเสพอีกครั้งหรือไม่

หากเป็นแบบนี้ เรียกว่า มีราคะ และ ไม่มีจาคะ

 

การเสพกาม เป็นอย่างไร

ที่กล่าวข้างต้น ว่าด้วย การเสพกาม

หมายถึง ยินดีพอใจ ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และการยินดี พอใจในความอยาก

(ทั่วไปเข้าใจว่า เสพกามคือ มีเพศสัมพันธ์)

รูป สวย ยินดี
รส อร่อย ยินดี
กลิ่น หอม ยินดี
เสียง ไพเราะ ยินดี
สัมผัส นุ่มนวล ละมุ่นละไม ยินดี
พอใจใคร่อยาก ใน ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ มีความ พอใจ

อ้าว ทำไม พอดีกับ สวรรค์ ทั้ง หก พอดิบพอดี หนอ

เหล่านี้ เป็น รูปกาม ภพหรือภูมิ รูปกาม หรือเปล่า เล่า

และเหล่า ที่ตกอยู่ในมิติต่างๆ เรียนรู้ ที่จะเท่าทันในสิ่งเหล่านี้หรือไม่

คำตอบบางคน บอกว่า ใช่ ฉัน รู้หมด

แต่ ท่านได้มีความ สลัดออก สลัดทิ้ง และออกจาก หรือ ไม่

เพราะรู้เท่าทันจริง แต่ไม่สลัดออก

เหมือนกับ ชายหญิง คู่นั้น ที่ยังเสพกามอยู่ เมามัน ในอารมณ์

ต่าง ก็จะคิดว่า ช่างเป็น ความสุขอะไร อย่างนี้

พรุ่งนี้ ปรารถนาให้ คู่รักของตน กระทำ แบบนี้อีกครั้ง

พรุ่งนี้ อยากจะให้ คู่รักของตนยินยอม .... ทำแบบนี้....อีกครั้ง

และ อีกครั้ง ซ้ำๆ

ใครที่พอใจ ยินดี ชื่นมื่น เป็นสุขแบบ รูปกาม และทำซ้ำ นั่นคือ ผู้ที่ติดอยู่ใน ราคะ

 

อรูปกาม เป็นแบบใด .....และสัมพันธ์กับ ราคะ อย่างไร ใครช่วยตอบ ....

 

ขออนุญาต ขยาย เรื่อง ราคะ เพิ่มเติม เผื่อว่ายังไม่เข้าใจกัน

ความแตกต่าง การเสพเพศสัมพัันธ์ระหว่างหญิงชาย

กับ กระทู้ ที่ฉันชื่นชอบ มากๆ อ่านแล้วปลื้มใจ ฉันปรารถนา

ฉันอยาก ฉันเฝ้ารอ ..... ฉันขอกด Like เป็นประจำให้เลย

(ไม่รู้ดอกว่าเขาจะกล่าว ถูก หรือ ผิด เหมาะ หรือ ไม่เหมาะ)

โดยที่ตนเอง ไม่มีอะไรที่จะแตกต่าง พัฒนาไปจากเดิม

.... แบบนี้ หลงใน มิติ หลงใน ความซ้ำๆ

ใครบ้าง ที่ชอบอะไร ซ้ำๆ

 

คุณ เข้าใจคำว่า ราคะ กาม จาคะ ยังไม่ชัดเจนนะครับ

เพราะ ถ้าผมจะบอกว่า ถ้าผมแต่งงานมีเมีย ผมนอนกับเมียผม ถือว่าผม มีราคะที่ถูกต้อง มีกามที่ถูกต้อง

แต่ถ้า ผมมีเมียอยู่แล้ว มีสามีอยู่แล้ว แต่ ไม่รู้จักพอ กลับไปทำตัวสำส่อน ไปหาร่วมหลับนอนกับลูหสาวชาวบ้านหรือ เมียคนอื่น ถึงแม้ว่า ลูกสาวคนอื่น หรือเมียคนอื่น จะเสนอตัวมาก็เถอะ ถ้าเรา เป็นคนดีจริง เราก็ต้อง รู้ว่ามันไม่ถูก นั่นเพราะ เรามี สถ่นะที่เป็นสามี มีเมียเป็นของตนเอง และ เราก็มีเมียเป็นเจ้าของที่ถูกต้องแล้ว เราจะ ทำราคะ ทำกาม กับคนอื่น ที่นอกเหนือจาก สามีภรรยาของตัวเองนั้น ถือว่า ทำผิดในความเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ

แต่แค่คิด ไม่เอากาย ไปกระทำน่ะ ก็คิดไป ถ้าไม่เหนื่อยที่จะคิด
เช่นกัน ความชั่วทั้งปวง คิดได้ แต่อย่าลงมือกระทำ
ถ้าจะลงมือกระทำจริงๆ ก็ต้อง ยินยอมรับในผลกรรมที่จะเกิดตามมาด้วย ด้วยความเต็มใจ ว่า ตนเองพร้อมแล้วที่จะสร้างปัญหาให้กับ ชีวิตของตนเอง ซึ่งอาจกระทบต่อภายภาคหน้าหรือข้ามชาติกันก็มี

 

ทีนี้ คุณภูดิด จะมาคิดแทนคนอื่น ว่า นั่นคือชื่นชอบที่จะคิด หรือ เขาชื่นชอบที่จะทำ ซึ่งคำว่า กระทำ ในที่นี้ ผมจะต้องหมายความถึง การสร้างกรรม มีกรรมร่วม กับคนอื่น เช่น ผิดศีล เล่นชู้ นอกใจ หรือ ละลาบละล้วง สิทธิเสรีภาพ ของผู้อื่น โดยที่ผู้อื่นไม่อนุญาติ

ดังนั้น การกระทำ ที่เหมือน แค่การคิด แต่ไม่ กระทำทางกายนั้น คนโดยทั่วไป ก็ คิดก็พากันคิด กันอยู่แล้ว แต่ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ที่คิดน่ะ เพราะเจตนาแค่คิด แต่ไม่มีเจตนาที่จะกระทำทางกายกรรม ซึ่ง ผมว่า ถ้าคนทั้งหลาย ทำได้ ตามที่ผม พูดมานี้ โลกคงสงบสุขขึ้นเยอะ เพราะ นี่ถือว่า เป็นคนที่เกรงกลัวบาป กรรม อยู่ นั่นคือ ยังรู้ว่า กรรมอะไรดี กรรมอะไรไม่ดี เพราะ เขาแค่คิดในใจ แต่ไม่เอากายไปลงมือกระทำกรรม

เช่น ผม เห็น ผู้หญิงสวยเดินผ่านมา แล้วผมก็มอง ชอบมอง แล้วอาจคิด ต่างๆนาๆ แต่ จะให้ ผม ไปสร้างกรรมทางกายกรรมนั้น ผมไม่มีทางทำแน่ และถึงแม้ ผู้หญิงคนนั้น จะมาถอดเสื้อผ้า นอนหงายให้ ผมก็ไม่ทำ นั่นเพราะ ผมรู้ว่า ผมมีเมียอยู่แล้ว

 

แล้วทีนี้ มาว่า กันสมมุติ ว่า ถ้าผมเป็นวัยรุ่น ยังไม่มี ลูกไม่มีเมีย แต่ ถ้าสมเที่ยวสำส่อน ฟันดะ ละลาบละล้วงลูกสาวชาวบ้าน โดยที่พ่อแม่เขาไม่รู้ ไม่อนุญาติ ผมก็มีบาปกรรมติดตัว แน่นอน หรือ ผมจะเล่นชู้กับเมียชาวบ้าน แล้่วทำให้ ครอบครัวเขา แตกแยก นี่ยิ่งเป็นกรรมหนัก ของมนุษยชาติ เหมือนกับการฆ่า เขา เลยทีเดียว เพราะ ถ้าครอบครัวเขาแตกแยก พรากลูกพรากเมีย ทำให้ ชีวิตหลายชีวิต พังทลาย กรรมนี้แหล่ะ ที่ทำให้ คนทั้งหลาย ที่เคยกระทำ มันจะทำให้ เขาบรรลุธรรมไม่ได้ เพราะ เป็นการทำลาย ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ของ คนอื่น นั่นเอง

แล้วเขาคนนั้นที่ ทำให้ครับครัวคนอื่นแตกแยก เขาก็ จะได้รับกรรมนั้น จากที่เคยทำกับครอบครัวคนอื่น ด้วย

 

แม้ ชำนาญ มากเลยน่ะ เรื่อง ราคะ เนี่ย

 

เอาเป็นว่า เป็นผู้รู้ ดีที่สุด คนหนึ่ง เลยก็แล้วกัน ไม่งั้น จะมีเหตุผล อธิบาย กับคนอื่นได้หรือ คนอื่นเรียก กาม เราเรียก การสืบพันธู์

 

พลาดแล้ว ต๋อย
หากไม่มีเมีย ล่ะก็ ....

 

แต่ความจริง ก็คือ มันมีเมีย แล้วไง ต๋อย
ก็เกือบพลาดไงต๋อย
แต่ก็ไม่พลาดไงต๋อย

กรรมจัดสรร น่ะ อย่าคิดมาก ก็มันต่้องเป็นแบบนี้ หลีกเลี่ยงได้ซะที่ไหนกันเล่า

ยอมรับ ด้วยใจจริง สิ จบ

 

ไม่สามารถบรรลุธรรม ได้อีก เพราะ ศีลขาด

บางคนหมดสภาวะการเป็น มนุษย์ ไปเลย

ผู้ที่ไม่เป็นมนุษย์ (ศีลขาดกระจุย) ไม่สามารถปฏิบัติธรรมและสำเร็จ ได้อีกเลย (ในอดีต )

 

ก็แก้ สิ ผมมาเพื่อ แก้ไข ในสิ่งนี้ไง ต๋อย อิอิ
แก้ให้ถูกต้อง แก้ให้เป็น ยอมรับผิดในบาปเก่า เพื่อ ชำระ ให้หมด จะได้เริ่มใหม่ ที่ถูกต้องได้ ไง ผูกได้ ก็แก้ได้ เว้นแต่ จะยอมรับที่จะแก้มั้ย ไม่แก้ ก็ไม่มีวัน บรรลุธรรม (มันเป็นสัญญาเก่าที่ลบไม่ออก นั่นเอง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อาสวะกิเลสนั่นเอง ต๋อย) นะต๋อย ที่เรียกกันว่า กรรมเก่า หรือ นรกประจำตัว นั่นแหล่ะ

 

ไหน วงกลมจุด แก้ อย่างไร ล่ะ (อ่ะ รู้ อะไรดีเยอะ นิ)

แต่ของเราไม่ต้อง ให้ไปอาบน้ำ แทน แก้

 

แก้ที่ผูก เอาไว้ ใครผูกอะไร แบบไหน ก็แก้ ตาม ที่วิธีที่เขา ผูกมานั่นแหล่ะ
ไม่ได้มีวิธีแก้ ที่เรา แต่แก้ ตาม เหตุปัจจัย ที่เขา ผูกมา เราไม่มี วิธีอะไรหรอก ดูตามเนื้อผ้า ดูตามปัญหาที่เขานำมา ที่พวกเขามี นั่นแหล่ะ

 

ถาม ... คนคิดมาฟุ้งซ่าน เข้าขั้น เป็นค้นบ้า พูดไม่รู้เรื่อง แก้ไง

เหตุที่ฟุ้งซ่าน เพราะอะไร