เรื่องเด่น มส.ยันหน้าที่ชาวพุทธชี้แจงคนโจมตีว่าร้าย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 19 กรกฎาคม 2017.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    85751_th.jpg

    มส.ยันหน้าที่ชาวพุทธชี้แจงคนโจมตีว่าร้าย


    มส.เปิดโครงการอบรมวิชาการเทศนา พระนักเทศน์ รุ่นที่ 25 วัดประยุรวงศาวาส แนะชาวพุทธมีหน้าที่ชี้แจงหากมีคนโจมตีว่าร้าย ขณะที่ "สด แดงเอียด" อดีตอธิบดีกรมการศาสนาเตือนถ้าพระพุทธศาสนาไม่เข้มแข็ง ศาสนาอื่นจะมีความเข้มแข็ง



    3-71259.jpg



    23034(2).jpg



    1(151).jpg


    วันที่ 16 ก.ค.2560 พระพรหมบัณฑิต (ป.ธ.9, ศ.,ดร.,ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคมหาบัณฑิต) กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เจ้าคณะภาค 2 เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กล่าวเปิดในพิธีปฐมนิเทศพระนักเทศน์ รุ่นที่ 25 โครงการอบรมวิชาการเทศนา ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้การสนับสนุน ความว่า

    การมาเรียนเป็นนักเทศน์จะต้องเกิด 4 ประการ คือ

    1) "มาให้เกิดแรงบันดาลใจ" การมาเรียนทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจ ซึ่งต้องเกิดมาจากฉันทะในอิทธิบาท ใฝ่ที่จะเป็น จะมีความเพียรตามมา เอาจิตจดจ่อมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจไม่มีจุดเริ่มต้น อย่าคิดว่างานเผยแผ่เป็นภาระ

    แต่เป็นธุระสำคัญทางพระพุทธศาสนา ธุระสำคัญ 4 เรื่องที่พระพุทธเจ้าหวัง คือ ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม เผยแผ่ธรรม และปกป้องธรรม โดยเฉพาะปกป้องธรรม ย้ำว่า " ใครมาว่าร้ายหรือโจมตีต้องชี้แจงให้ชัดเจน " แรงบันดาลใจของนักเทศน์คืออะไร ? จุดเปลี่ยนของสุเมธดาบส เปลี่ยนจากปุถุชนเป็นพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต คำพูดไม่กี่คำที่เป็นกุญแจเปลี่ยนชีวิต สุเมธดาบสเห็นพระพุทธเจ้าจึงมีความปรารถนามีแรงบันดาลใจอยากจะเป็นพระพุทธเจ้า เราจึงต้องแสวงหาต้นแบบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ แสวงหาครูอาจารย์ต้นแบบในการเทศน์ในการพูด จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ เรียนจบแล้วจะต้องเกิด "อัจฉริยะ" แรงบันดาลใจจึงทำให้เป็นนักเทศน์ เราจึงเชิญหลายๆ ท่านมาบรรยายเพราะแต่ละท่านมีความเชี่ยวชาญต่างกัน เราเลือกเอาว่าเราชอบประเภทไหน รูปแบบใด จงหาตนเองเจอ เราต้องรู้ตนเองว่า เราถนัดวิธีการใด เราต้องให้เกิดการ " แจ่มแจ้ง จูงใจ แกล้วกล้า ร่าเริง "

    ๒) "มาให้ได้การฝึกฝน" หมายถึง การเรียนเทศน์ต้องฝึกปฏิบัติเท่านั้น ลงมือปฏิบัติ เพราะเป็นวิชาการใช้ทักษะ

    3) "มาให้พบตัวตน" หมายถึง ค้นพบความถนัดของตนเองว่าเราจะเทศน์แบบใด ที่เหมาะสมกับตัวตนของเรา เรียกว่า " ค้นพบตนเองให้เจอ "

    ๔) "มาให้เพิ่มพูนประสบการณ์" หมายถึง ได้ชั่วโมงบิน ผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะเรามาฝึกเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการเผยแผ่

    "หนุ่มคนหนึ่งยิงธนูแม่นมาก ยิงเข้าเป้าตลอดทุกครั้ง แต่ไม่สามารถสอนใครได้ จึงแสวงหาอาจารย์เพื่อเรียนวิชายิงธนู อาจารย์จึงถามคำถามเดียวว่า " ทำไมถึงสามารถยิงเข้าเป้า ลองไปหาเหตุผล ถ้าหาเหตุผลได้จบวิชายิงธนูสามารถสอนคนอื่นได้ เรามาเรียนเทศน์ในครั้งนี้ ต้องตอบว่า " ทำไมเราถึงเทศน์ได้ดี และ ทำอย่างไรถึงจะเทศน์ได้ดี " คนบางคนสามารถวิจารณ์คนอื่นได้ดี แต่ให้ทำเองก็ทำไม่ได้ดี เหมือนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ แต่การเทศน์ที่สุด ต้องเป็นผู้แสดงด้วยเป็นนักวิจารณ์ด้วย ถือว่าเป็นครูที่แท้ เทศน์ได้สามารถวิจารณ์ให้คำแนะนำลูกศิษย์ ฉะนั้น พระพรหมบัณฑิตจึงกล่าวธรรมโอวาทปฐมนิเทศสร้างแรงบันดาลใจให้พระนักเทศน์ 4 ประการ คือ เกิดแรงบันดาลใจ ได้การฝึกฝน ได้ค้นพบตัวตน ได้เพิ่มพูนประสบการณ์" พระพรหมบัณฑิต กล่าว


    จากนั้นนายสด แดงเอียด อดีตอธิบดีกรมการศาสนา ที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ผมเกิดมาไม่ได้เป็นนักพูด แต่ไปที่ใดผู้คนมักจะให้โอกาสพูด เรื่องพระพุทธศาสนาจะยั่งยืนแสนนาน ถ้าพระพุทธศาสนาไม่เข้มแข็ง ศาสนาอื่นจะเข้มแข็ง ศาสนิกชนของพระพุทธศาสนาลดจำนวนลง เพราะอะไร ? เราลองหาคำตอบ ตอนนี้พระพุทธศาสนาอ่อนปริมาณอ่อนกำลัง พระพุทธศาสนาจะไปในทิศทางใด พระพุทธศาสนาจะยั่งยืนเราจะทำอย่างไร


    นายสด กล่าวต่อว่า สิ่งที่พุทธศาสนิกชนต้องมี 3 ประการ คือ
    1) ชาวพุทธต้องรู้แก่นธรรมะทางพระพุทธศาสนาให้ถูกต้อง พระนักเทศน์ต้องช่วยกันเผยแผ่ เราต้องมีการเรียนภาษาบาลี เพราะเป็นกุญแจที่เข้าไปใกล้ชิดพระไตรปิฏก เราควรส่งเสริมเรียนภาษาบาลีเบื้องต้น
    2) ชาวพุทธต้องปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ด้วยการปฏิบัติให้มีชีวิตชีวา มิใช่อิ่มบุญอยู่คนเดียว เราต้องการพระพุทธศาสนาแบบมีชีวิตชีวา พระนักเทศน์ต้องช่วยกัน
    3) ชาวพุทธต้องเผยแผ่ธรรม งานเผยแผ่ต้องเป็นงานอันดับที่หนึ่งในปัจจุบัน เผยแผ่ด้วยการสอน การเทศน์ การแนะนำที่ถูกต้องถูกธรรม นำธรรมะเผยแผ่ไปทั่วสารทิศ วัดประยุรวงศาวาสจัดการอบรมพระนักเทศน์ในครั้งนี้ ถือว่ามีความสุดยอดที่สุด ธรรมะจึงต้องไปสู่คนทุกชนชั้นทุกสถานที่ พระนักเทศน์ต้องนำคำสอนจากพระไตรปิฏกไปสู่เพื่อนมนุษย์ ฉะนั้น ถ้าไม่มีการเผยแผ่คำสอนที่ถูกต้อง พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร จึงมีความห่วงใยพระพุทธศาสนาในสถานการณ์ปัจจุบัน ย้ำว่าหยุดสร้างวัตถุแต่สอนธรรมะสู่จิตใจ


    พระเทพปฏิภาณกวี ประธานองค์การเผยแผ่ กล่าวว่า แรงบันดาลใจจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในการเป็นนักเทศน์ ญาติโยมแสวงหาธรรมะจากสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งบางครั้งมีความผิดเพี้ยน สื่อได้ความรู้แต่ขาดการฝึกฝน แต่การมาเรียนจากครูอาจารย์จะกลายเป็นผู้มีจิตวิญญาณ เป็นศิษย์มีครู ครูอาจารย์เอาใจใส่ทำให้ศิษย์มีความเข้มแข็ง เหมือนเราว่ายน้ำไม่เป็น แต่มีคนถีบตกน้ำ จึงทำให้เข้มแข็ง พระนักเทศน์ต้องมีความกตัญญูต่อครูอาจารย์ ต้องเริ่มจากการสอนตัวเอง เราจะเริ่มการเทศน์แบบบุคลาธิษฐาน มีนิทานประกอบ ต้องฝึกวิธีเทศนา ลีลาการเทศน์


    พระราชวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มจร กล่าวว่า งานเผยแผ่เป็นรอยเท้าช้าง มีความใหญ่กว่ารอยเท้าสัตว์ทั้งหลาย งานเผยแผ่จึงรวมทั้งหมด ซึ่งงานการปกครอง ถือว่าเป็นการรักษาศรัทธาญาติโยม งานการศึกษา ถือว่าเป็นการเผยแผ่ เพราะถ้าไม่ศึกษาที่ถูกต้องจะนำความรู้ที่ใดที่สอนไปเทศน์ ล้วนแต่สนับสนุนการเผยแผ่ งานเผยแผ่จึงเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ตอนนี้เราทำแผนยุทธศาสตร์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อจะได้รับการสนับสนุนอุปถัมภ์ตามแผนยุทธศาสตร์กิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งเราไม่มีแผนยุทธศาสตร์ จึงไม่มีงบสนับสนุน ต่างจากศาสนาอื่นมีแผนยุทธศาสตร์ จึงมีงบประมาณสนับสนุน เราจึงต้องมีการขับเคลื่อนการเผยแผ่ ผ่านการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ฉะนั้น เรามาอบรมนักเทศน์ต้องมาสร้างแรงบันดาลใจ มาหาต้นแบบ เราต้องมีพรแสวงมากกว่าพรสวรรค์


    พระโสภณธรรมวาที ต้นแบบพระธรรมกถึก กล่าวว่า พระผู้เป็นทรัพยากรของพระพุทธศาสนา เราจะเป็นนักเทศน์ เสือยังรู้จักเก็บซ้อนเล็บ เราพระนักเทศน์ต้องเก็บความรู้ไปเทศนา ถ้าไม่เคยข้ามคลองอย่าริไปข้ามทะเล เป็นนักธรรมต้องนำนักเทศน์ ต้องรู้หลักธรรม ต้องจำหลักสูตร พระนักเทศน์ต้อง " ฝืน ฝึก ฝน " เราต้องค้น ต้องคิด ต้องเขียน ต้องพากพียร และต้องปฏิบัติ เรามาครั้งนี้ถือว่ามา " เก็บความรู้ มาดูสังคม " สิ่งสำคัญต้องมี 5 บ. คือ " บริเวณ บริวาร บริขาร บริกรรม บริการ " เราต้องปฏิรูปตัวเราเอง ยึดแม่แบบ ทำตามแม่บท พระนักเทศน์อย่าลืมต้น อย่าได้ตัด 7 ต้น คือ " ต้นแบบ ต้นบุญ ต้นทุน ต้นคิด ต้นน้ำ ต้นไม้ ต้นตระกูล "


    .............................
    (หมายเหตุ : ข้อมูลจาก Pramote OD Pantapat พระปราโมทย์ วาทโกวิโท ศิษย์เก่าพระนักเทศน์รุ่น ๘)

    ที่มา
    http://www.banmuang.co.th/news/education/85751
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...