มหาจุฬาฯ ร่วมมือกับชาวพุทธเอเซียสร้างสันติภาพผ่านวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย Phanudet, 20 มกราคม 2012.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    [​IMG]


    เมื่อวันที่ ๑๔-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ พระธรรมโกศาจารย์, ศ.ดร. ได้มอบหมายให้พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และพระมหาราชัน จิตฺตปาโล รองผู้อำนวยการกองวิชาการ เดินทางไปปฏิบัติราชการในนามของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนากับองค์ทางพระ พุทธศาสนากับอีก ๑๓ ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ลาว พม่า ศรีลังกา มาเลเซีย เวียดนาม จีน และกัมพูชา ในงาน "Asian Festival of Buddhist Culture" ครั้งที่ ๑ ซึ่งรัฐบาลประเทศกัมพูชา และจีนได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน โดยมีนางเมน สาม อาน (Lok Chumteave Men Sam An) รองนายกรัฐมนตรี และนายมิน ขิน (Min Khin) รัฐมนตรีตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศาสนาให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกตั้งแต่พิธีที่พนมเปญจนถึงพิธีการแสดงทางวัฒนธรรมและพิธีปิดที่เสียมเรียบ
    ในการนี้ ประเทศไทย ภายใต้การประสานงานของ ๓ หน่วยงานหลักคือ มหาจุฬาฯ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมปรึกษาหารือประเด็นเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และนำการแสดงศิลปะ และวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาไปจัดแสดงหน้าอังกอร์วัด ในหัวข้อการแสดงทางวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาเรื่อง "พุทธานุภาพอุบัติในโลกา ทวยเทวาและปวงประชาปีติ" ซึ่งประเด็นสำคัญได้แสดงให้เห็นถึงการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้านั้น ได้ทำให้พระอิศวร ปวงเทวา และมวลประชาทุกหมู่เหล่าค้นพบ "พลังแห่งสันติสุข" ทั้งในชีวิต ชุมชน และสังคม

    วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังที่จะนำหลักการทางพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศในแทบอินโดจีน ซึ่งมีแม่น้ำโขงเป็นแหล่งอารยธรรมในการเชื่อมประสานกลุ่มคนต่างๆ ตั้งแต่ภูเขาหิมาลัยไหลผ่านจากประเทศจีน พม่า ลาว กัมพูชา ไทย และเวียดนาม มาอธิบาย และนำเสนอผ่านการแสดงทางศิลปะวัฒนธรรม เช่น การฟ้อน และการร้องรำ ที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับวิถีของพระพุทธศาสนา ที่หล่อหลอมให้กลุ่มคนในลุ่มน้ำสามารถดำเนินชีวิตและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขบนฐานของวัฒนธรรมดังกล่าว


    [​IMG]



    ในโอกาสดังกล่าวนี้ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการได้ร่วมกล่าวสุนทรพจน์เรื่อง "World Peace and Buddhist Culture" เพื่อนำเสนอแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างเพื่อนร่วมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่น้องชาวไทยและกัมพูชาซึ่งมีรากฐานวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาเถรวาทเป็นแกนกลางหล่อหลอมวิถีชีวิตและการดำรงอยู่ของชนในชาติทั้งสองประเทศ ฉะนั้น ในสถานการณ์ของความไม่เข้าใจ และความหวาดระแวงในมิติการเมืองระหว่างประเทศนั้น วัฒนธรรมพระพุทธศาสนาที่ประสานและสอดคล้องกันจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งต่อการนำมาเชื่อมประสานความสัมพันธ์ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

    "สถานการณ์ของโลกในยุคปัจจุบันนี้ เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความรุนแรง วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นภูมิปัญญาสำคัญของโลกที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟู เยียวยา และเปลี่ยนผ่านความขัดแย้งของกลุ่มคนต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในสังคมไปสู่มิติที่ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันโดยการใส่ใจคุณค่าของความเป็นมนุษย์ จนนำไปสู่แบ่งปันความสุข และความทุกข์ระหว่างกลุ่มคนต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในสังคม"
    "อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนต่างๆ ตกอยู่ในภายใต้อำนาจของตัณหา ทิฏฐิ และมานะ จึงทำให้เกิดการแย่งชิงผลประโยชน์และความต้องการโดยไม่ตระหนักรู้ และใส่ใจต้องการของการคนอื่นๆ การยึดมั่นในความเห็นของตัวเอง หรือกลุ่มตนถูกต้องและเหมาะสมกว่าคนอื่นๆ และการหยิ่งลำพอง และใช้อำนาจทั้งด้านเศรษกิจ การเมือง และสังคมไปเบียดเบียน และกดทับบุคคลอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ความขัดแย้งซึ่งไม่ได้รับการจัดการที่ดีได้พัฒนาตัวเองไปสู่ความรุนแรงจนยากต่อการสร้างความปรองดอง"
    "การสร้างสันติภาพอย่างแท้จริงนั้น ไม่ใช่การเพียรสร้างเฉพาะสันติภาพภายนอกเพื่อสนองตอบผลประโยชน์และความต้องการผ่านกระบวนการเจรจากันเอง และการไกล่เกลี่ยคู่กรณีเท่านั้น หากแต่ควรเน้นหนัก และเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาสันติภาพภายในให้มีความต่อเนื่องและยั้งยืน การสร้างสันติภาพภายในต้องเริ่มต้นจากจิตใจ โดยการกระตุ้นเตือนให้เกิดความรัก และปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก อ้นจะก่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความเป็นเอกภาพของชุมชนและสังคม"


    [​IMG]
    พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. กล่าวสุนทรพจน์หน้าอังกอร์วัด, เสียมเรียบ

    Mahachulalongkornrajavidyalaya University
     

แชร์หน้านี้

Loading...