มหาเวสสันดร ๑๓ กัณฑ์ อย่างละเอียด

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 3 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ผุสฺสตี วรวณฺณาเภติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถํ อุปนิสฺสาย นิคฺรธาราเม วิหรนฺโต โปกฺขรวสฺสํ อารพฺภ กเถสีติ

    สตฺถา สมเด็จพระสรรเพชญ ปางเมื่อพระองค์เสด็จอาศัย ซึ่งกรุงกบิลพัสดุ์บุรีเป็นที่ภิกษาจาร ทรงสำราญพระพุทธหฤทัยในนิโครธารามวิหารบรมพุทธาวาส แห่งศากยราชร่วมพระประยูรวงศ์บริวัตร อารพฺภ ทรงปรารภซึ่งฝนโบกขรพรรษให้เป็นเหตุ กเถสิ จึ่งตรัสเทศน์พระมหาเวสสันดรชาดก ให้เป็นผลาดิลกยอดยิ่งพระญาณ พระอรหันต์นับประมาณห้าร้อยพระองค์ แต่ล้วนทรงพระปฏิสัมภิทา* มีพระมหากัสสปเถระเป็นต้น มีพระอานนท์เป็นปริโยสาน อุปลักขิตนาการกำหนดด้วยบทต้นพระคาถาว่า ผุสฺสตี วรวณฺณาเภติ เป็นปฐมบาทดั่งนี้ก่อน

    ยทา กาลใด พระศาสดาได้ตรัสแด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณยอดธรรมวิเศษ พระองค์จึงตรัสเทศนาพระธรรมจักกัปวัตนสูตร โปรดเบญจวัคคีย์* ภิกษุทั้งห้า แล้วพระองค์ก็เสด็จไปยังราชคฤหบุรีโดยลำดับ เสด็จยับยั้งอยู่สิ้นเหมันตฤดูในพระเวฬุวนารามมหาวิหาร พระอุทายีเถระเจ้าเป็นมัคคุเทศก์ผู้แสดงทางพระพุทธดำเนิน พระองค์จึ่งเสด็จพระพุทธลีลาโดยมรรคาครั้งนั้น ด้วยพระขีณาสพอรหันต์เจ้าสองหมื่น ชื่นชมตามเสด็จมิทันช้า พระศาสดาก็เสด็จไปยังกบิลพัสดุ์บุรี เป็นปฐมทีแรก เสด็จประทับอยู่ที่ฝั่งชลนที และมรรคาแต่ราชคฤห์มาถึงกบิลพัสดุ์ ไกลถึงหกสิบโยชน์เป็นกำหนด เมื่อสมเด็จพระบรมศรีสุคต เสด็จพระพุทธดำเนินโดยอตุริตจารึกโดยมิได้เร่งรีบ ล่วงมรรคาละโยชน์ ๆ ถึงหกสิบราตรี ก็บรรลุกบิลพัสดุ์มหานคร เมื่อวันวิศาขบูรณมีเพ็ญเดือนหก เป็นมหามงคลสมัย

    ปางนั้นพระบรมวงศาศากยราช ทราบว่าพระบรมโลกนาถศาสดาเสด็จมาถึง จึ่งพร้อมกันทุกพระองค์ทรงปราโมทย์ ตรัสสั่งให้แต่งนิโครธมหาวิหารแล้ว จึ่งประดับเครื่องอลังการทุกพระองค์ ทรงพระภูษาทุกูลพัสตร์ พระหัตถ์ทรงเครื่องสักการบูชา แล้วก็ปัจจุคมนาการเชิญเสด็จพระศรีสรรเพชญ ให้ทรงพระที่นั่งเรือขนาน จากชลธารถึงนิโครธารามบรมนิเวศน์ สมเด็จพระโลกเชษฐ์เสด็จประทับเหนือบวรพุทธอาสน์ ส่วนพระบรมญาติทุกพระองค์ทรงมานทิฐิ ต่างพระองค์ทรงพระดำริตริตรึกนึกในพระทัยว่าสมเด็จพระสิทธัตถะมีพระบวรวิลาสสดใส เพิ่งจะทรงพระเจริญวัยหนุ่มนัก ทั้งพระบวรลักษณ์ก็งามบริสุทธิ์ มีพระชนมายุคราวบุตรและนัดดา เราจะอภิวันทนาดูก็ไม่สมควรก็ชวนกันนั่งอยู่ในเบื้องหลัง ยังพระราชกุมารหนุ่ม ๆ ทั้งนั้นให้ถวายอภิวาทน์วันทนา

    สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบพระอัชฌาสัยหฤทัยพระบรมญาติทุกพระองค์ อันทรงซึ่งมานะไปหมด ควรตถาคตจะทรมารพระประยูรญาติให้ปราศจากมานทิฐิ สมเด็จพระผู้ทรงบุญสิริ ก็เข้าสู่พระจตุตถฌาน มีอภิญญาณ* เป็นที่ตั้ง ดำรงพระองค์เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละอองพระบาทให้เรี่ยรายลงถูกต้องเศียรเกล้าพระวงศาศากยราช เปล่งพระฉัพพรรณรังสิโยภาส* รุ่งเรืองสว่าง อย่างพระยมกปาฏิหาริย์ในมณฑลสถานไม้คัณฑามพพฤกษ์ ดูพิลึกเลิศมหัศจรรย์

    +
    ลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนพุทธบิดา ทอดพระเนตรเห็นมหัศจรรย์ ยกพระกรอภิวันทน์สรรเสริญพุทธเดชานุภาพว่า ภนฺเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์อุดม พระพี่เลี้ยงพระนมข้างฝ่ายในเชิญเสด็จพระองค์เข้าไปจะให้วันทนานมัสการชฎิลดาบส ปาเท ปริวตฺติตฺวา พระบาทบงกชทั้งคู่ ดูประดุจจะขึ้นประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งชฎิลดาบส ข้าพระพุทธเจ้าก็ประณตน้อมนมัสการโดยคำนับ วปฺมงฺคลทิวเส วันเมื่อข้าพระพุทธเจ้าทำวัปปมงคลจรดพระนังคัลในท้องสนามหลวง พระพี่เลี้ยงทั้งปวงเชิญเสด็จพระองค์ไปบรรทมอยู่เหนือพระยี่ภู่ ปูด้วยผ้าทุกูลพัสตร์ในบริเวณจังหวัดร่มไม้หว้า ชมฺพูฉายา เมื่อตะวันชายเงาไม้ มิได้บ่ายไปตามตะวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด ครั้งนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ประณตนบเป็นคำรบสอง สามทั้งครั้งนี้ เมื่อสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีสิริสุทโธทน์ ทรงพระปราโมทย์ถวายอภิวาทน์ เหล่าศากยราชสิ้นทุกพระองค์ มิอาจจะทรงมานะอยู่ได้ ก็พร้อมกันถวายอภิวาทน์วันทนา

    นาโถ สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์ เมื่อพระองค์ยังพระบรมประยูรญาติทั้งหลายให้ถวายนมัสการทุก ๆ พระองค์แล้ว จึ่งเสด็จคลาแคล้วลีลาลงจากนภาดลอากาศ เสด็จนั่งเหนือบรมพุทธอาสน์อย่างเอก ขณะนั้นมหาเมฆอันใหญ่ตั้งขึ้นมา ยังท่อธาราห่าฝนโบกขรพรรษ ให้ปวัตนาการเป็นท่อธารไหลไป สีน้ำนั้นแดงใสบริสุทธิ์ แม้ว่ามนุษย์หญิงชายผู้ใด ปราถนาจะมิให้ถูกต้องกายแห่งตน แม้มาตรว่าแต่ขุมขนก็มิได้ชุ่มไปด้วยน้ำน่ามหัศจรรย์ ตกลงแล้วก็ไหลลั่นสนั่นไปใต้พื้นพสุธา ส่วนพระบรมวงศาศากยราช ทอดพระเนตรเห็นพุทธอำนาจมหัศจรรย์ ก็พากันทรงพระปราโมทย์ ออกพระโอษฐ์ตรัสว่า มหัศจรรย์ในครั้งนี้ แต่ก่อนไม่เคยมีเราไม่เคยเห็น หากบันดาลเป็นด้วยอำนาจพุทธานุภาพระบรมศาสดา ตรัสแล้วก็น้อมพระเศียรเกล้าบังคมลาสมเด็จพระมหากรุณาธิคุณเจ้า ต่างเสด็จกลับเข้ายังพระราชวัง

    วีสติสหสฺสานิ ฝ่ายพระอรหันต์สองหมื่นก็ชื่นชมปรีดา สั่งสนทนากันว่า แต่กาลก่อนมิได้เคยทัศนาเหมือนครั้งนี้ สตฺถา สมเด็จพระชินศรีสัพพัญญู เสด็จมาสู่ที่ประชุมจึงตรัสถาม ทรงทราบความตามเรื่องที่ภิกษุสั่งสนทนา จึ่งมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหัศจรรย์ห่าฝนสวรรค์โบกขรพรรษปวัตนาการตกลงมาในที่ประชุมพระบรมญาติทั้งนี้ ย่อมมีมาแล้วแต่กาลก่อน พระองค์ตรัสฉะนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพ พระภิกษุทั้งหลายปรารถนาจะใคร่ทราบ จึ่งทูลอาราธนา สมเด็จพระศาสดาก็ทรงนำมาซึ่งอดีตนิทาน ตรัสเทศนาว่า

    อตีเต ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงแล้วแต่ปางหลัง ยังมีบรมกษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงพระนามพระเจ้าสีวีราชบรมกษัตริย์ เถลิงถวัลยราชสมบัติในกรุงสีวีราษฎร์บุรี พระองค์มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง ชื่อว่าสญชัยราชกุมาร ครั้นทรงวัฒนาการเจริญวัย สมเด็จพระราชบิดามอบสิริราชสมบัติให้ครอบครองพระพาราสีวีราษฎร์บุรี อภิเษกกับพระผุสดีราชธิดา แห่งสมเด็จพระบรมกษัตราจอมจุฑามัททราชพระเยาวมาลย์มาศมิ่งมกุฎผุสดี แต่ปางก่อนพระนางมี มูลปณิธีได้ตั้งไว้ตั้งแต่ภัทรกัป* นับถอยหลังลงไปได้เก้าสิบแปดกัป พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มาอุบัติในโลก พระองค์เสด็จอยู่ในวิหารมฤคทายวัน ใกล้พันธุมดีมหานคร
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ผุสฺสตี วรวณฺณาเภติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถํ อุปนิสฺสาย นิคฺรธาราเม วิหรนฺโต โปกฺขรวสฺสํ อารพฺภ กเถสีติ

    สตฺถา สมเด็จพระสรรเพชญ ปางเมื่อพระองค์เสด็จอาศัย ซึ่งกรุงกบิลพัสดุ์บุรีเป็นที่ภิกษาจาร ทรงสำราญพระพุทธหฤทัยในนิโครธารามวิหารบรมพุทธาวาส แห่งศากยราชร่วมพระประยูรวงศ์บริวัตร อารพฺภ ทรงปรารภซึ่งฝนโบกขรพรรษให้เป็นเหตุ กเถสิ จึ่งตรัสเทศน์พระมหาเวสสันดรชาดก ให้เป็นผลาดิลกยอดยิ่งพระญาณ พระอรหันต์นับประมาณห้าร้อยพระองค์ แต่ล้วนทรงพระปฏิสัมภิทา* มีพระมหากัสสปเถระเป็นต้น มีพระอานนท์เป็นปริโยสาน อุปลักขิตนาการกำหนดด้วยบทต้นพระคาถาว่า ผุสฺสตี วรวณฺณาเภติ เป็นปฐมบาทดั่งนี้ก่อน

    ยทา กาลใด พระศาสดาได้ตรัสแด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณยอดธรรมวิเศษ พระองค์จึงตรัสเทศนาพระธรรมจักกัปวัตนสูตร โปรดเบญจวัคคีย์* ภิกษุทั้งห้า แล้วพระองค์ก็เสด็จไปยังราชคฤหบุรีโดยลำดับ เสด็จยับยั้งอยู่สิ้นเหมันตฤดูในพระเวฬุวนารามมหาวิหาร พระอุทายีเถระเจ้าเป็นมัคคุเทศก์ผู้แสดงทางพระพุทธดำเนิน พระองค์จึ่งเสด็จพระพุทธลีลาโดยมรรคาครั้งนั้น ด้วยพระขีณาสพอรหันต์เจ้าสองหมื่น ชื่นชมตามเสด็จมิทันช้า พระศาสดาก็เสด็จไปยังกบิลพัสดุ์บุรี เป็นปฐมทีแรก เสด็จประทับอยู่ที่ฝั่งชลนที และมรรคาแต่ราชคฤห์มาถึงกบิลพัสดุ์ ไกลถึงหกสิบโยชน์เป็นกำหนด เมื่อสมเด็จพระบรมศรีสุคต เสด็จพระพุทธดำเนินโดยอตุริตจารึกโดยมิได้เร่งรีบ ล่วงมรรคาละโยชน์ ๆ ถึงหกสิบราตรี ก็บรรลุกบิลพัสดุ์มหานคร เมื่อวันวิศาขบูรณมีเพ็ญเดือนหก เป็นมหามงคลสมัย

    ปางนั้นพระบรมวงศาศากยราช ทราบว่าพระบรมโลกนาถศาสดาเสด็จมาถึง จึ่งพร้อมกันทุกพระองค์ทรงปราโมทย์ ตรัสสั่งให้แต่งนิโครธมหาวิหารแล้ว จึ่งประดับเครื่องอลังการทุกพระองค์ ทรงพระภูษาทุกูลพัสตร์ พระหัตถ์ทรงเครื่องสักการบูชา แล้วก็ปัจจุคมนาการเชิญเสด็จพระศรีสรรเพชญ ให้ทรงพระที่นั่งเรือขนาน จากชลธารถึงนิโครธารามบรมนิเวศน์ สมเด็จพระโลกเชษฐ์เสด็จประทับเหนือบวรพุทธอาสน์ ส่วนพระบรมญาติทุกพระองค์ทรงมานทิฐิ ต่างพระองค์ทรงพระดำริตริตรึกนึกในพระทัยว่าสมเด็จพระสิทธัตถะมีพระบวรวิลาสสดใส เพิ่งจะทรงพระเจริญวัยหนุ่มนัก ทั้งพระบวรลักษณ์ก็งามบริสุทธิ์ มีพระชนมายุคราวบุตรและนัดดา เราจะอภิวันทนาดูก็ไม่สมควรก็ชวนกันนั่งอยู่ในเบื้องหลัง ยังพระราชกุมารหนุ่ม ๆ ทั้งนั้นให้ถวายอภิวาทน์วันทนา

    สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบพระอัชฌาสัยหฤทัยพระบรมญาติทุกพระองค์ อันทรงซึ่งมานะไปหมด ควรตถาคตจะทรมารพระประยูรญาติให้ปราศจากมานทิฐิ สมเด็จพระผู้ทรงบุญสิริ ก็เข้าสู่พระจตุตถฌาน มีอภิญญาณ* เป็นที่ตั้ง ดำรงพระองค์เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละอองพระบาทให้เรี่ยรายลงถูกต้องเศียรเกล้าพระวงศาศากยราช เปล่งพระฉัพพรรณรังสิโยภาส* รุ่งเรืองสว่าง อย่างพระยมกปาฏิหาริย์ในมณฑลสถานไม้คัณฑามพพฤกษ์ ดูพิลึกเลิศมหัศจรรย์

    +
    ลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนพุทธบิดา ทอดพระเนตรเห็นมหัศจรรย์ ยกพระกรอภิวันทน์สรรเสริญพุทธเดชานุภาพว่า ภนฺเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์อุดม พระพี่เลี้ยงพระนมข้างฝ่ายในเชิญเสด็จพระองค์เข้าไปจะให้วันทนานมัสการชฎิลดาบส ปาเท ปริวตฺติตฺวา พระบาทบงกชทั้งคู่ ดูประดุจจะขึ้นประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งชฎิลดาบส ข้าพระพุทธเจ้าก็ประณตน้อมนมัสการโดยคำนับ วปฺมงฺคลทิวเส วันเมื่อข้าพระพุทธเจ้าทำวัปปมงคลจรดพระนังคัลในท้องสนามหลวง พระพี่เลี้ยงทั้งปวงเชิญเสด็จพระองค์ไปบรรทมอยู่เหนือพระยี่ภู่ ปูด้วยผ้าทุกูลพัสตร์ในบริเวณจังหวัดร่มไม้หว้า ชมฺพูฉายา เมื่อตะวันชายเงาไม้ มิได้บ่ายไปตามตะวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด ครั้งนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ประณตนบเป็นคำรบสอง สามทั้งครั้งนี้ เมื่อสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีสิริสุทโธทน์ ทรงพระปราโมทย์ถวายอภิวาทน์ เหล่าศากยราชสิ้นทุกพระองค์ มิอาจจะทรงมานะอยู่ได้ ก็พร้อมกันถวายอภิวาทน์วันทนา

    นาโถ สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์ เมื่อพระองค์ยังพระบรมประยูรญาติทั้งหลายให้ถวายนมัสการทุก ๆ พระองค์แล้ว จึ่งเสด็จคลาแคล้วลีลาลงจากนภาดลอากาศ เสด็จนั่งเหนือบรมพุทธอาสน์อย่างเอก ขณะนั้นมหาเมฆอันใหญ่ตั้งขึ้นมา ยังท่อธาราห่าฝนโบกขรพรรษ ให้ปวัตนาการเป็นท่อธารไหลไป สีน้ำนั้นแดงใสบริสุทธิ์ แม้ว่ามนุษย์หญิงชายผู้ใด ปราถนาจะมิให้ถูกต้องกายแห่งตน แม้มาตรว่าแต่ขุมขนก็มิได้ชุ่มไปด้วยน้ำน่ามหัศจรรย์ ตกลงแล้วก็ไหลลั่นสนั่นไปใต้พื้นพสุธา ส่วนพระบรมวงศาศากยราช ทอดพระเนตรเห็นพุทธอำนาจมหัศจรรย์ ก็พากันทรงพระปราโมทย์ ออกพระโอษฐ์ตรัสว่า มหัศจรรย์ในครั้งนี้ แต่ก่อนไม่เคยมีเราไม่เคยเห็น หากบันดาลเป็นด้วยอำนาจพุทธานุภาพระบรมศาสดา ตรัสแล้วก็น้อมพระเศียรเกล้าบังคมลาสมเด็จพระมหากรุณาธิคุณเจ้า ต่างเสด็จกลับเข้ายังพระราชวัง

    วีสติสหสฺสานิ ฝ่ายพระอรหันต์สองหมื่นก็ชื่นชมปรีดา สั่งสนทนากันว่า แต่กาลก่อนมิได้เคยทัศนาเหมือนครั้งนี้ สตฺถา สมเด็จพระชินศรีสัพพัญญู เสด็จมาสู่ที่ประชุมจึงตรัสถาม ทรงทราบความตามเรื่องที่ภิกษุสั่งสนทนา จึ่งมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหัศจรรย์ห่าฝนสวรรค์โบกขรพรรษปวัตนาการตกลงมาในที่ประชุมพระบรมญาติทั้งนี้ ย่อมมีมาแล้วแต่กาลก่อน พระองค์ตรัสฉะนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพ พระภิกษุทั้งหลายปรารถนาจะใคร่ทราบ จึ่งทูลอาราธนา สมเด็จพระศาสดาก็ทรงนำมาซึ่งอดีตนิทาน ตรัสเทศนาว่า

    อตีเต ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงแล้วแต่ปางหลัง ยังมีบรมกษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงพระนามพระเจ้าสีวีราชบรมกษัตริย์ เถลิงถวัลยราชสมบัติในกรุงสีวีราษฎร์บุรี พระองค์มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง ชื่อว่าสญชัยราชกุมาร ครั้นทรงวัฒนาการเจริญวัย สมเด็จพระราชบิดามอบสิริราชสมบัติให้ครอบครองพระพาราสีวีราษฎร์บุรี อภิเษกกับพระผุสดีราชธิดา แห่งสมเด็จพระบรมกษัตราจอมจุฑามัททราชพระเยาวมาลย์มาศมิ่งมกุฎผุสดี แต่ปางก่อนพระนางมี มูลปณิธีได้ตั้งไว้ตั้งแต่ภัทรกัป* นับถอยหลังลงไปได้เก้าสิบแปดกัป พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มาอุบัติในโลก พระองค์เสด็จอยู่ในวิหารมฤคทายวัน ใกล้พันธุมดีมหานคร
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    สกฺโก สมเด็จพระอมรินทราธิราช จึ่งมีเทวราชบัญชาตรัสประภาษว่า ภทฺเท ดูกรเจ้าผู้มีสุนทรพักตร์ กอปรด้วยสุภลักษณะอันวิเศษหาผู้จะติเตียนมิได้ ยํ วรํ พระพรสิ่งใดเป็นที่เจริญใจแห่งเจ้า อันจะลงไปบังเกิดในมนุษยโลกจะต้องวิโยคจากทิพยวิมาน วรสฺสุ เจ้าจงเลือกเอาพระพรสิบประการตามความปรารถนา พระผุสดีเทพกัญญา ก็อัญชลีกรประนมบังคมทูลถามท้าวสหัสนัยน์เทวราช ว่ากรรมอันใดจะให้เคลื่อนคลาดจากทิพยวิมาน เหมือนลมพายุมาพัดพานเพิกถอนหมู่ไม้ ให้กำจัดไปจากพื้นพสุธา จงทรงพระกรุณาตรัสให้ทราบแก่ข้าผุสดี สมเด็จท้าวโกสีย์อมรินทราธิราช เมื่อพระเยาวมาลย์มาศผุสดี สิ้นสมฤาดีประมาท จึ่งตรัสประภาษตอบสุนทรวาทีว่า ภทฺเท ดูกรเจ้าผุสดี อย่าหมองศรีโทมนัส เราทั้งสองจะต้องกำจัดจากกันในครั้งนี้ เจ้าจงภิรมย์ยินดีรับเอาซึ่งทศวรพรสิบประการ พระผุสดีสดับเทวโองการ พลางพระเยาวมาลย์ก็กล่าวเป็นพระคาถาว่า

    วรญฺเจ เม อโท สกฺก ฯ

    สกฺก ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช ข้าพระบาทจะจากไปสู่มนุษย์เมืองไกล จะขอรับเอาพระพรชัยทูลสนองเหนือเกศ ข้าพระบาทจะถวายบังคมลาลงไปเกิดเอาชาติกำเนิด ขอให้ข้าไปบังเกิดในปราสาทแห่งพระเจ้าสีวีราชอันทรงศักดิ์ มีพระราชอาณาจักรปกแผ่ไปในสกลชมพูทวีป ให้หมู่ประชาชนอยู่เป็นสุขสำราญเกษมสันต์ชื่นชม พระพรนี้เป็นประถมขอให้สมดังปรารถนา

    นีลเนตฺตา ขอให้ข้ามีดวงเนตรทั้งสองดำเป็นสีเหมือนหนึ่งตามฤคีลูกเนื้อทราย อันเกิดได้ขวบปีปลายเป็นกำหนด พระพรนี้เป็นคำรบสองจงปรากฏแก่ข้าพเจ้า

    นีลภมู อนึ่งเล่าขอให้ขนคิ้วข้าเขียวดูงามขำบริสุทธิ์เป็นสีระยับดุจสร้อยคอมยุระยูงงาม พระพรนี้เป็นคำรบสามจงสมด้วยความปรารถนา

    ผุสฺสตี นาม นาเมน ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช นามกรข้าพระบาทจงชื่อว่าผุสดี พระพรนี้เป็นคำรบสี่จงประสิทธิ์ดั่งประสงค์

    ปุตฺตํ ลเภถ ขอให้ข้าพระองค์มีโอรส ทรงพระเกียรติยศยิ่งกว่ากษัตริย์ในสากล ทรงพระราชศรัทธาเพิ่มกุศล แก่หมู่ประชาชนทุกขอบเขตขัณฑสีมาอาณาจักร พระพรนี้เป็นคำรบห้าข้าผู้บริรักษ์ต้องปราสงค์

    เมื่อข้าพระองค์ทรงพระครรภ์พระโอรสอย่าให้ครรภ์ข้าพระบาทปรากฏนูน เหมือนสตรีทั้งมูลดูเวทนา จาปํว ลิขิตํสมํ ให้มีครรภ์โอรสาดูงามพร้อมเหมือนคันธนูดูละม่อมอันนายช่างฉลาดเหลาเกลี้ยงเกลาพร้อมเสมอสมาน พระพรเป็นคำรบหกประการจงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า

    ถนา เม นปฺปวตฺเตยฺยํ อนึ่งเล่ายุคลถันทั้งสองของข้าพระบาท เมื่อทรงครรภ์อย่าวิปลาสแปรผันดำปรากฏ แม้พระบวรปิโยรสจะเสวยทุกวันทุกเวลา อย่าคล้อยเคลื่อนเลื่อนลดลงมาจากพระทรวง ให้เต่งตั้งดั่งปทุมบัวหลวงงามบริสุทธิ์วิเศษเสร็จ พระพรนี้เป็นคำรบเจ็ดขอให้บรรลุดังปรารถนา

    ปลิตา นสฺสนฺตุ อนึ่งขอให้เส้นเกศาสีดำขลับสลวยบริสุทธิ์ ประดุจสีปีกแมลงค่อมทองเป็นมันระยับย่องควรจะทัศนา พระพรเป็นคำรบแปดขอให้สมเจตนาฉะนี้

    สุขุมฉวิ ขอให้ผิวเนื้อละเอียดเป็นนวลละอองดั่งทองคำธรรมชาติ สกลกายใสสะอาดดูผ่องแผ้วหมดราคี พระพรเป็นคำรบเก้านี้จงประสิทธ์

    วชฺฌญฺจาปิ ปโมจเย อนึ่งคนโทษทุจริตอันเข้มขัน จะพินาศด้วยพระราชทัณฑ์ทำลายล้างชีวิต ขอให้ข้าได้เปลื้องปล่อยปลิดให้พ้นตาย ด้วยกำลังยศปริยายปัญญาญาณ พระพรเป็นคำรบสิบประการ เรียกพระพรชัยสิทธิ์อันวิเศษ ข้าแต่ท้าวสหัสนัยนเนตรเทวราช ขอพระองค์จงโปรดประสาทให้แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นบริจาริกา

    สกฺโก สมเด็จพระอมรินทราธิราช ได้ทรงฟังพจนารถสุนทรวาจา อันนางผุสดีเทพกัญญาทูลขอทศวรพรสิบประการ ก็ตรัสพระราชทานด้วยคาถาดังนี้

    เย เต ทส วรา ทินฺนา มยา สพฺพงฺคโสภเน สิวิราชสฺส วิชิเต สพฺเพ เต ลจฺฉสิ วเรติ

    ภทฺเท ดูกรเจ้าผุสดีผู้มีสุนทรพักตร์ พร้อมด้วยสรรพลักษณวิไลเลิศ เย เต ทส วรา ทินฺนา วรพรพิเศษประเสริฐสิ่งใดทั้งสิบประการ ที่เราประทานประสิทธ์ให้ พระพรนั้นไซร้เจ้าจักได้สำเร็จเสร็จสิ้นทุกประการ ในพระราชฐานแว่นแคว้นแดนอาณาจักรจอมนาถ แห่งสมเด็จพระเจ้าสีวีราชนั้นเทอญ

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สคฺถา อาห
    อํทิ วตฺวาน มฆวา เทวราชา สุชมฺปติ ผุสฺสติยา วรํ ทตฺวา อนโมทิตถ วาสโวติ

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงสิกขา มฆวา อันว่าท้าวมัฆวานเทวราช ผู้เป็นพระราชสามีนางอัปสรราชสุชาดา ทรงพระราชทานซึ่งทศวรพิธพรสิบประการแก่พระผุสดีเทพนารีแล้วก็ทรงเกษมสันต์โสมนัสปรีดาผ่องแผ้ว ด้วยพระทัยอนุโมทนาในกาลบัดนั้นแล




    ทสวรกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ๒. กัณฑ์หิมพานต์

    อิติ สา วเร คเหตฺวา ตโต จุตา มทฺทรญฺโญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ ชายมานาย จนฺทนจุณฺเณน ปริปฺโผสิเตน วิย สรีเรน ชาตตฺตา เตนสฺสา นามคฺคหณทิวเส ผุสฺสตีเตวฺว นามํ กรึสุ สา มหนฺเตน ปริวาเรน วฑฺฒิตฺวา โสฬสวสฺสิกกาเล อุตฺตมรูปธรา อโหสิ

    สา ผุสฺสตี อันว่าสมเด็จพระผุสดีผู้ทรงศรีสุนทรเลิศลักษณา วเร คเหตฺวา ครั้นได้รับพระราชทานทศวรพรสิบประการ อันท้าวมัฆวานประสิทธิ์ให้ จวิตฺวา พระนางจุติจากสุราลัยลงปฏิสนธิในมาตุครรโภทรบวรราชวงศ์ องค์อัครมหิษีตระกูลเกศกษัตริย์มัททราช ทสมาสจฺจเยน ถ้วนทศมาสก็ประสูติพระราชกุมารี สรีเรน ชาตตฺตา ผิวพรรณฉวีวรรณพระองค์ประดุจหนึ่งทรงเฉลิมลูบด้วยแก่นจันทน์ญาติกุลา พระประยูรญาติทั้งหลายนั้นถวายพระนามชื่อว่าผุสดี ก็สมมูลปณิธีอันตั้งไว้ โสฬสวสฺกกาเล ครั้นพระชนม์ได้สิบหกปีก็ได้เป็นองค์เอกอัครมหิษี สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยผู้เสวยสิริมไหศูรยราชวงศ์ เป็นจอมขัตติยพงศ์พิภพสีพี

    สกฺโก เทวราชา ส่วนสมเด็จท้าวโกสีย์สหัสนัยน์เทวราช รำพึงถึงพระพรที่ประสาทพระผุสดี พระพรทั้งเก้านี้ก็สำเร็จแล้วยังแก่พระลูกแก้วที่พระนางเธอปรารถนา ควรอาตมาจะประสิทธิ์ให้ สนฺติกํ คนฺตฺวา ก็เสด็จครรไลไปสู่ทิพยวิมานอันเป็นวิวาสนสถานหน่อพุทธางกูล ครั้นถึงจึ่งบังคมทูลอาราธนาพร้อมด้วยเทพดาทั้งหกหมื่น ก็ชวนกันชมชื่นรับปฏิญาณ ส่วนพระโพธิสัตว์ก็จุติจากทิพยสถานพิมานมาศ ทรงเสวยปฏิสนธิชาติในครรภ์พระผุสดี พระนางเธอก็เปรมปรีดิ์ทุกเวลา สพฺเพ เทวคณา ฝ่ายฝูงเทพดาทั้งนั้นก็จุติจากสวรรค์พิมานมาศ ลงสู่ครรภ์ภริยาอำมาตย์ทั้งหกหมื่น ก็พร้อมกันวันคืนทุกเวลาด้วยหน่อพระศาสดาเจ้านั้นแล

    สา ผุสฺสตี อันว่าสมเด็จพระผุสดี ผู้เป็นจอมนารีราชวงศ์ ทส มาเส ธารยิตฺวา เมื่อพระนางเธอทรงพระครรภ์ถ้วนทศมาสปรารถนาจะประพาสชมพระนคร จึ่งทูลวอนพระภัสดา ท้าวเธอก็ทรงพระกรุณาให้ตกแต่งนคเรศเหมือนทิพยนิเวศน์สุราลัยมโหฬาร ให้ทรงสีวิกาญจนประดับเป็นสีแสงสุวรรณวาบวับระยับตา พร้อมไปด้วยตระกูลราชกัลยาแห่แหนเป็นขนัด มยุรธงชัยฉัตรพัดโบกบังแสงพระสุริยมาศ เสียงดุริยางคพิณพาทย์ ฆ้องกลองนฤนาทประโคมแห่เป็นคู่ ๆ ดูสะพรั่ง ปุรํ ปทกฺขิณํ ประทักษิณเวียนรอบพระพารา เวสฺสานํ วีถิยา ตามมรรคาถนนหลวงที่พ่อค้าทั้งปวงประชุมกันมิขาดได้ กมฺมชฺชวาตา จลึสุ ลมกัมมัชวาตประพาตผันทรงพระประชวรครรภ์ดูอนาถ ฝ่ายพระประยูรญาติแวดล้อมเป็นขนัด นางกษัตริย์ประสูติพระราชกุมารในสถานที่นั้นแล
    ตโต จุตา สา ผุสฺสตี ฯ

    มหาสตฺโต อันว่าพระบรมพุทธพงศ์โพธิญาณ เสด็จจากอุทรสถานพระมารดา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ลืมพระเนตรทั้งซ้ายขวาเหยียดพระกร จึ่งทูลวอรพระมารดาว่า อมฺม ข้าแต่พระแม่เจ้า ยํกิญฺจิ ธนํ ทรัพย์อันใดของเราที่บรรดามีพระลูกนี้จะบำเพ็ญทาน ได้ทรงฟังก็บันดาลอนาถนัก จึ่งส่งทรัพย์ให้แก่ลูกรักพันตำลึง จึ่งว่าถ้าพ่อพึงชอบใจฉันใดเจ้าจงให้ตามปรารถนา พระโพธิสัตว์ตรัสด้วยพระมารดาก็ปรากฏชาติเป็นมโหสถเวสสันดร กิตติศัพท์ก็ขจรกัมปนาท ครั้นเมื่อปัจฉิมชาติก็เหมือนกัน เป็นมหัศจรรย์จุฬาโลกเลิศพสุธา สพฺเพ ขตฺติยา ฝ่ายพระประยูรวงศาสโมสร นามํ กรึสุ จึงถวายนามชื่อว่าพระเวสสันดรเหตุประสูติกลางพระนครตรอกพ่อค้า เอกา กเรณุกา ยังมีนางกุญชรคชาชาติฉัททันต์เถื่อน เที่ยวอยู่ในกลางอากาศ ก็พาบุตรขาวบริสุทธิ์ดั่งไกลาสเลิศล้นมาไว้ในโรงช้างต้น เป็นมหามงคลบรมราชคชาสารก็คืนยังสถานวนาเวศ

    สพฺเพ ชนา อันว่าประชาชนชาวพิชัยเขตอุตดรจึงให้ชื่อกุญชรปัจจัยนาเคนทร์ ควรจะเป็นศรีสงามพระนครเพราะเกิดเป็นปัจจัยแก่พระเวสสันดรมหาสมมุติวงศ์ ฝ่ายบรมพงศ์นราธิราชท้าวเธอก็ประสาทพระนม ทรงศรีสวัสดิ์อุดมเลิศลักษณนารี หกสิบสี่ล้วนสมบูรณ์ ประทานให้ประโลมเลี้ยงพระลูกเจ้าทุกเวลาชาตทารกา ถึงทารกที่เกิดพร้อมด้วยพระลูกรัก สมเด็จพระจอมปิ่นปักก็ประทานนางนมทั่วทุกตัวคน แล้วประทานเครื่องต้นอลังการสำหรับพระกุมารบรมราชวงศ์อันเลิศแล้วแต่ล้วนแก้วกาญจนมณี หน่อพระชินศรีโมลีโลกพระทัยนั้นปรารถนาจะข้ามโอฆสงสาร มิได้ย่อหย่อนที่จะบริจาคมหาทาน เมื่อพระชนมานได้สี่ห้าพระวรรษา โอมุญฺจิตฺวา จึ่งเปลื้องเครื่องปิลันธนาออกจากพระองค์ ทรงประสาทให้แก่พระนมกำนัลในถ้วนหน้าสิ้นวาระเก้าครั้ง ด้วยพระหฤทัยท้าวเธอหวังพระโพธิญาณในอนาคตกาล นั้นแล

    โส โพธิสฺตโต สมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร เมื่อพระชนมานบริบูรณ์แปดพระพรรษา เสด็จสถิตแท่นบวรมหาไสยาอาสน์ปาสาทวรคโต ในปราสาทรัตนพิมานทอง จินฺเตสิ จึ่งทรงพระดำริโดยคลองพุทธภูมิภาค เพียงพระโพธิญาณว่าอาตมะบริจาคทานอลงกรณ์รัตนวิภูษิตประเสริฐก็เป็นพาหิระล้ำเลิศควรจะเลื่อมใส โกจิ ยาจโก ถ้าและว่ายาจกผู้ใดจะปรารถนาดวงหทัยเนื้อเลือดก็จะฉะเชือดให้เป็นทาน จะแลกเอาพระโพธิญาณอันยอดยิ่ง ครั้นพระองค์จำนงนิ่งจะให้อัชฌัตติกทาน อัศจรรย์ก็บันดาลบังเกิดมี มหาปฐวี อันว่าพื้นพระธรณีก็บันดาลกัมปนาท สิเนรุ ปพฺพตราชา ทั้งพญาเขาสิเนรุราชสัตปริภัณฑคิรี* เรียงดุจเอนเอียงล้มลู่ทลาย วิชฺชุลฺตา เสียงฟ้าประภาสสายสะเทือนสะท้านสกลพิภพหิมพานต์ก็บันลือพิลึกลั่น สัตว์จตุบาทก็ผาดผันแซ่ซ้องเสียงแผดร้องสะทกสะท้าน อากาศก็บันดาลเป็นเมฆหมอกมืดมัวทั่วสกลมหามงคลจักรวาล

    สาคโร ทั้งสาครก็บันดาลเป็นระลอกคระโครมครึกกึกก้องโกลาหล ติมิงคล มัจฉาก็ดำด้นพ่นน้ำเป็นฝอยฟอง เหราลอยล่องฉวัดเฉวียนว่ายคล้าย ๆ ตามคลื่นฝืนฝัดมังกรสะบัดโบกหางวางวู่ฟูฟุ้งเข้าพิงผา มจฺฉกจฺฉปา เต่าปลาก็ดำโดดดิ้นเล่นกระแสสินธุ์สายสาคร ภุชงค์ชูเศียรสลอนตามกระแสชลพ่นน้ำเป็นฟองฝอย ช้างน้ำก็คะนองล่องลอยลองงวงและเงยงา สพฺพ เทวา ทั้งเทพเจ้าในชั้นฉกามาพจร* โสฬสพิมาน* ทุกอมรสถานเทเวศในขอบเขตขุนเขาทุกแหล่งหล้า ก็โปรยทิพยรัตนมาลาสุมณฑาธารร้องซ้องสาธุการอำนวยพร แก่พระเวสสันดรเจ้า นั้นแล
    โพธิสตฺโต อันว่าพระบรมราชพุทธพงศ์ผู้ทรงญาณ ครั้นพระชนมานจำเริญรุ่นสิบหกปี ทรงลักษณราศีพร้อมมูลทั้งพระบารมีก็เพิ่มพูนผุดพุ่งดุจจันทรจำรัสรุ่งในนภา ทั้งพระปรีชาก็เชี่ยวชาญ สิปฺปานํ นิปฺผตฺติ รู้ศิลปศาสตร์สิบแปดประการ* ก็เสร็จสิ้น สญฺชโย สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยนฤบดินทร์ปิ่นพิภพพสุธา พระทัยท้าวเธอปรารถนาจะมอบเวน ซึ่งสิริรัตนราเชนทร์แก่พระลูกรัก จะให้เป็นจอมปิ่นปักพระพารา มทฺทึ อาเนตฺวา จึ่งนำมาซึ่งพระมัทรีผู้ทรงศรีสวัสดิ์เลิศลักษณกัลยา เป็นตระกูลธิดามาตุลราชวงศ์ ท้าวเธอก็ทรงราชาภิเษก เป็นเอกองค์อัครมหิษี ประทานราชกุมารีกำนัล หมื่นหกพันพระองค์นาง พื้นสาวสาวสวัสดิสำอางเป็นอย่างยิ่ง แล้วมอบมิ่งมไหศวรรย์ ให้สืบศรีสุริยสันตติวงศ์ดำรงราชประเพณี ฝ่ายหน่อพระชินศรีเสวยสวัสดิโภคัยเป็นจอมฉัตรพิชัยสีพี

    ทานํ ปวตฺเตสิ ท้าวเธอก็เปรมปรีดิ์ที่จะบริจาคทานมิได้ขาด จึ่งให้อำมาตย์ทำฉทานศาลา* ทานํ ปวตฺเตตฺวา ให้จัดแจงทั้งเงินทองเสื้อผ้าราชวัตถาศุภาภรณ์พรรณแพรม้วนมุ้งม่านสรรพภัณฑ์เครื่องดีอันมีค่า ตามแต่จะปรารถนาแล้วยกให้แก่ยาจกเข็ญใจทุกถ้วนหน้า ท้าวเธอทรงพระราชศรัทธามิรู้สิ้นดุจพื้นพระธรณินทร์อันหนานักเป็นที่บำรุงรักแก่ไพร่ฟ้า มทฺที สพฺพงฺคโสภนา ส่วนนางพระยามัทรีเจ้าก็ทรงพระครรภ์ อุทรนั้นมิได้คลาดเคลื่อนถ้วนสิบเดือนจึ่งประสูติพระลูกยา พระญาติวงศาได้รับด้วยข่ายทองอันบริสุทธิ์ จึ่งถวายนามพระราชบุตรชื่อว่าชาลี แล้วพระมัทรีเธอทรงพระครรภ์คำรบสอง ประสูตินางน้องราชธิดา พระญาติวงศาก็รับดด้วยหนังหมีถวายพระนามนุชราชบุตรีชื่อว่ากัณหาชินานาฏ
    เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระเวสสันดรบวรราชวงศ์ผู้ดำรงพิภพพสุธา ครั้นเพลาพระสุริยาอรุณรุ่งจำรัส บรมกษัตริย์เสด็จทรงมหามงคลรัตนวิภูษิตประเสริฐสถาพร
    ทรงพญาเศวตกุญชรพระที่นั่งอันเลิศแล้วประดับแก้วกาญจนมณีสลับแสงวะวาบวับระยับตา พร้อมด้วยสหชาติโยธาแห่ห้อม จอมกษัตริย์เสด็จยังโรงทานพระทัยท้าวเธอเกษมศานต์โสมนัสเปรมปรีดิ์ ทรงกุญชรหัสดีทอดพระเนตรทุกโรงทานศาลา ณ กาลนั้นแล
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตถา กาเล ในกาลเมื่อพระเวสสันดรอดุลยดวงกษัตริย์ท้าวเธอเสวยสมบัติมโหฬาร กิตติศัพท์บันดาลทั่วสกลพิภพธานีกรุงกษัตริย์ พอเมืองกลิงคราษฎร์มาเกิดวิบัติข้าวแพงทั้งฝนก็แล้งมิได้ตกทั่วประเทศ สสฺสานิ ข้าวกล้าทั้งหลายก็ตายทุกนิคมเขตแว่นแคว้น ประชาชนก็ยากแค้นแสนกันดารอดอาหารจนซูบผอม จึงชวนกันประชุมพร้อมหน้าพระลานร้องทูลสารอุปกาศ พระเจ้ากลิงคราษฎร์ได้ฟังคำประชาชนว่าแค้นเคืองขัดสนด้วยอยากอด ท้าวเธอก็ทรงรักษาอุโบสถสิ้นกำหนดเจ็ดวัน วสฺสาเปตํ นาสกฺขิ ฝนนั้นก็มิได้ตกต้อง สพฺเพ นาครา ประชาชนชวนกันร้องประกาศสาร ว่า เทว ข้าแต่พระองค์ผู้ผ่านพิภพพารา เวสฺสนฺตโร ราชา ยังมีมหาสมมุติเทวราชวงศ์ทรงพระนามพระเวสสันดรยอดกษัตริย์ เสวยสมบัติในกรุงไกรพิชัยเชตอุตดร ท้าวเธอมีคชกุญชรอันเลิศแล้วเป็นช้างแก้วมหามงคลอันล้ำเลิศ สพฺพเสโต ขาวประเสริฐดั่งไกลาสรัตนคิรี

    อารุยฺห ครั้นคนขึ้นขับขี่ไปสู่คามนิคมใด ๆ ทุกประเทศ วสฺสํ วสฺสิ ฝนนั้นก็ตกลงทุกขอบเขตแหล่งหล้า ขอพระองค์จงจัดหาพราหมณ์ผู้ฉลาดให้ไปสู่ที่พิชัยราชธานี ขอคชสารศรีสัตวมงคลแต่พระจอมพสุธาดลเวสสันดร ท้าวเธอก็จะพระราชทานคชกุญชรมากรุงศรีฟ้าฝนก็จะตกดีบริบูรณ์ ท้าวเธอได้ฟังประชาชนทูลก็ใช้พราหมณ์ทั้งแปด* คนผู้ฉลาด เต พฺราหฺมณา อันว่าพราหมณ์ทั้งแปดคนบังคมลาแล้วก็ลีลาศไปสู่กรุงสีวีราชธานี รชสฺสิรา มีสรีรกายคลุกเคล้าด้วยเถ้าธุลีละอองผง ทานคฺคํ คจฉึสุ ก็ตรงไปสู่โรงทาน เพื่อจะขอคชสาร นั้นแล

    ตโต รตฺยา วิวสเน ครั้นเมื่อสุริยรังสีอร่ามรุ่ง แสงสุวรรณผุดผ่องพื้นทิฆัมพรวโรภาส เวสฺสนฺตโร ราชา สมเด็จบรมราชรวิวงศ์พงศ์พุทธางกูรเกศกษัตริย์ ปพุชฺฌิตฺวา เสด็จตื่นจากบรรจถรณ์รัตนไสยาสน์ สระสรงเสาวคนธชาติวารี ขจรกลิ่นสุมาลีกระลบองค์ อลงฺกริตฺวา ท้าวเธอก็ทรงเครื่องสรรพาภรณ์บวรวิภูษิต สังวาลวิจิตรจำหลักหลาย ถมวิเชียรรายเรียงประดับแสงวะวับวิเศษศรี ทับทรวงมณีอร่ามแพร้วสะอิ้งแก้วกาญจนประดิษฐ์กรอง สุวรรณวลัยทองธรรมรงค์ มหามงกุฎอลงกตประดับสำหรับกษัตริย์แล้ว พระกรกุมพระขรรค์แก้วยุรยาตร ทรงเศวตกุญชรชาติคชาธารพร้อมสหชาติทวยหาญแห่สะพรั่ง

    เสียงดุริยางค์ประดังประโคมขานอยู่เซ็งแซ่ เครื่องสูงแห่เป็นคู่ ๆ ดูสลับสลอน พวกพลบทจรโกลาหล ฝ่ายยาจกคนจนกระเจิงจรเบียดเสียดแทรกซ้อนกันสับสน สาละวนที่จะรับพระราชทาน ท้าวเธอก็เกษมศานต์โสมนัสให้แจกจัดพรรณแพรม้วนทุ้งม่านกาญจนมณี ให้แก่ยาจกตามมรมิได้เลือกหน้า เตพฺราหมณา อันว่าพราหมณ์มาแต่กลิงคราษฎร์ ล้วนคนฉลาดรู้อุบาย พาหา ปคฺคยฺห ประนมนิ้วเหนือเศียรเกล้าแล้วร้องถวายชัย สมเด็จพระบรมมโพธิสัตว์ก็ตรัสปราศัยโดยสารพระคาถา
    ปรุฬฺหกจฺฉนขโลมา ฯ

    โภนฺโต พฺราหฺมณา ดูกรพราหมณ์ผู้ประพฤติพรหมเวทวิชา ท่านจะปรารถนาสิ่งอันใดอย่าเกรงใจจงแจ้งอรรถ พราหมณ์ได้ฟังตรัสก็ปรีดาด้วยสมทางท่าที่จะขอคชสาร จึ่งทูลว่า เทว ข้าแต่นเรศูรผู้ผ่านพิภพธรณีพระเจ้าข้า กิตติศัพท์ข่าวเขาเล่าลือชาทุกไพร่ฟ้าประชาชนสกลพิภพจักรวาล กระหม่อมฉานทั้งหลายมาครั้งนี้ หวังจะขอคชสารศรีสง่างามพระที่นั่งต้นเป็นมหามงคลอันเลิศแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจงให้สำเร็จมโนรถความปรารถนาแก่ข้าพฤฒาจารย์

    ครั้นท้าวเธอได้ทรงฟังก็ชื่นบานโสมนัส จึ่งตรัสว่าพราหมณ์เอ่ยเราจะให้สำเร็จ ตรัสแล้วก็เสด็จลงจากบรมคชไอยเรศ ท้าวเธอทอดพระเนตรเครื่องประดับสำหรับมหาคชสาร อลังการอันเลิศแล้วพื้นเพชรรัตน์แพร้วอร่ามรุ่ง กาญจนผุดพุ่งจำรัสสี ราชาวดีเป็นเครื่องกรองผ้าปกกระพองตาข่าย ทับทิมรายรัตนามาศหลังปกลาดรัตนกัมพล ทั้งระคนแก้วกรองสุวรรณวลัยทองถมมุกดาประดับสองงาอร่ามรัตน์ สายรัดพัสตร์วิจิตรถักผูกชนักแนบสองหูห้อยพวงพู่ดูพิสุทธิสำอาง พร้อมด้วยบังพระสุริยางเพริศพรายอภิรุมรายรัตนจามรีวาลวิชนีสิเชียรฉัตร สำหรับบรมจักรพรรดิคชาธารอันล้ำเลิศ ช้างแก้วประเสริฐอันหาค่ามิได้ ทั้งอาภรณ์วิไลหกสิ่งสรรพล้วนเครื่องประดับไม่มีค่า

    อีกทั้งนานาอลงกรณ์สรรพสิ่งคชาภรณ์ดั่งพรรณนา ยี่สิบสี่แสนราคาคิดควร สิ่งของทั้งมวลและหมอควาญสำหรับพญาคชสารพร้อมมิได้ขาด เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระเวสสันดรสุริยราชวงศ์ พระกรซ้ายทรงจับงวงกุญชรไอยรา พระกรขวาทรงอุทกวารีกุณฑีทอง ท้าวเธอก็ร้องประกาศแก่อมรเทวราชทุกห้องฟ้า ให้ช่วยอนุโมทนาคชาทาน แล้วตรัสเรียกพฤฒาจารย์มิได้ช้า หลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือพราหมณ์ ตั้งพระทัยไว้ให้งามดั่งดวงแก้วแล้วก็ออกอุทานวาจาว่า อิทํ ทานํ ผลทานของข้าจงสำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชญโพธิญาณในอนาคตกาลโน้นเถิด
    +
    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวร ปางเมื่อพระเวสสันดรทรงประสาทพญากุญชรราชพาหนะพระที่นั่งต้น ก็เกิดมหาวิจุรณจลาจลทั่วพิภพพสุธา เต พฺราหฺมณา พราหมณ์ทั้งหลายนั้นครั้นได้รับพระราชทานพญากุญชรคชสารศรี ก็ขึ้นขี่ออกจากกรุงพิชัยเชตอุตดร สพฺเพ นาครา ฝ่ายพวกประชาชนชาวพระนครสีพีก็กรูเกรียวเลี้ยวไล่ล้อมคลุกคลี สกัดหน้าและหลังแล้วร้องตวาดว่า โภนฺโต พฺราหฺมณา ดูก่อนพราหมณ์กลีเหล่ากลิงคราษฎร์วิสัย เออเอ็งไฉนจึ่งองอาจมาขับขี่คชสารศรีพระที่นั่งทรงสำหรับบรมวงศ์องค์กษัตริย์

    เต พฺราหฺมณา พราหมณ์ที่ขับขี่คชสารได้ฟังอรรถก็เดือดดาล ตะคอกขู่ชาวพระนครว่า อยฺ นาโค ช้างตัวนี้พระเวสสันดรประสาทให้เออก็การอันใดจึ่งมาถาม เต ชนา ประชาชนครั้นทราบความว่าท้าวเธอประสาทให้ เทวตา วตฺตเนน กุทฺธา เทพเจ้าเข้าดลใจชาวพิชัยราษฎร์สีพีที่รักให้พิโรธร้าวราน เหตุท้าวเธอจะได้บำเพ็ญพระโพธิญาณอันยอดยาก บุตรทานบริจาคมหาทาน เนคมา ทั้งชาวนิคมคามเขตชนบท รถิกา ทั้งนายรถราชหัตถาจารย์ ทั้งเสนาทหารอันชาญเชิง ชาวพิชัยเชตอุตดร สมาคตา ก็สโมสรพร้อมกันหน้าพระลาน

    อุปกาสึสุ ร้องอุปกาศสารแก่กรุงสญชัยปิตุราช ว่าข้าแต่พระบาทบพิตรผู้ผ่านพิภพสีพี ราชปุตฺโต บัดนี้พระเวสสันดรพระลูกเจ้ากระทำผิดราชกิจประเพณีแต่โบราณ นาคฺ ทชฺชา ให้พญาคชสารพระที่นั่งต้นเป็นมหามงคลอันล้นเลิศขาวประเสริฐดั่งเงินยวง พฺราหฺมณานํ แก่พราหมณ์ทั้งปวงอันมาขอ ไม่ควรที่จะยกยอประสาทให้ คชสารนี้ไซร้ควรจะไว้สำหรับประดับเมือง เมื่อพระเวสสันดรท้าวเธอกระทำให้แค้นเคืองถึงเพียงนี้ ถ้าพระองค์ทรงกำหนดว่าพระโอรสของพระองค์ดี กระหม่อมฉันเห็นว่าไพรีจะมีแก่พระองค์

    ครั้นท้าวเธอได้ทรงฟังก็เดือดดาลประหนึ่งว่าเพลิงกาฬเข้าลามลน จึ่งตรัสแก่ประชาชนทุกถ้วนหน้า เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระลูกรักเรากระทำผิดราชกิจประเพณี กุญฺชรํ ทชฺชา ให้คชสารศรีสง่างามแก่พราหมณ์อันมาขอ ท่านจึ่งมายกข้อหยิบเอาโทษพาลพิโรธร้าวราน วิหญฺญเร เราจะประหารด้วยท่อนจันทน์และศัสตราหาควรไม่ ชนทั้งปวงจึ่งทูลว่าฉะนั้นไซร้ก็ควรจะเนรเทศบำราศจากนิเวศน์กรุงแก้ว จึ่งตรัสว่าเวลานี้ก็จวนแล้วยับยั้งก่อนพรุ่งนี้จะให้บทจรเสียจากบุรีมหานครสีพีนี้แล
    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    อุฏฺเฐหิ กตฺเต ตรมาโน ฯ

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา สมเด็จพระบรมนราธิบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ มีราชโองการตรัสประภาษสั่ง กตฺเต เหวยนายนักการใครนั่งอยู่ที่นั่น ตรมาโน จงรีบด่วนไปพลันทูลสารแก่พระลูกเรานั้นให้แจ้งเหตุ ปพฺพาเชสิ ว่าจะเนรเทศพระลูกเสียจากเมืองประชาชนเขาแค้นเคืองด้วยให้ช้างเป็นทาน ฝ่ายนายนักการก็รีบมาทูลเหตุแด่พระจอมปิ่นปกเกศนราราชว่า เทว ข้าแต่ละอองธุลีพระบาทผู้ทรงพระคุณอันเลิศแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจะจากจรด้วยชาวพระนครเขาขึ้งโกรธ ทั้งพระบิดาก็ทรงพระพิโรธด้วยช้างแก้วพระองค์ให้ไปเป็นทาน จึ่งตรัสใช้กระหม่อมฉานมาทูลเหตุสั่งให้เนรเทศเสียพรุ่งนี้

    ขอฝ่าธุลีจงทราบพระญาณสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ขัตติยวงศ์ทรงสดับสารอันนายนักการมากราบทูลโดยมูลเหตุ ว่าไพร่ฟ้าเขาจะเนรเทศไปสู่ป่า ท้าวเธอมิได้ท้อพระราชศรัทธาที่จะทำทาน จึ่งมีพระราชโองการตรัสว่า กึเม พาหิรกํ ธนํ อย่าว่าแต่เศวตคชาพาหิรกทานอัยยอดยากที่จะยกให้ ถ้าและมียาจกผู้ใด ๆ จะปรารถนาซึ่งพาหาหฤทัยนัยน์เนตรทั้งคู่ เราก็อาจจะเชือดชูออกบริจาคให้เป็นทาน จะแลกพระโพธิญาณในเบื้องหน้า อย่าว่าแต่จะต้องบัพพาชนียกรรมทำโทษ ถึงไพร่ฟ้าเขาจะพิโรธรอนรานประหารชีวิต เราก็มิได้คิดย่อท้อที่จะบำเพ็ญทาน

    ครั้งนั้นเทพเจ้าบันดาลเข้าดลใจให้นายนักการทูลแนะตำแหน่งวนสถานคิรีวงกต จึ่งตรัสสั่งนายนักการให้ช่วยทูลงดสักสองราตรี แต่พอเราได้บำเพ็ญทานบารมีให้อิ่มศรัทธาแล้ว จะถวายบังคมลาทูลกระหม่อมแก้วจากพระนคร จะบุกป่าฝ่าดงดอนไปตามโทษ จงทรงพระกรุณาโปรดทุเลาก่อน ฝ่ายนายนักการชุลีกรแล้วก็รีบร้อนกลับมากราบทูลแด่นเรศูรนราราชบิตุรงค์ ส่วนสมเด็จบรมพงศ์พุทธางกูรเกศกษัตริย์ก็มีพระราชดำรัสสั่งเสนาบดี ให้ตระเตรียมโดยวิธีสัตสดกมหาทานพร้อมไปด้วยคชสารสินธพยานราชรถปรากฏด้วยนางกษัตริย์ ให้จัดตั้งทาสกรรมกรชายหญิงทั้งโคนมประสมสิ่งละเจ็ดร้อยทุกประการไว้ยังโรงทานสถาน นั้นแล
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    อามนฺตยิตฺถ ราชา นํ ฯ

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิญาณ ปางเมื่อสมเด็จพระจอมมกุฎผู้ผ่านพิภพสีพี ตรัสสั่งให้แต่งทานวิธีแล้วลีลาศยังปราสาทพระมัทรีศรีสุนทรลักษณ์เลิศกัลยา สยนปิฏฺเฐ นิสีทิตฺวา เสด็จนั่งเหนือบวรรัตนมหาสยนอาสน์ จึ่งมีพระราชโองการแก่พระยอดเยาวมาลย์มิ่งมหิษีว่า ยํ เต กิญฺจิ มยา ทินฺนํ อันว่าทรัพย์อันเป็นของของพี่ประสาทให้แก่เจ้า อนึ่งเล่าทรัพย์สมบัติอันพระน้องได้มาแต่สำนักมัททราชตระกูล นิทฺทเหยฺยาสิ เจ้าจงมั่วมูลฝังไว้จะได้เป็นมหานิธีขุมทองอันใหญ่ติดตามตน

    พระมัทรีได้ทรงฟังก็ฉงนในพระบัญชา จึ่งทูลถามเสด็จพระภัสดาดวงกษัตริย์ ว่าทรงพระกรุณาจะให้ฝังสรรพสิริสมบัติไว้ในแห่งได จึ่งตรัสว่าเจ้าจงให้สรรพข้าวน้ำโภชนาหารวัตถาลังการอันอุดม แก่ท่านผู้ทรงศีลสมาธิพรหมจรรยา ก็จะเป็นมหาสุวรรณนิธีอันประเสริฐสิ่งอันอื่นจะล้ำเลิศกว่าทานนั้นมิได้

    อนึ่งพระลูกรักสองสหายใจสุดสวาทเจ้าจงอย่าประมาทช่วยอภิบาลบำรุงรักษาทั้งองค์สมเด็จพระราชบิดามารดาของพี่ เจ้าจงภักดีปฏิบัติอย่าให้เคืองขัดพระอัธยาศัย อนึ่งถ้าและว่ากรุงกษัตริย์พระองค์ใดปรารถนาจะรับเจ้าไปเป็นอัครราชกัญญายอดนาง จงประกอบกิจสัจจางปฏิบัติอย่าให้เคืองขัดพระราชหฤทัย อย่าอาลัยถึงพี่อันจะบำราศรัตนบุรีไปอยู่ป่า เห็นชีวิตจะมรณาเสียเป็นมั่นคงในพนัสแดนดง นั้นแล

    สมเด็จพระมัทรีศรีสุริยราชกัญญา ได้สดับสารพระภัสดาวันนั้นพรั่นพระทัย ทรงพระวิมัติสงสัยเคลือบแคลงแหนงใจพระราชโองการ จึ่งทูลสนองสารบรมกษัตริย์ว่าไฉนท้าวเธอมาตรัสฉะนี้จะเสด็จจรลีจากพระนครด้วยกิจธุระร้อนสิ่งอันใด ท้าวเธอจึ่งตรัสบอกโดยนัยคดีการ พระมัทรีทรงทราบสารจึ่งทูลสนองพระราชโองการพระราชสามีว่า นุ ไฉน ฉะนี้พระลูกเจ้าจึ่งไม่โปรดเกล้าข้ามัทรีมาตัดความไมตรีปราศจากประโยชน์

    อภูต ปุพฺพํ แต่ก่อนก็มิได้เคยตรัสโปรดประภาษราโชวาทเหมือนครั้งนี้ ประหนึ่งว่าข้ามัทรีนี้หินชาติใช่เชื้อราชสุริยวงศ์ จะละให้พระองค์เสด็จผู้เดียวเปลี่ยวในกลางไพร เนส ธมฺโม อย่างธรรมเนียมที่ไหนพระพุทธเจ้าข้า กษัตริย์นี้หรือว่าจะเสด็จพระองค์เดียวดั่งนี้เล่า ถึงพระร่มเกล้าปกเกศเสด็จทุเรศไร้ราชสุริยวงศ์ จะบุกป่าฝ่าดงไปแห่งใดข้าพระบาทจะตามเสด็จไปไม่ขออยู่ จะเอาชีวิตและกายนี้ไปสู้สนองพระคุณกว่าจะสิ้นบุญข้ามัทรี ที่จะละพระราชสามีนั้นหามิได้

    แม้จะตกไร้แสนกันดารจะบริโภคมูลผลาหารต่างโภชนา ก็จะสู้ทนทรมานหามาปฏิบัติพระองค์ ถึงแม้มาตรจะปลดปลงก็มิได้คิดจะเอาชีวิตนี้เป็นเกือกทองฉลองพระบาท แม้พระองค์มิทรงพระอนุญาตให้ตามเสด็จไป อคฺคึ อุชฺชาลยิตฺวาน ข้ามัทรีก็จะก่อไฟให้โรจน์โดดเข้าตายเห็นจะดีกว่าอยู่เป็นม่ายให้คนเขานินทา ว่ามีพระภัสดาแต่เมื่อยามสุขถึงเมื่อยามทุกข์สิไม่ทุกข์ด้วยดีแต่จะรื่นรวยอยู่ในบุรี

    จะขอตามเสด็จจรลีไปสู้ยากเมื่อยามจน อนฺวติ หตฺถินี ดุจนางช้างต้นอันยุรยาตร ติดตามพญาราชกุญชร ทนฺตึ มีงาอันงามงอน เชสฺสนฺตํ อันสัญจรท่องเที่ยวไปในทุ่งท่าอันลุ่มลาด ก็ติดตามมิได้คลาดพญาคชสาร ยถา อันนี้แหละมีอาการฉันใดข้าบาทก็จะพาสองดรุณราชไปมิได้ห่าง ปจฺฉโต แต่เบื้องพระปฤษฎางค์พระร่มเกล้า มาตรว่ามีทุกข์เท่าถึงอันตราย จะวิ่งไปก่อนให้ตายต่างพระองค์ผู้ทรงพระคุณ ประกอบด้วยการุญแก่ข้าบริจาริกา
    เมื่อพระมัทรีจะทูลพรรณนาป่าหิมพานต์ ก็กล่าวเป็นสารพระคาถาว่า

    อิเม กุมาเร ปสฺสนฺโต ฯ

    สา มทฺที ส่วนสมเด็จยอดพระเยาวมาลย์มมาศมัทรีศรีสุริยราชธิดา จึ่งทูลพรรณนาพนัสนาเวศประเทศหิมพานต์ดุจได้ทัศนาการแน่ถนัด ถวายบรมกษัตริย์ผู้เป็นภัสดาว่า เทว ข้าแต่บรมนราธิบดินทร์ปิ่นสกลอาณาจักรจอมพิภพสีพี ปางเมื่อพระองค์เสด็จจรลีประพาสในพนาวาสแดนดง สุณนฺโต จะได้ทรงฟังสองดรุณราชกุมาร ร้องรับขับขานประสานเสียงเสนาะในวนาศรม เมื่อยามรุกขชาติร่มเวลาเย็นจะแล่นเล่นในบริเวณพระอาศรมสถาน

    ข้ามัทรีนี้จะเก็บกุสุมาลย์มากรองร้อยเป็นสายสร้อยสะอิ้งรัดสะเอวองค์สังวาลวงวิจิตรมาลัย ประดับสองดรุณหน่อไทน้อยนาถ สองดรุณเยาวราชก็จะลีลาศแล่นเล่นบันเทิงทุกเช้าค่ำ เจ้าจะฟ้อนรำสำราญจิตมิได้รู้ที่จะคิดถึงยามทุกข์ มีแต่เสวยสุขสนุกทุกเวลาท้าวเธอได้เห็นเป็นที่ปรีดาดวงกมลปลื้ม น สริสฺสริ พระทัยท้าวเธอก็จะหลงลืมรัตนราชัยมไหศูรยสมบัติ ทกฺขสิ มาตงฺคํ อนึ่งจะได้ทรงชมมหามหิทธิหัสดีเดี่ยวเดินโทนเที่ยวในกลางป่า ช้างสารที่เป็นคชคณาบดีดูพิลึก คำรนเสียงคระครึกมาภายหน้า เงยงวงงาร้องก้องโกญจนาทนำโขลงคลาดออกจากดง ได้ทอดพระเนตรเห็นก็จะเป็นที่พิศวงว่างวิตกถึงพระนคร

    อุภโต วนวิกาเส สองขอบข้างทางบทจรลำเนาป่าเดียรดาษด้วยพาฬมฤคคณานิการ หมู่พยัคฆพญาไกรสรสรรพจตุบาทละมั่งมาศหมู่มฤคสุกร โคมหิงส์สิงโตตัวตัวคะนองลองเชิงระเริงร้องก้องคระครึกป่า ได้ทรงเห็นก็จะเป็นมหามหรสพเนตรจะบรรเทาที่ทุกข์เทเวษถวิลวัง ยทา โสสฺสสิ นิคฺโฆสํ แล้วจะได้ทรงฟังเสียงกระแสสินธุนทีอันตกลงมาแต่ยอดรัตนคิรีไหลหลั่ง

    สายอุทกถั่งเป็นท่อแถวทั้งเสียงกินรีร้องจะเจื้อยแจ้วจำเรียงขับประสานเสียงสรงสนานชล บ้างก็จะฟ้อนบนชะง่อนผา โมรีหิ ปริกิณฺณํ จะได้ทรงชมพญาโมรมาศแวดล้อมด้วยหมู่นิกรคณานาฏนางยูงควรทัศนา พระองค์เห็นก็จะหรรษาโสมนัส น สริสฺสิ จะมิได้ระลึกถึงสมบัติบุรีรัมย์ เหมนฺเต ปางเมื่อน้ำค้างตกประพรมพื้นพสุธา หริตํ ทกฺเขสิ เมทนึ ควรที่จะทัศนาพื้นภูมิภาคปฐพีอันเดียรดาษด้วยหญ้าแพรกพรรณต่างสีซ้อนสลับสี่องคุลีสรรพเสมอกัน อินฺโคปกสญฺฉนฺนํ พื้นพรรณแมลงค่อมทองดูนี่ก็เรืองรองอร่ามงามระยับประเสริฐสรรพสรรพางค์ เที่ยวเล็มน้ำค้างบนปลายหญ้า

    วณํ ทกฺขสิ ปุปฺผิตํ แล้วจะได้ทอดพระเนตรนานาพรรณหมู่ไม้ บ้างผลิดอกออกใบระบัดอ่อนกิ่งก้านอรชรดั่งชั้นฉัตร บ้างก็ทรงผลกำดัดสุกทราม บ้างก็ดิบห่ามระคนปนผกามาศ ที่บานแบ่งบุปผชาติน่าใคร่ชมเสาวคนธภิรมย์ระรวยรื่น ที่โรยก็ร่วงลงยังพื้นพสุธาหอบขจรตรลบป่า ปางเมื่อฤดูดอกเดียรดาษระดับดง ได้ทรงชมก็ละเลิงหลงลืมระลึกถึงพระนครอันเคยสุขสถาพร นั้นแล

    สา มทฺที สมเด็จพระมัทรีศรีสุริยราชวงศ์ พระองค์เอกอัครประยูรยอดกษัตริย์มัททราชธิดา มีพระกมลเจตนาจำนงนึกตรึกถวิล จะตามเสด็จบรมรินทรราชประยูรสนองพระคุณโดยมูลปณิธานกตเวที จึ่งแนะแนววนาลีลำเนาเขตดุจได้เคยทอดพระเนตรจำแน่ถนัด ในตำแหน่งพนัสพนาเวศประเทศหิมพานต์ โดยพิสดารทูลถวายแด่พระราชสามี ดั่งพรรณนามาฉะนี้ แล้วแล


    หิมวนฺตกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ๓. กัณฑ์ทาน

    สํ ลาลปิตํ สุตฺวา ปุตฺตสฺส สุณิสาย จ กลูนํ ปริเทเวสิ ราชปุตฺตึ ยสสฺสินี เสยฺโย วิสํ เม ขายิตํ ปปาตา ปปเตยฺยาหํ รชฺชุยา พชฺฌมิยฺยาติ กสฺมา เวสฺสนฺตรํ ปุตฺตนฺติ

    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราช ในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก กัณฑ์ที่ ๓ ว่าด้วยเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ อันมีนามว่าทานกัณฑ์ สืบต่อไป เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องพระเวสสันดรทรงบริจาคทาน ในการเสด็จออกจากพระนครสู่ป่าหิมพานต์โดยสมควรแก่เวลา

    ดำเนินความว่า เมื่อสมเด็จพระนางผุสดีได้ทรงสดับสารคดีว่า พระมิ่งโมลีนฤเบศเวสสันดรจะถูกขับจากพระนครดังนั้น พระนางเธอจึงทรงพระดำริว่า บัดนี้ลูกของเราจะทำอย่างไรหนอ เราควรจะไปเยี่ยมเยียนดูให้รู้แน่ ครั้นทรงพระดำริดังนี้แล้ว จึงเสด็จด้วยพระราชอุทยานอันปกปิด ออกจากพระราชวังของพระนางเจ้าไปจรกระทั่งถึงพระราชวังของพระเวสสันดรราชโอรส จึงทรงโปรดให้หยุดพระราชอุทยานแล้วเสด็จขึ้นไปประทับยืนใกล้ห้องที่บรรทม

    ได้ทรงสดับคำพร่ำสนทนาของพระราชโอรสและพระสุณิสา พระนางเธอจึงทรงปริเทวนาการละห้อยไห้ ฯ เพระฉะนั้น เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์จะทรงประกาศซึ่งเนื้อความอันนั้น จึงได้ทรงประพันธ์คาถาดังที่ได้สาธกยกขึ้นไว้ในเบื้องต้นนั้น แล้วแปลความในประพันธ์คาถานั้นว่า ครั้นสมเด็จพระนางผุสดีผู้เป็นพระราชบุตรีพระเจ้ามัททราชผู้มียศ ได้ทรงสดับถ้อยคำที่พระราชโอรสและพระสุณิสาพร่ำสนทนากัน พระนางเธอทรงคร่ำครวญละห้อยไห้ว่า

    เราจะกินยาพิษให้ตายเสียดีกว่ามิฉะนั้นเราจะกระโดดเหวให้ตายเสียเป็นการดี หรือมิฉะนั้นเราควรจะผูกคอให้ตายเสียดีกว่าอยู่ เหตุไรพวกชาวสีพีจึงขับไล่เวสสันดรผู้ไม่มีความผิด ผู้เป็นนักปราชญ์ ผู้เป็นทานบดี ผู้เป็นที่เคารพนับถือของกษัตริย์ทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติมาดาบิดา ทั้งยำเกรงผู้เฒ่าผู้แก่ในราชตระกูล ผู้ทำประโยชน์ให้แก่กษัตริย์ทั้งหลายตลอดถึงญาติและมิตรสหายบ้านเมืองเช่นนี้

    ครั้นทรงคร่ำครวญอย่างนี้แล้ว จึงทรงปลอบพระราชโอรสและพระสุนิสาศรีสะใภ้ เสร็จแล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสญชัย กราบทูลขึ้นว่า ข้าแต่สมมุติเทวราชเจ้า เมื่อพวกชาวสีพีขับไล่พระราชโอรสผู้ไม่มีความผิดให้ไปเสียจากบ้านเมืองแล้ว บ้านเมืองของพระองค์ก็จะเป็นเหมือนรังผึ้งอันไม่มีแม่หวงแหน จักเป็นเหมือนมะม่วงที่ร่วงหล่นลงบนดิน ส่วนพระองค์เล่าเมื่อพวกอำมาตย์พากันทิ้งแล้วก็จักต้องทรงลำบากอยู่แต่พระองค์เดียว เหมือนกับพญาหงส์ปีกหักอันจมอยู่ในปลักฉะนั้น เพราะฉะนั้น ขอพระองค์อย่าให้ประโยชน์ล่วงไปเสียเปล่า คือ อย่าทรงขับเจ้าเวสสันดรตามคำของชาวสีพีเลยพระเจ้าข้า
    พระเจ้ากรุงสญชัยผู้พระราชสามีจึงตรัสตอบพระเสาวนีย์ว่า เราเป็นผู้เคารพต่อราชธรรมประเพณี จะขับไล่พระราชโอรสผู้เป็นธงชัยแห่งชาวสีพีเสีย ถึงแม้ว่าพระราชโอรสจะปรากฏเป็นที่รักยิ่งชีวิตของเราก็ตาม ที่เราจำเป็นต้องขับไล่ด้วยความเคารพในราชธรรมประเพณี

    พระนางผุสดีจึงทรงคร่ำครวญขึ้นว่า เมื่อก่อนย่อมมีธงปลิวไสวแห่แหนตามพระเวสสันดรซึ่งเสด็จไปในที่ต่าง ๆ ทั้งเหล่าเสนาในก็เคยตามเสด็จแห่แหน แต่วันนี้จักต้องเสด็จแต่ผู้เดียว เคยเสด็จด้วยช้าง วอทองและราชรส วันนี้จักต้องบทจรด้วยเท้า ทรงเคยลูบไล้ด้วยผงจันทน์แดง สนุกสนานด้วยระบำและเพลงขับ จักไปแบกผ้าหนังเสืออันหนัก กับทั้งขวานและกระทอและบริวารอย่างไรได้

    ทำอย่างไรจึงจักไม่ต้องใช้ผ้าย้อมน้ำฝาดและหนังเสืออยู่ในป่า เหตุไรเขาจึงไม่ทอผ้าป่านใช้ เวลาเจ้านายทรงผนวชจะทรงผ้าอย่างไรกัน มัทรีจักนุ่งผ้ากรองอย่างไรได้ เพราะมัทรีเคยนุ่งแต่ผ้ากาสีและผ้าโขมพัตร์กับผ้าโกทุมพรพัตร์ มัทรีเธอมีรูปร่างสะโอดสะองเคยทรงแต่คานหามวอทองและราชรถ วันนี้มัทรีจักเดินด้วยเท้าอย่างไร มัทรีเคยมีฝ่าเท้าอันอ่อนนุ่ม ไม่เคยทำการงานหนัก มีแต่ความสุขอยู่อย่างเดียว จะไปทางไหนก็เคยแต่สวมรองเท้าทอง ย่อมเดินนำหน้าพวกข้าหลวงนับจำนวนพัน วันนี้จะเดินป่าคนเดียวอย่างไรได้

    มัทรีเป็นผู้มีขวัญอ่อน เมื่อไปได้ยินเสียงสุนัขจิ้งจอกหรือเสียงนกเค้า ก็จะตกใจกลัวจักกำสรดเศร้าระทมทุกข์ไปนาน เหมือนกับนางนกอันนายพรานพรากเอาลูกไปจากรังฉะนั้น เมื่อแม่ไม่เห็นลูกรักทั้งสองแม่ก็ต้องเป็นทุกข์ไปตลอดกาลนาน ข้าแต่พระจอมภูบาลผู้ประเสริฐเมื่อเกล้ากระหม่อมฉันพร่ำเพ้ออยู่อย่างนี้ ถ้าพระองค์จักขืนทรงขับไล่ซึ่งพระราชโอรสเสียแล้ว หม่อมฉันก็จะต้องถึงซึ่งชีวิตเป็นเที่ยงแท้

    เมื่อพวกนางนักสนมกำนัลในตลอดถึงชาวสีพีทั้งปวงของพระเจ้ากรุงสญชัย ได้ยินเสียงทรงพระกรรแสงร้องไห้ของพระนางเจ้าผุสดีในครั้งนั้นก็พากันคร่ำครวญละห้อยไห้ ผู้คนในนิเวศน์ของพระเวสสันดรต่างก็พากันละห้อยไห้ไปตามกัน ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในพระราชวังทั้งสองจักดำรงคงปกติของตนอยู่ได้ ได้พากันทุ่มทอดกายปริเทวนาการ เหมือนดังว่าต้นรังอันถูกพายุพัดให้หักโค่นลงฉะนั้น กล่าวคือ พระราชโอรสและพระราชธิดา พระชายาในพระราชวังของพระเวสสันดร ตลอดถึงพวกเด็ก ๆ และพ่อค้าคฤหบดี พราหมณ์ชี จตุรงคเสนาทั้ง ๔ เหล่า อันมีอยู่ในพระราชวังของพระเวสสันดรนั้น ได้พากันร่ำร้องพิไรอยู่เซ็งแซ่ไปตามกัน
    ครั้นรุ่งเช้าขึ้น พระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์เจ้าจึงเสด็จเข้าไปสู่โรงทาน ตรัสสั่งให้บริจาคไทยทานเครื่องนุ่งห่มและเครื่องกินอยู่แก่พวกขอทาน ตลอดถึงสะราและเมรัยให้แก่พวกนักเลงเหล้า ไม่ให้มีผู้ใดผู้หนึ่งว่ากล่าวพวกที่มารับไทยทานด้วยมีพระราชบรรหารว่า ขอท่านทั้งหลายจงให้ผ้าแก่ผู้ต้องการผ้า จงให้เหล้าแก่พวกนักเลงเหล้า จงให้อาหารแก่ผู้ต้องการอาหาร อย่าเบียดเบียนพวกรับไทยทานเป็นอันขาด

    จงพากันเลี้ยงดูพวกมารับทานให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวน้ำดังนี้ ฯ ในขณะนั้นเทพเจ้าเที่ยวป่าวร้อง กษัตริย์ในพื้นชมพูทวีปให้เสด็จด่วนมารับพระราชทานนางกษัตริย์จากพระเวสสันดร เมื่อกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทรมาพร้อมกันแล้ว พระเวสสันดรบรมกษัตริย์ก็ทรงพระโสมนัสปรีดา ให้พระราชทานนางกษัตริย์ ๗๐๐ องค์ซึ่งล้วนแต่ประดับเครื่องสรรพอาภรณ์ขึ้นทรงรถอันงามงอนไปทั้งนั้นและได้พระราชทานช้างพลาย ๗๐๐ อันประกอบด้วยเครื่องประดับพร้อมเสร็จทั้งหมอควาญด้วย

    ได้พระราชทานม้าอีก ๗๐๐ ล้วนแต่เป็นม้าสินธพอาชาไนยมีฝีเท้าอันเร็วไว พร้อมทั้งผู้ขับขี่อันถือทวนและธนู ได้พระราชทานรถ ๗๐๐ อันประดับด้วยเครื่องรูปปักธงชัยหุ้มด้วยหนังเสือเหลืองและเสือโคร่งมีสารถีสวมเกราะถือธนูขึ้นขับขี่ พระราชทานแม่โคนม ๗๐๐ ซึ่งล้วนแต่อย่างละ ๗๐๐ ๆ ของพระราชทานเหล่านั้นล้วนแต่กษัตริย์พราหมณ์แพศย์ศูทรรับพระราชทานไปทั้งนั้น การบริจาคสัตตสดกมหาทานของพระเวสสันดรในครั้งนั้น ได้บันดาลให้เกิดขนพองสยองเกล้าไปทั่วทุกตัวคน ทั้งเมทนีดลก็หวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์

    ครั้นพระราชทานเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเย็นพระองค์จึงเสด็จกลับเข้าสู่พระราชวังด้วยทรงพระดำริว่า พรุ่งนี้เช้าเราจึงจักเข้าไปกราบถวายบังคมลาพระราชมารดาบิดา ฝ่ายพระนางมัทรีก็ทรงดำริว่า จักตามเสด็จพระราชสามีออกสู่ป่า พอรุ่งราตรีคืนวันนั้นแล้ว สองกษัตริย์จึงเสด็จคลาดแคล้วจากพระราชวังของพระองค์ตรงเข้าเฝ้าพระราชบิดามารดา แล้วสมเด็จพระเวสสันดรจึงกราบทุลพระราชบิดาขึ้นว่า

    ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศเป็นพิเศษ บัดนี้ขอพระองค์ทรงพระกรุณาเนรเทศข้าพระองค์ไปสู่เขาวงกตตามโทสานุโทษเถิดพระพุทธเจ้าข้า ธรรมดาสัตว์โลกทั้งหลายทั้งที่เกิดมาแล้วหรือยังจะเกิดมาข้างหลัง หรือเกิดอยู่ในเวลานี้ก็ดี ล้วนแต่เป็นผู้ไม่อิ่มด้วยความสุขทั้งหลายนั้น ส่วนข้าพระองค์ผู้บำเพ็ญทานอยู่ในปราสาทของตน ยังชื่อว่าเบียดเบียนพวกชาวเมือง ข้าพระองค์ขอยอมไปทนทุกข์อยู่ในป่าใหญ่อันเกลื่อนกลาดไปด้วยสัตว์ร้าย ตามถ้อยคำของชาวสีพีทั้งหลาย ข้าพระองค์ตั้งใจจะทำบุญเพื่อจะยกตนให้พ้นจากหล่ม คือกิเลส ส่วนพระองค์ยินดีจมอยู่ในหลุม คือกิเลส
    ครั้นพระเวสสันดรกราบทูลดังนี้แล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระราชมารดาถวายบังคมว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า ขอได้ทรงโปรดอนุญาตให้เกล้ากระหม่อมฉันทรงบรรพชาเถิด เกล้ากระหม่อมฉันบำเพ็ญทานอยู่ในปราสาทของตน เขายังว่าเป็นการเบียดเบียนชาวเมือง เพราะฉะนั้น เกล้ากระหม่อมฉันยอมไปทนทุกข์อยู่ในป่าใหญ่อันเกลื่อนไปด้วยสัตว์ร้าย มีแรดและเสือราชสีห์เป็นต้นตามคำของชาวสีพี เกล้ากระหม่อมฉันยินดีไปสู่เขาวงกต เพื่อได้โอกาสบำเพ็ญพรตบรรพชาพระพุทธเจ้าข้า ฯ

    ฝ่ายพระนางผุสดีราชมารดาจึงตรัสตอบว่า ดูก่อนลูกรัก แม่ยินดีอนุญาตให้ลูกบวชเป็นชีไพร แต่มัทรีลูกรักของแม่จงให้ลูกพามาอยู่กับแม่ในที่นี้เถิด พระเวสสันดรกราบทูลว่า อย่าว่าแต่ทัทรีเลยถึงจะเป็นทาสีก็ตาม ถ้าเขาไม่พอใจจะไปตามเกล้ากระหม่อมฉัน แล้วเกล้ากระหม่อมฉันก็ไม่ยินดีจะให้เขาไป เพราะฉะนั้น ถ้ามัทรียินดีตามเกล้ากระหม่อมฉัน ก็จงไปตามประสงค์เถิด ถ้าไม่ยินดีจะไปก็จงอยู่เถิด
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ลำดับนั้น พระเจ้ากรุงสญชัยได้ทรงสดับถ้อยคำพระราชโอรสดังนั้น จึงเสด็จไปตรัสอ้อนวอนพระสุณิสาหญิงสะใภ้ว่า ดูก่อนแม่มัทรีผู้มีรูปร่างชโลมจันทน์ เจ้าอย่าได้ชโลมฝุ่นแทนจุณจันทน์เลย เจ้าเคยทรงแต่ผ้ากาสีอันมีค่าอย่าได้ไปทรงผ้าคากรองเลย การอยู่ในป่าย่อมเป็นการหาความสุขมิได้ขอมัทรีอย่าได้ไปเลย ฯ พระนางมัทรีจึงกราบทูลว่า ความสุขอันใดจะมีแก่เกล้ากระหม่อมฉันผู้พลัดพรากจากพระเวสสันดร เกล้ากระหม่อมฉันไม่ต้องการความสุขอันนั้นพระเจ้าข้า

    ลำดับนั้น พระเจ้ากรุงสญชัยจึงตรัสว่า ดูก่อนมัทรี เจ้าจงฟังถ้อยคำบิดาก่อนเถิด คือธรรมดาอยู่ในป่าย่อมมีสัตว์คอยรบกวน เป็นต้นว่าตั๊กแตน เหลือบ ยุง บุ้ง ริ้น สัตว์ที่น่ากลัวอาศัยใกล้แม่น้ำยังมีอีก เช่นงูเหลือมอันเป็นสัตว์ไมมีพิษมีแต่กำลังแรงกล้ารัดมนุษย์ หรือเนื้อที่มากล้ำกลายด้วยขนดหางของตัว มิใช่แต่เท่านั้น ยังมีฝูงสัตว์ร้ายอีกหลายหลากเช่น หมีอันขนหัวดำพอมันเห็นคนเข้าแล้วย่อมไล่ติดตามขยำ

    ถึงจะหนีขึ้นต้นไม้ก็ไม่พ้นมีทั้งความเปลี่ยวซึ่งมีปลายเขาอันคมกริบ ท่องเที่ยวอยู่ใกล้แม่น้ำโสตุมพรนที ส่วนมัทรีก็เปรียบเหมือนโคแม่ลูกอ่อน เวลาเห็นฝูงเนื้อและโคที่ท่องเที่ยวอยู่ในป่าจักทำอย่างไร เมื่อมัทรีเห็นลิงทโมนในกลางป่าก็จะต้องหวาดหวั่นขวัญหาย เพียงแต่มัทรีได้ยินเสียงสุนัขในเวลาอยู่ในบ้านเมืองเช่นนี้ก็ย่อมตกใจ แล้วเมื่อมัทรีไปถึงเขาวงกตจักทำอย่างไร เมื่อเวลาเที่ยงฝูงนกก็พากันจับเจ่า ป่าใหญ่ก็ครวญกระหึ่มเป็นที่น่าเกรงกลัว มัทรีจะต้องการไปในป่าใหญ่นั้นทำไม

    พระนางมัทรีจึงกราบทูลสนองพระวาทีว่า สิ่งที่น่ากลัวซึ่งพระองค์ชี้แจงนี้ข้ามัทรีก็จะทนต่อสู้ ถึงจะลำบากยากเย็นเป็นประการใดข้ามัทรีก็จะตามเสด็จพระราชสามีไป ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นธงชัยของประเทศสีพี อันกุมารีจะได้สามีนั้นย่อมได้ด้วยวีธีปฏิบัติตัวเป็นอันมาก เป็นต้นว่าอดอาหารเพื่อให้เอวบางร่างน้อยบ้าง ผูกไม้คางโคให้ตะโพกผึ่งผายบ้าง บูชาไฟบ้าง ดำน้ำบ้างต่าง ๆ กัน ข้าพระองค์ผู้จอมธรรม ธรรมดาเป็นหญิงหม้ายนั้นย่อมเป็นร้ายไม่ดี เพราะเป็นที่ดูหมิ่นแห่งนักเลงหญิงทั้งหลาย

    ของที่ไม่ดีมีบรรยายไว้ ๓ ประการ คือ ชลธีไม่มีน้ำ ๑ บ้านเมืองไม่มีกษัตริย์ ๑ หญิงที่สามีทอดทิ้ง ๑ รวมเป็น ๓ อย่างด้วยกัน อันหญิงหม้ายนั้นถึงจะมีพี่น้องตั้ง ๑๐ คน เกลื่อนกล่นไปด้วยบ่าวไพร่เงินทอง ก็ไม่พ้นจากคำกล่าวล่วงเกิน จะได้ฟังแต่คำเสียดสีจากพี่น้องและเพื่อนฝูงอยู่เสมอไป ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นธงชัยของชาวสีพี ธรรมดารถย่อมมีธงเป็นเครื่องปรากฏ ธรรมดาไฟย่อมมีควันเป็นเครื่องหมาย ธรรมดาบ้านเมืองย่อมมีพระราชาเป็นเครื่องเชิดชู ธรรมดาหญิงย่อมมีสามีเป็นเครื่องปรากฏ

    ถ้าหญิงใดมามีทุกข์ก็ทุกข์ด้วย สุขก็สุขด้วย หญิงนั้นย่อมเป็นที่สรรเสริญของเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย สำหรับเกล้ากระหม่อมฉัน เมื่อพลัดพรากจากพระเวสสันดรแล้วย่อมไม่ปรารถนาสิ่งใด ถึงจะยกสมบัติในพื้นปฐพีทั้งสิ้นให้ เกล้ากระหม่อมฉันก็ยังไม่ยินดี เพราะฉะนั้น เกล้ากระหม่อมฉันขอติดตามพระเวสสันดรบรมราชสามีไปให้จงได้พระเจ้าข้า ฯ

    ลำดับนั้นพระเจ้ากรุงสญชัยจึงตรัสออกไปว่า ดูก่อนมัทรี ถ้ามัทรีเต็มใจจะไปให้ได้แล้วก็จงไปเถิด แต่จงทิ้งลูกทั้งสองไว้ คือชาลีและกัณหาชินาซึ่งยังเล็กอยู่นี้ไว้ให้บิดาเลี้ยงเถิด พระนางมัทรีกราบทูลว่า เกล้ากระหม่อมฉันจะทิ้งลูกรักทั้งสองไปไม่ได้เป็นอันขาด เกล้ากระหม่อมฉันจะนำลูกทั้งสองไปด้วยเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ในยามยากพระพุทธเจ้าข้า พระมหากษัตริย์จึงกล่าวว่า

    ดูก่อนมัทรี หลานรักทั้งสองนี้ย่อมเคยเสวยแต่ข้าวสาลีมีกับแกล้มอันโอชารส จักไปเสวยผลไม้ในป่าได้อย่างไร หลานรักทั้งสองเรานี้ย่อมเคยเสวยด้วยถาดทองคำหนักตั้งร้อยปละอันมีประจำราชตระกูล จักไปเสวยของที่วางบนใบไม้ในป่าได้อย่างไร หลานทั้งสองเรานี้เคยทรงแต่ผ้ากาสีและผ้าโขมพัตร์ผ้าโกทุมพรพัตร์ จักทรงผ้าคากรองในป่าได้อย่างไร

    หลานทั้งสองเรานี้เคยไปด้วยคานหามและวอทองและรถทรงจะต้องเดินดงด้วยเท้าอย่างไร เคยประทับนอนในปราสาทอันประเสริฐ จักไปนอนตามโคนต้นไม้ได้อย่างไร เคยนอนบนเครื่องลาดอันวิจิตรจักไปนอนบนหญ้าอย่างไรได้ เคยลูบไล้ด้วยกฤษณาและจันทน์หอม จะไปลูบไล้ด้วยผงธุลีได้อย่างไร เคยมีผู้พัดวีด้วยแซ่จามรีและหางนกยูง จะต้องไปถูกเหลือบยุงกัดในกลางป่าได้อย่างไร
    กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์มีพระเจ้ากรุงสญชัยเป็นต้น ทรงสนทนากันอยู่อย่างนี้ ราตรีก็สว่างแล้ว อำมาตย์นำรถพระที่นั่งอันเทียมด้วยม้า ๔ ไปจอดเทียมไว้ที่ประตูพระราชวังแล้ว พระนางมัทรีก็กราบถวายบังคมสมเด็จขัตติยาธิบดีศรีสญชัยธิราชและทรงอำลาเหล่านางนาฏนักสนม เสร็จแล้วก็เสด็จจูงกรพระโอรสธิดาทั้งสอง ไปคอยถ้าพระราชสามีอยู่ ณ ที่รถพระที่นั่งก่อน

    แต่นั้นพระมหากษัตริย์บรมโพธิสัตว์จึงประณมหัตถ์ถวายบังคมลาพระราชบิดามารดาทั้งสองแล้ว เสด็จลุกขึ้นทำปทักษิณตามระบิลโบราณสิ้นตติยวารแล้ว เสด็จคลาดแคล้วลงจากปราสาทไปทรงราชรถอันเทียมด้วยม้าทั้ง ๔ พาพระราชเทวีกับสองดรุณราชกุมารกุมารีเสด็จบ่ายพระพักตร์ออกจากพระนครเพื่อจะไปเขาวงกต ในเวลาที่ทรงรถออกจากพระนครนั้นเมื่อทอดพระเนตรเห็นมหาชนประชุมกันอยู่ในที่ใด ก็ทรงขับรถพระที่นั่งแวะเข้าไปสั่งลาว่าญาติทั้งหลายจงพากันอยู่สุขสบายเถิด ตัวเราขอลาแล้ว

    เมื่อมหาชนทั้งปวงได้ฟังพระราชดำรัสตรัสอำลาดังนี้ ต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้าโสกีปริเทวนาการอยู่เซ็งแซ่ทั้งเฒ่า แก่ เด็กเล็กและปานกลาง ในครั้งนั้นพวกที่เคยรับพระราชทานและเหล่านักเลงสะราบาล ต่างคนก็พากันร่ำร้องปรับทุกข์แก่กันว่า บัดนี้ต้นไม้ใหญ่อันเป็นที่พึ่งของพวกเราทั้งหลายได้โค่นลงไปแล้ว พวกคนที่โง่เขลาได้พากันขับพระเวสสันดรผู้เป็นพระเจ้าทรงธรรมของพวกเราทั้งหลายไปแล้ว คนทั้งหลายต่างปรับทุกข์และด่าว่าพวกที่สอพลอ ไปยกโทษพระเวสสันดรต่อพระเจ้ากรุงสญชัยเสียงสนั่นหวั่นไหวไป จนเหลือความสามารถที่ผู้ใดจะกล่าวห้ามปรามตามพระราชอาญา ฯ

    ในเวลานั้นสมเด็จพระนางผุสดีทรงพระดำริว่าเวสสันดรลูกรักของเราเป็นผู้ยินดีในการบริจาคทานก็ของจงได้ให้ทานตามต้องการเถิด ครั้นทรงดำริอย่างนี้แล้วจึงโปรดให้ส่งเกวียนอันบรรทุกเต็มไปด้วยแก้ว ๗ ประการ พร้อมด้วยวัตถาลังการทั้งปวงไปเทียบไว้สองข้างมรรคา พระเวสสันดรได้ทรงเปลื้องเครื่องอาภรณ์ที่พระองค์ทรงอยู่นั้นออกพระราชทานแก่ยาจกถึง ๑๘ ครั้ง และได้พระราชทานแก้ว ๗ ประการกับสิ่งของทั้งปวงที่พระราชมารดาทรงส่งไปให้จนหมด แล้วก็เสด็จออกจากพระนครไป

    พอพ้นพระนครไปแล้วท้าวเธอมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรซึ่งพระนคร ในเวลาครั้งนั้นพื้นแผ่นดินที่รถทรงตั้งอยู่นั้น ก็บันดาลหมุนเหมือนกับแป้นแห่งช่างหม้อทำให้รถพระที่นั่งกลับหน้ามาทางพระนคร ให้ท้าวเธอได้ทอดพระเนตรทั้งประเทศพื้นพสุธา อันมีเขาสิเนรุราชเป็นเครื่องประดับประดาก็สำแดงอาการหวั่นไหวเป็นอัศจรรย์ ท้าวเธอทอดพระเนตรซึ่งที่ประทับของพระราชบิดามารดา แล้วจึงทรงชี้บอกแก่พระนางมัทรีว่า เชิญดูเถิดมัทรี นั่นแหละที่ประทับอันรื่นรมย์ของพระเจ้าสีพีและมณเฑียรของเราซึ่งเป็นเหมือนเปรตในเวลานี้

    ลำดับนั้นพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์เจ้าจึงโปรดให้สหชาติโยธาทั้ง ๖ หมื่นกับคนอื่น ๆ ตามเสด็จไปนั้นกลับมา แล้วพระองค์ทรงขับรถไปโดยลำพัง ได้ตรัสสั่งพระนางมัทรีไว้ว่า ขอเจ้าจงคอยดูพวกยาจกที่ติดตามมาข้างหลังเถิด ฝ่ายพระนางมัทรีก็ทูลรับพระราชโองการแล้วผินพระพักตร์กลับหลังนั่งทอดพระเนตรพวกยาจกที่จะตามไปในเวลานั้น มีพราหมณ์ ๔ คนซึ่งไปรับมหาทานไม่ทันได้ติดตามออกไป พอพระนางมัทรีทอดพระเนตรเห็นจึงทูลพระราชสามีให้ทรงทราบ พระเวสสันดรผู้เป็นยอดทานบดีจึงหยุดรถพระที่นั่งไว้ ในเวลาพวกพราหมณ์นั้นไปถึงจึงทูลขอพระราชทานม้า พระองค์ก็ทรงพระราชทานม้าทั้ง ๔ นั้นให้แก่พราหมณ์ทั้ง ๔ คน
    ก็เมื่อพระเวสสันดรผู้ยอดทานบารมีพระราชทานม้าทั้ง ๔ แล้ว แอกรถก็ยังค้างอยู่ในอากาศเห็นปรากฏประจักษ์ตา ลำดับนั้นอำนาจทานบารมีของพระองค์ก็บันดาลให้เทพบุตรทั้ง ๔ นิรมิตเพศเป็นละมั่งทองมารับแบกรถพระที่นั่งนั้นไป พระองค์ตรัสชี้บอกให้พระนางมัทรีว่า ดูเถิดมัทรี ละมั่งทองทั้ง ๔ นี้เหมือนกับม้าที่ชำนาญอันนางอัสสาจารย์ได้ฝึกหัดไว้ดีแล้ว ลำดับนั้นมีพราหมณ์อีกคนหนึ่งวิ่งติดตามไปขอราชรถ พระมหากษัตริย์เจ้าก็พาพระชายาและพระโอรสธิดาเสด็จลงจากรถแล้ว ทรงพระราชทานรถนั้นแก่พราหมณ์ไป

    ก็เมื่อพระเวสสันดรผู้ยอดทานบารมีพระราชทานม้าทั้ง ๔ แล้ว แอกรถก็ยังค้างอยู่ในอากาศเห็นปรากฏประจักษ์ตา ลำดับนั้นอำนาจทานบารมีของพระองค์ก็บันดาลให้เทพบุตรทั้ง ๔ นิรมิตเพศเป็นละมั่งทองมารับแบกรถพระที่นั่งนั้นไป พระองค์ตรัสชี้บอกให้พระนางมัทรีว่า ดูเถิดมัทรี ละมั่งทองทั้ง ๔ นี้เหมือนกับม้าที่ชำนาญอันนางอัสสาจารย์ได้ฝึกหัดไว้ดีแล้ว ลำดับนั้นมีพราหมณ์อีกคนหนึ่งวิ่งติดตามไปขอราชรถ พระมหากษัตริย์เจ้าก็พาพระชายาและพระโอรสธิดาเสด็จลงจากรถแล้ว ทรงพระราชทานรถนั้นแก่พราหมณ์ไป

    ส่วนเทพบุตรทั้ง ๔ ก็หายวับไปทันที พระองค์จึงตรัสบอกพระนางมัทรีว่า มัทรีเอ๋ยเธอจงอุ้มกัณหาชินานาถซึ่งยังน้อยเบาแรง ส่วนพี่จะอุ้มชาลีค่อนข้างหนัก ครั้นตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงอุ้มพระโอรสยอดสงสาร ส่วนพระนางมัทรีก็ทรงอุ้มพระธิดาเยาวมาลย์ พากันเสด็จดำเนินตามมรรคากันดาร ตรัสปราศรัยซึ่งพจนารถบรรหารอันอ่อนหวานน่ารักใคร่ต่อกันไปในครั้งนั้น


    ทานกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ

     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ๔. กัณฑ์วนปเวสน์

    เต ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺเต มนุสฺเส ทิสฺวา กุหึ วงฺกตปพฺพโตติ ปุจฺฉนฺติ มนุสฺสา ทูเรติ วทนฺติ ฯ

    อนุสนธิพระธรรมเทศนา มีบุพพาปรลำดับจับประพันธ์แต่ทานกัณฑ์สืบมา เต จตฺตาโร ขตฺติยา อันว่ากษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ คือสมเด็จพระวิสุทธิพงศ์ภูวนาถเจ้าประชาชาติชาวสีพี และสมเด็จพระมเหสีนารีรัตน์ และสองดรุณกษัตริย์คือพระชาลีศรีรัตนราชกุมาร และพระเยาวมาลย์กัณหาชินาราชบุตรี เมื่อเสด็จโดยวิถีภูวสถาน ดำเนินโดยบทมาลย์ในทางกันดารดั่งกล่าวมา

    สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ พระองค์ทรงอุ้มพระชาลีสมเด็จพระมัทรีทรงอุ้มนางกัณหาชินา เสด็จโดยมรรคานุกรมในวารปฐมที่สองสามตามลำดับไป เมื่อใด ๆ ได้ประสบพบมนุษย์ซึ่งเป็นบุรุษหรือสตรีที่เดินทวนวิถีทางมาบ้างก็ตรัสถาม ว่า กุหึ วงฺกตปพฺพโต ท่านทั้งหลายยังได้ความตามการที่เคยไป หรือฟังแต่ใคร ๆ บ้างหรือ ภูเขาซึ่งเขาเล่าลือโดยชื่อว่าวงกต หรือว่าเขาคดเป็นสำคัญนั้นอยู่ที่ไหน พวกชนเดินทางก็ให้การว่าสถานนั้นตูข้าได้รู้ว่าอยู่ไกลยิ่งนักพระเจ้าข้า

    เตน วุตฺตํ ด้วยเหตุนี้แหละจึ่งมีพระคาถาเป็นพระพุทธปฏิญญา ในพระคัมภีร์จริยาปิฎกยกเป็นปัฐยาวัตฉันท์ว่า ยทิ เกจิ มนุชา เอนฺติ เป็นต้น ความในพระคาถาพุทธนิพนธ์ในพระคัมภีร์อื่นก็มีนัยดั่งแสดงมา แปลกแต่ที่ว่าปฏิปุจฺฉาม ฯลฯ อมฺเห ปสฺสิตฺวา เป็นต้น ตามพุทธนิพนธ์เป็นปฏิญญา ว่าเราทั้งหลายสี่กษัตริย์ได้ไต่ถาม และได้ฟังความแต่คนผู้เห็นเราทั้งหลายเท่านั้นไม่ผิดกันไปเท่าไร

    และเมื่อสี่กษัตริย์เสด็จไปโดยมรรคากันดารสองราชกุมารทอดพระเนตรเห็นต้นไม้ที่สูง ๆ ใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วยดอกและผล มีสีสัณฐานและอาการอันประหลาดหลาก ก็เกิดความอยากจะใคร่ได้มาทรงเล่น ก็รบเร้าสมเด็จพระชนกชนนีให้ทรงเก็บดอกและผลพิเศษ ซึ่งทอดพระเนตรเห็นนั้นมาประทาน ครั้งนั้นทวยเทพทุกสถานพิมานไม้ ก็มีน้ำพระทัยสงสารแก่สองกุมารนั้นหนักหนา

    บันดาลให้กิ่งพฤกษาซึ่งทรงดอกและผลโอนอ่อนลงจนสี่กษัตริย์ยื่นพระหัตถ์เก็บถึงได้ ด้วยอัศจรรย์อันนี้เป็นไปสี่กษัตริย์ก็มีน้ำพระทัยเชื่อถือในบุญบารมี เชื่อได้ว่าเสด็จไปครั้งนี้จะไม่มีอันตราย เห็นทวยเทพทั้งหลายในป่าจะกรุณารักษาทุกสถาน เตน วุตฺตํ ด้วยความนี้จึ่งมีพุทธบริหารมา ในพระคัมภีร์จริยาปิฎก โดยอัษฎกฉันท์คาถาดั่งนี้

    ยทิ ปสฺสนฺติ ปวเน ฯ

    ความในพระคาถาสาธกจริยาปิฎกบาลีก็มีนัยเหมือนกัน จะกล่าวไปก็เป็นซ้ำความนั้นไม่แปลกไป เชตุตฺตรนครโต จะคิดคำนวณนับลำดับตำบลในสถลมรรคาลัย แต่กรุงไกรเชตุดรนครมาถึงภูผาชื่อสุวรรณคีรีตาลบรรพต กำหนดนับโยชน์ได้ห้า แต่นั้นไปถึงแม่น้ำโกติมาราก็ห้าร้อยโยชน์เหมือนกัน และไปต่อแต่นั้นถึงเขาอัญชนคิรีก็มีประมาณโยชน์ได้ห้า และแต่นั้นไปถึงบ้านพราหมณ์ ชื่อตุณณวิถนาลิทัณฑคามตามระยะก็ห้าโยชน์

    และแต่นั้นไปก็อีกสิบโยชน์จึ่งจะถึงที่วิเศษโสดชื่อมาตุลนคร ในแว่นแคว้นแดนเจตราษฎร์ เทพเจ้าผู้มีฤทธิ์อำนาจหากบันดาล ให้ทางไกลในประมาณสามสิบโยชน์นี้เป็นวิถีทางสั้น สี่กษัตริย์เสด็จเดินไปในวันหนึ่งก็ถึงมาตุลนครเจตราษฎร์ ด้วยเหตุนี้จึ่งมีพระพุทธฎีกาประกาศเนื้อความไว้ในพระคัมภีร์จริยาปิฎกเป็นพระคาถาว่า

    สํขิปึสุ ปถํ ยกฺขา ฯ

    ความในพระคาถาว่า ยกฺขา อันว่าหมู่ทวยเทพดา ซึ่งมนุษย์ย่อมเซ่นสรวงบูชาจึ่งเรียกว่ายักษ์ อนุกมฺปาย ทารเก ย่อมอนุเคราะห์ด้วยความรักทารกราชกุมาร ก็ย่นย่อทุรสถานไกลนั้นให้สั้น จนสี่กษัตริย์เสด็จไปในมิช้าพลัน ก็บรรลุถึงยังเจตราษฎร์ไม่คลาดคลา ด้วยฤทธิ์เทพดาเจ้า นั้นแล
    อุปคจฺฉนฺตา เมื่อสมเด็จพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์และสมเด็จพระมัทรีนารีรัตนราชกัลยาณี และดรุณบุตรีคือพระชาลีและพระกัณหาชินา เสด็จมาถึงมาตุลนครนั้นในเวลาสายัณเหสมัย ก็มิได้เสด็จเข้าไปภายในกำแพงเมือง ด้วยทรงคิดจะไม่ให้เป็นที่ขัดเคืองแก่ท่านผู้ใด จึ่งเสด็จเข้าประทับอยู่ ณ ศาลาที่อาศัย ใกล้ทวารนครนั้นจนล่วงราตรี

    ครั้นเวลาเช้าสมเด็จพระมัทรีเสด็จออกนั่งแสดงพระองค์อยู่ตรงหน้าศาลา จึ่งชนชาวเจตราษฎร์ที่เดินไปมาได้เห็นแล้วก็รู้จักชัดว่า พระนางนั้นเป็นพระมเหสีสมเด็จพระเจ้าสีพีบรมกษาตริย์ก็อัศจรรย์ใจ จึ่งเข้าไปแวดล้อมไต่ถาม ก็ได้ความว่าพระนางนั้นตามเสด็จสมเด็จพระสวามีมาแต่สีวีราษฎร์ ชาวพระนครก็เห็นเป็นการแปลกประหลาดก็เล่าลือระบือไป จนความทราบถึงกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นประธานในการครอบครองมาตุลนครนั้น

    กษัตริย์เจตราษฎร์ซึ่งเป็นประธานได้ยินการเป็นอัศจรรย์ก็พากันออกไปปราศรัยไต่ถามความดีร้าย โดยอาการชนที่เป็นสหายมีความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระเจ้าสีพีเพสสันดรบรมโพธิสัตว์ พระองค์ก็ตรัสโดยสัจบรรยายเหตุผลต้นปลาย ให้กษัตริย์เจตยาธิบดีทราบถ้วนถี่ทุกประการ พวกนั้นก็คิดอ่านจะแก้ไขให้เป็นคุณ อุดหนุนแด่พระองค์ให้คืนคงและดำรงในอิสริยยศ

    พระองค์ก็ไม่ยอมรับตามแล้วทรงไต่ถามหาหนทางจะไปเขาวงกตบรรพตคีรี พวกเจตยาธิบดีก็แสดงแนะนำมรรคาด้วยทางกถาเป็นอันมาก ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห สมเด็จพระผู้มีพระภาคผู้เป็นปริโสดมบรมศาสดา เมื่อทรงแสดงความตามที่ว่ามาโดยสังเขปนี้ จึ่งตรัสพระคาถานับว่าเป็นชาดกบาลีในวนปเวสน์กัณฑ์นี้ ดั่งจะอ่านต่อไป

    เต คนฺตฺวา ทีฆมทฺธานํ ฯ

    อรรถาธิบายความตามพระคาถาพระพุทธฎีกานั้นว่า ภิกฺขเว ดูรานะพระภิกษุในสาวกสงฆ์ ผู้มีโสตดำรงตรับสดับชาดกเทศนา เต จตุตาโร ขตฺยา อันว่ากษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ซึ่งเสด็จมาโดยประสงค์จะไปเขาวงกตบรรพต กำหนดตามถ้อยคำบัพพาชนียกรรม ซึ่งต้องแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยตรัสบังคับให้นิรเทศพระเวสสันดรเจ้า จำพระหฤทัยไปอยู่ตามความผิดนั้น เสด็จจรจรัลด้วยพระบาทลีลาศในทางไกล จนได้ถึงเจตราษฎร์ ซึ่งเป็นมนุสสาวาสอันมั่นคั่ง

    อิทฺธํ ผิตํ เป็นชนบทใหญ่ได้ตั้งมั่นคงควรเห็นเป็นที่สมประสงค์สิ่งต่าง ๆ ทุกอย่างทุกประการ เบิกบานบริบูรณ์ด้วยสรรพสมบัติมีมัจฉมังสาหารสุราบานมากมาย เจติโย ครั้งนั้นจึ่งชาวเจตราษฎร์ทั้งหลายแลเห็นสมเด็จพระนางมัทรี เป็นเอกอัครนารีมีสรรพวรลักษ์ ซึ่งคนบางเหล่าในพวกนั้นเคยรู้จักมาแต่ปางก่อน ก็มีจิตร้อนด้วยความเอ็นดูสงสาร รีบมาแวดล้อมรอบคอบทุกด้านแล้ว ก็บ่นด้วยความประหลาดหลากใจว่า

    สุขุมาลี อยํ อยฺยา โอพระแม่เจ้าพระองค์นี้ เคยตั้งอยู่ในความสุขนิรทุกข์โดยสวัสดิสมบัติของกษัตริย์สูงหนักหนา ก็เหตุไฉนหนอบัดนี้เสด็จเดินไปมาอยู่ด้วยพระบาทเปล่า คนบางเหล่าก็บ่นว่า วยฺหาหิ ปริยายิตฺวา โอแต่ก่อนตูข้าได้เคยเห็นพระแม่เจ้าพระองค์นี้ เสด็จไปในวิถีแถวกนน มีบริวารชนเชิญเสด็จในยั่วยานคานหาม และพระวองามด้วยยานาลงกรณ์และบวรราชรถ มีพระยศรุ่งเรืองกระเดื่องหล้า

    สาชฺช มทฺที อรญฺญสมึ โอ้ก็เวลาวันนี้สมเด็จพระมัทรีเจ้าเสด็จรีบร้อนมาในทางป่าด้วยพระบาท ดูอนาถนักดั่งนี้ด้วยเหตุไฉน เมื่อมหาชนชาวเจตราษฎร์ได้โอกาสไต่ถาม ได้ความว่าพระนางนั้นเสด็จตามเสด็จพระสวามี พร้อมด้วยดรุณบุตรบุตรีทั้งสองพระองค์ เพระไม่ได้ดำรงในสิริราชสมบัติ ก็พากันกล่าวประวัติข่าวนั้นให้อึงอื้อเล่าลือไปจนทราบถึงกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ ในมาตุลนครนั้น เจตา ปาโมกฺขา จึ่งกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ เป็นประธานในราชการบ้านเมืองจึ่งพากันรีบออกไป ได้เห็นสี่กษัตริย์เสด็จประทับอยู่ ณ ศาลาเป็นอนาถน่าสงสาร

    โรทมานา ก็มีอัสสุชลปวัตนาการกันแสงศัลย์ พากันเข้าไปนั่งใกล้คำนับปราศรัยแล้วไต่ถามเป็นความไมตรีว่า กจฺจิ นุ เทว ข้าแต่สมมติเทวราชบรมนาถชาวสีพีผู้เลิศไกร กุสลํ ความคล่องว่องไวในพระวรกายสบายพระองค์ไม่ทรงมึนเมื่อยล้า เพราเหตุที่เสด็จมาโดยทางไกลในครั้งนี้ ยังมีอยู่แด่พระองค์บ้างหรือพระเจ้าข้า กจฺจิ ปิตา อโรโค เต สมเด็จพระบรมนาถราชบิดาของพระองค์ยังทรงพระวรกายสบายดีไม่มีพระโรคหรือ ชาวชนบทบ้านเมืองมีชื่อว่าสีพียังอยู่ดีดั่งเดิมไม่มีความเดือดร้อนหรือไฉน

    ข้าแต่สมเด็จบรมราชบพิตรผู้เป็นใหญ่เจ้าเอ่ย พระองค์ละล่วงเลยรี้พลสกลพยุหโยธา ที่ข้าคะเนว่าตามเสด็จมาด้วยนั้นไว้ที่ไหน ราชรถมณฑลมงคลราชยานประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดไม่ได้ตามเสด็จมา อนสฺสโก อรถโก ครั้งนี้เป็นน่าตกใตนัก พระองค์ทรงเฉพาะพักตร์มายังทิศ ไม่มีอัศวราชพาหนะและพระที่นั่งรถราชยาน เสด็จมาด้วยพระบาทในทางไกลจนถึงเจตราษฎร์วิสัยนี้ พระองค์มีอรินทรราชไพรีมาครอบงำทำให้พิบัติหรือไฉน ขอพระองค์ทรงแถงให้ข้าทั้งหลายแจ้งใจ ในกาลบัดนี้เถิด
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    โพธิสตฺโต สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์บุรุษรัตนพิเศษเพสสันดร ได้ทรงสดับสุนทรวาจาปราศรัย ของกษัตริย์ผู้ใหญ่ ๆ ในเจตราษฎร์ จึ่งตรัสประกาศความตามจริงทุกสิ่งอันให้กษัตริย์เจตราษฎร์เหล่านั้นทราบถนัดด้วยพระวาจา ตรัสว่า สมฺมา โอท่านทั้งหลายผู้เป็นสหายเสมอในสุขทุกข์ต่อกันและกันทั้งปวงเอ่ย กุสลํ โรคภัยอันใดก็ไม่มีเลยแก่ตัวเรา ถึงเดินทางไกลมาครั้งนี้เล่าก็ไม่มีความมึนเมื่อยเลื่อยล้า สมเด็จพระบรมนาถราชบิดาของเราก็สบายพระองค์ ไม่ทรงพระประชวรอะไร ชาวกรุงไกรและชาวชนบทแว่นแคว้นแดนสีพีก็อยู่เย็นเป็นสุขดีด้วยกันทั้งสิ้น

    อหํ หิ กุญฺชรํ ทชฺชํ แต่ตัวเรานี้เมื่อเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในพิภพสีพีสำคัญว่าตนมีอิสรภาพ ทราบไปในสิ่งซึ่งคนทั้งปวงเห็นว่าเป็นราชูปโภค จึงได้บำเพ็ญกุศลทานานุโยคอย่างใหญ่ ได้ให้พระมหาวิสุทธิเศวตวรรณกุญชร ซึ่งมีคู่งางอนงามนักและมีสรรพางค์พิมลลักษณ์บริบูรณ์ ควรเป็นพาหนะทรงองค์นเรศูรเศรษฐกษัตริย์ เป็นหัสดีรัตน์รู้เกษตรเขตพยุหพล ในกลกิจการยุทธสงครามเป็นที่ขามของศัตรู เพราะกล้าหาญอยู่เป็นนิตย์ดั่งติดน้ำมัน เป็นช้างสำคัญต้องตำราว่าอุตดมดี มีสีแสงงางวงอพยพทั้งปวงจนปลายหาง สรรพางค์ผ่องผุดสุดสะอาดขาวเหมือนไกลาสเทวราชบรรพต

    มีนามกำหนดว่าช้างปัจจัยนาค ซึ่งเลื่องชื่อลือมากอยู่ทุกประเทศ ทั้งเครื่องสรรพบริพารหัสดาลังการพิเศษ ทั้งเศวตวรราชฉัตรและผู้ปฏิบัติในหนทาง และเครื่องใช้ทุกอย่างทุกประการ และหมอควาญผู้อภิบาลรักษาพระมหาราชพาหนะอัครวรยาน ยกให้เป็นอุตดมทานของเราไป แก่พราหมณ์ทั้งหลายซึ่งเป็นผู้มาแต่เมืองไกลชื่อกลิงคราษฎร์ ตสฺมึ เม สิวิโย กุทฺธา จึ่งนิกรประชาชาติชาวสีพีมีความโกรธแก่เรา

    ปิตา จุปหโตมโน สมเด็จพระบรมนาถมหาราชบิดาเจ้า ก็มีพระราชหฤทัยขัดเคืองในเหตุนั้น จึ่งได้ทรงบังคับราชทัณฑ์แก่เรานี้ ให้ต้องเนรเทศจากแว่นแคว้นแดนเขตแขวงสีพี ไปอยู่ยังที่เขาคดชื่อวงกตบรรพตตามเยี่ยงขัตติยราชต่าง ๆ แต่ก่อนมาบรรดาซึ่งต้องบัพพาชนียกรรมเช่นนี้ สมฺมา ท่านทั้งหลายผู้มีชาตยาทยาวัสดาการประมาณแม้นเสมอเอ่ย ท่านอย่าเชือนเฉยช่วยชี้ถิ่นสถานที่โอกาสอันสมควรซึ่งเราจะได้ด่วนรีบไป อยู่ ณ พนาลัย นั้นแล

    เจ โต ครั้งนั้นกษัตริย์ผู้ใหญ่จึ่งทูลตอบพระราชบรรหารว่า รเถสภ โอข้าแต่พระองค์ผู้เป็นประธานวโรสภพิลาสในราชรถ อิเธว ตาว อจฺฉสฺสุ ขอเชิญเสด็จพระองค์ทรงงดการจะเสด็จไป จงประทับระงับอยู่ในเมืองนี้ก่อน ข้าพเจ้าทั้งหลายจะคิดผ่อนผันพากันไป ยังสำนักสมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยบรมนาถราชบพิตร แล้วกราบทูลอ่อนคำนับรับผิดแทนพระองค์ท่าน แล้วว่าขานขอรับพระราชทานโทษ ให้ท่านโปรดรำงับดับพระราชบัญชา ตามพระราชอาชญาแต่พระองค์

    เมื่อสมเด็จพระบิตุรงค์ผู้เป็นเจ้าเจริญแว่นแคว้นแดนสีพี ทรงยินดียอมยกโทษแด่พระองค์แล้ว ข้าทั้งหลายชาวเจตราษฎร์นี้ก็จะมีกมลผ่องแผ้วด้วยปีติโสมนัส แวดล้อมเชิญเสด็จพระองค์ ให้คืนไปดำรงในราชสมบัติ กรุงเชตุดรมหานครของชาวสีพี ขอพระองค์จงให้ทราบความคิดของข้าทั้งหลายผู้ใคร่ให้ได้สบายนี้เถิด

    โพธิสตฺโต สมเด็จพระเวสสันดรมหาปุริโสดมบรมโพธิสัตว์ได้ทรงสดับคำนั้น ก็พลันตรัสตอบแก่กษัตริย์เจตราษฎร์ทั้งหลายว่า มา โว จุติตฺถ คมนํ โอท่านทั้งหลาย จงอย่ามีความชอบใจในการที่จะไปทูลเหตุผลเป็นเค้ามูลแด่สมเด็จพระชนกนาถ เจ้ากรุงสีพีราษฎร์ให้คลายหายพระพิโรธแก่เราเลย โอท่านทั้งหลายเอ่ย สมเด็จพระเจ้าสญชัยมหานราธิราช ก็ไม่มีอิสรภาพอำนาจในการเรื่องนี้

    อจฺจุคฺคตา หิ สิวิโย เพราะชนชาวสีพีมีความกำเริบเสิบสานเป็นการใหญ่ พร้อมใจกันทั้งพหลพลหลายพัน ภายในพระมหานครวโรดม และชาวคามนิคมชนบทร้องอุปกาศ ขอให้ท่านถอดเราจากยศนิรเทศจากเขตขัณฑ์ ถ้าพระองค์จะมิทรงบังคับดั่งนั้นก็ไม่ได้ เพระเขาว่าท้าทายว่าจะทำอันตรายแก่ท่านไท้บรมนาถราชบิดาด้วย ถ้าพระองค์ยังทรงช่วยข้างตัวเรา ไม่ขับเสียตามเขาหวังแล้วจะยังให้อยู่ในพระนคร ท่านไท้ก็จะได้เดือดร้อนเพราะตัวเรา เพระไม่ตามใจเขา นั้นแล

    เจตา ครั้งนั้นเหล่ากษัตริย์ผู้ใหญ่ในเจตราษฎร์ ได้สดับรับพจนพิลาสพระเพสสันดร จึ่งคิดผันผ่อนยักย้ายทูลแจ้ง อธิบายความคิดอีกอย่างหนึ่งตามความรำพึงของตนว่า รฏฺฐวฑฺฒนํ โอพระองค์ผู้ดำรงความเจริญผล ในแว่นแคว้นแดนดินที่อยู่ของมนุษย์ พระเจ้าข้า สเจ เอสา ปวตฺติ ถ้าและการเช่นตรัสมานี้เป็นไปในแผ่นดินถิ่นที่ชาวสีพีทั้งหลายแล้ว

    อิเธว รชฺชํ กาเรหิ ขอพระองค์มีพระหฤทัยผ่องแผ้ว ทรงรับสิริราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์เอกราชมีอำนาจในนครนี้ ข้าทั้งหลายก็มีจิตสมัครพร้อม ยอมเป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาททำราชการเป็นบริวารพึ่งพระบารมี ขอพระองค์จงทรงพระเกษมศรีเสวยสวัสดิ์ในบุรีรัตนราชมหานคร มีนามกรว่ามาตุละนี้ ไม่ต้องอับอายแก่หญิงชายชาวสีพีด้วยประการใด

    อิทฺธํ ผิตญฺจิทํ รฏฺฐํ แผ่นดินเจตราษฎร์นี้ก็เป็นเมืองใหญ่ บริบูรณ์ไปด้วยส่วยสาอากร เป็นที่ประมวลพระราชทรัพย์มาผันผ่อน จำหน่ายจ่ายใช้ในการบำรุง ปรนปรุงผู้รับราชการรักษาพระราชวราณาจักร ทำให้ชาวประชาข้าแผ่นดินทั้งสิ้นอยู่สมัครสโมสร สรรพมนุษยนิกรก็จะชื่นชมนิยมในพระบารมีของพระองค์

    มตึ กโร หิ ขอจงทรงพระราชดำริตริตรองการ ในที่จะพระราชทานพระราชกำหนดกฎหมายตามพระบรมราชาธิบายในราชสมบัติเถิด ข้าทั้งหลายก็จะมีปิติโสมนัสบังเกิดพร้อมยอมรับทำตามโดยความภักดี เป็นข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของพระองค์ ดั่งฝูงข้าประสงค์นี้เถิด

    อถ โพธิสตฺโต เมื่อสมเด็จพระปุริโสดมบรมโพธิสัตว์ได้ทรงสดับอรรถเนื้อความตามประสงค์ ของกษัตริย์ผู้ใหญ่ในเจตราษฎร์ ยอมถวายอำนาจในแผ่นดินสิ้นทั้งแว่นแคว้นนั้นแด่พระองค์ เมื่อจะแสดงความไม่ประสงค์จึ่งตรัสตอบให้ชอบแก่คลองการว่า น เม ฉนฺโท โอท่านทั้งหลายเอ่ย ความชอบใจและความคิดอ่านการไว้ไม่มีเลยแก่ตัวเราเพื่อจะคิดเอาบ้านเมืองนี้ไว้ในใต้อาณาจักร เราไม่มีความรักเพื่อจะเป็นเจ้าเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เพระชาวสีพีราษฎร์ทั้งสิ้นเขาจะติฉินว่ามีโทษโหดร้าย จึ่งขับเรานี้ให้ย้ายถิ่นฐานโดยอาการของกษัตริย์ที่ต้องกำจัดจากพระนคร ก็ซึ่งท่านมาคิดผันผ่อนด้วยอุบายต่าง ๆ อย่างว่ามานี้ เราจะชี้โดยเหตุให้ท่านเห็นว่าการอย่างนั้นย่อมไม่เป็นการอันชอบโดยแน่แท้ให้ท่านเข้าใจได้

    เจตปุตฺตา สุณาถ เม โอท่านทั้งหลายผู้เป็นใหญ่อันเกิดในเชื้อวงศ์พงศ์เจตราษฎร์สืบมา ท่านจงตรองตริด้วยสติปัญญาแล้วจงเงี่ยโสตสดับคำเราจะว่านี้ เจตา รชฺเชภิเสจยํ ถ้าท่านเจตาธิบดีจะมีความสโมสร อภิเษกเราให้เป็นใหญ่ในสมบัติ ยามเมื่อเราต้องพรากพลัดจากสถานที่มหากษัตริย์เอกราชเจ้าชนชาติชาวสีพีครั้งนี้แล้วไซร้ ชาวสีพีราษฎร์ทั้งผู้ใหญ่และไพร่พล ก็จะมีกมลหฤทัยกินแหนงแคลงคลางไปต่าง ๆ แก่พวกท่าน จะเห็นไปว่าตัวเรามาคิดการจะทดแทนแก้แค้นเขาด้วยอาฆาต จะนำเขาให้พินาศอยู่ในเนื้อมือ จึงมาเกลี้ยกล่อมให้ท่านทั้งหลายนับถือยกตัวเป็นใหญ่ เมืองนี้ก็ใกล้เขตแดนกับแว่นแคว้นสีพีราษฎร์ ประชาชาติชาวสีพีก็จะมิไว้ใจในความไมตรีที่มีมาแต่ก่อน ก็จะก่อการสงครามเป็นความร้อนแก่อาณาประชาราษฎร์ทั้งสองฝ่าย จะเป็นอันตรายแก่การไร่นาค้าขาย ซึ่งเป็นอุบายความสุขของมนุษย์นิกร ก็ความเดือดร้อนอันนี้จะมีแก่ชนเป็นอันมากต้องยากเย็น จะบังเกิดเป็นก็เพระตัวเราผู้เดียว

    เพระฉะนั้นเราไม่คิดแลเหลียวที่จะกลับรับราชสมบัติแล้ว จะแสวงหาแต่ความผ่องแผ้วในพิสุทธิพรหมจรรย์อันเป็นกุศล ปฏิคฺคหิตํ ยํ ทินฺนํ สิ่งไรท่านได้จัดให้แก่เราผู้เป็นอาคันตุกชน หรือสิ่งไรท่านคิดจะให้เป็นศุภผลแก่เรา จึ่งได้คิดหารือปรึกษาว่าจะคิดอ่านพร้อมยอมยกให้ทำให้ สิ่งทั้งปวงนั้นก็จงเป็นสมมุติว่าเรารับไว้ สพฺพสฺส อคฺฆิยํ กตํ พนมดอกไม้ซึ่งเป็นของควรจะนำมาให้ เพื่อแสดงแถลงความว่าเป็นผู้กตัญญู รู้อุปการที่ท่านทำ ก็จงสมมติว่าเป็นอันเราทำตอบแทน แก่สิ่งทั้งปวงที่ท่านไม่หวงแหนยอมยกให้นั้นเป็นอันแล้วกันเถิด

    อวรุทฺธสิ มํ ราชา สมเด็จพระเจ้าสญชัยบรมนาถราชบิดาผู้ประเสริฐของเราผู้ผ่านเกล้าชาวสีพี ได้มีพระราชบัญชาลงอาญาแก่เรา ให้ขับไล่เราไปอยู่ในเขาวังกบรรพต เรามีความเคารพจะไม่ล่วงพระราชกำหนดนั้นโดยพลัน จะขอไปตามรับสั่ง ขอท่านทั้งหลายจงรู้โอกาสที่ควร เราจะหวังเอาเป็นที่อยู่แล้วจงบอกให้รู้ในบัดนี้ ในพนมไพรที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของครอบครองนั้นไซร้ที่ไหนจะดีควรจะเป็นที่อยู่ของเราได้ ถ้าท่านรู้อยู่ก็จงบอกแก่เราให้แจ้งใจในกาลบัดนี้เถิด
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อถสฺส เจตา ครั้งนั้นกษัติริเจตราษฏรฺ เมื่อไม่อาจยอเย้าเกากวนชักชวนให้ยักย้ายอุบายเป็นอย่างอื่นได้แล้ว ก็มีจิตเศร้าหมองไม่ผ่องแผ้วแต่จำใจตอบไปตามจนว่า ตคฺฆ เต มยํ พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์มีพระราชประสงค์จะแสวงหาแต่การเป็นกุศลดั่งนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะขอชี้ถิ่นที่สมควรพระองค์จะเสด็จไปอยู่ได้ ตามถ้อยคำชาวป่าดงพงไพรที่เขาฉลาดอาจสังเกตได้ในแผนที่ พนมพนาลีมีในที่ต่าง ๆ

    ก็กษัติริย์ที่ละวางสิริราชสมบัติตัดอาลัย มาทรงประพฤติพรตบูชาไฟมีน้ำพระทัยอันตั้งมั่น เสด็จอยู่ในที่ไหนได้เป็นอันเกษมสำราญ ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ยินเขาว่าขานต้องกันเป็นอันมาก เอโส ปพฺพโต ภูเขาหลากล้วนแล้วด้วยศิลาภูเขาหนึ่งควรจะไปถึงได้ เขานั้นไซร้เขาเรียกว่าเขาคันธมาทน์เพราะมีพฤกษาและคัจฉลดาชาติ ซึ่งเป็นของประหลาดมีกลิ่นหอม งอกแวดล้อมและขึ้นเต็มไปในเขานั้น จะนับด้วยพันก็มิถ้วนได้ ปล่อยกลิ่นหอมขจรตรลบไปในทิศทั้งสี่

    มหาราช ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมหิศวราธิบดีสีพีราษฎร์ ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นว่าเขานั้นประหลาดควรจะเป็นที่สบายของพระองค์ จะได้เสด็จไปอยู่กับสมเด็จพระอนงค์นาถราชมหิษี และสมเด็จพระราชบุตรบุตรีพร้อมเพรียงกัน ปราศจากสรรพอันตรายดั่งข้าทูลถวายนี้แล

    เอวํ มหาสตฺโต สมเด็จพระมหาสัตว์ผู้เลิศลบโลกพิภพแผ่นดินสีพีเวสสันดร เมื่อหมู่กษัตริย์ผู้ใหญ่ในมาตุลนครทูลวิงวอนโดยอเนกประการ เพื่อให้ทรงรับอัครสถานเป็นมูรธาภิสิตเตกราชบรมนาถในเจตราษฎร์พิสัย ก็มิได้มีพระหฤทัยจะทรงยินดีรับยอมเสด็จแรมประทับระงับกระวรกระวายพระสกลกายเพียงราตรีหนึ่ง

    เจตา หมู่กษัตริย์เจตราษฎร์จึ่งทูลเชิญเสด็จให้เข้าไปประทับแรม ณ สัณฐาคารสถานเป็นที่สำราญ ณ ภายในกำแพงพระนคร พระองค์ไม่ประสงค์จะอ่อนตามความเชิญชวน ตรัสว่าเราจะด่วนเดินไปจากเจตราษฏร์พิสัยนี้ ข้าจะขอแรมเพียงอีกราตรีหนึ่งก็จะไป ศาลานี้เราก็ได้อาศัยอยู่ราตรีหนึ่งซึ่งล่วงมา ก็เป็นผาสุกสมควรอยู่แล้ว

    กษัตริย์เจตราษฎร์จึ่งบังคับชนผู้รับใช้ในอำนาจให้กวาดแผ้วศาลานั้นทั้งภายนอกภายในให้บริสุทธิ์สะอาดแล้ว ปูลาดด้วยพรมเจียมตระเตรียมมัญจาสนาสน์ราชบรรจถรณ์ ที่บรรทมบรมไสยาสน์ สมควรแก่ขัตติยราชทั้งสี่พระองค์ แวดวงด้วยสาณีปราการม่านอันวิจิตร ดาดเพดานชวลิตด้วยดวงดารารายในเบื้องบน แล้วถวายน้ำสรงและเครื่องสุคนธ์สำราญพระกาย แล้วถวายนานัคครสโภชนาหาร ให้เสวยอิ่มหนำเกษมศานต์ และตามประทีปชัชวาลในที่สมควร ณ ห้องศาลานั้น

    แล้ววางพวกพหลพลขันธ์จุกช่องล้อมวง พิทักษ์รักษาการทุกสิ่งสารพัดจัดตามกิริยาของผู้เป็นเจ้าถิ่นที่ ซึ่งมีความเคารพรับยินดีรักใคร่ผู้มีไมตรีมาแต่เมืองไกล ปุน ทิวเส ครั้นรุ่งขึ้นเป็นวันใหม่ ก็ถวายนานัคครสโภชนาหารล้วนเป็นของตระการอย่างดี ให้กษัตริย์ทั้งสี่เสวยสำราญเสร็จแล้ว พระเพสสันดรก็มีพระทัยผ่องแผ้วตรัสสรรเสริญความชอบขอบคุณแก่กษัตริย์เจตราษฎร์ ด้วยสุนทรพจนพิลาสแล้วก็ตรัสอำลา กษัตริย์เจตราษฎร์มีดวงพักตร์เต็มด้วยอัสสุธาราเพราะมีความอาลัย แต่จะขัดพระประสงค์มิได้ก็ต้องอำนวยตาม พระบรมโพธิสัตว์ได้ความอนุญาตของกษัตริย์เจตราษฎร์แล้ว ก็ทรงอำลาเสด็จลีลาศไปโดยทางข้างอุดรทิศ

    กษัตริย์เจตราษฎร์ยังมีน้ำจิตที่จะใคร่เกื้อหนุนให้เป็นคุณแก่พระองค์ ตามไปส่งเสด็จถึงที่สุดสิ้นเขตแดนแว่นแคว้นเจตราษฎร์ สิ้นหนทางที่ท่านนับอ้างว่าสิบห้าโยชน์ ถึงที่วิเศษโสดเป็นทางที่จะเข้าป่าพระหิมพานต์ จึ่งทูลรำพันทุกถิ่นฐานในทางที่จะต้องเสด็จไปในเบื้องหน้า ตมตฺถํ ปกาเสนํโต สตฺถา อาห เนื้อความนั้นสมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธประสงค์จะแสดงความให้แจ้งด้วยดีแก่ผู้ฟัง เพื่อจะได้ตั้งสติจำทรงไว้ด้วยง่าย จึ่งตรัสเทศบรรยายผูกพันเป็นพุทธนิพนธคาถาดั่งนี้

    ตํ เจตา อนุสาสสึสุ ฯ

    ภิกฺขเว นี่แน่ภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลวัตร เจตา หมู่พวกเจตกษัตริย์ทั้งหลายผู้ใหญ่ในเจตวิสัย มีอาลัยในพระเวสสันดรเกิดความโศกเร่าร้อนหฤทัย มีเนตรเต็มไปด้วยอัสสุธารา มีดวงหน้าแสดงความโศกด้วยว่าจะวิโยคพระเวสสันดร จึ่งรำพันว่ากล่าวสั่งสอนแสดงที่ต่าง ๆ ที่ควรอ้างเป็นสำคัญในมรรคมรคา และเป็นที่ประทับโดยลำดับจนถึงวังกบรรพตคีรี ว่า


    อิโต คจฺฉ มหาราช ข้าแต่มหาราชเจ้าเอ่ย พระองค์จงเสด็จแต่ที่นี้แล้วอย่าหนีหนทางข้างอุดร จงผันผ่อนจับทางให้ตรงคงทิศนั้น ไม่ช้าพลันความเจริญจงมีแด่พระองค์เถิด ที่สำนักอันประเสริฐคือเขาวิบุลบรรพตเป็นที่กำหนดในคันเขต พระองค์จะได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นที่สำราญ นานาทุมคณากิณฺณํ เขานั้นมีต้นไม้ใหญ่ ๆ เป็นไม้มีแก่นสารมีใบทึบหนา มีฉายาอันเย็นเป็นที่สบาย ก็เมื่อพระองค์เสด็จย้ายจากที่นั่น ความเจริญจะมีแก่พระองค์ด้วยพลัน

    พระองค์จะได้ทอดพระเนตรถิ่นที่มีน้ำควรเป็นที่ยินดี คือแม่น้ำชื่อว่าเกตุมดีที่มีกระแสน้ำลึก ไหลมาแต่ท้องภูผาเป็นเดิมเถิด เป็นแม่น้ำอันล้ำเลิศอาเกียรณ์เดียรดาษด้วยหมู่มัจฉาชาติใหญ่ ๆ หลายเหล่าหลายพรรณ ทางที่จะขึ้นท่าที่จะลงแม่น้ำนั้นก็เป็นทางอันง่ายอันสะดวก ไม่เป็นที่ขึ้นยากลงยาก ถึงมีน้ำมากบางแห่งก็เป็นทางที่จะข้ามได้

    ตตฺถ นฺหาตฺวา ปิวิตฺวา จ ขอเชิญเสด็จพระองค์สรงและเสวยน้ำที่เย็นและใสในแม่น้ำให้สำราญ โปรดให้สองพระราชกุมารชื่นชมยินดี ด้วยทรงเล่นในถิ่นที่มีน้ำตื้นพื้นหาดทรายที่สะอาดปราศจากอันตราย แต่สัตว์ร้ายอาศิรพิษและมัจฉาชาติ และมีเม็ดกรวดประกอบด้วยสีสันพรรณประหลาดต่าง ๆ บ้างเหลืองบ้างแดงมีสีแสงเป็นแก้วโมรามหาชาติ นากสวาดประเสริฐศรีเขียวขจีเจือจานกัน เมื่อเสวยสรงทรงสำราญในที่นั้นเสร็จแล้วเสด็จไป จงหาทางหาดตื้นในภาคพื้นเกตุมดีนที ลางแห่งมีเป็นที่พอจะลุยข้ามไปได้

    หรือจะผูกพ่วงด้วยกิ่งไม้ที่เบาลอยน้ำทำเป็นพาหนะและเอาไม้ค้ำข้ามที่ลึกไป เมื่อถึงฝั่งโน้นแล้วเชิญเสด็จเลาะลำเนาไพรไปข้างอุดรทิศ ทิวไม้ใกล้แม่น้ำนั้นย่อมมีเงาร่มชิด ควรจะเป็นที่ประทับอาศัยได้หลายตำบล ต้นไม้ที่มีผลควรคนจะกินเป็นอาหารได้ก็มีอยู่ในที่ใกล้แม่น้ำนั้นมาก ต้นต่ำ ๆ จะเก็บผลได้โดยไม่ยากก็มากมี เป็นถิ่นที่ไม่มีใครไปห้ามหวงปกครองรักษา คนไปมาเขาย่อมเก็บกินเป็นอาหาร อีกมูลมันในป่าที่จะขุดขึ้นเผาบริโภคได้ ก็มีหลายประการเกลื่อนไปในที่นั้น

    เชิญพระองค์จงทรงเลือกสรรผลไม้และมันแล้วบริโภคเถิด จะให้เกิดกำลังพระกายสบายพระราชหฤทัย พร้อมกับพระมเหสีและสองดรุณดนัยด้วยอรัญญิกาหาร เมื่อพระองค์เสด็จโดยคมนาการข้างทิศอุดรโดยลำดับ พระองค์จะได้เสด็จไปประทับ ณ ภายใต้พญาไม้มหานิโครธต้นไม้ใหญ่มีใบร่มชิดสนิทดี เกิดขึ้นในที่มอศิลาเป็นทางท่าที่ควรยินดีนักควรอภิรมย์ ไม้นั้นต้นก็ย่อมน่าชมด้วยมีผลประหลาดผิดกับชาติไม้ไทรสามัญ ผลของไม้มหานิโครธนั้นย่อมเผล็ดเป็นนิตยกาล มีรสหวานควรบริโภคเป็นอาหารได้

    เมื่อพระองค์เสด็จไปจากที่ร่มไม้มหานิโครธนั้น ไม่ช้าพลันก็จะได้เห็นนาฬิกบรรพต เป็นที่ควรกำหนดว่าเป็นเขาใหญ่ ล้วนแล้วไปด้วยศิลามีช่องน้อยใหญ่ เป็นที่อาศัยของทิชคณานิกรนกต่าง ๆ หลายอย่างหลายประการ ในเขานั้นมีนกประหลาดด้วยสีและสัณฐานควรจะชม และเป็นที่เขานิยมว่ามีนกอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่ากิงบุรุษ เพราะรูปร่างละม้ายคล้ายมนุษย์และมีปีกหางบินไปได้ในอากาศดูประหลาดนักหนา

    เมื่อถึงนาฬิกบรรพตนั้นแล้ว ขอเชิญเสด็จเยื้องยักหาทางไปข้างทิศอิสาน ไม่ช้านานก็จะถึงมหามุจลินท์สระศรี มีน่านหน้าอุทกวารีปหคลุมไปด้วยบุณฑริกชาติ คือบัวสัตตบงกชสีขาวสะอาดดอกใหญ่ ๆ บางแห่งมีบัวสายโสคันธิกอุบลงอกแทรกแซงอยู่ได้ก็มี


    ก็สระมุจลินท์นี้มีตาน้ำซึมซาบแทรกไปไกลในป่า น้ำที่ซึมไปนั้นก็เป็นที่อาศัยของต้นพฤกษาลดาดินติณชาติ บรรดาที่เป็นบาทบชักตรลบเอารสวารี มาบำรุงต้นให้เขียวขจีมีสีสัน แล้วคายไอในอากาศประหลาดครัน และดูดังเมฆปกคลุมอยู่เป็นนิตย์ พื้นภูมิภาคปฐพีก็มีหญ้าแพรกงอกงามติดต่อไปไม่รู้แห้งทุกฤดู ป่านั้นก็ประหลาดอยู่ควรจะชื่นชมภิรมย์นักหนา

    เมื่อพระองค์เสด็จต่อไปอย่าได้มีพระหฤทัยครั่นคร้ามขามต่อพาฬมฤคร้าย จงตั้งพระหฤทัยให้สบายดั่งพญาราชสีห์ เมื่อจะเข้าในพนาลีเพื่อจะจับสัตว์เป็นภักษาหาร เมื่อเสด็จเข้าไปในไพรนั้นข้าทั้งหลายก็มีใจมั่นเชื่อต่อพระบรมบุญญาภิสมภาร อาจทูลประกันได้ว่าภัยอันใดจักไม่มี พระองค์จะได้เสวยแต่ความเกษมศรีสุขาภิรมย์ ด้วยชมหมู่ไม้สองอย่าง คือลางบางมีดวงดอกอันตระการด้วยพรรณสัณฐานต่าง ๆ หลายอย่างพ้นที่จะพรรณนา บางพวกก็มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรมาทั่วทุกทิศานุทิศ บางพวกมีผลพิจิตรด้วยสีและสัณฐาน และมีรสเปรี้ยวหวานหรือขมเฝื่อนบ้างต่างกัน ควรจะจัดสรรเก็บเลือกบริโภคเป็นอาหาร

    บางอย่างควรจะเก็บใช้ในการประกอบเป็นโอสถบริโภครักษาโรคภายในกาย ในไพรนี้มีหมู่นกทั้งหลายมากหลายอย่างหลายประการ มาขันขานด้วยศัพท์สำเนียงเสียงไพเราะพลอดเพราะตามสกุณภาษา บางพวกจับเป็นคู่คูขันกันโดยธรรมดาเวลากรุ่มกำลังที่ตั้งขึ้นตามฤดู หมู่ไม้ในไพรประกอบด้วยบุปผชาติ

    คนฺตฺวา คิริวิทุคฺคานิ ขอเชิญพระองค์เสด็จไคลคลาคลาดจากป่านั้นไป ข้ามทางกันดารสถานใหญ่ ๆ ที่จะเดินไปได้ด้วยยาก ในทางซอกเขาลำเนาเนินเป็นที่เขิน และบางแห่งเป็นท่าราบเป็นทางน้ำที่ซึมซาบอาบไหลมาแต่ยอดภูผาอันเย็นชุ่มอยู่เป็นนิตย์ มีเมฆเข้าเกาะติดให้เกิดน้ำซึ่งเป็ฯไอละอองมาแต่อากาศ ก่อวารีให้เอิบอาบซาบไปในที่ลาดแล้วก็เลื่อนลงยังที่ลุ่ม แล้วก็คุมกันเป็นกระแสน้อยใหญ่ ไหลไปเป็นพุและลำรางต่าง ๆ

    กระทั่งถึงลำธารและห้วยละหานอันใหญ่ไหลหลั่งไปเป็นเค้าของแม่น้ำนทีทั้งหลาย เมื่อพระองค์เสด็จไปในกันดารฉะนี้ ถึงยากลำบากไม่สู้มีความสบาย ก็จงทรงพระอุตสาหะเสด็จไป ไม่ช้าก็จะถึงที่ควรประสงค์ซึ่งข้าทั้งหลายจำนง ว่าควรพระองค์จะเสด็จประทับอยู่เป็นที่สำราญในการประพฤติกุศลพรต ที่นั้นมีสำคัญควรกำหนดด้วยจัตุรัสโบกขรณี

    สระนั้นมีต้นไม้กลุ่มงอกคุมกับไม้รกฟ้า หรือบางพวกเรียกว่าไม้ไทรย้อย งอกอยู่รอบขอบสระศรี สระนั้นมีหมู่มัจฉาชาติประหลาด ๆ หลายอย่างต่าง ๆ กัน มีทางท่าลงในด้านนั้น ๆ ก็ลงง่าย มีตาน้ำซึมมาแต่ทิศทั้งหลายต่าง ๆ ลงยังสระนั้น ให้มีวารีมากอยู่เป็นนิตย์ สระนั้นดูเหมือนมีชนไปคิดกะแผนที่ตีเส้นเทียบ ให้เรียบเป็นจัตุรัสเสมอกันแล้วขุดไว้ ที่นั้นเพราะไม่มีชนไปเนือง ๆ สิ่งซึ่งเป็นเครื่องโสโครกทำให้สระเสียไปก็หามีไม่ น้ำในสระนั้นก็ใสเย็นไม่มีกลิ่นเหม็นเป็นที่รังเกียจเลย

    ทางนี้เพราะมีชนเคยไปมาแต่ก่อนกาล มาว่าขานยืนยันมั่นคงควรเชื่อได้ ข้าทั้งหลายจึ่งทูลแต่พระองค์ไปครั้งนี้ตามความที่ได้ฟังมา และเขากล่าวอีกว่าในส่วนบุรพุตรทิศาภาคของสระจัตุรัสโบกขรณี มีจังหวัดบนเขาควรสำคัญว่าจะสร้างเป็นอัสสมบทอยู่ได้

    ขอเชิญพระองค์จงเสด็จไปทอดพระเนตรที่นั้น ถ้าเห็นว่าเป็นที่ควรแล้วอย่าช้า จงทรงสร้างบรรณศาลาอาศรมบรมสถาน เป็นที่อยู่สำราญพระกายและพระหฤทัย อนึ่งข้าทั้งหลายได้ฟังมา ว่าป่ารอบขอบที่นั้นไซร้มีผลไม้เผือกมันสรรพสิ่งซึ่งควรจะเป็นอาหาร มีมากมายหลายอย่างต่างประการ อยู่ในที่ใกล้ไม่ไกลนัก อาจจะเก็บได้ทุกวันไปในฤดูของปีไม่มีที่จะขาดสาย ขอเชิญพระองค์เสด็จประทับอยู่ให้สบาย เลี้ยงพระกายด้วยอุญฉาจริยา ดั่งพรรณนามานี้เถิด
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เอวํ เจตา โดยนัยที่แสดงมานี้ เหล่าขัตติยเจตาธิบดีในเจตราษฎร์ ได้ทูลแถลงแนววนาวาสต่อนั้นไปไกลถึงสิบห้าโยชน์จนถึงที่วิเศษโสดชื่อวังกบรรพต กำหนดด้วยจัตุรัสโบกขรณี แด่พระเวสสันดรและพระมัทรีสองกษัตริย์ ซึ่งนิราศพลาดพลัดจากสมบัติกรุงสีพีมา เต อุนฺโยเชตฺวา ได้ส่งเสด็จสี่กษัตริย์ให้ดำเนินไป ในหนทางพนมไพรซึ่งได้แสดงแถลงถวายนั้นแล้ว ยังคิดจะให้สี่กษัตริย์ผ่องแผ้วพ้นพยันตรายแต่ไพรีร้ายที่คลางแคลงว่าชาวสีพีจะแต่งติดตามมา ให้พิฆาตนิราศจากความสุขให้พระองค์ทรงเสวยทุกข์ยิ่งขึ้นไป

    หรือยังเกรงอีกว่าจะมีคนจนยากไร้ตามไปทูลขอสองดรุณน้อยหน่อขัตติยาราช หรือพระราชเทพีซึ่งมีสิริวิลาสลักษณวิไลไปเป็นของตน ทำให้ถึงทรพลต้องเลี้ยงพระองค์แต่ผู้เดียว ไม่มีผู้จะแลเหลียวเปลี่ยวอนาถ กษัตริย์เจตราษฎร์จึงได้เลือกสรรวนจรกบุรุษ ชื่อเจตบุตรมนุษย์พรานป่า เป็นคนที่มีกำลังวังชาเชี่ยวชาญชำนาญในหนทางข้างทิศนั้น แล้วตั้งให้เป็นผู้รักษาทางร่วมที่สำคัญเป็นต้นทาง ที่เดินตามพระองค์ไป

    กษัตริย์เจตาธิบดีกำชับสั่งเจตบุตรพรานไว้ว่า อย่าให้ใคร ๆ เดินไปในทางนี้ได้เป็นอันขาด เว้นแต่ราชทูตถือข่าวสาสน์ ของสมเด็จพระภูมิบาลพระเจ้ากรุงสญชัย หรือกษัตริย์ผู้ใหญ่ในเจตราษฎร์หากบังคับใช้มา แล้วให้นายเจตบุตรคิดอ่านรักษาสี่กษัตริย์ ให้ได้เสด็จอยู่เสวยสุขสวัสดิ์โดยบรมราชอัธยาศัย ในกุศลวัตรปฏิบัติบำเพ็ญอุตมพรหมจรรย์ในอรัญประเทศ เมื่อดำรัสจัดการเสร็จแล้วก็เสด็จคืนมาตุลนคร ซึ่งอยู่ครอบครองแต่ก่อนนั้นแล

    สปุตฺตทาโร เวสฺสันฺตโรปิ แม้ฝ่ายว่าสมเด็จพระบรมนเรศเวสสันดรกับพระมัทรีชาลีกัณหาชินา เป็นสี่กษัตริย์เสด็จจรโดยมรรคานุกรมมีนิยมดั่งกล่าวมา ถึงภูผาเขาคันธมาทน์เลือกได้ที่สะอาดเสด็จประทับอยู่แรมราตรี ครั้นรุ่งขึ้นเสด็จจากที่นั้นผันพระพักตร์ต่ออุดรทิศ เสด็จไปไม่ผิดถึงเขาวิบุลบรรพต เสด็จเลียบเชิงเขาไปโดยกำหนดจนถึงฝั่งเกตุมดีนทีเป็นเวลาพระสุริยรังสีร้อนกล้า จึ่งเสด็จนิสัชนาการนั่งในร่มไม้ใกล้ฝั่งแม่น้ำนั้น ประทับระงับร้อนผ่อนผันพระกายให้สำราญ

    ครั้งนั้นยังมีนายพรานผู้หนึ่งมาถึงไต่ถามพระองค์ดูก็รู้จัก จึ่งมีจิตจงรักภักดีต่อพระบรมสมภาร จึ่งได้แต่งมธุรมังสาหารถวายให้เสวยในเวลานั้น พระองค์จึ่งพระราชทานรางวัลคือถอดพระสุวรรณจุฑามณี จากพระเมาลีแล้วยื่นให้เป็นทาน ส่วนพระองค์สรงสนานเสวยสีตโลทกในแม่น้ำนั้นพร้อมกันกับสามกษัตริย์ซึ่งตามเสด็จมา แสวงหาหาดที่ตื้นในพื้นนทีที่พอจะข้ามได้ แล้วเสด็จไปฝั่งโพ้นของแม่น้ำเกตุมดีนที

    เสด็จจรลีลีลาคลาไคลไปจนถึงที่ตั้งพญาไม้มหานิโครธ เป็นไม้วิเศษโสดงอกขึ้นใกล้ชะง่อนแง่มอศิลา ข้างเขาสานูบรรพตเสด็จประทับในที่นั้น เสวยผลของไม้นิโครธที่มีพรรณและรสอันหวานสำราญพระราชหฤทัย แล้วเสด็จต่อไปจากที่นั้นมิช้าก็ถึงเขานาฬิกบรรพต เสด็จอ้อมเขาไปโดยกำหนดจนถึงมุจลินท์สระศรี แล้วเลียบขอบสระไปจรถึงที่ทิศอีสาน จึ่งทอดพระเนตรเห็นทางเล็กควรบทวารผู้หนึ่งจะพึงไป

    พระองค์ก็ตั้งพระทัยอุตสาหะกล้าพาสามกษัตริย์เข้าไปในป่าชัฏดงกันดาร ล่วงถิ่นสถานที่มีแง่ศิลาและเครื่องรกในป่าและซอกธารน้ำไหลลงจากภูเขาใหญ่เป็นอันมาก เป็นทางยากที่จะเดินสัญจร พระองค์สู้ผันผ่อนพระกำลังยังเสด็จไป จนได้ถึงซึ่งที่จัตุรัสโบกขรณีตามสังเกต ว่าอยู่ในเขตเขาวังกบรรพตซึ่งกำหนดไว้ว่าจะเป็นถิ่นที่อยู่ของพระองค์ โดยความประสงค์นั้นแล

    ตสฺมึ ขเณ ในขณะนั้น พิภพของท้าวสักกินทรเทวราชด้วยอำนาจพระบรมบารมีของพระโพธิสัตว์ ให้อุบัติบันดาลแสดงอาการอันร้อน สมเด็จพระเป็นเจ้าเทพนครสักกินทราธิบดี ทรงคำนึงตามเหตุที่บังเกิดมีก็ได้ทราบชัด ว่าพิเศษอุบัติอันนั้นบังเกิดเป็น ด้วยจะเตือนพระองค์ให้เห็นแก่พระเวสสันดร ช่วยผันผ่อนแก้ไขไม่ให้ได้ความลำบากมากนัก จึ่งมีเทวบัญชาให้หาพระเวสสุกรรมเทพบุตร ให้เร็วรุดมายังที่เฉพาะพักตร์แล้วตรัสสั่งให้ไปยังท้องภูเขาวังกรบรรพต สร้างอัสสมบทและเครื่องประพฤติพรตทุกอย่างต่าง ๆ ถวายพระเวสสันดร เตรียมไว้ให้พร้อมก่อนแต่ท้าวเธอนั้นยังไม่ทันเข้าไปถึง

    โส สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา พระเวสสุกรรมเทวบุตรรับเทวบัญชาว่าสาธุดั่งนี้แล้ว ก็คลาดแคล้วจากเทวโลกโดยพลัน ถึงเขาวังกบรรพตนั้นมิช้าด้วยเทพฤทธิ์ก็นิรมิตพระบรรณศาลาสองหลังตั้งไว้ และถิ่นที่ทั้งปวงสำหรับใช้คือที่จงกรม และถิ่นที่ควรนิยมเป็นที่ประทับในทิวาราตรี ก็นิรมิตไว้เป็นถิ่นที่สมควรทุกประการ อนึ่งได้บันดาลด้วยเทพฤทธิ์ให้กอไม้น้อย ๆ มีดวงดอกอันวิจิตรหลายอย่างต่าง ๆ กัน และกัทลีวันป่ากล้วยมีผลอันหวานงอกขึ้นทันใจในที่นั้น ๆ ทำให้เป็นที่สำคัญเหมือนกับมนุษย์บุรุษที่อยู่มาก่อนแต่ปลูกไว้เป็นเครื่องประดับในพระอาศรมสถาน แล้วก็นิรมิตบรรพชิตบริขารทุกประการ ตั้งไว้ให้บริบูรณ์พร้อมมูลในพระบรรณศาลา

    อกฺขเร ตฺตถ ลิขิตฺวา แล้วเขียนหนังสือเป็นสัญญาประกาศไว้ว่า เยเกจิ ใคร ๆ จะใคร่บรรพชาก็จงอย่ามีสงกาเลย แล้วจงรับสรรพสิ่งพร้อมสรรพสมณบริขารทั้งถิ่นสถานอาศรมบทนี้ ด้วยความยินดีเป็นของตนเถิด พรหมจรรย์อันประเสริฐจงเป็นไปโดยสวัสดี แล้วทำเทวอิทธาธิฏฐานบันดาลให้อมนุษย์ร้ายราวี และมฤคปักษีมีเสียงอันไม่เป็นที่เจริญใจ ให้หนีไปไกลจากที่นั้น กำชับสั่งเทพเจ้าในไพรสัณฑ์โดยบัญชาสมเด็จท้าวเทวาธิราช ให้รักษาสี่กษัตริย์ให้เสวยสวัสดีอยู่ อย่ามีความประมาทเปิดช่องให้ไพรีมา การตามเทพบัญชาพระเวสสุกรรมจัดเสร็จแล้ว ก็คลาดแคล้วคลาไคล คืนพิภพเทวาลัยนั้นแล

    มหาสตฺโตปิ แม้ฝ่ายว่าสมเด็จพระมหาโพธิสัตว์เสด็จไปอยู่ยังฝั่งสระจัตุรัสโบกขรณีที่สังเกต เที่ยวทอดพระเนตรที่ต่าง ๆ จึ่งทรงเห็นทางเอกปทิกมรรคที่จุรอยเท้าผู้เดียวจักเดิน เดินไม่เคียงเป็นแต่จะเรียงตัวกันไปได้ พระองค์จึ่งทรงพระดำริในพระหฤทัยว่าในท้องห้องไศลวงกตบรรพตนี้ ชะรอยจะมีพระดาบสอยู่ประพฤติพรตในพระอาศรมที่ตั้งอยู่จมลึกเข้าไปในป่า จึ่งมีทางน้อยที่แวะเข้าไปหาเฉพาะตัว ไม่เป็นทางใหญ่ไปทั่วที่ต่าง ๆ พระองค์จึ่งทรงละวางสมเด็จพระมัทรีมเหสีกับสองกุมาร ให้หยุดยั้งอยู่ยังอัสสมบททวารสถานนั้นแล้ว แต่พระองค์เสด็จไคลคลาแคล้วเข้าไปตามเอกปทิกมรรค

    ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นอัสสมบทนั้นประจักษ์ทุกสิ่งสรรพ์บรรดาที่เทพดามานิรมิตไว้ ทอดพระเนตรอักษรซึ่งเทพดาจารึกในบรรณศาลาก็ทรงพระสันนิษฐานทราบการว่าชะรอยสมเด็จมัฆวานเทวราชซึ่งมีอำนาจในโลก ทรงเห็นการกุศลานุโยคควรแก่พระองค์ จึ่งทรงพระกรุณาให้นิรมิตประทานประดิษฐานไว้คอยรับ ณ ที่นี้ ให้มีสรรพพัสดุซึ่งจะเป็นเครื่องใช้และถิ่นที่จะปฏิบัติศีลวัตรพรหมจรรย์ พระองค์ทรงพระดำริฉะนั้นแล้วก็มีพระทัยผ่องแผ้วด้วยกุศลเจตนา น้ำพระหฤทัยน้อมไปในบรรพชาเป็นแม่นมั่น

    ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พระองค์จึ่งเสด็จเข้าไปในบรรณศาลา ทรงปลดเปลื้องเครื่องบรมราชาวุธสำหรับการยงยุทธ์คือพระขรรค์ และเกาทัณฑ์ธนูศรและราชาภรณ์แล้ว ทรงผลัดพระราชภูษาทรงวากจิรพัสตร์ ตามบรรพชาวัตรอย่างดาบส ทรงสะพักหนังอชินมฤคตามพรตในพระทักษิณอังสประเทศ แล้วมุ่นพระชฎามณฑลพิเศษเป็นเพศพระฤาษีสำเร็จ พลันแล้วทรงธารพระกรกัตรทัณฑ์ ดำเนินออกหน้าบรรณศาลา ทรงพระโสมนัสด้วยบรรพชาสิริ มีพระปีติกล้าเปล่งพระอุทานวาจาราชบรมสุขในบรรพชามัยกุศล

    แล้วเสด็จโดยภูมิดลมาขึ้นที่จงกรม เสด็จเดินไปมาโดยนิยมอย่างทาง ภาวนาสำราญพระหฤทัยแล้วภายหลังจึ่งเสด็จออกด้วยอุปสมาการ เปรียบปานพระปัจเจกพุทธเจ้า พระองค์เสด็จจนถึงสำนักพระมเหสี ซึ่งประทับอยู่กับสองกุมารกุมารีราโชรสราชธิดา สำแดงพระกิริยาอย่างธรรมิกบรรพชิต มทฺที เทวีปิ โอโลเกนฺตี ฝ่ายสมเด็จพระมัทรี เมื่อเพ่งพิศทอดพระเนตรแม่นยำก็ยังจำได้ จึ่งกราบก้มบังคมลงแทบพระบาทท่านให้ ทำความเคารพนอบนบพระสวามี ผู้ทรงผนวชนับว่าพระราชฤาษีเจ้านั้น แล้วก็กลั้นความโศกบมิได้ ทรงพระกันแสงไห้ตามวิสัยสตรี แล้วดำรงพระสติตั้งยังที่ปกติ กิริยา

    เตน สทฺธึ อสสฺมปทํ ปวิสิตฺวา เมื่อพระสวามีราชฤาษีเสด็จ ก็เสด็จตามไปกับพระองค์ตรงเข้าสู่อัสสัมบท แล้วเสด็จเข้าอาศัยอยู่ในบรรณศาลาที่บำเพ็ญพรตอีกหลังหนึ่ง ซึ่งพระเวสสุกรรมนิรมิตไว้เพื่อจะให้เป็นที่อยู่ของพระนาง ทรงละวางเครื่องประดับแล้วก็กลับเพศ เป็นดาบสินีพิเศษด้วยทรงผลัดผ้าวากจิรพัสดร์ ซึ่งเทพเจ้าจัดนิรมิตไว้เป็นเครื่องใช้ดาบสินี ทรงหนังอชินมฤคีเหนือพระอังสาและผูกชฎามณฑลเสร็จแล้ว ทั้งสองพระองค์ก็ทรงพระประสาทผ่องแผ้วเลื่อมใสในบรรพชาเพศ แล้วจึ่งโปรดให้สองเยาวเรศราโชรสราชธิดา ทรงเพศบรรพชาเป็นดาบสกุมาร จตฺตาโร ปิขตฺติยา แม้ทั้งสี่กษัตริย์มหาศาลซึ่งทรงผนวชดั่งนี้แล้วนั้น ก็พร้อมกันประทับระงับอาศัยในอัสสัมบท ณ ท้องเขาวังกบรรพตเป็นสุขสำราญ ด้วยกุศลการ นั้นแล
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อถ มทฺที เทวี ครั้งนั้นสมเด็จพระมัทรีดาบสินี มีพระหฤทัยยังจำนงจงรักภักดี ต่อพระบรมราชฤาษีสามีด้วยความกตัญญู จะใคร่ให้พระองค์ทรงประพฤติพรตอยู่สบาย ไม่ต้องลำบากพระกายด้วยต้องเสด็จไปเที่ยวแสวงหาผลาผลแต่ต้นไม้ในไพรสณฑ์ และจะรับอาสาด้วยตนมาถวาย ให้ได้เสวยเลี้ยงพระกายและสองดรุณราชกุมาร พระนางจึ่งกราบทูลขอพระราชทานบวรปฏิญญาว่า

    เทว ข้าแต่สมเด็จพระมหาวิสุทธิสมมุติเทพพงศ์ ข้าพระบาทขอรับพระราชทานโอกาส ขอพระราชทานพระพรแต่พระองค์จงโปรดอย่าถือโทษข้ามัทรี พระองค์เป็นพระราชสวามีผู้เป็นเจ้าเหนือเศียรเกล้าของข้าพระบาท ไม่ควรที่พระองค์จะเสด็จไปในวนาวาสเพื่อแสวงหาผลาผลในหนทางกลางป่า เมื่อเวลาร้อนรนในกลางวัน ขอพระองค์อย่าเสด็จไปในอรัญเพื่อแสวงหาผลาหาร จงเสด็จอยู่กับสองดรุณดาบสกุมารในอัสสมบทนี้

    ตัวข้ามัทรีจะขออาสาไปเที่ยวแสวงหามูลผลาบรรดาเป็นของคนควรจะบริโภคได้ มาถวายให้เสวยกับสองดรุณดนัย และเก็บบางส่วนซึ่งเหลือแล้วข้าจึ่งจะหาอื่นมาจานเจือ เก็บไว้เพื่อจะพระราชทานสองกุมารในเพลากลางวันหรือใคร ๆ มาแต่ทิศนั้น ๆ เป็นอาคันตุกมนุษย์มาที่นี่ พระองค์จะได้ทรงพระปฏิบัติในพระทานบารมี และอาคันตุกปฏิสันถาร นับเป็นการพระราชกุศลตามประสงค์ ขอพระองค์จงโปรดยอมตามความปฏิญญาของข้ามัทรีผู้เป็นทาสีนี้เถิด

    โพธิสตฺโต ปิ แม้ถึงสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ พระองค์ก็ตรัสขอปฏิญญา แต่พระดาบสินีมัทรีราชกัญญาว่า ภทฺเท เออเจ้าผู้มีสวามิภักดิ์ ถ้าเจ้าจะรักปฏิบัติดั่งเจ้าว่า เราก็ยอมตามความปรารถนาของเจ้าทุกประการ แต่จะต้องมีกติกาอีกสถานหนึ่งเป็นการซึ่งสมควรแก่พวกพรหมจรรย์ เพระเราทั้งสองบัดนี้นั้นเป็นนักบวชบรรพชิต บำเพ็ญกุศลกิจในเมถุนวิรัติปฏิบัติสมณธรรมอยู่ฉะนี้ ธรรมดาสตรีย่อมเป็นที่เศร้าหมองแก่พรหมจรรย์ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าอย่าได้มาหาเราในใช่เวลา ลับตาสองกุมารทั้งในทิวากาลและราตรี ตลอดเดือนและปีไปเถิด

    สา สมฺปฏิจฺฉิ สมเด็จพระมัทรีก็ทรงพระโสมนัสยินดีรับพระราชกติกา ถวายปฏิญญาแล้วก็ทำตามความนั้น ตั้งแต่วันกษัตริย์ทั้งสี่ทรงพระผนวชบวชเป็นฤาษีในท้องเขาวังกบรรพต สมเด็จพระมัทรีก็ปฏิบัติตามกำหนดทุกสถาน ตามการซึ่งกราบทูลรับอาสา ปาโต วุฏฐาย ในเวลาอรุณรุ่งแสงพระสุริยะพวยพุ่งพ้นราตรี พระนางก็เสด็จจากที่บรรทมทรงครองเครื่องนุ่งห่มอย่างดาบสินี เรียบร้อยดีสมควรแล้ว ก็ทรงกวาดแผ้วพื้นภูมิภาคพระอาศรม แล้วตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ในที่นิยมตามสถาน

    ครั้นเมื่อทวารบรรณศาลา สมเด็จพระภัสดาบรรทมตื่นฟื้นพระองค์ทรงเผยออก แล้วเสด็จมาข้างนอกจากที่บรรทมใน พระนางก็เข้าไปถวายอุทกวารีเป็นที่ชำระสรงพระพักตร์ ซึ่งตักมาด้วยกมัณฑลุภาชน์ทั้งไม้ชำระพระทันต์อันสะอาดเป็นวัตรปฏิบัติ แล้วก็จัดที่ทั้งปวงให้คงในระเบียบเรียบร้อยดี มอบสองดรุณกุมารกุมารีให้อยู่เฝ้ารับใช้ใกล้สมเด็จพระบรมนาถราชบิดา ส่วนพระนางเสด็จมาทรงแสรกคานกระเช้าสานและขอและเสียมเตรียมให้พร้อม พระทัยก็น้อมในที่จะแสวงหาผลาผลไม้และมูลมันน้อยใหญ่ในไพรสณฑ์

    ทรงยกเครื่องเหล่านั้นด้วยพระหัตถ์และพระอังสา แล้วเสด็จพระดำเนินเข้าในป่าแสวงหามูลผลาผล ถึงขัดสนก็เที่ยวค้นคว้าเสาะหาตามได้ ผลไม้มูลมันอันใดควรจะบริโภคได้เป็นอาหาร ก็เก็บเล็มทำให้เต็มในกระเช้าสานโดยประมาณ ที่คาดการว่าจะพอบริโภคทั้งสี่พระองค์แล้วก็เสด็จกลับมายังพระอาศรม โดยนิยมเวลาสายัณห์ไม่ทันค่ำ นำผลไม้น้อยใหญ่มาเก็บไว้ในบรรณศาลาแล้วสระสรงพระองค์ด้วยอุทกธาราสำราญพระกาย แล้วให้สองดาบสกุมารสรงน้ำให้สบาย

    แล้วทั้งสามพระองค์เสด็จมายกภาชนะมูลผลาผลมาวางลงเบื้องหน้าพระบรรณศาลาทวาร กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ก็เลือกเสวยสำราญจนอิ่มหนำด้วยผลาหารเป็นเครื่องค้ำพระชนม์ชีพและพระกำลังที่ตั้งพรตจรรยา ครั้นเสวยเสร็จแล้วพระนางก็พาสองดาบสกุมารไปยังสถานที่ประทับของพระนางนั้น สมเด็จบรมธรรมธาดามหาสัตว์ ก็ทรงปฏิบัติสมาทานอธิษฐานเบญจศีล เพื่อรักษาตามดาบสวัตรมีเมถุนวิรัติเป็นที่ครบห้า จะเว้นจากวิกาลโภชนาด้วยมิได้ เพระใช้ในอุญฉาจริยา แสวงหาผลไม้มูลมันในเวลากลางวัน จะได้มาฉันต่อเวลาเย็นค่ำเข้าราตรี

    แล้วจึ่งนมัสการกองอัคคีด้วยสำคัญว่าเพลิงนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ใหญ่ มีรัศมีสว่างไปไกลและมีเดชกล้ากาสิ่งเสมอมิได้ในพสุธาดล เหมือนพระสุริยมณฑลในท้องฟ้า แล้วเจริญทางเมตตาพรหมวิหาร แผ่ไปในสัตว์ไม่มีประมาณทั่วทิศานุทิศ เมตฺตานุภาเวน ด้วยอำนาจเมตตาจิตของสมเด็จพระมหาสัตว์ซึ่งทรงปฏิบัติพระเมตตาบารมีอันอุดมเป็นบรมโพธิสมภาร บรรดาสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายทั้งปวงซึ่งมีอยู่ในที่สามโยชน์โดยรอบขอบ ก็กลับมีความคิดชอบประกอบเมตตาจิตคิดรักใคร่แก่กันและกัน สัตว์ในอรัญประเทศเขตเท่านั้น ตัวใดตัวหนึ่งซึ่งจะทำร้ายเป็นอันตรายแก่สัตว์ตัวอื่นก็หามิได้ สัตว์ที่ร้ายกาจก็มิอาจจะอยู่ได้หลีกไปเสียภายนอกกำหนดที่สามโยชน์โดยรอบขอบเขาวังกคีรี อิมินาว นิยาเมน โดยนิยมดั่งพรรณนามานี้

    เต จตฺตาโร ขตฺติยา กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ ก็ทรงพระเกษมศรีอยู่เป็นสุขสำราญ ในอาศรมสถานซึ่งตั้งอยู่ ณ ท้องเขาวังกบรรพต นานกำหนดถึงเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา นับแต่แรกเสด็จมานั้นแล


    วนปเวสนกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตทา กาลิงฺครฏฺเฐทุนฺนวิฏฺฐพฺราหฺมณคามวาสี ชูชโก นาม พราหฺมโณ ภิกฺขาจริยาย กหาปณสตํ ลภิตฺวา เอกฺสมึ พฺราหฺมณกุเล ฐเปตฺวา ปนธนํ ปริเยสนตฺถาย ตโต ฯลฯ ตสฺมึ จิรายนฺเต พฺราหฺมณกุลํ กหาปเณ วลญฺเชตฺวา ปจฺฉา อิตเรน อาคนฺตฺวา โจทิยมานํ กหาปเณ ทาตุ อสกฺโกนฺติ อมิตฺตตาปานํ นาม ธีตรํ ตสฺส อทาสีติ

    ณ บัดนี้อาตมภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราช ในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดกกัณฑ์ที่ ๕ เรื่องพระเวสสันดรกัณฑ์ชูชกสืบต่อไป เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องชูชกทลิทกคนขอทาน โดยสมควรแก่เวลา

    ดำเนินความว่า ในเวลาที่กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์ คือ พระเวสสันดร พระมัทรีและชาลีกัณหาชินา ประทับอยู่ในอาศรมบทศาลาที่เขาวงกตนั้น มีพราหมณ์ผู้หนึ่งนามว่าชูชก เป็นคนทลิทกขอทานอยู่ในบ้านพราหมณ์นามว่าทุนนวิฏฐะในแว่นแคว้นกาลิงครัฐ ได้เลี้ยงชีพโดยทางภิกขาจาร ได้สะสมทรัพย์ไว้ ๑๐๐ กหาปณะซึ่งตนขอทานได้มาแล้วนำไปฝากไว้ที่ตระกูลพราหมณ์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ชอบพอกัน ครั้นฝากทรัพย์ไว้แล้วจึงไปเที่ยวขอทานตามบ้านน้อยเมืองใหญ่อีกต่อไป

    เมื่อชูชกได้เที่ยวขอทานไปนาน ตระกูลพราหมณ์นั้นก็ได้ใช้จ่ายทรัพย์ที่ชูชกฝากไว้นั้นจนหมดสิ้น ในเวลาชูชกกลับมาทวงก็ได้ยกธิดาของตนคนหนึ่งอันชื่อว่าอมิตตาปนาให้แก่ชูชกนั้น โดยเหตุที่ตนไม่สามารถจะใช้ทรัพย์ให้แก่ชูชกได้ ฯ ชูชกก็พานางอมิตตาปนาไปอยู่ในเคหสถานของตนซึ่งอยู่ในบ้านทุนนวิฏฐคาม ฝ่ายนางอมิตตาปนานับแต่เวลาได้ไปอยู่กับชูชกแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติชูชกเป็นอย่างดี

    พวกพราหมณ์หนุ่ม ๆ ในบ้านทุนนวิฏฐคามนั้นได้เห็นนางอมิตตาปนาปฏิบัติแก่ชูชกพราหมณ์ชราผู้เป็นสามีอย่างดีเช่นนี้ ต่างคนก็พากันดุด่าภรรยาของตนว่านางอมิตตาปนาเขายังปฏิบัติพราหมณ์ชราเป็นอย่างดีเสมอมา แต่เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ใส่ใจปฏิบัติให้เหมือนกับนางอมิตตาปนาบ้าง เมื่อภรรยาของพวกพราหมณ์หนุ่มเหล่านั้นได้ถูกสามีด่าว่าด้วยอาการต่างๆ นานาดังที่ยกขึ้นไว้เป็นตัวอย่าง จึงพร้อมกันคิดว่าควรที่พวกเราจะกำจัดนางอมิตตาปนาให้ไปเสียจากบ้านนี้ เพราะถ้านางอมิตตาปนายังอยู่ร่วมตำบลพวกเราตราบใด พวกเราก็จะถูกสามีด่าว่าอยู่ตราบนั้น

    ครั้นคิดกันอย่างนี้แล้วจึงพากันไปชุมนุมรุมด่านางอมิตตาปนาอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีท่าน้ำ เป็นต้นว่า ดูก่อนเจ้านางตัวดี เจ้าคนสวย เจ้ายังเป็นสาวแรกรุ่นดรุณีเช่นนี้มารดาบิดาช่างยกให้แกพราหมณ์ชราได้ไม่อายใจ พวกเราเข้าใจว่ามารดาบิดาของเจ้าเป็นศัตรูของเจ้า ทั้งพวกญาติของเจ้าก็ช่างกะไรเลยไม่มีเมตตากรุณาเจ้าเสียบ้าง ช่างพากันงุบงิบยกเจ้าผู้ยังเป็นสาวให้แก่พราหมณ์เฒ่าเห็นปานนี้ ดูเป็นที่น่าบัดสียิ่งนัก เมื่อคิดดูแล้วก็ได้เห็นว่า พ่อแม่พี่น้องของเจ้าไม่มีความเมตตาปรานีเจ้าเสียเลย

    นี่แน่ะเจ้าเอ๋ย พวกเราขอบอกให้เจ้าทราบว่าอันการอยู่เช่นนี้ย่อมเป็นการน่าคลื่นไส้ไม่ชุ่มชื่น การที่เจ้าได้ผัวเช่นนี้ไม่ดีเลย ถ้าตัวเจ้าตายไปเสียยังจะดีกว่า มารดาบิดาของเจ้าคงจะหาชายอื่นให้เป็นผัวเจ้าไม่ได้เป็นแน่ จึงได้ยกเจ้าผู้เป็นสาวแส้ให้พราหมณ์แก่เห็นปานฉะนี้ บางทีเมื่อชาติก่อนเจ้าคงจะบูชายัญไม่ดี ในวันดิถีที่ ๙ ค่ำ ก้อนข้าวที่เจ้าบูชาไว้นั้นเห็นจะกาแก่คาบเอาไปเสียเป็นแน่ หรือบางทีเจ้าไม่ได้บูชาไฟไว้แต่ในชาติก่อนก็เป็นได้ บางทีเจ้าจะด่าสมณพราหมณ์ผู้มีศีลผู้เป็นพหุสูตรทรงธรรมวินัยไว้ในชาติปางก่อนเป็นแน่ เจ้าจึงมาได้ผัวแก่เช่นนั้น

    นี่แน่ะเจ้าอมิตตาปนา ทุกข์ต่าง ๆ ในโลกนี้ คือ ทุกข์ที่ถูกงูกัดก็ดี ทุกข์ที่ถูกแทงด้วยหอกก็ดี ก็ยังไม่จัดว่าเป็นทุกข์ อันการที่ได้เห็นผัวแก่นั่นแหละจัดว่าเป็นทุกข์แท้ เป็นทุกข์อย่างร้ายกาจน่าอนาถใจ ได้ผัวแก่เป็นทุกอย่างไร พวกเราจะชี้แจงให้เจ้าฟัง คือ การเล่นหัวกับผัวแก่ก็ดีการรื่นรมย์กับผัวแก่ก็ดีการเจรจาปราศรัยกับผัวแก่ก็ดี ไม่มีรสชาติเจริญใจอย่างไร ถึงการหัวร่อต่อกระซิกก็ไม่ทำให้เพลิดเพลินเจริญตา มองดูหน้าผัวแก่ในเวลาหัวร่อย่อมเหมือนกับผัวแก่นั้นหลอกหลอน จะดูปากผัวแก่ในเวลากินข้าวก็น่าคลื่นไส้เพราะคนแก่ไม่มีฟัน เวลาเคี้ยวข้าวย่อมปากปุบปับ เวลากินหมากน้ำลายก็ไหลทั้งสองกระพุ้งแก้ม เวลาแย้มหัวก็เหมือนกับผีหลอกจะดูที่ไหนก็น่าเกลียดที่นั่น

    อันผัวแก่นั้นสารพันไม่มีอะไร แก้มก็ตอบ ผิวหนังก็หดหู่ ผมก็หงอก ตัวก็โค้ง สัมผัสก็ขรุขระ จะทำอะไรก็งุ่มง่ามเงอะงะน่ารำคาญตา ยิ่งเวลานอนอ้าปากก็ยิ่งดูเหมือนกับผีตายซากมีลมออกจากปากปานเป่าไฟ อ้าปากพูดก็น้ำลายไหล เวลาหัวเราะก็เหมือนกับร้องไห้ดูเป็นที่น่าบัดสียิ่งนัก ถ้าเป็นพวกเราแล้วจะต้องไปตายเสียดีกว่าเพราะถึงอยู่ไปก็ไม่มีสุขใจสุขกาย แต่เหตุไรเจ้ายังมัวเมาหลงรักตาแก่เช่นนี้ หรือเจ้าหมดหนทางที่จะหาผัวหนุ่มไว้เป็นผู้ชุ่มชื่นเจริญใจแล้วหรือ

    นี่แน่ะแม่อมิตตาเอ๋ย ธรรมดาผัวหนุ่มเมียสาวเมื่อพูดจาเย้าหยอกกันอยู่ในห้องหับที่ลับตาคนแล้ว ใจคอย่อมผ่องแผ้วลืมทุกข์ บรรดาความทุกข์โศกทั้งสิ้นย่อมหมดไป อันผัวหนุ่มเมียสาวนั้นย่อมทำให้ปลื้มใจหาสิ่งใดจะเปรียบปานมิได้ ส่วนตัวของเจ้าก็ยังเป็นสาวอยู่จะต้องมีชายหนุ่มประสงค์เจ้าอีกมากหลาย เจ้าควรจะหาอุบายไปอยู่กับหมู่ญาติเพื่อหาชายหนุ่มมาเป็นผัวให้ชุ่มใจเถิด อย่าได้มัวหลงเพลิดเพลินอยู่กับอ้ายเฒ่าชรานี้อีกต่อไปเลย

    สา ตาสํ สนฺติกา ปรภาสํ ลภิตฺวา ครั้นนางอมิตตาปนาถูกนางพราหมณีเหล่านั้นด่าว่าด้วยประการดังนี้แล้ว ก็ฉวยหม้อน้ำเดินร้องไห้กลับไปสู่เรือน พอเจ้าชูชกได้เห็นก็รีบถามว่า แม่อมิตตาปนาร้องไห้ทำไม นางอมิตตาปนาตอบว่า ร้องไห้เพราะอีชาวบ้านมันพากันมารุมด่าโดยเหตุที่ข้าพเจ้าได้ท่านผู้เป็นคนชราเป็นสามี ต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะไม่ไปตักน้ำมาให้ท่านกินอาบอีกแล้ว

    ตาเฒ่าชูชกจึงปลอบว่า ไม่เป็นไรแม่อมิตตาปนาเอ๋ยเจ้าอย่าทำการงานเลย เจ้าอย่าไปตักน้ำมาให้ฉันเลยฉันจักไปตักน้ำเองเจ้าอย่าได้เดือดร้อนอนาทร ฝ่ายนางอมิตตาปนาจึงตอบว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เกิดในตระกูลที่ใช้ผัวต่างทาสบิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ของข้าพจ้ำไม่ได้ใช้ผัวให้ตักน้ำมาให้อาบ ข้าพเจ้าจะใช้ท่านต่างทาสนั้นไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าท่านไม่ไปหาทาสทาสีมาให้ข้าพเจ้าใช้ ข้าพเจ้าจะไม่อยู่กับท่านอีกต่อไป

    ตาชูชกจึงตอบว่า แม่อมิตตาเอ๋ย อันการที่จะให้พี่ไปเที่ยวหาทาสทาสีนั้นย่อมจนใจเพราะพี่ไม่มีศิลปวิทยาอย่างใด ทั้งทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองอันใดที่พอจะไปไถ่ทาสทาสีให้เจ้าใช้ก็ไม่มีด้วย พี่ตั้งใจว่าจะยอมตัวให้เจ้าใช้ต่างทาสทาสีนับแต่วันนี้ต่อไป ขอเจ้าอย่าเป็นทุกข์ร้อนไปเลย จงอยู่ให้เป็นสุขสำราญแห่ในเคหสถานนี้เถิด ฯ

    ในเวลานั้นเทพเจ้าดลใจนางอมิตตาปนาให้แนะนำตาชูชกเพื่อให้ไปทูลขอซึ่งพระหน่อน้อยสองกษัตริย์คือพระชาลีกัณหาชินานาถ นางอมิตตาปนาจึงแนะนำตาชูชกขึ้นว่า นี่แน่ะตาเฒ่า ข้าพเจ้าจะบอกให้เจ้าทราบตามที่ข้าได้สดับมาคือ เวลานี้พระเวสสันดรผู้เป็นยอดทานบดี พระองค์ได้พาพระอัครมเหสีและพระโอรสธิดาไปประทับอยู่เขาวงกต เพื่อทรงบำเพ็ญพรตพรหมวิหาร ท่านจงไปทูลขอพระหน่อกษัตริย์ คือพระโอรสธิดาของท้าวเธอมาให้เป็นทาสทาสีของเราให้ได้ในไม่ช้า

    ฝ่ายตาชูชกจึงตอบว่า แม่อมิตตาปนาเอ๋ย แม่จะใช้ให้พี่ไปตายเสียแล้วเพราะพี่เป็นคนแก่ชรามีร่างกายไม่สมประกอบแล้ว ทั้งมรรคาไปมาก็ไกลแสนไกลลำบาก แม่อย่าคิดให้วุ่นวายไปเลยพี่จะปฏิบัติให้แม่มีความสุขสำราญยิ่งกว่าพวกหญิงที่ได้ผัวหนุ่ม ๆ อีกหลายเท่า แม่อมิตตาปนาเอ๋ย อันธรรมดาหญิงที่มีปัญญาแล้วเขาย่อมไม่เห็นแก่สุขตา เพราะสุขตานั้นเป็นของไม่แน่นอนเป็นของที่โยกคลอนหวั่นไหว สุขตาในวันนี้พรุ่งนี้อาจทุกข์ ขอแม่จงดูอีพวกที่ได้ผัวหนุ่ม ๆ ซึ่งมีนัยน์ตาชุ่มชื่นไปด้วยน้ำตานั้นเป็นตัวอย่างเถิด

    คือธรรมดาผัวหนุ่ม ๆ เขาย่อมไม่อัศจรรย์อะไรกับเมียเขาถือเมียว่า ธรรมดาเมียย่อมอยู่กับพกผ้าต้องการเวลาไหนก็ได้เวลานั้นไม่ลำบากยากเย็นอันใด เมื่อใดผิดใจเขาขึ้นมาเขาย่อมด่าว่าทุบตีเอาตามชอบใจ มิหนำซ้ำเที่ยวมีคู่รักหรือเมียน้อยอีกต่อไป ฝ่ายภรรยาเล่าก็ได้แต่กินน้ำตาอยู่ในบ้านเท่านั้น เพราะฉะนั้นพวกผู้หญิงที่มีปัญญาเขาจึงหาแต่ความสุขใจ

    แม่อมิตตาเอ๋ย อันความสุขใจนั้นย่อมดีกว่าความสุขตา หญิงที่มีสามีแก่นักปราชญ์ว่ามีบุญแท้หายากเพราะไม่ช้าสามีแก่ก็จะตายไป ทรัพย์สมบัติสิ่งใดมีอยู่ก็จะต้องตกเป็นของตนทั้งนั้น ท่านผู้เฒ่าจึงได้กล่าวไว้ว่า เลี้ยงช้างประสงค์งา ดังนี้ อธิบายว่าเมื่อช้างนั้นตายก็จะได้งาไว้ซื้อขายเหมือนกับได้ชายแก่ไว้เป็นสามี เมื่อสามีตายก็จะได้รับมรดกไว้เป็นกำไรฉะนั้น เพระฉะนั้นแหละแม่อมิตตาปนาเอ๋ย เจ้าอย่าเดือดร้อนวุ่นวายไปเลย ถ้าเจ้าจะขืนให้พี่ออกบุกป่าพนาลีเพื่อไปทูลขอสองกัณหาชาลีที่เขาวงกตแล้ว ก็เป็นอันว่าเจ้าแกล้งจะฆ่าพี่เท่านั้น ทั้งตัวพี่ก็เห็นว่าไม่สามารถจะไปได้ด้วยแก่เฒ่าหมดกำลัง ขอเจ้าจงทราบด้วยดังนัยพรรณนามานี้เถิด

    ลำดับนั้นนางอมิตตาปนาจึงตอบว่า นี่แน่ะตาแก่ เราจะพูดให้ฟังคือธรรมดาคนขี้ขลาดแล้วยังไม่ทันถึงสนามรบ เพียงแต่เห็นปลายธงของข้าศึกย่อมแพ้ฉันใด ส่วนตัวท่านก็ฉันนั้น คือยังไม่ไปตามคำที่เราชี้แจงก็ยอมจำนนเสียแล้ว แต่ว่าท่านจะไปหรือไม่ไปก็ตามเราจะขอบอกเป็นคำขาดว่า ถ้าท่านไม่ได้ทาสหรือทาสีมาให้เราใช้ เราก็จะไม่อยู่กับท่านอีกต่อไป เราจะเที่ยวหาผัวหนุ่ม ๆ ให้ชุ่มชื่นดวงหทัย ในเวลามีนักขัตฤกษ์มหรสพเราจะเที่ยวคลอเคลียเล่นกับผัวหนุ่มตามสบาย เมื่อท่านเห็นก็จะเป็นทุกข์หนักขึ้นร่างกายที่งอก็จะงอหนักขึ้น ผมที่หงอกก็จะหงอกมากขึ้น ขอท่านจงจำไว้ว่าถ้าท่านไม่ได้ทาสทาสีมาให้เราใช้ เราจะต้องตายไปจากท่านในเวลานี้เป็นแน่

    ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ในเวลาตาชูชกพราหมณ์ได้ฟังถ้อยคำของภรรยาดังนี้ ก็รู้สึกตระหนกตกใจกลัวเพราะตัวตกอยู่ในอำนาจของภรรยาสาวมีความรักบีบคั้นหัวใจเป็นกำลัง คิดว่าจะเป็นดังภรรยาสาวพูดไว้จึงได้กล่าวขึ้นดัง ๆ ว่า แม่อมิตตาเอ๋ยถ้าอย่างนั้นแม่จงจัดแจงเสบียงเดินทางให้เราอย่าได้ช้า ทั้งขนมงาขนมอ้อยและน้ำผึ้ง อีกทั้งสัตตูก้อนและสัตตูผงจงบรรจงจัดให้ดี เราจะไปทูลขอพระกุมารกุมารีสองพี่น้องมาให้เป็นทาสช่วงใช้ของเจ้าสมดังปรารถนา
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    สา ขิปฺปํ ปาเถยฺยํ ปฏิยาเทตฺวา ฝ่ายนางอมิตตาปนาก็รีบจัดแจงเสบียงทางให้แก่เฒ่าชูชกโดยเร็วพลันไม่เนิ่นช้า ฝ่ายว่าตาชูชกก็รีบจัดแจงซ่อมแซมเคหะสถานให้มั่นคงแข็งแรง ทั้งประตูบ้านก็ซ่อมแซมเสียใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วไว แล้วไปเที่ยวหาฟืนตักน้ำมาไว้ในบ้านเรือนให้เพียงพอ เพื่อประสงค์จะไม่ให้ภรรยาสาวของตนออกไปทำงานนอกบ้าน ด้วยกลัวจะมีการติดต่อกับผู้ชาย

    ครั้นจัดการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จึงแต่ตัวเป็นดาบสนุ่งห่มเหมือนกับผู้เจริญพรตพรหมวิหาร จึงสั่งภรรยาว่า ดูก่อนอมิตตาปนาผู้ยอดสงสาร นับแต่กาลนี้ไปแม่อย่าได้ออกจากบ้านในเวลาค่ำคืน แม่อย่าได้ประมาทในการระวังตัวจนกว่าพี่จะกลับมา ครั้นสั่งเสียดังนี้แล้วก็สวมรองเท้าสะพายถุงย่ามอันบรรจุเสบียงทาง เดินทำปทักษินเวียนรอบนางอมิตตาปนาจนถึง ๓ รอบแล้ว จึงบ่ายหน้าออกจากเคหามีน้ำตาอันอาบหน้าดูเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

    ครั้นพ้นจากบริเวณบ้านแล้วจึงบ่ายหน้าตรงสู่เชตุดรนคร อันเป็นเมืองที่มั่งคั่งของชาวสีพีแล้วได้แลเห็นประชุมชนอยู่ในสถานที่ใด ก็ตรงเข้าไปในสถานที่นั้นแล้วถามว่า ข้าแต่ท่านทั้งหลาย บัดนี้พระเวสสันดรผู้เป็นหน่อกษัตริย์อันหามัจฉริยะมิได้ พระองค์ประทับอยู่ในสถานที่ใดขอท่านทั้งหลายจงบอกเราด้วยเถิด ฯ ฝ่ายมหาชนจึงตอบว่า

    ดูก่อนพราหมณ์บัดนี้พระหน่อกษัตริย์ขัตติยาธิบดี ซึ่งถูกพวกแกรบกวนในทางขอทานจนถึงกับพระองค์ได้พระราชทานคชสารตัวประเสริฐให้แกแล้ว พระองค์ได้ถูกเนรเทศเสียจากบ้านเมือง บัดนี้พระองค์ต้องพาพระราชโอรสธิดาและพระชายาไปประทับอยู่ในเขาวงกตโน้น ดูก่อนพราหมณ์พวกแกทำให้เจ้านายของเราถึงซึ่งความพินาศต้องถูกเนรเทศอย่างนี้แล้ว แกยังขืนมายืนอยู่ที่นี่อีกหรือ ว่าดังนี้แล้วคนทั้งหลายพากันจับไม้ค้อนก้อนดินไล่ทุบตีชูชกพราหมณ์ ให้หนีออกไปจากพระนคร

    ครั้งนั้นเทพเจ้าดลใจตาชูชกให้วิ่งงกเงิ่นไปถูกทางซึ่งจะไปยังเขาวงกต ตาชูชกก็สู้สะกดใจไปตามมรรคา เพราะตาชูชกตกอยู่ในอำนาจของราคะดำกฤษณาถูกนางพราหมณีบังคับให้ได้เสวยทุกข์ด้วยต่าง ๆ อันมีอยู่ในป่าใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมีแรดและเสือเหลืองเป็นต้น ตาชูชกถือไม้เท้าสีเหลืองเหมือนมะตูมสุก ทั้งเครื่องบูชายัญและน้ำเต้าเดินด้นดั้นเข้าไปในอรัญราวป่านับเวลาได้หลายสิบราตรี ซึ่งมีกำหนดหนทางจากเชตุดรราชธานีไปได้ ๔๕ โยชน์เป็นประมาณ ตาชูชกก็บรรลุถึงสถานประตูป่า

    ในขณะที่ถึงประตูป่านั้นได้ถูกพวกสุนัขของนายพรานเจตบุตรร้องไล่เสียงระงมไป ตาแก่จึงร้องเสียงขรมพลางถอยหลังออกห่างไกลสุนัขก็ล้อมไล่กระชั้นเข้าไป ตาแก่จึงหนีขึ้นต้นไม้แล้วร้องไห้โอดครวญด้วยคำว่า โอ้พระเวสสันดรผู้หาความตระหนี่มิได้ผู้ช่วยหมู่สัตว์ให้พ้นภัยผู้เป็นที่พำนักอาศัยของพวกยาจก เหมือนกับพื้นปฐพีอันเป็นที่พำนักของสัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นที่ไปเฝ้าแห่งเหล่ายาจก เหมือนกับมหาสมุทรสาครซึ่งเป็นที่ไหลไปแห่งแม่น้ำทั้งหลายฉะนั้น อีกประการหนึ่ง พระองค์ผู้เป็นดุจสระน้ำอันมีท่ารายรื่นดารดาษไปด้วยปทุมชาติหลายประการฉะนั้น ต้นไม้ต่าง ๆ คือต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นรัง หรือต้นไม้อื่น ๆ ซึ่งอยู่ใกล้ทางมีร่มเงาเย็นสบาย ย่อมเป็นที่อาศัยของคนผู้เหน็ดเหนื่อยมาในทางอันไกลฉันใด พระเวสสันดรมหาราชเจ้าก็ฉันนั้น เวลานี้พระองค์ประทับอยู่ที่ไหนหนอถ้าใครรู้อยู่จงช่วยบอกข้าพเจ้าอย่าอำพราง เมื่อข้าพเจ้าตกอยู่ในกลางไพรได้รับความลำบากขอให้ช่วยเหลืออยู่อย่างนี้ ผู้นั้นก็จะได้บุญไม่น้อยด้วยถ้อยคำ ๆ เดียวนั้นแล
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตัสฺส ตํ ปริเทวนสทฺทํ อารกฺขนตฺถาย ฐปิโต เจตปุตฺโต เมื่อนายเจตบุตรพรานไพรได้รับหน้าที่ให้รักษาท่านกำลังเที่ยวล่าเนื้ออยู่ในป่า ได้ยินเสียงปริเทวนาการของตาชูชกดังนี้จึงคิดว่า อ้ายพราหมณ์คนนี้คงจะไม่มาดีเป็นแน่นอน มันคงจะมาขอมัทรีหรือไม่ก็พระชาลีกัณหา เราจักฆ่ามันเสียให้ตายอย่าให้มันล่วงล้ำเข้าไปได้

    ครั้นคิดแล้วจึงรีบวิ่งไปใกล้ต้นไม้ที่ตาชูชกขึ้นไปอาศัย แล้วยกธนูขึ้นตะคอกขู่ว่า เหม่อ้ายพราหมณ์จัญไรวันนี้กูจะไม่ไว้ชีวิตมึง เพราะพวกมึงรบกวนหน่อกษัตริย์ของกู ให้พระองค์พระราชทานคชสารแก่พวกมึงแล้วถูกเนรเทศจากบ้านเมือง ต้องพาพระโอรสธิดาและพระชายามาอยู่ในเขาวงกต เพราะฉะนั้นคราวนี้แหละมึงจะถึงแก่ความตาย กูจะยิงมึงด้วยลูกศรอันชุ่มด้วยยาพิษนี้ให้ตายแล้วตัดหัวเสีย เชือดเอาขั้วหัวใจไส้พุงออกมาบูชายัญเอาเลือดเนื้อของมึงบูชาเทพยดา ด้วยเหตุว่าการที่มึงมานี้ไม่ใช่มาดี มึงต้องมาด้วยมุ่งหมายจะไปทูลขอพระชายาหรือพระหน่อน้อยกษัตรา คือสองพระกุมารกุมารีเป็นแน่

    โส ตัสฺส วจนํ สุตฺวา เมื่อตาชูชกได้ฟังคำตะคอกขู่ของนายเจตบุตรดังนี้แล้ว ก็สะดุ้งตกใจกลัวต่อความตายจึงคิดหาอุบายโกหกเอาตัวรอด แล้วตอบออกไปว่า ดูก่อนเจตบุตรพรานไพรเจ้าจงฟังถ้อยคำของเรา ธรรมดาพราหมณ์ผู้เป็นทูตย่อมเป็นคนหาโทษมิได้ไม่ควรที่ใครจะฆ่าตีอันประเพณีสืบเนื่องมาแต่โบราณ ก็ตัวเรานี้เป็นทูตของชาวสีพี คือพวกชาวสีพีต่างมีความยินดีทั่วกันในการที่จะให้พระเวสสันดรราชโอรสเสด็จกลับพระนคร พระราชบิดาก็ทรงปรารถนาจะพบพระราชโอรส ส่วนพระราชมารดาก็จะมีแต่ระทวยทดคิดถึงพระราชโอรสเป็นนิตยกาล ถึงกับพระเนตรทั้งสองฟองฟูมไปด้วยน้ำพระอัสสุชลนัยน์ ทรงกรรแสงร่ำไห้ถึงพระราชโอรสจนไม่มีเวลาส่าง มีพระเนตรซ้ายขวาทรุดโทรมไป พวกชาวสีพีจึงใช้ให้เราเป็นทูตจำทูลพระราชสาสน์ ทำการอาสาออกมาอัญเชิญพระเวสสันดรบรมขัตติเยศรให้เสด็จประเวสคืนเข้าสู่พระนคร ดูก่อนเจ้าเจตบุตร ถ้าเจ้ารู้แห่งหนที่ประทับแล้วอย่านอนใจ จงบอกเราไปในบัดนี้

    ตทา เจตปุตฺโต ในเวลานั้นนายเจตบุตรพรานไพร เมื่อได้ฟังถ้อยคำมุสาวาทของชูชกชาติทรพลดังนี้แล้ว ก็เกิดความเชื่อถือว่าเป็นจริง จึงรีบจัดแจงผูกสุนัขไว้ด้วยความดีใจ แล้วเชิญตาชูชกลงจากค่าคบต้นไม้มานั่งบนใบไม้ลาดแล้ว น้อมเต้าน้ำผึ้งกับเนื้อย่างเข้าไปให้แล้วพลางกล่าวว่า ข้าแต่ท่านพราหมณ์ผู้เป็นทูตที่โปรดปรานของหน่อกษัตริย์ผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอเชิญให้ท่านรับน้ำผึ้งกับขาเนื้อทรายย่างอันนี้ แล้วข้าพเจ้าจะแถลงตำแหน่งที่อยู่แห่งพระหน่อน้อยกษัตรา ให้ท่านทราบตามความปรารถนาในกาลบัดนี้
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ๖.กัณฑ์จุลพน

    เอส เสโล มหาพฺรหฺเม ปพฺพโต คนฺธมาทโน ยตฺเถ เวสฺสนฺตโร ราชา สห ปุตฺเตหิ สมฺมติ ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ อาสทญฺจ มสญฺชฏํ จมฺมวาสี ฉมา เสติ ชาตเวทํ นมสฺสตีติ

    ณ บัดนี้ อามภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราช ในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก กัณฑ์ที่ ๖ ว่าด้วยเรื่องพระเวสสันดร กัณฑ์จุลพนสืบต่อไป เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องป่าตามที่ท่านพรรณนาไว้ โดยสมควรแก่เวลา

    ดำเนินความว่า ครั้นนายเจตบุตรพรานไพรให้พราหมณ์ชูชกบริโภคโภชนาหารแล้ว ก็ให้น้ำผึ้งกระบอกหนึ่งกับเนื้อทราย ๑ ขาเพื่อเป็นอาหารในมรรคาแล้วจึงหยุดยืนที่ต้นทางยกมือขวาขึ้นชี้บอกด้วยคำที่ท่านรจนาเป็นคาถา ซึ่งได้ยกขึ้นไว้ในเบื้องต้นแห่งเทศนากัณฑ์นี้แล้วนั้นแปลความในคาถานั้นว่า ดูก่อนมหาพราหมณ์ ที่แลเห็นข้างหน้านั้นเป็นภูเขาคันธมาทน์อันล้วนแล้วด้วยศิลา เป็นสถานที่ประทับแห่งพระเวสสันดรบรมกษัตริย์เจ้า คือพระเวสสันดรบรมกษัตริย์เจ้ากับพระราชโอรสธิดาและอัครมเหสีได้ทรงเพศเป็นพราหมณ์ นุ่งห่มหนังเสือสวมชฎาทรงถือเสียมสำหรับขุดหัวมันและขอสำหรับสอยลูกไม้อยู่ในที่นั้น เวลาบรรทมได้บรรทมอยู่บนแผ่นดิน ทรงนมัสการไฟอยู่ในที่นั้น

    ท่านจงบ่ายหน้าไปทางทิศอุดรเดินเลียบไปตามเชิงสิงขรก็จะเห็นอาศรมของพระองค์ ฯ โน่นเป็นหมู่ไม้เขียวชะอุ่มล้วนแต่มีผลเต็มต้นต่าง ๆ กัน เห็นเขียวปรากฏอยู่เทียมอัญชนะบรรพต ยังมีไม้ต่าง ๆ อีกหลายอย่างคือ ไม้ตะแบก ไม้หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้เต็งรัง ไม้สะคร้อ ไม้ยางทราย ไม้เหล่านี้ย่อมไหวไปมาด้วยลมพัดเหมือนกับมาณพหนุ่มน้อย อันซวนเซด้วยฤทธิ์สุราฉะนั้น ฯ

    เมื่อท่านไปถึงในที่นั้นแล้วจะได้ฟังเสียงนกต่าง ๆ ร่ำร้องอยู่บนต้นไม้เป็นที่ไพเราะวังเวงใจเหมือนกับเสียงเพลงทิพย์ฉะนั้น นกนั้นก็มีชื่อต่างกันเช่น นกโพระดกบ้าง นกดุเหว่าบ้าง นกกะลางบ้าง ซึ่งพากันร่ำร้องบินไปมาอยู่ตามต้นไม้ต่าง ๆ ทั้งจะได้ฟังเสียงต้นไม้เมื่อต้องลมสะบัดกิ่งไปมาคล้ายกับเสียงร้องเรียกผู้เดินมรรคาให้หยุดพัก และคล้ายกับเสียงชักชวนคนที่เดินผ่านไปมาให้พักผ่อนฉะนั้น ฯ พระเวสสันดรเจ้ากับทั้งพระราชโอรสพระราชธิดาและพระอัครมเหสีซึ่งทรงเพศเป็นพราหมณ์นุ่งห่มหนังเสือสวมชฎา ทรงถือเสียมและขอสำหรับขุดมันและสอยลูกไม้ บรรทมอยู่บนแผ่นปฐพี ไหว้อัคคี ประทับอยู่ที่อาศรมบทใด เมื่อท่านไปถึงอาศรมบทนั้นแล้ว ก็จะได้เห็นประจักษ์ด้วยตนเองดังนี้

    มีคำอธิบายให้กว้างขวางสืบต่อไปตามนัยอรรถกถาว่า นายเจตบุตรได้ชี้แจงแก่ชูชกว่า ข้าแต่มหาพราหมณ์ โน่นแน่ะภูเขาคันธมาทน์อันเต็มไปด้วยไม้หอมแปลกประหลาด ๑๐ ประการ บางต้นก็มีรากหอม บางต้นก็มีเปลือกมีกิ่งก้านใบหอม บางต้นก็มีกะพี้ใบหอม มีผลหอม มีดอกหอม บรรดาต้นไม้ต่าง ๆ ที่มีกลิ่นหอมนั้นย่อมมีอยู่ในภูเขานั้นทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นภูเขานั้นจึงมีชื่อว่าคันธมาทน์

    เมื่อท่านบ่ายหน้าไปทางทิศอุดรแล้วเดินเลียบไปตามเชิงสิงขรโน้น ท่านก็จะได้เห็นอาศรมบทศาลาที่สมเด็จอมรินทราธิราชทรงประสาทให้เป็นที่ประทับของพระเวสสันดร พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดากับพระอัครมเหสีซึ่งทรงเพศบรรพชิตประพฤติธรรมอันประเสริฐ ทรงชฎาและเสียมขอสำหรับขุดมันและสอยลูกไม้ ทรงนุ่งห่มหนังเสือ บรรทมบนแผ่นดินอันปูลาดด้วยใบไม้ บูชาเพลิงอยู่ในอาศรมบทนั้น ฯ

    ในที่นั้นย่อมมีหมู่ไม้ต่าง ๆ คือ ไม้ตะแบกหูกวางและตะเคียนบ้าง ต้นรังต้นสะคร้อต้นยางทรายบ้าง หมู่ไม้ต่าง ๆ นั้นเมื่อต้องลมพัดก็สะบัดโบกกิ่งใบอยู่ไปมาเหมือนกับมาณพหนุ่มน้อยซึ่งไม่เคยดื่มสุรา พอดื่มเข้าไปครั้งเดียวก็เมาซวนเซฉะนั้น ฯ บนต้นไม้เหล่านั้นย่อมมีนกต่าง ๆ เช่น นกโพระดก นกดุเหว่า นกกะลาง อันบินขวักไขว่อยู่ไปมาตามต้นไม้เหล่านั้นร้องเจื้อยแจ้วอยู่จับใจ เหมือนกับเสียงเพลงทิพย์ฉะนั้น ทั้งจะได้ฟังเสียงหมู่ไม้ที่ต้องลมพัดสะบัดโบกกิ่งใบอยู่ไปมา เหมือนกับจะร้องเรียกคนเดินมรรคาให้แวะพักฉะนั้น ฯ พระเวสสันดรเจ้าประทับอยู่ในอาศรมบทใด เมื่อท่านไปถึงอาศรมบทนั้นแล้วก็จักได้เห็นความสมบูรณ์แห่งอาศรมนั้น เหมือนดังเราว่านี้

    เมื่อนายเจตบุตรพรานไพรจะพรรณนาอาศรมให้ยิ่งใหญ่กว่าพรรณนามาแล้วนั้นจึงกล่าวว่า ข้าแต่ท่านพราหมณ์ผู้เป็นราชทูตจำทูลพระราชสาสน์ในบริเวณสถานแห่งอาศรมบทศาลา อันเป็นที่ประทับอยู่ของสมเด็จพระเวสสันดรผู้ทรงสร้างบารมีนั้น ย่อมมีต้นไม้หลายอย่างต่าง ๆ กัน อมฺพา คือ ไม้มะม่วงมีกิ่งใบอันดกหนา กปิตฺถา คือ ไม้มะขวิดอันทรงผลาผลนานา ปนสา คือไม้ขนุนหนังสำมะลอมีรสโอชา สาลา คือไม้รังอันมีใบดกหนาแน่นแผ่สาขาที่บริสุทธิ์ไปด้วยกิ่ง

    ชมฺพู คือไม้หว้าอันมีผลตระการตา วิเภทกา คือไม้สมอพิเภกเครื่องสมุนไพร หริตถี อีกทั้งสมอไทยเครื่องทำยา อามลกา ทั้งมะขามป้อมมีทั้งผลใหญ่ย่อมน่าทัศนา อสฺสตฺถา มีต้นไม้ใหญ่อันได้นามว่าไม้ปาเป้งโพธิบาย พทฺรานิ ไม้พุดซาหลายหลากล้วนมีรสหอมหวานหายากในที่ซึ่งเคยเห็นมา

    จารุติมฺพรุกฺขา มีใบไม้มะพลับทองสีเรืองรองดังสุวรรณน่าปรีดา นิโครฺธา มีทั้งไม้ไทรลำต้นใหญ่ใบดกหนาน่าเป็นที่พักของคนที่สัญจรไปมา กปิตฺถนา มีทั้งใบมะสังสมบูรณ์ด้วยผลใหญ่น้อยล้วนรสโอชา มธุ มธุกา มีทั้งไม้องุ่นและไม้มะซางใบกระจ่าง ล้วนผลหวานดังปานน้ำผึ้งน่าพึงปรารถนา อุทุมฺพรา มีทั้งใบมะเดื่ออันมีผลสุกแดงเรื่อเหมือนแสงอาทิตย์เมื่อแรกอุทัย ฯ

    ปาเรวตา ดูก่อนมหาพราหมณ์ มิใช่แต่จะมีต้นไม้เหล่านี้หามิได้ ยังมีกล้วยอีกหลายอย่างต่าง ๆ กัน คือกล้วยหอมและกล้วยงาช้าง กล้วยน้ำว้าและกล้วยตีบ ซึ่งมีผลไม่ลีบสุกหวาน มทฺทิกา มีทั้งกล้วยเขาแพะรสหวานปานน้ำตาลหรือน้ำอ้อย มธุตฺถิกา มีรวงผึ้งอันห้อยย้อยอยู่ตามกิ่งไม้หาแม่หวงแหนมิได้เหมือนรวงผึ้งอันมีในป่าที่เราเคยเห็นกันมา ไม่ลำบากในการที่จะหาไฟจุดไล่แม่ผึ้ง เมื่อพึงใจจะบริโภคแล้วก็เอื้อมมือขึ้นไปตัดลงมาได้โดยง่ายดาย

    อญฺเญตฺถ ปุปฺผิตา อมฺพา ยังมีต้นมะม่วงอีกหลายอย่าง บ้างผลิตผลมีดอกและใบร่วงหล่นลงเกลื่อนกลาด บ้างสุก บ้างดิบ บ้างห่าม สีงามดังหนังภิงคชาติคือกบอย่างหนึ่งซึ่งมีสีเหลืองประหลาด ที่เขาเรียกกันว่าเขียดตะปาด เดียรดาษอยู่ใกล้อาศรมบทของพระฤาษี เมื่อผู้ใดปรารถนาจะเก็บผลมะม่วงเหล่านั้นกินก็ไม่ต้องพักสอยให้ลำบาก เพียงแต่ไปยืนอยู่ภายใต้ต้นก็อาจเอื้อมมือขึ้นไปเก็บผลมะม่วงได้ดังประสงค์ดูเป็นที่น่าอัศจรรย์

    ในที่ใกล้อาศรมแห่งพระเวสสันดรผู้อบรมพระบารมีนั้น มีแต่อารมณ์อันเป็นที่ปลื้มใจเหมือนกับสวนนันทวันของเทพเจ้าในดาวดึงส์สวรรค์ มิใช่แต่เท่านั้น มีทั้งต้นตาลต้นมะพร้าว ต้นอินทผลัมและต้นเป้ง เกิดอยู่เรียงรายไปเหมือนกับพวงมาลัยที่บุคคลร้อยไว้ ยอดของต้นไม้เหล่านั้นแลดูเห็นปรากฏเหมือนธงชัย มีทั้งต้นไม้ที่มีดอกต่าง ๆ กัน ล้วนแต่มีวรรณะดังดวงดาวในนภากาศฉะนั้น ฯ อันต้นไม้ในป่านั้นยังมีมากหลาก ๆ กัน กุฏชี คือ ไม้มูกอันเกิดเรียงกันเป็นหมู่

    กุฏฺฐตครา มีทั้งไม้โกฏฐ์สะค้านอันตั้งอยูเป็นทิวแถวดังแนวต้นไม้ที่บุคคลปลูกไว้ ปาฏลิโย มีทั้งต้นแคฝอยนับด้วยพันตั้งเป็นหมู่ ๆ กันน่าเจริญตา ปุนฺนาคา คิริปุนฺนาคา มีทั้งบุนนาคน้อยใหญ่ ซึ่งมีดอกหอมหวนยวนใจใคร่น่าดม โกวิฬารา จ ปุปฺผิตา มีทั้งต้นทองกวาวอันมีดอกแดงพราวหากลิ่นพึงใจมิได้ อุทฺธาลกา โสมรกฺขา มีทั้งไม้ซึกและพยอมขาว อคลุภลฺลิยา พหู มีทั้งไม้มะเกลือและกฤษณา ปุตฺตชีวา จ กุกฺกุฏา มีทั้งไม้รักดำและไม้อ้งไก่ อสนา เจตฺถ ปุปฺผิตา มีทั้งไม้กุ่มน้ำและประดู่ลาย กุฏชา สรหา นิปา มีทั้งไม้มูกมันไม้สนและกะทุ่ม โกสมฺพลพุชา ธรา มีทั้งไม้สะคร้อและขนุนสำมะลอ อีกทั้งไม้ตะแบก สาลา จ ปุปฺผิตา มีทั้งไม้รังล้วนมีดอกเป็นพุ่มพวงดังล้อมฟาง อย่างประหนึ่งว่าบุคคลจัดร้อยไว้เป็นกลุ่มฉะนั้น
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตสฺสาวิทูเร โปกฺขรณี ดูก่อนมหาพราหมณ์ ในที่ใกล้อาศรมบทศาลาของพระเวสสันดรเจ้านั้น มีสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยมอันเปี่ยมไปด้วยอุทกวารีเย็นใสสะอาด ดาษไปด้วยปทุมชาติ ๕ ประการ คือ บัวขาว บัวเขียว บัวเหลือง บัวเผื่อน ดูเป็นที่น่ารื่นรมย์คล้ายกับสระโบกขรณีของสมเด็จท้าวโกสีย์เทวราช อันมีนามว่านันทโบกขรณีในฟากฟ้าสุราลัย

    ดูก่อนมหาพราหมณ์ผู้มุ่งหมายจักไปเฝ้าสมเด็จพระเวสสันดรเจ้า ตามริมฝั่งโบกขรณีย่อมมีนกดุเหว่าอันจับอยู่บนต้นไม้ เมารสดอกไม้แล้วพูดพลอดขันด้วยเสียงอันไพเราะจับใจ ในพนมไพรนั้นอีกก้องอยู่ด้วยเสียงหมู่นกต่าง ๆ น่าวังเวง เมื่อถึงคราวดอกไม้แย้มบานตามฤดูกาล ย่อมมีโอชารสของดอกไม้ร่วงหล่นจากเกสรตกลงค้างบนใบบัวแล้วเกิดเป็นขัณฑสกร ฯ

    ดูก่อนมหาพราหมณ์ ในทางทิศใต้และทิศตะวันตกแห่งอาศรมศาลานั้น ย่อมมีลมรำเพยพัดหมู่ไม้อยู่เป็นนิตย์ ทำให้อาศรมแห่งบพิตรเจ้าเกลื่อนกลาดไปด้วยละอองเกสรปทุมชาติไม่ขาดสาย ในสระโบกขรณีนั้นหนามหาพราหมณ์ ยังมีลูกกระจับใหญ่ ๆ น่าใคร่กิน และมีรสข้าวสาลีอ่อนแก่เกิดขึ้นเองหาผู้ปลูกมิได้ ล้มดารดาษอยู่บนหลังน้ำ น้ำในสระโบกขรณีนั้นเป็นน้ำที่ใสสะอาดปราศจากมลทิน เมื่อแลลงไปก็เห็นกระทั่งพื้นดิน มองเห็นฝูงสัตว์ที่เกิดในวาริน เป็นต้นว่า ปลาและเต่าที่แหวกว่ายสัญจรอยู่ไปมา อันรากบัวในสระนั้นเล่าก็มีรสหวานคล้ายน้ำผึ้ง และมีรสมันดังน้ำนมและเนยใสหรือเนยข้น ฯ

    สุรภี ตํ วนํ วาติ ในป่านั้นมีของหอมต่าง ๆ ที่ลมพัดเอามา ดูเหมือนว่าป่านั้นจะชวนคนที่ไปถึงให้ชื่นชมด้วยดอกไม้และกิ่งไม้ซึ่งมีกลิ่นหอม มีฝูงแมลงภู่ที่ชมชื่นอยู่ด้วยกลิ่นดอกไม้ ได้บินร่อนบันลือเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่โดยรอบ ในป่านั้นมีฝูงวิหค กล่าวคือนกเป็นอันมากต่าง ๆ กัน บ้างก็ร้องขานขันตอบรับกันและกัน บ้างก็เข้าเคียงคู่อยู่เชยชม มีฝูงนกอีก ๔ หมู่ซึ่งนิยมทำรังอยู่ใกล้สระโบกขรณี คือ นกหมู่หนึ่งชื่อว่านกนันทิกา อันมีนกหัสดีลิงค์เป็นประธาน นกหมู่นี้ย่อมร้องขานขันให้พระเวสสันดรเจ้าทรงยินดีเนาว์สำราญในสถานที่พระอาศรมว่า

    ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้าผู้ทรงอบรมทานบารมี ขอพระองค์จงทรงยินดีอยู่ในป่านี้เถิด นกหมู่ที่ ๒ ชื่อว่า ชีวปุตตา อันมีนกหงส์เป็นประธาน นกหมู่นี้ย่อมพากันร้องขานขันถวายพระพรชัยแด่พระเวสสันดรเจ้าว่า ขอให้พระองค์พร้อมด้วยพระราชโอรสและธิดาพระอัครมเหสี จงมีพระชนมายุยืนนานเถิด นกหมู่ที่ ๓ ชื่อว่า ชีวปุตตาปิยาจาโน อันมีนกยูงเป็นประธาน นกยูงนี้ย่อมร้องขานขันถวายพระพรชัยแด่พระเวสสันดรเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งพระบารมีว่า ขอให้พระองค์พร้อมทั้งพระราชโอรสพระราชธิดาและพระอัครมเหสี ผู้เป็นที่รักของข้าพระองค์ทั้งหลาย จงปราศจากภัยอันตรายทุกเมื่อเถิด

    นกหมู่ที่มีชื่อว่า ปิยาปุตตาปิยานันทา อันมีนกการะเวกเป็นประธาน นกหมู่นี้ย่อมขับขานถวายพระพรชัยแด่พระเวสสันดรเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งพระเมตตาว่า ขอให้พระองค์พร้อมทั้งพระราชโอรสพระราชธิดาและพระอัครมเหสี จงเป็นที่รักของข้าพระองค์ทั้งหลายด้วย จงเป็นที่รักของพระราชโอรสพระราชธิดาและพระอัครมเหสีด้วย ขอจงให้กษัตริย์ทั้ง ๔ มีความเพลิดเพลินเจริญพระหฤทัยปราศจากโรคภัยทุกเมื่อเถิด

    มาลาว คนฺถิตา ฐนฺติ ดอกไม้ทั้งหลายย่อมตั้งเรียงรายอยู่ในที่ใกล้อาศรมบทศาลา เหมือนอย่างว่าพวงมาลัยที่บุคคลร้อยไว้ มีทั้งต้นไม้อันมียอดปรากฏดุจธงชัย มีดอกสลับสีต่าง ๆ กัน เหมือนกับนายช่างผู้ฉลาดมาเก็บร้อยไว้เป็นพวง ๆ ฉะนั้น พระเวสสันดรเจ้าพร้อมทั้งพระราชโอรสและพระราชธิดาและพระอัครมเหสีได้ทรงเพศเป็นพราหมณ์ชี ทรงนุ่งห่มหนังชินมฤคีและสวมชฎา ทรงถือเสียมสำหรับขุดมันและขอสำหรับสอยลูกไม้ บรรทมบนปฐพี ทรงนมัสการอัคคีอยู่ในอาศรมบทใด เมื่อท่านไปถึงอาศรมบทนั้นแล้ว ก็จักได้เห็นความสมบูรณ์แห่งอาศรมบทศาลา ดังที่ข้าพเจ้าบอกมานี้

    ครั้นนายเจตบุตรพรานไพรได้ชี้แจงถึงสถานที่ประทับแห่งสมเด็จพระเวสสันดรราชฤาษีดังนี้แก่ชูชกแล้ว ฝ่ายชูชกก็แสนจะยินดี จึงมีปฏิสันถารปราศรัยว่า อิทญฺจ เม สตฺตตุภตฺตํ ดูก่อนเจตบุตรหลานรัก ซึ่งหลานได้ช่วยโปรดแนะแนววนาลัยให้แก่ลุงดังนี้ ลุงรู้สึกขอบใจเจ้ามาก หากลุงอยู่ในบุรีถึงซึ่งความสำราญแล้ว หลานไม่ต้องทุกข์ร้อนด้วยเงินทอง ลุงจะกอบกองบำเหน็จให้ นี่ปะลุงมาตกไร้อยู่กลางดงคงมีแต่ตัวผู้เดียวเปลี่ยวอนาถ จึงไม่มีของแปลกประหลาดที่จะแทนคุณหลาน เมื่อคิดถึงกาลอันนี้แล้วก็อดสูใจ แต่เอาเถิด ของที่ลุงจะขอบใจเจ้ายังมีอยู่บ้าง คือ ข้าวสัตตูอันระคนด้วยน้ำผึ้งและน้ำอ้อย ที่นางอมิตตาสาวน้อยตกแต่งให้แก่ลุงยังมีอยู่ ซึ่งลุงได้ใช้เป็นเสบียงเดินทางเข้าในไพรอันกันดาร ลุงจะแบ่งปันให้หลานตามประสายากแต่พอเป็นของฝากเมื่อยามจน ขอเจ้าจงทนรับไว้เถิด ฯ

    ตุยฺเหว สมฺพลํ โหตุ นายพรานเจตบุตรลุททชาติจึงตอบพจนารทของชูชกว่า ถึงลุงจะไม่มีสิ่งใดรางวัลหลานก็ตามเถิด อันข้าวสัตตูผงสัตตูก้อนนี้ ขอลุงจงเอาไปเป็นเสบียงทางเลี้ยงชีพในกลางไพร เพราะเหตุว่าหนทางยังอยู่ไกล ขอลุงจงรับกระบอกน้ำผึ้งกับขาเนื้อทรายย่างของหลานไปเป็นเสบียงทางด้วย ขอลุงพราหมณ์จงไปตามสบายเถิด อันหนทางหน้าตรงมือชี้นี้เป็นทางเดียวตรงลิ่วถึงอาศรมบทศาลาของอัจจุตฤาษี ซึ่งมีฟันขาวและเกลือกกลั้วไปด้วยฝุ่นธุลี ทรงเพศเป็นชีไพรอย่างไสยเวทนุ่งห่มหนังพยัคฆจัมมาภรณ์พิเศษพึงกลัว

    ฉมา เสติ มีตัวอันเกลือกกลั้วไปด้วยธุลี มีปกตินอนเหนือพื้นพสุธา พระกรถือขอเกี่ยวผลพฤกษาผลาหาร ชาตเวทํ นมสฺสติ ถวายนมัสสการเปลวอัคคีตามประเพณีผนวชป่า ท่านจงไปสนทนากันแล้วและไต่ถาม เห็นเธอจะไม่อำความคงจะบอกหมด ซึ่งหนทางในวงกตสิงขรเขต เป็นที่สุขารมณ์นิเวศน์กุฎีดง แห่งกษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์นั้น

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา พฺราหฺมณพนฺธุ อันว่าชูชกชราเชื้อพราหมณ์พันธุ์ สุตฺวา เมื่อได้สดับฟังยุบลอันนายพเนจรแจ้งคดีสกลวิถีแนวทางวนาลัย ธชีก็จำไว้ตระหนักแน่ไม่แปลผันทุกสิ่งบอกสำคัญนั้นสิ้นสุด พลางอำลานายมิคลุทท์แล้วก็ทำปทักษิณ ๓ รอบโดยระบอบพราหมณ์ประเพณี

    อจฺจุตฺดต อันว่าพระอัจจุตฤาษีผู้บำเพ็ญพรตทรงผนวชเป็นดาบสลุขัปปานิกาเพศ สถิตยังอาศรมบทประเทศใด ปกฺกามิ ตะแกก็ดั้นด้นเดินไปไม่หยุดยั้ง ตั้งหน้าเฉพาะต่อมรรคาวิถีวนาลีประเทศ อันนายพรานเจรบุตรมิคลุททกชาติ ให้โอวาทแก่ตนโดยนัยแสดงมาแล้วในหนหลัง ตํ ปเทสํ ตราบเท่าบรรลุถึงอาศรมบทศาลาอรัญประเทศขอบเขตอันเป็นที่สุดอยู่ของอัจจุตฤาษี ก็มีในกาลครั้งนั้นแล รับประทานแสดงมาในเวสสันดรชาดกเทศนากัณฑ์จุลพน ก็ยุติแต่เพียงเท่านี้

    จุลฺลพนกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คจฺฉนฺโต โส ภารทฺวาโช อทฺทสฺส อจุตํ อิสึ ทิสฺวาน ตํ ภารทฺวาโช สมฺโมทิ อิสินา สห กจฺจิ นุ โภโต ภุสลํ กจฺจิ โภโต อนามยํ กจฺจิ อุญเฉน ยาเปถ กจฺจิ มูลผลา พหูติ

    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราช ในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก กัณฑ์ที่ ๗ ว่าด้วยเรื่องพระเวสสันดร กัณฑ์มหาพนสืบต่อไป เพื่อให้พระพุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องไพรสณฑ์ต่อจากกัณฑ์จุลพนไปตามสมควรแก่เวลา

    ดำเนินความตามวาระพระบาลีที่ได้ยกขึ้นไว้ในเบื้องต้นนั้นว่า เมื่อพราหมณ์ชูชกผู้เป็นภารทวาชโคตรเข็ญใจ เดินไปตามป่าโขดเขาอรัญวิถีที่นายพรานเจตบุตรชี้ให้ก็ได้พบฤาษีอันมีนามว่าอจุตฤาษี จึงเข้าไปกราบกรานประณมอัญชลีแล้วมีสุนทรพจน์ไต่ถามถึงสุขทุกข์กับพระฤาษีว่า

    ข้าแต่พระเป็นเจ้า สถานที่นี้มีโรคภัยเบียดเบียนหรือ ไม่มีอุปัทวอันตรายมาย่ำยีหรือ มีมูลผลาหารพอหาได้ง่ายไม่ฝืดเคืองเบื้องบาทหรือประการใด ไม่มีเหลือบยุงบุ้งร่านริ้นกินโลหิตหรือประการใด ไม่มีอสรพิษสัตว์คลานมารบกวนพระผู้เป็นเจ้าดอกหรือ ไม่มีหมู่สัตว์ร้ายมากล้ำกรายราวีดอกหรือพระเจ้าข้า

    ตาปโส อาห ฝ่ายพระอจุตฤาษีจึงตอบสุนทรวาทีของชูชกผู้ธชีว่า ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่มีโรคภัยอันใดเบียดเบียน ทั้งอุปัทวอันตรายก็ไม่มีแก่เรา หาเลี้ยงชีพได้โดยง่ายไม่ฝืดเคือง มูลผลาหารก็หาได้ง่ายไม่ลำบาก เหล่าเหลือบยุงบุ้งร่านริ้นอันจะกัดกินโลหิตก็ไม่มี จำพวกสัตว์อสรพิษก็ไม่มีมารบกวน จำพวกสัตว์ทั้งมวลในป่าใหญ่นี้ก็ไม่มีมาเบียดเบียนเรา นับตั้งแต่เรามาอยู่อาศรมศาลานี้ล่วงปีไปเป็นอันมากแล้ว เรานี้ยังไม่รู้สึกลำบากด้วยความเจ็บไข้ ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายนี้ไม่มีความสุขสำราญ

    ดูก่อนมหาพราหมณ์พฤฒาจารย์ การที่ท่านมาถึงสำนักเราในคราวนี้จักเป็นการสวัสดิมงคล ถึงท่านจะด้นดั้นมาแต่ไกลก็เหมือนประหนึ่งว่าใกล้ เพราะได้ลาภอันดี คือ เราทั้งสองต่างได้เกิดโสมนัสมีใจชื่นชมต่อกัน นี่แน่ะท่านมหาพราหมณ์ ขอเชิญท่านเข้าไปในโรงน้ำชำระมือเท้าอาบกินตามสบายเถิด ผลไม้เป็นอันมากหลาก ๆ กัน คือ มะพลับ มะหาด มะซาง หมากเม่าอันมีรสโอชาคล้ายน้ำผึ้งล้วนสุกหอม มีรสหอมหวานชื่นใจ เราได้เก็บมาไว้ในบรรณศาลา ขอเชิญท่านจงเลือกบริโภคตามความประสงค์เถิด ทั้งน้ำฉันอันเย็นใสสะอาด เราก็ตักมาไว้แต่ในหุบห้วยห้องละหานลำธารเขา เชิญท่านเข้าไปบริโภคให้สำราญเถิด

    ชูชโก อาห ฝ่ายชูชกพราหมณ์จึงตอบขึ้นด้วยถ้อยคำอันงามว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญด้วยกุศลราศี สิ่งใดที่ท่านกรุณาให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอรับสิ่งนั้นไว้ด้วยความยินดี การที่พระผู้เป็นเจ้าได้ต้อนรับข้าพเจ้าด้วยผลไม้น้อยใหญ่ทั้งปวงนี้ เป็นความอารีของพระคุณเจ้าเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้อุตสาหะด้นดั้นมานี้ยังมีอยู่ คือ ข้าพเจ้ามีความประสงค์จะพบองค์พระเวสสันดรบรมนราธิบดี ผู้เป็นพระปิโยรสแห่งพระเจ้ากรุงสีพีซึ่งมีพระนามว่าพระเจ้าสญชัย ที่ได้พลัดพรากจากข้าพเจ้าและชาวสีพีมานานแล้ว ถ้าพระผู้เป็นเจ้ารู้ตำแหน่งที่สถิตของพระอิสสรพงศ์เพสยันดรแล้ว ขอพระผู้เป็นเจ้าจงกรุณาแจ้งให้แก่ข้าพเจ้าทราบด้วยเถิด พระคุณเจ้าข้า

    ตาปโส อาห พระอจุตตดาบสผู้ปรากฏด้วยปรีชาญาณ จึงมีบรรหารตอบไปว่า เหม่ ๆ ตาพราหมณ์ถ้อยร้อยตำรา การที่มึงมานี้ไม่ใช่มาด้วยความสวัสดี หรือเพื่อจะเยี่ยมเยียนพระมิ่งโมลีเวสสันดรเจ้าเป็นแน่ กูเข้าใจแท้ว่า การที่มึงมานี้โดยที่มึงมีความประสงค์จะทูลขอเอกองค์อัครมเหสีผู้เคารพนบนอบในพระบรมราชสามี หรือมิฉะนั้นมึงก็จักมาทูลขอซึ่งหน่อขัตติเยศทั้งสองศรีไม่ชาลีก็กัณหา เพื่อจักนำไปเป็นทาสทาสีของมึงเป็นแน่นอน หรือมิฉะนั้น มึงก็จักต้องมาทูลขอพระหน่อน้อยทั้งสององค์เป็น ๓ ทั้งพระมัทรี ไปจากวนาลีเป็นเที่ยงแท้ พุทโธ่เอ๋ย นับตั้งแต่พระองค์เสด็จมาทรงยับยั้งอยู่ในราวไพร ทรัพย์สมบัติสิ่งใดก็มิได้ติดพระองค์มา มึงกระไรเลยช่างไม่คิดมีแก่จิตสักนิดเดียว กูเห็นว่ามึงนี้เป็นคนลามกยิ่งนักหนา
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตํ สุตฺวา ชูชโก อาห ครั้นชูชกชาติเข็ญใจได้ฟังถ้อยคำต่อว่าของพระดาบสดังนี้แล้ว จึงตอบว่า ข้าแต่พระดาบสผู้แสวงหาผลประโยชน์ อันตัวข้าพเจ้านี้ไม่สมควรที่ท่านจะโกรธ ด้วยมิได้เป็นคนโหดเหมือนท่านว่า คือไม่มุ่งหวังตั้งหน้ามาขอทาน อันจะเป็นการเสื่อมเสียประเพณีของพราหมณ์มหาศาล การที่ได้พบเห็นท่านที่เป็นอริยะชนเช่นนี้ ย่อมเป็นการดีมีแต่ความสุข การอยู่ร่วมกับอริยะชนก็หาทุกข์มิได้ ตั้งแต่พระเจ้าสีพีเวสสันดรเสด็จแรมร้างจากพระนครมา ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นพระพักตราของพระองค์เลย จึงได้อุตสาหะด้นดั้นค้นหาในราวไพรที่ไม่เคยมาเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อจักได้พบปะพระผู้ทรงธรรม ถ้าพระผู้เป็นเจ้ารู้จักตำแหน่งที่ประทับของสมเด็จพระเวสสันดรเข้าแล้ว ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้ประดับด้วยกุศลราศี จงมีความอารีชี้บอกให้ข้าพเจ้าทราบด้วยเถิด

    โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ฝ่ายพระอจุตฤาษี เมื่อได้ฟังมุสาวาทของธชีชูชกยกขึ้นรำพันถึงพระเวสสันดรเจ้าด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็เกิดความเชื่อถือว่าเป็นจริงโดยไม่สอดแคล้วกินแหนงในใจจึงตอบว่า ดูก่อนมหาพราหมณ์ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการดีแล้ว แต่พรุ่งนี้เถิดเราจึงจะบอกทางให้ เพราะวันนี้ก็เย็นแล้ว ขอท่านจงยับยั้งอยู่ที่นี้ก่อน

    ครั้นเปล่งสุนทรวาจาดังที่ว่ามานี้แล้ว จึงขอให้ชูชกพักผ่อนบริโภคผลไม้ตามมีตามได้ เมื่อพระสุริโยทัยไขแสงสว่างขึ้นมาในท้องฟ้า พระดาบสจึงพาพราหมณ์เฒ่าไปยืนที่ต้นทาง พลางยกมือเบื้องขวาขึ้นชี้มรรคามีวาจาแนะนำว่า ดูก่อนมหาพราหมณ์ ข้างหน้าโน้นเป็นภูเขาใหญ่ยอดเยี่ยมโพยมในเวหา ทรงสุคนธาหอมตลบอบใจเหมือนกับจะให้ผู้ไปถึงมัวเมา อีกประการหนึ่งเป็นภูเขาที่ยังโลกให้ชื่นบานด้วยกลิ่นสุคนธาเป็นนิตยกาล ภูเขานั้นได้นามโวหารว่า ภูเขาคันธมาทน์คิรี

    ขอเชิญธชีจงบ่ายหน้าไปทางทิศอุดรตามเชิงสิงขรคิรีที่เราชี้เถิด สมเด็จพระเวสสันดรผู้ประเสริฐด้วยทานบารมีกับมิ่งมิตรพระมัทรีและพระราชโอรสธิดา เสด็จประทับอยู่ในอาศรมบทศาลา ที่สมเด็จอมรินทราทรงประสาทให้ท้าวไท ๔ พระองค์ ได้ทรงหนังเสือต่างพระภูษา กระหมวดมุ่นพระเมาฬีเป็นชฎา ทรงถือซึ่งเครื่องบริกขารดาบส คือ ขอ เสียม สาแหรก คาน กระเช้า สำหรับมูลผลาหารพร้อมหมดทุกประการ มีทั้งทัพพีสำหรับตักควันบูชาไฟ บรรทมบนใบไม้ลาดปฐพีต่างพระยี่ภู่ ทรงตั้งพระทัยมั่นเจริญฌาน

    ดู่ก่อนมหาพราหมณ์พฤฒาจารย์ ที่ใกล้อาศรมสถานนั้น ปรากฏด้วยหมู่ไม้ล้วนมีสีเขียวสดเหมือนกับกลีบเมฆ มีสีเขียวจุรีเรกเหมือนกับอัญชนะคิรี ล้วนมีดอกต่างสีและมีผลแปลกกัน มีทั้งไม้ตะแบก ไม้หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้ตะคร้อ ตั้งอยู่ติดต่อกันเป็นหมู่ ๆ เวลาถูกลมรำเพยพัดก็สะบัดโบกลำต้นเขยื้อนโยกอยู่ไปมาเหมือนกับมาณพไม่เคยรู้รสสุรา พอดูดดื่มเข้าไปคราวเดียวมิทันหมดก็เมามาย ไม่สามารถจะดำรงกายให้เป็นปกติอยู่ได้ บนกิ่งไม้นั้น ๆ ย่อมมีเสียงสนั่นหวั่นไหวอยู่ด้วยเสียงนกต่าง ๆ น่าจับใจ เหมือนกับเสียงสังข์ดีดบรรเลง ฝูงนกโพระดกและนกดุเหว่ากะลาง บ้างก็ใช้ปีกจิกหางพลางส่งเสียง บ้างก็โผผินบินเลี่ยงจากต้นไม้นี้ไปต้นโน้น บ้างก็ถูกกิ่งก้านใบโดยกระทบกระทั่งส่งเสียงสำเนียงครวญครางอย่างประหนึ่งว่าจะชักชวนให้ตนเดินทางรั้งรอหยุดยืน ฝูงนกวิหคและเหล่าพฤกษาในไพรสณฑ์อาจยังคนให้มาถึงให้ยินดี อาจยังคนผู้พักผ่อนให้เกษมศรีสำราญ

    ดูก่อนพราหมณ์พฤฒาจารย์ พระเวสสันดรราชฤาษีผู้ทรงสร้างพระบารมีโพธิสมภารนั้น พระองค์ทรงหนังเสือเหลืองต่างพระภูษา กระหมวดมุ่นพระเมาฬีชฎา ทรงเครื่องบริขารสำหรับดาบส ทรงตั้งพระหฤทัยเจริญพรตในอาศรมบทที่นั้น พร้อมทั้งพระราชโอรสธิดาและพระอัครมเหสี ฯ ดูก่อนพราหมณ์ผู้เป็นธชี ที่ภูมิภาคบางแห่งนั้นราบรื่นดาษดื่นไปด้วยดอกกุ่มตระการตา บางแห่งก็ดาดาษไปด้วยหญ้าแพรกอันสดเขียว ผงเผ่าเถ้าธุลีสักนิดเดียวมิได้ฟุ้งขึ้นในที่นั้น เพราะที่นั้นล้วนแต่มีหญ้าแพรกขึ้นปกกั้นทั้งนั้น อันหญ้านั้นมีสีเขียวคล้ายขนคอนกยูง มีสัมผัสอันอ่อนนุ่มเหมือนกับสำลี มีขนาดยาวสั้น ๕ องคุลีเสมอกันไม่ก้ำเกิน ฯ

    เหล่ามะม่วงและชมพู่หมู่มะขวิดมะเดื่อสุกติดคาต้นต่ำ ๆ ป่าไม้ในที่ใกล้อาศรมสถานล้วนเป็นที่เบิกบานสำราญใจ สะพรั่งไปด้วยต้นไม้หลายอย่างต่าง ๆ กัน มีอุทกวารินอันมีกลิ่นหอมสะอาดเหมือนกับไพฑูรย์ชาติรัตนมณี ซึ่งหลั่งไหลมาแต่นทีธารในไพรสณฑ์ ฯ ดูก่อนมหาพราหมณ์ผู้มีใจเป็นกุศล ในที่ใกล้พระอาศรมของพระมิ่งมงคลเวสสันดรนั้นมีสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยม เปี่ยมด้วยน้ำและประทุมมาลย์ปานดังนันทาโบกขรณีอันมีในสวรรค์

    เอวํ จตุรสฺสโปกขรณีวณฺเณตฺวา ครั้นพระดาบสพรรณนาสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยมดังนี้แล้ว จึงพรรณนาสระมุจลินท์ต่อไปว่า ดูก่อนมหาพราหมณ์ผู้เจริญ ยังมีสระอีกสระหนึ่ง ชื่อว่ามุจลินท์ เป็นสระมีน้ำใสขาวสะอาดเดียรดาษไปด้วยประทุมชาติพันธุ์ คือ บัวผัน บัวเผื่อน บัวเขียว บัวแดง บัวหลวงเต็มไปทั้งนั้น บัวต่าง ๆ นั้นย่อมคลี่บานอยู่ทุกฤดูกาล บ้างก็บานในหน้าหนาว บ้างก็บานในหน้าร้อนโดยไม่กำหนดแน่นอน มีทั้งผักทอดยอดอันทอดต้นไปบนน้ำ แขนงแยกแตกตามข้อลำต้น สระมุจลินท์นั้นโสภณพิจิตรเหมือนกับประดิษฐ์ด้วยดอกไม้ พวงแมลงภู่ แมลงผึ้งย่อมลงไปคลึงเคล้าเอารสเกสร กลับไปสู่รวงรังไม่ยั้งหยุดตามวิสัยของตน ฯ

    ดูก่อนมหาพราหมณ์ผู้เจริญ ผลต้นพฤกษาชาติในที่ใกล้สระนั้นมีต่าง ๆ เป็นต้นว่าต้นกะทุ่มแคฝอยอีกหลายอย่าง ล้วนผลิดอกออกสล้างน่าพึงใจ มีทั้งไม้ปรูซากเดียรดาษ ปาริกชาติเรียงไสว กากะทิงกิ่งก้านแกมดอกไม้ หมู่ไม้เหล่านี้มีอยู่ทั้งสองฟากตามปากสระนั้น อีกทั้งต้นซึกขึ้นแทรกด้วยแคขาว มีก้านทอดยาวถึงปากสระปะทะบัว ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจให้บันเทิง มีคนทีสอคนทีเขา เหล่าประดู่มะคำไก่ขึ้นคู่พิกุลและต้นแก้ว เหล่ามะรุมเรียงรายขยายแถวขึ้นเป็นแนว กับการเกตกรรณิการ์ชบาบาน รกฟ้าขาวรกฟ้าดำงามสลอน ขึ้นเป็นทิวแถวสะท้อนและทองกวาว แย้มแยกแตกยอดสอบแทรกใบ สีสดใสแดงอร่ามดูงามแพรวพราว

    ไม้หมากสิงทิงตีเป็นแถวยาว กล้วยกลายหลายเหล่าแลเพลินใจ คำคนทาดาษดื่นพื้นพรรณไม้ นมแมวประดู่ลายรายเรียงกัน สลอดและมะไฟไม้งิ้วง้าว ต้นช้างน้าวขึ้นสะพรั่งดังปลูกสรรค์ ต้นพุดขาวเหล่ากฤษณามีครามครัน มะเกลือดำตามพรรณชนิดไม้ โกฏฐ์สอโกฏฐ์เขมาเหล่าเครื่องยา พรรณพฤกษาอ่อนแก่แลไสว ลำต้นตรงไม่โค้งงอผลิช่อใบ เกิดอยู่ในที่ใกล้สระและพระอาศรมของพระเวสสันดรบรมราชฤาษี ฯ

    ยังมีพรรณไม้อีกหลายอย่าง ที่เกิดอยู่ตามฝั่งสระ คือตะไคร้ใบเขียวเรียว อีกทั้งถั่วเขียวถั่วราชมาส ทั้งสาหร่ายแหนสันตวาดูดาดาษ น้ำในสระก็ใสสะอาดน่าชื่นใจ ในเวลาถูกลมชายรำพายพัดก็ฉวัดเฉวียนเป็นระลอก นอกจากนี้ยังมีต้นหงอนไก่ขึ้นใกล้ต้นเต่ารั้ง ผักบุ้งร้วมขึ้นไม่ห่างข้างเคียงราย บางต้นประดับด้วยกล้วยไม้หลายอย่างต่างพรรณ ล้วนมีกลิ่นหอมอยู่ ๗ วันไม่พลันหาย
    อันปทุมชาติเหล่านั้นล้วนเรียงกันอยู่สองฝั่งสระ มีลำต้นไม่เกะกะขึ้นเป็นแนวแถวสร้าง เหมือนบุคคลปลูกสร้างไว้ได้ระดับนัก ที่ป่านั้นดาดาษด้วยราชพฤกษ์ดูงามตาล้วนมีดอกหอมตั้ง ๑๕ ราตรีไม่เลือนหาย ดอกอัญชัญเขียวอัญชัญขาวเหล่าทุมเทง บ้างตูมบานบ้างเหี่ยวแห้งร่วงโรยรา ในที่นั้นประดับประดาด้วยอบเชยและแมงลัก ประหนึ่งว่าจักอภิรมย์ด้วยกลิ่นสุคนธชาติ มีภาคพื้นล้วนสะอาดเป็นรมณียสถาน ฝูงแมลงภู่และแมลงผึ้งต่างก็บินเคล้าคลึงเอาเกสร แล้วก็บินวะว่อนเข้าสู่รัง ฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...