ความแย่ของพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษหน้า 7 #123 ขึ้นไป

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย glassbuddha2009, 23 มีนาคม 2019.

  1. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    48360214_1022920321225652_2254939430483656704_n.jpg การชุบผิวแก้วเรียกว่า ชุบกะหลั่ย มีหลายสี มีสีเงิน สีทอง สีมุขและสีรุ้ง โรงงานชุบกะหลั่ยนี้คือโรงงานของพ่อเพื่อนผมเอง ชื่อโรงงานชุบมุ้ยกวง อยู่ไม่ไกลจากโรงงานหลอมแก้วผมครับ

    ในภาพนี้เป็นการชุบมานานมากแล้ว ที่ชุบใหม่ๆสีจึงจะสดใสครับ
     
  2. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
  3. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ขณะนี้กำลังติดต่อกับคุณทนงศักดิ์ โบจรัส เจ้าของหนังสือ " พระแก้วแห่งสยาม " ว่า หากค่อยๆทยอยส่งพระแก้วมาให้ผมดูทีละองค์ และผมค่อยๆทยอยส่งกลับพระแก้วองค์ที่ส่งมานั้นส่งคืน ผมจะได้ดูเนื้อแก้วจากพระแก้วว่า ในจำนวนพระแก้วที่มีโรงงานสร้างพระแก้วมากนับร้อยโรงงาน อาจมีบางโรงงานหรือไม่ ? ที่มีเนื้อแก้วที่เป็นเกรดที่ดี มีค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 เพราะตอนแรกที่ผมนึกว่าผมรู้จักมากถึง 25 โรงงานแก้ว เมื่อนับเอาจริงๆ ก็มีรู้จักอยู่เพียง 17 - 18 โรงงานเท่านั้นที่ผมรู้จักเคยรู้ว่า เขาเหล่านั้นเคยสร้างพระแก้ว และค่อนข้างแน่ใจว่า เขาเหล่านั้นใช้แก้วเกรดต่ำ มีค่าอัลฟ่าสูงกว่า 100 ทั้งสิ้น

    แต่ในจำนวนโรงงานแก้วที่มีถึง 100 โรงงานในอดีตนั้น อาจมีที่เคยสร้างพระแก้วเพียง 50 - 60 โรงงาน ผมเพียงอยากทราบว่า ในโรงงานเหล่านี้ มีบ้างหรือไม่ ? ที่สร้างได้ดี คือสร้างด้วยแก้วเกรดค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 ในยุคปี พ.ศ. 2498 - 2525 พวกเราจะได้รู้กันไปเลยถึงรายละเอียดตรงนี้ครับ
     
  4. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    หลังปี พ.ศ. 2535 พวกเราชาวช่างแก้วค่อนข้างแน่ใจว่า แทบทุกโรงงานแก้วในไทย สามารถหลอมแก้วโซดาไลม์ซิลิก้า ซึ่งเป็นแก้วสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษทุกรุ่นทุกขนาดตั้งแต่ 2498 เราหลอมหรือมีความสามารถหลอมได้ค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 เพียงแต่บางโรงงานเท่านั้น ที่เขายังไม่อยากยกคุณภาพ เพราะราคา

    ต่อมาหลังปี พ.ศ. 2540 พวกเราชาวช่างแก้ว ยิ่งมั่นใจว่า แทบทุกโรงงานในไทย สามารถและได้หลอมแก้วทุกวันด้วยค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 แล้ว เพราะเหตุบังเอิญที่นำวิกฤตมาเป็นโอกาส

    ดังนั้น พระแก้วที่สร้างหลังจากปี พ.ศ. 2535 แทบไม่ต้องดูเลย เพราะเขามีค่าอัลฟ่าของแก้วต่ำกว่าร้อยแล้วเกือบทุกองค์หรือทุกองค์ พอหลังปี พ.ศ. 2540 ยิ่งแน่ใจว่า ทุกองค์ค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 แน่นอน และยิ่งประกอบกับการออกแบบเดือยที่มีความยาวมากยิ่งขึ้น ทำให้โพรงอากาศใต้ฐานมีขนาดใหญ่และโพรงนั้นขยายขึ้นไปถึงพระศอ ( คอ ) ยิ่งทำให้พระแก้วยุคหลังๆ มีความง่ายต่อการสร้างและการอบมากยิ่งขึ้น

    หมายเหตุ
    นายช่างแก้วที่อ่านอยู่อย่าเพิ่งหัวเราะผมนะครับ เดือยยิ่งลึกยิ่งสร้างยาก แต่ผมกำลังหมายถึงว่า เมื่อสร้างเสร็จ ง่ายต่อการอบลดอุณหภูมิมากครับ
     
  5. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ค่าอัลฟ่าแก้วหมายความว่าอย่างไร ?

    หมายความว่า ถ้าเกรดแก้วเป็นค่าอัลฟ่าสูงกว่า 100 เมื่อแก้วถูกอุณหภูมิสูงขึ้น เช่น ใช้หลอดไฟที่แรงมากๆเหมือนสมัยก่อน มีหลอดเมอร์คูรี่, หลอดทังสเตนขนาดสูงกว่า 40 watt อาจเป็น 100 วัตต์ หรือสปอตไล้ท์ที่ให้แสงพุ่งไปข้างหน้ามากและองศาแคบ ความร้อนจะสูงที่ด้านหน้าหลอดมากกว่าสปอตไล้ท์ธรรมดา 30% เขาใช้หลอดพวกนี้ในการให้ความร้อนต้นไม้ ให้สัตว์อุ่น ฟักไข่ และถ่ายภาพหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ ในสมัยก่อน แค่หลอดสปอตไล้ท์เพียง 60 วัตต์ก็สามารถทำให้ผิวแก้วขยายตัวได้แล้ว เพราะค่าอัลฟ่าสูง

    แต่ผมเป็นเด็กที่มีความสนใจเรื่องแก้วมาตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ ผมใช้วิธีดมผิวแก้ว ซึ่งใครจะเชื่อหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ผมมักใช้วิธีนี้ในการดูผิวแก้ว ก็พอจะรู้ได้ว่า แก้วนั้นค่าอัลฟ่าสูงหรือต่ำกว่า 100 แต่อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ ความสามารถพิเศษที่ผมค้นพบตอนเด็กเล็ก อาจผิดพลาดก็ได้
     
  6. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    mdet.jpg
    องค์นี้คือพระแก้วคริสตัลเนื้อตันๆ หน้าตัก 9 นิ้วที่ผมสร้าง ถ้าเป็นลาลีคฝรั่งเศสองค์นี้ขายในตลาดไม่เสียภาษีองค์ละ 4 แสนเศษ ผมนำไปน้อมถวายพระภิกษุในพระพุทธศาสนารูปหนึ่ง โดยผมทดลองด้วยการใช้หลอดไฟสปอตไล้ท์ Par เล็กแต่วัตต์สูงมาก คือหลอดเล็กแต่วัตต์มากถึง 120 วัตต์ ให้ความร้อนที่ผิวหลอดมากกว่า >200C เปิดไฟตั้งแต่ 08.00 - 12.00 น. โดยมีการปิดพักทุก 1 ชั่วโมงเพียงครั้งละ 2 - 3 นาที ต่อหน้าสักขีพยานนับพันคนที่มาชมพระบารมี

    ผมสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วจำนวนหนึ่งจำได้ว่าไม่ถึง 10 องค์และน้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาทั้งหมด ไม่เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวแม้แต่องค์เดียว
     
  7. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    a036.JPG
    ครั้งที่น้อมถวายไว้แก่อดีตเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พระเทพโกศล พระเทพโกศลแต่งพระภิกษุสงฆ์ 4 รูปมารับพระแก้วเนื้อคริสตัลตันๆหน้าตัก 9 นิ้วที่บ้านผม พอดีผมอยู่คนเดียว พระภิกษุอีกรูปจึงเมตตาถ่ายไว้ ไม่เช่นนั้น ผมก็ไม่มีหลักฐานเหมือนทุกๆครั้งที่ผมน้อมถวาย ผมไม่เคยสนใจหลักฐานใดๆ

    ผมคือคนนุ่งสีน้ำเงินครับ
     
  8. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    140217103505.jpg
    user236095_pic131181_1364111523.jpg
    user236095_pic40998_12554798311458.jpg
    พระแก้วปางคันธารราฐหน้าตัก 9 นิ้ว ชนิดกลวง เป่าด้วยปอด ใช้แก้วโซดาไลม์ซิลิก้าเกรดค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 ที่ผมให้โรงงานแก้วเจษฏาร่วมกับผมร่วมกันสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2548 สำเร็จในปีนั้น ผมสร้าง 500 องค์เมื่อสำเร็จผมได้แจกจ่ายผู้ร่วมโครงการและน้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาหมดทุกองค์ ไม่เหลือเก็บไว้แม้แต่องค์เดียว

    ผมทดลองด้วยการตั้งพระแก้วไว้ในตู้กระจกที่รับแสงพระอาทิตย์ทิศตะวันตก คือไม่ต้องทำอะไรในตู้กระจกนี้ก็ร้อนมากอยู๋แล้ว ผมยังใช้หลอดสปอตไล้ท์ชนิดความร้อนพุ่งไปข้างหน้าและองศาแคบเพื่อทวีความร้อนไปที่พระเศียร ด้านบน ความร้อนที่หลอดไฟผลิตได้น่าจะประมาณ 110C ผมเปิดตั้งแต่ 10.00 น. - 20.00 น. ทุกวันเป็นเวลาประมาณ 1 ปี โดยไม่ปิดพักเลยแม้แต่นาทีเดียว แก้วที่เกรดดีนั้น ไม่ขยายตัว เนื้อแก้วแทบไม่ขยายตัว และเมื่อปิดไฟตอน 20.00 น. หากเป็นค่าอัลฟ่าสูงแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นแก้วก็จะแตกร้าวได้ แต่นี่ทดลองอยู่ 1 ปีเต็มทุกวันไม่พักเลย

    นับว่าผมได้พิสูจน์ค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 ในแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าที่โหดคนนึงในไทย หรือจะว่าในโลกดีครับ
     
  9. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    user236095_pic13785_1227018187.jpg
    น้อมถวายหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโปจำนวนหนึ่งด้วยการส่งไปทางไปรษณีย์โดยใช้ชื่อพระภิกษุรูปหนึ่งที่ผมเคารพ คือเปรียบเหมือนท่านได้น้อมถวายหลวงปู่เปลี่ยนด้วยตนเองครับ

    แต่ภาพนี้คือผู้ร่วมโครงการท่านหนึ่งที่รับพระแก้วไปจากผมเพื่อน้อมถวายเอง แล้วท่านส่งรูปมาให้ครับ
     
  10. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    mould006.jpg xjg04.jpg xtf09.jpg
    สมัยหนึ่งผมเคยนำแม่พิมพ์เหล็กไปฝากไว้ที่โรงงานแก้วบูรพาเพื่อให้เขาได้ทดลองสร้าง เมื่อฝากไว้ประมาณ 1 ปีเศษ ทางโรงงานแก้วบูรพาได้แจ้งผมว่า เขาขอนำแม่พิมพ์เหล็กคืน เพราะการสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วถือว่าใหญ่กว่าขนาดปกติมาตราฐานที่หน้าตัก 5 นิ้วมาก หลังจากพิจารณามาเป็นปีแล้วจึงขอส่งคืน

    ผมยังยืนยันว่า โรงงานแก้วบูรพาเป็นโรงงานแก้วที่มีความสามารถสร้างได้นะครับ ไม่ถึงกับสร้างไม่ได้ แต่อาจเป็นเพราะการที่ผมก้าวกระโดดเร็ว จาก 5 นิ้วผมก้าวไป 9 นิ้ว คนอื่นอาจตามไม่ทัน แต่โรงงานแก้วเจษฏาซึ่งเป็นทายาทของปรามาจารย์ไท้ยิปเขาสร้างได้ด้วยการร่วมมือกันหลายฝ่ายครับ

    หากท่านใดจะสร้างพระแก้วขอให้นึกถึงชื่อโรงงานแก้วบูรพาไว้ครับ เพราะโรงงานแก้วเจษฏาได้ปิดกิจการลงเมื่อปี พ.ศ. 2561 แล้ว จึงหมดตำนานมือสร้างพระแก้วสายปรามาจารย์ไท้ยิปไปโดยสิ้นเชิงครับ
     
  11. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    มาเข้าเรื่องเกี่ยวกับพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษกันดีกว่าครับ
     
  12. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ถอยหลังไปช่วงประมาณปี พ.ศ. 2498 - 2525 เป็นช่วงที่มีสำนักขายพระแก้วจำนวนมาก ถ้านับสำนักขายพระแก้ว 25 สำนักหรือมากกว่านั้น เพราะมีสำนักที่ไม่ได้จดทะเบียน กับวัด หรือเกจิที่ไม่ยอมเข้ารวมกับสำนัก และผู้สร้างพระแก้วอิสระทุกเครือข่ายแล้ว น่าจะถึง 100 ราย คือมีความต้องการสูงมาก โดยเฉพาะที่เป็นสำนักขายพระแก้วที่ขายเทน้ำเทท่า สร้างกันเป็นหลักแสนองค์ก็มีมาก

    ส่วนผู้สร้างคือโรงงานหลอมแก้วก็มีจำนวนนับร้อยโรงงาน แต่ผมคาดการณ์เองนะครับว่า น่าจะมีมากกว่า 50 - 60 โรงงานหลอมแก้วที่เคยสร้างพระแก้วกันไม่มากก็น้อย ที่น้อยๆก็อย่างโรงงานผมนี่ถือว่าน้อย เพราะสร้างพระแก้วแค่ขัดตาทัพ หรือเกรงใจเพื่อนๆของพ่อที่เป็นเจ้าของสำนักขายพระแก้ว งานส่วนใหญ่ของผมคือสร้างโคมไฟ โคมถนน โถปั่นน้ำผลไม้ ตาไฟรถรยนต์และอื่นๆ ขนาดสร้างน้อยก็วันละไม่ต่ำกว่า 350 องค์ ( คือแบ่งมาแค่เบ้าเดียวถือว่าน้อยสุด ) ปกติมักแบ่ง 2 หรือ 3 เบ้า เบ้าละ 350 kg. ก็ประมาณตีว่าวันละ 1,000 องค์ แต่โรงงานที่สายอาจารย์วิชาแก้วเป็นผู้หลอมแก้วให้เขาอีก 17 โรงงาน อาจารย์เคยบอกว่า บางโรงงานสร้างพระแก้ววันละ 8 เบ้าจะได้พระแก้วประมาณวันละ 2,500 องค์ และส่วนมากสร้างกันแทบทุกวัน ส่วนมากขายตลาดมืด เพราะเขาให้ราคาดีกว่าสำนักฯและไม่คัดโหด แต่ก็คงมีเหมือนกันที่เขาอาจจะไม่ขายตลาดมืด ( ผมต้องพูดเช่นนี้เพราะจะพูดเหมารวมไม่ได้ ต้องพูดว่า ส่วนหนึ่งหรือส่วนมากดีกว่า เดี๋ยวจะมีปัญหาครับ )
     
  13. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    พระแก้ว 25 พุทธศตวรรษหลายๆปาง ที่มี 2 ถอด หรือ 3 ถอด เช่น พระพุทธชินราช มีซุ้มแสงแก้ว, พระนาคปรก มีนาคปรกที่ถอดแยกส่วน และอาจมีรุ่นอื่นปางอื่นอีกที่ทำหลายๆถอด

    วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่า ทำไม บางรุ่นในนั้น จึงมีเนื้อนาคปรกเฉพาะส่วนที่เป็นหัวพญานาคเป็นพลาสติค หรือซุ้มแสงพระพุทธชินราชในบางรุ่น ทำไมเป็นพลาสติค
     
  14. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ในฐานะที่ผมเป็นผู้ควบคุมทีมช่างสร้างพระแก้วทั้งรุ่นนาคปรกและพระพุทธชินราช ผมสร้างมาแล้วคงนับไม่ถ้วน รุ่นที่ผมสร้างคือ องค์พระก็เป็นแก้ว ซุ้มแสงก็เป็นแก้ว หรือนาคปรก องค์พระก็เป็นแก้ว หัวพญานาคที่ถอดได้ก็เป็นแก้ว

    ต่อมาคุณทนงศักดิ์ โบจรัส เจ้าของหนังสือ " พระแก้วแห่งสยาม " ได้บอกกับผมเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่า ในตลาดมีการพูดถึง ชิ้นส่วนนาคปรกหัวพญานาค และซุ้มแสงที่เป็นเรซิ่น และที่เป็นอะคริลิค ทั้ง 2 วัสดุนี้เป็นตระกูลพลาสติค มีคนเชื่อว่า ซุ้มแสง หรือ หัวพญานาค อาจไม่นับรวมเป็นชิ้นส่วนที่มาจากสำนักขายพระแก้ว ซึ่งตรงนี้เราจะมาวิเคราะห์กัน ในฐานะที่ผมมีคุณพ่อที่เป็นเจ้าของโรงงานทำโคมไฟและมีการติดต่อกับโรงงานพลาสติคด้วย จึงสามารถวิเคราะห์ได้ คิดว่าไม่พลาดครับ
     
  15. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    46796963_1009516649232686_3508604108892274688_n.jpg
    credit ภาพจากคุณทนงศักดิ์ โบจรัส

    พระพุทธชินราชแก้ว มีซุ้มแสงที่ถอดและใส่ประกอบได้ หากเป็นรุ่นที่ทีมช่างของผมสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2516 - 2520 นั้น ทั้งองค์พระก็เป็นแก้ว ทั้งซุ้มเรือนแสงก็เป็นแก้ว เป็นแก้วชนิดโซดาไลม์ซิลิก้าค่าอัลฟ่าสูงกว่า 100 ( มีการขยายตัวเมื่อถูกความร้อน ถึงแม้การขยายตัวตามหลักวิชาแก้วจะถือว่าสูง แต่ก็ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่ายกเว้นมีเครื่องมือมาวัด )
     
  16. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    แต่ทำไมถึงมีซุ้มแสงที่เป็นเรซิ่น หรืออะคริลิคเข้ามาในบางองค์ ผมวิเคราะห์อย่างนี้ครับ

    1 ซุ้มแสงที่เป็นแก้วได้ชำรุดแตกหักในระหว่างการขนส่ง หรือขณะที่อยู่ในโกดังของสำนักขายพระแก้ว ซึ่งความจริงแล้ว ทางโรงงานแก้วรับผิดชอบให้อยู่แล้ว คือแตก ร้าว ไม่ว่ากรณีใดๆทางโรงงานแก้วจะชดใช้ให้สำนักฯใหม่ โดยต้องมีชิ้นส่วนที่แตกหักเดิมมาครบ จะชดใช้ให้โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ นี่ก็อีกธรรมเนียมหนึ่งที่ถือว่า " โหด " สำหรับโรงงานแก้ว จึงเป็นเหตุให้มีการขายให้ตลาดมืดที่เขาให้ราคาสูงกว่า และไม่มีสัญญาตัวนี้ ถือว่าขนกันทีละคันรถหกล้อบ้าง สิบล้อบ้าง ไม่มีพันธะใดๆ โรงงานแก้วส่วนที่ขายให้ตลาดมืดชอบยิ่งกว่าขายให้สำนักขายพระแก้วเสียอีก
     
  17. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    1 ยังอยู่ที่ข้อ 1 นะครับ

    เมื่อสำนักขายพระแก้วเห็นว่า เสี่ยงมากที่ซุ้มอาจไปแตกปลายทาง แล้วจะเกิดปัญหา จึงมีการสร้างซุ้มแสงด้วยวัสดุเรซิ่น หรืออะคริลิคพลาสติคขึ้นแทน เพราะว่า ไม่อยากรับผิดชอบเหมือนโรงงานแก้ว แต่ก็คงมีบางรุ่นที่ขายทั้งองค์และซุ้มเป็นแก้วก็คงมี

    ซุ้มแสงที่เป็นเรซิ่น สร้างได้ด้วยต้นทุนแม่พิมพ์ที่ต่ำมาก คือแม่พิมพ์เรซิ่นใช้เงินเพียงหลักพันต้นๆ แต่ตัวเรซิ่นกลับแพงกว่าอะคริลิค จึงน่าจะมีการสร้างแค่ชดเชยในระยะต้นๆของสำนักฯ คือพอสำนักรู้ถึงปัญหานี้ และจะแก้ไขปัญหา ก็เลือกใช้เรซิ่นก่อน เพราะเร็ว สร้างกันไม่กี่วันก็ได้ของไปชดเชยก่อนเลย ไม่ต้องถูกลูกค้าโวยวาย
     
  18. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    2 ต่อมาเมื่อโรงงานเรซิ่นส่งชิ้นซุ้มแสงมาให้สำนักขายพระแก้ว เขาส่งมาสมมุติว่า ชิ้นละ 20.- บาท เมื่อเจ้าของสำนักขายพระแก้วมาคุยกับคุณพ่อผม คุณพ่อผมรู้จักโรงงานฉีดอะคริลิคพลาสติคทั้งในและต่างประเทศอยู่หลายโรงงาน ท่านอาจแนะนำให้สร้างชิ้นส่วนนี้เป็นอะคริลิคไปเลย เพราะราคาต่อชิ้นถูกมาก อาจแค่ 5.- บาทเท่านั้น แต่การลงทุนแม่พิมพ์ฉีดอะคริลิคพลาสติคราคานับหลายหมื่นบาท หรือหมื่นปลายๆ และใช้เวลาสร้างแม่พิมพ์นานนับเดือน และโรงงานฉีดอะคริลิคต้องใช้เวลากว่าจะสำเร็จก็คงอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้น การสร้างซุ้มแสงในระยะขัดตาทัพจึงอาจสร้างด้วยเรซิ่นก่อน แต่ระยะยาวอะคริลิคพลาสติคจะถูกกว่ามาก และไม่แตกร้าว ไม่ชำรุดง่ายๆ

    ข้อวิเคราะห์ที่มีบางคนบอกว่า ซุ้มแสงที่สร้างด้วยอะคริลิคพลาสติคนั้น ต้องเป็นของปลอมนั้น ขอให้เลิกคิดได้เลย เพราะของปลอมเขาจะไม่ลงทุนแม่พิมพ์หลักหมื่นปลายๆกันครับ มีแต่สำนักขายพระแก้วเท่านั้นที่กล้าลงทุนเช่นนั้น เหมือนกันกับแม่พิมพ์พระแก้วแทบทุกรุ่นทุกปาง ก็ต้องสร้างกันหลัก 35,000.- บาท - 42,000.- บาทในสมัยนั้นนะครับ สมัยนี้เกิน 2 แสนไปแล้ว แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่า ค่าของเงินในสมัยนั้น ทองคำสมัยนั้นอยู่ที่บาทละ 380 - 450 บาท แต่สมัยนี้ทองคำบาทละหมื่นสองหมื่น
     
  19. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ถ้าซุ้มแสงขององค์ไหนสร้างด้วยอะคริลิคฉีด หรือการฉีด die casting plastic หรือจะเรียกว่า อะคริลิคเลเซอร์ แล้วแต่จะเรียก สรุปคือการขึ้นรูปด้วยการฉีดอัดอย่างแรงจนขึ้นรูปเป็นพลาสติคตระกูลหนึ่ง เรียกว่า อะคริลิคพลาสติค สมัยนั้นชอบเรียกอะคริลิคเลเซ่อร์ ไม่มีทางที่จะเป็นของปลอมได้ ไม่มีใครลงทุนเท่ากับสำนักขายพระแก้วครับ

    แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง คือมุมของนักนิยมวัสดุแก้ว ( อย่างผม ) ผมอาจถือว่า เป็นวัสดุแปลกปลอมก็เป็นไปได้ เป็นการถือด้วยคติความชอบวัสดุเป็นการส่วนตัวครับ

    ดังนั้น ท่านที่มีซุ้มแสงเป็นอะคริลิคพลาสติค ท่านคงโชคดีกว่าคนที่มีซุ้มแสงเป็นแก้วครับ เพราะซุ้มแสงแก้วมีขายในตลาดมืด แต่ไม่มีซุ้มแสงอะคริลิคขายในตลาดมืดครับ
     
  20. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ในกรณีนาคปรกก็เช่นเดียวกันนะครับ เหมือนกันทุกประการครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...