มาต่อครับ!วิกฤติโลกร้อน ทำให้เชื้ออหิวาตกโรคกลายพันธุ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย K.Sancha, 2 มีนาคม 2007.

  1. K.Sancha

    K.Sancha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +238
    Seasons Change...
    สัญญาณเตือนภัย"วิกฤติโลกร้อน"
    [​IMG]"ร้อน...ร้อน...ร้อน"!!!
    [​IMG]"ภาวะโลกร้อน" ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้มีการบันทึกถึงปีที่มีอากาศ "ร้อนที่สุด" ถึง 3 ปี คือ ปี 2533 , 2538 และ 2540 ซึ่งแม้พยากรณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังมีความไม่แน่นอนหลายประการ แต่การถกเถียงได้เปลี่ยนหัวข้อจากคำถามที่ว่า "โลกกำลังร้อนขึ้นจริงหรือ"? เป็น.....
    [​IMG]"ผลกระทบจากการที่โลกร้อนขึ้นจะส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งที่มีชีวิตในโลกอย่างไร"???
    [​IMG]จากการทำงานของคณะกรรมการของรัฐบาลนานาชาติ ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศ ที่มีองค์การวิทยาศาสตร์ ร่วมมือกับ "องค์การสหประชาชาติ" เฝ้าสังเกตผลกระทบต่างๆ และพบหลักฐานใหม่ที่แน่ชัดว่าจากการที่ภาวะโลกร้อนขึ้นในช่วง 50 กว่าปีมานี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการกระทำของ "มนุษย์" โดยอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นในทุกหนทุกแห่งประมาณ 1.4-5.8 องศาเซล เซียส และยังเป็นผลให้โลกตกอยู่ในภาวะ.....
    [​IMG]"Seasons Change...เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"!!!
    [​IMG]ทว่า.....สภาพภูมิอากาศไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าการที่อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเป็นเหตุให้ปริมาณผลผลิตเพื่อการบริโภคโดยรวมลดลง ซึ่งทำให้จำนวน "ผู้หิวโหย" เพิ่ม ขึ้นอีก 60-350 ล้านคน.....
    [​IMG]"พฤติการณ์" ที่เป็น "ตัวการ" ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน พบว่า "นโยบายพลังงาน" ที่ "เสพติด" กับ "พลังงานฟอสซิล" โดยเฉพาะ "ถ่านหิน" คือ ตัวการสำคัญเพราะมันจะปล่อย "คาร์บอนได ออกไซด์" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน โดย "คนไทย" ก็ติด "ท็อปเทน" ของประเทศที่มี "เอี่ยว" ทำโลกร้อนด้วย!!!
    [​IMG]"ธารา บัวคำศรี" ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนกำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่แทนที่รัฐบาลจะทำ "วิกฤติโลกร้อน" ให้เป็นโอกาสเพื่อนำเสนอพลังงานทางเลือก "กระทรวงพลังงาน" กลับทำในทางตรงข้ามด้วยการสนับสนุนโครงการสร้าง "โรงไฟฟ้าถ่านหิน" เช่น "โรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP" ที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ ถึง 22.4 ล้านตัน ในเวลา 20 ปี ของการดำเนินงาน โรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP จึงเป็นปัจจัยที่ชัดเจนที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
    [​IMG]"ประเทศไทยต้องหยุดการใช้ถ่านหิน และกำหนดนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงโครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ่านหินเป็นพลังงานฟอสซิลที่สกปรกที่สุด ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 29% ต่อหน่วยพลังงานเมื่อเทียบกับน้ำมัน และ 80% เมื่อเทียบกับการใช้ก๊าซ ถ่านหินจึงเป็นตัวการก่อภาวะโลกร้อนอย่างชัดเจนที่สุด กรีนพีซประมาณว่าโรงไฟฟ้า BLCP ซึ่งมีกำลังผลิต 1,434 เมกะวัตต์ จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปีละ 11,933,748 เมตริกตัน และทัน ทีที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของไทย จะพุ่งขึ้นอีกปีละ 5.9%" ธารา กล่าว
    [​IMG]"ธารา" กล่าวอีกว่า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เช่น ภาวะแห้งแล้ง และพายุ คุกคามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรายงานทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า "ไทย-ฟิลิปปินส์" สูญ เสียมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประมาณ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 83 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ
    [​IMG]"ปัญหาด้านสุขภาพ" ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงด้วย เนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นที่สูงขึ้นส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของ "ยุง"มากขึ้น ซึ่งนำมาสู่การแพร่ระบาดของ "ไข้มาเลเรีย-ไข้ส่า" นอกจากนี้โรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น "อหิวาตกโรค" ซึ่งจัดว่าเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วโรคหนึ่งในภูมิภาคนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จากอุณหภูมิและความชื้นที่สูงขึ้น
    [​IMG]ขณะที่จากข้อมูลของ "รศ.ดร.สิรินทรเทพ เต้าประยูร" ประธานสายสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัย ร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) พบว่า แม้โดยภาพรวมทั่วโลกแล้วไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสัดส่วนแค่ 0.8% แต่ในปี 2543 คนไทย 1 คนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออก ไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนมากถึงปีละ 2.18 ตัน ซึ่งจัดเป็น "อันดับ 9 ของโลก" โดยในประเทศไทยมี 3 ภาคหลักๆ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ คือ ภาคการผลิตไฟฟ้า 43% ภาคการขนส่ง 32% และภาคอุตสาหกรรม 25%
    [​IMG]"การประหยัดไฟ ดวงไหนไม่ใช้ก็ปิด ใช้เชื้อเพลิงให้น้อยลง ใช้รถขนส่งมวลชนให้มากขึ้น ก็จะช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐ บาลและประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน รวมทั้งดึงศักยภาพของพลังงานทดแทนมาใช้ ถ้าทำได้สำเร็จในปี 2554 จะสามารถลดอัตราการเพิ่มของก๊าซเรือนกระจกได้ 16%" รศ.ดร.สิรินทรเทพ กล่าว
    [​IMG]ด้าน "รศ.ดร.บัณฑิต ฟุ้งธรรมสาร" ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่ง แวดล้อม กล่าวว่า ข้อถกเถียงว่า "โลกร้อนจริงหรือไม่"? ได้ยุติลงแล้ว เพราะชัดเจนว่าเกิดภาวะโลกร้อนจริง และปัจจุบันก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อนได้เพิ่ม ขึ้นเป็น 400 ส่วนในล้านส่วน(ppm) นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 650,000 ปี และอาจสูงถึง 500 ppm ในปี 2550 ถ้าไม่มีมาตรการแก้ไขที่จริงจัง โดยการสกัดกั้นการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศต้องอาศัยการพัฒนา "เทคโนโลยีสะอาด" และจำเป็นต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจด้านพลังงานโลก แต่อุป สรรค คือ กว่า 80% ของเชื้อเพลิงหลักที่ผลักดันเศรษฐกิจโลกอยู่ในรูปของ "เชื้อเพลิงฟอสซิล"
    [​IMG]"ทั่วโลกต้องพยายามใช้พลังงานที่มีคาร์บอนน้อย เช่น ใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งมี 3 แนวทางหลัก คือ 1.ลดการใช้พลังงาน 2.ใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และ 3.พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อหา ทางลดคาร์บอนให้ได้ เช่น การกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ลงใต้ดินก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง" รศ.ดร.บัณฑิต กล่าว
    [​IMG]ส่วน "ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์" ประธานสายพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เราได้เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากภาคเกษตรไปเป็นภาคอุตสาหกรรม ซึ่งนำไปสู่การ "เสพติด...พลังงานฟอสซิล" การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดเกือบ 100% มาจากการใช้ฟอสซิล การปรับโครงสร้างไปสู่การไม่ใช้คาร์บอนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย จึงมีประเด็นว่าจะเปลี่ยนผ่านจากการรากฐานการใช้น้ำมันอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน
    [​IMG]"ที่ถูกต้องคือต้องลดความต้องการใช้พลังงานภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรและข้อจำกัดที่จะ ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทำได้โดยให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการปลูกป่าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่สิ่งสำคัญ คือ การปกป้องป่าดงดิบ ซึ่งเหลือแค่ 8% เพราะถ้าผืนป่าเหล่านี้ถูกเปลี่ยนเป็นไร่นาจะทำให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมหาศาล" ผศ.ดร.จำ นง กล่าว
    [​IMG]"Seasons Change...เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"!!!
    [​IMG]ถือเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของ "ภาวะโลกร้อน" ซึ่งสมควรที่ทุกฝ่ายจะร่วมมือกันแก้ไข ก่อนที่ "ภาวะโลกร้อน" จะรุนแรงจนสายเกินไปที่จะแก้ไข!!!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • vidic.jpg
      vidic.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.2 KB
      เปิดดู:
      109
    • vidic1.jpg
      vidic1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 KB
      เปิดดู:
      105

แชร์หน้านี้

Loading...