มาแล้ว พระบุเรงนองหลังกบ

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย ทอดาว, 2 กันยายน 2009.

  1. ทอดาว

    ทอดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,150
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ในที่สุดก็ได้มาแล้ว อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ทอดาว

    ทอดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,150
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ฝากองค์อื่นให้ดูด้วยครับ

    พระยอดธงกรุวัดพญาดำ

    พระลีลากรุวังบัว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    ยินดีด้วยครับ กับ พระบุเรงนอง (ออกศึก)


    ส่วน พระยอดธงกรุวัดพญาดำ นั้น ผมว่าเป็น พระร่วงนั่ง แบบตัดช่อ มีเนื้อชนวนเกินมา เท่านั้นครับ (ล้อพิมพ์ พระร่วงนั่ง หลังลิ่ม สุโขทัย) เป็นเนื้อชินเงิน หรือ เนื้อชินตะกั่ว ครับ (ผมมองไม่ถนัด เลยไม่แน่ใจ)


    ลีลากรุวังบัว เนื้อชินเขียว รึเปล่าครับ ยันต์ด้านหลัง ต้องรบกวนท่านศนิวารตามเคยครับ



    แท้ทั้งหมดครับ ยินดีด้วยอีกครั้งครับ
     
  4. naome

    naome Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +51
    อยากรู้ประวัติของพระบุเรงนองหลังกบอ่ะพี่ ไม่เคยเห็นอ่ะ
     
  5. ทอดาว

    ทอดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,150
    ค่าพลัง:
    +2,696
    จัดให้น้องน้ำหวาน

    ประวัติคร่าวๆ (ขอบคุณข้อมูลของคุณศิพนันทน์ ทองดีเลิศ)

    พระยอดขุนพลบุเรงนองกรุเก่า อายุกว่า 400 ปี จักรพรรดิพระเครื่องคู่บัลลังก์หงสาวดี พระดีที่หายากยิ่งแห่งลุ่มน้ำอิระวดี ประวัติความเป็นมาโดยสังเขป ของพระยอดขุนพลบุเรงนองรุ่นเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่หาได้ยากยิ่ง จากคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยหลวงพ่ออุตตมะท่านได้เคยอ่านพบใน " ตำราโบราณ " ที่อดีตโบราณาจารย์ฝ่ายพม่ารามัญ ได้จดบันทึกไว้สืบต่อกันมานานนับเป็นร้อย ๆ ปี มีดังนี้

    พระยอดขุนพลบุเรงนองของเก่าแก่ดั้งเดิมนั้น เป็นพระพิมพ์ดินดิบผสมว่านยาวิเศษ โดยได้จำลองพุทธลักษณะจาก " พระมหามัยมุนี " เป็นพระเครื่องที่พระเจ้าบุเรงนอง บรมกษัตริย์ผู้มีพระเดชานุภาพมากแห่งกรุงหงสาวดี ได้โปรดให้ พระมหาฤาษี ภูภูอ่อง ผู้เป็นพระราชครูผู้ใหญ่ ประจำพระราชสำนักแห่งพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งได้สำเร็จมหิทธิฤทธิ์ขั้นสุดยอดด้วยองค์คุณ 4 ประการ คือ ยา ยันต์ ปรอท และ ประคำ จนมีฤทธิ์ มีเดชสูงส่งอย่างยิ่งยวด เป็นผู้จัดสร้างและปลุกเสกขึ้น เพื่อทรงพระราชทานแก่ข้าราชบริพาร และเหล่าทหารหาญ เพื่อใช้ในการศึกสงครามโดยทั่วไป โดยแกะพิมพ์จำลองพุทธลักษณะของพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปสำคัญ อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาวพม่า ที่มีอายุการสร้างเกือบ 2,000 ปี ที่เดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองยะไข่ แต่ต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองมัณฑเลย์ ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    ซึ่งพระยอดขุนพลบุเรงนองนี้ปรากฎพุทธคุณอันยอดเยี่ยมดีเด่นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในทางเมตตา แคล้วคลาด แต่จะหนักไปในแนว " อิทธิฤทธิ์ " คือทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุด มหาอำนาจ เป็นหลักใหญ่ จนกระทั่งกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง สามารถปราบปรามหัวเมืองใหญ่น้อยในทุกหนแห่ง จนราบคาบอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในพงศาวดาร ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้พระเจ้าบุเรงนองได้รับพระสมัญญานามอีกพระนามหนึ่งว่า " ผู้ชนะสิบทิศ " ในเวลาต่อมา

    โดยพระบุเรงนองนี้ พระฤาษีภูภูอ่องได้บรรจุไว้ที่ถ้ำแถวเมืองมะละแหม่ง ใกล้ชายแดนไทย-พม่า อยู่ 2 ถ้ำด้วยกัน คือ ถ้ำผาบง และ ถ้ำผาพะ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าถ้ำทั้งสองแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันแน่

    อนึ่ง พระมหาฤาษีภูภูอ่องนั้น แต่เดิมเคยบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา มีนามว่า " ญาณรังสี " แต่ต่อมาพระญาณรังสีพิจารณาเห็นว่าการที่พระภิกษุอยู่ในป่า บางครั้งก็มีเหตุให้จำต้องล่วงอาบัติของพระพุทธองค์อยู่เนือง ๆ ก็ให้รู้สึกไม่สะดวกใจ ด้วยเกรงจะเป็นบาปเป็นกรรม พระญาณรังสีจึงลาสิกขาออกมาถือพรตเป็นฤาษี พร้อมตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ รักษาศีล 8 ได้เป็นอย่างดีจนบรรลุอภิญญาสมาบัติขั้นสูงสุด จนได้สำเร็จฤทธิ์อภินิหารอันยอดยิ่งด้วยเหตุถึง 4 สถาน คือ


    1. ยา ( รอบรู้ในตัวยาสมุนไพร และว่านยาที่มีฤทธิ์ทุกประเภทอย่างเจนจบ )


    2. ยันต์ ( ปรีชาในอักขระคาถายันต์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง )


    3. ปรอท ( สำเร็จในการเรียกและใช้ปรอท ธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์กว่าธรรมดา จนถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ )


    4. ประคำ ( เครื่องช่วยกำหนดจิตภาวนาให้บังเกิดสมาธิจิต อันเป็นบาทฐานแห่งอภิญญาฤทธิ์ ซึ่งเป็นของมีมาเก่าแก่ สืบทอดมาแต่โบราณกาลนับเป็นพัน ๆ ปี )

    สำหรับเหตุที่หลวงพ่ออุตตมะได้พระยอดขุนพลบุเรงนองมานั้น ต้องเท้าความไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่หลวงพ่ออุตตมะยังเดินธุดงค์อยู่ มีเด็กชายชาวกะเหรี่ยงคริสต์คนหนึ่ง ( ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้ากะเหรี่ยง ) ซึ่งอยู่ในเขตประเทศพม่า ได้ป่วยเป็นโรคร้าย จนเพื่อนบ้านต่างพากันทอดทิ้ง ไม่มีใครกล้ามาดูแล และบังเอิญหลวงพ่ออุตตมะได้ธุดงค์มาพบเข้า ด้วยความเมตตาหลวงพ่อจึงได้ช่วยรักษาจนหาย ทำให้เด็กชายคนนี้นับถือหลวงพ่ออุตตมะเป็นอย่างยิ่ง กาลต่อมาหัวหน้ากะเหรี่ยงคริสต์รายนี้ได้มาเล่าให้หลวงพ่ออุตตมะฟังว่า ( ตอนนั้นหลวงพ่อมาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ราวปี พ.ศ. 2490 กว่า ) วันหนึ่งขณะที่พวกตนถูกพวกพม่าตามไล่ล่า จนกระทั่งหนีเข้าไปหลบซ่อนในถ้ำ ๆ หนึ่ง แถวเมืองมะละแหม่ง พวกทหารพม่าได้ใช้ปืนกล และอาวุธสงครามยิงกรอกปากถ้ำ เพื่อฆ่าพวกตนให้ตายคาถ้ำ นับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ นัด จนพวกทหารพม่าคิดว่าพวกกะเหรี่ยงที่อยู่ในถ้ำคงจะตายกันไปหมดแล้ว จึงได้ถอยทัพกลับไป ครั้นพอรุ่งเช้าพวกบรรดากะเหรี่ยงที่ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ก็ออกจากที่ซ่อนในถ้ำมาสังเกตุการณ์ เห็นปลอกกระสุน และลูกปืนตกกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ไม่มีกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาถึงข้างในที่พวกตนซ่อนอยู่ได้ ก็แปลกใจ เลยคิดว่าถ้ำแห่งนี้คงต้องมีของดีของวิเศษอยู่แน่ ๆ เลยสำรวจในถ้ำดูว่ามีอะไรดี จึงได้เจอกับ กองพระขนาดย่อม ๆ ที่วางกองกันไว้อยู่ในถ้ำนั้น แต่พวกตนเป็นกะเหรี่ยงคริสต์จึงไม่ทราบว่าคืออะไร จึงได้นำมาให้หลวงพ่ออุตตมะดู เมื่อได้พิจารณาดูหลวงพ่อก็ทราบทันทีว่านี่คือ พระยอดขุนพลบุเรงนอง ที่เคยได้ยินเรื่องราวมานั่นเอง จึงได้สั่งให้หัวหน้ากะเหรี่ยงคนนี้พาคนไปช่วยกันขนพระออกมาจากถ้ำ และนี่เองคือปฐมเหตุแห่งการ แตกกรุ ของพระยอดขุนพลบุเรงนอง

    สำหรับพระยอดขุนพลบุเรงนองนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นของดีที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นที่ใฝ่ฝันสำหรับบรรดาศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่ออุตตมะ รวมทั้งผู้ที่รู้ประวัติความเป็นมา เพราะนอกจากผู้ที่รู้ความเป็นมาที่แท้จริง ต่างก็พากันหวงสุด ๆ แล้ว ด้วยระยะเวลาที่ล่วงเลยมาเนิ่นนานถึง 400 กว่าปีมาแล้ว พระบุเรงนองที่สร้างด้วยเนื้อดินผสมว่าน ได้ชำรุดแตกหักไปเป็นอันมาก จึงทำให้มีน้อยคนนักที่จะได้ครอบครองพระยอดขุนพลที่นับเป็นจักรพรรดิ์พระเครื่องแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดีอย่างแท้จริง พระบุเรงนองจะมีด้วยกันหลายพิมพ์ทรง ซึ่งจะมีความแปลกอยู่ที่ว่าแต่ละองค์นั้นจะไม่มีองค์ไหนเหมือนกันเลย จะมีความแตกต่างกันไปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
     
  6. pitijit

    pitijit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +428
    ทุงยาบาเล ทุงยาบาเล ทุงยาบาเล
    เป่าปี่ตีฆ้องย่ำกลองศึกรบจะพบคนงาม ด้วยความแค้นใจจะหมายชิงชัยกุสุมา ............
     
  7. ออตโต้

    ออตโต้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +2,428
    ขอบพระคุณพี่ทอดาวสำหรับข้อมูลครับออตโต้ ขอแอบล้วงตับด้วยคนนะครับ
     
  8. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    พี่ทอดาวครับ ขออนุญาติแจมด้วยคนนะครับ พระบุเรงนองออกศึก หรือบุเรงนองหลังกบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1904.JPG
      DSCF1904.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      583
    • DSCF1910.JPG
      DSCF1910.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      561
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2009
  9. ทอดาว

    ทอดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,150
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ว๊าว มีคนสนใจพระชุดนี้ด้วยเหรอเนี่ย ขอบคุณครับที่นำมาแบ่งกันชม
     
  10. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    ยังไงพระของ พี่ทอดาว ก็สวยกว่าของผมเยอะครับ อิจฉาครับ
     
  11. khumsup

    khumsup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +834
    สวยครับ ... ขอบคุณครับที่นำของดีมาให้ชม
     
  12. กวาวชไม

    กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,778
    ด้านหลังที่เป็นกบมีความหมายว่าอะไรครับ(เคยมีของหลวงพ่ออุตตมะเป็นเนื้อโลหะ)
     
  13. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580

    พระบุเรงนองหลังกบ ด้านหลังจะเป็นกบ ซึ่งเรื่องกบนี้เป็นที่สงสัยกันมากว่าทำไมต้องทำเป็น รูปกบ หลวงพ่อบอกว่าคนโบราณจะนับถือ " กบ " เพราะเปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ พอเห็นกบไม่นานฝนก็จะตก เหมือนกับที่มีรูปกบอยู่บนกลองมโหระทึกนั้นหล่ะ และว่ากันว่าพระเจ้าบุเรงนอง ท่านสักรูปกบอยู่ที่ขาด้วย
     
  14. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    แม่นแล้วๆ ถูกต้องๆ


    แล้วทำไม กบต้องกินเดือน กินตะวัน ด้วยหนอ


    แมวกินไม่ได้หรือ
     
  15. ออตโต้

    ออตโต้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +2,428
    5555 มุขนี้ฮาดีครับพี่หมอ เคยมีคนบอกผมว่า อย่าไปกินกบเพราะเป็นสัตว์จำศีล.... ปัจจุบันก็ไม่กินครับ เพราะเคยลองกิน....น้าผัดเผ็ดให้กินไม่อร่อยเลย พะอืดพะอมมากเวลากิน ไม่ได้รังเกียจนะครับ แต่กินแล้วแน่นๆเหมือนกินไม่ค่อยลง ไม่ใช่ว่าน้าทำไม่อร่อยนะครับ เค้าก็ว่าอร่อยกัน แต่ออตโต้ไหงกินแล้วมันแม่งๆ บอกไม่ถูก หลังจากนั้นมาก็ไม่กินอีกเลยครับfly_pig
     
  16. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    พระยอดธงกรุวัดพญาดำ สวยดูง่าย

    พระลีลากรุวังบัว<!-- google_ad_section_end --> แท้ตาเปล่า..

    ว่าที่...อนาคตเซียนใหญ่
     
  17. romeo2003_61

    romeo2003_61 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +857
    ร่วมโชว์ด้วย ของผม องค์นี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ตฤณ

    ตฤณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,012
    ค่าพลัง:
    +2,074
    จากเท่าที่ได้เห็นท่าทางจะไม่มีองค์ไหนเหมือนกันจริง ๆ ด้วย พอได้อ่านประวัติก็รู้สึกหวงขึ้นมาทีเดียว
     
  19. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    บุเรงนองหลังกบสวยครับ

    พระในฝันอีกองค์จนเดี๋ยวนี้ยังไม่มีมาโปรดเลยครับ
     
  20. naome

    naome Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณนะค่าาาาาาา
     

แชร์หน้านี้

Loading...