มีคำถามครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 18 กันยายน 2014.

  1. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    เริ่มล้าแล้ว

    ลองไปค้น รถวินีสูตร ถ้าจำไม่ผิด

    อุปมาด้วยรถ ๗ ผลัด
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471

    แหม ก็ อันนี้ ผู้ฮู้ เขาก็ พูดกันมาอย่างนี้ทั้งนั้น

    หากใครได้เป็น ผู้ฮู้ ก็จะรู้ว่า โยนิโสมนสิการ หากมี ย่อมไม่ใช่
    การฟังธรรมในกาลก่อนๆ จากใคร หน้าไหน ทั้งนั้น ไม่ใช่แม้นจาก
    จิตตัวเอง รำพันให้ฟังโต้ย

    แล้ว สภาวะนั้นมันมีเหรอ ฟังกันยังไงหว่า ท่านก็ ยิ้มๆ แล้วก็
    บอกว่า อย่าไปคาดเดาเอา เสียเวลา เป็น ผู้ฮู้ ให้ได้ แล้วฮู้เอง

    ถ้าไม่มี มหาเจตสิกติดชึ่งอื่นใด ก็ ฟังสบาย พึงหวังได้หลาย
    ฐานะ(เตือนให้ปรารภความเพียร) อีกต่างหาก


    คือ

    พระท่าน ก็ จนใจจะ ให้ถามต่อ บอกต่อ ของ มันสุดโลก

    แล้ว จริงๆ ยังมีอะไรกั๊ก ไม่ได้อธิบายไหม พระท่านก็บอกว่า ไม่มี
    ทุกอย่างพระพุทธองค์กล่าวไว้หมดแล้ว

    **************

    ปล. ถ้าใครเห็นว่า ยังมี ทางโน้น ทางนี้ พระพุทธองค์ยังไม่ได้กล่าว

    อันนี้ พึงฮู้เลยว่า สังขารมันทำงาน สังขารทำงานเมื่อไหร่ บาง
    ส่วนจะปิดหายไป เห็นแต่ ส่วนที่ตนเสวยว่ารสเลิศกว่า ธรรมหาย
    ไปหมด เหลือแต่ คำกู ทางกู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2014
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    " ความล้า ย่อมเกิดจาก การเค้น "
     
  4. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ที่ท่านกล่าวมามันก็ถูก เพราะท่าน กล่าวเพื่อ ชี้ ทำลายสมมุติ กล่าวเพื่อทำให้ตนเองพ้นจาก สมมุติใดใด พ้นจากตัวกู

    แต่ ถ้าจะกล่าวเพื่อ เอาสมมุติมาใช้เพื่อสมมุติ กล่าวเพื่อเอามรรคมาใช้ในโลก ท่านจะกล่าวอย่างไร ล่ะ
     
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    อุปมานิวรณ์

    [๑๒๖] ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงกู้หนี้ไปประกอบการงาน การงาน
    ของเขาจะพึงสำเร็จผล เขาจะพึงใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้น และทรัพย์ที่เป็นกำไรของเขา
    จะพึงมีเหลืออยู่สำหรับเลี้ยงภริยา เขาพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรากู้หนี้ไปประกอบ
    การงาน บัดนี้ การงานของเราสำเร็จผลแล้ว เราได้ใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้นแล้ว และ
    ทรัพย์ที่เป็นกำไรของเรายังมีเหลืออยู่สำหรับเลี้ยงภริยา ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ ถึงความ
    โสมนัส มีความไม่มีหนี้นั้นเป็นเหตุ ฉันใด.

    ดูกรมหาบพิตร ภิกษุพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการเหล่านี้ที่ยังละไม่ได้ในตนเหมือนหนี้
    เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกลกันดาร และเธอพิจารณา
    เห็นนิวรณ์ ๕ ประการที่ละได้แล้วในตน เหมือนความไม่มีหนี้ เหมือนความไม่มีโรค เหมือน
    การพ้นจากเรือนจำ เหมือนความเป็นไทยแก่ตน เหมือนภูมิสถานอันเกษม ฉันนั้นแล.
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    คำตอบเหนือ ปล.ฟังแล้วปลื้ม ใจเบาจริงมีฮานิดๆ
    แต่คนที่ตั้งคำถามทำไมพูดมากจัง น่ารำคาญมาก
    แต่ก็เอาเหอะถ้าไม่มีคำถามทำนองนี้
    คำตอบที่มีค่ามีราคาก็จะไม่ปรากฎออกมา
     
  7. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    มหาศีล

    [๑๒๑] ดูกรมหาบพิตร ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เลย
    เพราะศีลสังวรนั้นเปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัย
    แต่ไหนๆ เพราะราชศัตรูนั้น ดูกรมหาบพิตร ภิกษุก็ฉันนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว
    ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุข
    อันปราศจากโทษในภายใน ดูกรมหาบพิตร ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ถึง
    พร้อมด้วยศีล.
     
  8. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    อินทรียสังวร

    [๑๒๒] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย?
    ดูกรมหาบพิตร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
    เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก
    คืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่ารักษาจักขุนทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์
    ภิกษุฟังเสียงด้วยโสต ... ดมกลิ่นด้วยฆานะ ... ลิ้มรสด้วยชิวหา ... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย...
    รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์
    ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่า
    รักษามนินทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในมนินทรีย์ ภิกษุประกอบด้วยอินทรีย์สังวรอันเป็นอริยะ
    เช่นนี้ ย่อมได้เสวยสุขอันไม่ระคนด้วยกิเลสในภายใน ดูกรมหาบพิตร ด้วยประการดังกล่าวมานี้
    แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย.
     
  9. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    สติสัมปชัญญะ

    [๑๒๓] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ? ดูกร
    มหาบพิตร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมทำความรู้สึกตัวในการก้าว ในการถอย ในการแล
    ในการเหลียว ในการคู้เข้า ในการเหยียดออก ในการทรงสังฆาฏิ บาตรและจีวร ในการฉัน
    การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม ในการถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ย่อมทำความรู้สึกตัวในการเดิน การยืน
    การนั่ง การหลับ การตื่น การพูด การนิ่ง ดูกรมหาบพิตร ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล
    ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ.
     
  10. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    สันโดษ

    [๑๒๔] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ? ดูกรมหาบพิตร ภิกษุใน
    ธรรมวินัยนี้ เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง
    เธอจะไปทางทิศาภาคใดๆ ก็ถือไปได้เอง ดูกรมหาบพิตร นกมีปีกจะบินไปทางทิศาภาคใดๆ
    ก็มีแต่ปีกของตัวเป็นภาระบินไปฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่อง
    บริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง เธอจะไปทางทิศาภาคใดๆ ก็ถือไปได้เอง
    ดูกรมหาบพิตร ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ.



    [๑๒๕] ภิกษุนั้นประกอบด้วยศีลขันธ์ อินทรียสังวร สติสัมปชัญญะและสันโดษอัน
    เป็นอริยะเช่นนี้แล้ว ย่อมเสพเสนาสนะ อันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ
    ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง ในกาลภายหลังภัต เธอกลับจากบิณฑบาตแล้ว นั่งคู้บัลลังก์
    ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า เธอละความเพ่งเล็งในโลก มีใจปราศจากความเพ่งเล็งอยู่
    ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความเพ่งเล็งได้ ละความประทุษร้ายคือพยาบาท ไม่คิดพยาบาท
    มีความกรุณาหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้ายคือ
    พยาบาทได้ ละถีนมิทธะแล้ว เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ มีความกำหนดหมายอยู่ที่แสงสว่าง
    มีสติสัมปชัญญะอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะได้ละอุทธัจจกุกกุจจะแล้ว เป็นผู้ไม่
    ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบ ณ ภายในอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะได้ ละวิจิกิจฉาแล้ว
    เป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉา ไม่มีความคลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จาก
    วิจิกิจฉาได้.
     
  11. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    [​IMG]

    สาธุๆ เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ไม่อยากเชื่อว่า

    คำตอบที่เหมือนแท่งทองคำ มาจากคำถามที่เหมือนก้อนขี้หมา
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ..............คบสัปบุรุษ ยังให้ ฟังพระสัทธรรม ยังให้ ศรัทธา ยังให้ สติสัมปชัญญะ ยังให้ อินทรีย์สังวรณ์ ยังให้ สุจริตสาม ยังให้ สติปัฎฐานสี่ ยังให้ โพชฌงค์เจ็ด ยังให้ วิชชา วิมุติ บริบูรณ์:cool:ขออณุญาติ นะครับหลวงพี่...ถ้าดู จากพระสูตรนี้ ความก้าวหน้าในการภาวนา นั้น ย่อมมีความเข้าใจ ในธาตุ ขันธิ์ อายตนะ ระดับหนึ่งแล้ว กำหนดรู้เป้นทุกขสัจได้แล้ว ย่อมก้าวไปสู่ สุจริตสาม และ สติปัฎฐานสี่ โพชฌงค์เจ็ดได้ ตาม การภาวนา ...หลวงพี่ ว่า ยังไง ครับ
     
  14. กราบ123

    กราบ123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +158
    ----นิทานเรื่องนี้จริงหรือป่าวไม่รู้ครับอ่านมาอีกที...คิดว่าน่าจะมีประโยชน์-----(พิมพ์ออกมาจากความจำอาจจะไม่ตรงเป๊ะๆ)
    มีพระหนุ่มอยู่รูปหนึ่ง ได้รับการยกย่องจากพระ และ บุคคลมากมายว่า เข้าใจในธรรมมะอย่างแตกฉานแสดงธรรมได้ประดุจแท่งทองคำ..?ทุกๆคนแทบทุกคนคาดการณ์ว่าพระรูปนี้จะต้องได้เป็นพระสังฆปรินายกองค์ต่อไป(ประมาณพระสังฆ์ราชบ้านเรา)
    .......แต่มีบุคคลเดียวที่เห็นแตกต่าง?บุคคลนั้นคือพระสังฆปรินายกองค์ปัจจุบัน ท่านได้มอบตำแหน่ง ของท่านให้กับ คนผ่าฟืนที่นุ่งห่มเสื้อผ้าที่ดูราวกับผ้าขี้ริ้ว(หรือจะเรียกว่าก้อนขี้หมาก็ได้) เหตุเพราะธรรมะของคนผ่าฟืนมันไม่ได้มีค่าอันไดเลยเหมือนเสื้อผ้าของเค้าที่ดูยังไงยังไงก็ผ้าขี้ริ้ว แต่แก่นแท้ของมันคือให้ความอบอุ่นปกปิดความอุจาจตา เมื่อฟังธรรมมะจากคนผ่าฟืนคนฟังจะพบคุณค่า ในชีวิต เพราะเกิดปัญญาจากการฟังธรรมแบบแทงใจ(ให้เข้าใจ) ตัวเอง.....จบแแล้วครับ




    ส่วนตัวนะครับ-ธรรมะมันไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือที่ถูกพิมพ์ลงไป แต่มันเกิดระหว่าที่เราจะพิมพ์ตัวหนังสือลงไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2014
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    แชร์ธรรมะแบบไม่ให้วกวกวนวน และคนอ่านไม่
    ต้องมึนงง
    ด้วยการเกริ่นเล็กน้อยว่าต้องการให้ผู้อ่าน
    เข้าใจเพื่อประโยชน์ในการเคลียร์เรื่องอะไร??
    จากนั้นยกพุทธพจน์มาเสนอเลย
    จบพุทธพจน์ก็จบกัน
    หากจะอธิบายคำยากก็ด้วยความระมัด
    ระวังอย่าให้ออกมาจากมิจฉาทิฐิของตน ก็จะได้ประโยชน์
    ด้วยกันทุกฝ่าย
    ไม่เกิดวิวาทะธรรม
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ดังเช่นการปฏิบัติของท่านจิตสิงห์ และท่านอื่นๆ
    ที่ปฏิบัติในทำนิงเดียวกัน
    พระพุทธพจน์ก็ยกมาจากพระสูตรต่างๆ
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    คนที่สนใจเข้ามาอ่านพุทธพจน์จากพระสูตร
    ก็จะมีที่อ่านแล้วเก็ทบ้างไม่เก็ตบ้าง

    ก็ไม่ต้องไปเดือดร้อนแทนคนอ่าน
    ถ้าหากใครสนใจจริงๆ ก็ไปค้นคว้าหาคำอธิบาย
    ขยายความที่ดีที่ถูกต้อง ไม่เจือมิจฉาทิฐิ
    ให้เราต้องเข้าใจถูกบ้างผิดบ้าง
    โดยเจาะเอาเฉพาะจากผู้ทรงศีลทรงธรรม

    ที่ค้นได้จากกูเกิ้ล
    ไม่ต้องไปเรียนไปจำพระไตรปิฎกทั้งตู้
    เอาแค่พอเพียงพอเสริมสติปัญญาให้รู้แนวทางว่า
    ศีล สมาธิ ปัญญามีคุณค่าต่อชีวิตในการปฏิบัติเพื่อ
    การพ้นทุกข์ พ้นวัฏสงสารได้จริงจะปฏิบัติอย่างไร?
    แค่นั้นพอ พอแล้วในแบบคนบ้าน ส่วนคนอยู่วัด
    ในฐานะนักบวชก็แล้วเป้าหมายของแต่ละท่านจะ
    พอใจในระดับไหน
     
  18. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    "เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำ"

    การไม่ก้าวล่วงกรรมบถ การสำรวมอายตนะ เป็นเหตุให้อกุศลไม่ได้ช่อง

    ไม่เกิดความร้อนใจภ่ยหลัง คืออวิปฏิสาร ย่อมยังศีลให้ตั้งมั่น กล่าวคือสุจริต ๓

    คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ พวกนี้เป็นศีลมรรค ในมรรค๘

    ก็ความไม่เดือดร้อนใจ ความไม่เกิดอกุศลกรุ้มรุมจิต ความที่นิวรณ์ไม่ได้ช่อง

    พวกนี้เป็นปุ๋ยให้สมาธิจิต เป็นคุณให้สมาธิตั้งมั่น หยั่งสู่อุปจารสมาธิได้สะดวก

    หากเทียบกับวิสุทธิ ๗แล้ว ศีลวิสุทธิเป็นเหตุ จิตวิสุทธิเป็นผล

    จิตวิสุทธิเป็นเหตุ ทิฏฐิวิสุทธิเป็นผล

    เมื่อชำระศีล ชำระจิต ชำระทิฏฐิ นามรูปปริเฉทญาณก็ปรากฏ
     
  19. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    บางครั้งก็ควรโหนกระแส หากว่ากระแสนั้นใหลไปสู่ความสว่าง

    การใส่ใจพระไตรปิฏกเป็นสิ่งที่ดี ได้ชื่อว่าเป็นผู้ตรงต่อพระธรรมวินัย

    เราอาจฟังธรรมจากสำนักอื่นมามาก ผิดถูกไม่รู้

    แต่พระธรรมวินัยเป็นสิ่งถูกต้อง และตรงธรรม

    กระแสพุทธวจน พุทธพจน์ อรรถกถา หรือศึกษาพระไตรปิฏกมีมาแล้ว

    จะเป็นไรไป หากจะศึกษาตีวงแคบลงมาอีกที่

    ศึกษาและปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนาตามพระไตรปิฏก

    คงจะอุ่นใจไม่น้อย ไม่เสียเวลา
     
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    อันธรรมไม่เคยได้ยินได้ฟังมา ก็ช่างน่ายินดีที่จะได้ยินได้ฟัง
    และน่าค้นหาเพิ่มเติม

    กราบนมัสการหลวงพี่จิตสิงห์ คาดหมายว่า..คงสบายดี
    และเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ขออนุโมทนาด้วยจ๊ะ

    ..
    ในทัศนะทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าวาสนาบารมีนั้น เราสามารถสร้างขึ้นมาได้ ทำให้เกิดแก่ตัวได้ วิธีสร้างวาสนาบารมีก็คือปฏิบัติตนให้มีคุณธรรม 3 ประการครบถ้วน คุณธรรม 3 ประการนี้จะหลอมตัวกันกลายเป็นวาสนาบารมีและทำให้ผู้นั้นกลายเป็นคนมีวาสนาบารมีที่สมบูรณ์พูนสุข และอยู่ในฐานะที่เหนือกว่าผู้ด้อยวาสนาบารมีในทุก ๆ ด้าน คุณธรรม 3 ประการนั้นเรียกเป็นภาษาของพระพุทธเจ้าคือ ปุพเพกตปุญญตา 1 ปฏิรูปเทสวาสะ 1 อัตตสัมมาปณิธิ 1

    ปุพเพกตปุญญตา ได้แก่ ความเป็นผู้สร้างความดีไว้แต่ก่อน ข้อนี้จัดเป็นวาสนาเก่าเบื้องต้นที่มีที่เป็นมาแต่แรก คำว่า “ก่อน” ในที่นี้แยกออกเป็น 2 ระยะคือ ในชาติก่อน ๆ กับในวันก่อน ๆ ของชาตินี้ ความดีที่สร้างไว้แต่ชาติก่อน ๆ เช่น เคยให้ทานมามาก เคยรักษาศีลมามาก เคยอบรมจิตมามากย่อมสนองผลให้ผู้ทำตั้งแต่เกิดใหม่ ๆ เลยทีเดียว เช่น ทำให้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง ทำให้มีรูปร่างดีสมประกอบ มีสติปัญญาดีสมองดี คนประเภทนี้ย่อมได้เปรียบผู้อื่น คือเกิดมาก็ดีเลย ประเภทที่เรียกว่า “เกิดมามีบุญ” นั่นแหละ

    ส่วนความดีที่สร้างไว้แต่วันก่อน ๆ ในชาตินี้ หมายถึงเมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วไม่ได้ประมาทมัวเมาในชีวิตคิดว่าตัวเองได้ “มีบุญมาเกิด” แล้วก็ตั้งใจทำความดีต่าง ๆ ให้ชีวิตในวัยเด็กก็ศึกษาหาความรู้ ในวัยหนุ่มวัยสาวก็หมั่นหาทรัพย์สมบัติเป็นทุนสำรอง รู้จักประหยัดกระเหม็ดกระเหม่ หนักเอาเบาสู้ ยากลำบากชนิดหัวหกก้นขวิดมาแล้วแต่ต้น คนเช่นนี้เรียกว่าได้ทำความดีมาแต่วันก่อน ๆ ซึ่งจะสั่งสมอบรมให้มีประสบการณ์ มีความรู้ มีความสามารถและปฏิภาณไหวพริบรอบตัว

    คนที่มีปุพเพกตปุญตาครบทั้ง 2 ระยะคือ ทั้งความดีเก่าในชาติก่อน และความดีใหม่ในชาตินี้ วาสนาบารมีอันนั้นก็จะเป็นหลักประกันชีวิตเบื้องต้นได้ว่า ย่อมจะมีโอกาสก้าวหน้าได้มาก

    ปฏิรูปเทสวาสะ นั้น หมายถึงการได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะ อันนี้ก็จัดเป็นข้อสำคัญในอันที่จะสร้างเสริมวาสนาบารมีเหมือนกัน คนเราแม้จะมีวาสนาบารมีเบื้องต้นคือปุพเพกตปุญญตาดีมาแล้ว แต่ไปอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะเสียก็รุ่งเรืองได้ยาก เช่น แม้เป็นบัณฑิตแต่อยู่ในป่าเขาก็รุ่งเรืองไม่ได้ เป็นพ่อค้าที่เก่งแต่ไปอยู่ในสถานที่ทำเลห่างไกลความเจริญ ไปมาลำบากก็เจริญในการค้าไม่ได้ เป็นข้าราชการแม้มีมันสมองเป็นเลิศแต่ว่าไปอยู่ในตำแหน่งที่ตันก็เป็นใหญ่เป็นโตได้ยาก ฉะนี้ การได้อยู่อาศัยในสถานที่ในทำเลในตำแหน่งงานที่เหมาะสมจึงจัดเป็นตัววาสนาบารมีอันหนึ่ง

    ข้อสุดท้าย อัตตสัมมาปณิธิ หมายถึงการตั้งตัววางตนไว้ในทางที่ชอบ ข้อนี้ได้แก่การประพฤติปฏิบัติตัวดี รวมถึงความเป็นคนมีจิตใจยึดมั่นอยู่ในธรรมด้วย เพราะคนเราแม้หากวาสนาเก่าจะทำไว้ดีเพียงใดแต่ปัจจุบันเป็นคนเกเร ประพฤติแต่สิ่งเลวทราม จิตใจต่ำอยู่แล้วก็ลบล้างวาสนาเก่าให้หมดลงได้ง่าย ตรงกันข้ามแม้หากวาสนาเก่าไม่ดีนักแต่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรม ไม่หวั่นไหวไปตามอำนาจของสิ่งยั่วยุในทางโลกมากนัก คุณข้อนี้ก็จะทำให้เป็นคนมีวาสนาบารมีได้

    รวมความว่า ทุกคนมีโอกาสสร้างวาสนาบารมีได้พอ ๆ กัน แม้จะไม่เท่าเทียมกันก็ตาม วาสนาบารมีข้อต้นเราไม่อาจจะสร้างได้เพราะมันผ่านมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ก็จริง แต่คุณธรรมที่ส่งเสริมวาสนาบารมีอีก 2 ข้อเราสามารถทำได้ในชาตินี้และเดี๋ยวนี้ นอกเสียจากว่าเราจะเป็นคนไม่ต้องการวาสนาบารมีจริงเท่านั้น

    http://www.stou.ac.th/stoukc/elder/main6_23.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...