มีคำถามครับ

ถ้าดูตั้งแต่ที่ถามมาตอนตั้งกระทู้
ผู้แสดงธรรมกับผู้ฟังธรรมใครมีอานิสงส์มากกว่ากัน

ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว ผู้แสดงธรรมนั้นกำลังทำเหตุ เพื่อผลจะได้มีในเบื้องหน้า
เหมือนผู้ที่ทำงานก็เพื่อจะได้รับเงินเดือนเป็นรางวัล

ส่วนผู้ฟังธรรมนั้นเป็นผู้รับผลของกรรมดีที่กระทำมาส่งให้ได้รับฟังดี
เมื่อผลดีส่งแล้วก็เป็นอันว่าหมดกันไป (ยกเว้นโยนิโสเป็น) เหมือนผู้รับเงินเดือนแล้วได้ใช้จ่ายเงินเดือนไป

 

ท่านพี่นิวรณ์แสดงธรรมไว้ที่พันทิบเยอะเหมือนกัน เข้าไปอ่านได้นะคะที่
หน้าของ สมาชิกหมายเลข 957563 - Pantip
แต่ตอนนี้เห็นหยุดโพสไปไม่ทราบเนื่องจากหยุดเองหรือถูกแบน อิอิ
แต่เท่าที่ดูน่าจะถูกแบน เพราะเห็นถูกลบโพสไปเยอะ และคนอ่านที่เข้าไม่ถึงความหมายที่แท้จริงโพสว่าตอบไม่ตรงคำถามและหาว่าตอบกวนๆ
แทนที่จะโทษตัวเองที่อ่านไม่เข้าใจเข้าไม่ถึงเอง อิอิ

มายก็ติดตามอ่านที่นั่นค่ะ ข้อความลึกความหมายหลายซับซ้อน คนอ่านที่จมบัญญัติยากที่จะเข้าใจ อิอิ

 

ท่านนิวรณ์ใช้ถ้อยคำที่มองผ่านๆ เป็นคำแบบ
รุนแรงแนวฺฮาร์ดคอร์ เป็นพุทธปัจเจกช่วยใครไม่ได้
มากหรอกเขาพากันเผ่นหนีไปหมดเพราะตกใจภาษาที่ใช้
แต่หากท่านอยากสงเคราะห์คนอื่นด้วยธรรม
ที่เป็นแก่นๆ ต่อไปก็ต้องเลิก
ใช้ภาษาห้างฯแอร์เสียแต่มีบันไดเลื่อน
และมาใช้ภาษา
ตลาดนัดข้างๆห้างแทนครับ

 

พญาอินทรีย์บินเดี่ยว พญาเหยี่ยวบินสูง ไปเป็นฝูงพวกนกกระจอก

นอกคอกนั่นคือ ดอกขจร :'(

 

ดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปด้วยทุกโพสของท่านพี่นิวรณ์
บางคำตอบก็ดูรู้ว่าตอบเกินประสบการณ์ของตนเอง อิอิ
(ไม่ได้นินทา นะ แต่ยอมรับว่าฉลาดมาก อิอิ)

 

ดูอยู่ห่างๆ อยากรู้ว่า คือ ใคร
ดูมาหลายปีละ ถามก็ไม่บอก อิอิ

 

ไอ้เจ้านิวรณ์นี่ เท่าที่ดู ก็ตอบมั่วๆ กวนๆไป วันๆ ไม่เห็นจะดีเด่อะไรเล้ยยย

คุณมายโซล อย่าไปคิดว่า เขียนวกวน ซับซ้อน แสดงว่าเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง ผู้อ่านติดบัญญัติเลยไม่เข้าใจ

ธรรมของแท้นั้น เรียบง่ายตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ถ้ายังพูด วกวน ตอบไม่ตรงประเด็น หรือบางอย่างก็พูดมั่วๆ ส่งๆไป อย่างเช่นใน quote ที่ยกมานี้ แสดงว่า เป็นอะไรที่เพ้อเจ้อเสียมากกว่า

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <o:OfficeDocumentSettings> <o:AllowPNG/> </o:OfficeDocumentSettings> </xml><![endif]--> [FONT=&quot]การแสดงธรรมแต่ละบุคคลอาจจะแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน[/FONT]
[FONT=&quot]จากข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นิวรณ์ ที่คุณธรรมแท้ q[FONT=&quot]uote [/FONT]ยกมา[/FONT] (ที่เน้นสีแดง)
[FONT=&quot]มายขออธิบายตามความหมายที่เข้าใจให้ฟังนะคะ (จะได้ทราบว่าทำไมมายจึงกล่าวว่ามีความหมายลึก[FONT=&quot]ซึ้ง[/FONT]ซับซ้อน)[/FONT]

อธิบายว่า

[FONT=&quot]อ้างอิง: ในพุทธศาสนา ไม่มีหรอก จะประกาศตนว่า บรรลุธรรมได้เพราะ ฟังธรรมคนอื่น[/FONT]

[FONT=&quot]ตอบ [/FONT]:[FONT=&quot] คนที่บรรลุธรรมจะต้องรู้ได้ด้วยตนเอง รู้ได้จากตนเอง รู้ได้จากการฟังธรรมในตนเองที่แสดงให้เห็น[/FONT]
[FONT=&quot]รู้ได้จากการเห็น การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปจากจิตตนเองเท่านั้น [/FONT](อันนี้เรียกว่าธรรมแท้ๆ)
[FONT=&quot]ใครจะแสดงธรรมอย่างไรแต่สิ่งสุดท้ายต้องรู้ได้จากสิ่งที่มีในตนเองแสดงให้เห็น[/FONT]
[FONT=&quot]เห็นภายในรูป-นามของตนเองเท่านั้น เรียกว่า ฟังธรรมจากตนเองไม่ใช่ฟังธรรมคนอื่น[/FONT]

 

ในหมู่นักธรรมฆราวาส หรือ อริยะสงฆ์
มีข้อที่เหมือนกันในการแสดงธรรมคือ
บ้างแสดงด้วยความมุทะลุดุดัน สนั่นไหว แบบนักซิ่งบิ๊กฟุท
อีกประเภทแสดงด้วยความไพเราะอ่อนโยนเมตตา แบบนั่ง
ไปในลีมมูซีน!!เช่น หลวงพ่อฤาษีฯ เป็นต้น

 

ก็เอาตามพระพุทธเจ้าซิครับ พระพุทธองค์แสดงธรรมไม่ได้ซับซ้อน และพยายามยกอุปมาให้สาวกเข้าใจได้ง่ายด้วย พระพุทธองค์พยายามทำของยากๆให้ง่าย ไงครับ

ส่วนเรื่องการฟังธรรมนั้น สามารถบรรลุธรรมได้จริงๆครับ ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ต้องมานั่งทำความเพียรกันอย่างเดียว ในพระไตรปิฏกก็มีให้เห็นมากมาย ที่ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรมมีเยอะแยะไปครับ เพียงแต่เมื่อได้ฟังจะน้อมไปเห็นภายในขันธ์5 ของตัวเองเป็นของไม่เที่ยง ว่างจากความเป็นตัวเป็นตนได้หรือเปล่าเท่านั้นเองครับ

 

บุคคลผู้ที่ไม่ต้องฟังธรรมจากผู้อื่น แต่สามารถบรรลุได้เองมีแค่ 2 ประเภทเท่านั้นคือ
1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. พระปัจเจกพุทธเจ้า

ถ้าเป็น สาวกภูมิ ยังไงก็ต้องฟังธรรมจากผู้อื่นก่อนจึงจะรู้วิธีปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อรูปนามที่หลงยึดว่าเป็นตัวตน จนหลุดพ้นบรรลุธรรมได้

ดังนั้นประโยคที่ว่า "ในพุทธศาสนา ไม่มีหรอก จะประกาศตนว่า บรรลุธรรมได้เพราะ ฟังธรรมคนอื่น" จึงไม่ถูกต้อง

มีหลักฐานชัดเจนเช่นเรื่องพระยมกะ ท่านกล่าวไว้ชัดเจนว่า

"จิตของผมหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย ไม่ถือมั่น เพราะได้ฟังธรรมเทศนานี้ของท่านสารีบุตร" 

 

ตถาคตและคนอื่น เป็นเพียงผู้บอกทาง

 

ก็เอาคำว่าชี้บอกนั่นล่ะ
เป็นตัวนำพา..ไปสู่ทาง