มีทริคที่เวลาภาวนาแล้วหายฟุ้งซ่านมาฝากค่ะ (เป็นอุบายส่วนตัว)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Jasmin99999, 12 กันยายน 2013.

  1. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +3,331
    เป็นอุบายส่วนตัวที่สืบเนื่องมาจากเมื่อก่อนตอนเริ่มหัดท่องจำบทสวดมนต์ แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งนอนไม่หลับก็เอาบทสวดมนต์นั้นมานอนภาวนา พอภาวนาไปๆก็มีบางท่อนที่ลืมก็พยายามนึกภาวนากลับไปกลับมาตรงท่อนนั้น ทำให้จิตใจจดจ่ออยู่แต่คำภาวนาบทนั้นก็เลยทำให้รวมสมาธิได้ไวจนเห็นอะไรๆโดยที่ไม่ได้ลืมตา.... เกริ่นๆให้ฟังพอหอมปากหอมคอนะคะ จริงๆแล้วก็ทำสมาธิบ้างไม่ทำบ้างเลยยังไม่พัฒนา !^_^

    ทีนี้ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเวลาเราภาวนายุบหนอ พองหนอ หรืออื่นๆก็ยังคิดโน่นนั่นนี่อยู่ดี ฟุ้งซ่านเหลือเกิน ทำไงมันถึงจะไม่คิดเรื่องอื่นเสียที ก็เลยมานึกถึงประสบการณ์ข้างต้นก็เลยนำมาดัดแปลงเอง โดยนำบทสวดมนต์ที่เราจำได้แล้วมาเป็นคำภาวนา โดยจับคำภาวนาทีละตัวเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อจบบทสวดมนต์นั้นก็เริ่มใหม่ทีละตัวๆไปเรื่อยๆค่ะ ทำอย่างนี้เราจะรู้สึกว่าทำสมาธิได้ดีขึ้นหรือจนกระทั่งอาจเห็นอะไรๆได้เหมือนดิฉันได้กล่าวไว้ แต่ก็อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เห็นนะคะ อีกอย่างหลวงพ่อฤาษีได้กล่าวไว้ว่าเมื่อเราระลึกนึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง เราจะนิมิตเห็นแต่สิ่งที่สวยๆงามๆ จะไม่เห็นในสิ่งที่น่ากลัว...

    สมมุติว่าเราจะภาวนาพระคาถาเงินล้าน ก็เริ่มทีละตัวๆเพิ่มขึ้นๆดังนี้ค่ะ

    สัม สัมปะ สัมปะจิต สัมปะจิตฉา สัมปะจิตฉามิ สัมปะจิตฉามิ นา สัมปะจิตฉามิ นาสัง... ฯลฯ
    ภาวนาไปเรื่อยๆทีละตัวๆแบบนี้ค่ะ จะทำให้จิตเราจดจ้องอยู่กับคำภาวนาและจิตรวมเป็นสมาธิเร็วขึ้น

    (บทภาวนาถ้ายาวไปจะยังทำสมาธิได้ไม่ดีนัก จิตจะยังกระโดดไปนึกคิดอย่างอื่นง่ายอยู่ เพราะฉะนั้นก็ควรภาวนาบทสวดมนต์สั้นๆก็พอ แต่ก็ภาวนาตามที่ได้กล่าวมาค่ะ...พอสังเขป)

    ได้ผลเป็นอย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    รู้เทคนิคทำนองนี้ได้แสดงว่ารู้จักทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาพอสมควร.
    สะสมเรื่องทานบารมีในส่วนภพภูมิจุดนี้มาแล้วในระดับที่ใช้ได้ทีเดียว..
    .วิธีนี้เป็นหนึ่งในหลายๆวิธีที่ใช้ได้ผลครับ..ถ้าฝึกสมาธิมาช่วงหนึ่ง..
    เจริญสติมาแล้วช่วงหนึ่งจิตจะเริ่่มมีกำลังจิต.และจากความคิดที่เกิดจากจิตเรา.

    ความคิดตัวนี้พวกที่มีกำลังมากมักจะขึ้นมาแบบที่เราควบคุมไม่ได้.ทั้งที่กำลังสติ
    เราตามทันแต่จะดับเค้าไม่ได้..เพราะเราใกล้จะเข้าไปเห็นตอนความคิด
    ตัวนี้ขึ้นมาจากฐาน.แต่เราอาจคุ้นที่กิริยาเรียกกันง่ายๆว่าฟุ้ง.เป็นลักษณะอาการก่อนที่.
    เราจะเห็นความคิดที่เกิดจากจิตขึ้นมาจากฐานของความคิดหรือเห็นเค้าผุดขึ้น
    มาจากฐานนั่นเองหรือบางคนเรียกการเห็นฐานความคิด..

    ใช้วิธีลักษณะทำนองเดียวกันนี้จะได้ผลเลือกบทสวดที่ชอบอะไรก็ได้
    แต่ไม่ต้องยาวมาก.ถ้ายาวมากไปหากชำนาญจิตอาจตัดไปสู่ช่วงที่เป็นทิพย์
    ได้แบบเร็วแต่หากจะให้เกิดประโยชน์ต้องวิปัสสนาโดยอย่าไปสนใจในนิมิตร
    ต่างๆที่เห็นร่วมกับการรู้จักการรักษาอารมย์เรื่องที่จะวิปัสสนาไว้ด้วย.

    จะทำให้ตัดกิเลสในส่วนหยาบๆได้.แต่ออกมาจิตจะยังฟูอยู่.แต่ก็มาเสริมด้วย
    การเดินปัญญาระหว่างวันด้วยการปล่อยให้จิตรับรู้ตามความเป็นจริงด้วยความเป็นกลาง
    (จิตไม่กระเพื่อมหรือกระเพื่อมแต่ดูอย่างเดียวจนกว่าจะหายกระเพื่อม).
    จะทำให้จิตลงสู่ความสงบและเข้าสู่ความว่างได้เองในระยะเวลาที่จะเพิ่่มขึ้นเรื่อยๆตาม
    ลำดับในอนาคตขณะที่ลืมตา..
    .ต่อไปจะสามารถแยกความคิดที่เกิดจากจิตตัวนี้ออกจากจิตได้.
    ความเห็นชอบจะเปิดทางให้เราสามารถเดินปัญญาได้ในอนาคต
    โดยที่ไม่เป็นสัญญาปัญญา หรือปัญญาทางโลก ที่ยังเป็นกิเลสธรรมอยู่
    หรือบางคนเรียกว่าวิปัสสนึก.แต่จะเป็นปัญญาที่ค่อยๆคลายกิเลสได้

    ..วิธีนี้เป็นหนึ่งในหลายๆเทคนิคที่ใช้ได้.ส่วนที่เราเข้าถึงได้ก็คือความสงบในเบื้องต้น.
    และการป้องกันอารมย์ที่มากระทบระหว่างวัน
    จากอายตนะทั้งภายในภายนอกในขณะที่เราลืมตาได้ง่ายครับ
     
  3. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    _/\_ แวะมา ตอนครูพัก ลักจำ คร้าบ ^^
     
  4. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ขอบคุณมากค่ะเดี๋ยวจะลองนำไปปฏิบัติดูบ้าง
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ที่เจ้าของกระทู้ ระบุว่า เป็นการดับ " ฝุ้งซ่าน " อันนี้ กล่าวไม่ถูกทั้งหมด

    ถ้าไปเข้าใจว่า นี้คือ การดับฝุ้งซ่าน 1000% ก็จะ ล้มประดาตายได้

    เพราะ สิ่งที่คุณสร้าง " วิธีขึ้นมา " อันนั้น เราเรียกกันว่า " ฝุ้งธรรม "

    ฝุ้งธรรม ก็คือ การฝุ้งซ่านอย่างหนึ่ง แต่ จัดเป็น " การฝุ้งไปในสิ่งที่เป็นบุญ "
    แต่อาจจะไม่จัดเป็น " กุศล "

    เพราะ " ฝุ้งธรรม " หรือ " ธัมมุธธัจจะ " หรือ " อุปกิเลส10 " แม้จะทำให้
    ได้บุญ แต่ มันไม่ทำให้ได้ มรรคผล และ อาจจะ ขวางมรรคผล หรือ ถึงขั้น
    เป็นเหตุให้ " ปิด " มรรคผล หาก เผลอพลาดไป " ฝุ้งใส่อริยเจ้า " เข้า
    คือ ไปกล่าวสอนอริยเจ้าว่า

    " มา มา มา หา แม่ นี่ แม่ จะ สอน วิธีดับฝุ้งซ่าน ดับความคิด "

    แล้วถ้า มีคนไหนไม่ฟัง ก็จะเริ่มเป็น

    " มะอึง ไม่ รู้ จัก ว่า กะอะอู นี้ คือ อะระหันต์ สีอาน5 มาสอน มาปรกโปรด มะอะอึง
    แล้ว ยังไม่ ต้อนรับ ยังไม่น้อมรับคำสอน อันมีค่า หรือ ไอ้ อิ๊บอ๋าย ! "

    ดังนั้น

    เราสร้าง วิธีขึ้นมา ลูบคลำศีล ความปรกติของใจ ( ที่จริงๆ มันจะต้องไหล
    ไปคิด ) โดยไป " บิดให้มันมาตรึกในบทสวดมนต์เสีย " ( ตรึก เป็น
    คำสวดมนต์นั่นแหละ ฝุ้งมาในคำสวดสาระตะ นั่นแหละ แรกๆ มันก็มี ช่วง
    โปรโมชั่น แต่ พอหมดโปรโมชั่น มันก็ เหมือนกันหมดนั่นแหละ )

    เวลาเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ เกิดความสุข ก็เพียงแต่ อย่าประมาทใน
    การอยู่สุขด้วยวิหารธรรมนี้ จะเป็น ฌาณอะไรก็ตามแต่ อย่าประมาทคิด
    ว่า " พลังจิต " จะให้ มรรคผล ....อย่าดูเบา แต่ จงทำให้ ธรรมเอก ผุดขึ้น
    คือ ตามรู้ตามดูองค์ธรรม สุข เหล่านั้นก็ของชั่วคราว วิหารธรรมนี้ก็ของชั่ว
    คราว มีเกิด มีดับ เอา ไตรลักษณ์ญาณฟัน วิธีการอยู่ในวิหารธรรม อัน
    ปราณีตให้ แตกสลาย ด้วย ไตรลักษณ์ญาณ ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยการ
    กระฟัดกระเฟียด มาถามว่า แล้ว มะอะอึง จะ ให้ กะอะอู ทำ ฮา อะไร หาก
    ไม่ใช้วิธีนี้

    ฟังดีๆนะ

    ให้ทำ ให้ประกอบ วิหารธรรมเหล่านั้น จะ ฌาณอะไรก็แล้วแต่ แต่ อย่าประมาท
    คิดว่า มันจะให้ มรรคผล .....ต้อง แยกออกมาเป็น ผู้รู้ผู้ดู อยู่ห่างๆ ทำ ธรรมเอก
    ให้ผุดขึ้น ด้วยการเอา ไตรลักษณ์ญาณพิจารณา องค์ธรรม ฮา อะไรบรรดาจะมี
    เท่าที่ เห็นได้ เอามาพิจารณาไตรลักษณ์เสีย แล้วให้ ญาณปัญญามัน ตัด!!
    วิหารธรรมนี้ออกจาก โดยการแยกออกมาเป็น ธรรมเอก

    การมีจิต แยกออกมาเป็นธรรมเอก ไม่ใช่ การทำลาย หรือ ไม่ประกอบ วิธีอัน
    ปราณีต ที่ปรุงขึ้นมา

    เมื่อแยก ธรรมเอก ออกมาได้แล้ว นามรูปปริเฉทญาณ วิปัสสนาญาณที่ 1 จึง
    จะเริ่มต้น และ จะขึ้น อุทัพยญาณได้หรือไม่ ก็ขึ้นกับว่า ยอมรับ การปล่อย
    การแยกออกมาเป็น ธรรมเอก .....เห็นว่า ธรรมเอก เป็นอีกสิ่ง ที่ไม่ใช่ ฌาณ
    ฮา เฮว อะไรได้หรือไม่ ถ้าแยกได้ ก็ขึ้น อุทัพยญาณ

    พอขึ้น อุทัพญยานได้ อันนี้ ก็จะมี อุปกิเลสอย่างสูง ที่ปราณีตกว่า เข้ามา
    ให้ ลิงโลดดีใจ คิดว่า ค้นพบทาง ที่ใช่ ขึ้นมาอีก .....อย่าเผลอสำคัญว่า

    ปราบ ธัมมุธธัจจะ ได้โดยง่าย ....เพราะ กิเลสตัวนี้ ต้อง อรหัตถมรร เท่านั้น
    ที่จะเป็น คู่ปรับกัน นอกนั้น อย่า ริ ไปสร้างวิธี ป่าวประกาศ ชนะศึก ....
    ให้รู้ไปเลยว่า กำลังโดนหลอกจังหนับ เท่านั้น พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  6. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +3,331
    น้อมรับฟังคำชี้แนะค่ะ...ผิดถูกประการใดก็ขอเชิญผู้รู้มาบอกกล่าวชี้แนะได้เสมอนะคะ
     
  7. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,124
    ภาวนาคาถาเงินล้าน สงสัยหวังอยากจะถูกหวย

    ว่าแต่กุมารทองให้โชค ให้โชคทางสมาธิหรือยังล่ะ

    คุณJasmin99999 คนมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก

    ภาวนาจดจ้องทีละตัวๆ จนธูปม้วนงอเป็นตัวเลขเชียว รวย!! สมาธิตัวตรงๆมากใช่หรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2013
  8. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,124
    พุทธะ พุทโธ พุทธแท้
     
  9. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +3,331
    แค่ยกตัวอย่างเฉยๆค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคาถาเงินล้าน

    ใครจะภาวนาบทไหนก็แล้วแต่นะคะ
    ตัวดิฉันภาวนาพุทธัง... ธัมมัง... สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ทีละตัวตามที่ได้กล่าวมา
    ไม่ได้นึกถึงอย่างที่คุณ Acklorwil ว่ามาหรอกค่ะ เอาแค่ให้ใจนิ่งอยู่กับคำภาวนาและระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    คุณ Acklorwil ท่าทางจะมีอคติกับดิฉันหรือเปล่าคะ พูดมาตรงๆก็ได้ ในกระทู้นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกุมารทองหรือการหาเลขขอหวยแต่อย่างใด

    ส่วนเรื่องที่คุณว่ามาเรื่องกุมารทอง ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันก็บูชามาเพราะหนึ่งคือได้ทำบุญ 2.วันแรกพอดีช่วงจุดธูปแล้วออกมาเป็นแบบนั้นก็เลยนำรูปมาแชร์ ไม่ได้ไปทำสมาธิเพ่งเล็งอะไรอย่างที่คุณกล่าวมาหรอกค่ะ

    สำหรับในที่นี้ดิฉันก็มาบอกพอเป็นแนวทางให้คนที่มีปัญหาอย่างดิฉันเท่านั้น
    ใครที่ดีแล้วเก่งแล้วก็ทำตามแนวทางของแต่ละท่านไป ดิฉันยังแค่ฝึกหัด เห็นว่าใช้ได้จริงก็เลยนำมาแชร์
    ถ้าทำไม่ถูกไม่ควรประการใดก็น้อมรับคำท้วงติงเพื่อจะได้พัฒนาให้ถูกต้องเหมาะสมค่ะ
     
  10. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,124
    ลองแย่รังแตนเล่นน่ะ ในอุบายคลายความฟุ้ง

    มิกล้าจะมีอคติกับลิงน้อยหลอก ปริ๊ด ปริ๊ด ฮ่วย!!
     
  11. ชยุต

    ชยุต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณสำหรับแนวทางครับ คุณ jusmin
     
  12. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +3,331
    ท่านใดที่ปฏิบัติตามนี้ก็อย่าลืมที่คุณ nopphakan บอกไว้ด้วยนะคะ สำคัญมากๆ
     
  13. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    ...นับว่าเป็นวิธีที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งเป็นวิธีเฉพาะตนเพราะ ตัวเราทำไม่ได้ เพราะไม่มีสติดีพอค่ะ แต่ว่าบางคนนำไปลองอาจจะถูกจริตก็ได้

    ...เคยลองกั้นหายใจ แล้วภาวนา พุธโธๆๆๆ ติดๆกัน (นี่เป็นเทคนิคของหลวงพ่อท่านหนึ่งค่ะ) ก็เลยลองทำ สรุปว่าภาวนาไป ภาวนามา จิตหลุด ตกใจไม่เคยหลุดแบบนี้

    ...เลยออกจากสมาธิเลย หลังจากนั้นทำอีกก็ไม่ได้ผลตามที่เคยได้ เพราะว่าทำเพราะความอยาก ตอนนี้ก็เลยไม่ได้ใช้วิธีนี้ค่ะ

    ...ปัจจุบันนี้ใช้คำภาวนาเป็นคาถาเงินล้าน กับ คาถามหาจักรพรรดิ์ สลับกันแล้วแต่จิตจะภาวนาคาถาไหน จุดประสงค์เพราะยาวดี ทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน

    ...ไม่ใช่เพราะต้องการจะรวยมีเงินเป็นล้าน หรือเป็นจักรพรรดิ์ (เผื่อมีคนคิด)

    ...แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็มีผลในตัวอยู่แล้วหากปฏิบัติจริง ตั้งใจจริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...