มีพระหลวงปู่สรวง,พระสมเด็จหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ และอื่นๆให้บูชา(ปิดกระทู้แล้ว)

บูชาองค์ละ 500 บาท (คุณ Natchapon จองแล้ว )

ล๊อคเก็ต ๙ มงคล ปี ๔๐ รูปเหมือนปู่เหรียญ วรลาโภ
ด้านหลังบรรจุ เกศาหลวงปู่เหรียญด้วย
จัดสร้างพร้อมกับ สมเด็จ ๙มงคล พระศิลา ๙มงคล
พร้อมกล่อง วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย

 

ขอจองพระศิลา๙มงคลหลวงปู่เหรียญค่ะ
และขอแจ้งด้วยค่ะว่าได้รับพระแล้ว ที่จริงEMSมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่เมื่อวานนี้ไม่อยู่เลยเพิ่งไปรับวันนี้ ขอบคุณนะคะที่มอบพระเพิ่มมาให้ตั้ง๒-๓องค์

 

ครูบาอาจารย์ที่รักและเคารพ

1.หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก วัดป่าขันติธรรม จ. ศรีษะเกษ

2.ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร วัดพระธาตุดอนเรือง ( ปัจจุบันอยู่ฝั่งไทย )

3.หลวงปู่จันทร์โสม วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี

ท่านมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆของหลวงปู่เทศน์ เทศก์รังสี

4.หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย

5.พระอาจารย์ สุรศักดิ์ เขมรังสี วัดมเหยงค์ จ.อยุธยา

ภาพพระเกศา+พระธาตุ+พระโลหิตธาตุ หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร

 

บูชาเหรียญละ 150 บาท (คุณ Natchapon จองแล้ว )

เหรียญครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร รุ่นมหาลาภ เนื้อทองแดง ๔ มกราคม ๒๕๔๑ วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง ประเทศพม่า<O</O

 

19/07/08 โอน 9,300 บาท(2 กระท้)เข้า บช.088-0-34523-6
ตรวจสอบด้วยครับ...viroj.

 

ที่จองพลอยนาคราช ไว้ ผมโอนให้แล้วครับ 550 บาท
เวลา 13.44 น. วันที่ 21/07/2008 หมายเลขอ้างอิง 0621B414
(ภาพสแกนสลิปโอน post ให้ตอนเย็น ครับ)
ขอแจ้งที่อยู่ทาง PM ครับ ...

 

ผมขอจองเหรียญครูบาบุญชุ่ม เหรียญนี้ครับ

 

ขอจองล็อคเก็ตหลวงปู่เหรียญด้วยครับ

 

บูชา องค์ละ 300 บาท

พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี 2535 ปลุกเสก ณ กุฏิโมคคัลลานะ
วัดเชตวัน มหาวิหาร ประเทศ อินเดีย พร้อมกล่อง

 

<TABLE class=tborder id=post1369822 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1369822 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคเสน55
บูชาเหรียญละ 150 บาท

เหรียญครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร รุ่นมหาลาภ เนื้อทองแดง ๔ มกราคม ๒๕๔๑ วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง ประเทศพม่า<O</O

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผมขอจองเหรียญครูบาบุญชุ่ม เหรียญนี้ครับ
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคเสน55
บูชาองค์ละ 500 บาท

ล๊อคเก็ต ๙ มงคล ปี ๔๐ รูปเหมือนปู่เหรียญ วรลาโภ จัดสร้างพร้อมกับ สมเด็จ ๙มงคล พระศิลา ๙มงคล พร้อมกล่อง วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอจองล็อคเก็ตหลวงปู่เหรียญด้วยครับ

ได้โอนเงินไปให้แล้วนะครับ 150 + 500 + 50 (ค่าส่ง) = 700 บาท

ขอบคุณมากครับ<!-- / message -->


</TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตะกรุดโทนเด่นด้านไหน ขอจองตะกรุดโทนไว้ก่อนนะครับ

 

บูชาองค์ละ 750 บาท
<O</O
พระผงสมเด็จรุ่นพิเศษ (ผงอังคาร ๕) ปี 2538 ลักษณะด้านหน้าเหมือนสมเด็จโดยทั่วไป ด้านหลังมี คำว่า สมเด็จศาสดา สุธรรมเจติยามงคล รุ่นพิเศษผงอังคาร 5 หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ 25 เมษายน 36 มีด้วยกันหลายสีเพราะส่วนผสมไม่เหมือนกัน มีสีดำ,สีเทา,สีขาว ผสมเกศาหลวงปู่เหรียญ และ อัฐิของหลวงปู่หลุย ,หลวงปู่สิม ,หลวงปู่สาม, หลวงปู่ดูลย์ ,หลวงปู่บัวพา สภาพสวยพร้อมกล่อง

 

บูชาองค์ละ 950 บาท
มีให้บูชา 1 องค์ มวลสารที่สำคัญของพระรุ่นนี้
<O</O
- ๙ มงคลพิเศษ ๑ ผงอังคาร ๒ แร่ไหลคำดำจากลาว ๓ ผงพระกรุต่างๆ ๔ เกสร ๙ ชนิด ๕ ผงว่านสาวหลง ๖ ผงงาช้างบดบ้านเชียง ๗ ดินสังเวชนียสถานในอินเดีย ๘ แร่ทรายทองคำ นิลบด ๙ ผงทองเก่าพระธาตุหริภุญไชย<O</O

- เกศาพระสุปฏิปันโน ๑ เกศาหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ๒ เกศาหลวงปู่พรหม จิรปุณญ ๓ เกศาหลวงปู่ตื้อ อาจารธัมโม ๔ เกสาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ๕ เกศาหลวงปู่เทศก์ เทศรังสี ๖ เกศาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ๗ เกศาหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ๘ เกศาพระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>วัน อุตโม ๙ เกศาหลวงปู่พุธ ฐานิโย<O</O
<O

อฐิษฐานจิต โดย ๙ พระสุปฏิปัญโน ดังนี้<O</O
๑. หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ<O</O
๒. หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร<O</O
๓.หลวงปู่เคน สุภโร<O</O
๔หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ<O</O
๕ หลวงปู่รักษ์ จิตปัญโญ<O</O
๖หลวงพ่อพวง สุวีโร<O</O
๗พระครูอุดม สังวรคุณ<O</O
๘พระอาจารย์<st1ersonName w:st="on" ProductID="อำนวย ภูมิสุนทโร">อำนวย ภูมิสุนทโร</st1ersonName><O</O
๙.พระอาจารย์<st1ersonName w:st="on" ProductID="สุรเสียง ปัญญาวชิโร">สุรเสียง ปัญญาวชิโร</st1ersonName><O</O
</O</O

หลวงปู่เหรียญเป็นพระนักปฏิบัติสายวิปัสสนาที่มีชื่อเสียงเเละที่เคารพท่านหนึ่ง
วัตถุมงคลของท่านนอกจากจะมีมวลสารที่สำคัญแล้วยังมีเกศาและอังคารธาตุของพระอริยเจ้ารวมอยุ่ด้วย

ดังนั้นวัตถุมงคลทุกชิ้นจึงย่อมมี พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มากมาย เนื่องจากส่วนผสมต่างๆขององค์พระ เป็นของพระนักปฏิบัติ พระอริยเจ้า ผู้นำไปบูชาย่อมเป็นสิริมงคล และ ไม่ผิดหวังแน่นอน

 

บูชาเหรียญละ 400 บาท

หลวงปู่เหรียญวรลาโภ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
รุ่นพัดยศ 6 พ.ย. 2536 (ออกงานทอดกฐิน)

 

ขอตองครับว่าแต่เงินที่บูชาตะกรุดนี้จะนำไปทำบุญหรือปาวครับ

 

ได้ทำการเปิดกระทู้ แจกซีดี ธรรมะหลวงปุ่เณรคำ+พระอาจารย์สุรศักดิ์ Free on net แล้วตามลิงค์นี้

http://palungjit.org/showthread.php?t=140960

และจะทำการปิดกระทู้บูชาพระ ในวันที่ 27 ก.ค.2551นี้


ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมบุญบูชาพระ โดยเฉพาะ

คุณViroj+คุณ Patch1+คุณ Tem04+คุณ Uppercut

ที่ทำให้การเผยแพร่ธรรมครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ

แจ้งมาให้ทราบและอนุโมทนา




ประวัติหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ก่อนบวช-พรรษาแรก​

<O
หลวงปู่ได้เล่าไว้ในอัตตโนประวัติไว้ว่า ท่านเกิดในครอบครัว ใจขาน เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2455 ครอบครัวมีอาชีพทำนา ทำสวนและเลี้ยงสัตว์ มีพี่น้องด้วยกัน 7 คนแต่ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็กทุกคน เมื่อหลวงปู่มีอายุได้ 10 ขวบ มารดาท่านก็ได้เสียชีวิตลง ไม่นานบิดาท่านก็มีภรรยาใหม่ หลวงปู่จึงได้ไปอยู่อาศัยกับคุณยายจนอายุได้ 13 ปีเรียนหนังสือจบ ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่กับบิดา ช่วยบิดาและมารดา ทำงานร่วมกับพี่น้อง ที่เป็นลูกของมารดาใหม่อย่างขยันขันแข็ง

<O
<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ครั้นเมื่อท่านมีอายุได้ 20 ปี ก็มีความปรารถนาจะออกบวช โดยพิจารณาเห็นว่าชีวิตนี้เกิดมาแล้ว ทำงานไม่รู้จักจบจักสิ้น ตายแล้วก็ไม่ได้อะไรติดตัวไป โลกนี้มีทั้งสุขและทุกข์ แต่ความสุขที่ว่านี้เป็นความสุขชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืน มันเป็นเพียงเหยื่อล่อ ให้คนเราติดอยู่ในทุกข์เท่านั้น คนเราเกิดมาแล้วที่สุดก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ร่างกายนี้เมื่อจิตละไปแล้ว ก็ต้องแตกสลายออกจากกัน ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เมือพิจารณาดังนี้แล้ว ท่านจึงไปขออนุญาตบิดาและมารดาเพื่อขอลาบวช

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>เมื่อท่านบิดาได้อนุญาตแล้ว ท่านก็ได้บวช ณ อุโบสถวัดบ้านหงษ์ทอง มีท่านพระครูวาปีดิฐวัตร เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อเดือนมกราคม 2475 บวชแล้วจึงกลับมาอยู่วัดโพธิ์ชัย บ้านหม้อ โดยท่านอาจารญ์วัดโพธิ์ สอนให้ท่านภาวนาอนุสติ10 ท่านก็ได้ท่องเอา แล้วบริกรรมไปเรื่อยๆตั้งแต่พุทธานุสติ ธรรมานุสติ ไปจนถึงอุปสมานุสติแล้วจึงตั้งใหม่

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1028 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ครั้นถึงเดือนพฤษภาคมปีนั้นเอง ท่านจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดศรีสุมัง ท่านจึงได้เข้าไปเรียนถามวิธีเจริญภาวนา กับท่านอาจารย์บุญจันทร์ รองเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับคำสอนให้เลือกเอากรรมฐานบทใดบทหนึ่ง ที่ถูกกับนิสัยของตน บริกรรมเฉพาะบทเดียวเท่านั้น พร้อมกับแนะนำให้บริกรรมพุทโธเป็นอารมณ์ ท่านจึงได้บริกรรมพุทโธมาตั้งแต่นั้น พอถึงเดือนธันวาคมสอบนักธรรมเสร็จ ท่านจึงได้เดินทางกลับวัดโพธ์ชัย

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ในระหว่างนั้นบิดาท่านได้นำหนังสือของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม มาถวายหลวงปู่ เมื่ออ่านแล้วท่านรู้สึกสนใจในเรื่องกายานุปัสสนา ซึ่งในหนังสือได้แนะนำ ให้พิจารณากายแยกย่อยไปเป็นส่วนต่างๆ ให้สติได้รู้ว่า ร่างกายนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นของตนสักอย่างเดียว เมื่อท่านพิจารณาได้ดังนี้จึงมีดำริจะออกไปอยู่ในป่า

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1030 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>แต่ท่านก็ยังไม่อาจตัดสินใจได้เพราะใจหนึ่งอยากสึกไปครองเรือน แต่อีกใจหนึ่ง อยากออกปฏิบัติธรรมตามที่ตั้งใจไว้ ท่านจึงได้นั่งสมาธิตัดสินใจ แล้วท่านก็ได้คำตอบว่าไม่สึกถึง3ครั้ง ซึ่งไม่นานท่านจึงได้ ออกจากวัดไปอยู่ป่าที่ ผาชัน ริมฝั่งแม่น้ำโขง พร้อมกับศึกษาต่อกับท่านอาจารย์กู่ ธัมมทินโน ซึ่งท่านก็ได้รับฟังจนเข้าใจดี <O</O

ธรรมยุติพรรษาที่ 1 ถึง พรรษาที่ 5 ​

<O</O

<v:shape id=_x0000_i1031 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ครั้นปี 2476 หลวงปู่ได้พบกับท่านอาจารย์บุญมา ฐิตเปโต ท่านอาจารย์บุญมาได้พาท่านไปบวชเป็นธรรมยุติที่วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ในพรรษาแรก ท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสาระวารี จ.อุดรธานี เมื่อออกพรรษาแล้วท่านจึงได้ธุดงค์ขึ้นไปพักวิเวก ที่ถ้ำผาปู่ และถ้ำผาบิ้ง จังหวัดเลย
<O</O
<v:shape id=_x0000_i1032 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>พอปี2477ท่านจึงได้กลับลงมาจำพรรษาที่วัดอรัญวาสี จ.หนองคาย ในพรรษานี้ ท่านเล่าว่าท่านได้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ซึ่งท่านมีความตั้งใจดังนี้คือ 1.จะไม่นอนกลางวัน 2.เมื่อค่ำลงจะทำความเพียร จนถึง 4 ทุ่มจึงจำวัด พอถึงตี 2 จึงลุกขึ้นทำความเพียรต่อ จนถึงสว่าง พอออกพรรษา ท่านจึงได้ธุดงค์ไปอยู่ที่ถ้ำผาบิ้งอีก พอถึงเดือนหก จึงกลับมาที่วัดป่าบ้านค้อ

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1033 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ในวันออกพรรษาปีนั้นเอง ท่านก็เกิดรักผู้หญิงเข้าคนหนึ่ง ท่านจึงได้รีบหนีกลับมา อยู่ที่วัดอรัญญบรรพต แต่ก็ไปเกิดรักใหม่จนท่านตัดสินใจว่าจะลาสึก และจึงได้ดินทางไปหาพระอุปัชฌาย์เพื่อลาสึก แต่ในคืนวันนั้นเอง ท่านได้พิจารณาเห็นถึงความทุกข์ในโลก จนในที่สุดท่านจึงคลายจากความอยากสึกลง

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1034 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>จากนั้นท่านจึงได้กลับไปจำพรรษาที่วัดป่าสาระวารีอีกครั้ง เป็นพรรษาที่3 พอย่างเข้าเดือน10 ท่านก็ล้มป่วยลง พอออกพรรษา บิดาจึงได้พาท่านกลับมารักษาตัว ที่วัดอรัญญบรรพต ท่านเล่าว่าเจ็บครั้งนั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1035 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ครั้นต่อมาการภาวนาก็ทำให้จิตสงบลงเรื่อยๆ จนสงบดีแล้ว แต่พอมีเรื่องต่างๆเข้ามากระทบ เช่นทางตา ก็ทำใจจิตใจหวั่นไหว แก้อย่างไรก็ไม่ตก ท่านจึงได้คิดถึงท่านอาจารย์มั่น ทั้งๆที่ท่านไม่ได้รู้จักเลย เพียงแต่เคยได้ยินมาว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หลวงปู่จึงได้ชวนเพื่อนภิกษุรูปหนึ่ง เดินทางมาหาท่านอาจารย์มั่นด้วยกันที่ จ.เชียงราย

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1036 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ในคืนวันหนึ่งที่ยังเดินไปไม่ถึงหมู่บ้าน จึงนอนอยู่ในป่าข้างทาง คืนนั้นท่านได้นิมิตเห็นท่านอาจารย์มั่น พอถึงรุ่งเช้าท่านก็ได้ทราบว่าเพื่อนภิกษุก็ได้นิมิตเห็นท่านอาจารย์มั่นเช่นกัน พอสอบถามถึงลักษณะที่ปรากฏก็ทราบว่าเป็นเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ทำให้ท่านแน่ใจว่า จะต้องได้พบท่านอาจารย์มั่นอย่างแน่นอน

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1037 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ครั้นเมื่อเดินทางไปถึง จ.เชียงใหม่ ไปที่วัดเจดีย์หลวง ได้พบกับหลวงตาเกต ซึ่งได้พาท่านไปพบพระอาจารย์มั่น ที่ป่าละเมาะใกล้ๆโรงเรียนแม่โจ้ ในวันนั้นท่านอาจารย์ได้ให้โอวาทแก่หลวงปู่ว่า ธรรมดาเขาทำนาทำสวน เขาไม่ได้ทำใส่บนอากาศเลย เขาทำใส่พื้นดินนี้แหละจึงได้รับผล ฉันใด โยคาวจรผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหลาย ควรพิจารณาร่างกายนี้แหละเป็นอารมณ์ จนเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายในนามในรูปนี้ ด้วยอำนาจแห่งปัญญานั้นแหละ จึงจะเป็นทางหลุดพ้นได้ ไม่ควรติดในความสงบโดยส่วนเดียว

ธรรมยุติพรรษาที่6 ถึง พรรษาที่ 18

<O</O
<O</O
<v:shape id=_x0000_i1038 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ในพรรษาที่ 6 ท่านได้รับการแต่งตั้งจากท่านพระอาจารย์มั่นให้จำพรรษาที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พร้อมกับพระอาจารย์เนียม และพระอาจารย์อ่อนศรี ครั้นออกพรรษาแล้วจึงได้ออกธุดงค์ ไปบนเขาดอยพระเจ้า พร้อมกับท่านพระอาจารย์มั่น และพระรูปอื่น รวม 6 รูปด้วยกัน
<O</O
<v:shape id=_x0000_i1039 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>นับตั้งแต่หลวงปู่ได้พบท่านพระอาจารย์มั่น ในปี 2481 เป็นต้นมา หลวงปู่ก็ยิ่งเลื่อมใสท่านพระอาจารย์มั่นมากขึ้นตามลำดับ ท่านจึงตัดสินใจธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือต่อ จำพรรษาที่เชียงใหม่รวมทั้งสิ้น 10 ปี และ อ.เถิน จ.ลำปาง อีก 3 ปี ซึ่งในครั้งนั้นมีพระอาจารย์ที่ร่วมธุดงค์ด้วยทางภาคเหนือ ได้แก่ ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์กู่ หลวงปู่สิม หลวงปู่ชอบ และหลวงปู่ขาว เป็นต้น
<O</O
<v:shape id=_x0000_i1040 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>โดยในพรรษาที่ 7-9 ได้อยูจำพรรษากับท่านอาจารย์กู่ และท่านอาจารย์สิมที่วัดสันต้นเปา จ.เชียงใหม่ และในพรรษาที่ 10 ได้จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แม่หนองหาร กับหลวงปู่ชอบ ซึ่งในพรรษานั้นหลวงปู่ชอบได้มาชวนให้ท่านไปธุดงค์ที่ประเทศพม่า แต่ท่านลองนั่งสมาธิแล้วเห็นว่า หนท่างไม่ปลอดโปร่ง ท่านจึงได้ปฏิเสธหลวงปู่ชอบไป ซึ่งในภายหลัง ท่านได้พบกับหลวงปู่ชอบอีกครั้ง ท่านจึงได้ถามถึงการไปพม่า ซึ่งได้รับคำตอบว่าไปพม่าครั้งนั้น ได้รับความลำบากมาก

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1041 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ตั้งแต่พรรษาที่ 11-14 ท่านได้อยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์ ในระหว่างนี้ท่านได้พบกับหลวงปู่ชอบ และหลวงปู่ขาว จึงได้ชวนกันไปวิเวกตามเขาและถ้ำ แต่ในภายหลังหลวงปู่ขาวไม่สบาย ท่านจึงกลับลงมา แต่ไม่นานหลวงปู่ชอบก็ชวนขึ้นไปอีก ท่านเล่าว่าในคืนหนึ่ง ขณะที่นั่งสมาธิอยู่ ก็เกิดความรู้สึกในจิตว่า "ระวังอย่าประมาท คืนนี้เสือใหญ่มา" ท่านจึงได้นั่งสมาธิอยู่ ก็ไม่เห็นมีอะไร นานเข้าท่านจึงจำวัด รุ่งเช้าท่านก็ไดไปปฏิบัติท่านอาจารย์ชอบ พร้อมเรียนถามท่านว่าเห็นนิมิตอะไรหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าเห็นอุบาสกมาบอกให้ระวังเสือ ท่านจึงได้นั่งสมาธิคอยแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อหลวงปู่เหรียญทราบดังนั้นแล้ว ท่านจึงได้ไปสำรวจรอบๆที่พัก ก็ได้เห็น รอยเสือคุ้ยดินเป็นระยะๆ เมื่อท่านออกบิณฑบาต ก็เห็นรอยเสืออยู่ตามทาง ท่านจึงได้แผ่เมตตาให้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีเสือไปหาอีกเลย

<v:shape id=_x0000_i1042 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ในพรรษาที่ 15 และ 17-18 ได้จำพรรษาอยู่ที่ อ.เถิน จ.ลำปาง ซึ่งระหว่างที่หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่ที่ จ.ลำปาง นี้ ก็ได้พาบิดาไปบวช ณ วัดเชตวัน จ.เชียงใหม่ และได้อุปการะท่านมาโดยตลอด
<O</O
<v:shape id=_x0000_i1043 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>และในพรรษาที่ 16 ได้ไปจำพรรษาที่ จ.เชียงใหม่ ไม่นานท่านก็ได้ไปธุดงค์ต่อที่ประเทศลาว ที่นั่นท่านได้เห็นนิมิตอนาคตของประเทศลาว ได้ความว่าต่อไปประเทศลาวจะหาความสงบได้ยาก ท่านจึงเดินทางกลับประเทศไทย

ธรรมยุติพรรษาที่ 19 ถึง ปัจจุบัน

<v:shape id=_x0000_i1044 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>เมื่อหลวงปู่กลับมาประเทศไทย ท่านก็ได้เจอกับหลวงปู่เทสก์ ซึ่งหลวงปู่เทสก์ก็ได้ชวนท่านไปเผยแผ่ธรรมะทางภาคใต้ ซึ่งในการเดินทางครั้นนั้น มีทั้งพระและเณร รวมทั้งหมด 9 รูป ในระหว่างเดินทางทางเรือ ท่านก็ได้พิจารณาเห็นธรรมะดังนี้
<O</O
"เรือที่นายช่างต่อดีแล้วอย่างแข็งแรง เมื่อถูกคลื่นกระทบแล้วไม่เสียหายฉันใด
จิตของบุคคลใดเมื่อฝึกฝนให้ดีแล้ว
คลื่นของกิเลสกระทบเข้าย่อมไม่หวั่นไหวก็ฉันนั้น"
<O</O
<O</O<O</O
<v:shape id=_x0000_i1045 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ดังนั้นในพรรษาที่ 19-20ท่านจึงจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ ต.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา 2 พรรษา เมื่อออกพรรษาแล้วจึงไปวิเวกตามถ้ำใน จ.พังงานั้นเอง ครั้นเมื่อใกล้จะเข้าพรรษาก็ได้มีผู้นิมนต์ให้จำพรรษาที่เมืองพังงา ขณะที่ท่านได้ไปบำเพ็ญอยู่ที่ถ้ำหลักเมือง หน้าถ้ำมีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งอยู่ มีการขอบัตร ขอเบอร์ ทรงเจ้า ฆ่าสัตว์สังเวยทุกปี วันแรกก่อนที่ท่านจะเข้าถ้ำ ท่านจึงเข้าไปในศาล เห็นหิน 2 ก้อนฝังดินอยู่ แต่พ้นดินอยู่ส่วนหนึ่ง ท่านจึงสวมรองเท้าขึ้นไปเหยียบหินทั้ง 2 ก้อนแล้วกล่าวว่า ได้ยินว่าเจ้าพ่อหลักเมืองมาอาศัยอยู่ที่นี้หรือ ถ้ามาอยู่ที่นี่จริงขอให้เจ้าพ่อคอยฟังธรรมะนะ อาตมาจะแสดงธรรมให้ญาติโยมฟังอยู่หน้าถ้ำนี้แหละ แล้วท่านก็เข้าไปในถ้ำ บำเพ็ญสมณธรรมได้ 2 เดือน ก็มีโยมเข้าไปสร้างศาลาหลังเล็กๆให้ ต่อมาก็มีผู้ซื้อที่ดินจัดทำเสนาสนะให้อยู่จำพรรษา มีพระจำพรรษาด้วยกัน 5 รูป มีญาติโยมไปนั่งสมาธิและฟังธรรมทุกคืน

<O</O
<v:shape id=_x0000_i1046 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ในวันอุโบสถวันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งซึ่งไปดูการเข้าทรงมา มาจำศีลอุโบสถที่วัด เล่าว่าในวันที่มีการเข้าทรงกัน เจ้าพ่อในร่างคนทรงบอกว่า ต่อไปอย่ามาขอเบอร์ และฆ่าสัตว์สังเวยอีกเพราะมันเป็นบาป มีคนถามว่าเมื่อก่อน เจ้าพ่อยังบอกลูกหลานอยู่ ทำไมจึงว่ามันบาป เจ้าพ่อตอบว่า เมื่อก่อนท่านยังไม่รู้ว่าบาปเป็นอะไร แต่พอได้ฟังธรรมจากพระกรรมฐานที่มาแสดงที่หน้าถ้ำ ท่านจึงรู้ว่ามันเป็นบาป แล้วบอกว่า ต่อไปถ้าจะเอาของมาสังเวยก็ขอให้เอา ขนม ผมไม้ มาบวงสรวง ตอนนี้ท่านก็จำศีลภาวนาอยู่เสมอ หลวงปู่บอกว่าการไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในครั้งนั้น ได้ผลมากพอสมควร
<O</O
<v:shape id=_x0000_i1047 style="WIDTH: 15pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ท่านได้อยู่บำเพ็ญสมณกิจที่สำนักสงฆ์นั้นมาจนขออนุญาตสร้างวัดได้สำเร็จ ตั้งชื่อว่า วัดประชาสันติ อยู่วัดนี้ได้ 6 ปี จึงย้ายมาอยู่ วัดสันติวราราม อีก 2 ปี จึงย้ายกลับไปอยู่วัดอรัญญบรรพต ตั้งแต่ปี 2502-จนกระทั่งท่านละสังขาร เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2548
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ไม่ทราบว่าเป็นการทำบุญหรือแบ่งบูชาครับ

 

ที่ให้บูชาวัตถุมงคลก็เพราะต้องการนำเงินไปเผยแพร่ธรรมะ ทั้งซีดีและเอกสารธรรมะ

<!-- / message --><!-- attachments -->

 

บูชาเหรียญละ 300 บาท

เหรียญซุ้มแก้วรูปเหมือน หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ รุ่นอยู่เย็นเป็นสุข ฉลองอายุครบ ๘๖ ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เนื้อทองแดง
<O</O

บูชาเหรียญละ 300 บาท

เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ รุ่นมั่งมีศรีสุข ฉลองอายุครบ ๘๗ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื้อทองแดง ใต้ฐานท่านมีคำว่า ครบ ๘๗ ปี ด้านหลังเป็นรูปเครื่งบริขารและมียันต์อยู่ด้านบน

 

เอกสารเพิ่มเติม