มีแค่เวลาหายใจก็ภาวนาได้คือยังงัยฮะ?

เด๋ว ลุงแมวปิดกามู้ว์อีกนะฮับ

 

ปราบทิฏฐิครับ
อานาปามีมาก่อนฤษีอีกครับ

 

ผมพิมพ์ตกไปครับ

มีแต่พระพุทธเจ้า ที่สอนอานาปานสติ

อานาปานสติ ไม่ใช่การเพ่ง
อาศัยลมเพียงเพื่อ สร้าง สติสัมปชัญญะ
แล้วจะดำเนินไปตามลำดับ

ฤษี ไม่ได้ฝึก แบบอาศัยสร้างสติ
แต่ฝึก แบบเพ่ง จึงไม่มีทาง รู้จักสติ ที่เป็นสัมมาสติ แม้จะทำฌานได้ถึง ฌาน 8



ฝึกลม
ลมหายใจ ก็กลายเป็นการฝึก พลัง ลมปราณ เป็นการบังคับลม

คนละเรื่องกะ อานาปานสติ ที่อาศัยความเป็นธรรมชาติ ของลมหายใจเข้าออก มาสร้างสติ

 

ไม่หลอกลุงเดียวขาดดุลการค้าสอนผม
ผมกะสอนคืนแฟร์ๆผม55

 

ก็เห็นบอกว่าพระพุทธเจ้า
เรียนอานาปามาจากฤษี
จากที่เคยศึกษา
กสินไฟ
กสินน้ำ
กสินลม
กสินดินมีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ดังจะเห็นได้ว่าฤษีมีฤทธิ์หลายอย่างครับ
แต่ไม่รู้อริยสัจสี่

 

ดูแล้วจะเข้าใจอานาปนสติกันผิด
จากความเป็นจริงมาก
ของดีเลยกลายเป็นของเสียไป

สรุปย่อ
การหมั่นรู้ลมหายใจ
ใช้เป็นฐานที่มั่น
ก็เพื่อความตั้งมั่นของจิต

ใช้ดูสิ่งที่จรมาใจจิต เช่น
เกิดความคิด เกิดสุขใจ เศร้าใจ
หดหู่ โกรธ บลาบลา

การเจริญสติที่ทำกันอยู่
ถ้าไม่มีวิหารธรรมให้จิต
การดูจิตจะกลายเป็นการเพ่ง
เฝ้ารอ เฝ้าดู สิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิต
ไม่ใช่วิปัสสนาจริง
เพราะเกิดการรอคอยดูสภาวะ
สิ่งที่เห็นไม่เคยเป็นกลางจริง
การวิปัสสนาจึงไม่ใช่การตั้งใจดู
เป็นข้อผิดพลาดของหลายๆคน

อานาปานสติจึงสำคัญ
การที่อยู่กับลมหายใจ
>>แล้วเกิดมีความคิดขึ้น
>>แล้วสติระลึกรู้ >>ว่าความคิดเกิดขึ้น
อธิบาย
จิตที่รู้ลมหายใจ ย่อมเกิดสมาธิตั้งมั่น
เมื่อความคิดเกิดขึ้น
>>แล้วจิตระลึกรู้ว่าความคิดเกิดขึ้น
การที่จิตเกาะอยู่กับการรู้ลมหายใจ
แล้วเห็นความคิดแทรกเข้ามา
ย่อมเห็นความไม่เที่ยงของจิต
ย่อมเห็นว่าไม่สามารถบังคับ
ให้จิตอยู่กับลมหายใจได้ตลอดเวลา
มันเหนือการควบคุม
เป็นการเห็นไตรลักษณ์ที่แยบคาย

ไม่ต้องพร่ำสอนบอกจิตว่านี่
ไตรลักษณ์หนอ ไม่เที่ยงหนอ บังคับไม่ได้หนอ
แต่เป็นการที่จิตรู้สภาวะเอง
ด้วยการเห็น ปราศจากการจ้องดู
เพราะเมื่อจิตอยู่ที่ลมหายใจ
ก็ไม่มีการจ้องดูว่า จะเกิดความคิด เกิดความโกรธ
หรืออะไรบลาๆ ขึ้นมาในจิตเมื่อไหร่
จึงกลายเป็นการเห็นจิตอย่างไม่จงใจดู
แต่จะกลายการเห็นจิต ที่เป็นวิปัสสนาแท้ๆ
โดยอาศัยราวเกาะคือ ลมหายใจ
เพื่อเห็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาในจิต
และอาศัยราวเกาะคือ ลมหายใจนี้
ทำให้จิตตั้งมั่นขึ้น
เพราะการเห็นในขณะที่จิตตั้งมั่นเป็นกลางนั้น
ย่อมเกิดการรู้แจ้งธรรมขึ้นมาได้
เพราะถ้าขาดความตั้งมั่นแล้ว
สภาวะธรรมที่จิตเห็นก็ไม่อาจจะตัดสิน
และไม่อาจเกิดการรู้เเจ้งได้
จะเป็นเพียงการเห็นเกิดดับของรูปนามไปเรื่อยๆ
หลายคนก็จะงง
ทำไมเห็นการเกิดดับมาตั้งนานแล้ว
ทำไมไม่รู้แจ้งมาซักที

อานาปานสติของพระพุทธเจ้าเป็นแบบนี้
ต่างจากความเข้าใจของหลายคน
ที่คิดว่าการอานาปานสติ เป็นเพียง สมถะ
ถึงต้องให้กลับไปดูว่า
พระพุทธเจ้าตรัส อานาปานสติ
ไว้แบบไหนกันแน่ครับ

 

พิมพ์ตกไป ไปแก้ละครับ

พวกกสิน เพ่ง ดิน น้ำ ไฟ ลม มีมาก่อนอยู่แล้วครับ
ฤษี เขาก็ได้ ริด มาเยอะแยะ

 

ครับ ทุกอย่างมีมาก่อนแล้ว
มีเพียงพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้
ธรรมชาติทั้งปวงและทางหลุดพ้น

 

อานาปานะสติ เป็น 1ใน 21 วิธี ของ มหาสติปัฏฐาน

มหาสติปัฏฐาน ก้ได้ ชื่อว่า มรรค

มรรคก็คือ 1 ในอริยสัจ

ฉะนั้น ฝึก อานาปานสติ ก็คือ 1 ในอริยสัจอยู่แล้ว

อริยสัจมันเริ่มตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

 

อานาปนสติ ก็คือ สติปัฎฐานครับ
จึงเป็นทั้ง สมถะ และ วิปัสสนา

 

ครับ ถูกต้อง

สติปัฏฐาน ก็ คือ มรรค

 

พระพุทธเจ้าสอนพระอานนท์ ให้ระลึกถึงความตาย ที่ลมหายใจเข้าออก
หลักฐานนี้คือ ท่านสอนให้พระอานนท์ ทำอานาปานสติ คับ

 

สมถะหมวดอสุภะก็ดีนะ คลายกามราคะได้ ถึงจะเป็นการเพ่งแบบฤาษี ที่แปรทุกข์ไปทางพลังจิตก็เหอะ เดี๊ยนว่าฝึกแล้วเห็นสาวๆ ตาก็ไม่ค่อยจะลุกนะ

 

เรากำลังถูกรูปเคี้ยวกินอยู่ครับ
จริงๆพวกเรา แค่หลงแสงในลูกตา
ถ้าเห็นสาวๆตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงหน้า
แล้วตาไปเห็นเข้า เกิดชอบใจ เกิดกำหน้ด
ก็ว่าไม่แปลก
จะแปลกก็ตรง
แม้แต่รูปสาวๆในมือถือ ในทีวี ในกระดาษ
ก็ยังเกิดชอบใจ เกิดกำหนัดได้
ทั้งๆที่เป็นรูปภาพ 2 มิติ ลูบคลำ สัมผัสไม่ได้จริง

จริงๆเราหลงอะไรกัน
หลงชอบร่างกายสาวๆที่อยู่ตรงหน้า สัมผัสได้จริง
หรือที่จริง
เราหลงภาพในใจที่จิตปรุงแต่งขึันมา
แบบไหนกันแน่
โลกนี้ช่างหลวงหลอก
หลอกตั้งแต่แสงที่มากระทบตาไม่พอ
ยังหลอกสร้างภาพขึ้นมาในใจให้หลงพอใจอีก
แถมหลอกซ้อนอีกตลบ
ด้วยการไปคิดว่าเราเห็น เราชอบ เราอยากได้ เราเป็นเจ้าของ

สุดยอดแห่งการหลอกลวง
เลยไม่แปลกที่
คนเราหาทางออกจากวัฎสงสารนี้ยากเหลือเกิน

 

เมื่อก่อนหลงสาวยอมรับนะ เดี๋ยวนี้หลงลูกแล้ว

 

โพสหล่อจุงเบย

ข้าพเจ้าอ่ะเฉยๆ ไม่ได้มีปฎิกิริยาอะไรกะบอดี้ผู้หญิงสักนิด

ปัญหาเน้มันอยู่ที่พุชายด์ แบบคุณๆ นั่นแหล่ะ

มันแน่นอก ต้องยกออกเรยยนะคร๊ะ

 

เปลื่ยนคำจากเรือนร่างผู้สาว
เป็นณเดช มาริโอ้ หนุ่มหล่อๆ
หรือ เป็นกระเป๋า รองเท้าสวยๆ บลาๆ
ย่อมถูกรูปเคี้ยวกิน เหมือนกันครับ
ไม่พอใจสิ่งนี้ ก็ไปพอใจสิ่งอื่น
ไม่ยึดสิ่งนี้ ก็ยึดสิ่งอื่น
เป็นเหมือนกันทั้งโลก ผมเองก็เป็น
ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
เป็นเรื่องธรรมดา ให้หลงติดในวัฎสงสารครับออเจ้า

 

ผมราคะตีกะทั้งเห็นงามไม้หีหมาแล้วมีอารมณ์
ช่วงนั้นเกลือบ3-4ปีไม่ได้เสพกามอยู่แต่วัด
เราไม่เคยงดมันไม่เห็นโทษตอนแสดงลิดหลอกครับ

 

ฆารวาทเลยหลงตัวเองว่าเก่งกว่านักบวช
เพราะไม่เคยเจอกิเลสมันแสดงตัว

 

มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านเวลาหายใจ