ยมโลกียนรก ขุมที่ ๓–๕

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 25 มิถุนายน 2009.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]


    ยมโลกียนรก ขุมที่ ๓–๕

    ท่านสาธุชนทั้งหลายและพระคุณเจ้าที่เคารพ สำหรับวันพุธนี้ มาพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าตามเคย เมื่อวันพุธก่อนได้ไปพักกันอยู่ที่สิมพลีนรกชั่วคราวระยะเวลา ๗ วัน หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่เคารพก็คงจะท่องเที่ยวย้อนไปย้อนมาระหว่างโลหะกุมภีกับสิมพลีนรก หรือว่านรกขุมใหญ่ นรกบริวารตามอัธยาศัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูให้ช่ำใจและพิจารณาดูว่าการตายมาแล้ว มีสภาพไม่สูญจริงตามที่พระพุทธเจ้ากล่าวหรือไม่ สำหรับวันนี้ ก็ใคร่จะพาท่านพุทธศาสนิกชนและพระคุณเจ้าที่เคารพทุกท่านไปทัศนาจรขุมต่อไปสำหรับยมโลกีย์นรก ซึ่งยังมีอยู่อีก ๘ ขุม เพราะนรกที่นี้สำหรับโลกียนรกนี้มีทั้งหมดด้วยกัน ๑๐ ขุม


    ออกจากสิมพลีนรก ต้นงิ้วที่ทรงความศิวิไลซ์และบุคคลทั้งหลายที่ต้องการความสัมผัสต้องพากันมาอยู่ที่นี่ สำหรับต้นงิ้วนี้ เป็นที่รองรับคนเจ้าชู้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่นอกใจภรรยา นอกใจสามี นอกใจบิดามารดา นอกใจผู้ปกครอง เรื่องราวอันนี้เป็นเรื่องราวของบุคคลที่มีความต้องการ ตามที่กล่าวมาแล้วแต่วันพุธก่อน ว่านรกขุม ๑ คือโลหะกุมภี ได้แก่การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แล้วก็สิมพลีนรก ได้แก่การเจ้าชู้ มีความปรารถนาในสัมผัสไม่มีขอบเขต เป็นที่นิยมของบุคคลสองประเภท คือนรก ๒ ขุมนี้สำหรับยมโลกียนรกรู้สึกว่ามีบุคคลมาก ตามพระบาลีท่านเรียกว่าสัตว์ ความจริงรูปร่างเป็นคน เรียกว่าสัตว์นรก เพราะนิยมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันแล้วนิยมกันมาก เพราะว่าลัทธิประเพณีฝ่ายตะวันตกเข้ามามาก เรื่องการพอใจในการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นกีฬาประเภทหนึ่งแล้วการแสวงหาความรักชนิดไม่มีขอบเขตก็เป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ความจริงเรื่องนี้พระยายมหรือนรกไม่น่าจะขัดคอเขา แต่จะเป็นเพราะอะไรไม่ทราบจึงกลายเป็นอกุศลกรรมไปเรื่องนี้ขอยกไว้ เพราะเป็นเหตุสุดวิสัยที่ผู้พูดจะพิจารณา ขอนำบรรดาพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าเดินทางต่อไป


    นี่เราเดินทางจากด้านทิศเหนือไปด้านทิศใต้ เดินไปอีกหน่อยหนึ่งก็พบนรกขุมที่สาม มีนามว่า อสินขนรก นรกขุมนี้มีสัตว์คอยกัดกินอยู่ตลอดเวลา ตามบาลีท่านกล่าวว่ามีสุนัข มันมีสุนัขตัวใหญ่ๆ ที่คล้ายช้างคอยกัดกินอยู่ตลอดเวลา สำหรับโทษนรกขุมนี้ท่านกล่าวว่าเป็นโทษอทินนาทาน ความจริงโทษอทินนาทานก็ดี โทษปาณาติบาตก็ดี ก่อนที่จะมานรกขุมนี้ ต้องไปเสวยผลในนรกขุมใหญ่เสียก่อนขุมใดขุมหนึ่ง เพราะเนื่องด้วยกรรมบถ ๑๐ สำหรับกาเมสุมิจฉาจารนี่ ก็คิดว่าเหมือนกันต้องไปลงนรกขุมใหญ่ก่อนแล้วมาผ่านยมโลกียนรก มันเนื่องด้วยกรรมบถ ๑๐ เหมือนกัน คือ กรรมบถ ๑๐ ก็มี ปาณา อทินนา กาเม ๓ อย่างนี้มีอยู่ในกายกรรม ฉะนั้นท่านที่ละเมิดกรรมประเภทนี้ต้องไปนรกขุมใหญ่ขุมใดขุมหนึ่งหรือว่าสองขุมสามขุมแล้วก็ผ่านนรกบริวาร จึงมาไล่เบี้ยเฉพาะในยมโลกียนรกนี่อีกใหม่ สำหรับนรกขุมนี้ไม่มีเรื่องวิจิตรพิสดารอะไร คือว่าในบริเวณของนรกมีขอบเขตนั้น มีนายนิริยบาลคอยควบคุมอยู่ มีสุนัขตัวใหญ่คล้ายๆ ช้าง ถ้าจะเป็นช้างก็ช้างนรก เพราะว่าเมืองนรกหรือเมืองสวรรค์นี้ คนก็ดีสัตว์ก็ดี ความจริงสัตว์จริงๆ ในเมืองสวรรค์ไม่มี แต่ในเมืองนรกมีก็ไม่ใช่สัตว์การเมืองของนรก คือลงโทษสัตว์คือคล้ายๆ กับสัตว์ที่เขาฝึกไว้ แต่ความจริงมันเป็นกฎของกรรม กฎของกรรมที่คนทำความไม่ดีลงไป สัตว์ประเภทนี้จึงจะเกิด มีไว้สำหรับลงโทษสัตว์นรก มีสัตว์ตัวใหญ่ๆไล่กัดกินอยู่ตลอดเวลา ครั้นเข้าใกล้นายนิริยบาลก็เอาหอกบ้าง ค้อนบ้าง เอาหอกแทงเสียบ้าง ค้อนทุบเสียบ้าง สัตว์ก็กัดกิน กัดกินเหลือแต่กระดูก พอเหลือถึงกระดูกก็เจ็บแสบนัก ขึ้นชื่อว่าความตายไม่มี สัตว์นรกไม่มีการตาย แม้แต่ชั่วครึ่งวินาทีก็ไม่ตาย ความไม่รู้สึกตัวนี่ไม่มีสำหรับสัตว์นรก ถ้ายิ่งถึงกระดูกสัตว์แทะกระดูกก็ยิ่งเจ็บหนัก พอมันของกระดูกหมดแล้วก็ปรากฏว่ามีเนี้อหนังขึ้นมาตามเดิมลุกขึ้นวิ่งหนีสัตว์ นายนิริยบาลก็ไล่ทุบไล่แทง บรรดาสัตว์ทั้งหลายก็ไล่ต้อนกัดกินอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะโทษชอบขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน คดโกงเขาบ้าง จี้ ปล้น เรียกว่าหาทรัพย์สินมาได้โดยไม่ชอบธรรม ที่ชาวบ้านเขาไม่ให้ อย่างกับผู้ที่เรี่ยไรมาแล้วบอกว่าจะทำบุญทำทานแต่ทว่าเอาเงินจำนวนนั้นไปเป็นสมบัติส่วนตัวเสียบ้าง กีดกันไว้เป็นของส่วนตัวบ้าง ซื้อของถูกบอกว่าแพงบ้าง อย่างนี้น่าจะลงโทษในนรกขุมนี้ แต่ความจริงท่านมีของท่านอีกขุมหนึ่ง นี่พูดถึงนักโกงของชาวบ้านหรือว่าของสงฆ์ก็ตามไปตกโทษโน้น ไปอเวจีมหานรกมาก่อนแล้วก็ย่องมาพักอยู่ขุมนี้ สำหรับเวลาในยมโลกียนรกนี่ไม่มีแน่นอน ท่านไม่ได้บอกกำหนดเวลาไว้ เอาละสำหรับนรกขุมที่ ๓ นี่ บรรดาพุทธบริษัท ก็ชมกันตามอัธยาศัย พอสมควรแก่เวลาหรือยัง ถ้าเบื่อแล้ว พอใจแล้วติดตามอาตมามา อาตมาจะพาไปอีกขุมหนึ่ง คือขุมที่ ๔


    ขุมที่สี่นี้ชื่อว่า ตามโพทนะนรก นรกขุมนี้มีหม้อเหล็กแดงแล้วก็เคี่ยวน้ำทองแดงไว้เต็ม คอยรอท่านเป็นเครื่องสังเวย สำหรับท่านที่ได้รับการสังเวยจึงได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่อจากนิริยบาลนรกขุมนี้เพราะต้องบำเพ็ญบุญบารมีเป็นพิเศษ คือต้องมีบุญเฉพาะอย่าง ต้องเป็นคนที่มีบุญวาสนาบารมีในเขตนั้น นั่นก็คือท่านผู้ดื่มสุราเมรัย เรียกว่าของที่ทำให้ใจของเรานี้ฟั่นเฟือนด้วย อำนาจการเสพติด จะเป็นสุราเมรัย ที่เป็นน้ำ เป็นฝิ่น เป็นกัญชา หรือเฮโรอีน อะไรก็ตาม ที่ทำให้มีความมึนเมาสติสัมปชัญญะเคลื่อนจากเดิม หมายความว่าสติสัมปชัญญะที่ดีๆ อยู่นี่น่ะ มันมักจะไม่ค่อยดี ดีไม่ดีก็เห็นพ่อเป็นเพื่อนเสียบ้าง เห็นคนที่เคารพนับถือคิดว่าเป็นข้าทาสของเราเสียบ้าง ร้องเอะอะโวยวาย คนเคยอายก็อายไม่เป็น คนเคยหน้าบางก็กลายเป็นคนหน้าด้าน อย่างนี้เป็นต้น คนที่เคยกลัวผีก็กลายเป็นคนกล้าไป นี่ชาวโลกนิยมกัน ว่าสุรานี่เป็นของสำคัญ เวลาจะให้พรกันละก็ ถึงวันเกิดก็ดีถึงวันสำคัญของบุคคลหรือสถานที่ก็ตาม เวลาจะให้พรกันก็เอาสุราใส่แก้วเข้า ชูขึ้นแล้วกล่าวคำให้พร ความจริงพรนี้แปลว่า ความประเสริฐ แต่ว่าการเอาสุราไปให้พรนี่มันก็ประเสริฐเหมือนกัน หมายความว่า ประเสริฐยิ่งกว่าบุคคลธรรมดา เวลาดื่มสุราเข้าไปแล้วความประเสริฐก็ปรากฏ คนไม่เคยกล้าก็กล้า คนหน้าบางก็เป็นคนหน้าด้าน ในที่สุดเวลาตายลงมาแล้วก็ประเสริฐกว่ามนุษย์ธรรมดา มาได้รับการสังเวยเลี้ยงดูปูเสื่อจากนายนิริยบาล บรรดาท่านพุทธบริษัทมองดูข้างหน้าของท่าน ที่กำลังยืนดู นรกขุมนี้มีไฟแดงฉาน มีไฟนะ เริ่มเข้าพบนรกไฟกันอีกแล้ว พื้นข้างล่างเป็นพื้นเหล็กแดง เหล็กแดงนี่ไม่ใช่ทาสีแดง ไฟเผาจนแดงโชน แล้วบริเวณนั้นก็มีหม้อทองแดง แล้วก็เคี่ยวน้ำทองแดงไว้เกลื่อนกลาดไปหมด พอดีกับปริมาณของคนที่ลงมาในขุมนรกนี้ เรียกว่าจะขาดจะเกินนั้นไม่มี ลงมาเท่าไรหม้อทองแดงเกิดเท่านั้น นายนิริยบาลจับสัตว์นรกทั้งหมดนอนลงบนแผ่นเหล็กที่มีไฟเผาโชน เห็นหรือยัง บังคับให้นอน ถ้าไม่นอนก็ขวานบ้าง หอกบ้าง ค้อนบ้าง ทุบลงไป แทงลงไป ฟันลงไป ต้องนอน นอนถ้าดิ้นก็มีคนจับท้ายจับหัวกันดิ้น ลองคิดดูว่าไฟก็เผา เหล็กก็แดงโชนเป็นเปลวเพลิงแล้วก็ไหม้ทั้งกายอยู่แล้ว นอนลงไปอย่างนั้นมันจะเจ็บมันจะแสบมันจะร้อนเพียงใด สัตว์นรกทุกคนดิ้นร้องกระวนกระวายมาก น่าสงสาร แต่เป็นการฝึกวิสัยนะบรรดาท่านพุทธบริษัท เดินมาที่นี่ต้องมีพรหมวิหาร ๔ ทรงอุเบกขาเข้าไว้ มีเมตตา มีกรุณาแล้วก็มีอุเบกขา มุทิตายังไม่ต้องใช้ คือที่จะไปพลอยดีใจกับเขาที่ได้รับทุกขเวทนาน่ะไม่เอาไม่ต้องเอา พรหมวิหาร ๓ ก็แล้วกัน เมตตา รักเขาเหมือนกับตัวเรา กรุณา สงสารเขาคิดอยากให้พ้นทุกข์ แต่ก็ต้องทรงอุเบกขา เฉยเข้าไว้ก่อน ช่วยเขายังไม่ได้ มันเป็นการสุดวิสัยที่จะช่วยเขาได้ ไม่มีอำนาจ


    เมื่อบรรดาสัตว์ทั้งหลายนอนลงไปแล้ว เขาก็เอาหม้อที่มีน้ำทองแดงเคี่ยวไว้ดีแล้ว มีกระแสเปลวเพลิงขึ้นมาพรึ่บๆๆ เต็มหม้อ เอาคีมงัดปากให้สัตว์นรกอ้าปาก อ้าปากแล้วกรอกด้วยน้ำทองแดง น้ำทองแดงเข้าปาก ปากพัง ไหลไปถึงคอ คอพัง ไหลไปถึงอก อกพัง ไหลไปถึงท้อง ท้องพังหมด ร่างกายสลายหมด แต่สัตว์ทั้งหลายยังไม่ตาย ร่างกายสลายตัวไปแล้ว ก็ปรากฏว่าเป็นตัวเต็มอัตราตามเดิมเป็นคนบริบูรณ์ไปด้วยอวัยวะต่าง ๆ ตามเดิม แล้วก็ถูกนายนิริยบาลกรอกอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะสิ้นเวลากฎของกรรม ถ้าจะถามว่าเวลาของกฎของกรรมเป็นกี่วัน กี่เดือน กี่ปีของเมืองนรกก็ตอบไม่ได้เพราะเขาไม่ได้บอกไว้


    เอาละสำหรับนรกขุมนี้ เหมาะสำหรับท่านที่ชอบดื่มสุราเมรัยหรือของเมาต่างๆ จะเป็นผงหรือเป็นน้ำต้มก็ตาม ที่ทำให้จิตของท่านฟั่นเฟือนละก็ใช้ได้ นี่ขุมนี้ชมพอสมควรแล้ว พูดมากก็เสียเวลามาก


    คราวนี้ต่อไปก็มาชมนรกขุมที่ ๕ สำหรับยมโลกียนรก นรกขุมนี้มีนามว่า อาโยคุฬะนรก นรกนี้มีก้อนเหล็กแดงเกลื่อนกลาด พื้นนะเป็นเหล็กเผาจนแดงโชนเหมือนกันมีไฟเผาอยู่ตลอดเวลา ในบริเวณของพื้นที่เป็นเหล็กเผาจนแดงโชน ก็มีเหล็กก้อนกลมๆ คล้ายๆ ลูกกระสุนปืนใหญ่โบราณ วางแดงอยู่หมด มีไฟเผาสุกอยู่เหมือนกัน นรกขุมนี้มีไว้เป็นที่ลงโทษสัตว์คือนักบุญ เขาเรียกว่ามีไว้สำหรับลงโทษนักบุญ นักบุญประเภทไหนท่านพุทธบริษัท? ประเภทที่มีการเรี่ยไรบอกบุญ เขามีไว้เฉพาะนะ เมื่อลักขโมยเขาก็มีว่าไว้เรื่องหนึ่ง นี่ว่าถึงนักบุญที่มีการเรี่ยไร มีการบอกบุญ เป็นพระเป็นเณรเป็นเถรเป็นชีเป็นฆราวาสเป็นทายกทายักอะไรก็ตาม มีการลงโทษเหมือนกัน เวลาบอกบุญเวลาเรี่ยไรเขามาแล้ว บอกว่านี่จะสร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างถนน สร้างส้วม สร้างกุฏิ สร้างหอสวดมนต์ อะไรก็ตามเถอะ เป็นเรื่องของบุญก็แล้วกัน เมื่อบอกมาแล้ว เวลาได้มาแล้วไม่ยักเอาไปทำหมด บางทีก็กันเสียหมดเลย บางรายเรี่ยไรมาตั้ง ๑๐ ปี เวลามีคนเขามาช่วยทำกันจริงๆ จะเริ่มก่อร่างสร้างเข้าจริงๆ ปรากฏว่าเงินที่เรี่ยไรนั้นไม่มีเข้ามาร่วมในงานก่อสร้าง อย่างนี้ก็มี หรือว่าบางรายได้มาแล้วบาทหนึ่ง จ่ายให้กับส่วนที่เป็นการกุศลสลึงหนึ่งหรือสองสลึงก็มี หรือบางรายที่บอกบุญเรี่ยไรเขาหมด แต่ปรากฏว่าเอาไปทั้งเงินเก่าและเงินใหม่ หรือว่าบางรายบอกเรี่ยไรข้าวปลานาเกเขามาแล้ว เวลาได้มาแล้วเอามาวัดเหมือนกัน เอามาสร้างเหมือนกัน แต่มาแบ่งสรรปันส่วนกันก่อน ว่านี่เป็นค่าจ้างของฉันนะ นี่เป็นค่าอาหาร นี่เป็นค่าเครื่องดื่ม นี่เป็นค่าเหล้า ไม่เป็นไรพวกเรากินเหล้าเป็นธรรมะ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าเรามาเรี่ยไรให้แก่วัดนี่ เราก็จะต้องกินของวัด แต่ความจริงจะกินแค่อาหารอีกทั้งบุหรี่ กาแฟตามความจำเป็น อันนี้ผู้พูดเองก็เห็นว่าไม่เป็นไร แต่ทว่าจะต้องตกลงกันไว้กับเจ้าอาวาสเสียก่อน หรือบรรดาคณะสงฆ์เสียก่อน แต่ว่าถ้าจำเป็นไปถึงสุราเมรัยละก็ อันนี้ไม่เป็นเรื่องแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องอภัยกันได้ แต่ความจริงไม่ใช่อาตมาเป็นผู้ลงโทษนะ กฎของกรรมเขาลงโทษ เอาละพูดถึงกฎของกรรมพอสมควร บรรดาท่านพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่รับฟังมีความเข้าใจดีอยู่แล้วเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดกันมาก อย่าย่องมาสอนหนังสือสังฆราชกัน นี่มันไม่ดี แล้วก็อย่าลืมนะ การพูดนี้ กระผมไม่ได้เรียบเรียงมาเป็นตัวอักษร เวลาพูดวิทยุตลอดกาลไม่เคยเขียนมา เรียกว่าเอาพุงมาพูดกัน เอาความจำมาพูดกัน ถ้าสำบัดสำนวนมันไม่ดีละก็ขออภัยด้วย พูดซ้ำพูดซากไปบ้างก็ขออภัย เพราะว่าไม่ใช่ไม่มีแต่ตัวหนังสืออย่างเดียว เวลาพูดร่างกายก็ไม่ดี ร่างกายเป็นโรคนิทธัง มันเป็นรังของโรค ผมป่วยตลอดเวลา แล้วบางวันพระคุณเจ้าจะเห็นว่ามีการจามการไอ มีการกระแอมเพราะคอแห้ง ทั้งนี้ก็เพราะว่าความร้อนจากภายในมันเผาคอ เอาละเรื่องนี้จะทำให้บรรดาท่านพุทธบริษัทท่านขัดความรู้สึกในการฟัง ที่บอกไว้ก็เพื่อให้ทราบชัด เพราะว่าสำนวนแห่งการพูด บางวันก็ไม่เป็นเรื่อง บางวันก็พอฟังได้


    เอาละโทษในการที่เขาจะลงโทษสัตว์เขาทำยังไง ความจริงนรกขุมนี้นายนิริยบาล แปลว่า บุคคลผู้รักษานรก คือรักษากฎของนรกทำไปตามกฎของนรก เขาไม่มีเจตนาเรียกกลั่นแกล้ง แล้วไม่มีความโกรธความเคือง อาฆาตมาดร้ายอะไรกันมาก่อน ทำไปตามกฎของกรรม นรกขุมนี้นายนิริยบาลไม่เหนื่อย เพราะอะไร เพราะว่าสัตว์นรกทุกคนมีความต้องการเอง ด้วยอำนาจกฎของกรรม บังคับให้ลงมาดินแดนแห่งเพลิง พื้นก็เป็นเหล็กแดง เหล็กถูกเผาด้วยไฟจนแดงโชน แล้วมีไฟไหม้อยู่ตลอดเวลา บนพื้นเหล็กมีก้อนเหล็กที่ไฟเผาจนแดงโชนสุกแดงมีความร้อนจัดวางอยู่กลาดเกลื่อน บรรดาสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ เพราะสมัยที่มนุษย์มีความหิวมาก่อน หิวในลาภสักการะ คือว่าเรี่ยไรมาแล้วกันไว้เป็นสมบัติของตัวเสียทั้งหมดบ้าง บางส่วนบ้าง บางทีก็ตกลงกับคนวัดตกลงกับชาวบ้านเหมาลูกนิมิต ว่าลูกนิมิตลูกนี้นายเอาไป เอาวันละ ๓๐๐ เหลือจากนั้นเท่าไรเป็นของกู อันนี้ผิดระเบียบ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เศษๆ เคยพบมารายการหนึ่ง เขาว่ามีอย่างนั้น ไปถามเขา เห็นเขาเรี่ยไรบอกว่าจะฝังลูกนิมิตโบสถ์ มีลูกนิมิตติดเรือไป ถามเขาว่าได้วันละเท่าไหร่ เขาบอกว่าทางวัดต้องการวันละ ๓๐๐ บาท เหลือเท่าไร คนที่มาเรี่ยไรเอาไปเป็นค่าใช้จ่าย ถ้าเหลือก็เอาเป็นสมบัติส่วนตัวไป นี่เพราะว่ามนุษย์พวกนี้มีความหิวมาตั้งแต่เป็นมนุษย์ จึงได้คดโกงเงินที่เขาทำบุญเข้ามา นี่สำหรับทำบุญกับพระศาสนาหรือสาธารณประโยชน์ ตายจากความเป็นมนุษย์แล้วไปลงอเวจีมหานรกก่อน ผ่านอเวจีมหานรกเพราะมีกรรมประเภทอื่นๆ มาผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาผ่านนรกที่เบากว่าอีกนิด ขุมที่ ๗ ขุมที่ ๖ ขุมที่ ๕ ตามกฎของกรรม เมื่อพ้นจากนรกขุมใหญ่และนรกบริวารแล้วก็มายมโลกียนรก มาขุมที่ ๕ นี้ เวลาที่ปรากฏคนขึ้นบนนรกขุมนี้ ก็ปรากฏว่าเห็นก้อนทองแดง หรือเหล็กแดงที่เผาโชนมีเปลวไฟด้วยกฎของของกรรมบังคับอยู่ แทนที่เธอจะเห็นเป็นก้อนเหล็ก เธอก็กลายเป็นเห็นว่าเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะ เกิดความหิวความกระหายอย่างหนักวิ่งเข้าไปแย่งกันนะ ไม่ใช่บังคับให้ทำ แย่งกันเพราะเห็นว่าก้อนเหล็กอันเผาจนแดงโชนเป็นก้อนเนื้ออันโอชะ เป็นเนื้ออย่างดีมีกลิ่นหอม พอวิ่งเข้าไปถึงก็เข้าไปแย่งกันเอาก้อนเหล็กแดงใส่ปาก เคี้ยวกินก้อนเหล็กแดงไม่ใช่สีแดง มันแดงเพราะความสุกของไฟ พื้นที่วิ่งลงไปก็มีไฟตลอดเวลา คือบริเวณที่วิ่งลงไปนั้นเดินไปอยู่นั่นน่ะ มีไฟทั้ง ๕ ทิศตลอดเวลาพุ่งเข้าหากัน พื้นข้างล่างก็เป็นแผ่นเหล็กแดงโชน ก้อนเหล็กที่กินเข้าไปก็เป็นก้อนเหล็กที่เผาแดงโชน เมื่อกินก้อนเหล็กแดงเข้าไปพอถึงปาก ปากพัง ถึงคอ คอพัง ถึงอก อกพัง ถึงท้อง ท้องพัง ล้มลงถึงแก่ความตาย แต่ความจริงไม่ตาย มีความรู้สึกแต่กระดิกกระเดี้ยไม่ไหว เมื่อกระดิกกระเดี้ยไม่ไหว ก็ปรากฏว่ามีการทรงกายตามเดิม เมื่อมีกายทรงการตามเดิมก็ลุกขึ้นมีความหิวจัด กฎของกรรมบังคับให้หิว เรื่องความจำว่าไอ้อาหารก้อนนี้มันเป็นก้อนเหล็กที่เผาไฟจนแดงนั้น ไม่มีความจำเลย เพราะกฎของกรรมบังคับ เกิดความหิวขึ้นมาอีก ถูกไฟเผาทั้ง ๔ ทิศ ข้างล่างก็เป็นพื้นเหล็กที่เผาจนแดงโชนร้อน แต่ความหิวบังคับ วิ่งเข้าไปหาก้อนเหล็กแดงใหม่ กินเข้าไปแบบนั้น ทำแบบนี้อยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะสิ้นกฎของกรรม เป็นอันว่านรกขุมนี้นายนิริยบาลไม่เหนื่อย เพราะว่าไม่ต้องบังคับให้เขาทำ กฎของกรรมบังคับให้เขาหิว กฎของกรรมบังคับให้เขาเห็นว่า ก้อนเหล็กที่เขาเผาจนแดงโชนนั้น กลายเป็นอาหารอันโอชะ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทและบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพ ชมนรกขุมนี้แล้วนะ ให้นั่งนึกนอนนึกไว้ด้วย ความจริงนรกขุมนี้คนที่เป็นเหยื่อน่ะมากเหลือเกิน ส่วนใหญ่คนที่เป็นเหยื่อของนรกขุมนี้ก็คือนักบุญ ได้แก่ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกาและแถมชีและเถรด้วย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าบรรดานักบุญทั้งหลายที่กล่าวมาแล้วนี้อยู่ใกล้ชิดนรกขุมนี้เหลือเกิน และอย่าลืมว่านรกขุมนี้เป็นนรกดอกเบี้ย ไม่ใช่นรกแป๊ะเจี๊ยะ ดอกเบี้ยหรือว่าถอนทุนกัน ชำระทุนกันด้วย ชำระดอกเบี้ยด้วย คืนทุนน่ะเล็กน้อย บางทีเราโกงเงินวัด หรือโกงเงินสาธารณประโยชน์ ๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ เขาก็เอาเราไปลงอเวจีก่อน ออกจากอเวจีก็ต้องผ่านนรกบริวาร ถ้ามีกรรมอย่างอื่นติดตามอยู่อีกก็ต้องไปลงนรกขุมใหญ่อื่นต่อไป จนกว่าจะพ้นนั่นมาแล้วจึงมานรกขุมนี้ ที่อาตมากล่าวว่า บรรดาพระสงฆ์ก็ดี ภิกษุณีก็ดี สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกาหรือไวยาวัจกรของวัด เป็นผู้ใกล้ชิดกับนรกขุมนี้มาก เพราะเคยเห็นกัน เคยเห็นอยู่เสมอๆ บางทีก็ไม่ใช่งานวัด เขาก็เอาเงินของวัดไปกินเหล้าเมาสุรา ความจริงเรื่องของวัดนี่ มันต้องตัดกันแล้ว น้ำดื่มน้ำเมาเรื่องของบาปกรรมอกุศลต้องไม่มี แต่ว่านี่ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ของวัด เวลาจะมาจัดงานวัดท่านต้องกินเหล้า ดีไม่ดีก็เอาเหล้ามากินที่วัด แล้วการกินวัดก็จ่าย อันนี้มันจะถูกต้องยังไง เพราะเงินที่วัดจ่ายให้ก็เป็นเงินที่ชาวบ้านเขาทำบุญมา เวลาที่บอกเขาน่ะไม่ได้บอกเขาว่า จะมาซื้อเหล้าเลี้ยงทายกหรือซื้อเหล้าเลี้ยงกรรมการ เลี้ยงเหล้าคนที่มาจัดงานวัด เวลาจะมาบอกเขาว่าจะทำโน้นทำนี่ แต่ว่าท่านทายกตัวดี คณะกรรมการตัวดีท่านกินเหล้าเข้าแล้วนี่ ท่านก็สั่งเจ้าอาวาสจ่าย เจ้าอาวาสก็จ่าย อย่างนี้ใครจะผ่านไปอเวจีแล้วจะผ่านมานรกขุมนี้กันบ้าง? ก็ต้องขอตอบว่าทั้งทายกทั้งกรรมการทั้งเจ้าอาวาสไปด้วยกันหมดเพราะว่ามีความเห็นชอบร่วมกัน แล้วอีกประการหนึ่ง ควรมองดูให้ดี อีกทางหนึ่งของที่เขามาใส่บาตรทำบุญ เขามาใส่บาตรทำบุญแล้วกันเอาไว้ “อันนี้ของพระพุทธ” ของดีๆ ที่ท่านทายกชอบใจเอาไว้เป็นของพระพุทธ ของดีๆ ที่ท่านทายกชอบใจอันนี้เก็บไว้ถวายพระตอนเพล แต่ว่าพอถึงเวลาเข้าจริงๆ พระฉันแล้วที่ถวายพระพุทธก็มาเป็นของทายกหรือของกรรมการ ตอนที่ถวายพระตอนเพลนี่ก็เหมือนกัน ตอนถวายพระเพล ตอนเพลนี่ซีพอถวายเพลเข้าจริงๆ ของดีๆ ทั้งหลายเหล่านั้นก็ปรากฏว่าพระไม่ได้ฉัน ไม่ทราบว่ามันหายไปไหนหมด นี่มันเป็นยังงี้นะ บรรดาท่านพุทธบริษัท มันเป็นยังงี้ ถ้าอาการอย่างนี้ปรากฏละก็ทราบชัดว่าไปกินของที่เขาถวายพระ ญาติของพระเจ้าพิมพิสารไปตกอเวจีมาแล้ว และก็ต้องผ่านนรกขุมนี้ เพราะเป็นการบอกบุญเขาเหมือนกันนะ ไอ้ข้าวแกงที่เขาถวายพระ ถ้าไม่บอกเขาว่าจะทำบุญ เขาก็ไม่เอามาให้


    ท่านบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับวันพุธนี้หมดเวลาเสียแล้ว จะเลยไปนิดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ถ้าเลยขออภัยเจ้าหน้าที่สถานีด้วย เมื่อหมดเวลาก็ขอท่านทั้งหลายโปรดพักอยู่นรกขุมนี้ก่อน สำหรับวันพุธหน้าค่อยเดินต่อไป


    ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่รับฟัง สวัสดี. .

    ที่มา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    䵃?? - ?̓촍?҅Ԣ?<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...