ยาสมุนไพรรักษาสิว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Bens, 2 กันยายน 2007.

  1. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสิว


    สิวเป็นโรคเรื้อรัง พบบ่อยมากเป็นอันดับต้นๆ ของปัญหาโรคผิวหนัง มักเป็นในวัยรุ่น แต่บางครั้งเลยวัยรุ่นไปแล้วก็อาจเป็นได้ ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นสิวคือ เป็นเม็ดสิวอุดตันที่เรียกกันว่า คอมมิโดน ถ้าเป็นเม็ดนูนเล็กๆ ไม่มีรูเปิดเรียก สิวหัวขาว ถ้ามีรูเปิดที่ผิวหนังมองเห็นเป็นจุดดำอยู่ตรงกลางเรียกสิวหัวดำ นอกจากนี้อาจเกิดเป็นตุ่มนูนเล็กๆ แดงๆ อาจเห็นเป็นตุ่มหนอง ,หรือตุ่มนูนแข็งเม็ดโต หรือตุ่มแดงอักเสบแบบถุงซีสต์ที่เรียกกันว่า สิวหัวช้าง สิวที่สร้างความวิตกมากคือ สิวบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่พบบ่อย ในบางรายอาจเกิดบริเวณ คอ , หลัง, อก, สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ฮอร์โมนเพศ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันโตเต็มที่ผลิตน้ำมันมากขึ้น ท่อของต่อมไขมันหนาตัวมีการอุดตัน น้ำมันระบายออกไม่ได้คั่งค้างอยู่ภายใน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บริเวณนี้แบ่งตัวเพิ่มขึ้น ย่อยสลายไขมันทำให้เกิดความระคายเคือง และท่อต่อมไขมันแตกออก กรดไขมันออกสู่บริเวณข้างเคียงเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น ความรุนแรงของสิวแต่ละคนแตกต่างกันไป บางรายเป็นมากบางรายเป็นน้อย สิวอักเสบอาจกำเริบได้ในช่วงมีความเครียด เช่น อดนอน หรือในผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือน นอกจากนี้การบีบแกะสิว จะกระทบกระเทือนและนำเชื้อโรคเกิดการอักเสบมากขึ้น และมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นเมื่อสิวหายแล้ว
    สิวแบ่งเป็น 2 ชนิด
    1.สิวไม่อักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน (COMEDONE) แบ่งเป็น 2 ชนิด
    1.1 สิวหัวปิด เห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ หัวขาว ๆ
    1.2 สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ
    2.สิวอักเสบ คือสิวที่หัวแดง ๆ หรือ เป็นหนอง พวกนี้ก็คือ (COMEDONE) ที่มีการติดเชื้อ(BACTERIA) แทรกซ้อน
    ดังนั้น ถ้าเป็นสิวอักเสบ การทำความสะอาด ใบหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และการป้องกันไม่ให้มีการอุดตันที่รูขุมขน
    (COMEDONE) โดยการใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในตอนกลางวัน ก็พอจะช่วยให้สิวลดลงหรือป้องกันไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้น
    แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ คงต้องปรึกษาแพทย์ เพราะต้องใช้ปฏิชีวนะ (กินหรือทาแล้วแต่ความรุนแรงของสิว)
    สิวอักเสบควรจะต้องรีบรักษา ถ้าไปแกะหรือบีบหนองออก จะเป็นรอยแผลเป็น บุ๋มตลอดไป รักษายากมาก
    การนอนดึกทำให้สิวเพิ่มขึ้น ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสิวอักเสบ อาจเป็นเพราะ
    1.ร่างกายอ่อนแอ เชื้อ Becteria ในสิวทำให้มีการอักเสบมากขึ้น
    2.Hormone เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะใน ผู้หญิง ตัวอย่างเช่น บางคนประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์
    จะมีสิวเพิ่มขึ้น
    สมุนไพรที่ใช้รักษาสิวได้แก่
    ว่านหางจรเข้ล้างหน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
    ข้อควรระวัง ต้องล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า
    [​IMG]
     
  2. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    ลดสิวเสี้ยน

    ทุเรียน
    : ลดปัญหาสิวสาว
    ส่วนผสม
    1.เนื้อทุเรียนสุกพอห่าม(สุกไม่มาก)
    2.ดินสอพอง

    วิธีทำ
    ใช้เนื้อทุเรียนสุกพอห่าม หรือจะเป็นเนื้อทุเรียนดิบ หั่นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 3-5 ช้อนแกง (หรือกะเอาพอประมาณ) ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนแกง ปั่นให้เป็นเนื้อเนียนข้น

    วิธีใช้
    ใช้ทาทั่วผิวหน้า (เว้นรอบดวงตาและปาก) หรือบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด (ธาตุกำมะถันในทุเรียนจะช่วยให้เม็ดสิวแห้งเร็วได้)

    [​IMG]
     
  3. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    *-*

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=8 width="100%" bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD background=themes/Nuke2005/images/bg.jpg><BASEFONT face="Cordia New" color=#008000>[​IMG]ชื่อวิทยาศาสตร์Mangifera indica Linn.
    ชื่อวงศ์
    ANACARDIACEAE
    ชื่อสามัญ
    Mango Tree

    มะม่วงสุก
    : แก้ปัญหาฝ้าและสิว
    ส่วนผสม
    1. มะม่วงสุก 1 ผล
    2.น้ำมะนาว 1/2 ช้อนแกง
    3.ดินสอพอง 1/4 ช้อนแกง

    วิธีทำ
    ใช้เนื้อมะม่วงสุก 1 ผล น้ำมะนาว 1/2 ช้อนแกง ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนแกง ปั่นจนเหลวข้น

    วิธีใช้
    ให้ทาทั่วผิวหน้า(เว้นรอบดวงตาและปาก) ทาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยแก้ปัญหาสิว ฝ้าและผิวหน้าจะขาว เนียนอ่อนกว่าวัย

    </BASEFONT></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    ลดรอยตีนกา

    บัวบก

    ชื่อสามัญ : Asiatic Pennywort
    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Centella asiatica (Linn.) Urban.
    วงศ์ : UMBELLIFERAE

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=2 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>[​IMG] รสและสรรพคุณยาไทย
    กลิ่นหอม รสขมเล็กน้อย แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้ร้อนใน แก้โรคความดันโลหิตสูง
    ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
    สารที่สำคัญที่ได้จากใบบัวบกคือ มีฤทธิ์ในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็ว มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อราและลดอาการอักเสบ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สูตรใบบัวบกลดรอยตีนกา
    ส่วนผสม
    1. ใบบัวบก
    2.น้ำต้มสุก

    วิธีทำ
    ใช้ใบบัวบกสดๆ ล้างให้สะอาด หั่นฝอยประมาณ 1/2 ถ้วย เติมน้ำต้มสุกนิดหน่อย นำไปปั่นให้เป็นน้ำข้นๆ กรองเอาแต่น้ำ

    วิธีใช้
    ใช้สำลีชุบทาทั่วใบหน้า หรือจะใช้สำลีแปะไว้ที่ผิวใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เต่งตึงไร้ริ้วรอย เพราะใบบัวบกมีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ทำงานได้ดีขึ้น
     
  5. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    มะขามเปียก

    <TABLE id=AutoNumber1 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-BOTTOM: 2px; BORDER-BOTTOM: #cc0000 1px solid" width="100%">มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้
    [​IMG]

    <TABLE height=12 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%">สรรพคุณ</TD><TD colSpan=3>บำรุงผิว ลบรอยเหี่ยวย่น ตีนกา</TD></TR><TR><TD width="8%">ส่วนผสม </TD><TD width="9%">มะขามเปียก </TD><TD width="4%">1</TD><TD width="79%">กำมือ</TD></TR><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="9%">นมสดรสจืด </TD><TD width="4%">3</TD><TD width="79%">ช้อนโต๊ะ</TD></TR><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="9%">น้ำผึ้ง </TD><TD width="4%">1</TD><TD width="79%">ช้อนโต๊ะ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    วิธีทำ มะขามเปียกแกะเม็ดเอารกออกแล้วล้างน้ำให้สะอาดผสมกับนมแล้วขยำให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนตาละเอียด เติมน้ำผึ้งคนให้เข้ากันก็จะได้ครีมมะขามเปียก ใส่ภาชนะมีฝาปิดเก็บไว้ในตู้เย็น
    วิธีใช ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ทาครีมมะขามเปียกทิ้งไว้ 10 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด สูตรข้างต้นนี้เหมาะกับคนผิวมัน ถ้าคนผิวแห้งให้ลดมะขามเปียก เพิ่มปริมาณนมสดกับน้ำผึ้งให้มากขึ้น



    สูตรผสม

    มะขามเปียก 1 ก้อน
    ดินสอพอง (2-3 เม็ด)

    วิธีผสม
    นำมะขามเปียกและดินสอพองมาขยี้รวมจนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียว ใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอนโดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่น และเต่งตึงขึ้นด้วยสูตรผสมนี้เป็นที่รู้จักกันดีทั่วไป สามารถนำมาขัดพอกผิวหลังจากอาบน้ำทุกครั้งและทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด และไม่ต้องฟอกสบู่ตามก็ได้ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้
     
  6. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    ขมิ้นสด

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top width="100%"><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#caeb65 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=8 width="100%" bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD background=themes/Nuke2005/images/bg.jpg>
    ขมิ้นสด :บำรุงผิวหน้าผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว
    สูตรผสม

    ขมิ้นสด (เล็กน้อย)
    ดินสอพอง 2-3 เม็ด
    มะนาว 1 ผล

    วิธีผสม
    นำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นรวมกับดินสอพองและมะนาว จนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วย ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้มะนาว จะทำให้ผิวนวลเนียนขึ้นสามารถสัมผัสได้ และเมื่อผสมรวมกันกับผักแว่น ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    หัวไชเท้าลดฝ้า

    หัวไชเท้า
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, AngsanaUPC]แม้ว่าเกิด แก่ เจ็บ ตายจะเป็นกฎของธรรมชาติ แต่เมื่อนึกถึงรอยย่นบนหน้าผากและตีนกาที่ฟ้องอายุของตัวเอง ความรู้สึกในใจก็ยากที่จะยอมรับเช่นกัน บางคนถึงกับต้องตระเวนไปหาร้านถ่ายรูปที่มีฝีมือแต่งหน้าแต่งผม แต่งตัวให้ดูดี ถึงขนาดถ่ายรูปออกมาแล้วคนในบ้านตัวเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นรูปใคร ๆ ทุกปีอยู่แล้ว[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Arial, AngsanaUPC]
    แต่รูปถ่ายที่ลงทุนไปมากโขนี้มีประโยชน์ตรงที่เอาไว้ส่องแทนกระจกเท่านั้น เพราะอะไรที่เคยตึงก็เริ่มจะเหี่ยว ที่มีเงินหน่อยก็สามารถพบศัลยแพทย์ตัดโน่นดึงนี่เพื่อให้ดูตึงเหมือนเดิม ยิ่งมีข่าวประโคมถึงสมุนไพรตัวโน้นตัวนี้ช่วยให้ดูสวยดูดีก็ฮือฮากันไม่เลิก
    อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีนักวิชาการออกมาสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับกวาวเครือว่าสามารถทำให้อวัยวะบางอย่างอึ๋มขึ้น สาวน้อยสาวใหญ่ก็ให้ความสนใจกันไม่น้อยแม้แต่สาววัยทองทั้งหลายก็พยายามเสาะหามากิน ทั้งที่เลยวัยให้ลูกดูดนมไปแล้ว หารู้ไม่ว่าหัวกวาวเครือเอง มีข้อจำกัดในการกินมากมาย แถมยังมีหลากหลายสายพันธุ์
    ปัจจุบันกวาวเครือไม่มีการปลูก ต้องเอามาจากป่าเท่านั้น อย่างไรก็ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในขณะนี้ได้ ประชาชนก็อาจจะได้กวาวเครือปลอมปน เผลอๆ ปนยาแผนปัจจุบัน อันตรายจะตายไป อย่าเสี่ยงดีกว่า
    ที่จริงแล้วความแก่หรือไม่แก่มันอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจแจ่มใสกี่ปีผ่านไปก็ดูไม่แก่ จิตใจจะแจ่มใสได้ นอกจากจะทำใจให้เบิกบานแล้วร่างกายต้องแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าด้วย คงจะยากถ้าร่างกายเจ็บออดๆ แอดๆ สามวันดี สี่วันไข้แล้ว จิตใจจะยังสดใสอยู่ การออกกำลังกาย การกินอาหารที่ถูกต้องจึงมีส่วนเสริมสุขภาพกายและจิตเป็นอย่างมาก

    เมนูอาหารของคนวัยทองมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หาได้ง่ายกว่ากวาวเครือมากนักคือ ไชเท้า ซึ่งเป็นผักที่สามารถซื้อหาได้ด้วยตัวเองไม่ต้องถูกใครต้ม
    ไชเท้า มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Raphanus sativus Linn. อยู่ในวงศ์ Crutiferae เป็นสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรายาจีน (หรือแม้แต่ของฝรั่งก็ใช้สมุนไพรตระกูลเดียวกันในสรรพคุณเช่นนี้สมุนไพรที่ว่าคือ Horseradish) โดยแนะนำให้คนวัยทองนำหัวไชเท้าดิบมาหั่นซอยเป็นเส้นฝอยกินวันละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือมื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง (ถ้ารู้สึกมีกลิ่นฉุนอาจรับประทานร่วมกับน้ำผึ้ง)
    โดยเชื่อว่าจะทำให้ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล ดูเปล่งปลั่งเหมือนคนหนุ่มสาว ทั้งยังเชื่อว่าหัวไชเท้าช่วยกำจัดพิษ สามารถช่วยให้ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อย และช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น
    หัวไชเท้าหรือผักกาดหัวมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน (เจ้าถิ่นที่ยังยืนหยัดเป็นหลักให้กับ เอเซียทั้งทางด้านการแพทย์ตะวันออกและค่าเงินหยวน) แต่ตอนหลังหัวไชเท้าก็แพร่หลายไปทั่วตามการอพยพย้ายถิ่นของคนจีน นิยมรับประทานเป็นอาหาร ใช้ทำเป็นแกงจืด แกงส้ม ต้มจับฉ่าย หรือเอามาดองเค็ม ตากแห้ง ทำเป็นหัวไชโป๊ แล้วนำมาปรุงเป็นอาหารกินกับข้าวต้มกุ๊ยได้อีกหลายๆ ตำรับ
    ที่สำคัญคือเจ้าหัวไชเท้านี่มีสารโปรวิตามินเอ ที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเออยู่สูงมาก หัวไชเท้าจึงเป็นแหล่งวิตามินเอที่หาง่ายและราคาถูก
    หัวไชเท้าเป็นอาหารที่ดีมาก ตำราจีนกล่าวว่าไชเท้ามีสรรพคุณในการกระจายสิ่งหมักหมมในร่างกาย ละลายเสมหะ แก้พิษ ลดความดัน ขยายหลอดลมและหลอดเลือด จึงควรเป็นอาหารที่อยู่ในเมนูของคนที่ป่วยเป็นโรคหวัด ไอเสียงแหบแห้ง ท้องขึ้นเนื่องจากอาหารไม่ย่อย คออักเสบเรื้อรัง
    ตำรับยามีดังนี้ นำหัวไชเท้าสดมาคั้นน้ำแล้วเติมน้ำขิง เติมน้ำตาลทรายขาวพอหวาน ต้มให้เดือดแล้วจิบบ่อยๆ หรือนำหัวไชเท้ามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มน้ำดื่มแก้กระหาย รวมทั้งสามารถนำหัวไชเท้าสดมาตำให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทรายพอหวานรับประทาน
    หรือนำไชเท้าหนึ่งหัวมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ไว้ในขวดแก้ว โรยน้ำตาล 2-3 ช้อนโต๊ะ ปิดฝาทิ้งไว้หนึ่งคืน รินน้ำรับประทานเป็นประจำ เหมาะกับคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไอมีเสมหะ ไอหอบ
    การทำเมนูอาหารบำรุงสุขภาพด้วยตัวเองจากสมุนไพรที่เรารู้จักเป็นอย่างดี รู้แน่ๆ ว่าไม่เป็นพิษเป็นภัย เป็นสิ่งที่คุ้มกว่าการไปตะเกียกตะกายหาสมุนไพรที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น เชื่อตามนักวิชาการที่บางทีก็ครึ่งๆ กลางๆ ในความรู้ ไม่รู้ทั้งแผนโบราณและแผนใหม่ ทำให้สังคมสับสนอลเวงไปหมด
    [/FONT]
    หัวไชเท้า: ช่วยลดรอยฝ้าและกระให้จางลง
    ส่วนผสม
    1.หัวไชเท้า 1 หัว(ขนาดเล็ก)
    2.น้ำมะนาวสด 1 ช้อนแกง

    วิธีทำ
    ใช้หัวไชเท้าล้างน้ำให้สะอาด ทำการปอกเปลือก แล้วหั่นบางๆ นำไปปั่นให้พอละเอียด ใส่น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนแกงปั่นรวมกันอีกครั้ง

    วิธีใช้
    ให้ทาทั่วผิวหน้า (ยกเว้นรอบดวงตาและปาก) ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำจะช่วยลดฝ้า และกระให้สีจางลง
     
  8. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,018
    ค่าพลัง:
    +3,165
    เยี่ยมมากครับเป็นวิทยาทาน หมอโฮจุน
     
  9. gitti

    gitti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,035
    เพิ่งรู้ทุเรียนรักษาสิวได้ด้วย พระเจ้าจอร์จมันยอดมากเลยอ่ะ อนุโมทนาค่ะ
     
  10. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    *-*

    ว่านหางจรเข้ : ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์



    [​IMG]ว่านหางจรเข้ จัดว่าเป็นสมุนไพรที่ใครๆ ทั่วโลกต่างก็รู้จักดี คนไทยสมัยก่อนอาจไม่ได้คุ้นเคยกับว่านหางจรเข้มากนัก เพราะว่านหางจรเข้ไม่ใช้พืชประจำถิ่นของเรา ว่านหางจรเข้เมีแหล่งกำเนิดอยู่ในแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนี่ยนเช่นซาอุดิอารเบีย บริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา เกาะมาดากัสการ์ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ปัจจุบันว่านหางจรเข้แพร่กระจายไปทั่วโลก เพราะสมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณมากมาย จนมีการตั้งสถาบันวิจัยเพื่อศึกษาเกี่ยวกับว่านหางจรเข้โดยเฉพาะ

    คุณค่าของว่านหางจรเข้ เป็นที่รู้กันดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งชาวยุโรป ชาวจีน และชาวอินเดีย รวมทั้งชาวอินเดียแดง ซึ่งให้สมยาเจ้าว่านหางจรเข้ว่า "ไม้เท้ากายสิทธิ์จากสวรรค์" เพราะไม่ว่าจะเอาเจ้าว่านหางจรเข้ไปรักษาอวัยวะส่วนไหน ดูเหมือนจะใช้ได้หมด และที่สำคัญ เล่ากันว่าพระนางคลีโอพัตรา ใช้น้ำเมือกจากว่านหางจรเข้บำรุงผิวพรรณ ทำให้พระนางมีความงดงามเป็นอมตะ ผิวพรรณผุดผ่องดังดรุณีแรกรุ่น ดังนั้น ว่านหางจรเข้นอกจากจะเป็นยาแล้ว จึงยังถือว่าเป็นเครื่องสำอางชั้นยอด สรรพคุณที่โด่งดังของวุ้นว่านหางจรเข้ เห็นจะไม่พ้นการรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก คงเป็นเพราะบ้านเกิดของว่านหางจรเข้ อยู่ในเขตทะเลทราย จึงสู้ความร้อนได้สบายมาก เมื่อถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกคราวใด ให้นึกถึงว่านหางจรเข้เข้าไว้ แต่ต้องใช้ให้เป็น คือ ให้มากพอ คือมากพอที่จะดับพิษร้อนได้ เรื่องของการดับพิษร้อน เป็นเรื่องที่เราต้องพึ่งตนเอง เมื่อเราถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกแล้ววิ่งโร่ไปหาหมอ หรือไปโรงพยาบาล ก็อย่าหวังว่าเขาจะดับพิษร้อนให้ เขาก็เพียงแต่รอให้เนื้อหนังพองลอกออก และใส่ยาป้องกันการติดเชื้อให้ ซึ่งคนไข้จะทรมาน จากการปวดแสบปวดร้อน และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ว่านหางจรเข้มีสรรพคุณในการดับพิษร้อนได้ชะงัดนัก

    วิธีใช้ก็คือ เลือกใบที่มีขนาดกว้างประมาณสองนิ้ว (ถ้าไม่มีขนาดที่ต้องการจริงๆ มีขนาดโตแค่ไหนก็ใช้ไปเถอะ) ปลอกเปลือกว่านหางจรเข้ออก แล้วล้างน้ำเอายางสีเหลืองๆ ออกให้หมด แล้วฝานเป็นแผ่นๆ นำไปวางบนบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก ถ้าดับพิษร้อนได้ คนไข้จะรู้สึกเย็นจนไม่รู้สึกปวดแสบปวดร้อน หรือรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบ้างแต่น้อยมาก แล้วให้เปลี่ยนวุ้นว่านหางจรเข้เมื่อรู้สึกร้อน ถ้าจะให้ดับพิษร้อนได้ดีขึ้น ควรนำว่านหางจรเข้ที่ฝานเป็นแผ่นๆ ไปแช่ในตู้เย็น แล้วสับเปลี่ยนให้กับคนไข้บ่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนคนไข้ไม่ปวดแสบปวดร้อนอีกต่อไป ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นวันๆ หรือหลายวันแล้วแต่ความรุนแรง แต่ก็คุ้มที่เนื้อหนังจะไม่ถูกทำลาย แม้ผิวหนังอาจมีรอยดำๆ ย่นๆ แต่ลอกออกมาในไม่ช้า ไม่เชื่อลองดู

    สรรพคุณของจากว่านหางจรเข้ นอกจากจะดับพิษร้อนได้ชะงัดนักแล้ว ยังมีสรรพคุณในการรักษาแผลเรื้อรัง เพราะมีสรรพคุณในการเรียกเนื้อ ช่วยสมานแผล แต่ต้องเตรียมวุ้นว่านหางจรเข้ให้สะอาด โดยการล้างว่านหางจรเข้แล้วเช็ดเปลือกว่านหางจรเข้และมีดปลอกด้วยแอลกอฮอล์ใส่แผล ล้างยางสีเหลืองออกให้หมด จากนั้นขูดเอาวุ้นว่านหางจรเข้ ใส่ในแผลที่ล้างสะอาด แล้วจึงปิดแผลไว้ด้วยผ้าก๊อซ สารอัลอคติน(aloctin) จะช่วยให้แผลตื้นและหายเร็วขึ้น เพราะไปกระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อ

    ในการรับประทานวุ้นจากว่านหางจรเข้ (ในที่นี้หมายถึง ส่วนที่เป็นวุ้นโดยปลอกเอาเปลือกและยางออกให้หมด) เป็นยาภายใน ท่านที่ปลูกว่านหางจรเข้ไว้มากๆ จะประหยัดเงินค่ายาได้ในหลายๆ โรคทีเดียวซึ่งมีวิธีใช้ในโรคต่างๆ ดังนี้ โรคเบาหวาน ให้รับประทานวุ้นจากใบสดยาวประมาณ สาม ถึงสี่เซนติเมตรทุกวัน จะสามารถลดการใช้ยาเบาหวานได้ โรคความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ ไข้หวัด หอบหืด วุ้นจากว่านหางจรเข้ก็ช่วยได้ โดยมีวิธีใช้เช่นเดียวกับโรคเบาหวาน วุ้นจากว่านหางจรเข้ยังแก้เมารถเมาเรือ โดยให้กินวุ้นจากว่านหางจรเข้ ยาวประมาณสองถึงสามเซ็นติเมตร ก่อนออกเดินทาง ส่วนโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ อาหารไม่ย่อย ให้รับประทานวุ้นจากใบสด วันละสี่เซ็นติเมตร แบ่งรับประทานเป็นสองครั้ง นอกจากที่กล่าวมา วุ้นจากว่านหางจรเข้ยังมีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่น มีภูมิต้านทานได้ดีเยี่ยม หลายท่านอาจจะสงสัยว่า จะรับประทานวุ้นสด หรือวุ้นที่ผ่านการปรุงแต่ง เช่น ว่านหางจรเข้กระป๋อง น้ำว่านหางจรเข้ดี แน่นอนว่าวุ้นว่านหางจรเข้สดต้องดีกว่า แต่ท่านที่ไม่สะดวกในการรับประทานสด ก็รับประทานวุ้นว่าหางจรเข้เหล่านั้นก็ได้ ตำราทำอาหารดั้งเดิมของไทย ก็มีที่ทำวุ้นว่านหางจรเข้เชื่อม หรือแม้แต่ในตำรับยาพื้นบ้านในหลายประเทศ ก็ต้มวุ้นว่านหางจรเข้รับประทาน หรือแม้แต่ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ การสะกัดด้วยน้ำร้อนของวุ้นว่านหางจรเข้ ก็มีฤทธิ์ทางเภสัชในห้องทดลอง เช่น ลดคอเลสเตอรอล เป็นต้น ดังนั้น การที่รับประทานวุ้นว่านหางจรเข้ ที่ผ่านต้มด้วยความร้อนนั้น ก็คงยังมีประโยชน์อยู่บางส่วน แต่สู้รับประทานวุ้นสดๆ ไม่ได้

    ในด้านของการเป็นเครื่องสำอาง วุ้นจากว่านหางจรเข้มีสรรพคุณ ในการบำรุงผิว ป้องกันสิวฝ้า รักษาสิวจนเครื่องสำอางมากมายหลายยี่ห้อ จะใส่สารสะกัดจากว่านหางจรเข้ลงไป แต่การใช้วุ้นว่านหางจรเข้ในกับผิวหนังต้องระวังให้ดี ต้องล้างเอาส่วนที่เป็นยางสีเหลืองออกให้หมด หลังการปลอกเปลือกจริงๆ เราเพราะยางสีเหลือง มีฤทธิ์ระคายต่อเนื้อเยื่อ และบางคนอาจแพ้เป็นผื่นได้ วิธีใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้ในการบำรุงผิวหน้า รักษาสิว ป้องกันสิวฝ้า ถ้าเป็นวัยรุ่นหน้าค่อนข้างมันก็ใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าไปได้เลย แต่ถ้าสูงอายุขึ้นมาหน่อย ถ้าใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้อย่างเดียวหน้าจะตึงไปนิด ให้ผสมครีมทาหน้าสักเล็กน้อย ว่านหางจรเข้ยังเป็นสมุนไพรที่ดีมากสำหรับเส้นผม สามารถใช้วุ้นว่านหางจรเข้ทาผม แทนเจลใส่ผมทั่วไปได้เลย เพื่อรักษาอาการผมเสีย ผมแตกปลาย ส่วนคนที่ผมเสียมากๆ ไม่มีน้ำหนักแห้งกรอบ ให้ใช้ ไข่แดง น้ำมันมะกอก วุ้นว่านหางจรเข้อย่างละหนึ่งส่วน ใส่น้ำเล็กน้อยปั่นให้เข้ากัน นำไปหมักผมที่เปียกชุ่มด้วยน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละครั้ง สักสองครั้งก็เห็นผล วุ้นหางจรเข้ยังใช้ทาบริเวณที่ผมน้อย หรือผมร่วงผมจะงอกขึ้นมาใหม่ ​
     
  11. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    *-*

    หากพูดถึง "ความงาม" แล้ว คุณผู้หญิงหรือท่านผู้ชายก็คงจะไม่ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยอื่นในการดำรงชีวิต แต่ถ้าเราจะมองกันไปแล้ว "ความงาม" นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวของเรามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน โดยปกติสุขภาพจะดีมาก-น้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม การรับประทานอาหาร และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข เมื่อร่างกายกินได้ ถ่ายคล่อง ผิวพรรณดี และสุขภาพแจ่มใส " ความงาม" ก็จะบังเกิดขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย

    <TABLE id=AutoNumber1 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-BOTTOM: 2px; BORDER-BOTTOM: #cc0000 1px solid" width="200%" colSpan=2>[​IMG]สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า</TD></TR><TR><TD width="8%">[​IMG]












































    </TD><TD width="192%">ใบหน้า คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ
    <DD>1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
    คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
    <DD>การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าไม่แพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว <DD>นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
    2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
    เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน
    3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
    จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
    4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
    ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
    5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
    ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย
    6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata)
    ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
    7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)
    มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้ [​IMG] สูตรสมุนไพรบำรุงผิวหน้า
    [​IMG]ว่านหางจระเข้: บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว
    [​IMG]แตงกวา:สมานผิว ลบรอยเหี่ยวย่น
    [​IMG]มะเขือเทศ: สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ
    [​IMG]ขมิ้นสด: บำรุงผิวหน้าผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว
    [​IMG]กล้วยน้ำว้าสุก: บำรุงผิวนุ่มเนียนอ่อนไว
    [​IMG]หัวไชเท้า: ช่วยลดรอยฝ้าและกระให้จางหาย
    [​IMG]ใบบัวบก: ลดรอยตีนกา
    [​IMG]มะขามเปียก: บำรุงผิวหน้าขาวเนียน ลดรอยฝ้าจุดด่างดำ ชำระล้างสิ่งสกปรก
    [​IMG]กล้วยหอม: ลดรอยเหี่ยวย่น ถนอมผิวหน้าให้ชุ่มชื่น
    [​IMG]ทุเรียน: ลดปัญหาสิวเสี้ยน
    [​IMG]มะนาว: ลดสีเข้มของกระบนใบหน้า
    [​IMG]มะม่วงสุก: แก้ปัญหาฝ้าและสิว
    [​IMG]แครอต: บำรุงผิวหนแต่งตึงสดใส
    [​IMG]มะเขือเทศ: รักษาสิวหัวดำ ป้องกันรูขุมขนอุดตัน ทำความสะอาดผิวหน้า
    [​IMG]สับปะรด: บำรุงผิวหน้าขาวใส และช่วยขจัดเซลล์ตายให้หลุดลอก
    [​IMG]แตงโม: บำรุงผิวหน้าชุ่มชื่นสดใส

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    ขอชมเชย [​IMG]

    ผมใช้มาตลอด ทุกอย่าง
    แต่ ต้องมีเวลาทำ เวลารักษา นิดนึง
    สมุนไพรไทย สุดยอด จริงๆ

    คุณ pasaway007 สุดยอด

     
  13. nonglucp

    nonglucp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,041
    แหม..อนุโมทนาค่ะ..ความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กันอยู่แล้ว จะนำหลายๆสูตรไปลองใช้ดูนะคะ.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2007
  14. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    ผมเป็นคนที่น่ามันและเป็นสิวได้ง่ายมาก อากาศร้อยก็มักจะเป็น ตั้งแต่ใช้ว่านหางจรเข้มาทาที่หน้าก่อนนอนทุกวันและก็ใช้ทาหน้าตอนเช้าก่อนออกจากบ้านแทนครีมทาหน้าอย่างอื่น ผมสั่งเกตหน้าตัวเองจากวันหนึ่งทาแป้ง5-6ครั้งเพื่อไม่ให้หน้ามัน ตอนนี้ทาแค่ 2-3 ครั้งต่อวันเองหน้าก็ไม่มันเหมือนก่อน สิวก็แห้งเร็ว และผมก็เป็นคนผิวขาวเวลาเป็นสิวแล้วหายมักจะมีรอยแผลเป็นแดงๆตามมาเวลาออกแดดหน้าจะแดงมากๆ พอใช้ว่านหางจรเข้หน้าที่แดงๆจากลงเร็วมากนี้ผมใช้แค่ 7 วันเอง วันแรกที่ผมใช่ผมเอามาทาที่หน้าแล้วขับรถเครื่องไปซื้อของเย็นหน้ามากๆเลยติดใจ ลองใช้ดูสิครับดีน๊ะ และต้องใจเย็นๆของแบบนี้ใช้วันเดียวไม่หายหรอก มันต้องใช้เวลา
     
  15. NIGht Kung

    NIGht Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +400
    จะลองทำดูครับ ผมเป็นคนหน้ามันเหมือนกัน สิวขึ้นง่ายด้วย แต่แถวบ้านผม จะไม่ค่อยมี ว่านหางจระเข้ ขอบคุณครับ ที่นำมาเสนอ ผลไม้บางอย่างผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักษาสิวได้
     
  16. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,068
    ค่าพลัง:
    +7,066
    งง...ว่ากระทู้นี้มาอยู่ในกฏแห่งกรรมได้ยังไง ก้อยว่าย้ายไปอยู่ จิตวิทยา สุขภาพกายและจิตดีกว่าไหม อ้อๆ ผงพิเศษตราร่มชูชีพอะ ดีนะ ใช้แล้วสิวหายเกลี้ยง รับประกัน
     
  17. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,018
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ใช้วิธีเบิกบุญไหมครับ ผลไวมากครับ ผมลองแล้ว
     
  18. pisamai_3727

    pisamai_3727 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +119
    สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นาสนใจมากเรื่องหนึ่งเพราะทำให้เรารู้จักวิธีรักษาผิวหน้าของเรา(ping) เพราะประเทศไทยของเราก็มีสมุนไพรที่มีประโยชน์ในการรักษาโรคหลายอย่างไม่ใช่แต่เพียงเรื่องความสวยงามเท่านั้น
     
  19. yaynad

    yaynad สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +9
    (ping) สมุนไพรที่ใช้รักษาสิวได้แก่
    ว่านหางจรเข้ล้างหน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
    ข้อควรระวัง ต้องล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า
    [​IMG](555) ​
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. ยุ้ยศิริพร

    ยุ้ยศิริพร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +30
    (ping) สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาหน้ามัน(ping)เป็นสิวเป็นฝ้า เรามีวิธีรักษาได้ง่ายมากโดยไม่ไปพึ่งมีดหมอด้วยวิธี(ping)การรักษาใบหน้าของเราจากสมุนไพรธรรมชาติเช่น ว่านหางจระเข้ (ping)ทุเรียนสุกพอห่าม มะม่วงสุก เป็นต้น สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ล้วนแต่(ping)เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย เพราะว่าเป็นสิ่งที่หาซื้อได้สะดวก ตามบ้านหรือ(ping) อาจจะปลูกไว้ที่บ้านก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...