รบกวนถามค่ะ ทุกข์ใจมาก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย polop, 13 เมษายน 2013.

  1. polop

    polop สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +13
    ตอนนี้หนูอายุ 22 ค่ะ หนูรู้สึกในใจไม่มีความสุขเลย หนูเป็นโรควิตกกัวลกลัวเป็นโรคร้ายอยู่แทบตลอด เป็นมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วค่ะ แล้วเหมือนจะเป็นมากขึ้นเพราะหนูสุขภาพไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ปกติหนูก็ปฏิบัติธรรมบ้าง ซึ่งทำให้หนูพอจะทราบว่า จริงๆแล้วสาเหตุที่แท้จริง คือหนูน่าจะกลัวความตายมากกว่าค่ะ ซึ่งหนูเคยนอนจมอยู่กับความคิดที่ว่า วันนึงต้องตายจิงๆ ยังไงเราต้องไปเจอจุดนั้นแน่ๆ หนูรู้สึกกลัวมาก แบบขนหัวลุกเลยค่ะ แล้วก็ไม่มีความสุขในชีวิตเลย ยิ่งรู้สึกกลัวเป็นโรคร้ายมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ .... หนูอยากปรึกษาว่า การที่หนูไปปฏิบัติธรรมบ่อยๆจะช่วยให้หนูหายจากอาการแบบนี้ หรือทำให้ดีขึ้นได้บ้างมั้ยคะ หนูรู้สึกหนูมีกรรมมาก ที่มานั่งทุกข์ใจกับเรื่องแบบนี้ และมีสถานปฏิบัติธรรมที่ไหนแนะนำมั้ยคะ

    ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ชาวยหนูด้วยนะคะ คิดว่าเอาบุญก็ได้ หนูทุกข์ใจจริงๆ
     
  2. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ลองมองคนที่ทุกข์กว่าเราสิครับ ทุกข์ทั้งกายทุกข์ทั้งใจเค้ายังต้องต่อสู้ สู้กับชีวิตแม้ร่างกายไม่สมบูรณ์โรครุมเร้า ลองมองดูที่ตัวเราว่า เราครบ 32 มั้ย พ่อแ่ม่รักเรา เพื่อนรักเรา ญาตรักเรา ธรรมะนี่แหละครับเพชรแท้ๆ หันมาแล้วรีบคว้าไว้นะครับ ปฏิบัติเองก็ได้นะครับระดับพื้นฐาน ผมก็นั่งสมาธิทุกวันนนะครับ
     
  3. ปลาแมว

    ปลาแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +797
    ฟุ้งซ่านเกินไปนะครับ ถามจริง ในวัน ๆ นึงนี่ ชีวิตของคุณมันไม่มีเรื่องอื่นให้คิดจริง ๆ หรือครับนอกเหนือจากเรื่องที่ว่า จะป่วยเมื่อไหร่หรือจะตายเมื่อไหร่??

    ลองคิดตามดูสิครับ มันมี แต่คุณเลือกที่จะฝังตัวเองกับความคิดบ้า ๆ นั่น ย้ำคิดย้ำทำ เอาจริง ๆ นะครับ คนไม่กลัวตายมักรอด แต่คนกลัวตายส่วนมากไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว การคิดย้ำ ๆ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะส่งผลให้มีการกระทำต่อสิ่งที่คิดเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมา แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณเลิกคิดไม่ได้ แป๊ป ๆ มันคิดมา ก็ขอให้เป็นการเจริญมรณานุสติและคิดดังต่อไปนี้ว่า

    - ถ้าเราจะตายในวันนี้ เราได้ทำชีวิตให้ดีที่สุดหรือยัง มีพัฒนาการใด ๆ บ้างมั้ยหรือย่ำอยู่กับที่ครับ
    - ถ้าเราจะตายในวันนี้ เราได้ทำดีบ้างหรือยัง
    - ถ้าเราจะตายในวันนี้ เราได้ดูแลพ่อแม่บ้างหรือยัง ไม่มีเงินก็ช่วยท่านทำงานบ้าน เอาน้ำให้ท่านดื่ม นวดท่านบ้างเวลาท่านปวดเมื่อยหรือขอมา

    คิดประมาณนี้ คิดไปทุกวันครับ ไหน ๆ มันก็เลิกคิดไม่ได้แล้ว มารอดูอีกทีว่า 1 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะตายหรือคุณจะกลายเป็นคนใหม่

    อีกอย่างนะครับ ความตายมันไม่น่ากลัวเท่ากับการมีชีวิตอยู่อย่างทรมานหรอกครับ คุณลองนึกถึงคนที่เป็นอัมพาต 90% ของร่างกาย ขยับได้แค่ส่วนหัว ส่วนอื่นบังคับไม่ได้เลย คุณจะอยากมีชีวิตหรืออยากตายครับ? (ถ้าตอบว่าอยากตาย ตายก่อนอายุขัยไม่ได้ไปสบายอย่างที่คิดนะครับ ลองดูได้)
     
  4. poppyrose

    poppyrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +11,525
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง เเต่ความตายเป็นสิ่งหลีกไม่ได้สำหรับผู้ยังวนเวียนในวัฏฏะ ควรเจริญมรณานุสติกรรมฐานเเละพิจารณาอริยสัจสี่ เเล้วความกลัวตายจะหายไปเองค่ะ ไม่มีใครเกิดมาเเล้วไม่ตาย เเม้เเต่คนรวย คนสวย คนจน ดิฉันว่าสิ่งที่คุณกำลังคิดจะทำให้คุณไม่ประมาทในการใช้ชีวิต
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การที่ระลึกถึงความตาย เป็นมรณานุสติค่ะ ดีแล้วค่ะเพราะว่าเื่มื่อเราคำนึงถึงความตายแล้วหันไปทำความดี เช่น การปฏิบัติธรรม นั่นถือว่าดีแล้ว มาถูกทางแล้วค่ะ ขอให้ทำบ่อยๆ ดีขึ้นแน่นอนค่ะ

    คุณอยู่ที่ไหนคะ จะได้แนะนำได้ถูกและสะดวกค่ะ
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    นี่อาการเดียวกับผมเลยนะ...ผมเป็นอาการแบบนี้ตอนอายุ 7-9 ขวบ ผมกลัวตายจริงๆ สงสัยว่าทำไมคนเราเกิดมาต้องตาย แล้วอาการตายนี่มันน่ากลัวมาก ผมลองกลั้นลมหายใจดูแล้วมันทรมานมากเลยนะกว่าคนเราจะตาย ผมทุกข์ใจอยู่2-3ปี ทุกวันก็เอาแต่กังวลเหมือนกัน มีใครไม่รู้บอกผมว่า พระพุทธเจ้าช่วยได้ จึงนึกถึงท่าน แล้วผมก็กลัวผีมากๆด้วยนะ ผมท่องพุทโธทุกวัน ทั้งวัน เพราะตาลุงเพื่อนแม่ผมเขาบอกว่าถ้าท่องพุทโธแล้วผีไม่กล้าเข้าใกล้ ผมท่องไป ท่องไปนานเข้า ก็รู้สึกว่าคนเราทุกคนเกิดมาต้องตาย ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเกิด มีทางเดียวที่จะไม่เกิดคือ พระนิพพาน แต่นั้นมาผมจึงเลิกที่จะกลัวตาย แต่ดันมากลัวเกิดแทนซะเนี่ย...พอดีมีพุทธพจน์ประโยคนึงเข้ามาในใจว่า "วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" ผมรู้สึกว่าพุทธพจน์นี้กระแทกแสกหน้าอย่างจัง.. จะลองเอาไปคิดดูบ้างก็ได้นะไม่หวงห้าม...สำหรับเรื่องการปฏิบัติธรรมของ จขกท. นั้น ผมแนะนำว่าอย่าพึ่งจัดหนักเลยนะ เอาว่าเพียงไปสวดบทจักรพรรดิ์ ของหลวงปู่ดู่ ที่หลวงตาม้าท่านรับสืบทอดมา สวดอย่างนี้ไปก่อน ให้ใจสบายก่อนดีกว่า พอมีกำลังใจมากๆขึ้นแล้วค่อยๆศึกษาหาแนวทางปฏิบัติดูอีกทีนะ..วัดถ้ำเมืองนะ (วัดพุทธพรหมปัญโญ) : สมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ทวด, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, หลวงตาม้า ลองเข้าไปอ่านดูนะ..ขอให้โชคดี และมีความสุข ทุกลมหายใจเข้าออก...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2013
  7. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731

    ถูกต้องแล้วจ๊ะ การไปปฎิบัติธรรมบ่อย จะช่วยให้หนูหายจากอาการทุกข์ใจจ๊ะ ส่วนการปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาอย่างเดียวนะคะ ต้องรู้ด้วยว่า "ธรรมะ" มีอะไร สอนอะไร เพื่อ อะไร ...
    น้องลองไปปฏิบัติธรรมไปด้วย ศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าไปด้วย ขั้นพื้นฐาน ก็ ทาน (เพื่อ..?) ศีล (เพื่อ..?) ภาวนา (เพื่อ..?)
    แล้วน้องจะรู้จักสัจธรรมของความจริง จะเรียนรู้และยอมรับความเป็นจริง หากปฏิบัติบ่อยๆๆๆๆ เข้า เรียนรู้ในธรรมทั้งหลายให้มากเข้า น้องจะมีปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง ....
    พอถึงตรงนั้นแล้วเนี่ย ความทุกข์ทั้งหลายมันจะเริ่มคลาย เบาบาง และหายไป(จากการรู้เห็นตามความเป็นจริงนั้นๆ)

    ขอฝากนะคะ

    คนทุกคนกลัวตาย ไม่ใช่น้องคนเดียว
    คนทุกคนมีความทุกข์ ไม่ใช่น้องคนเดียว
    เราเดินหาธรรม เพื่อดับความทุกข์เหล่านั้น

    เดินมาถูกทางแล้วค่ะ ... สาธุ
     
  8. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,135
    การปฏิบัติธรรมนับเป็นการช่วยให้มีสติมากขึ้น การเจริญสติคือ เราต้องต่อสู้กับความรู้สึกนึกคิด ที่เป็นความเคยชิน ต่อสู้กับตัวเอง ต้องเอาชนะใจตัวเองจากใจที่วิตกกังวล ใจเศร้า ใจเครียด จิตตก หมดกำลังใจ เราต้องสร้าง ตัวตนที่ใหญ่ สติปัญญาที่มีความรู้สึกตัว(อัตตาหิ) มีกำลังอำนาจเหนือตัวตน เป็นการสร้างกำลังใจให้แก่ร่างกายที่กำลังเจ็บ หรือมีเวทนาทางร่างกาย เราต้องระลึกสติ ทำใจได้ อะไรเกิดขึ้นก็รักษาใจให้ดี มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม อดได้ ทนได้ รอได้ด้วยใจดี ก็ถือว่าเราปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

    การศึกษาธรรมะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง การศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่เราจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเราเป็นคนสร้างความทุกข์ขึ้นมาเอง หรือสร้างเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาเองตั้งแต่ อดีตชาติ สิบชาติ ร้อยชาติ เป็นผู้สร้างเองมาเรื่อย ๆ และส่งผลต่อปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงต้องเจริญสติปัญญาหรือสัมมาสติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตประจำวัน เพราะจะเป็นการปลดปล่อย ให้เราเป็นอิสระจากความเป็นทาสที่ยึดติดในความคิดและอารมณ์

    ถ้าหากเราพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ในชีวิตเรานั้นเป็นเหตุเป็นผลตามหลักธรรมชาติ คือเราสร้างเหตุไว้ เราก็ต้องรับผลของเหตุที่ตนสร้าง แม้แต่พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็ต้องรับผลของเหตุที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่พระชาติก่อน ๆ เช่นว่า

    ...ในอดีตชาติสมัยหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติพระโพธิสัตว์ และเกิดเป็นพี่น้องร่วมบิดา แต่ต่างมารดากันกับเทวทัต ครั้นเมื่อบิดาล่วงลับไปแล้ว พี่น้องเกิดทะเลาะกันด้วยเหตุแห่งทรัพย์ พระโพธิสัตว์ซึ่งมีกำลังมากกว่า จึงผลักน้องชายตกหน้าผา แล้วกลิ้งศิลาก้อนใหญ่ทับ ประสงค์จะให้ตายด้วยวิบากแห่งกรรมครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้เมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังมีเศษกรรมเหลืออยู่ หากท่านใดเคยไปกรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย แล้วได้ขึ้นไปบนมูลคันธกุฎี จะเห็นว่ามีหน้าผาอยู่ข้างบน ซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นบนเขาคิชฌกูฏ แล้วเทวทัตก็ผลักหินก้อนใหญ่ลงมาเพื่อฆ่าพระพุทธเจ้า หินก้อนใหญ่ไม่ถูกพระองค์ แต่มีสะเก็ดหินก้อนเล็ก ๆ กระเด็นมากระทบนิ้วพระบาทห้อพระโลหิต อันนี้ก็เป็นวิบากกรรมที่พระพุทธเจ้าเคยทำมาในชาติก่อน แต่เนื่องด้วยพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมามาก จึงเหลือเพียงเศษกรรม ถึงกระนั้นก็ต้องรับผลกรรมตามสมควร ไม่ใช่ว่าเทวทัตเป็นฝ่ายเดียวที่ไม่ดี แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เป็นผลจากที่พระพุทธเจ้าได้สร้างเหตุไว้เหมือนกัน หากเข้าใจกฎแห่งกรรมแล้วว่าเราทุกคนล้วนสร้างเหตุไว้ เราต้องรับผลตามเหตุที่เราสร้าง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่สมควรโกรธได้ โลกธรรมฝ่ายทุกข์ที่พระพุทธเจ้า หรือมนุษย์ทุกคนต้องประสบนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์แต่ละคนได้สร้างไว้เองร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า..ถึงแม้ชาตินี้ เราจะเป็นคนดี ไม่ได้ทำบาปอะไรก็ตาม หากแม้มีคนจับตัวเรา แล้วเอาเลื่อยมาเลื่อยเราเป็น 2 ท่อน เราก็ไม่ควรโกรธเหตุสมควรโกรธไม่มี เพราะสิ่งที่เราประสบเป็นเพราะทำกรรมไว้ สิ่งเหล่านี้สมบูรณ์ด้วยกรรมที่เราเป็นผู้ก่อไว้ ชีวิตของเราในปัจจุบัน ควรทำให้ดีที่สุด ทั้งมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม หรืออย่างน้อยควรอยู่ในศีลธรรม อยู่ในวิหารธรรม คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา...


    จิตจะไม่มีการปรุงแต่งเมื่อมีสัมมาสมาธิ เราจะมีสัมมาสมาธิได้ ก็ต้องฝึกเจริญสติ เจริญสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิ แม้จะมีสมาธิแค่เวลาสั้น ๆเพียง 2-3 วินาที เราจะเห็นอารมณ์ได้ชัดเจน เห็นตามความเป็นจริงได้ว่า อารมณ์ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน การปฎิบัติธรรม ทำให้จิตใจน้อมเข้าไปดูทุกข์ ดูไม่สบายใจ ถ้าเรามีสติ มีสัมปชัญญะ มีความรู้สึกตัว เราจึงจะมองเห็นว่าความไม่สบายใจนั้น คืออะไรกันแน่ เราต้องระวังความคิดที่เป็นสัญญา(การจำได้หมายรู้) อย่ายึดคำพูดหรือเหตุการณ์ไม่สบายใจที่ผ่าน ๆ มา ให้ใช้อารมณ์วิปัสสนาว่า สิ่งนี้เป็นสัญญา เป็นเพียงความจำ สัญญานี้ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พยายามไม่ให้คิด ไม่ให้ยึดในสัญญาความจำอันนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง และหากเมื่อเรามองเห็นความไม่สบายใจแล้ว ความไม่สบายใจนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้... ฉะนั้นควรเจริญเมตตาภาวนาด้วยการระลึกถึงความรู้สึกดี ๆ จิตใจสว่าง จิตใจเบิกบาน รู้ถึงความปีติสุข ในการรับรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า(อานาปานสติ) เมื่อเกิดสมาธิ เกิดสัมปชัญญะ จิตใจก็จะเป็นปรกติ เบิกบานได้...

    ขอให้น้อง polop มีสติระลึกรู้ ทุกลมหายใจเข้าออก..สาธุจ้ะ ^^
     
  9. schiller

    schiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +265
    ทำไมถึงกลัวตายละ แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันจะต้องไปเจออย่างนั้นอย่างนี้ จำไว้ ทุกคนต้องตาย ทำวันนี้ให้ดี เราทำได้แค่นั้นครับน้อง
     
  10. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    พี่ ๆ หลายท่านก็แนะกล่าวไว้ได้ดีควรยิ่งแล้วนะครับ

    ก็ขอให้หนูลองตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมดู และเมื่อหนูได้เข้าใจในสัจธรรมอันแท้แล้ว
    ทีนี้ หนูจะไม่รู้สึกถึงการกลัวตายอีกแน่นอน เพราะสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ การเกิดนี่ล่ะ
    ...เกิดอีก ก็ทุกข์อีก มันก็วนเวียนอยู่ในวัฎสงสาร อันแสนน่าเบื่อ อย่างไม่รู้จบรู้สิ้น

    หนูมาถูกทางแล้วนะครับ อนุโมทนาด้วย จงเพียรปฏิบัติให้ปัญญาแจ่มชัด รู้แจ้งในธรรมเถิด
    เกิด...เราไม่เอา ตาย...เราก็ไม่เอา เพราะจุดมุ่งหมายสูงสุดของเราคือ.....? สาธุครับ
     
  11. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ผมขอฝากหนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ ที่อยู่ใต้ comment ของผมให้คุณ polop ลอง download ไปอ่านดูครับ หนังสือเล่มนี้ดีมาก ๆ ผมอยากให้คุณ polop ตั้งใจอ่านให้จบดูครับ ใน link มีหนังสืออยู่ 2 เล่มคือ หนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ กับ หนังสือทําบ้านให้เป็นสุข ยังไงลองอ่านให้จบดูครับ อ่านจบแล้ว เราจะได้คิดอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่างครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้คุณ polop เก็บหนังสือ 2 เล่มนี้ไว้ใน computer ของคุณเลย คือถ้าวันไหนคุณ polop จิตตกอีก ก็เปิดอ่านหนังสือ 2 เล่มนี้ได้ครับ เวลาผมจิตตกเหมือนจะไม่ไหว ผมจะชอบเปิดหนังสือชึวิตเป็นอย่างนี้อ่านครับ อ่านทีไร ผมก็จะกลับมามีสติได้เหมือนเดิมทุกครั้ง ยังไงก็ download ไปอ่านดูนะครับ อ้อ ถ้ากดที่ link แล้วเข้าไม่ได้ ก็ copy ประโยคนี้ แล้วไป paste ใน google ก็แล้วกันครับ

    ชวน download หนังสือ " ชีวิตเป็นอย่างนี้ " และ " ทำบ้านให้เป็นสุข "

    แล้วจะมี link ขึ้นมาให้ download ครับ ขอให้โชคดีครับ อนุโมทนาครับ
     
  12. Mon Treal

    Mon Treal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +536
    ไม่มีใครตาย มาดูพระผู้มีพระภาคตรัสไว้
    ขันธ์ ๕ คือมาร

    ปัญหา ขันธ์ ๕ คือมาร อย่างไร ?

    พุทธดำรัส ตอบ “.....ดูก่อนราธะ เมื่อ รูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ มีอยู่ จึงมีมาร มีผู้ฆ่าให้ตาย มีผู้ตาย เพราะเหตุนั้น เธอจงพิจารณาให้เห็น รูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ว่าเป็นมาร เป็นผู้ฆ่าให้ตาย เป็นผู้ตาย เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความทุกข์ เป็นตัวทุกข์ บุคคลเหล่าใดพิจารณาเห็นอย่างนี้ บุคคลเหล่านั้นชื่อว่าย่อมเห็นชอบ....”

    มารสูตร ขันธ. สํ. (๓๖๖)
    ตบ. ๑๗ : ๒๓๐-๒๓๑ ตท. ๑๗ : ๒๐๘
    ตอ. K.S. ๓ : ๑๕๕
     
  13. Mon Treal

    Mon Treal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +536
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2013
  14. happyness

    happyness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +163
    ตอนเด็กๆ เราก็เป็น กลัวตาย กลัวไปหมด
    แต่เพราะพ่อเป็นพวกบ้าพลัง มักสอนให้ลูก ยืนด้วยลำแข่งของตน และกล้าหาญ แก่จะชอบพาเราไปงานศพบ่อยๆ ตอนเด็กๆ แรกก็กลัวนะ จากไปนั่งอยู่ที่งานเขาแล้วก็กลับ ได้แต่ยืนดูพิธีกรรมอยู่ห่างๆ แต่หลังๆ ไปบ่อยเกิน จนเริ่มชิน คิดว่าคนทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตายเป็นธรรมดา แล้วเวลาพระสวดก่อนจะเผาศพ ท่านจะให้ข้อคิดดีมาก จนโตขึ้นสามารถเดินขึ้นเมนไปเผาศพ ไปให้ดอกไม้จันท์ และพัฒนาถึงขึ้นสามารถเดินไปดูหน้าศพคนตายก่อนจะเผาแล้วเพื่อพิจารณา

    ลองไปงานศพบ่อยๆนะ แล้วจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วความกลัวจะหายไปเอง
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของสัตว์โลกค่ะ ความกลััวก็เป็นกิเลสที่มีอยู่ในสันดานของสัตว์ทุกประเภท เป็นธรรมชาติของมัน ความตายแม้ว่าเราไม่ต้องการก็ต้องตายอยู่ดี ไม่ช้าหรือเร็วค่ะ

    การที่กลัวตายนั้น ไม่ใช่ความผิดเนื่องจากเรายังทำความดีไม่ถึงพร้อม ความกลัวว่าจะตายไปซะก่อน ยังไม่หมดห่วง ยังไม่ได้ปลดเปลื้องภาระให้หมดสิ้นไป

    เมื่อระลึกได้ดังนี้แล้ว ก็หันมาพิจารณาตนว่าทำความดีถึงพร้อมหรือยัง แล้วหันมาประกอบกรรมดี อย่าจมปลักกับความคิด แต่ให้นำความคิดนั้นมาพิจารณาว่ากลัวเพราะอะไร เมื่อเห็นถึงเหตุแล้ว จึงจะหาวิธีแก้ไขได้อย่างถูกต้อง เมื่อรู้วิธีแก้แล้วก็นำวิธีแก้นั้นไปปฏิบัติ

    การที่จะพิจารณาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ต้องอาศัยสติที่เกิดจากสมาธิ สมาธิจะเกิดได้ก็ต้องอาศัยศีลและสมถะค่ะ

    สิ่งที่คุณตั้งใจจะทำและได้ทำไปบ้างแล้ว จึงถือว่าคุณมาถูกทางแล้ว พิจารณาให้เห็นชัดในจิตนะคะ ว่าเหตุแห่งความกลัวนั้นเกิดจากความไม่รู้นั่นเอง ดังนั้นจึงต้องหาความรู้ให้จิตค่ะ ถอยออกมาจากความฟุ้งซ่านด้วยสติค่ะ อย่าเพียรเฝ้าวนเวียนคิดซ้ำๆ แต่เรื่องเดิมๆ ที่ทำให้ใจเศร้าหมอง
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จขกท. ทุกข์เพราะความคิด

    การปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติเพื่อให้เห็นความคิดที่เป็นทุกข์ (เห็นจิตที่เป็นทุกข์) แล้วขจัดเหตุแห่งทุกข์เสีย ก็สิ้นทุกข์ (นิโรธ)

    นิพพานคืออะไร ?
     
  17. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ทุกข์เพราะกลัวตาย มีสาเหตุมาจาก ชาตินี้คุณทำความดีไว้น้อยเกินไป หรือคุณคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีที่คุณเคยทำมาก่อนในอดีต คุณกลัวตายไปแล้ว จะต้องไปรับกรรมในเมืองนรก ชีวิตนี้คุณจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องตาย

    ในทางกลับกัน ถ้าหากคุณหมั่นทำความดีไว้ตลอดเวลา คุณคงไม่กลัวตาย เพราะคุณทำแต่ความดี คนดีที่ไหน จะไปตกนรก

    สรุปแล้วที่คุณกลัวตาย เพราะชาตินี้คุณทำความดีไว้น้อยเกินไป
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool: ใครก็ช่วยไม่ได้จ้า นอกจากตัวเราจ้า ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก การปฏิบัติเป้นของเธอ การช่วยแนะนำ เป็นของดี ส่วนการทำนั้น เธอต้องฝึกจิตใจตนเอง เดี๋ยวมันก็หายเอง คนและสัตว์ ที่ไม่กลัวตายนั้น ย่อมไม่มี แต่มีเฉพาะ บุคคลสำคัญที่ไม่กลัวตาย คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระเจ้าจักพรรดิ ช้าง แก้ว ม้าแก้ว พระเจ้าจักพรรดิ พระโพธิสัตว์ที่มีกำลังมาก เท่านั้น นอกนั้น ยังกลัวตายอยู่ พระอริยเจ้า ขั้นโสดาบัน พระสกิทาคามี ยังกลัวตายเลย แต่ จะเบาลง คนธรรมดา และสัตวื ย่อมกลัวตาย มากๆ แล้วแต่ละบุคคล จะกลัวมากน้อยขนาดไหน


    ไม่มีใครอยากตายหรอกครับ แต่มันเป็นกฎตายตัว ของการเกิดมาแล้ว จำเป้น ต้องตาย ทุกคน หนีไม่พ้น คือตาย จริงๆ เขาไม่เรียกว่าตาย เขาเรียกว่า เคลื่อนไป เกิดในแดนอื่นๆ ต่างหากเล่า จิต หรือกายใน ก้คือ ตัวเรานั่นเอง เมื่อกายพัง จิตก็เคลื่อน ย้ายไปเกิด ในแดน สัตว์ นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน เกิดเป็นคน ทุกชนชั้น ทำความดีก้ไปเกิด ย้ายไป เป็นเทวดา นางฟ้า พรหม ตามกำลังบุญบาป ที่ตัวเองทำนั่นเอง ตรัสกิเลสได้ ก้ไปนิพพาน ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก นี่ จิตมันย้ายไป เคลื่อนไป ที่อยู่ใหม่


    ไอ้ที่กลัว เพราะพวกเราไปเกราะ ไปยึด มั่นถือมั่น ว่ามันเป็นเราของเรา เมื่อเกิด มา แล้วไม่อยากเคลื่อนย้ายไปไหน ไม่อยาก แก่ เจ้บ ตาย แต่แล้ว ก้หนีไม่พ้น สัจจะธรรม คือตาย พิจรณา บ่อยๆ เนืองๆ นึกถึงความตาย ถึงจะหนี ไปอยู่ บนยอดเขา อยู่ในถ้ำ หุบเหว ห้องทึบๆ มันก้ไม่พ้นดอกครับ ผมก้กลัวตาย เหมือนๆกับคุณหรือน้อง นั่นแหละ ไม่ต่างกันเลยครับ คุยกันเป้นวันก็ไม่จบกหรอก เพราะมันมีมากกว่าที่คิด น้องฟุงซ่านเกินกว่าเหตุ วิตกวิจารเกินไป ผมเป็นมาก่อน ค่อยๆทำ เดี๋ยวก้เบาเองครับ ทุกคนเขาแนะไว้ดีแล้ว จึงไม่แนะอย่างอื่นอีกครับ


    คนอื่นเขาเป็นมากกว่าหนูอีก เยอะแยะไป ผมจึงไม่พูดหยาบกว่านี้ให้มากความ เอาน่า คนหวังดีเยอะแยะ อันไหน ถูกจริตหนูอีก ก็เอาไปทำได้เลย แต่เรื่องความตาย พิจรณาให้มากกว่านี้ เดี๋ยวมันคลายตัวเอง เห็นการเกิดแก่ เจ็บตาย เป็นของธรรมดาไปเอง แต่มันไม่หายขาด ดอกนะ คนไม่กลัวตายคือ พระอรหันต์เท่านั้นนะจ๊ะ คนดี ไปก่อนนะจ๊ะ จงหายกลัวเร็ว หายเมื่อไหร่ บอกด้วยจ้าคนดี
     
  19. ประปราย

    ประปราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +301
    เมื่อก่อน ตอนเค้าไม่สบาย ก็เคยคิดกลัวตายค่ะ แบบเด็กๆ แล้วก็เคยไม่อยากตาย เพราะคิดว่า โลกนี้มีอะไรน่าสนใจตั้งเยอะ ตายได้ไง ยังไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย(เด็กๆพ่อแม่หวง) 555+

    ตอนนี้ โอ๊ย อยากตาย ไม่ได้ท้อแท้ชีวิตน่ะ เค้าแค่ เบื่อแสนเบื่อ ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเบื่อยังไงดี ใน 2 - 3 ปีมานี้ เจอแต่กรรมหนักๆ เบื่อคน เบื่อความโลภของคน เบื่อสังคม รู้สึกว่าชีวิตนี้ มันหนัก ช่วงปีก่อน ปู่ ย่า ตา เสียพร้อมๆกัน เลยเลิกกลัวความตายเลย คนอยู่ที่ต้องทำใจให้ได้น่ากลัวกว่า ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่กลัวตาย อาจจะเพราะ มีความรู้สึกว่ามีสิ่งอื่นน่ากลัวกว่าตายอีกมั้งค่ะ :)
     
  20. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    น้องอายุแค่ 22 ยังปรุงแต่งความคิดได้มากขนาดนี้ วิตกกังวลอะไรกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทำไมไม่นึกย้อนไปถึงพระคุณของพ่อแม่ที่ทำให้เราเกิดมาและกว่าท่านจะเลี้ยงเรามาจนโตขนาดนี้ ส่งให้ได้รับการศึกษามาถึงขนาดนี้ ท่านยังไม่วิตกจริตหรือกังวลว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีไหม เขาจะโตมาเป็นยังไง จะเป็นคนดีในสังคมไหม ถ้าท่านวิตกขนาดนั้นคงไม่ปล่อยให้น้องโตมาจนได้ขนาดนี้ ไม่ประคบประหงมจนเป็นผู้เป็นคนได้ในสังคมขนาดนี้

    ขอให้น้องมองหาความหวาดกลัวที่น้องคิดว่ากำลังเผชิญอยู่ให้ดีเสียก่อน ว่าทุกอย่างเกิดจากจิดที่ปรุงแต่งของน้องเองทั้งสิ้นหรือไม่ อย่าให้ความคิดปรุงแต่งเป็นเครื่องฉุดเอากิเลสเครื่องเศร้าหมองเข้าสู่จิตใจ ชีวิตหนึ่งเกิดมาเลือกได้ตั้งหลายอย่าง การไม่ทำบาปอกุศลทั้งหลายก็ดี การทำบุญกุศลให้ถึงพร้อมก็ดี หากทุกข์มากนักก็หาเวลาว่างผ่อนกายจิต ผ่อนคลายสมองด้วยพรสวรรค์หรือพรแสวงที่เรามีอยู่ ลองค้นหาตัวเองให้พบว่าตัวเองชอบอะไรแล้วมุ่งมั่นทำสิ่งนั้นให้ประสบความสำเร็จแล้วน้องจะเกิดความภาคภูมิใจ ดีกว่ามานั่งทุกข์หวาดกลัว หวาดวิตกไปสารพัดอย่าง

    ชีวิตมีอะไรให้ค้นหาตั้งหลายอย่าง อนาคตของน้องยังอีกยาวไกลนัก อย่าทอดอาลัยไปกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หากน้องชอบปฏิบัติธรรมก็มุ่งหน้าตั้งใจเพียรปฏิบัติและค้นหาสัจธรรมของชีวิตให้ได้ หากน้องเข้ามาอ่านความคิดเห็นของทุกท่านที่ตั้งใจเขียนให้น้องหลุดพ้นจากทุกข์ ก็ขอให้น้องตั้งใจอ่านและเก็บเอาความคิดของทุกท่านไปคิดและเลิกกลัวกับสิ่งที่ไม่ควรกลัวเสีย

    กลัวความเกิดเถิด อย่ากลัวความตายเลย เพียงหายใจออกแล้วไม่หายใจเข้า ก็ตายได้ง่าย ๆ แล้ว แต่สิ้นลมแล้วไปปรากฏที่ไหนในสภาพอย่างไร นั่นสิควรกลัว
     

แชร์หน้านี้

Loading...