รวมตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้นำของโลกยุคใหม่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 26 มิถุนายน 2010.

  1. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [​IMG]
    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=15424[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2015
  2. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    ขอบคุณจ้ะ พ่อคนฉลาด ^^:cool::cool:
     
  3. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    แหม...อยากเห็นหน้าพ่อคนฉลาดจังเลย จะได้ไปขอเรียนรู้วิชาฉลาดๆจากพ่อคุณบ้าง ฮิ้ววววววววววว
     
  4. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    คนปฏิบัติจริงเขาไม่จับผิดผู้อื่น เช่นกัน คนดีเขาก็ไม่ตีใครหรอก ใครเตือนไม่ฟังก็ช่างเป็นไร


    อุเบกขาซะนะคุณน้อง

    คุณน้องไม่เชื่อตามที่คุณพี่บอก คุณพี่ไม่ว่ากระไร

    แต่คุณน้องก็อย่าพยายามให้พี่ไม่เชื่อ เหมือนที่น้องไม่เชื่อ



    เพราะพี่ก็กาลามสูตรเหมือนกัน พี่ไม่เชื่อที่คุณน้องบอกง่ายๆหรอก หึหึ
     
  5. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    อย่างว่า ยุคนี้มีพระโพธิสัตว์ และปัจเจกภูมิมากมาย เราเข้าใจ เราเลยไม่ด่าใคร

    วิสัยของปัจเจกภูมิคือ ไม่เชื่อใครเลยนอกจากตัวเองและมักไม่เคารพบุคคลที่ควรเคารพ แม้เป็นผู้มีปัญญามาก แต่ก็ขาดศรัทธาที่จะลงมือทำ เปรียบเสมือนผู้ศึกษาตำราทำอาหารเป็นอย่างดี แต่ไม่ลงมือทำเลยซักอย่าง แต่มาเที่ยวติพ่อครัวว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ต้องใส่อันนั้นแล้วจะได้รสแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้ลงมือทำ

    พี่ขอบคุณคุณน้องมาเป็นครูสอนธรรมให้กับพี่




    ลูกหลานหลวงปู่ทวด รักทุกคน ไว้ใจบางคน และไม่เกลียดใครเลยซักคน

    และ..คนดี เขาไม่ตีใคร

    พูดมาก เสียมาก ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์
     
  6. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392

    เขาเป็นผู้ร่วมสังสารวัฏ

    เพราะมีดำ จึงเห็นขาว

    เราต้องขอบคุณเขา.....
     
  7. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    บัว 4 เหล่าก็เป็นแบบนี้แหละครับ

    เหล่าที่กำลังจะพ้นน้ำนั้นมีน้อยกว่าเหล่าที่อยู่ใต้ตมหลายเท่า ผู้รู้ที่จะแยกจริงแยกเท็จ จึงมีน้อยครับ

    พระพุทธเจ้าท่านจึงเลือกที่จะโปรดบัวบางเหล่าและเลือกที่จะไม่โปรดบัวบางเหล่า

    พูดไปก็เท่านั้นแหละครับ เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เหมือนนกกับปลา แม้จะแลเห็นสิ่งเดียวกัน ก็อาจจะยังไม่มีปัญญาที่จะเข้าใจตามเป็นจริง ก็ไม่ต่างจากการเป่าปีให้ต้นไม้ใบหญ้าฟัง แหละครับ
     
  8. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    ทีแรกแอบสงสัยว่าเป็นใคร

    กลัวจะเป็นคนใกล้ตัวมาแอบแฝง....ไม่อยากให้ทำแบบนั้น

    หากไม่เชื่อก็ไม่ควรกล่าวในทางเสียหาย บาปหนักไม่รู้ตัว


    หวังว่าคุณคนนั้นคงไม่ใช่บุคคลคนหนึ่งซึ่งแอบแฝงตัวมาเป็นคู่ปรับเราหรอกนะ อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย...เฮ้อ
     
  9. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    ให้วิเคราะห์ คนผู้นี้ท่าทางจะมีหลายไอดี เพราะชอบมองคนอื่นเหมือนตัวเอง

    อืม....คนเรามองโลกเป็นอย่างไร ย่อมสะท้อนว่าจิตใจของเขาก็เป็นอย่างนั้นแหละ

    เราไม่อายที่เราจะบอกว่า เราเห็นคุณไอ้แสบเป็นพระ มาทดสอบกิเลสในใจของเราเอง ว่าเราจะโกรธคุณมั้ย....

     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว

    ทุกข์ยากอ้อน ย้อนน้ำและไฟ

    ทุกข์ยากอ้อน ย้อนบ่มีไผสิเบิ่งไผ

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว บ่เห็นหน้ากัน

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีผู้เฒ่า

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก

    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ
     
  11. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ขอนำมาสะสมไว้ครับ.......
     
  12. ไห่เบ้หยิง

    ไห่เบ้หยิง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +89
    กระทู้พระศรีฯ นี่ตลกดีจริงๆ
    ตอนนี้น้ำท่วมประเทศไทยอยู่พระศรีฯทำอะไรอยู่ไม่ทราบ
    หรือกำลังโปรดลูกศิษย์อยู่หรือไง ทำไมไม่ยอมช่วยเหลือใครเลย
    พูดตามตรงนะ แค่น้ำท่วมไทยตอนนี้ยังเอาไม่อยู่
    จะปราบซึนามิที่สูงมากกว่าตึก 10 ชั้นได้อย่างไร
    เห่ยจริงๆ ไม่ไหวไม่ไหว ไอ้เรื่องยุติสงครามก็เพ้อฝันหนักกว่าเดิมอีก ถ้าไทยเจอนิวเคลียร์ซักสองลูกจะรอดกัน ไหมเอ่ย
    ไอ้พูดๆกันๆอยู่ทุกวันมันมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
    พอเหอะพวกท่านๆ ถ้ายังไม่เจอตัวจริงก็อย่าป่วนกระทู้
    ถ้าเมื่อใดมีใครมาเหาะเล่น เสกทอง เสกแก้วมณี เสกลม เสกฝน เสกไฟ
    และมีร่างมีแสงสว่างดั่งเทพ อาจจะพอน่าเชื่อถือว่าเป็น......
    ขอทีเถอะพวกพ่นน้ำลายแล้วก็ว่าคนโน่นเป็นคนนี้เป็นก็เลิกเหอะ อ่านกระทู้
    มาสองปีแล้วเซ็งจริงเจอแต่ของเก๊
     
  13. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ระลึกถึงท่านvera_p...1

    <TABLE id=post2710832 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>08-12-2009, 10:31 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#3 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->vera_p<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2710832", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2009
    ข้อความ: 313
    Groans: 0
    Groaned at 15 Times in 11 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 244
    ได้รับอนุโมทนา 1,300 ครั้ง ใน 269 โพส
    พลังการให้คะแนน: 75 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตอนแรกผมคิดว่าจะเข้ามาอ่าน แล้วผ่านๆไปเฉยๆครับ เพราะเป็นข้อความและบทความเดิมๆ ที่นำเอามาตั้งกระทู้ใหม่

    แต่ไหนไหนก็ไหนๆแล้ว เอาซะหน่อย เหอๆ

    อันที่จริง เป็นที่ทราบกันดีและรอคอยกับพระศรีอาริย์กันทุกๆคนอยู่แล้ว หลังพุทธกาล

    บางคนบางสำนักก็ตีความว่าเป็นสภาวะธรรมของเหล่าพระโพธิสัตว์ที่ลงมาช่วยต่ออายุกาลพระศาสนาช่วงหักกลาง ที่เขาเหล่ามนุษย์นั้นเรียกกันว่า"พระเจ้าธรรมมิกราชโพธิญาณ"(ระบบหมู่)

    บางคน บางสำนัก ก็ตีความว่า เป็นพระศรีอาริย์องค์จริงคือองค์ที่เป็นตัวตนของพระศรีอาริย์ที่จะได้ตรัสรู้ต่อจากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ จะมาเป็นพระเจ้าธรรมิกราชหรือพระเจ้าจักรพรรดิ์แต่เพียงผู้เดียว(ระบบฮีโร)

    อันนี้ก็แล้วแต่จะคิดกันไปครับ เพราะโลกทั้งโลก ก็เเบ่งแยกกันอยู่ชัดๆ ทั้ง2ความเห็น ทั้ง2ระบบอยู่แล้ว จะมองแบบไหนก็ถูกทุกอย่าง ผมขอเอาฐานะส่วนเล็กๆในสังคมเวปพลังจิตอันไม่มีบท...บาท...ไร้ค่า...ไร้ความสำคัญเป็นเครื่องยืนยันครับ(กล้ายืนยันอีกนะคนเรา 555)

    ระบบหมู่ คือตอนนี้พวกเหล่าโพธิสัตว์ทั้งหลาย ได้พากันลงมาจุติกันเกือบจะหมดแล้ว รวมถึงองค์มหาโพธิสัตว์ใหญ่ๆด้วย 1.เพื่อช่วยงาน 2.เพื่อทำบารมีส่วนตัว 3.เพื่อมาศึกษากับโพธิสัตว์องค์ใหญ่ 4.เพื่อมาลาพุทธภูมิ เหตุผลทั้ง4ประการนั้น เมื่อโพธิสัตว์เหล่านั้นรู้ตัวแล้ว ทำกิจตามสมควรแก่กิจของตนเสร็จ ก็จะทำงานช่วยกันเผยแพร่พระศาสนาต่อไป

    ระบบฮีโร คือ พระศรีอาริย์ทำคนเดียว เพราะเป็นหน้าที่ของท่านโดยตรง คือพระศรีอาริยะท่านจะแบ่งภาคออกมาเทียบๆอาศัยอยู่กับคนที่มีศีลมีธรรม แล้วช่วยกันเผยแพร่พระธรรมคำสอน
    แต่เมื่อถึงกาลอันเหมาะสมแล้ว ท่านก็จะรวมองค์มาแบบเต็มๆองค์เลยที่เดียว เพราะ 1ต้องจัดระบบใหม่ 2.ต้องมาสอนพุทธภูมิทั้งหลาย(ร่อนแล้วเหลือไม่ถึง1ใน3ส่วนของเหล่าพุทธภูมิ ที่ลงมา) 3.ต้องมาตามบุพกรรมเก่า

    ผมยังไม่ได้รวมกับระบบกล่าวอ้างตนอีก ข้อนี้ป่วยการที่จะกล่าว ที่จะสอน จึงขอยกออกไว้ก่อน เหอๆ

    ทั้ง2ระบบจะทำงานร่วมกันไปตลอด บางคนรู้ บางคนไม่รู้ เท่านั้นเอง<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vera_p : 08-12-2009 เมื่อ 10:50 PM

    ผมเคยถามพระเถระหนุ่มองค์1ว่า ประวัติของคำทำนายหรือสูตรเหล่านี้(กระทู้)จริงหรือไม่ แต่ท่านตอบมาว่า "ถูกเขียนขึ้นมาภายหลัง ด้วยเหตุพิสดารวิสัยบางอย่าง แต่ให้สังเกตุดูในระบบโคจรนิสัยโลกทั้งหมดให้ดีดี สูตรเหล่านี้มีประโยชน์อยู่นะ อย่าประมาทว่าเป็นแค่ของที่ทำขึ้นมาทีหลัง มันแฝงๆอะไรอยู่" ท่านไม่ได้ตอบว่า"จริงหรือไม่จริง"

    ผมเคยเอาพบเจอบทความทำนองนี้อีก(เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าจักรพรรดิ์หรือพยาธรรมมิกราชโพธิญาณ) แต่เป็นปริศนาที่มีไว้สำหรับให้คนที่จะมาเป็นพระศรีอาริยะแก้ ดังนี้

    สักกะปัญหา ปริศนานกยาง

    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานผ่านมาได้ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว ท้าวสักกะองค์อินทร์ระลึกถึงกิจที่พระศาสดาสั่งไว้ได้ จึงเนรมิตตนเป็นชีผ้าขาวลงมาสู่กรุงศรีอยุธยา. ชีผ้าขาวนั้นท่องเที่ยวถามปัญหาแก่สมณะ ชี พราหมณ์ทั้งหลาย โดยบอกว่า ถ้าใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ.

    คนโดยมากได้พบเห็นชีผ้าขาวเข้าไปถามปัญหาก็พากันคิดว่า พราหมณ์เฒ่านี้ท่าจะบ้า จึงไม่มีใครใส่ใจพิจารณาปัญหานัก ท้ายที่สุด ชีผ้าขาวก็กลับร่างเป็นพระอินทร์ นั่งอยู่บนอากาศแสดง

    ปริศนานกยางไว้ดังนี้

    ๑. นกยางเฮย ทำไมจึงไม่ร้องขอก นกยางว่าปลามันไม่ออก
    ๒. ปลาเฮย ทำไมจึงไม่ออก ปลาว่า หญ้ามันรก
    ๓. หญ้าเฮย ทำไมจึงรก หญ้าว่า วัวมันไม่กิน
    ๔. วัวเฮย ทำไมไม่กินหญ้า วัวว่า เจ้าของเขาไม่ปล่อย
    ๕. เจ้าของวัวเฮย ทำไมจึงไม่ปล่อยวัว เจ้าของว่าท้องข้าเจ็บมาก
    ๖. ท้องเฮย ทำไมจึงเจ็บ ท้องว่า ข้ากินข้าวไม่สุก
    ๗. ข้าวเฮย ทำไมจึงไม่สุก ข้าวว่า ไฟมันไม่ลุก
    ๘. ไฟเฮย ทำไมจึงไม่ลุก ไฟว่า ฟืนมันเปียก
    ๙. ฟืนเฮย ทำไมจึงเปียก ฟืนว่า ฝนมันตกมาก
    ๑๐. ฝนเฮย ทำไมจึงตกมาก ฝนว่า กบเขียดมันร้องนัก
    ๑๑. กบเขียดเฮย ทำไมจึงร้องนัก กบว่า งูมันไล่กินพวกข้า
    ๑๒. งูเฮย ทำไมจึงไล่กินกบเขียด งูว่าเพราะกบเขียดเป็นอาหารข้า

    พระอินทร์สั่งให้จารึกปริศนานี้ไว้ในใบ ลาน และย้ำว่า ถ้าใครแก้ปริศนานี้ได้ ก็ให้บอกแก่พระอินทร์ คนผู้นั้นจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แล้วพระอินทร์ก็กลับคืนสู่ดาวดึงส์เทวโลก

    ตั้งแต่นั้นมา ก็มีผู้พยายามจะแก้ปริศนานกยางนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะบอกพระอินทร์ให้รู้ได้อย่างไรดี จึงทำได้เพียงจารึกความคิดเห็นของตนลงในใบลานไว้ว่าปริศนานกยาง มีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง แม้อย่างนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องของปริศนานกยางนั้นคืออะไรแน่ เพราะพระอินทร์ก็ยังไม่ได้มาเฉลยให้ใครได้รู้เลยว่า ปริศนานี้แก้ได้ว่าอย่างไร จึงควร

    ผมเคยถามพระเถระหนุ่มองค์1ว่า ประวัติของคำทำนายหรือสูตรเหล่านี้(กระทู้)จริงหรือไม่ แต่ท่านตอบมาว่า "ถูกเขียนขึ้นมาภายหลัง ด้วยเหตุพิสดารวิสัยบางอย่าง แต่ให้สังเกตุดูในระบบโคจรนิสัยโลกทั้งหมดให้ดีดี สูตรเหล่านี้มีประโยชน์อยู่นะ อย่าประมาทว่าเป็นแค่ของที่ทำขึ้นมาทีหลัง มันแฝงๆอะไรอยู่" ท่านไม่ได้ตอบว่า"จริงหรือไม่จริง"

    ผมเคยเอาพบเจอบทความทำนองนี้อีก(เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าจักรพรรดิ์หรือพยาธรรมมิกราชโพธิญาณ) แต่เป็นปริศนาที่มีไว้สำหรับให้คนที่จะมาเป็นพระศรีอาริยะแก้ ดังนี้

    สักกะปัญหา ปริศนานกยาง

    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานผ่านมาได้ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว ท้าวสักกะองค์อินทร์ระลึกถึงกิจที่พระศาสดาสั่งไว้ได้ จึงเนรมิตตนเป็นชีผ้าขาวลงมาสู่กรุงศรีอยุธยา. ชีผ้าขาวนั้นท่องเที่ยวถามปัญหาแก่สมณะ ชี พราหมณ์ทั้งหลาย โดยบอกว่า ถ้าใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ.

    คนโดยมากได้พบเห็นชีผ้าขาวเข้าไปถามปัญหาก็พากันคิดว่า พราหมณ์เฒ่านี้ท่าจะบ้า จึงไม่มีใครใส่ใจพิจารณาปัญหานัก ท้ายที่สุด ชีผ้าขาวก็กลับร่างเป็นพระอินทร์ นั่งอยู่บนอากาศแสดง

    ปริศนานกยางไว้ดังนี้

    ๑. นกยางเฮย ทำไมจึงไม่ร้องขอก นกยางว่าปลามันไม่ออก
    ๒. ปลาเฮย ทำไมจึงไม่ออก ปลาว่า หญ้ามันรก
    ๓. หญ้าเฮย ทำไมจึงรก หญ้าว่า วัวมันไม่กิน
    ๔. วัวเฮย ทำไมไม่กินหญ้า วัวว่า เจ้าของเขาไม่ปล่อย
    ๕. เจ้าของวัวเฮย ทำไมจึงไม่ปล่อยวัว เจ้าของว่าท้องข้าเจ็บมาก
    ๖. ท้องเฮย ทำไมจึงเจ็บ ท้องว่า ข้ากินข้าวไม่สุก
    ๗. ข้าวเฮย ทำไมจึงไม่สุก ข้าวว่า ไฟมันไม่ลุก
    ๘. ไฟเฮย ทำไมจึงไม่ลุก ไฟว่า ฟืนมันเปียก
    ๙. ฟืนเฮย ทำไมจึงเปียก ฟืนว่า ฝนมันตกมาก
    ๑๐. ฝนเฮย ทำไมจึงตกมาก ฝนว่า กบเขียดมันร้องนัก
    ๑๑. กบเขียดเฮย ทำไมจึงร้องนัก กบว่า งูมันไล่กินพวกข้า
    ๑๒. งูเฮย ทำไมจึงไล่กินกบเขียด งูว่าเพราะกบเขียดเป็นอาหารข้า

    พระอินทร์สั่งให้จารึกปริศนานี้ไว้ในใบ ลาน และย้ำว่า ถ้าใครแก้ปริศนานี้ได้ ก็ให้บอกแก่พระอินทร์ คนผู้นั้นจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แล้วพระอินทร์ก็กลับคืนสู่ดาวดึงส์เทวโลก

    ตั้งแต่นั้นมา ก็มีผู้พยายามจะแก้ปริศนานกยางนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะบอกพระอินทร์ให้รู้ได้อย่างไรดี จึงทำได้เพียงจารึกความคิดเห็นของตนลงในใบลานไว้ว่าปริศนานกยาง มีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง แม้อย่างนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องของปริศนานกยางนั้นคืออะไรแน่ เพราะพระอินทร์ก็ยังไม่ได้มาเฉลยให้ใครได้รู้เลยว่า ปริศนานี้แก้ได้ว่าอย่างไร จึงควร







    ลักษณะของพระศรีอาริยะ

    เมื่อบวชอยู่เพื่อนนักบวชก็รุมชัง ฆราวาสรุมชัง สมณะชีพราหมณ์ตลอดจนฝูงท้าวพระยาที่มีใจหนาแน่นไปด้วยบาปต่างก็ไม่คบค้า สมาคมด้วย อยู่ที่ไหนไม่มั่นพลันหนีเพราะมีศีลธรรมและความประพฤติผิดกับคนทั้งหลาย จึงคบค้าสมาคมกับคนที่มีใจบาปหยาบช้าไม่ได้นาน
    เมื่อเป็นทารกนอนดั่งลิงลม เมื่อบวชเรียนอยู่นอนดั่งนกกาน้ำ เมื่อเป็นฆราวาสแล้วนอนดั่งพญาช้างสาร และเมื่อปรากฏแล้ว นอนดั่งพญาสีหะ
    ตำหนิรูปพรรณสัณฐานนั้น รูปร่างลักษณะท่าทางเหมือนดังครุฑ จมูกดังยักษ์ ใบหน้าดังครุฑ มีฟันเหมือนฟันม้า ตาลึก ท้องใหญ่เล็กน้อย ไหล่ขด นิ้วมือเบื้องซ้ายเป็นแผลเป็นหนึ่งแห่ง ที่แขนซ้ายมีขนยาวหนึ่งเส้น ฝ่าเท้าเบื้องขวามีแผลเป็น บนศีรษะมีแผลเป็นลักษณะ(บางที่บอกว่า มีรอยบุ๋มหรือบุบเป็นลักษณะ)ไม่สูงไม่ต่ำไม่ดำไม่ขาว สีผิวเนื้อเหลือง ยามเจรจามีเสียงแลบออกจากไรฟัน พูดจามั่นเที่ยงไม่กลับกลอก

    เมื่อบวชอยู่ในเพศบรรพชิตนั้นมักมีรัศมีพุ่งออกจากศีรษะเสมอ และมักมีดวงแสงสว่างขนาดลูกมะพร้าวบ้าง ส้มบ้าง เป็นท่อเป็นลำยาวบ้าง ปรากฏแก่สายตาประชาชนอยู่ไม่ขาด นอกจากนั้นก็มักมีเสียงดนตรีและฆ้องกลองประหลาดที่ไม่เห็นผู้บรรเลงปรากฏ อยู่ครึ้มเครือ

    มีปัญญาดุจมโหสถ มีความเพียรดุจมหาชนก มีสัจจะดั่งวิธุรบัณฑิต มีขันติดุจขันติวาทีดาบส มีความกล้าหาญดุจสุรยักษ์ มีใจเบาและรวดเร็วดังลิงลม มีไมตรี รักคนใจบุญและสัตย์ซื่อ เมตตากรุณาต่อคนทุกข์ไร้อนาถา ไม่ถือตัวไม่ถือชั้นวรรณะ แก่กล้าด้วยศีลและทานจนตกทุกข์ได้ยาก เมื่อเริ่มจะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกนั้นจึงได้นามสมัญญาอีกอย่างว่า “ทลิททกธรรมิกราชา” คือ พระราชาผู้เข็ญใจไร้ทรัพย์

    วิษณุกรรมเทพบุตรจะไปนำมะม่วงกาซอจากดอยสิโนโรมาถวายพระศรี อาริย์ให้เสวยแล้วรูป

    ร่างก็เปลี่ยนไปงดงามดุจท้าวสักกะองค์อินทร์ จากนั้นพระศรีอาริย์ก็จะนำเม็ดมะม่วงปลูกลงริมปราสาท มะม่วงก็เติบโต ออกดอกและผลโดยพลัน พระศรีอาริย์จะน้อมมะม่วงนั้นเข้าถวายพระผู้เฒ่า๒๔รูปที่จาริกมาจากทิศต่างๆ เมื่อพากันฉันแลัวพระผู้เฒ่าก็กลับกลายเป็นหนุ่มทั่วกัน
    พระศรีอาริย์จะทำการชำระภิกษุสงฆ์ ให้สงฆ์ที่ไม่บริสุทธิ์สึกทั้งหมดแล้วนำผ้าเหลืองที่ได้จากการสึกภิกษุเหล่า นั้นไปเผา นำขี้เถ้าใส่ในตะลุ่มทองคำ นำไปฝังแล้วสร้างพระธาตุทับไว้พระองค์จะนำแก้วมณีโชติไปประดับไว้บนยอดธาตุ แสงสว่างจากแก้วมณีจะส่องสว่างไปทั่วทั้งนคร ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

    ว่ากันว่า พระศรีอาริย์จะพาพุทธบริษัทไปสักการะศพของพระมหากัสสปะที่แคว้นมคธ มีการห้ามสงครามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกองทัพเทวดาเดินทางไปในอากาศ ๒ครั้ง คือ
    สงครามแย่งภูเขาทอง๑ และสงครามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้๑ (หาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก โดยรหัสยญาณ สำนักพิมพ์ลานอโศกเพรสกรุ๊ป โรงพิมพ์สหธรรมิก)

    บางคนถึงขนาดลองแก้ปริศนาด้วย

    นกยางไม่ร้องขอก คือ พระศรีอาริย์ไม่บันลือสีหนาท
    ปลาไม่ออก คือ ขุมทรัพย์จักรพรรดิไม่ปรากฏ
    หญ้ารกมาก คือ คนอวดเก่ง(มานะจัด)มีมาก
    วัวไม่กินหญ้า คือ ศรัทธาไม่ออกมาข่มมานะ
    เจ้าของไม่ปล่อยวัว คือ ใจไม่ปล่อยศรัทธา
    เจ้าของเจ็บท้องมาก คือ ใจเป็นทุกข์ ลำบากอยู่มาก
    กินข้าวไม่สุก คือ เสพธรรมที่ไม่บริสุทธิ์
    ไฟไม่ลุก คือ ไม่มีปัญญา
    ฟืนเปียก คือ ทิฏฐิเศร้าหมอง(ชุ่มไปด้วยกิเลส)
    ฝนตกมาก คือ ตัณหาหนาจัด
    กบเขียดร้องนัก คือ ความคิดปรุงแต่งมีมากนัก(สังขาร)
    งูไล่กินกบเขียด คือ อวิชชาครอบงำความคิด
    กบเขียดเป็นอาหารของงู คือ สังขารเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงอวิชชา<!-- google_ad_section_end -->

    ที่นี้ลองมาดูแก้ปริศนาแบบอรรถาธิบายของคนๆนึงที่เคยเผยแพร่มานานแล้ว พร้อมกันนี้เขาก็คิดที่จะตีพิมพ์ที่เขาแก้ปัญหานี้ด้วย

    ไขความปริศนา โดยพิสดาร

    นกยางนี้มีปรากฏตามตำนานนกยางปอนกับฝูงลิงและชาวไร่แล้ว.
    โดยธรรมชาติของนกยางนั้น เมื่อยังไม่ทันได้กินปลาก็จะจับเจ่าเหงาหงอยรอคอยเงียบงันอยู่

    อย่างนั้น แต่เมื่อได้กินปลาแล้วจึงจะโบยบินร้องขอกๆ หรือโกกๆ กอกๆบอกพวกพ้องของตน

    นิสัยโดยมากของนกยางคือยินดีอยู่ในความเงียบสงบ ความมักน้อย ไม่สั่งสมไม่ละโมบต่าง

    จากลิงที่มีนิสัยลุกลี้ลุกลน ไม่สงบ มีความละโมบมีกระพุ้งแก้มไว้สั่งสม มักหวงแหนไม่แบ่งปัน.

    เปรียบนกยางได้กับหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายคือ ตราบใดที่ยังไม่ได้เสพผลแห่งธรรมที่ตนรอ

    คอย เขาก็จะเงียบงันอยู่ตราบนั้น ไม่ท่องเที่ยวไปเพื่อสอนสิ่งผิดแก่ผู้อื่น ต่อเมื่อได้เสพผลธรรม

    เป็นพระอรหันต์หรือเป็นพระเจ้าจักรพรรดิตามปรารถนาแล้วจึงจะท่องเที่ยวไป ประกาศธรรมให้

    เพื่อนพ้องได้รู้ว่า จงไปสู่ทิศนั้นแล้วท่านทั้งหลายจะได้ประสบผลอันพึงประสงค์.

    เมื่อเทพเด็กน้อยระลึกถึงตนว่า เหตุใดจึงไม่ท่องเที่ยวสั่งสอนผู้คน? เทพก็ได้เห็นว่าเพราะตน

    เป็นคนจนทรัพย์ ไร้ยศ ไร้ชื่อเสียง ถ้อยคำของเด็ก ของคนยากจน ของคนรูปร้าย ของคนไร้ยศ

    ไร้ชื่อเสียงอย่างเขาย่อมไม่อาจทำหมู่ชนให้ยินดี ให้เชื่อตาม ให้ประพฤติตามเขาได้ เทพจึง

    ขวนขวายหาสมบัติจักรพรรดิเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสอนโลก ตราบใดที่สมบัติไม่

    ปรากฏ ตราบนั้นเขาจะไม่สั่งสอนหมู่ชน ไม่เป็นผู้นำหมู่ชนเด็ดขาด.

    เมื่อเทพกำหนดตนว่าเป็นเหมือนนกยางแล้ว เทพก็ได้เห็นว่าปลาอันเป็นอาหารของนกยางก็

    ย่อมเปรียบได้กับสมบัติพระเจ้า จักรพรรดิ(ขุมทรัพย์ทั้ง๔)ที่ตนรอคอยอยู่โดยไม่รู้ว่าจะปรากฏ

    ในเมื่อใดกัน แน่ เมื่อเทพเด็กน้อยพิจารณาว่า ทุกสิ่งมีเหตุปัจจัยของมัน แม้การที่ขุมทรัพย์ไม่

    ปรากฏก็ต้องมีเหตุปัจจัย.

    เทพพิจารณาว่าอะไรหนอคือปัจจัยที่ขาดหายไปทำให้ขุมทรัพย์ซึ่งมีอยู่แล้วนั้น ไม่มาปรากฏ

    ทั้งๆที่เราก็ตั้งใจประพฤติธรรมแล้ว เทพก็ได้เห็นว่ายังขาดบริวาร เทพลองคำนวณว่า บริวารสัก

    เท่าใดที่เพียงพอจะให้ขุมทรัพย์ปรากฏก็ได้รู้ว่า ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คนก็พอแล้ว แต่อะไรคือ

    เหตุปัจจัยที่ทำให้เทพยังไม่ได้บริวารมา.

    เมื่อเทพเฟ้นหาอยู่ก็ได้เห็นว่า ก็เพราะผู้คนในยามนี้พากันอวดดื้อถือดีว่าตนเก่ง ไม่ต้องพึ่งพิง

    พระศรีอาริย์ก็ได้เพราะความเป็นอยู่ในยามนี้ก็ไม่ได้ทุกข์ยาก ลำบากนัก ความอวดเก่งนี้ย่อม

    ปรากฏเหมือนกอหญ้าหนาหยาบใหญ่ขวางทางปลาไว้ไม่ให้ออกมา ทำให้ขุมทรัพย์ไม่ปรากฏ

    จึงทำให้คนทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้โอกาสที่จะได้รู้ว่า สมบัติจักรพรรดินั้นประเสริฐกว่าสภาพ

    ความเป็นอยู่ที่พวกเขาพากันพึงพอใจอยู่ ในบัดนี้มากมายนัก หาความลำบากอันใดในสภาพ

    ภายนอกมิได้เลย. กอหญ้าจึงเปรียบได้กับความอวดดื้อถือเก่งของผู้คน.

    เทพถามซ้ำเข้าไปอีกว่า อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้คนอวดเก่ง ไม่ขอพึ่งบุญพระศรีอาริย์ เทพก็ได้

    เห็นว่า ก็เพราะผู้คนไม่พากันเชื่อ ไม่ศรัทธาว่าตำนานพระศรีอาริย์นั้นเป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้น

    เมื่อเขาไม่ศรัทธา เขาจึงอวดเก่งเพราะคิดว่าการหวังพึ่งพระศรีอาริย์จะไม่มีผลสำเร็จ จึงกลับ

    กลายเป็นดูหมิ่น พยายามจะพึ่งลำแข้งของตนต่อไป. อาการที่ศรัทธาในการพึ่งพระศรีอาริย์ไม่

    ปรากฏนั้นเองที่เป็นเหมือนกับวัวไม่ กินหญ้า.

    เมื่อเทพพิจารณาลงไปอีกว่า อะไรเป็นปัจจัยให้ศรัทธานั้นไม่ปรากฏแก่ผู้คนในบัดนี้ เทพก็ได้

    เห็นว่าก็เพราะใจของพวกเขาไม่ยอมปล่อยมันออกมา ทั้งๆที่ตำนานนี้ถูกเล่าขานมาอย่างหนาหู

    ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่๒แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่นำมันมากล่าวซ้ำอีกในยามนี้ ไม่ยอม

    ปล่อยความเชื่อเดิมของตนออกมา เปรียบได้กับอาการที่ เจ้าของวัวไม่ยอมปล่อยวัวออกมานั่น

    เอง. ใจเป็นใหญ่ในธรรมทั้งปวง ใจจึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของธรรมทั้งปวง.

    เทพเด็กน้อยพิจารณาซ้ำเข้าไปอีกว่า ก็เมื่อชาวพุทธเองก็มีสัญญาเรื่องพระศรีอาริย์นี้เป็นเชื้อ

    อยู่แล้ว หากเขาข่มใจลงพิจารณาอีก๑ปี ๒ปี ๓ปี เขาก็ย่อมจะเห็นได้ว่า โลกพระศรีอาริย์นี้

    สามารถสร้างขึ้นได้ตามตำนานว่าไว้จริงๆ แต่เหตุใดเขาจึงไม่พากันพิจารณา เทพก็ได้เห็นว่าก็

    เพราะเขามัวพากันสาละวนอยู่กับการทำมาหากิน เป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่ในใจ เปรียบเหมือนเจ้า

    ของวัวที่มัวแต่เจ็บท้องจึงไม่มีเวลาพิจารณา ไม่มีเวลาไปปล่อยวัว.

    เทพเด็กน้อยพิจารณาขึ้นไปอีกว่า อะไรหนอเป็นเหตุปัจจัยให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่แล้วไม่เลิก

    ไม่หยุดไม่หย่อนอยู่ในเวลานี้ เทพก็ได้เห็นว่า ก็เพราะคนเหล่านี้พากันถือธรรมไม่บริสุทธิ์

    ประพฤติในธรรมที่ไม่บริสุทธิ์ พากันเสพความละโมบ ความโอ้อวด ความเห็นแก่ตัวความไม่

    แบ่งปัน ไม่เห็นใจกัน เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงกัน เปรียบได้กับการกินข้าวไม่สุกเป็นเหตุให้

    เจ้าของวัวปวดท้อง ฉะนั้น.



    เทพเด็กน้อยพิจารณาขึ้นไปอีกว่า อะไรเล่าหนอที่เป็นเหตุปัจจัยให้ผู้คนไม่อาจได้ธรรมที่

    บริสุทธิ์มาเสพกัน เทพก็ได้เห็นว่า ก็เพราะคนเหล่านี้ไม่มีปัญญา หรือหากมีอยู่บ้างก็ไม่พอ

    เพียงที่จะรู้จะเห็นได้ว่า อาการที่พวกเขาพากันประพฤติอยู่นั้นไม่อาจจะนำพาตนให้พ้นไปจาก

    ความทุกข์ยาก ลำบากกายใจได้ เปรียบอาการนี้ได้เหมือนกับไฟไม่ลุกจึงทำให้ข้าวไม่สุก ฉะนั้น.

    เทพเด็กน้อยพิจารณาต่อไปอีกว่า อะไรเล่าหนอเป็นเหตุปัจจัยให้ปัญญาของบุคคลเหล่านี้ไม่

    เจริญ ไม่ถึงความบริบูรณ์ แล้วเทพก็ได้เห็นว่าปัญญานั้นมีทิฏฐิเป็นเหตุปัจจัย เปรียบเหมือนไฟ

    มีฟืนเป็นเชื้อ หากฟืนเปียกไฟก็ไม่ติดไม่ลุก หากฟืนแห้งไฟก็ติดไฟก็ลุก ฟืนเปียกก็เพราะชุ่ม

    ไปด้วยน้ำ น้ำนี้ย่อมเปรียบได้กับกิเลสเครื่องเศร้าหมอง เหตุที่ผู้คนยามนี้ไม่มีปัญญาก็เพราะมี

    ทิฏฐิว่าพระศรีอาริย์ตามตำนานนั้นไม่ ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ เพราะพากันถือมั่นว่าพระศรีอาริย์จะไม่

    ลงมาปรากฏในกึ่งศาสนานี้แน่ หากแต่จะมาปรากฏในเมื่อขัยอายุของมนุษย์ตั้งอยู่แปดหมื่นปี

    ในทางเสื่อมเท่า นั้นบ้าง หรือหลังจากสิ้นศาสนาไป ๔,๐๐๐ ปีเท่านั้นหรือ ๖,๐๐๐ ปีเท่านั้นบ้าง

    ทิฏฐิเหล่านี้เองที่เปรียบได้กับฟืนเปียก ทำผู้คนให้ละความเพียรที่จะสร้างโลกที่ดีงามให้เป็นที่

    อาศัยแก่ตนและเพื่อน พ้อง.

    เทพเด็กน้อยพิจารณายิ่งขึ้นไปอีกว่าเมื่อฟืนคือทิฏฐิแล้ว น้ำคือกิเลสแล้ว ฝนจะคืออะไรหนอ

    เทพก็รู้ว่ากิเลสทั้งสามคือ ราคะ โทสะ โมหะ มีตัณหา๓อย่างเป็นปัจจัยคือ กามตัณหาความ

    อยากอยู่ในสภาวะที่ยังไม่ได้อยู่๑ ภวตัณหาความอยากอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่๑ วิภวตัณหาความ

    อยากไม่อยู่ในสภาพที่เป็นอยู่นั้น๑ ตัณหาเหล่านี้เป็นเหตุให้เกิดกิเลส เปรียบเหมือนฝนเป็นเหตุ

    ให้เกิดน้ำฉะนั้น.

    เทพเด็กน้อยพิจารณาให้ยิ่งขึ้นไปอีกว่า เมื่อฝนคือตัณหาแล้ว อะไรคือเสียงกบเสียงเขียดหนอ?

    เทพก็ตรึกธรรมขึ้นมาว่า ตัณหามีเวทนาเป็นปัจจัย เวทนามีผัสสะเป็นปัจจัย ผัสสะมีอายตนะ

    เป็นปัจจัย อายตนะมีนามรูปเป็นปัจจัย นามรูปมีวิญญาณเป็นปัจจัย วิญญาณมีสังขารเป็นปัจจัย

    สังขารมีอวิชชาเป็นปัจจัย อวิชชามีสังขารเป็นปัจจัย เทพตรองดูสภาวธรรมแต่ละอย่างแล้วก็

    เห็นว่า สังขารนั้นร้องยั้วเยี้ยอยู่ในใจคล้ายเสียงกบเขียด พร้อมกันนั้นเขาก็ได้เห็นอาการว่า

    อวิชชาไล่ครอบงำสังขารทั้งปวงอยู่ดุจงูไล่กินกบเขียด เทพจึงแก้ว่างูหมายถึงอวิชชา และเห็น

    ว่าสังขารนั่นเองที่เป็นปัจจัยให้อวิชชาตั้งอยู่ เปรียบได้กับกบเขียดเป็นอาหารของงู ปริศนานก

    ยางก็เป็นอันถูกคลี่คลายโดยเทพเด็กน้อย ด้วยอาการอย่างนี้ เหมือนอย่างที่นอสตราดามุสเคย

    กล่าวไว้ในโคลงบทหนึ่งของเขา ความว่า “ ไม่มีผู้ตั้งข้อสังเกตเขามากว่าห้าร้อยปี กับผู้ชายที่

    สวมเครื่องประดับตลอดชีวิต และเแล้ว การไขความครั้งยิ่งใหญ่นั้นจะทำให้ผู้คนที่อยู่ในยุค

    เดียวกันรู้สึกพอใจ”.

    เทพพิจารณาว่า ปริศนานี้ถูกเล่าขานต่อกันมาว่าพระอินทร์เป็นผู้มาผูกไว้ เทพก็กำหนดรู้ได้ว่า

    ปริศนานกยางนี้เองที่จะทำท้าวสักกเทวราชให้เคลื่อนลงมาสู่โลกมนุษย์เพื่อให้ ความช่วย

    เหลือกิจของเทพเด็กน้อยได้ ชะรอยพระศาสดาจะสั่งท้าวเทวราชไว้ เพราะปัญหานกยางนี้เป็น

    ปัญหาสำหรับพระพุทธเจ้าทั้งหลายและเจาะจงพระศรีอาริ ย์ด้วย เพราะคนทั่วไปถึงได้เห็น

    ปัญหานี้แล้วก็จะไม่เกิดฉันทะที่จะตามพิจารณาแก้ไข ปัญหา หรือถึงจะเกิดฉันทะที่จะตามแก้ไข

    แต่ก็ไม่มีบุพกรรมเรื่องการถวายแตงโม การไล่ฝูงลิงอันเกี่ยวเนื่องกับนกยางปอนเหมือนอย่าง

    บุพพกรรมของพระศรีอาริย์ จึงไม่อาจจะแก้เรื่องราวในตำนานทั้งหมดนี้ได้.

    http://palungjit.org/threads/องค์พระศรีอาริยะเมตไตยต้องบุรพกรรม.217541/<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2015
  14. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    บทความท่านvera_p....ตอนที่2

    <TABLE id=post2710832 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>08-12-2009, 10:31 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#3 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->vera_p<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2710832", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2009
    ข้อความ: 313
    Groans: 0
    Groaned at 15 Times in 11 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 244
    ได้รับอนุโมทนา 1,300 ครั้ง ใน 269 โพส
    พลังการให้คะแนน: 75 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมเคยได้กราบนมัสการถามพระเถระองค์1ดู ก็ได้คำตอบว่า"เป็นปริศนาแต่งขึ้นมาภายหลังอีกเหมือนกัน แต่ปรามาสไม่ได้ เพราะนี้เป็นปัญหาของโพธิสัตว์เท่านั้นที่จะแก้ได้"

    ถามต่อว่า "แล้วพอจะแก้ได้มั้ย"

    ท่านตอบว่า "ได้สิ เพราะถึงตอบไป ถูกหรือไม่ถูก ก็มีค่าเท่าเดิมคือไม่ใช่กาลที่จะแก้ ถึงมีคนจำคำแก้ปัญหาปริศนาเหล่านี้ได้ เขาเหล่านั้นก็อยู่ไม่ถึงกาลที่จะต้องแก้อยู่ดี และในเวลานั้นพลโลกที่มีจิตภูมิสูงเหลือน้อย"

    ถามต่อว่า "พอจะบอกได้มั้ยขอรับ ว่าปัญหามันเกี่ยวกับธรรมอะไร"

    ท่านตอบว่า "ปฏิจจสมุปบาทธรรม โพธิสัตว์รุ่นกลางขึ้นไปก็เดาออก ไม่เห็นยาก เป็นสาธารณะความรู้ระดับนี้อยู่แล้ว"

    ถามต่อว่า "แล้วอย่างที่เขาแก้ไว้นี้มันถูกมั้ยขอรับ"

    ท่านตอบว่า "ถูก แต่ถูกแค่ 10%นะ(อมยิ้ม)

    ถามต่อว่า "อ้าว...เขาก็แก้ไว้เหมาะสมและค่อนข้างสมบูรณ์นี้ขอรับ"

    ท่านตอบว่า "ปัญหานี้เป็นการบ่งบอกให้รู้ถึงเหตุการณ์ความเป็นไปของโลกทั้งหมดคือเป็นทั้งระบบ หมายความว่า เป็นความรู้เเบบสาธาระชน ที่มองเห็นและแก้ปริศนาได้อย่าง1(อย่างที่เขาคนนั้นได้แก้ไว้แล้วโดยอรรถาธิบาย)
    เป็นปัญหา เพื่อถามหาเหตุ มีไว้สำหรับคนๆนั้น คนเดียวเท่านั้นที่จะตอบได้อย่าง1
    เป็นปัญหา เพื่อถามหาผล มีไว้สำหรับคนๆนั้น คนเดียวเท่านั้นที่จะตอบได้อย่าง1
    เป็นปัญหาเพื่อตักเตือนสติ ของคนๆนั้นคนเดียวอย่่าง1
    เป็นปัญหา ปริศนาเพื่อสอนเขาคนๆคนนั้นโดยตรง ไม่ใช่เป็นคำสอนในระบบสาธารณะคือไม่ทั่วไปอย่าง1

    ถามต่อว่า "แล้วมันจะเเก้อย่างไร พอที่จะลองไขให้กระผมฟังได้มั้ยขอรับ ขอฟังให้เป็นวิทยาทานธรรมนะขอรับ"

    ท่านตอบว่า "ปริศนาทั้งหมดนี้ กำลังจะบอกว่า"พระศรีอาริย์เอ๋ย...เจ้าถูกวิสัยกระแสโลกครอบอยู่หรือ...ถึงได้ทำตนให้เนิ่นช้า ข้อนี้เป็นการถามหาเหตุ....
    พระศรีอาริย์เอ๋ย...เจ้ามีธรรมพิศมัยกาล ประมาณเท่าไร ข้อนี้เป็นถามหาผล...
    พระศรีอาริย์เอ๋ย...เจ้าจะทอดภาระ...ธุระ...อยู่แต่ลำพังผู้เดียว ไม่เหลียวแลตนและผู้อื่นอีกทั้งศาสนาเราและศาสนาของท่าน ถูกหรือหนอ...ข้อนี้เป็นการตักเตือน
    พระศรีอาริย์เอ๋ย...โพธิญาณที่ท่านสะสม...สั่งสมมาเนิ่นนาน อีกไม่นานก็จะได้บรรจุเป็นพุทธวงศ์ทั้งปวงแล้ว ปัจจัยยการ อันเราได้แสดงไว้ดีแล้ว หมั่นพิจารณาตามพุทธประเพณีเทิด...ข้อนี้เป็นการกล่าวสอน
    อันนี้เป็นแค่ย่อๆเท่านั้น ไม่ได้พิสดารใดๆเลย เพราะไม่ใช่เวลาที่จะต้องแก้ ยังไม่ถูกทั้งหมด มีประดับอีก 108 นัยยะ อย่าทำเล่น โพธิสัตว์ทั่วไป จะไม่อุตสาหะที่จะแก้ หรือถ้าคิดจะแก้พร้อมทั้่้งพากเพียรแก้จริงๆ ก็จะเป็นผลดีมาก ปริศนานี้ให้คุณประโยชน์อย่างเดียว ไม่เสียหายเลย พอนะอย่าถามต่อ เสียของดี ฮึฮึฮึ..."

    ผมได้ถามมาจากท่านพระเถระองค์นึงครับ เลยมาเล่าให้ฟัง แต่อย่าหมายว่าท่านจะเป็นพระศรีนะ<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vera_p : 09-12-2009 เมื่อ 12:38 AM
    http://palungjit.org/threads/องค์พระศรีอาริยะเมตไตยต้องบุรพกรรม.217541/page-2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2015
  15. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    <TABLE id=post3739967 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>03-09-2010, 01:39 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#2098 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Thepkanya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3739967", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2008
    ข้อความ: 990
    Groans: 4
    Groaned at 6 Times in 6 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,036
    ได้รับอนุโมทนา 10,180 ครั้ง ใน 946 โพส
    พลังการให้คะแนน: 479 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    #2098 /105
    ชื่อกระทู้ สมเด็จพระพุทธองค์ ศรีอาริยเมตไตรย์ กับ ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม

    หลังจากเวลาผ่านไป ครบวงรอบการเปิดกระทู้ได้ 1 ปี ก็ไปรู้จักและได้พบ...หลวงพ่อ ที่ดินแดนแห่งพุทธวงศ์ ที่มีพระอริยสงฆ์และพระภิกษุมากมายที่กราบได้อย่างสนิทใจ..(เปิดกระทู้ 11/03/09 และได้พบหลวงพ่อ เป็นครั้งแรก 11/03/10 ซึ่งเป็นวันเดียวเดือนเดียวกับการเปิดกระทู้ ส่วนการเปิดกระทู้ก็เป็นไปแบบถูกจัดวางอีก เพราะ นั่งอ่านเสร็จจะเข้านอน อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจ ขณะนั่งพิมพ์เกิดง่วงจัดบางครั้งตอนพิมพ์ลงไปยังนั่งหลับตา พิมพ์เสร็จก็ฟุบหลับไป เกือบชั่วโมง พอรู้สึกตัวจึงปิดคอมเข้านอน...เกือบตีสาม โดยนิสัยแล้ว..ไม่คิดจะเข้ามาขีดเขียนและไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครและอะไร พอใจจะอยู่เงียบ ๆ กับ สังคมเล็ก ๆ ของตนเองมากกว่า)

    แต่พอย้อนไปลำดับหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา ก็ได้คำตอบ..จึงใช้คำว่า..ถูกจัดวาง และเมื่อเข้าใจความเป็นไปทุกอย่างแล้ว ก็มีข้อสงสัยเช่นกันว่า...ทำไม จึงจัดวางให้ใช้ชื่อ กระทู้เช่นนี้ เพราะ คำตอบที่ได้เรื่องหนึ่งคือ พุทธกาลนี้ เป็นของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี(องค์พระโคดมพุทธเจ้า) แน่นอน พระเมตไตรย์ท่านยังไม่มาเป็นพระพุทธเจ้า
    แต่...กระนั้น ก็ยังไม่เคย...สาวหา เหตุ ว่า....ผล คือ ชื่อกระทู้นี้ เกิดจากเหตุใด

    เมื่อมีคำถามเกี่ยวกับ ชื่อกระทู้...ว่าไม่ถูกต้อง ข้อสงสัยนั้น..ก็กลับมาถามตนเองอีก พอไล่เลียงลำดับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในกึ่งพุทธกาล และของตนเอง รวมทั้ง..หลายครั้งหลายตอน ที่เป็นการสื่อสารของ..หลวงพ่อ ดุจจะให้เป็น..จิกซอร์ตามเก็บมาประติดประต่อเอาเอง ก็พอจะวิเคราะห์ออกมาได้ ว่า

    ชื่อกระทู้ นี้...อุปมาดั่ง กระจกเงา ที่สะท้อนให้เห็น มุมคิดมุมมอง และ พฤติกรรม ของ มนุษย์ในยุคกึ่งพุทธกาล

    1) ถ้าเป็นสมัยที่ผ่าน ๆ มา คนจะนึกถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีศากยมุนี และให้ความเคารพนับถือมาก ทุกสิ่งที่เกี่ยวเนื่องด้วย...พระพุทธเจ้า จะเป็นที่ยกไว้สูงเหนือเศียร ให้การสักการะบูชา ด้วยจิตด้วยใจ และ..บุคคลแลสังคมนั้น ๆ ก็อยู่ภายใต้อำนาจการคุ้มครองแห่งพลังพุทธคุณ ของ พระศาสนา ให้ร่มเย็นเป็นสุขสมัครสมานสามัคคี ด้วย..จิตมาร เข้าแทรกแซงจิตมนุษย์ได้ยากกว่า...ยุคกึ่งพุทธกาลนี้ ที่คนไม่ให้ความสนใจ เคารพบูชาพระพุทธเจ้า พระศาสนา ล่วงล้ำก้ำเกินพระรัตนตรัย..กันอย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ที่เล่าไปในหน้า 104-105 อย่าง...ธรรมจักร อันเป็นสัญญลักษณ์ของ พระศาสนา คนที่นับถือพุทธ..แต่ครั้งโบราณ ท่านจะยกย่องสักการะ ไม่เอามาวางเป็นพื้นเป็นบันได ให้มนุษย์เหยียบย่ำกัน อีกประการ เช่น การทำร้ายพระอริยสงฆ์ทั้งทางกายทางใจ ด้วยกำลังด้วยคำพูด บังคับให้สึก ที่เคยยกตัวอย่างในกระทู้..ก็มี ครูบาศรีวิชัย ครูบาเจ้าขาวปี เจ้าพระคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ผู้แปล...คิริมานนทสูตร หรือ พระยาธรรมิกราชสูตร และนอกจากนี้ ก็ยังมี...หลวงพ่อ(ทั้งโดนยาพิษและเลือดตกต้องแผ่นดิน) แห่งดินแดนพุทธวงศ์ ที่ข้าพเจ้าได้ถูกจัดวางให้ได้เข้ามารู้จัก ด้วยถึง...เวลาอันสมควรกับจิตที่ถูกขัดเกลามาบ้างแล้ว (ถ้ายังหนาแน่นด้วยกิเลสอันมากมาย เชื่อว่า...คงยังไม่มีวาสนา ได้ก้าวเข้ามาทำหน้าที่ตามโองการของพระพุทธเจ้า ร่วมกับพระโลกุตระและต่างมิติ และ..ข้าพเจ้า เป็นแค่..เครื่องมือชิ้นหนึ่ง คือ Connector/ตัวต่อเชื่อม...เท่านั้น)

    การก้าวล่วง...เหยียบย่ำ ทั้ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้
    วิเคราะห์..ได้จาก Keyword คำว่า...พระโคดม

    2) ด้วยหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งผู้คน ทั้งภัยธรรมชาติ ทั้งความเหลื่อมล้ำทุกข์ยาก ทั้งปัญหาปากท้องและวิกฤตต่าง ๆ ทำให้ มนุษย์ โหยหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ บ้างก็มุ่งหน้าบำเพ็ญเพียร..ศึกษาปฏิบัติธรรม ตามแนวทางความเชื่อในลัทธิและศาสนาของตน จนบางคนก็ได้คุณวิเศษณ์ต่าง ๆ และเกิดความลุ่มหลงในตนเองโดยไม่รู้ตัว ดั่งที่เคยอธิบายไว้เกี่ยวกับ..ฟืนที่เปียกน้ำ (ในปริศนานกยาง) บ้างก็ ถูกนำพาออกนอกทาง...ห่างไกล..คำว่า...พระนิพาน ไปเรื่อย ๆ เพราะ...ก่อหญ้าเพิ่มขึ้น จนรกรุงรัง(ภพ) บ้างก็ยังจมดิ่งอยู่กับทุกข์-สุขที่ตนได้รับ
    ทั้งหมดนี้ จึงปรากฏ บุคคลที่มนุษย์หวังเป็นที่พึ่งเกิดขึ้นมากมาย ดั่งที่ พระอรหันต์จี้กงเคยบอกไว้ว่า...ครั้นถึงคราว..ภัยพิบัติมา จะมีพระพุทธเจ้า/พระโพธิสัตว์เจ้า...ตัวปลอมเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งล้วนเป็นภูตผีปลอมตนมาหลอกลวงมนุษย์ และมนุษย์ไม่รู้...ก็หลงกราบไหว้บูชา ถูกกลืนกิน...พลังชีวิต ลงไปเรื่อย ๆ (แบบที่ข้าพเจ้าเคยเจอ...ถ้าข้าพเจ้าไม่ถูกจัดวางให้ ลงไปคลุกอยู่ในถังขยะ ก็จะไม่รู้ว่า..ขยะนั้นเป็นอย่างไร ถ้าไม่ถูกจัดวางให้ตกลงไปในเหว ก็ไม่รู้ว่า..ก้นเหวเป็นอย่างไร ถ้าไม่ถูกเหวี่ยงออกไปกลางทะเล ก็ไม่รู้ว่า กลางทะเล..อันเวิ้งว้างนั้น..เป็นอย่างไร)

    ฉะนั้น...พระศรีอาริยเมตไตรย์ จึงเป็น พระนามหนึ่งที่ มนุษย์เรียกขานหา ตามพุทธพยากรณ์ ของ..พระพุทธเจ้าในพุทธกาลที่ 4 นี้(องค์พระพุทธโคดม) ว่า ท่านจะมาจุติเป็น พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป และมนุษย์ก็เกิดความสับสนด้วยข้อมูลที่เกิดขึ้นหลายกระแส จนไม่เข้าใจว่า ข้อมูลทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เกี่ยวกับ พระพุทธเจ้าและพระศาสนา คืออย่างไร ความเข้าใจผิดโกลาหลเกิดขึ้นในจิตใจชาวพุทธ และผู้เรียกร้องหาที่พึ่ง ทุกชาติทุกภาษา ยิ่งถูก...งูไล่ล่า..กบก็ยิ่งร้องระงม

    อีกทั้ง..กรรมเก่าที่ยังใช้ไม่หมด กรรมใหม่ ที่ทำเพิ่มขึ้นด้วยความไม่รู้...ไม่เข้าใจไปตามความเป็นจริง ของโลก ของธรรมชาติ ของชีวิต ของเล่กลมายา อันเนื่องจาก...ผลของการกระทำ และเหตุ คือ การก่อการกระทำ

    การโหยหา เรียกร้องขอที่พึ่ง นี้ วิเคราะห์ได้จาก Keyword คำว่า...สมเด็จพระพุทธองค์ ศรีอาริยเมตไตรย์


    สรุป คือในพุทธกาลนี้...พระพุทธเจ้า ของเรา คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีศากยมุนี หรือ พระสมณโคตมพุทธเจ้า หรือ เดิมคือ เจ้าชายสิทธตฺถะ โอรส พระมหากษัตริย์ที่ชื่อ สุโธทนะ เจ้าชาย..มีทั้งเชื้อสายรามัญและไทยเผ่าหนึ่ง ของ..สุวัณณภูมิ ซึ่งนาม...สุวัณณภูมิ นี้..พ่อขุนศรีทัพไททอง (พระมหากษัตริย์ ที่ทรงรวบรวมชนเผ่าต่าง ๆ จนเป็นปึกแผ่น เป็นต้นวงค์..กษัตริย์ไทย และสืบทอดเผ่าพันธุ์เรื่อยมาถึงปัจจุบันด้วย) ได้รับพระราชทาน..นาม จาก...พระพุทธเจ้า โดยทรงย้อนกาลเวลาแล้วจึงรู้ว่า...แดนนี้ดั้งเดิม คือชื่อ สุวัณณภูมิ (ทั้งหมดวิเคราะห์และสรุปประมวล..จากตนเอง จากหลวงพ่อ จาก..หลักฐานเกบื้องจาร ที่จารึกเป็นภาษามคธ ที่หลวงพ่ออ่ำ เป็น ผู้ถอดความ ซึ่งท่านเป็นผู้หนึ่งที่เกิดในยุคนั้นด้วย..เช่นเดียวกับ พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน)

    ส่วนหลังกึ่งพุทธกาลนี้ไป ข้าพเจ้าวิเคราะห์ ว่า...ใกล้ ยุคสิริอารยะ หรือ ศรีอารยะ หรือ จะเรียก..ยุคพระศรีอาริย์ ก็ได้ (ฟังจากหลวงพ่อแล้ว รู้สึกว่า...เป็นยุคที่โลกมีความเจริญมาก และหลายอย่างที่ท่านพูด ก็เกิดแล้วในโลก แต่ท่าน..เรียกกันคนละภาษา กับข้าพเจ้า ๆ รู้จักในคำเรียก ตามศัพท์ภาษาอังกฤษมากกว่า)

    แต่...ทั้งหมดคงจะปรากฏชัดเจนหลังภัยพิบัติใหญ่ คนในโลกเหลือน้อยลง ภัยธรรมชาติเหล่านั้น คงเกิดขึ้นมากมายหลายประเทศ อาจจะรวมทั้งประเทศไทยด้วย

    ข้าพเจ้าวิเคราะห์จาก..คำพูด หลวงพ่อ..ท่านใช้คำว่า...ศรีอาริยะ คือ สิริอาริยะ หมายถึง ผู้มีจิตใจงาม และบางตอนที่บอกว่า...ถ้าอยากให้ พระศรีอาริย์ท่านลงมาเร็ว ๆ ก็ตั้งมั่นทำความดี ให้สังคมมีแต่คนดี ท่านจะได้ลงมาเร็ว ๆ และดูจากเหตุการณ์..ตลอดจนนัยยะบางอย่าง ที่หลวงพ่อ จะพูดปน ๆ มา เวลาให้..สติปัญญา จึงวิเคราะห์ได้ว่า ท่านคง...แบ่งจิตลงมาแล้ว เพื่อบำเพ็ญเพียร ตามธรรมสัญญา ที่มีต่อ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่าง ๆ และ องค์พระพุทธโคดม อีกทั้งด้วยเคยมี...บุพกรรม ต่อกัน คือ..เคยได้รับ..ดวงตา..ข้างหนึ่ง..จากองค์พระพุทธโคดม..ในชาติที่ผ่านมาเนิ่นนานมาก คราวเมื่อเกิดเป็น..ชายตาบอด ในภพนั้น...องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ทรงเสียสละดวงตา ให้...ชายตาบอดผู้นั้น..หนึ่งข้าง แล้วประคบแผล..ทาด้วย..ยาเย็น(สมุนไพร) เรื่องเหล่านี้..ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่า..สมควรบอกได้ละเอียดแค่ไหน...เอาเป็นว่า..ฟังจาก..ปาก พระอรหันต์/โลกุตระ ผู้ที่อยู่เหนือโลกแล้ว....และยังอีกหลายภพที่เกี่ยวข้องผูกพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น..จึงขอกล่าวว่า...ด้วยสายใยต่าง ๆ และทั้ง พุทธสัญญา...และ...ธรรมสัญญา ที่เคยอธิษฐานมาร่วมกัน จึง...ทรงรักและบูชา องค์พระโคดมพุทธเจ้ามากเหลือเกิน....(ตามความคิดข้าพเจ้า ท่านคงแบ่งจิต...มามาก เพื่อร่วมกันสร้างบารมี เพราะ โครงการนี้..เป็น Project ที่ใหญ่มาก) และรอประมวลผลรวมบารมีอีกครั้ง โดย มาเป็น...พระเจ้าจักรพรรดิ หรืออะไรทำนองนั้น และเป็น พระพุทธเจ้าในพุทธกาลต่อไป เพราะทีมงานชุดที่เกี่ยวข้องกัน ทุกภาคส่วนนี้..ทำงานร่วมกัน กับทีมของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพุทธกาลปัจจุบัน และ พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ด้วย โดยไม่มีการแบ่งฝ่าย...ท่านเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่างร่วมกัน..ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีการหารือกันเป็นระยะ...ในอีกมิติหนึ่ง...เพราะปัจจุบันยังมี..พระอรหันต์ หรือ พระโลกุตระ ทั้งหลายใน..พุทธกาลอื่น ๆ ตั้งแต่..ต้นภัทรกัลป์ ที่...เร้น..อยู่ อย่างมากมาย เพื่อฉุดช่วยโลกมนุษย์ ตาม..พระพุทธสัญญา-พระธรรมสัญญา ที่เคยมีมาร่วมกันนับชาติไม่ถ้วน

    จึงอยากจะกล่าวว่า....เป็นบุญ...แล้วหนอ ที่...เกิดมาพบ พระศาสนา เพราะ..รอยต่อนี้ อาจจะทำให้ บางคนหลุดออกจากวงโคจรที่จะได้พบ...กับ พระศาสนา อีกนานแสนนานแม้สิ้นพุทธันดร..ก็ตาม ด้วยวาระนี้ คือ การเลือกผู้ที่จะได้เกิดในพุทธกาลหน้าด้วย

    ถ้า...การได้เกิดในพุทธกาลนี้แล้ว ยังทรงความดีไม่ได้ ไม่กตเวทิตา...กับ พระพุทธเจ้า - พระธรรม...อันถูกต้อง - พระสงฆ์..ผู้มีธรรมเที่ยง แล้วไซร้ จะก้าวไปสู่ยุคของ..อริยะบุคคล..ได้ฤา<!-- google_ad_section_end -->


    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Thepkanya : 03-09-2010 เมื่อ 04:17 PM
    http://palungjit.org/threads/สมเด็จ...กับ-ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม.178195/page-105
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1060686/[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2015
  16. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Thepkanya [​IMG]
    ถอดรหัสพระยาธรรมฯ (ตอนที่ 1...เรื่อง ปริศนานกยาง 15 - ตอนจบ) อ้างอิงจาก คิริมานนทสูตร/ธรรมิกราชสูตร ฉบับของ...เจ้าพระคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจนฺโท)


    ข้าพเจ้าเพิ่งพบข้อมูลมาอย่าง...เพิ่มขึ้น พอลำดับดู จึง...เข้าใจ ที่มาที่ไป ของปริศนานี้ ว่า...ทรงฝากให้เป็นงาน ของ......ท้าวสักกเทวราช ช่วงที่เข้าเฝ้าขณะจะปรินิพาน โคนต้นรัง(ต้นสาละ) ทรงสั่งไว้ เรื่อง การตั้งปัญหา ให้เห็นเป็นเหตุปัจจัยของ..การเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง/สืบต่อ...จึงเป็นที่มาของ ปริศนานกยาง เพื่อสานงานร่วมกับ.....บุคคลผู้หนึ่ง ที่จะแอบลงมาจุติเงียบ ๆ โดยไม่มีใครรู้แม้แต่...คณะเทวราชทั้งหลาย และทรงสั่งไว้ว่า...เมื่อใด ปริศนานี้ได้รับการ...ถอดออกมาได้แล้ว....ขอให้ ท่านเข้ามาช่วยทำกิจ ของบุคคลผู้นั้นให้สำเร็จด้วย
    <O:p
    เมื่อข้าพเจ้าประติดประต่อ หลายสิ่งหลายอย่าง ที่ได้รับรู้จากหลาย ๆ ทางหลายกาลเวลา...รวมทั้งการบอกการเล่า...ครั้งละเล็กละน้อย ที่ หลวงพ่อท่าน..พยายามสื่อสาร ให้เกิดปัญญาและการระลึกรู้ นับตั้งแต่พบกันครั้งแรก คือ 11/03/10 จนถึงบัดนี้ 23/08/10 จึง ถอดทุกอย่างออกมาเป็นลำดับได้ โดยมั่นใจว่า..ไม่ผิดพลาด

    เพราะครั้งล่าสุด(18/07/10) หลังจากที่ ท่าน ประทับรอยพระบาทไว้ใน...ผ้ากาสา ในเช้าวันที่ออกมารับ..บิณฑบาตร แล้ว (ตามที่เคยเล่าไป) เช้านั้น...ท่านก็ไม่ปรากฏออกมาอีก แต่มอบหมายให้......พระภิกษุที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มสร้างสำนักสงฆ์ เป็น ผู้แทน มานั่งบนธรรมมาสแสดงธรรม โดยให้มาเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่การมาร่วมกันสร้างพุทธสถานแห่งนี้...ตอนท้าย ๆ พระท่านก้มหน้าอ่านที่จดมา ตามที่หลวงพ่อบอก (โดยไม่ได้ระบุว่า...บอกผู้ใด)...ดังนี้
    <O:p
    ...หลวงพ่อ ฝากบอกว่า...น้ำยาเช็ดกระจกของหลวงพ่อ ไม่ต้องเอาไปใช้ก็ได้ เพราะ ทั้งน้ำยาและกระจก ต่างก็ใสพอกัน หลวงพ่อให้การรับรอง...บางคนถึงจะเป็น...พระ แต่ก็ต้องไปทำหน้าที่ ในโลกมนุษย์ เมื่อเกิดมาแล้ว...มีหน้าที่ก็ต้องทำไป ขอให้ไปทำหน้าที่ทางโลก...แทน หลวงพ่อด้วย ช่วยกันทำให้มนุษย์ได้เข้าใจ...อย่างถูกต้อง หว่าน..เมล็ดพันธุ์แห่งโพธิญาณ ให้เกิดขึ้น จะได้ลดภัยพิบัติโลก<O:p
    <O:p
    กิจนี้ คือ กิจที่จะเชื่อมต่อพระ...ศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง นำพระสัทธรรมกลับคืนมา เพื่อโลกจะได้ลดความเร่าร้อน และลดบาปกรรม และการก่อเวร ของมนุษย์ให้น้อยถอยลง ด้วยเกิดความรู้ความเข้าใจ ใน แก่น..ของ...พระพุทธศาสนา ว่า คืออะไร และความเป็นไปแต่ดั้งเดิมอย่างถูกต้อง จะได้ไม่เกิดการเหยียบย่ำ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และข้าพเจ้า ขอเรียกกิจนี้ ว่า...โองการของ..พระพุทธฯ ตามที่หลวงพ่อฯ ใช้เรียก

    ข้าพเจ้า ขอกล่าวว่า...งานนี้ เป็นงานที่ทำร่วมกันทั้งจักรวาล ร่วมกับ พระโลกุตตระ ผู้อยู่เหนือโลกแล้วทั้งหลาย แม้ท่านละสังขารแล้ว ท่านก็ละทิ้งแต่กายเนื้อเท่านั้น....หลายท่านก็ยังคงอยู่มิได้ละจากไปไหนไกล เพราะ เคยมีปณิธานร่วมกันว่า...ผู้ที่รู้ก่อน จะรออยู่ช่วยผู้ที่ยังไม่รู้ และรอจนปิดภัทรกัลป์ ไปด้วยกัน ปณิธานนี้อธิษฐานร่วมกันมานาน...นับเป็นแสนปีแล้ว รวมถึงหลวงปู่ทวดและสมเด็จโตด้วย (จะเล่าต่อไป...เกี่ยวกับ อาภัสราพรหม..รอยต่อแห่งพุทธกาลที่ผ่านมา พระพุทธเจัากัสสโป-พุทธกาลที่ 3 และ...พระพุทธเจ้าโคตะโม-พุทธกาลที่ 4 ) ทุกอย่าง...จะค่อย ๆ ถ่ายทอดไปเป็นลำดับ ๆ<O:p
    <O:p
    ส่วนการถอด...ปริศนานกยาง หรือ การถอด...วงจรปฏิจจสมุทบาท นี้
    หากพิจารณาดู จะเห็นว่า...เหตุ คืออะไร แล้วให้พิจารณาที่ เหตุ...ก็จะเห็น ผล ของการกระทำ ส่วน...ผล ที่เกิดจากการพิจารณา คือ ปัญญา <O:p
    <O:p
    เมื่อรู้เหตุ ที่ทำให้สิ่งนี้เกิด ก็พิจารณาเถิดว่า...จะให้มีผล..ของเหตุนั้น สืบต่อเติบโตขึ้นหรือ
    จง...พิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไม่ต้องเอามาเปรียบเทียบเป็นลำดับก่อน-หลัง..ตามวงจร เพราะ ชีวิตแต่ละคน เกิดก่อนหลังไม่เหมือนกัน แก้ไขไม่เหมือนกัน ทำความเข้าใจให้กระจ่างว่า
    ...ตัณหา คืออย่างไร
    ...อุปทาน คืออย่างไร
    ...ผัสสะ คืออย่างไร
    แต่อย่าติด ในอักขระ จะสับสน ทำความเข้าใจ ด้วยปัญญาที่เกิดจาก การพิจารณาด้วยจิตที่สงบ ไม่ใช่รู้แบบอักขระไม่เกิดประโยชน์ ให้รู้ด้วยสามัญสำนึก ของ วิญญูชน
    <O:p
    อาจจะใช้วิธีจุดพลังงานช่วย ด้วยก็ยิ่งดี คือ อธิษฐานจิต(การจุดพลังงาน/ตั้งจิต)...ขอทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในการอ่านการศึกษาทำความเข้าใจ ในเรื่อง....... แล้วลงมืออ่าน/ศึกษา(การกระทำทางกายภาพ) ด้วยจิตที่เป็น...สมาธิ <O:p
    สมาธิ ที่ว่า...คือ สงบ/จดจ่อ จิตว่าง ๆ คลายจากอารมณ์ต่าง ๆ ถ้ายังหมกมุ่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง หรือหลาย ๆ อารมณ์...การอ่านการศึกษาพิจารณาจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ถ้าเอามัน-เอาสนุก-เอาเพลิดเพลิน...แสดงว่า...จิต ณ ขณะนั้น ยังไม่..สงบ หรือ...ไม่พร้อมที่จะ..สงบด้วยละมัง (จะอ่าน/ศึกษาจากที่ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง...กระทู้นี้)<O:p
    <O:p
    คนที่เข้ามาพบ กระทู้นี้ เป็นผู้ที่ถูกจัดวางให้มาเจอ เหมือนบังเอิญ เหมือนดลใจ แต่โลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ มีแต่ ผลนี้มาจากเหตุอะไร...เท่านั้น <O:p
    การลงมา ของบุคคล คนหนึ่งนั้น.....ได้มีการแบ่งจิตลงมามากมาย จิตนั้น...แบ่งลงมาเป็น บุคคลอันมีความเกี่ยวเนื่องในบุพกรรมเดิม ๆ ที่เหลือค้าง เป็นบุคคลต่าง ๆ ปริมาณจิตที่แบ่งมา มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่กิจที่ลงมาบำเพ็ญ บางจิตลงมาแล้ว ก็ติด...ข่ายไฟ ของ มารของกิเลส ในใจตนที่ยังกำจัดออกไม่หมด นี่แหละจึง ลงมาจิตเดียวไม่ได้ ต้องแบ่งมาสร้างบุญบารมีร่วม ๆ กันไป <O:p
    <O:p
    นอกจากนี้ เหล่าผู้ที่อาสาจะมาร่วมบำเพ็ญกัน...เพื่อสร้างสมบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้น...ก็มีลงมากันมากมาย แต่จำกันไม่ได้ บ้างมาก่อน - มาหลัง มาแล้วมาอีก บางคนก็ยังเป็นเด็กน้อย ก็แล้วแต่ เช่น....เวลานี้...หลวงพ่ออ่ำ....หรือ ช้างปาไลยยกะ ท่านก็ลงแล้ว ในอนาคต...ก็คงได้บำเพ็ญในร่มกาสาวพัตร ด้วยเชื่อว่า..ที่สุดแล้ว...จิตท่าน คงไม่อยากมาคลุกเคล้าทางโลก ด้วยเดิม ๆ ท่านจะบวชมาตลอดหลายภพชาติ จึงวิเคราะห์ว่า...ผล ของเหตุนี้ คงสั่งสม เป็น ความเคยชิน..ทำให้...จิตปัจจุบัน...ตื่นรู้ ได้ง่าย แล้วจิตเดิม-จิตปัจจุบันเชื่อมต่อกัน เข้าสู่เส้นทางเดิม <O:p
    <O:p
    แต่กระนั้น...ยุคต่อไป...มนุษย์ก็ไม่จำเป็น ต้องบวช...เท่านั้น จึงจะเข้าใจธรรม...แม้..ศีลห้า ศีลแปด ก็...ไม่เสียเปล่า...แต่ คนมี จิตสะอาด - ศีล...ต้องสะอาด คนทีจะทำให้ศีล ของตนสะอาดได้/รักษา ใจอยู่ในกรอบของศีลได้..........ต้องมี........สัจจะ เป็นนิสัย-เป็นปกติของจิต ไปกลับกลอกพลิกไปมา แค่คิดไว้ในใจ...ในเรื่องใดก็ตาม คือ..ตั้งสัจจะแล้ว ถึงไม่พูดออกมาก็ตาม..ฉะนั้นลองถามตนเองว่า...สิ่งที่ตั้งไว้..ในใจ นั้น..ทำได้ไม๊...ถ้าทำได้ ก็คือ รักษาสัจจะสำเร็จแล้ว เริ่มสั่งสมนิสัย การเป็นผู้มีสัจจะ...กำลังบ่มเพาะจิต ก่อสร้างการกระทำ...สัจจะบารมี....ให้เกิดขึ้น<O:p
    <O:p
    บางคนอยู่ทางโลก ก็เจริญทางธรรม มีครอบครัว และอบรมสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดาได้ เหมือนเป็นตัวอย่าง...เป็น ต้นพันธุ์โพธิญาณ ให้ลูกหลานอย่างถูกต้องเหมาะสม ปลูกเมล็ดพันธุ์ใน ครอบครัวตนเอง..ก่อน พอ ลูก ๆ เติบโตขึ้น..ไปแต่งงาน ก็ไปปลูก เมล็ดพันธุ์ในครอบครัวอื่น ๆ ต่อไป <O:p
    <O:p
    หลายคน..ลงมาแล้ว กลายเป็น ฟื้นเปียก น่าสงสารมาก สร้างสมไว้เยอะแต่พอลงมาแล้ว อาจจะไม่ได้กลับขึ้นไปอีก จิตที่รอรวมบารมีอยู่เบื้องบน...ก็ไม่สำเร็จดั่งอธิษฐาน...ตามที่ แบ่งจิตลงมาบำเพ็ญ บางคนลงมาแล้ว กลายเป็นถักทอโครงสร้างของจิต..เพื่อปูทางลงอเวจี ก็มี <O:p
    <O:p
    กึ่งพุทธกาลนี้...ผู้เข้าสู่เส้นทางเพื่อปฏิบัติฝึกฝนจิต แต่เอาบารมีและพลังจิตที่เกิดขึ้น ไปใช้ทางที่ไม่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา เกิด...กรรมต่อยอด...รอการเกิดภพใหม่ เพิ่มมากขึ้น..ก็มี <O:p
    <O:p
    วงจรปฏิจจสมุทบาทนี้....จิตมนุษย์...ติดอยู่ ออกไปไม่ได้ เพราะ ยังมี..ผลของ กรรม/การกระทำในอดีต ที่ต้องมารับ/ชดใช้ เหมือน...ลวดสลิง ที่ยึดไว้ไม่ให้หลุดออกไป...นอกวงโคจร แต่ในมิติของจิต ที่อธิษฐาน...ลงมา เป็น ภาวะที่ยังมีผลบุญเก่าหนุนเนื่องอยู่ เหมือนการลงมาก่อนเวลา...เพราะ ด้วยบารมีที่ยังคงมีอยู่...จะเป็นพลังงานบวก ที่สามารถมาเชื่อมต่อกันได้ กับจิตปัจจุบัน แต่...จิตปัจจุบัน ต้องสร้างบารมีให้เพียงพอ ที่ของเดิม/จิตเดิม...จะมาเชื่อมต่อ(ทางจิต)...กันได้

    ฉะนั้น ผลของกรรมใดมี...ก็วางจิตวางใจสบาย ๆ ยอมทำใจ..ตอบรับไป..ปล่อยวางไป ทำหน้าที่ปัจจุบัน ให้ดีอย่าบกพร่อง...ยอมชดใช้ไป ไม่บ่นไม่ด่าไม่ว่า...ให้เกิด..มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม จะได้ไม่ต้อง...มีการกระทำใหม่ขึ้นมา(แม้...ใจก็ไม่คิด) จะได้ไม่สืบต่อ...ให้เกิดเป็น ผล...จากการกระทำนั้น

    ผลจากการกระทำ นั้น...บ้างก็มาในรูป....เจ้ากรรมนายเวร ที่มาทวงคืน ซึ่งจะมีมาในหลาย ๆ รูปแบบ ทั้งมีรูปแบบ...มนุษย์ด้วยกัน(เช่น...พ่อ-แม่-พี่-น้อง-ลูก-ญาติ เพื่อน เจ้านาย-ลูกน้อง คนที่ไม่รู้จัก คนที่เดินชนกันตามห้าง คนที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน...แล้วมากระชากกระเป๋า...เป็นต้น) หรือ...รูปแบบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เจอ/ รูปแบบสัตว์และอื่น ๆ

    แม้แต่...มิติที่ไม่มีรูป เขาก็มีสิทธิ์มาทวงคืนได้ ถ้าเราเคยทำเขามาก่อน แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เหมือน...พวกแอบอ้างสวมรอย...ด้วย ยุคนี้ แทบจะเดินชนกัน เพราะ มนุษย์สร้างกรรม...เยอะแยะ ผลก็เยอะตาม..พลังงานดำหรือ..หมอกเวร...ก็มาก โดยเฉพาะ ผลกรรม..ที่เกิดจากการย่ำยี...พระศาสนา ทั้งแบบที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพราะ..ความไม่รู้และไม่เท่าทัน<O:p
    <O:p
    นกยาง..คงไม่ใช่ใคร คนใดคนหนึ่ง เพราะเป็น...ทีมที่อธิษฐานร่วมกันไว้ จนเรียกได้ว่า...เป็น พระมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ ก่อนถึง...ยุคของ พุทธกาลที่ 4 ฉะนั้น ปริศนานี้ จึงเป็นส่วนหนึ่ง ของ พระมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่...นี้เท่านั้น และจิตอันยิ่งใหญ่ของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ท่านก็แบ่งลงมาบำเพ็ญร่วมกันอยู่มากมาย เพื่อจรรโลงโลกนี้ให้คงอยู่ด้วย..สันติภาพและสันติสุข มี...พระสัทธรรม ของพระพุทธเจ้า...ทุก ๆ พระองค์ เป็นเครื่องนำทางให้กับมนุษย์ในยุครันทด/ยุคภัยพิบัติโลก <O:p
    <O:p
    ฉะนั้นวิธีการที่ถูกต้อง...ของ...นกยาง คือ ทำตนให้เป็น...ผู้รู้ถูกต้อง...รู้อย่างแท้จริง...รู้โดยรอบ..มิใช่เพียงบางเสี้ยวบางส่วนค่อนส่วน เพื่อสร้าง.....ปีกที่แข็งแรง พร้อมที่จะโบยบินไปไหน ๆ จะได้เรียนรู้...ให้ทั่วจักรวาล ไม่ยึดติดในตำราและคำบอกเล่าต่าง ๆ แต่เป็นไป...ด้วยผลแห่งการศึกษาปฏิบัติด้วยตนเอง...จนเกิดผลสัมฤทธิ์ พัฒนาจิต..ให้ฉลาดยิ่ง ๆ ขึ้น เป็น ลำดับ ๆ ไป <O:p
    <O:p
    ยิ่ง...จิตฉลาด มากขึ้นเท่าใด อุปมาเหมือน...ปีกนก ที่จะยิ่ง...แข็งแรง มากขึ้นเท่านั้น<O:p
    <O:p
    ดั่งนี้...การโบยบินไปศึกษาหาความรู้จาก...อดีต...และ...อนาคต...ตลอดจนถึง....จักรวาลอื่น ๆ อันไกลโพ้น...ก็ย่อมทำได้...เช่นเดียวกับ...การขจัดกิเลสและอาสวะที่หมักหมมซ่อนเร้นอยู่ ของ...จิตที่ฉลาด...แล้ว<O:p


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/threads/สมเด็จ...กับ-ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม.178195/page-134
     
  17. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392
    ของจริงนะมี แต่ต้องปฏิบัติจริงนะ ถึงจะได้เจอ

    ถ้าบ่นว่ายังไม่เจอ ก็แสดงว่ายังปฏิบัติไม่จริง
     
  18. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    นำมาสะสมไว้ตามจุดมุ่งหมายของกระทู้ครับ

    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1126
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2010
  19. อนุโมทามิ

    อนุโมทามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +592
    ไม่ทราบว่า ข้อความที่คุณวสุธรรม โพสไว้เพื่อเป็นวิทยาทานนั้นเรื่อง "บทกลอนฝากเตือน จากหลวงปู่เทพโลกอุดรแจ้งไว้แก่หลวงปู่ภารตะฤาษี(บัวขาว)"
    กระผมสามารถนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นวิทยาทานได้มั๊ยครับ
     
  20. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ผมก็คัดลอกเขามาอีกทีครับ
    ผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะครับ
    ถ้าใส่อ้างอิง ลองคลิ๊กลิงค์ไปดูที่มาอันแรกๆสิครับ
    แล้วให้เกียรติเจ้าของเขาหน่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...