เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    *** สวัสดีครับท่านนักคอลัมภ์นิสต์ธรรมะจากสื่อออนไลน์

    ผมทราบว่าคุณเข้ามาอ่านมาหาบทความหาเรื่องหลวงพ่อตอบคำถามไปใช้ในงานที่คุณทำอยู่

    การที่คุณเข้ามาในเวบและในกระทู้นี้ลอกข้อมูลหยิบธรรมหลวงพ่อเอาไปลงในเวบในเพจคุณ มันเป็นงานเป็นหน้าที่หาเงินของคุณมีแอดในบทความธรรมที่่สคุณนำไปลง มันเป็นเงินเป็นทอง ถึงแม้ว่าการเผยแพร่ธรรมเป็นเรื่องดี แต่ผมว่าคุณควรหัดให้มีมรรยาทในการให้เครดิตแหล่งข้อมูลที่คุณไปนำธรรมมาลงในเพจคุณดีกว่าครับ เกรงว่าคนอ่านเขาจะทราบว่าเอาจากไหนแล้วตามมาอ่านไม่อ่านคอลัมภ์คุณหรือครับ ? การลอกข้อมูลไปผมไม่ว่าอะไรหรอกครับเป็นการเผยแพร่ธรรมแต่วิธีที่คุณใช้มันเป็นมรรยาทเลวนะครับ


    การเผยแพร่ธรรมเป็นเรื่องดีนะครับ แต่ท่านที่เข้ามาคัดลอกธรรมตามกระทู้ต่างๆในเวบนี้หรือเวบอื่นๆแล้วนำไปลงในเพจในเวบสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ที่ท่านทำงานอยู่เพื่องานในอาชีพของท่าน กรุณามีมารยาทในการให้เครดิตแหล่งที่คุณคัดลอกมาด้วย

    ถ้าไม่คุณก็ไปหาอ่านธรรมในหนังสือหลวงพ่อแล้วคัดลอกพิมพ์ด้วยตัวท่านเองแล้วนำไปลงในสื่อสิ่งพิมพ์ของท่านเอง



    lRFJErGZMSpgn-PD_4ad7QXD4n-XcrXGO2sFltDdjU-xxE9GYWzzmm6gJ_-gMCDP.jpg lRFJErGZMSpgn-PD_4ad7fL3kE2yO0lDd9qgqKW7zz4liWDYZZvZQyksN61q_sSW.jpg lRFJErGZMSpgn-PD_4ad7feaZsdDwOye88AV649Lxk39iWc3bWauEXDTbSPrMQVj.jpg lRFJErGZMSpgn-PD_4ad7WCpB3Ljaj3mabkm2FArjLWUwP-EQJjRue5-ZxnNNksA.jpg lRFJErGZMSpgn-PD_4ad7bBv19XbFBBbFaMEDDsIhb6B0voMlj-hjPn2uqc5Fb7u.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2019
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325

    sombotpokai(m)_Page_003.jpg
    (จากหนังสือสมบัติพ่อให้ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 เดือนมีนาคม 2535 หน้า 1)

    ภาพจาก E-Book เวบวัดท่าซุงhttp://thasungmedia.com/wat/puy/ebook/index.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2017
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325


    หลวงพ่อเทศน์เรื่องอริยสัจเบื้องต้น เป็นเทปวิดีโอที่หลวงพ่อมาสอนกรรมฐานที่บ้านซอยสายลมเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2527




    หลวงพ่อตอบปัญหา
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    หลวงพ่อเล่าเรื่องยิงกับนักเลง

    IMG_20170524_133005.jpg IMG_20170524_133024.jpg IMG_20170524_133127.jpg

    (จากธัมมวิโมกข์ กันยายน 2558 หน้า 94-96)
     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    1a.jpg 2a.jpg

    ขอให้เตี่ยแบ่งสมบัติให้
    00.jpg
    000.jpg
    อธิษฐานช่วยเรื่องสอบพิมพ์ดีด

    0000.jpg
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    IMG_20170615_172126.jpg IMG_20170615_172220.jpg IMG_20170615_172303.jpg
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325


    คลิปวิดีโอด้านบนนี้เป็นฉบับเต็มพิธีทั้งพิธีพุทธาภิเษกและงานพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร

    พิธีพุทธาภิเษกในคลิปนี้เป็นพิธีพุทธาภิเษกพระคำข้าวรุ่นพิเศษ(งวดแรก)เหรียญใบโพธิ์, มีดหมอชาตรีทั้ง 3 แบบและวัตถุมงคลอื่นๆ พิธีครั้งนี้จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2535 เวลาประมาณ 18.00 น. ณ พระอุโบสถ วัดท่าซุง

    วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ 5 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2535 เป็นงานพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นครั้งที่ 18 จัดขึ้นในศาลา 12 ไร่(หรือมหาวิหาร 100 ปีเกิดหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ในปัจจุบัน)


    (ท่านใดที่ก๊อปปี้คลิปวิดีโอชุดนี้เพื่อนำไปโหลดลงยูทูปซ้ำอีกครั้งขอให้ช่วยอ้างอิงถึงลิขสิทธิ์วิดีโอชุดนี้ว่าเป็นของวัดท่าซุงด้วยนะครับ)
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    IMG_20170615_172421.jpg IMG_20170615_172623.jpg
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    IMG_20170615_171804.jpg IMG_20170615_171831.jpg IMG_20170615_171854.jpg IMG_20170615_171927.jpg IMG_20170615_171955.jpg
    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 440 - 444)
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    ภาณยักษ์ภาณพระ, เผากระดาษเงินทองให้เตี่ย

    IMG_20170616_145821.jpg IMG_20170616_145847.jpg

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 485-486)

    ภาณยักษ์ ภาณพระ

    สมัยพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ขณะที่พระไปเจริญกรรมฐานบ้าง ชาวบ้านไปเจริญสมณธรรมกรรมฐานบ้างตามป่าช้าป่าชัฏบ้านร้างที่ว่าง พวกอันธพาลเกเรมันมีไปล้อเขาบ้าง ไปหลอกเขาบ้าง มันสนุกน่ะ

    ทีนี้ 4 ท่าน (ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4) ก็มาพิจารณา ท่านเป็นพระอริยะก็เลยคิดว่า ถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้คำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีผลน้อย คนที่พอจะดีได้ก็ดีได้ยาก ท่านก็เลยพูดสวดมนต์บทนี้ขึ้น พอแต่งบทมนต์บทนี้เสร็จท่านก็เรียกประชุมเทวดาทั้งหมดมาประชุม เทวดาทั้งหมดมาแล้วก็ประกาศว่า ถ้าบุคคลผู้ใดเขาเจริญมนต์บทนี้อยู่ หมายถึงสวดมนต์บทนี้ไม่ต้องมานั่งสวดกันหลายวัน สวดครั้งเดียวแต่หลายวัน พวกเธอทั้งหลายไปกลั่นแกล้งก็ดี ไปทำร้ายก็ดี ไปนั่งใกล้ให้เขาตกใจก็ดี จะมีโทษฐานกบฏนะอย่างนี้เขาเรียก "ภาณยักษ์"

    ยักข์นี่เขาก็แปลว่า เทวดา ยักขะ นี่เขาแปลว่า เทวดา ยักขะ คือเป็นบุคคลที่ควรบูชา ยักษ์นี่แปลได้ 2 อย่าง แปลว่า เทวดาก็ได้ แปลว่าบุคคลควรบูชาก็ได้ ไม่ใช่ยักษ์ทศกรรฐ์นะ แต่มันก็ไม่ร้ายแรงมาก

    แล้วต่อมาเมื่อท่านประชุมเสร็จท่านก็ไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เรียกพระมาประชุมเพราะว่าท้าวมหาราชเขาว่าอย่างนี้นะ จะมีผลเป็นอย่างนี้ อันนี้เขาเรียก "ภาณพระ" ภาณ แปลว่า พูด พระพูด ยักษ์พูด

    การทำโทษในทางพระวินัยมี 2 อย่าง โทษทางโลกติเตียนโดยไม่ผิดธรรมมีอยู่ แล้วก็โทษทางธรรม แต่ว่าบางทีชาวบ้านไม่ติ โทษทางธรรมผิดทางธรรมะ แตว่าชาวบ้านไม่ติ ชาวบ้านชอบแต่ว่าพระลงนรกก็ต้องเว้นทั้ง 2 ฝ่าย คือว่า

    1. ไม่ผิดธรรมะ ชาวบ้านเกลียดขืนทำไปอดข้าว
    2. ชาวบ้านชอบ แต่ผิดธรรมะขืนทำไปลงนรก

    ก็ไม่ดีทั้ง 2 ฝ่าย


    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 485)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2020
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    IMG_20170616_151035.jpg IMG_20170616_151136.jpg IMG_20170616_151301.jpg IMG_20170616_151541.jpg
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    วิตก วิจาร เป็นอย่างไร

    IMG_20170616_150055.jpg IMG_20170616_150114.jpg

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 495-496)

    วิตก วิจาร เป็นอย่างไร

    ลูกศิษย์ : อยากจะให้หลวงพ่ออธิบายคำว่า วิตก วิจารเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : วิตกวิจารก็แปลว่า จานตก แตกเลย (หัวเราะ)

    คำว่าวิตก เขาแปลว่า ตรึก โยม วิจารเขาก็แปลว่า ตรอง

    ถ้าเราคิดถึง ถ้าเราคิดถึงพานลูกนี้อย่างนี้เขาเรียกว่า วิตก อยากจะรู้ไอ้พานลูกนี้มันทำด้วยอะไร อย่างนี้เขาเรียก วิจาร เท่านี้เองนะ

    แล้วถ้าวิตก วิจารในกรรมฐาน ไอ้นี่นักปฏิบัติกรรมฐานเจ๊งมาหลายรายการ ไอ้คนที่เจ๊งรวมทั้งอาตมาด้วย ถ้าเราไม่เจ๊งเอง เราจะรู้ได้อย่างไรใช้ไหม คือไอ้คำว่าเจ๊งนี่หมายความว่า
    ถ้าเจริญพระกรรมฐาน ฌานน่ะมันมีอยู่ 4 ฌาน ฌานที่ 1 เรียกว่าปฐมฌาน ฌานที่ 2 เรียกว่า ทุติยฌาน ณานที่ 3 ตติยฌาน ฌานที่ 4 เรียกว่า จตุตถฌาน

    สำหรับฌานที่ 1 ท่านบอกว่า มีองค์ 5 คือมี วิตก วิจาร ปีติ สุข และ เอกัคตา หมายความว่า คนที่เจริญกรรมฐานฌานที่ 1 ต้องมี วิตก คือ อารมณ์นึกด้วย วิจาร มีการใคร่ครวญไปในตัวเสร็จ ปีติ มีความอิ่มใจ สุข เมื่อปีติถึงที่สุด อารมณ์มันก็เป็นสุข เป็นสุขตัวนี้มันเป็น นิรามิสสุข สุขนี่สุขจริงๆ เราหาที่เปรียบไม่ได้ และ เอกัคตา ก็มีอารมณ์ทรงเฉพาะอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง จิตไม่วอกแว่ก

    ที่นี้พอมาถึงณานที่ 2 ท่านบอกว่าตัด วิตก วิจารหมด ทิ้งไป เหลือแต่ ปิติ สุข และเอกัคตา มาตอนนี้นักเจริญกรรมฐานมาตั้งแต่สุกขวิปัสสโก เจ๊งเอาตรงนี้ ที่ว่าเจ๊งก็เพราะว่าในขณะใดที่จิตเราเป็นสมาธิ ตั้งแต่ขณิกสมาธิก็ดี ขณิกสมาธินี่เขาแปลว่า สมาธิอันเล็กน้อย อุปจารสมาธิแปลว่า สมาธิใกล้ฌาน คือว่าจิตเข้าถึงปฐมฌาน ต้องมีอารมณ์ 5 ทรงตัว แต่ว่าอารมณ์ 5 นี่ เราไม่ต้องคำนึงถึง คำนึงแต่วิตก วิจาร ก็หมายความว่า ตั้งแต่สมาธิอันเล็กน้อยถึงปฐมฌานยังมีคำภาวนาอยู่ ไอ้วิตก วิจารในการเจริญกรรมฐานนี่ หมายความว่า เราจะภาวนา วิจาร เรารู้ตัวว่าคำภาวนานี่ถูกหรือผิด อันนี้มันตัววิจาร นี่ปฐมฌานยังทรงอยู่

    พอเข้าถึงฌานที่ 2 จิตละเอียดมากขึ้น ตัววิตก วิจารมันหายไปเอง มันจะหยุดภาวนาไปเฉยๆ จิตสบาย มีความเอิบอิ่มปีติ เป็นที่ตั้ง แล้วมีสุขก็มีจิตทรงตัว ตอนนี้แหละที่บอกว่า
    นักเจริญกรรมฐานเจ๊ง พอจิตไม่ภาวนาอย่างเดียว พอรู้ตัวมานิดเดียวก็ตายลืมภาวนาซะแล้ว ใช่ไหม ไม่รู้เราหลับไปหรือลืมภาวนา แค่ภาวนาว่าพุทโธ ก็จับต้นชนปลายไม่ถูก อันนี้ที่ว่าเจ๊ง เจ๊งเพราะตัวนี้นะ คือความจริงเขาคิดว่าตัวเลว แต่ความจริงมันดี ความรู้สึกเราคิดว่าตอนนั้นเราลืมภาวนาไป คิดว่าเรานั่งหลับ แต่ความจริง ถ้าหลับมันก็ล้ม ถ้าหากเราลืมภาวนา มันลืมไม่ได้ เพราะจิตทรงตัว

    แต่พอถึงฌานที่ 2 ทีนี้คำภาวนาไม่มี แต่ว่าเราอย่าไปรีบหยุดซะเองนะ ให้มัน
    หยุดของมันเองนะ พอถึงฌานที่ 2 เป็นที่สังเกตคือ

    1. คำภาวนาหยุดไป

    และประการที่ 2 ลมหายใจเบาลง

    และประการที่ 3 จิตใจมีความเอิบอิ่ม มันเป็นอย่างหนึ่ง รู้สึกชุ่มชื่นมาก

    ทีนี้คำว่า วิตก วิจาร โยมถามเมื่อกี้นี้ ก็หมายความว่า ขณะใดที่เรานึกถึงว่าจะภาวนา ตัวนั้นเป็นวิตก และขณะใดที่เราภาวนาอยู่ เรารู้ว่าภาวนาถูกหรือผิดมันชินอยู่ อันนี้เป็นวิจารใช่ไหม อันนี้ไม่ยากหรอกโยม


    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 495-496)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2019
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    พระแก้วมรกตกับพระพุทธชินราชควรตั้งยังไงดี, เขาว่าไม่ควรตั้งพระพุทธรูปในห้องนอน

    IMG_20170616_150321.jpg IMG_20170616_150348.jpg

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 502-503)


    จะตั้งพระพุทธรูปยังไงดี

    ลูกศิษย์ : การตั้งพระพุทธรูปนี่ค่ะ มีหลักการว่าจะตั้งอย่างไร

    หลวงพ่อ : เดี๋ยว ตั้งอะไร

    ลูกศิษย์ : ตั้งพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชานี่ค่ะ

    หลวงพ่อ : อ๋อ

    ลูกศิษย์ : มีหลักการไหมคะว่า พระจะตั้งตรงไหน จะตั้งเหนือ ตั้งต่ำ

    หลวงพ่อ : มีๆ การตั้งมันต้องมีพิธี

    ลูกศิษย์ : โดยเฉพาะ พระพุทธชินราช นี่ค่ะ

    หลวงพ่อ : พระอะไรก็ได้ ถ้าตั้งไม่ถูกนะ มันจะไม่ผลเด็ดขาด คือว่าพระที่จะตั้งนี่ต้องมีพื้น (หัวเราะ) ถ้าไม่มีพื้นจะไปตั้งอย่างไร (หัวเราะ)

    เอ้า จริงๆนะ คือว่าถ้าจะตั้งพระบูชานะก็มีว่า อย่าตั้งไปทางทิศใต้หรือตะวันตก ไอ้ผลนี่สตางค์เก็บไม่อยู่ ตรงนี้ไม่มีตำรา มีประสบการณ์ ประสบการณ์นี่ก็มีสมัย หลวงพ่อปานท่านยังอยู่ ถ้าลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดมากหน่อยท่านก็จะแนะนำได้พอท่านเห็นตั้งพระพุทธรูปไปทางทิศใต้ก็ดีทิศตะวันตกก็ดี ท่านก็จะบอกให้หันไปทางทิศตะวันออก

    ครั้นมาสมัยลูกศิษย์ฉันคนหนึ่ง เป็นนายทหารอากาศ ตามปกติแกก็เป็นคนไม่กินหล้าเมายา บุหรี่ก็ไม่สูบ แกเก็บเงินได้ดีมาก พอต่อมาเขาปลูกบ้านใหม่ ฉันก็เข้าไปดู ก็จัดพระหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก็ต่อมาอีก 2 ปี ฉันไปเยี่ยมแก แกเปลี่ยนห้องพระใหม่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ฉันเลยถามว่า นี่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกกี่เดือนแล้ว แกบอก 3 เดือน บอก 3 เดือนนี่ตังค์ไม่เหลือเลยใช่ไหม แกบอกใช่ ฉันบอกนี่หันหน้าพระไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ไม่ได้ เลยหันไปถามเมีย บอกเฮ้ยจริงๆ โว้ย 3 เดือนบ้านมึงกินกันไม่เหลือจริงๆ โว้ย

    ลูกศิษย์ : แล้วไม่มีหลักว่าพระองค์ไหนจะต้องอยู่สูงหรือต่ำกว่าองค์ไหน อย่างมี คนเขาบอกว่า พระแก้ว นี่กับ พระพุทรชินราช นี่ตั้งในระดับเดียวกันไม่ได้

    หลวงพ่อ : เอ้า เอาอย่างนี้ก็ได้ พระแก้ว นี่ต้องตั้งสูงกว่า พระพุทธชินราช เพราะว่าพระพุทธชินราช ท่านลงมาปั๊บบัง พระแก้ว เลย (หัวเราะ)

    โธ่เอ้ย ก็พระพุทธรูปเหมือนกัน ทำตามความเหมาะสมดีกว่า ท่านก็พระพุทธเจ้าเหมือนกันองค์เดียวกัน อย่างรูปคุณพ่อหนูน่ะ ถ่ายออกมา 5 แบบ แบบหนึ่งนั่ง แบบหนึ่งนอน แบบหนึ่งเดิน แบบหนึ่งยืนแบบหนึ่ง เอ่อ กำลังจะทำท่าวิ่ง ไอ้รูปไหนมันควรจะอยู่สูงหรือต่ำ ก็แล้วแต่เราซินะ อย่างไรก็คือรูปของพ่อเรา อย่างไรรูปมันก็คงไม่ตีกันหรอก (หัวเราะ) เดี๋ยวรูปที่บอก เอ๊ยมึงไม่เคยอยู่สูงนี่หว่า รูปมันมาตีกันละยุ่งเลยนะ

    ลูกศิษย์ : และบางคนก็บอกว่าไม่ควรตั้งพระพุทธรูปในห้องนอน

    หลวงพ่อ : ฉันว่าควรอย่างยิ่ง เราจะได้มองเห็น ตาเรามองเห็นแล้วกัน ถ้าพระพุทธรูปนี่ ถ้าเรามองเห็นนี่เป็นบุญ จิตมันจะชินในการเห็นภาพ การเห็นภาพพระจิตเป็นกุศลใช่ไหม

    ถ้าหากว่าห้องมันแคบเกินไปตั้งแล้วเรานอนไม่ได้อย่างนี้อย่าตั้ง เขาถือตำรา ไม่ทราบเขาถือตำราอะไร

    ถ้าเราเห็นภาพพระอยู่ จิตเราเลื่อมใสใช่ไหม มันเป็นมงคลอย่างหนึ่ง ถ้าเห็นภาพพระพุทธรูปเข้า เรานึกถึงพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน เรานึกภาพเห็นภาพธรรมดา คือติดตาติดใจ ถ้าเวลาเราจะตาย นึกถึงภาพนั้นขึ้นมาเราก็ไปสวรรค์ ดีนะ

    ถ้าหากเรามีพระอย่างพระสุโขทัย หรือ พระอู่ทอง นี่ ถ้าเราตั้งนอกห้องขโมยมันลักไปจะทำอย่างไร นี่ท่านไม่ห้ามนี่ ตามพุทธศาสนาไม่ห้าม

    ที่ท่านห้ามคือพิธีกรรม นี่เราคิดกันเอง ที่เขาทำนี่คิดกันเอง ฉันว่าอย่างนี้ดีอย่างนั้น อย่างนั้นดีอย่างนี้

    การบูชาพระเป็นอุดมมงคล "ปูชา จ ปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง" การบูชาบุคคลที่ควรบูชา จัดว่าเป็นอุดมมงคลนะ

    ที่เราเห็นพระพุทธเจ้าอยู่เป็นปกตินี่ จิตเราอยู่ที่พระพุทธเจ้านี่เกิดเป็นอุดมมงคล คนนึกถึงพระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายอย่างเลวที่สุดไปดาวดึงส์

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 502-503)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2019
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    วางพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางไหน, ห้อยพระกี่องค์, ฆ่าสัตว์เอาไปทำบุญบาปไหม

    IMG_20170616_150627.jpg IMG_20170616_150706.jpg IMG_20170616_150845.jpg IMG_20170616_150912.jpg IMG_20170616_150955.jpg

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 508-512)

    ควรหันหน้าพระพุทธรูปทางทิศตะวันออก


    ลูกศิษย์ : เวลาที่เราจะตั้งนี่ เห็นบอกว่า ต้องตั้งให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
    อันนี้ไม่ทราบว่าอย่างไรคะ

    หลวงพ่อ : ฟังนะโยม เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

    ถ้าหันหน้าไปทางทิศใต้หรือทิศตะวันตก ตำราไม่มี แต่ประสบการณ์มี ก็มีลูกศิษย์ฉันหลายคน อ๋อ คนเดียว นายทหารอากาศ ฉันเคยไปบอกให้หันหน้าพระพุทธรูปไปทางทิศตะวันออก ต่อมา 3 ปีแกเปลี่ยนไปทางทิศใต้ ถามว่าพระพุทธรูปนี่หันหน้าไปทางทิศใต้กี่เดือนแล้ว แกบอก 3 เดือน ตั้งแต่ 3 เดือนนี่สตางค์เหลือไหม แกบอกจริงๆ นะ 3 เดือนนี่ไม่เหลือจริงๆ นะ เขาถามว่าทำไม นี่หลวงพ่อปานท่านเคยบอกไว้ ท่านเคยสังเกตุ

    ลูกศิษย์ : ที่บ้านในห้องมันแคบน่ะค่ะ


    หลวงพ่อ : ก็ย้ายไปห้องอื่นซะสิ บอกหลวงพ่อห้องนี้มันคับแคบ อยากไปอยู่ห้อง
    อื่นนะ (หัวเราะ) อย่าไปขังท่านไว้ห้องเดียว แหม (หัวเราะ) ตั้งหิ้งแทนสิดีกว่าตั้งโต๊ะ ทำหิ้งราคาถูกกว่าโต๊ะอีกใช่ไหม เวลานี้มีขายมากตอกตะปูแปะเข้าไปทางทิศตะวันออก จ้างฉันไหมล่ะจะทำให้ จ้างฉัน 3 แสนมัดจำนะยังไม่ได้ทำ (หัวเราะ) ความจำเฉยๆ จำว่าจะไปติดที่บ้าน (หัวเราะ) ยังไม่ไป อันนี้ก็มีความหมายเหมือนกันนะ ก็ปรากฎในตำรามี

    ลูกศิษย์ : แล้วถ้าเผื่อหันไปทางทิศเหนือล่ะคะ

    หลวงพ่อ : ท่านก็ต้องพูดกับสามี (หัวเราะ) ค่อยไปค่อยมา (หัวเราะ) เออ เขา
    ไม่ห้าม แต่ที่ประสบมาก็แค่ทิศใต้กับตะวันตก ทิศใต้กับตะวันตกนี่เอาจริงๆนะ
    แต่ถ้าทิศหนือเขาไม่เอาไม่เป็นไร

    ลูกศิษย์ : แต่ดีที่สุดต้องทิศตะวันออก

    หลวงพ่อ : ความจริงอยู่ พระพุทธเจ้าท่านหันไปทางนั้น ฉันเองไม่เคยเอาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ต้องตั้งทิศเหนือ มีคืนหนึ่งตั้งทิศเหนือ ท่านมาเตือน บอก ทำไมท่านมาเอง นี่พูดกันแบบพระปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนะ

    นี่ท่านมาเอง บอกอันนี้ไม่ถูก ควรจะเป็นทิศตะวันออก ท่านบอกว่าควร

    แล้วมีพระองค์หนึ่ง ฉันก็ซื้อพระมาใหม่ๆเลย ฉันก็ตั้ง ก็อย่างว่า ทิศทางมันไม่เหมาะที่จะมาตั้งทางทิศตะวันออกใช้ใหมก็ตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ปรากฎว่าพอเช้ามาพระหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เอ๊ะ ฉันก็ว่าใครมาหันหน้าพระวะ มันจะหันไปได้อย่างไรเราก็ทำอีกล่ะ คราวที่แล้วไม่เอา แต่คราวนี้ใส่กุญแจตลอดตอนนอนอยู่ พอออกมาเราก็ใส่กุญแจ จะเข้าออกได้แต่ละที ถ้าคนอื่นจะเข้าออกเราต้องรู้ เข้าไปท่านก็หันหน้าไปทางตะวันออก

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 508-509)

    ห้อยพระคู่ไม่ดี


    ลูกศิษย์ : หลวงพ่อคะ เกี่ยวกับห้อยพระนี่บอก 2 องค์ไม่ดีต้อง 3 องค์ถึงจะดี จริงไหมคะหลวงพ่อ

    หลวงพ่อ : (หัวเราะ) อ๋อ

    ลูกศิษย์ : บอกว่าต้องเป็นคี่เป็นอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ

    หลวงพ่อ : มี 2 ต้องห้าม มี 3 ดีแล (หัวเราะ) มีคี่ก็เปลืองน่ะสิ (หัวเราะ) ใครเขาบอก

    ลูกศิษย์ : ลูกๆ 2 คนเขาทักมา ว่าห้อยพระ 2 องค์ ต้อง 3 องค์ถึงจะดี


    หลวงพ่อ : อ๋อ ดี ฉันอยากได้พระเนื้อทองคำประดับเพชรเลย (หัวเราะ) เขาไม่ ได้ห้ามหรอกหนู พระกี่องค์ก็ได้ จิตเรามีความเคารพ เรื่องนี้พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยบอกไว้ ถ้าถามเรื่องนอกพระพุทธเจ้าฉันก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ฉันไม่ทราบนี่ (หัวเราะ) ไอ้เรื่องเหนือไปจากนั้นฉันไม่ตอบ เพราะฉันไม่กลัารู้มากกว่าพระพุทธเจ้า ไม่งั้นต้องไปอยู่กับพระเทวทัต

    อันนี้เป็นความจริงนะ นี่เขาถือกันส่งเดชไปเอง ไม่มีเหตุผล ไม่มีผล อย่าลืมว่าพระนี่เป็นมงคล "ปูชา จ ปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง" การบูชาบุคคลที่ควรบูชาก็เป็นมงคลอย่งหนึ่ง

    เราห้อยพระด้วยความเคารพใช่ไหมก็เป็นมงคล พระที่เราห้อยคออยู่นี่ ถ้าเรานึกถึงอยู่เสมอ บางทีเรานึกถึงเพราะความกลัว คิดว่าพระนี่ป้องกันอันตรายได้ แต่พระนี่จริงๆ ที่ฉันทำทุกองค์นี่ยิงไม่ออกฟันไม่เข้าเลยก็ไม่มีอันตราย เวลาเขายิงกันเราก็ไม่ออกไป (หัวเราะ) เขาฟันกันเราก็ไม่เข้าไป รับรองไม่มีอันตราย (หัวเราะ) จำไว้นะ อย่าออกไปเวลาเขายิงกัน เวลาเขาฟัน เขาตีกัน เราก็ไม่เข้าไป ก็ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า

    นี่ก็หมายความว่า พระที่บางคนเขากลัวตาย คิดว่าพระนี่ป้องกันอันตรายได้ เช้าก็นึกถึงพระ ที่เขาเรียกปลุกพระกัน จิตมันอาราธนา เย็นก็ปลุกพระอาราธนาเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราตายไปเมื่อไหร่ ถ้าจิตมันจะอยู่กับพระ เราก็ไปสวรรค์ทันทีก็ดี

    พระเป็นมงคล เขาจะห้อยกี่องค์ก็ช่างเขา เราพอใจอย่างไรเราก็ห้อยไป ก็ของของฉันนี่ไม่ใช่ของของใคร (หัวเราะ) พระที่ร้านเจ๊กขนาด 50 นิ้วก็มี มันยังห้อยกันเลย (หัวเราะ) ถ้าห้อยขนาดนั้นได้นะ ปืนยิงมาจริงๆนี่ ตายยาก (หัวเราะ) เพราะอาจารย์ผลักกระเด็นเป๊ง (หัวเราะ)


    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8 หน้า 509-510)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2020
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    พระราหูท่านเป็นเทวดาพระอริยเจ้าระดับสกิทาคามี

    Rahu_3-vert.jpg
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    ท้าวมหานาคาในจังหวัดชัยนาท

    IMG_20170623_160752.jpg IMG_20170623_160858.jpg IMG_20170623_160944.jpg IMG_20170623_161018.jpg IMG_20170623_161044.jpg IMG_20170623_161253.jpg IMG_20170623_161318.jpg IMG_20170623_161342.jpg IMG_20170623_161419.jpg
    (จากหนังสืออ่านเล่น เล่ม 5 หน้า 51-59)

    หมายเหตุ : อาจารย์ชื้นที่หลวงพ่อกล่าวถึงคือหลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (วัดเขาพลอง) ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2017
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    พระที่อยู่ปริวาสกรรมไม่ได้เป็นอาบัติทุกองค์ บางองค์อยู่เพื่อพักจิตเพื่อความสะอาดยิ่งขึ้นของจิต

    IMG_20170623_161551.jpg IMG_20170623_161621.jpg IMG_20170623_161701.jpg
    (จากธัมมวิโมกข์เดือนกรกฏาคม 2532 หน้า 50-51)

    พระอยู่ปริวาสกรรม

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขาในระยะปี 2 ปีนี้ลูกเห็นพระท่านอยู่ปริวาสกรรมหลายวัด หลายครั้ง แสดงว่าศีลของท่านไม่เหนียวแน่นกระมังคะ จึงสงสัยว่าหลวงพ่อมีกรรมวิธีรักษาอย่างไรหลวงพ่อจึงรักษาศีลได้หนียวแน่น ไม่ขาดสิกขาบทเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : เดี่ยวก่อน พระที่อยู่ปริวาสกรรมศีลเขาไม่ได้ขาดหรอกนะ ศีลขาดอยู่ปริวาสไม่ได้ คืออยู่ปริวาสกรรมเขาป้องกันสังฆาทิเสส

    บางทีบางองค์เขาไม่ได้เป็น แต่อยู่เพื่อความสะอาด สะอาดอยู่แล้วก็ต้องการสะอาดยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าเป็นอาบัติทุกองค์ และสังฆาทิเสสไม่ใช่ศีลขาด เป็นแค่ศีลมัวหมอง ยังไม่ถึงขั้นนะ ก็มีเยอะที่อยู่กันแล้วไม่ได้เป็นอาบัติสังฆาทิเสส

    ฉันก็เคยอยู่กับเขาเพราะอะไรรู้ไหม กับข้าวดี ตามปกติโยมไม่ค่อยถวายหรอก พออยู่ปริวาสกรรม โอ มากันใหญ่มีหมู มีไข่ มีพุง เลยล่อเข้ามาทุกเที่ยว

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา หนูอยู่ใกล้ๆวัดที่เขาจัดปริวาสกรรมเป็นประจำ คุณพ่อกับคุณแม่เขาเถียงกัน ไม่เคยจะลดลาวาศอก พ่อบอกว่าพระที่อยู่ปริวาสเป็นพระมีอาบัติทำบุญแล้วไม่เกิดบุญ คุณแม่บอกว่าพระอยู่ปริวาสดี เอากิเลสออก ทำแล้วจะได้บุญ พ่อแม่เถียงกันเป็นประจำ ลูกก็เลยบอกว่า วันนี้หยุดเถียงก่อน จะไปถามหลวงพ่อแล้วจะเล่าให้ฟังว่าพ่อหรือแม่ใครจะถูกกันแน่

    หลวงพ่อ : (หัวเราะ) ฉันสงสัยว่าจะถูกด่านะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พูดตรงไปตรงมานะ ความจริงถ้าพระเป็นอาบัติ ก็เป็นอาบัติสังฆาทิเสส ยังเป็นพระอยู่ ก็มีความมัวหมองนิดหน่อย ก็เป็นเรื่องธรรมดาของพระ ใช่ไหม ทำบุญยังได้บุญ

    ทีนี้เวลาพระอยู่ปริวาสกรรม ไม่ใช่พระจะเป็นอาบัติทุกองค์ เพราะว่าบางองค์ที่เป็นอาจารย์ไม่ได้เป็นอาบัติ อาจารย์ที่ควบคุมน่ะ เป็นพระที่บริสุทธิ์เขามีอยู่ ฉะนั้นทำบุญกับพระประเภทนั้นเป็นสังฆทานตรง มีอานิสงส์มาก

    ผู้ถาม : อื้อ เป็นบุญนะ

    หลวงพ่อ : ใช่ๆ แต่ตอนมาเถียงกันไม่ใช่บุญนะ บาป ใจเศร้าหมอง

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 101 เดือนกรกฏาคม 2532 หน้า 50-51)


    เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ


    หลวงพ่อคะ ใบคาถาเงินล้านที่มี "เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ" หมายความว่าอย่างไรคะ ?

    นั่นพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านบอกใหม่ท่านมาคืนแรกท่านบอก "เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ"
    แล้วเขียนเป็นตัวหนังสือ หนังสือสมัยท่านนะ

    ถามว่า ดียังไง ท่านบอก ว่าเย็นว่าเช้าเถอะดี ท่านว่าอย่างนั้นนะ

    แล้วก็ได้ยินแต่เสียงกับตัวหนังสือ รุ่งขึ้นอีกคืนจึงถาม ที่บอกเมื่อคืนนี้คือใคร ท่านปรากฎองค์ บอกฉันคือพระปัจเจกพุทธเจ้า และคาถานี่ต้องไม่แปลนะ แปลก็แปลไม่ออก คาถานี่เขาไม่แปลกัน

    "เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ" นี่แสดงว่าเป็นหัวใจ บทจริงๆต้องยาวกว่านี้ เข้ามาในหัวใจเลยท่านบอกว่าดี ก็หมดเรื่องกันไป ท่านบอกแค่นั้นก็ไม่ซักเพราะซักไม่ได้ ถ้าท่านบอกมากกว่านั้นท่านบอกเอง นี่ท่านไม่บอก

    "เวลาลูกว่าคาถาเงินล้าน ลูกก็ว่าตามนั้นไป"

    ดีๆๆว่าคาถาเงินล้าน ก็ว่าต่อไปเลยก็ได้ ขึ้นต้นก็ได้ คาถาเงินล้านนี่จริงๆ ท่านมาบอกหลายปีนะ คาถาวิระทะโยนี่ หลวงพ่อปานท่านบอกมาก่อนใช่ไหม แล้วต่อมามาที่วัดนี้ ที่วัดนี้สภาพเก่ามันไม่เป็นวัดแล้ว มีกุฏิที่อยู่ได้ก็เจ้าอาวาสหลังเดียว ก็บวงสรวงท่านก็มาบอกคาถาบทหนึ่ง บทต้น คู่ต้นนะ ต่อมาอีกปีหนึ่งบอกคาถาเงินแสน พอบอกคู่ต้น ก็ได้เงินเป็นหมื่น กฐินเวลานั้นได้เงินเป็นหมื่นก็มากแล้ว มาอีกปีท่านบอกคาถาเงินแสนนะ พอถึงกฐินได้เงินเป็นแสนจริงๆ เราต้องภาวนาไว้เรื่อยๆนะ

    ปีนั้นบังเอิญไปฉันที่วัดแก่นเหล็ก มีเจ้าอาวาสสักสิบองค์ อีกองค์หนึ่งท่านถามว่าท่านมหา ปีนี้ได้เท่าไร ที่วัดเขาได้วัดละหมื่นๆทั้งนั้น เลยบอกท่านได้สองแสนห้าครับ แล้วต่อมาอีกปีท่านบอกนี่คาถาเงินล้านนะ จวนจะเข้าถึงวิระทะโย คาถาเงินล้าน ไม่ได้บอกคราวเดียว แต่ว่าเมื่อก่อนห้ามบอกคนอื่น

    แล้วต่อมาเห็นท่าทางสถานการณ์มันเครียด เลยขออนุญาตท่าน ว่าให้ลูกหลานได้ไหม ท่านย่าก็ช่วย ย่าช่วยท่านก็อนุมัติ ท่านบอกว่าสุดแล้วแต่คนนะ คนที่รับไปมันไม่เท่ากัน ใช่ไหม กำลังใจไม่เท่ากัน มาระยะแรกจริงๆ ก็ออกไปไม่กี่วัน ก็มีคนมาขอเรียนที่นี่ มาจากที่ไหนล่ะ จังหวัดเลย บอกคุณไม่ต้องเรียนหรอก เขาแจกอยู่แล้ว คุณไปทำเป็นสมาธิด้วยนะ ตอนเช้าก็ว่าเรื่อย ๆ ตอนว่างก็ว่าเรื่อย ๆ อีกสักเดือนแกโทรศัพท์มาบอกได้ผลมหาศาลครับ เวลานี้ผมกับเมียไม่ต้องว่างแล้ว (หัวเราะ) ก็มีหลายรายเขาได้ผลนะ เขาต้องจริงจัง คือถ้าเราจริง ท่านก็จริงกับเราด้วย เราไม่จริง อย่างเทวดานี่เราแกล้งทำเป็นเคารพแต่ใจนึกไม่เคารพนี่ท่านรู้นะ เทวดาไม่ได้ดูมือ ท่านดูจิตเราจิตเคลื่อนไหวท่านทราบ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 122 เมษายน 2534 หน้า 16-17)


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2020
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    IMG_20170702_152551.jpg

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 7 หน้า 1)

    IMG_20170702_152635_BURST006.jpg
    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 7 หน้า 25)

    IMG_20170702_152800.jpg

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 7 หน้า 13)
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    58
    ค่าพลัง:
    +225,325
    โป๊ยเซียนท่านเป็นใครมาลองอ่านหลวงพ่อเล่าให้ฟังกันครับ
    2607021234311696316.jpg
    IMG_20170702_151643.jpg IMG_20170702_151805.jpg IMG_20170702_151905.jpg IMG_20170702_151643.jpg

    เรื่อง ยิงนก


    ไอ้เรื่องยิงนกนี่นะ คือไปอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่งของ ท.เลียงพิบูลย์ ไอ้คนเป็นพรานยิงนก ยิงเข้าไปก็มีความสุข ได้มาก็มาทำอาหารกินกันสุข อีกวันหนึ่งก็เกิดไปยิงนกเขา มันจับคู่กันอยู่ข้างบนยอด ยิงเปรี้ยงอีกตัวหนึ่งหล่นเลย หล่นมา อีกตัวหนึ่งเห็นอีกตัว
    หล่นลงมาแล้วนี่ นกเขามันคู่กันอยู่ อีกตัวบินขึ้นจัด ขึ้นบนแล้วดิ่งเลย พุ่งลง ยอมตายด้วยกัน ตั้งแต่นั้นคนนี้เลิกยิงสัตว์ คนนี้นี่เลิกเลยนะ

    สองสามวันนี้อ่านหนังสืออยู่ ทีนี้พระท่านยังมีชีวิตอยู่ที่เชียงรายหรือไง เป็นพระที่ดีเด่น ที่ได้เหรียญอะไรจากพระเจ้าอยู่หัว เป็นบุคคลดีเด่น ท่านบอกว่าท่านสมัยก่อน พ่อแม่ยากจน พ่อแม่ก็ไปล่าสัตว์ พ่อไปล่าสัตว์ท่านก็ไปด้วย เป็นเด็กๆก็ไปยิงค่างยิงลิงหรือค่างนี่ ถ้าจะเอาค่างนี่มันต้องยิงแม่ ถึงจะได้ลูก พอยิงปัง ถูกแม่ ลูกกอดแม่ร่วงลงมาเลย ร่วงมาไอ้พรานก็เข้าไปทุบหัวเป้ง จะเอาลูก ลูกมันก็กลิ้งเกลือกเลือดที่ยิงแม่ กลิ้งไปกลิ้งมา ก็จับลูกค่างนี่เอามาใส่กรงไว้

    พอใส่กรงแล้วมันก็เหงาอย่างกับจะตายอย่างนี้ มันเหงา ไปไหนไม่ได้แล้ว ไอ้เจ้าของที่ยิงมาก็เอ๊ะ มันคงจะตายแล้ว ลองเอาออกมาชิ มันเหงาเหลือเกิน ก็ปล่อยออกมาจากกรง ก็ไปกอดหนังค่างเม่ของมันน่ะ ที่มันแล่เอาไปทำอาหารแล้วนี่ เอาหนังตากแดดไว้ ไอ้ค่างนี่ก็ออกมากอดหนังของแม่มันได้กลิ่นแม่มัน ก็เอาหัวเสือกไปเสือกมาอยู่อย่างนี้ ไอ้ลูกพรานมันก็จำอยู่ จะเลิก พอโตบวชเณรได้ บวชเลย ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวนี้เป็นอาจารย์อยู่นี่ เป็นผู้อนุรักษ์ธรรมชาติด้านภูมิปัญญาหรือไงนี่ แกทำถวายชีวิตเลย บอกแกจำตั้งแต่เห็นลูกค่างมันเกลือกหนังแม่

    ชีวิตของคนเรานี่ถ้าไม่มีสติสตังนี่ก็จะเอาเปรียบคนอื่นไปตลอด เห็นค่างแล้วดูซิมันยังรักแม่มันขนาดไหนนี่ ได้กลิ่นยังมาเกลือก อีตอนที่แม่มันเลือดออกน่ะมันเกลือกจนเลือดท่วมตัวเหมือนกันนะ ไอ้พรานก็ทุบหัวด้วย

    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 173 สิงหาคม 2538 หน้า 98-99)

    ที่นิพพานกิจอื่นที่จะพึงทำ ไม่มี

    ในนิพพานที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเมื่อทำกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำไม่มีอีก ตามบาลีว่าอย่างนั้นนะ หลวงพ่อก็เลยคิดแบบที่อิงธรรมะ คิดว่าเมื่อตัดกิเลสเสร็จแล้ว กิจที่จะพึงตัดส่วนอื่นไม่มี เราเข้าใจแค่นี้ ไม่ใช่เข้าใจคนเดียวนะ เสือกเทศน์ให้ชาวบ้านเข้าใจอย่างนั้นด้วย

    ต่อมาหลายปีมาแล้วนะ ท่านพาไปนิพพานท่านบอกว่ากิจอื่นที่จะพึงทำในนิพพานไม่มี ก็ถามท่านว่า เมื่อมาถึงนิพพานแล้ว กิจในการตัดกิเลสยังมีอีกรึ ท่านบอกไม่ใช่ กิจการตัดกิเลสมันตัดมาแล้ว จึงเข้าเขตนิพพานได้ แต่ถึงนิพพานกิจอื่นที่จะพึงทำ ไม่มี หมายถึงว่า เทวดาก็ดี พรหมก็ดี หมอนวางตรงนี้ จะไปวางตรงโน้น ถ้าหากไม่เอามือหยิบ ก็เอาใจนึกว่าหมอนจงมาตั้งตรงนี้ เดินไปตรงนี้มันเป็นที่โล่ง อยากจะนั่ง ขอเดียงตั่งจงปรากฎตรงนี้ แล้วก็นั่ง ต้องนึกนะ

    แต่ที่นิพพานเเม้แต่อารมณ์นึกก็ไม่มี ถ้าอะไรจะสมควรจะปรากฏเอง อย่างเดินไปกลางบริเวณอยากจะนั่ง พอนั่งปั๊บ ไม่รู้ตั่งมาจากไหน เราลุกขึ้นแล้วไม่ต้องเก็บเตียงเก็บตั่งแล้วก็หายไปแล้ว มันจะมาพอเหมาะพอดี

    พระพุทธเจ้าท่านเลยอธิบายว่า ขึ้นชื่อว่ากิจอื่นไม่ต้องทำ มันเป็นอย่างนี้ อะไรก็ตามทุกอย่างไม่ต้องทำ ก็เลยมานึกตามคำท่านแนะนำก็ใช่ นิพ แปลว่าดับ ดับความรู้สึก ดับความเหน็ดเหนื่อย ดับความลำบาก มันไม่มีที่นั่นอีก คือว่าต้องเหนื่อยนี่ไม่มี อย่างนอนจะเอาหัวไปทางนี้ หมอนก็วิ่งมาทางนี้ จะวางเอาหัวไปทางโน้น หมอนก็วิ่งไปทางโน้น

    ฉะนั้นที่แปลบาลีกันผิด ๆไม่ต้องเอาคนอื่น เอาหลวงพ่อเอง เข้าใจไม่ถูก คือความจริงมันมีเกินกว่าเราคิดว่าเป็นไปได้ ที่ท่านบอกว่าในเมื่อชำระจิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจที่จะพึงทำไม่มีอีก เราก็ไปนั่งคิดว่า การตัดกิเลสไม่มีอีก เพราะมันตัดหมดแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องพูดให้ฟังซิ แต่ก็เข้าใจเพียงแค่นั้นแหละ

    ต่อมาเมื่อพบความจริงเข้าจึงรู้ว่า กิจอื่นที่ต้องทำไม่มีอีก ไม่ใช่หมายถึงการตัดกิเลสอย่างเดียว หมายถึง ทุกอย่างที่ต้องทำ ไม่มี แม้แต่ใช้อารมณ์คิดว่าบ้านจงเป็นสีนี้เถอะ เตียงต้องตั้งตรงนี้ ตั่งจงตั้งตรงนี้ ขันวางตรงนี้ ไม่มี อะไรจะสมควรเป็นไปตามนั้นละ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 100 กรกฏาคม 2532 หน้า 30)


    มนุษย์ต่างดาว

    ผู้ถาม : ผมเชื่อว่า นรก สวรรค์ มีจริง ทีนี้อยากทราบว่าโลกอื่นเขามีนรก สวรรค์อย่างโลกเราไหมครับ...?

    หลวงพ่อ : มีเยอะเลยคุณ..

    ผู้ถาม : แล้วเราไปติดต่อได้ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : ไปติดต่อไม่ได้ แต่ไปเที่ยวได้

    ผู้ถาม : อย่างกับมนุษย์ต่างดาวหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ใช่..แต่ฉันไม่เรียกว่ามนุษย์ต่างดาว ฉันเรียกว่ามนุษย์ต่างโลก

    ผู้ถาม : แล้วมีการติดต่อกันอย่างไรครับ ?

    หลวงพ่อ : ไม่ได้ติดต่อ ไปเที่ยว ติดต่อกันแล้วพูดกันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่รู้ภาษาเขานี่ ฉันเคยไป อย่างกับดาวพระศุกร์นี่มีสิ่งมีชีวิต แล้วก็ ดาวกุรุ ไอ้ดาวกุรุนี่คุณมองไม่เห็น โลกกุรุมีความศิวิไลซ์กว่าเรามาก มีความสวยสดกว่า มีความสุขยิ่งกว่า

    ส่วน สูตู กับ จามร นี่ เ ขาก็มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์ดีกว่าโลกเราเยอะ อยู่ทางทิศตะวันตกโลกหนึ่ง ตะวันออกโลกหนึ่ง จานบินของเขามีเกลื่อนเลยคุณ จะบินมาโลกเราได้ใช้เวลา 10 ชั่วโมง โลกตะวันออกจะมาได้ประมาณ 17 ชั่วโมง ถ้าเราไปเที่ยวสวรรค์ได้ นรกได้ โลกนี้ก็ไปเที่ยวได้ อยู่ใกล้นิดเดียวนี่คุณ ดาวดึงส์นี่มันไกลกว่ากันหลายแสนเท่า แค่ชั่วขณะจิดเดียวเท่านั้นเอง อยากไปไหม ?

    ผู้ถาม : อยากครับ หน้าตาพวกเขาเป็นยังไงครับ...?

    หลวงพ่อ : หน้าก็เหมือนหน้า ตาก็เหมือนตา ตาเหมือนยายไม่ได้นะ ใช่ไหม ตากับยายรูปร่างเหมือนกันเมื่อไหร่ล่ะคุณ ถูกไหม?

    ฉันว่าเขาสวยนะคุณ อย่างพวกกุรุนี่เขาสวยกว่าพวกเรานะ คือว่าความเป็นคนเหมือนเราทุกอย่าง ที่เขาวาดตามภาพการ์ตูนน่ะ ไม่จริงหรอก เขาดี เขาสวย

    แต่ว่าทางด้านตะวันออกหน้าตาเหมือนแขก เฮี้ยนๆ ชอบกล ดุๆ แต่ว่าด้านตะวันตกหน้าตาเขาดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวกุรุนี่เป็นคนน่ารักมาก เขามีจิตใจดี มีความสุขกว่าเรามากนะ

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 204 มีนาคม 2541 หน้า 88-89)


    การเกิด-การตาย

    ผู้ถาม : เกิดมาแล้วทำไมจึงต้องตายครับ ?

    หลวงพ่อ : เพราะอยากตาย ไอ้คนอยากเกิดก็อยากตายด้วยใช่ไหม เกิดแล้ว
    มันก็ต้องตาย เพราะธรรมดาเราฝืนมันไม่ได้ ทีนี้ถ้าเราไม่ต้องการตาย เราก็ไม่ต้องเกิด

    ผู้ถาม : ที่นิพพานไม่มีการเกิดใช่ไหมครับ จึงไม่มีการตาย ?

    หลวงพ่อ : อันนี้เคยมีพระหรือพราหมณ์ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่านิพพานจะไม่มีการเกิดก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเกิดก็ไม่ได้ ถ้าเรียกว่าเกิดก็ต้องตาย ถ้าจะว่าไม่เกิด แต่สภาวะมันมีอยู่

    ตอนแรกฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยย่องไปถามท่าน ฉะนั้นนิพพานควรเรียกว่าอะไร ท่านบอกว่าควรจะเรียก "ทิพย์พิเศษ" ที่ไม่มีการเคลื่อน เทวดาหรือพรหมยังมีการเคลื่อนที่เรียกว่า "จุติ"

    จุติ แปลว่า เคลื่อน ไอ้ศัพท์ที่ว่าตายนี่ พระพุทธเจ้าท่านไม่เรียก ท่านเรียก "กาลังกัตวา" ถึงวาระแล้ว ถึงกาลเวลาแล้ว ท่านไม่เรียกว่าตาย

    ตายนี่ มรณะ ตามศัพท์ของภาษาบาลีไม่มีคำว่า มรณะ ไม่ใช่ศัพท์มรณะท่านเรียกว่า "กาลังกัตวา" แปลว่า ถึงวาระที่จะต้องไปจากร่างกายนี้ ร่างกายนี้มันพัง มันไม่ยอมทำงาน

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 198 กันยายน 2540 หน้า 93-94)


    หลวงพ่อบอกว่าไปนิพพานไม่ได้

    มีคนอยู่คนหนึ่งร้องไห้ไปหาหลวงพ่อที่วัด เขาบอกว่า เขามีนิมิต นิมิตของเขานี่ 10 ครั้งจะถูกสัก 9 ครั้ง เขานิมิตแม่นมาก อย่างคราวนี้หลวงพ่อไปบอกกับเขาว่า "ชาตินี้ไปนิพพานไม่ได้หรอก" ด้วยความเสียใจร้องไห้ เอารถตีไปที่วัดท่าซุง

    ไปถึง 2 ทุ่ม
    หลวงพ่อออกมารับเฉยเลย "เออ..ลูกสาวเหรอ มายังไงๆ เข้ามาหานี่ที่ตึกอินทราพงษ์ ตอนนั้นอาตมาเป็นยาม ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้นแหละ

    หลวงพ่อถาม เป็นยังไงพูดไปซิ เขาก็เล่าให้ฟังถึงนิมิตที่หลวงพ่อบอกว่าเขาไปนิพพานไม่ได้ เสียใจ เสียชาติเกิดจริงๆ ใครพูดก็ไม่เชื่อ แต่หลวงพ่อพูดนี่เชื่อ แม้ในนิมิต ถ้าเป็นเราจะแก้ปัญหาอย่างไร ?

    หลวงพ่อบอกว่า "อย่างนี้เขาเรียกว่าอุปสมานุสสติเต็ม ถ้าพูดว่าไปนิพพานไม่ได้แล้วเสียใจแสดงว่ากำลังใจที่ไปนิพานมันเต็มแล้ว ถ้าอุปสมานุสสติกรรมฐานไม่เต็ม มันไม่เสียใจหรอก"

    ขนาดคนร้องไห้มาอย่างหนัก หายร้องเลย ยิ้มแป้นกลับเลย แหม..ฉีดยาเข็มเดียวโรคหายเลย อย่างเราปะเหลาะเท่าไรคงไม่หาย


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 145 มีนาคม 2536 หน้า 77)


    น้ำมันชาตรีรักษาโรค

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ลูกเป็นมะเร็ง จะใช้น้ำมันชาตรีรักษา ถ้าจะรับทานน้ำมันชาตรี เรียนถามหลวงพ่อว่าสักประมาณเท่าไหร่แต่ละครั้งคะ ?

    หลวงพ่อ : ถ้าโรคมะเร็งนะ 7 วันแรกควรใช้วันละ 30 ซี.ซี.วันละขวด แล้วต่อไปก็ช้อนชาเดียวนะ

    ให้สังเกตดูถ้าเป็นโรคมะเร็งรับประทานไปแล้วถ่าย ถ้าถ่ายนี่มีหวังหาย


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 127 กันยายน 2534 หน้า 20)

    ทำสังฆทานแทนไหว้วันตรุษจีน


    ลูกศิษย์ : กราบเรียนถามหลวงพ่อ คือที่หนูทำสังฆทาน แต่ที่นี้ผู้คนส่วนใหญ่ เขาบอกให้หนูไหว้วันตรุษจีน ให้พวกที่ปล่อยผืออกมานี่ ก็ทำไหว้กลางแจ้ง หนูก็ทำอยู่สัก 3-4 ปี เพราะตอนหลังนี่ แหม มันยุ่งเหลือเกิน หนูก็เลยมาเปลี่ยนเป็นมาทำสังฆทานให้เขา แต่ไม่ได้ทำวันตรุษจีน แต่ทำก่อนคงไม่เป็นไรนะคะ

    หลวงพ่อ : ปัทโธ่เขาไม่ปล่อยมาวันเดียวหรอกจ่ายล่วงหน้าน่ะดี อย่างเงินเดือนออกวันที่ 30 จ่ายตั้งแต่วันที่ 15 ละชอบไหม

    ลูกศิษย์ : ไม่เป็นไรนะคะ

    หลวงพ่อ : ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าอันนี้เข้าใจกันไปเอง เข้าใจกันไปเองว่าต้องวันนั้นวันนี้ปล่อยผีมา อย่างของเราพอถึงวันสาร์ทวันสาร์ทไทยปล่อยผี

    ลูกศิษย์ : แล้วเราไปนั่งทำกับข้าวนี่เขาก็ไม่ได้กิน

    หลวงพ่อ : ไม่ได้กินหรอก

    ลูกศิษย์ : เราก็ทำบุญ ทำสังฆทานให้เขาก็ได้

    หลวงพ่อ : คือว่าจะเป็นแบบ หมอทองคำ ที่ พิจิตร แกไม่มีพ่อ มีแต่เตี่ย เตี่ยตายไปแล้วก็ทำแต่กงเต็ก ทำตึก ทำร้าน มีรถ มีธนบัตร แล้วก็เตี่ยแกก็เป็นคนไหว้พระ แกเจอฉันอยู่เสมอ ไม่ถึง 10 วันหรอกเดี่ยมาอีหนู ไอ้แบ็งค์ขี้เถ้าของมึงนี่ ติดขี้เถ้าแล้วจะไปใช้อย่างไรวะ กูใช้ไม่ได้หรอก เราก็เลยถามท่าน แล้วจะทำอย่างไร ก็ไปเข้าฝันไว้ชัดเจนเลย ถวายสังฆทานซิลูก ถาม เดี่ยมีทุกข์เหรอ กูไม่ทุกข์หรอก ได้นี่ก็สบายมากขึ้น ที่เจ้าทำน่ะไม่เสียเปล่าหรอก ทีหลังแกก็มาถาม วิ่งไปถามที่วัด เราก็บอก ถวายสังฆทานที่ไหนก็ได้ สังฆทานนี่เป็นบุญแกก็ไม่ยอมจะถวายที่วัด

    ลูกศิษย์ : อย่างนี้แกก็ต้องซื้อกระดาษเงินกระดาษทองทำบุญ แล้วก็แพงด้วย

    หลวงพ่อ : แพง ไปส่งขี้เถ้าให้ผี


    น้ำมันในประเทศไทย


    ผู้ถาม : น้ำมันในประเทศไทยมีเยอะจริงๆ หรือคะ ?

    หลวงพ่อ : มันไม่เฉพาะน้ำมันอย่างเดียวนะทรัพยากรที่มีค่ามากที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นมหาเศรษฐีของโลกมันมีอยู่เยอะ โดยฉพาะแร่ยูเรเนียมของเราก็มีหลายจุด

    เมื่อ 4 ปีที่แล้วมา เคยพบกับคนๆหนึ่งเขาถามว่า "หลวงพ่อ แร่ยูเรเนียมในประเทศไทยเรา
    มีไหม ?"

    ตอบท่านว่า มี แล้วท่านก็บอกว่า "มีพระองค์หนึ่งบอกว่าที่ ลำปาง มี มันจริงไหม ?"

    ก็บอกกับท่านว่า ที่ลำปางก็มี ที่ไหนก็มี ใกล้กว่าลำปางก็มี

    ท่านก็บอกว่า "เอาที่ ลำปาง ก็แล้วกันที่พระองค์นั้นบอกน่ะ มีไหม ?"

    จึงบอกว่า ที่พระองค์นั้นพูดน่ะ มันมีอยู่ 3 จุด แต่ว่า 3 จุดมันมีน้อยหน่อยหนึ่ง และจุดที่ 3 มันมีมาก 2 จุดที่ว่ามีน้อยน่ะ ไมใช่น้อยนะ มันเยอะ แต่ว่าน้อยกว่าเขาถ้าใช้เข็มวัดเข็มมันจะสั่นมากเพราะอยู่ตื้น ไอ้จุดที่มีมากกว่าเขาน่ะอยู่ลึกเข็มมันจึงสั่นน้อย พอรุ่งขึ้นท่านก็ขึ้นเครื่องบินไป ก็ลองเอาเข็มไปจับก็เป็นความจริง

    กลับมาท่านก็บอกว่า "ใช่ครับ ! 2 จุดที่หลวงพ่อบอกเข็มมันสั่นแรงจริง แต่อีกจุดหนึ่งเข็มมันสั่นเบาๆ นั่นเป็นจุดหนึ่งใน 16 จุดใหญ่ๆในประทศไทย และยังมีจุดย่อยๆกว่านั้นอีก"

    แล้วเมื่อปี 2521 มีคนเขาไปเห็นภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ฝรั่งเขาเอามาให้แกดู แกก็มายืนยันบอกว่า "ตามที่หลวงพ่อบอกไว้ มันมีทุกอย่างครับ เวลานี้ดาวเทียมเขาจับได้หมด ดาวเทียมเขาจับได้ละเอียด เขาบอกว่าไหลมาจาก ธิเบต แล้วมันก็ไม่ไปทาง พม่า และก็ไม่ไปทางประเทศญวน มันลงมารวมอยู่ในประเทศไทยสำหรับน้ำมันในประทศไทยนี้ มันมีทั้งบนบก
    และในทะเล"

    มีคราวหนึ่ง หลวงพ่อได้ถามลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นด็อกเตอร์ว่า

    หลวงพ่อ : ประเทศไทยมีน้ำมันเยอะไหมด็อกเตอร์?

    ด็อกเตอร์ : ผมก็ไม่ทราบครับ

    หลวงพ่อ : อ้าว! ทำไมไม่ทราบเป็นถึงด็อกเตอร์ เดี๋ยวก็เหลือด็อกตัวเดียวหรอก

    ด็อกเตอร์ : (หัวเราะ) เอาตัวท้ายต่อด้วยครับ

    หลวงพ่อ : ความจริงเวลานี้ประเทศไทยมีน้ำมันอุดมสมบูรณ์มาก ไม่เชื่อไปถามแม่ครัวชิ แม่ครัวทั้งหลายมีน้ำมันทั้งนั้นแหละ ใช่ไหม

    ด็อกเตอร์ : (ห้วเราะ)

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 242 พฤษภาคม 2544 หน้า 64)



    ทรัพยากรมีค่ามากในประเทศ

    ผู้ถาม : น้ำมันในประเทศไทยมีเยอะจริงๆ หรือคะ ?

    หลวงพ่อ : มันไม่เฉพาะน้ำมันอย่างเดียวนะทรัพยากรที่มีค่ามากที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นมหาเศรษฐีของโลก มันมีอยู่เยอะโดยเฉพาะ แร่ยูเรเนียม ของเรามีหลายจุด

    และจะมีแร่สำคัญที่มีรังสีร้ายแรง ใช้ได้ทั้งทางทำลายและทางสันติภาพมากมาย ที่เราเรียกกันว่า "แร่ใส" แต่แร่นี้ถ้าจะค้นได้ก็ต้องหลังจากค้นหาน้ำมันได้ก่อน เพราะว่าทางนี้ยังไม่มีใครสนใจการใช้แร่นี้ และวิธีที่จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ ก็ใช้กรรมวิธีคล้ายคลึงกันกับ แร่ยูเรเนียม แตว่าวิธีต่างกันเล็กน้อย

    แร่นี้มีมูลค่ามาก จะเป็นทรัพยากรของประเทศ ส่วนทรัพยากรที่เป็น "ทองคำ" ทรัพยากรส่วนนี้มีกระจายอยู่ทั่วประทศ ส่วนที่คนโบราณรวบรวมเป็นแท่งไว้แล้วก็มี และจะหาจุดให้ใหม่ตามแผนที่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเวลา

    สรุปแล้วทรัพยากรส่วน "น้ำมัน" ก็ดี ทรัพยากรส่วนที่เป็น "ทองคำ" ก็ดี ทรัพยากรส่วนที่เป็น "แร่ใส" ก็ดี ทั้งสามนี้ "น้ำมัน" เป็นตัวชูโรง และเป็นทรัพยากรที่หาได้ก่อน ทั้งนี้เพราะว่าคนต้องการน้ำมันก่อน ทรัพยากรที่จะปรากฎขึ้นทีหลัง คือ "ทองคำ"

    ทองคำนี้มีจุดตั้งแต่เหนือถึงใต้ แต่ก็เป็นส่วนที่มีความลึกมาก คนที่สนใจมีน้อยเพราะนึกว่าทองคำไม่มี แต่เมื่อได้น้ำมันแล้วก็ไม่เป็นไร ทรัพยากรส่วนที่เป็นทองคำต้องใช้แรงงานสูง เพราะว่าบางจุดเดินเข้าไปอยู่ใต้ภูเขาเสียมาก ส่วนที่อยู่บนพื้นราบก็อยู่ไม่สู้ไกลจากภูเขา ถ้าจะบุกเบิกตามวิธีการที่เราใช้กันในสมัยปัจจุบัน คือใช้น้ำฉีดหรือขุดด้วยเรือ ก็รู้สึกว่าจะได้ผลไม่มากนัก

    ทองคำบางส่วนก็ปนอยู่กับแหล่งวูลแฟรมแต่อยู่ลึกกว่า ถ้าอาศัยการค้นคว้าด้วย "ดาวเทียม" ก็รู้สึกว่ามีจุดที่จะแสดงให้เห็นได้ง่าย เวลานี้ฝรั่งมีความรู้ในการค้นคว้าด้านนี้ใกล้ความจริงมาก

    สำหรับ "แร่ใส" เท่าที่เห็นเวลานี้ก็มีความลึกสักหน่อย ต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร แร่นี้จะมีความอ้วนขึ้นหนาตัวขึ้น อีกอย่างหนึ่งจะพูดว่าเป็นเพราะการดูดน้ำมันมากๆ หรือจะพูดว่าแผ่นดินยุบลงไป หรือจะพูดว่าแร่ลอยขึ้นมาก็ไม่ถูก ส่วนที่ถูกควรจะพูดว่าแร่เลื่อนขึ้นมา เนื่องจากการเคลื่อนไหวของแผ่นดิน ในระยะ 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า ผิวของแร่จะอยู่บนพื้นดิน จะได้มาในเวลาควบคู่กับทองคำ

    ตอนนั้นเมื่อทองคำปรากฎ แร่ใสปรากฏ คนเลวน้อยลงแล้ว คนเลวภายในก็น้อยลง คนไทยที่เขาว่าเป็นไทยแต่พูดไทยไม่ชัดมีเกลื่อนกลาดอยู่ในประเทศไทย ก็หมดกำลังที่ปรารถนาจะยึดประเทศไทยเป็นของเขา ก็จะมีใจเป็นไทยขึ้น คือหวังว่าการเข้าเป็นหุ้นส่วนจะดีกว่าคิดประทุษร้าย ในตอนนั้นไทยจะเป็นอิสระเต็มที่ แต่ที่ทรัพยากรทั้งหลายกำลังจะปรากฏขึ้นก็เพราะอาศัยบุญญาธิการของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันมีมากพอสมควร เพียงพอที่จะเป็นผู้วางรากฐานให้ปรากฏพบแหล่งน้ำมันขึ้นในประเทศเป็นอันดับแรก

    สำหรับในกาลต่อไปก็อาศัยพื้นฐานความดีของพระองค์และข้าราชการบางส่วนที่มีความดี ก็จะเป็นเหตุให้ได้น้ำมันขึ้นมาใช้สอย และได้แร่ธาตุบางอย่างที่มีคุณค่าสูงมาบ้างตามสมควร พระราชาองค์นี้จะเป็นที่พึ่งของคนไทยต่อไป ความราบเรียบสงบเงียบจากอันธพาล จากคนที่ขายชาติจะค่อยๆมีขึ้นทีละน้อย จิตใจของคนจะเป็นไทยขึ้นมาทีละหน่อยๆ

    ในเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรมและข้าราชบริพารรู้จักความเป็นไทย ไทยเก่าๆจะเข้าสิงใจไทยปัจจุบันให้ทำการให้ประเทศไทยเพื่อไทย การคิดล้มล้างชาติไม่มีผลสำหรับคนทั้งหลายที่คิด พวกเขาจะต้องสลายตัวไปตามกาลสมัย พระพุทธศาสนาก็จะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะมีพระอริยเจ้ามากคล้ายกับสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 242 พฤษภาคม 2544 หน้า 65-66)


    เรื่อง ผีการพนัน

    คนโบราณพูดว่าผีการพนันเข้าสิง เมื่อเด็กๆได้ยินก็คิดว่าคนไม่ดีเล่นการพนันจึงเรียกว่าผี ผีไม่ดี เมื่อไปเที่ยวเมืองการพนันใหญ่ที่สุดในโลก คือ รัฐลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเมษายน 2536 ไปกับเถกิงทัวร์ และ พฤษภาคม 2537 ไปกับคณะวัดท่าซุง ที่พระครูปลัดอนันต์กับพระติดตาม ไปตามที่พวกลูกศิษย์หลวงพ่อท่านนิมนต์ไป พระพักที่วัดไทยลาสเวกัส

    หลังจากสอนมโนยิทธิเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าและอีกหลายคนไปเที่ยวในเมืองดูเขาเล่นการพนันอีก อยากให้พวกเราที่ยังไม่เคยเห็นได้เห็นด้วย พระไม่ไปเพราะเป็นสถานที่อโคจร และเมื่อใกล้ตรุษจีน 2538 ไปฮ่องกง เลยไปมาเก๊าดูที่เขาเล่นการพนันอีก เป็นบ่อนใหญ่ ผู้นำเที่ยวเขาอธิบายก่อนถึงคือระหว่างที่นั่งเรือไปว่าเขามีการทำอะไรดี คือให้คนที่เข้าไปเล่นในนั้นต้องเสียเงินเล่นจนได้ เจ้าของบ่อนได้เงินมีกำไรมากๆ เช่นดูทิศทางลม เมื่อเปิดประตูเข้าไปลมจะพัดจากข้างนอกเข้าไปอย่างแรง บอกว่าพัดเอาเงินของผู้ที่เข้าไปเล่น เข้าอย่างเดียวไม่พัดออกเลย ไม่ว่าประตูด้านไหน ถ้าเปิดลมเข้าเท่านั้นไม่มีลมออก บนหลังคาก็มีหอก มีดาบ อะไรอีกหลายอย่างที่เจ้าของบ่อนทำแก้เคล็ดพวกที่มีคาถา หรือของดี จะให้เล่นได้ แก้ให้เป็นเสีย

    ฟังดูแล้วน่าสนใจว่าสิ่งที่ตามองไม่เห็น สิ่งลี้ลับแปลกๆยังมีอีกมาก อย่างไทยเราที่ว่าปล่อยคุณไสยใส่กัน ข้าพเจ้าเตรียมใจและกำหนดดูด้วยมีจริงๆ มีผีมีฤทธิ์เยอะแยะที่คุมบ่อน เขาจะมีเซ่นไหว้ตามกำหนดทุกปี ข้าพเจ้าทดลองเล่นกับเสริมทรัพย์ วัฒนพฤกษา แลกเหรียญหยอดตู้ 200 เหรียญ ถ้าหมดก็เลิก

    มีเวลาในนั้นชั่วโมงกว่าก็ต้องกลับแล้ว ทดลองญาณหยั่งรู้ของตัวเองด้วย พอจะรู้ว่าครั้งนี้เสียนะ ครั้งนี้จะได้นะ ได้ก็แค่ 2-3 เหรียญ อย่างมาก 10 เหริยญเท่านั้น ท่องคาถาด้วย ขอหลวงพ่อท่านช่วยด้วยก็ยังเสีย หนักเข้าจิตมันนึกว่าขอพระช่วยเล่นการพนันนี่ท่านไม่ช่วย เทวดาไม่ให้ทำความชั่วจริงๆ ถ้าท่องคาถานึกถึงขอพระช่วย เสียทุกที หยอดไปเงียบไม่ไหลออกมาเลย

    ทีนี้ถามใหม่ ครั้งนี้จะไหลออกไหม? หรือไม่ได้ เป็นไปตามนั้น หนักเข้าขี้เกียจแล้ว ให้เสริมทรัพย์ช่วยอีกก็ยังไม่ได้ เหรียญที่เหลือไปแลกคืนเอาเงินมาใช้ดึกว่า ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็เสียประมาณสองร้อยกว่าบาท ชวนกันเดินดูเขาเล่นแบบอื่นบ้าง มีหลายแบบหลายโต๊ะ เห็นแล้วเมื่อไรๆก็เจ้ามือกวาดเรียบหมดครั้งละเยอะด้วย ที่ได้มีน้อยมาก

    มันมีผีสิงจริงๆนะท่าน พวกที่เล่นแล้วเสียหมดตัวฆ่าตัวตายก็มี อย่างคนไทยกระโดดน้ำตายที่สะพานในเมืองมาเก๊านั่นแหละ หรือป่วยตาย ใจมันผูกพันกับการพนัน ผีมันก็อยู่ที่บ่อนนั่นแหละ แล้วอาศัยหรือสิงร่างพวกที่เข้าไปเล่นๆกับเขาด้วย เพราะผีก็ชอบเล่นตั้งแต่ยังไม่ตาย ตายแล้วก็ยังติดอยู่ไม่ไปไหน หมายถึงพวกสัมภเวสี ตายก่อนหมดอายุขัย และผีที่เจ้าของบ่อนเลี้ยงไว้ด้วย ดลใจให้คนเล่นไม่เลิกหรือมันในอารมณ์ ลืมตัวไง ! คนบางคนจึงมีผีบังคับหรือดลใจให้เล่น

    ฉะนั้น ที่ลาสเวกัส ที่มาเก๊า ดูแล้วมีผีสิงคนเล่นการพนันจริงๆ คนโบราณหรือสมัยนี้ยังพูดกันว่าผีการพนันเข้าสิง มีจริง จะให้พระ เทวดาช่วยอย่างข้าพเจ้า ท่านก็ไม่ช่วยเพราะเป็นความชั่ว ขนาดท่องคาถาเงินล้านยังขาดทุนเลย ไปดูเขาเพราะอยากรู้เท่านั้น หลายๆคนเล่นไม่เลิก ไม่ง่วงนอนด้วย ได้มาก่อน เล่นไปๆเสียหมดอีก ส่วนมากจะเป็นแบบนี้ ยิ่งเล่นนานยิ่งขาดทุน

    อย่างข้าพเจ้าอยู่ได้ไม่นาน เพราะว่าในนั้นแต่ควันบุหรี่ คนสูบกันเยอะ ข้าพเจ้ากับคุณเสริมทรัพย์ เสียเงินคนละนิดหน่อยเป็นความรู้ดี ส่วนพี่ชอกับคุณแดงเจ้าของโรงเรียนสุทธรัตน์ที่จังหวัดชลบุริ ไม่เล่นการพนัน ลงไปห้องใต้ดินข้างล่างซื้อของ ได้ของดีๆ แต่ราคาค่อนข้างแพงกว่าข้างนอกเสียเงินได้ของ ส่วนข้าพเจ้าเสียเงินได้ความรู้มาเขียนเล่าสู่กันฟังเท่านั้น คิดว่าบ่อนการพนันที่ไหนๆ ก็คงมีผีการพนันที่นั่นเหมือนกันหมด ท่านลองเข้าไปดูแบบข้าพเจ้าก็ได้เป็นการพิสูจน์ เรียกว่าท้าพิสูจน์ จะจบว่าขอท่านที่เข้าไปดูหรือทดลองเล่นจริงจงโชคดีก็ไม่ได้ เพราะว่ามันยากส์. ...

    สวัสตี
    ชาโดว์
    28 เมษายน 2538



    อุทิศส่วนกุศลให้คนโกรธ

    ผู้ถาม : หลวงพ่อบอกว่าเวลาความโกรธเกิดขึ้นให้อุทิศส่วนกุศลให้เขาไปให้คนที่ถูกโกรธหรือว่าให้เราผู้โกรธ อุทิศให้ใครกันแน่ครับ ?

    หลวงพ่อ : อุทิศให้เราได้ก็ดีเหมือนกัน ของเราให้คนอื่นทำไม คือว่าให้ตัดสินใจว่าคนนั้นมันตายไปแล้ว เป็นผีแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ไปเลย จิตใจมันก็เบาลง แต่ว่าเวลาโกรธอย่าเพิ่งไปอุทิศส่วนกุศลนะ อีตอนนั้นแทนที่จะอุทิศส่วนกุศล กลายเป็นแช่งไป พอบรรเทาโกรธแล้วใช่ไหม พอบรรเทาโกรธแล้วก็ตั้งใจอุทิศส่วนกุศล คิดว่าคนนั้นตายไปแล้ว เขาทำกันแบบนี้นะแล้วบรรเทาเร็วมาก

    ผู้ถาม : เขาบอกว่าถ้าคนนั้นเป็นสามีของเราเองนี่จะอุทิศยังไงดี

    หลวงพ่อ : ก็อุทิศให้สามีซิ นึกว่าผีสามีตายไปแล้ว ใช้ได้ มันเป็นการบรรเทาความโกรธ ไม่ใช่แช่งให้ตายหรอก ยังไงๆเขาก็ไม่ตายนะ ถ้าไม่ถึงวาระเขาไม่ตาย แต่เราก็แช่งให้ความโกรธของเรามันตายไป

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 139 กันยายน 2535 หน้า 101)

    มโนมยิทธิทรงตัว

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ จะทำให้มโนมยิทธิทรงตัวจะต้องทำอย่างไรครับ ?

    หลวงพ่อ : ทำตามที่เขาฝึก ฝึกได้แบบไหนทำแบบนั้น เวลาได้มันอยู่แล้วใช่ไหม ก็ทำอย่างนั้นเรื่อยๆไปทุกวันหมดเรื่องหมดราว ทำไปจนคล่อง คำว่าเลิกไม่มีในกรรมฐาน

    พอเลิกกรรมฐานก็เป็นคนอยากลงนรก มันเลิกกันไม่ได้นี่ เราทำเพื่อไม่ให้ลงนรกใน-ขั้นแรกใช่ไหม และไปนิพพานเป็นขั้นสุดท้าย

    ทำได้แล้ว เราทำให้ทุกๆวัน มันก็มีการคล่องตัวใช้งานเมื่อไรก็ได้ ใช้งานปั๊บไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธิ ต้องการปั๊บ รู้ปุ๊บ เขาต้องแบบนี้นะ อย่างนี้มันไม่เลิกเองก็ทรงเอง ต้องทรงขนาดนั้น

    มันต้องได้ขนาดที่เรียกว่าจะใช้งานไม่ต้องเสียเวลาหลับตา ไม่ต้องเสียเวลานั่งคิด ต้องการปั๊บ รู้ปุ๊บ ทำทันทีทันใด อันนี้ใช้ได้

    ถามทำไมจึงได้ ขยันทุกวันไม่ช้าก็ได้ ยากไหม ฉันพูดไม่ยาก แต่เดี๋ยวนี้เขาทำได้เร็ว มันเป็นโชคของคน สมัยรุ่นฉัน 30 ปียังไม่ได้กันเลยเยอะแยะ แค่ทิพจักขุญาณอย่างเดียวตั้ง 30 ปีกว่า ไม่ได้ตายไปก็เยอะแยะ เพราะตัวไม่เข้าใจ เข้าใจว่าลูกตาเป็นทิพย์ อันนี้แหละพังกันตรงนี้ และลืมว่าเวลาฝึกนี่หลับตาแล้ว

    คำว่า ญาณ หนังสือบางเล่มก็เขียนส่งเดชแปลว่าตาทิพย์อีกด้วย มันดันเขียนไปได้ ลูกตาเป็นทิพย์จริงๆ เขาเรียกว่า ทิพเนตร โดยมากเข้าใจว่าตาเป็นทิพย์ก็ไม่ได้ แต่ว่าถ้ามีสภาพแจ่มใสจริงๆ มันเหมือนตาทิพย์นะ เห็นชัดมาก

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 180 มีนาคม 2539 หน้า 114-115)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2021

แชร์หน้านี้

Loading...