รวมเกล็ดคำสอนครูบาอาจารย์ : ทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย paang, 26 ตุลาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE borderColor=#00ffff cellSpacing=0 border=1><TBODY>



    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่เสาร์ กันฺตสีโล
    วัดเลียบ จ.อุบลราชธานี</CENTER>

    <TD>
    <DD>...ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล5 และกุศลกรรมบท10 จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ <DD>การที่ได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย


    </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร</CENTER>

    <TD>

    ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ สมุทัย ต้องละนิโรธ ต้องทำให้แจ้งมรรค ต้องเจริญให้มาก




    </PRE>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
    วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา</CENTER>

    <TD>
    พระพุทธศาสนาเป็นของดี วิเศษยิ่งนักในโลกนี้
    ไม่มีเครื่องเปรียบ เพราะเป็นหนทางแก้ทุกข์
    นับว่าเป็นแก้วรัตนะมงคลของโลกทีเดียว


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
    วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์</CENTER>

    <TD>
    จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้นเป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหวเป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นนิโรธ


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

    [​IMG]
    หลวงปู่ขาวและหลวงปู่ดูลย์</CENTER>

    <TD><CENTER>สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นตาย
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
    สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
    ผู้ใดเห็นอนัตตา ผู้นั้นเห็นพระนิพพานแล

    ใครรัก ใครชัง ช่างเถิด
    ใครเชิด ใครแช่ ช่างเขา
    ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา
    ใจเรา สบายแล้ว เป็นพอ

    </CENTER>


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่หลุย จันทะสาโร
    วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย

    [​IMG]
    พิพิฒภัณฑ์หลวงปู่หลุย วัดป่าสุทธาวาส</CENTER>

    <TD>
    ธรรมเป็นตัวธรรมชาติภายในจิต และมีเพียรให้รู้ตามธรรมชาติ จึงชื่อว่ารู้อริยสัจ ราคะ โมหะ โทสะ ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ ก็เป็นธรรมชาติของเขา เป็นเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไรมา เราไม่ควรไปยึดไปแต่งให้เป็นตัณหา ก่อเรื่องทุกข์ให้สัตว์เหล่านั้น กลายเป็นทุคติ นรกไป


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย

    [​IMG]
    เจดีย์ วัดป่าสัมมานุสรณ์</CENTER>

    <TD>
    <CENTER>บ่ ต้องดีใจ
    บ่ ต้องเสียใจ
    ดีก็ช่าง
    ร้ายก็ช่าง

    เทศน์ที่สั้นที่สุด วาง
    </CENTER>


    <CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่หลุยและหลวงปู่ชอบ"เพชรคู่แฝด"
    บนยอดมงกุฎแห่งจังหวัดเลย</CENTER>


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระโพธิญาณเถร(หลวงพ่อชา สุภัทโท)
    วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ อุบลราชธานี

    [​IMG]
    เจดีย์พระโพธิญาณ</CENTER>

    <TD>
    <CENTER>ทุกข์มีเพราะยึด
    ทุกข์ยึดเพราะอยาก
    ทุกข์มากเพราะพลอย
    ทุกข์น้อยเพราะหยุด
    ทุกข์หลุดเพราะปล่อย



    [​IMG]
    อัฐิพระโพธิญาณเถระ</CENTER>


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่</CENTER>

    <TD>
    <DD>อดีตก็เป็นธรรมเมาอันหนึ่ง อนาคตก็เป็นธรรมเมา <DD>พึงทำให้จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ปัจจุบัน ละปัจจุบัน <DD>ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะทิฐิ <DD>ตัดความยึดมั่นของตนให้เสร็จลง <DD>แล้วก็สงบได้


    </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
    วัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร

    [​IMG]
    เขมปัตตเจดีย์</CENTER>

    <TD>
    <DD>เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดาทุกข์ พ้นจากสิ่งเหล่านี้ แล้วเป็นธรรมดาสุข


    ใจใดเห็นภัยในสังสารวัฎ อย่างเต็มที่ใจนั้นก็ดับตัณหาและสมุทัยไปในตัวขณะเดียวกันสติปัญญาก็พลันทันกันเป็นกองทัพธรรมพระปัญญาเป็นหัวหน้านำ ไม่ใช่สมาธิหัวตอ




    </PRE></DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร</CENTER>

    <TD>
    พุทธะคือผู้รู้ ความรู้นี้ไม่ใช่มืด ไม่ใช่สว่าง ไม่ใช่แจ้ง ไม่ใช่หลง ความที่มันหลงเราก็รู้อยู่ มืดเราก็รู้อยู่ สว่างเราก็รู้อยู่ สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้ ยังงี้


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี
    วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย</CENTER>

    <TD>
    ผู้ใดทำให้ใจถึงความเป็นกลางได้
    ผู้นั่นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง



    <DD>ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น




    <DD>แท้จริงความนึกคึดไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์</DD>​




    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร
    วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
    [​IMG]
    เจดีย์ วัดอโศการาม</CENTER>

    <TD>
    สุขโลกีย์ มันก็ดีแต่ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เท่านั้น เหมือนข้าวสุกที่เราตักใส่จานใหม่ๆยังร้อนๆควันขึ้น ก็น่ารับประทาน แต่พอตักไว้นานจนเย็นชืดก็จะกินไม่อร่อย ยิ่งทิ้งไว้จนแข็งเป็นข้างเย็น ก็ยิ่งกลืนไม่ลง พอข้ามวันก็เหม็นบูด ต้องเททิ้ง กินไม่ได้เลย


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
    วัดป่านิโคธาราม จ.อุดรธานี</CENTER>

    <TD>
    ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เป็นของเย็น เป็นของบริสุทธิ์บุคคลผู้มีปัญญาจะไม่ปฏิเสธ ธรรมของพระพุทธเจ้าพราะธรรมถ้าอยู่ในจิตใจของผู้ใด ผู้นั้นย่อมมีความสุขความเจริญ


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส)
    วัดถ้ำผาปู่นิมิตร อ.เมือง จ.เลย</CENTER>

    <TD>
    จะเอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน เช่น คิดว่า สามี ภรรยา เป็นความสุข ก็ได้รับทุกข์เพราะสามี ภรรยานั่นแหละ อยากได้ลูกมีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ จะเอาความรักก็ได้ความชังมาพร้อม จะเอาอย่างเดียวไม่ได้ อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร )
    วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่</CENTER>

    <TD>
    การภาวนา เป็นเรื่องของการบำเพ็ญ เพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความทุกข์ แม้จะมีความยากลำบากบ้างก็อย่าท้อถอย ให้เห็นเป็นธรรมดาของการจะทำสิ่งมีค่าให้เกิดขึ้น


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา</CENTER>

    <TD>
    สิ่งใดที่เรารู้เท่าทัน สิ่งนั้นไม่สามารถที่จะดึงใจของเราไปทรมานให้เกิดทุกข์ขึ้นได้


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี</CENTER>

    <TD>

    จูงจิตใจให้เข้าสู่มรรค ผล นิพพานให้เข้าสู่ในความไม่เกิดไม่ตายอย่าได้มาเวียนเกิดในกามภพ รูปภพ อรูปภพเกิดที่ไหนเป็นทุกข์ที่นั่นเขาจะมีทุกข์ยังไงล่ะทิ้งเหตุมันเสียแล้วกัน ดับแต่เหตุมันซิความทุกข์กายทุกข์ใจ เป็นทุกข์อย่างยิ่งเพราะฉะนั้นอย่าให้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าทิ้งวิริยบารมีจนกว่าจะตรัสรู้ธรรมนะรู้จักทุกข์แล้วปล่อยทุกข์ซะอยากพ้นทุกข์ก็อยู่กับธรรมะอยากเป็นทุกข์ก็ไปอยู่กับสัตว์โลก

    </PRE>
    ขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เห็นเป็นไตรลักษณ์

    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ
    วัดประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
    [​IMG][​IMG]
    อัฐิหลวงปู่พรหม
    </CENTER>

    <TD>
    <DD>คนเราเกิดมาทุกรูปทุกนาม รูปสังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าพระราชา มหากษัตริย์ พระยานานาหมื่น คนมั่งมีเศรษฐี และยาจก ล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น มีทางพอจะหลุดพ้นทุกข์ได้ คือ ทำความเพียร เจริญภาวนา <DD>อย่าสิมัวเมาในรูปร่างสังขารของตน มัจจุราชมัน บ่ไว้หน้าผู้ใด ก่อนจะดับไป ควรจะสร้างความดีเอาไว้


    </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่สาม อกิญจโน
    วัดป่าไตรวิเวก อ.เมือง จ.สุรินทร์
    [​IMG][​IMG]
    อัฐิหลวงปู่สาม</CENTER>

    <TD>
    <DD>ผู้หวังความสุขสำราญแก่ตน ควรตั้งอยู่ในศีล 5 ประการนี้ <DD>ผู้ใดรักษาศีล ศีลก็รักษาผู้นั้นไม่ให้เดือดร้อนไม่ต้องรับโทษทุกข์เพราะทุศีล <DD>บุคคลจะถึงความดับกิเลสก็เพราะศีล


    </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
    วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร

    [​IMG]
    เจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร</CENTER>

    <TD>
    <DD>เราทุกคนเกิดมาพบพระพุทธศาสนา คือศาสนาของผู้รู้ เราต้องพิจารณาสอนจิต สอนใจของตัว ระวังรักษาอย่าให้ชั่วรั่วไหลเข้ามาทับถม ชั่วที่มีอยู่รีบทำลาย กำจัดปัดเป่าออกไป สิ่งใดที่จะนำความสุข ความเยือกเย็น ความสว่างไสว ความพ้นทุกข์พ้นภัย เรารีบกระทำบำเพ็ญ ให้จิตเห็น จิตรู้ เมื่อเราทุกคนทำอยู่อย่างนี้ เราจะประสบความสุข


    </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ
    วัดเจติยาคิรีวิหาร จ.หนองคาย</CENTER>

    <TD>
    <DD>เบื้องต้นพระองค์ได้ยกส่วนผิด 2 อย่าง ซึ่งให้พวกเราละเลิก ผู้มุ่งหวังโมกขธรรมเพื่อพ้นทุกข์ คือ กามสุขัลลิกานุโยค และ อัตตกิลมถานุโยค ทั้ง กามอัตต์ทั้ง 2 สั้นที่สุด กามคือความรัก อัตต์คือความชัง <DD>ถ้าจิตใจของเรายังเอียงมาข้างรักบ้าง เอียงข้างชังบ้างก็ไม่ถูก มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง ความไม่รู้โทษแห่งความรัก และความชังนี้ท่านเรียกว่า โมหะ หรือ อวิชชา <DD>เมื่อพระองค์ชี้โทษทั้ง 2 คือทางทั้ง 2 นี้เสร็จสิ้นแล้ว จึงชี้มัชฌิมาปฏิปทาทางสายกลางที่พระองค์ตรัสรู้


    </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ
    วัดดอยธรรมเจดีย์ จ. สกลนคร</CENTER>

    <TD><B>
    ....</B>​
    จะทำจะพูดจะคิดสิ่งใด ก็จง ทำพูด คิดแต่ในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นเถิด


    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี</CENTER>

    <TD><B>
    <DD>.</B></DD>​
    ..หากว่าผู้ใดจะมาตัดคอเรา ถ้าเป็นเพราะเชื่อตามพระพุทธเจ้าว่า บาปบุญ นรกสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน.. มี เรายอมให้ตัดเลย <DD>...นี่แหละ ศาสนาเปิดเผยมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว สอนชาวเราทั้งหลาย ให้เชื่อเถิด ถ้าไม่อยากจม ให้เชื่อพระพุทธเจ้านะ </DD>​
    <TR><TD><CENTER>[​IMG]
    พระสุธรรมคณาจารย์ ( หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ )
    วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย</CENTER>

    <TD>
    สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
    : สังขาร คือ สภาพที่ปรุงแต่งให้มีขึ้น
    : สังขารโลก คือ สิ่งที่มีวิญญาณครอง คือ มนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้น
    : สังขารธรรม คือ สภาพจิตปรุงแต่งให้เป็นบุญเป็นกุศล หรือเป็นบาปเป็นอกุศล


    <TR><TD><CENTER>ที่มา : </CENTER><TD>http://www.kmitl.ac.th/buddhist/tumma/sad6.html



    </TD></TR></P></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...