รวมเรื่องการทอดกฐิน...โดย หลวงพี่เล็ก สุธัมมปัญโญ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 กันยายน 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    <TABLE id=AutoNumber1 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]

    ตอบ : เรื่องของบุญกฐินหลวงพ่อเคยบอกเอาไว้ว่า ใครเป็นเจ้าภาพกฐินตั้งแต่ ๓ ปี ติดกันขึ้นไปให้สังเกตตัวเองไว้ ความเป็นอยู่จะคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา อันนี้พิสูจน์มาแล้ว เพราะว่าจะเป็นเจ้าภาพกฐินทุก ๆ ปี ติดกันมาตั้งแต่ก่อนบวช จนกระทั่งบวชมาสิบกว่าปีแล้วรู้สึกว่าทำอะไรคล่องตัวดี


    ถาม : หมายถึงในปัจจุบันด้วยนะคะ ?

    ตอบ : จ้ะ ชาติปัจจุบันนี้เลย ความคล่องตัวมันจะเกิดขึ้นเอง ถ้าเราไม่มีความสามารถจะเป็นประธานกฐินเองก็ร่วมกับคนอื่นเขา จะปัจจัยหรือว่าเป็นสิ่งของก็ได้ อย่างพระพุทธเจ้าสมัยท่านเกิดเป็นมหาทุคคตะ เจ้านายจะทอดกระฐิน ท่านเองท่านอยากจะร่วมบุญด้วย มีแค่เข็มกับด้ายเท่านั้นเอง ร่วมในกฐินแล้วท่านตั้งความปรารถนาขอให้ท่านสำเร็จพระโพธิญาณในอนาคตด้วย อย่าคิดว่าทำแค่นั้นนะ ปรากฏว่าได้อย่างที่ต้องการ


    บุญกฐินเป็นบุญสังฆทานพิเศษ เหตุที่เรียกว่า เป็นสังฆทานพิเศษ เพราะจำกัดจำเขตที่ทำปีหนึ่งจะมีเวลาทำบุญกฐินได้แค่เดือนเดียว คือแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จนถึงกลางเดือน ๑๒ วันลอยกระทง เพราะฉะนั้นบุญกฐินก็เลยถวายเป็นบุญพิเศษ เป็นสังฆทานที่มีอานิสงส์ใหญ่มาก

    หลวงพ่อท่านบอกว่าบุคคลที่ทำบุญกฐินถ้าเกิดใหม่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ หมดบุญจากนั้นลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ ได้ลงไปเรื่อย ๆ ยังไม่ทันจะหมดบุญจากกฐินเข้านิพพานกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสก็ทำถ้าไม่มีโอกาสก็รวมกันหลาย ๆ คน ไม่จำเป็นต้องมาก บุญกฐินสำคัญที่สุดตรงผ้าไตร ถ้าเรามีน้อยสบงผืนหนึ่งก็ได้ มีมากหน่อยก็จีวรสักผืนหนึ่งถ้าหากว่ามีครบไตรได้ก็ดี ถ้ามีมากกว่านั้นพระเขามีกี่องค์ถวายให้ครบองค์เป็นมหากฐิน


    เพราะฉะนั้นกฐินสำคัญตรงผ้าไตร กว้างคืบยาวคืบพระท่านเรียกว่าผ้าไตรแล้ว ผ้าสบงมันเกินคืบแน่ ๆ ก็คือจีวรในพระพุทธศาสนาดังนั้น ผู้ที่ถวายจีวรในพระพุทธศาสนาถ้าเป็นผู้หญิงเกิดใหม่จะมีเครื่องมหาลดาปสาธน์แบบนางวิสาขามหาอุบาสิกา เครื่องมหาลดาปสาธน์นี่เป็นเสื้อคลุมทั้งตัว ที่มีมงกุฏเป็นรูปนกยูงรำแพน หางลงมาข้างล่างต่อลงมาเป็นเสื้อคลุมทั้งตัว ท่านใช้คำว่า ร้อยด้วยแก้วมณี เฉพาะแก้วก็คือเพชร แก้วมณีคือเพชร เฉพาะเพชรอย่างเดียว ๑๖ ทะนาน บุญไม่ดีจริงคอหักตายไปเลย ถ้าเป็นผู้ชาย ถ้าได้บวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพอท่านตรัสเอหิภิกขุจะมีจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ลอยมาสวมตัวให้เลย ได้ทั้งหญิงได้ทั้งผู้ชาย เกิดเป็นผู้หญิงก็ได้บุญอันนี้ เกิดเป็นผู้ชายก็ได้บุญอันนี้

    เพราะฉะนั้นการถวายจีวรในพระพุทธศาสนาจะมีกุศลขนาดนี้ แล้วถ้ายิ่งเป็นจีวรในช่วงกฐินด้วย กฐินสมัยก่อนผ้ามีน้อย ส่วนใหญ่ท่านจะคัดเลือกบุคคล คือ ภิกษุที่มีผ้าเก่าที่สุดเพื่อที่จะมอบผ้าใหม่ผืนนั้นให้กับท่านไป

    แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ผ้าจะได้มากอย่างวัดท่าซุงสมัยก่อน หลวงพ่อท่านถวายองค์ละไตรเลย อย่างของอาตมาที่นิมนต์เขามาทุกวัดก็ถวายครบทุกองค์ เพราะฉะนั้นแต่ละปี ๆ จะสั่งผ้าไตรจีวรจากร้านประจำ สั่งกันมาทีหนึ่งหลายลัง ทางด้านร้านประจำเขาจะมาส่งจีวรถึงที่แล้วคิดราคาเดิมทุกปีไม่มีขึ้น เขาถือว่าเป็นลูกค้าประจำ ปีที่แล้วก็สั่งไป ๕๐ ชุด

    snew481029.jpg
    ถาม : ถ้าจบกฐินแล้ว (ฟังไม่ชัด)
    ตอบ : ไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าอนิสงส์กฐินจริง ๆ มันอยู่ที่คนทำซะมาก พระนี่พอรับกฐินแล้วจะมีอานิสงส์ตรงที่ว่าสามารถจะผ่อนคลายสิกขาบท คือ ศีลพระ ได้หลายข้อ อย่างเช่นว่า เที่ยวไปไม่ต้องบอกลา ถ้าก่อนจะได้อานิสงส์กฐินนี่จะไปไหนต้องแจ้งก่อนทุกครั้ง

    บางคนจะไปในที่ ๆ ตนเองคิดว่ามันไม่น่าจะบอกคนอื่นก็จะอึดอัดใจ ไม่อยากบอกใคร อย่างนี้สามารถฉันโภชนาได้ คณะโภชนาก็คืออาหารที่เจ้าภาพเขาออกชื่อ ถ้าเจ้าภาพนี่เขาออกชื่อนี่จะไปฉันเกิน ๓ องค์ไม่ได้ ถ้าเกิน ๓ องค์ เขาปรับอาบัติศีลขาดหมดเลย เพราะว่าสมัยก่อนพระมีเยอะ พอเจ้าภาพออกชื่ออย่างเช่นว่าถ้านางวิสาขามหาอุบาสิกา บอกพรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวมธุปายาส พระไปซะ ๕๐๐ องค์ อยากกินของดี เลยต้องสั่งห้ามคณะโภชนา คือเจ้าของออกชื่ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นแกงหมู แกงเป็ด แกงไก่ ถ้าบอกชื่อขึ้นมานี่ห้ามฉันเกิน ๓ องค์ ถ้า ๔ องค์ขึ้นไปเรียกว่า คณะโภชนา โดนปรับอาบัติทุกองค์ ถือว่ารบกวนเขามาก

    เพราะฉะนั้นพวกเราถ้านิมนต์พระฉันนี่ ให้บอกว่านิมนต์ฉันเช้า นิมนต์ฉันเพล อย่าไปออกชื่ออาหาร ถ้าออกชื่ออาหารพระไม่ได้ฉันหรอก ให้ฉันปรัมโภขนาได้ ปรัมโภชนานี่หมายความว่าเราฉันจากที่ของเราก่อนแล้วไปในที่นิมนต์ฉันต่อได้ เพราะว่าบางเจ้า อย่างทางวัดท่าซุง ถ้าเจอผู้ใหญ่จันทร์นิมนต์นี่หน้ามืดทุกทีแหละ เพราะผู้ใหญ่จันทร์นี่สองโมงครึ่งยังไม่ได้ฉันเช้าเลย แกจะลากยาวของแกไปเรื่อยแหละ พอคนเตือนก็ ฮึ้ม ! มันจะหิวอะไรนักหนาเชียว ก็ตัวเองกินข้าวเย็น ตื่นเช้าขึ้นมาฟาดกาแฟไปอีกต่างหาก ส่วนพระแขวนท้องมาอย่างน้อย ๑๘ ชม. แล้วเขาไม่ได้นึกถึงตรงจุดนี้

    เพราะฉะนั้นถ้าได้อานิสงส์กฐิน เราฉันไปก่อนจะเป็นข้าวต้ม หรือกาแฟ หรือโอวัลติน ไปก่อนได้ แล้วไปฉันต่อที่โน่น แต่ถ้าหากว่าไม่ได้อานิสงส์กฐินแล้ว ไปฉันอย่างนั้นพระพุทธเจ้าท่านปรับอาบัติ ศีลขาดเพราะว่าไปฉันของเขาได้น้อย เดี๋ยวเจ้าภาพเขาจะเสียใจ มันทำลายศรัทธาเขา

    ผ้าที่เกิดขึ้นในที่นั้นสามารถเก็บไว้เป็นของตัวเองได้ คือหมายความว่า ผ้าที่ได้ในช่วงนั้น ถ้าเราได้อานิสงส์กฐิน เราเก็บไว้ใช้เองได้ ถ้าหากว่าไม่ได้อานิสงส์กฐินได้มาต้องวิกัป คือทำเป็น ๒ เจ้าของ หมายความว่า เป็นเจ้าของร่วมกับคนอื่น หากเขาต้องการใช้เขาเอาไปได้ ไม่อย่างนั้นแล้วกลัวจะเป็นการสะสมเพราะสมัยนั้นถ้าหากว่าเศรษฐีเขาถวายใช่มั้ย ?

    อย่างผ้าสาฏกผืนหนึ่งราคาต่ำสุด ๒๐๐,๐๐๐ กหาปณะ ๘๐๐,๐๐๐ บาทสมัยโน้นน่ะ สมัยนี้ ๘๐๐,๐๐๐ ก็ไม่ได้หรอก กลัวว่าพระจะสะสมของดี ๆ เยอะไป ก็เลยห้ามไว้เหล่านี้ เป็นต้น

    เพราะฉะนั้นจะผ่อนคลายสิกขาบทนี้ได้ ศีลทั้งหลายเหล่านี้ พระพุทธเจ้าท่านจะหย่อนให้ คือ เครียดมาทั้งพรรษาแล้ว ออกพรรษาได้อานิสงส์กฐิน ผ่อนให้หน่อยหนึ่งจนถึงกลางเดือนสี่ เป็นอันว่าเริ่มกลับเข้าไปเข้างวดตามเดิม

    อานิสงส์กฐินนี่ถ้าจำพรรษามาตลอดพรรษาแล้ว ไม่ได้กรานกฐินจะได้อานิสงส์นี้เดือนเดียว แต่ถ้าได้กรานกฐิน ก็เพิ่มให้จนถึงกลางเดือนสี่ ก็เท่ากับว่าได้ไปห้าเดือนเต็ม ๆ เพราะฉะนั้นอานิสงส์กฐินมีมาก คนทำได้เยอะแต่ขณะเดียวกันก็ช่วยให้พระสงส์ได้ผ่อนคลายจากระเบียบอันเข้มงวดลงไปบ้าง แล้วอีกอย่างหนึ่งเป็นทานที่จำกัดเวลา ก็เลยมีอานิสงส์มากเป็นพิเศษ

    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=tcat align=middle>หลวงพ่อและหลวงพี่เล็ก</TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลวงพ่อท่านให้สังเกต ก็ลองสังเกต จริงอย่างท่านว่าทุกอย่าง ท่านบอกว่าใครได้เป็นเจ้าภาพกฐินติดกันตั้งแต่ ๓ ปีขึ้นไป สังเกตความเป็นอยู่ของตัวเองจะคล่องขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เราเองถ้าไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้สึก แต่ถ้าสังเกตแล้วจะรู้ อย่างคนคนอื่นลำบากทำไมเราไปของเราเรื่อย ๆ จะเป็นอย่างนั้น

    ที่วัดก็ตั้งใจทอดกฐินถวายหลวงพ่อปีละ ๙ วัดทุกครั้ง แต่ส่วนมากมันเกินปีที่ผ่านมาเจอไป ๒๒ วัด คือพอเขาได้ยินแล้ว เขาเองกฐินไม่มีเขาก็จะมาขอ พอมาขอก็เอา ถึงเวลานิมนต์เขามา พอเรารับกฐินได้เท่าไหร่ก็หารกันไปเลย
    ตอนนั้นนะกลายเป็นว่า ถ้าเป็นกฐินของมาตมานี่ ตัวเองแทบจะไม่ได้รับเลย (หัวเรา) คราวที่แล้วเจ้าภาพหลวงพี่สพฤกษ์ ท่านเป็นเจ้าภาพ ท่านจะนิมนต์พระมานั่งเรียงกันไปเลย แล้วเจ้าภาพแต่ละคนถวายเฉพาะของใครของมันเลย แต่ว่าโดยมารยาทแล้วถ้าถวายเสร็จนี่เขาจะถวายกลับคืนไห้กับเจ้าของวัด เราต้องประกาศเลยว่า อันนี้ถวายขาดเป็นสิทธิ์ให้เขาเอากลับได้เลย ไม่อย่างนั้นถ้าเขาคืนมาเขาจะไม่ได้อะไร เพราะฉะนั้นเจ้าภาพแต่ละคนมีแต่ประเคนไปเองเลย แล้วเขาเองเขารับเสร็จก็หอบกลับวัดไปได้เลย

    หลายคนเขาแปลกใจว่าเรารับกฐินแล้วทำไมไม่ได้สตางค์อะไรมากมายเหมือนคนอื่นเขา บอกไม่ขาดทุนก็บุญแล้ว (หัวเราะ) เพราะว่ายังต้องเลี้ยงโยมเลี้ยงอะไรอีก มันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าจากความตั้งใจคือเดือนตุลาคม ซึ่งมักจะเป็นช่วงกฐิน จะเป็นเดือนมรณภาพของหลวงพ่อ แล้วเป็นเดือนที่จัดงานวันเกิดหลวงพ่อด้วย ทั้งเกิดและทั้งตายเดือนเดียวกัน ตั้งใจตั้งแต่ออกไปอยู่ทองผาภูมิว่าจะทำถวายหลวงพ่อทุกปี แล้วก็สามารถทำมาได้ทุกปีเหมือนกันนะ


    ฉบับที่ 7 หน้า 5


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    <TABLE id=AutoNumber1 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">
    [​IMG]

    ตอบ : ช่วงนี้เป็นช่วงของกาลกฐิน คำว่ากาลนี่ กาละแปลว่าเวลา เวลาของกฐิน กฐินจริง ๆ ความหมายก็คือผ้าสะดึง คือผ้าที่ขึง เครื่องขึงที่ยึดผ้าให้ตึงจะได้ประกอบให้เป็นสิ่งโน้นสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเย็บปักถักร้อยอะไรก็ง่าย


    กาลกฐินนี่จะเป็นเรื่องกำหนดตามระเบียบพิธีของสงฆ์โดยเฉพาะพระภิกษุที่จำพรรษาแล้วเป็นเวลาครบถ้วน ๓ เดือน


    สมัยก่อนนั้นพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เปลี่ยนจีวรได้ คราวนี้ว่าการเปลี่ยนจีวรนี้ต้องสมเหตุสมผล คือว่าเป็นผู้ที่จีวรเก่าจริง ๆ ชนิดที่เรียกว่าหมดสภาพแล้วก็อนุญาตให้เปลี่ยนได้ ท่านก็ให้เสาะหาผ้าที่จะมาทำจีวร ภายหลังการเสาะหาผ้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก นางวิสาขาก็ดี อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี ก็ขอให้รับคหปติจีวร คือจีวรที่มีผู้น้อมมาถวายได้ คราวนี้พอจำพรรษาแล้วครบสามเดือนมีสิทธิรับกฐินได้ กาลกฐิน คือเวลาของการรับกฐิน เริ่มตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดไปสิ้นสุดเอากลางเดือนสิบสองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ช่วงระยะนี้วัดไหนก็ตามที่มีเจ้าภาพตั้งใจว่าจะถวายกฐินก็จะจัดให้ถวายกฐินขึ้นมา คราวนี้กฐินเป็นงานบุญพิเศษ

    ความจริงกฐินเป็นสังฆทานเหมือนกันแต่บังเอญว่าจำกัดด้วยเวลาคือทำได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นในหนึ่งปี ก็เลยจะมีอานิสงส์พิเศษ หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่าให้เรารู้จักสังเกตตัวเอง ใครก็ตามที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพทำบุญกฐิน คำว่าเจ้าภาพไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจาะจงว่าตัวเองเป็นประธานหรือว่าหาสิ่งของทั้งหมดมา เราร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยจะเล็กน้อยยังไงก็ตามถือว่าเป็นเจ้าภาพเหมือนกัน ท่านบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจเป็นเจ้าภาพกฐินติดต่อกันได้ถึงสามปี ให้สังเกตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความเป็นอยู่จะคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา จะมีความสะดวกกว่า
    เพราะฉะนั้นก็ให้พวกเราตั้งใจลักษณะนี้ ตัวอาตมาเองตั้งใจตั้งแต่ก่อนบวชจนกระทั่งถึงบวชแล้ว แต่ละปีจะทำบุญกฐินปีละมาก ๆ หลาย ๆ วัด สมัยที่ก่อนบวชถึงเวลาหน้ากฐินก็เตรียมซองไว้เลย ซองละพัน ๆ เจอเขาทำที่ไหนก็ถวายร่วมกับเขาที่นั่น พอเป็นพระมาก็ใช้วิธีจัดแบบนี้ คือว่านิมนต์พระที่ท่านไม่ีมีกฐินหรือว่าพระที่เป็นมิตรสหายคุ้นเคยกันมา มารับกฐินที่วัดของเรา หรือว่าอย่างระยะหลัง ๆ นี่ไปเป็นประธานทอดให้เขาด้วย หรือว่าทางด้านโน้นเขาเรียกร้องมาก็ต้องไป


    อานิสงส์ที่ชัดที่สุด ก็คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระพุทธเจ้าสมัยที่ท่านเกิดเป็นมหาทุกขตะ คือคนที่จนมาก

    ท่านเป็นคนรับใช้คนอื่นเขา ในสมัยนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่าปทุมมุตตระ ท่านเป็นคนใช้เขา

    เจ้านายจะจัดกฐินก็สั่งให้มหาทุกขตะจัดการให้ทุึกอย่าง มหาทุกขตะก็บอกว่า ข้าแต่นายขอร่วมมีส่วนในกฐินนี้ได้หรือไม่ นายก็บอกว่าได้ซิเรามีอะไรล่ะ
    บอกว่าเดี๋ยวขอเสาะหาก่อน คราวนี้เขามีแต่ผ้านุ่งอยู่ผืนเดียว แขกเขาจะมีผ้านุ่งอยู่ผืนหนึ่งแล้วผ้าห่มผืนหนึ่ง แต่มหาทุกขตะจนมากมีผ้านุ่งผืนเดียวก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรดี เลยเข้าไปในป่าเอาใบไม้มาเย็บทำเป็นเครื่องนุ่งห่มแทน แล้วเอาผ้าผืนนั้นไปที่ตลาดไปถามกับพ่อค้าว่าผ้าผืนนี้สามารถแลกของอะไรได้บ้าง เขาถามว่าเธอจะเอาไปทำอะไรผ้าก็เก่าเต็มทีจะแลกของอะไรได้นักหนาเชียว เขาก็บอกว่านายของเรานี่จัดกฐินขึ้นมาเพื่อทอดถวายพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เราก็อยากทำบุญด้วยก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้เข็มไปเล่มหนึ่งแล้วก็ด้ายไปกลุ่มหนึ่ง เพราะว่าผ้าเก่ามากแล้วมีค่าน้อยมาก ท่านก็เอาเข็มกับด้ายนั้นเข้า
    ไปร่วมในกองกฐินแล้วตั้งใจอธิษฐานว่าขอให้ผลบุญที่ได้ทำบุญกฐินครั้งนี้ขอให้ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณดังที่ปรารถนาด้วยเถิด
    เสร็จแล้วปรากฏว่าพอถึงชาติปัจจุบันนี้ท่านบรรลุมรรผลได้จริง ๆ




    หลวงพ่อท่านเคยเทศน์ถึงอานิสงส์กฐินท่านบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจทำบุญกฐินพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าแม้แต่ทิพจักษุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งถือว่าเลิศแล้วที่สุด ยังมองไม่เห็นเลยว่าอานิสงส์นั้นจะไปสิ้นสุดตรงไหน ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะเป็นพระมหากษัตริย์ หรือเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เกิดแล้วเกิดอีกอยู่ในระดับของความดีนี้ตลอดจนกระทั่งไม่สิ้นสุดของอานิสงส์กฐินก็จะเข้านิพพานเสียก่อน ฟังดูแล้วน่าทำไหม ร่วมกับเขาบ่อย ๆ

    snew481029_1.jpg

    ถาม : แล้วอย่างจุลกฐิน ?
    ตอบ : จุลกฐินกับมหากฐินนี่จริง ๆ แล้วเป็นเครื่องที่เรากำหนดขึ้นมาภายหลัง จุลกฐินนี่จะอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าเขาจะทอผ้าเย็บเป็นสบงเพื่อให้เสร็จในวันเดียวเพื่อจะย้อมไปถวายพระ ส่วนมหากฐินนี่เขาหมายความว่ามีจีวรครบไตร แต่ระยะหลัง ๆ ที่อาตมาทำนี่ไม่ใช่ครบไตรอย่างเดียว พระมากี่องค์นี่ถวายครบด้วย ก็เลยเรียกไม่ถูกว่าเป็นมหากฐินยังไงนะ แต่ว่าสมัยก่อนผ้าหายากจริง ๆ ก็เลยถือว่าผ้ากว้างคืบยาวคืบเป็นจีวรได้แล้ว พระท่านจะไปเย็บต่อเอง รอยเย็บก็อย่างที่เห็นตามจีวรจะมีรอยต่ออะไรอยู่

    อันนี้พระอานนท์ออกแบบมาสองพันกว่าปีแล้ว ยังฮิตอยู่เลยไม่เคยเปลี่ยนแบบ พระอานนท์ท่านออกมาท่านท่านเอาแบบมาจากนา ท้องนาของเขาจะมีคันนามีอะไร คราวนี้ว่าผ้าที่เป็นเศษผ้าเก็บจากตรงโน้นมาเก็บจากตรงนี้มาพอถึงเวลาก็มาตัดให้เข้ารูปเข้าร่างเย็บต่อ ๆ มันขึ้นมา สมัยก่อนผ้าหายากมากแล้วแขกขโมยเก่งด้วย เผลอหลับมันดึงไปจากตัวเลย พระเขาถึงได้มีกำหนดว่าก่อนอรุณนี่ห้ามห่างจากจีวรเลย สมัยนั้นผ้าผ่อนหายาก สมัยนี้หาง่ายแล้ว แต่ว่ายังมีอานิสงส์กฐินอันนี้อยู่ ยังมีการถวายกฐินลักษณะนี้อยู่้

    แต่ว่าเท่าที่พบว่ากฐินหลวงคือกฐินที่ในหลวง ท่านทอดถวายตามพระอารามต่าง ๆ จะมีผ้าสบงสีขาวอยู่ผืนหนึ่งให้ไปย้อมกันวันนั้น ย้อมเสร็จตากแห้งเสร็จก็เอาไปเป็นผ้ากฐิน ความจริงจะให้ทั้งชุดก็กลัวว่าจะลำบากมากเสียเวลาย้อมเสียเวลาซัก ก็เลยจะมีผ้าที่มีสีขาวอยู่ผืนหนึ่งที่เรียกว่าสบง อำเภอทองผาภูมิมีอยู่วัดหนึ่งคือวัดทองผาภูมิ อันนั้นถึงเวลาพวกบรรดาส่วนราชการต่าง ๆ ก็จะติดต่อสำนักพระราชวังขอกฐินหลวงไปลง สำนักพระราชวังเขาจะมีรายชื่ออยู่แล้วว่าวัดไหนเป็นอารามหลวงบ้าง ถ้าหากว่าวัดไหนยังไม่มีใครเป็นเจ้าภาพก็จะเตือนไปยังเจ้าของพื้นที่ใครจะรับ เพราะจริง ๆ แล้วในหลวงเป็นเจ้าภาพ เพียงแต่หาคนเชิญไปเท่านั้นเอง

    เล่ม 18 หน้า 3




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    เรื่องของอานิสงส์


    [​IMG]



    1. ทำบุญทางธนาณัติตายจากคนไป...แล้วไปเกิดบนสวรรค์
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=40675



    ************************************************​

    [​IMG]

    2. อานิสงส์การทอดกฐินและการทอดผ้าป่า โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ผู้ถาม
    การทอดผ้าป่า กับการทอดกฐิน อย่างไหนได้อานิสงส์มากกน้อยกว่ากันคะ.........?

    หลวงพ่อ
    ความจริงผ้าป่า กับกฐิน เป็น สังฆทาน ด้วยกันทั้งคู่นะ
    แต่ทว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐิน ได้มากกว่าเพราะกฐินมีเวลาจำกัด
    จะทอดตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น

    การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมมุตตระ ท่านเคยเทศน์วาระหนึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นมหาทุกขตะ
    คำว่ามหาทุกขตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ท่านเอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ของตนนำไปแลกกับด้ายหนึ่งกลุ่ม เข็มหนึ่งเล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
    ท่านกล่าวว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง จะปรารถนาพุทธภูมิ ก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้

    แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดอานิสงส์จะให้ผลท่านผู้นั้น
    เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา แล้วลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๕๐๐ ชาติ
    เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็น คหบดี ๕๐๐ ชาติ

    แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วมในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันจะหมดกก็ปรากฏว่าท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน

    ผ้าป่า ก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่งแต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่า ผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผู้รับมีอานิสงส์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ

    ผู้ถาม
    องค์กฐิน ที่แท้จริง เป็นอย่างไรคะ........?

    หลวงพ่อ
    องค์กฐิน จริง ๆ คือผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลา กรานกฐินจริง ๆ เรากรานได้แต่ผ้า
    การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จะถวายทั้งไตรก็ได้ ถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดนี่ (วัดท่าซุง) จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคนได้อานิสงส์เท่ากันหมด

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=5279

    ***********************************************



    3. อานิสงส์ กฐินทานในพระไตรปิฎก

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=50116
     
  4. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ - เทศน์เกี่ยวกับกฐิน
    ลองฟังดูดีมากเลย เรื่องการทำบุญและอานิสงส์ทอดกฐิน มีการยกพระสูตรและอื่นๆที่เรายังไม่ทราบ
    เช่น ที่หลายคนสงสัย ทำบุญกฐิน มากบ้าง น้อยบ้าง จะมีอานิสงส์เหมือนกันไหม ? จะมีทรัพย์สินจะต่างกันไหม? ลองไปฟังดู...
    และเรื่องบุญกฐินแรงให้ผลชาตินี้


    - เทศน์งานกฐิน.mp3 (1.83 MB)
    - ปกินกะเทปงานกฐิน.mp3 (1.33 MB)

    http://www.palungjit.org/buddhism/audio/showthread.php?t=106
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...