รวยจากการทำทานหรือจากเทรดดีครับ??

ศีล5รับคุณธรรพระอรหันต์ไม่ไหวหลอก

 

ก็แล้วแต่วาสนานาน่วม

นักปฏิบัติ ถ้าทำถูกมันก็รู้เอง
ฆารวาสก็เหมือนน้ำบ่อน้อย
ถ้ามันล้นจนชาวบ้านเดือดร้อน ก็สมควรไป
อย่าปล่อยให้ไปท่วมไร่นาเขา

บวชมันเหมือนมหาสมุทร
ชาวบ้านได้กินได้ใช้
ไปก็ไปเพื่อประโยชน์คนอื่น

เอาเข้าจริง ไม่มีหรอก
ที่จะหวงผมบนหัว กับหุ้นติดดอย

 

นกเต่าปลาขึ้นบน/เสือตายลงล่าง/ปริิศนาวันที่หนึ่งนะร่อนนะ

 

แล้วใครบอกรับใหวคับ
พร้อมเป็นพระอรหันต์ค่อยไปบวชก็ได้
มีคนห้ามบวชด้วยหรือคับ

 

ศีลเป็น พื้น ฐานเครื่องวัดแค่ ห้า ข้อ

ไปตามฐานนะ
ฆราวาส และ นักบวช
เป็นกฎข้อบังคับ ป้องกัน คุ้มครองนักปฏิบัติ
ไปตามฐานะ
ของ ฆราวาสและนักบวช

แต่ในความเป็นจริง ข้อเดียว คือใจ

ปัญญามาก ก็มีข้อเดียวคือใจ
ปัญญาน้อย ก็มีหลายข้อ

 

หลวงพี่ถ้าผมอยากถูกจริงๆผมจะซื้อ96
55

 

เอิ่ม.....

งั้น ฟังใหม่

เงินทุกบาท ที่ เป็นคนนอก ถือว่า เป็นเงินทุน

การซื้อ ขาย เป็นเรื่อง ระบบนายทุน

ส่วน รัฐสวัสดิการ เงินทุกบาท จะถือว่าเป็น
เงินทุน ฝากไว้ ห้ามเคลื่อนย้าย ห้ามทำให้หาย
ห้ามผ่องถ่ายเป็นของตน

เงินที่ลูกค้านำมา จึง เอามา ฝากไว้ อย่างเดียว

ส่วน ชิสุ ที่ให้ไป จัดเป็น สวัสดิการ ทั้งหมด

กรณีมีการ แถม หรือ เหลือ ก็ให้ แปรเป็น ทุนฝากไว้

วิธีคิดแบบนี้ ก็ออกแนว สังคมนิยม เพียงแต่
ใครจะทำหน้าที่อะไร หากเป็น ระบบสังคมนิยม
จะกำหนดโดย สังคม ( เอาเข้าจริงๆ ก็ กษัตรย์
แต่เรียกให้ เพี้ยนเป็น นายกบ้าง ปธน บ้าง )
แต่ระบบ สวัสดิการเสรี ใครถนัดหรือชอบอะไร
ก็ทำไป ( ตราบใดที่ AI ยังไม่ คล่อง )

 

ใส่2เข้าไป/สามตัวตรงเลยมั้งนั่น

 

ทำทาน ในพุทธศาสนา ได้ บุญ กุศลกรรม


เข้าถึงพระนิพพานได้ด้วยทานบารมีเต็ม ท่านจันทนา วีระผล
เข้าถึงพระนิพพานได้ด้วยทานบารมีเต็ม

๑. “ที่พวกเจ้าเข้าใจว่า พระจันทนา วีระผลนั้นเข้าถึงพระนิพพานปรมัตถ์ได้ด้วยอาศัยจาคะเป็นเหตุนั้น ถูกต้อง เพราะท่านผู้นี้มีกำลังใจเต็มอยู่เสมอ ที่จักสละทานการให้อยู่เป็นปกติ ไม่ว่าทรัพย์ภายนอกหรือทรัพย์ภายใน สละได้โดยไม่หวังผลตอบแทนอยู่เป็นนิจ”


๒. “ทรัพย์ภายนอกได้แก่ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ ท่านสละได้โดยไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น จิตใจไม่โลภ แม้กระทั่งหวังได้ผลบุญมากตอบแทนก็ไม่มีอยู่ในจิต จิตจึงผ่องใสอยู่ตลอดเวลา ทรัพย์ภายในคือท่านหมั่นสละอารมณ์โลภ โกรธ หลง ที่เกาะอยู่ในจิตอันอาศัยขันธ์ ๕ เป็นเหตุอยู่นี้ เพียรละอยู่ตลอดเวลา จึงมีความผ่องใสของจิตเพิ่มขึ้นมาเป็นลำดับ การสละจาคะอยู่อย่างนี้ท่านทำอยู่เป็นปกติ ในที่สุดจึงมีกำลังใจเต็ม สละร่างกายได้ในวาระที่มีโอกาสที่จักไปพระนิพพานได้”



ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=79263

 

น้ำบ่อน้อยบ่อใหญ่ก็มีประโยชน์ทั้งนั้นหากใครใช้เป็น
เป็นพระเป็นกันที่โกนผมอย่างนั้นหรือคับท่านจอน

 

คนบวชได้ นี่ดีที่สุด เมื่อตั้งใจจริง จะไปยังสุดทาง น่าอนุโมทนา

ฆราวาสก้ไม่ต้องน้อยใจ
เพราะพระพุทธเจ้า ก็ สอนวิธีไว้ สำหรับฆราวาส
ก็สามารถบรรลุอรหันต์ได้เช่นกัน เมื่อมีความตั้งใจจริง

การงานที่ทำอยู่สามารถ เอามาภาวนาเดิน มรรคได้หมด

 

ให้เค้าคุยกันไป/คุยกันระดับเปลือกคุยมากก็ไม่ได้อะไร/แยกมาคุยเรื่องทั่วไปดีกว่า/ธรรมเป็นของโลก/ธรรมมีอยู่ในโลก/คุยเรื่องทั่วๆไปแต่อาจแฝงคติธรรมและการชี้ทางให้คนอื่นก็ได้/อยู่ที่ปัญญาของผู้เก็บเกี่ยว

 

สองก้าวอย่าให้หกเดี๋ยวจะไปไม่ถึงปลายทาง

 

จิตพอมันสูงขึ้น
มันจะค่อยมองได้ละเอียดขึ้น

ถ้าอยู่แล้วคนอื่นเดือดร้อน
มันก็ไปเองแหละ

ยกเว้นพวกสำคัญผิด
ส่วนใหญ่พวกนี้จะหวงแก๊ง หวงกลุ่ม
ไม่กล้าแม้นแต่จะโกนหัว

 

ทุกข์แลกมาทั้งนั้นมีอะไรน่ายิ้นดีโลกนี้

 

พุทธบริษัท สี่

ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

จะเรียกเต็มๆ ได้
เป็นพระจริงๆ หรือเป็น ภิกษุจริงๆ
หรือ อุบาสก อุบาสิกา จริงๆ

ต้อง มีคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป

ท่านจึง ให้เรียก สมมุติเป็นเบื้องต้น

 

7วันต้องบวชอาจไม่จริงค่ะ หวีว่าอยู่เป็นฆราวาสต่อได้...จิตที่ถึงวิมุติแล้ว ไม่น่าจะมีกิเลสตามมาฆ่าได้

 

มีคนได้กะมีคนเสียแค่พอเลี้ยงตัวเองได้กะบุญหัวแล้ว

 

จิตมันรับความสกปกของขันธ์บ่ได้
จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว