รวยทุนแม้จนทรัพย์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 23 เมษายน 2005.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    รวยทุนแม้จนทรัพย์

    พระไพศาล วิสาโล



    ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงของประเทศตอนนี้ถูกทอนให้เหลือเพียงเรื่องเดียวคือปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาเศรษฐกิจซึ่งมีมากมายหลายเรื่องก็ถูกทอนให้เหลือเพียงเรื่องเดียวอีกเช่นกัน นั่นคือ การขาดสภาพคล่อง นักธุรกิจบ่นว่า ธนาคารไม่ยอมให้สินเชื่อ ก็เลยส่งสินค้าออกลำบาก ส่วนพ่อค้าก็บ่นว่า คนไม่มีกำลังซื้อกิจการเลยตกต่ำเพราะไม่มีคนเข้าร้าน ครูใหญ่ก็อ้างว่าปรับปรุงคุณภาพการศึกษาได้ยากเพราะผู้ปกครองไม่มีเงินอุดหนุน เช่นเดียวกันผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้จะพัฒนาหมู่บ้านอย่างไรเพราะรัฐบาลตัดงบไปเกือบหมด ขณะที่นักเรียนก็หวั่นๆ ว่าปีนี้จะสอบเอ็นทรานช์ไม่ได้ เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนพิเศษ

    ประเทศทั้งประเทศทำท่าจะหยุดชะงักไปหมดเพราะว่าขาดเงินขาดงบสินเชื่อ เราก็เลยรอว่าเมื่อไรเงินจากนักลงทุนต่างชาติจะไหลบ่ามาเสียที ประเทศจะได้ก้าวเดินต่อไปได้อีก การขาดแคลนเงินตรากลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศ เพราะเมื่อไม่มีเงินเสียแล้ว ก็เลยไม่มีทุนจะทำอะไรได้ แต่จริงหรือที่ว่า เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีทุนจะทำอะไรได้ เงินนั้นคือทุน ข้อนี้ไม่มีใครเถียง แต่ใครว่าทุนหมายถึงเงินเท่านั้น

    ถ้า "ทุน" หมายถึงสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดผลหรือประโยชน์งอกเงยได้ หลายต่อหลายอย่างก็สามารถจะเป็นทุนได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเงินเท่านั้น มองในแง่นี้แล้ว​
     
  2. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    มีเศรษฐีนีคนหนึ่งร่ำรวยด้วยการออกเงินกู้ดอกเบี้ยสูง ระยะหลังก็ผันเงินไปซื้อหุ้นอีกทางหนึ่งด้วยแต่เมื่อเศรษฐกิจล่มสลาย เงินหลายสิบล้านก็หายวับไปกับหุ้นที่ดิ่งลงเหว ส่วนเงินที่ให้กู้ก็หมดทางที่จะได้คืนเลยไม่มีเงินใช้หนี้ที่กู้จากธนาคารมาลงทุนสร้างตึกแถว เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตัวเองเกิดป่วยเป็นมะเร็ง เธอไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากคิดฆ่าตัวตาย ชีวิตย่อมมีทางออกที่ดีกว่าการฆ่าตัวตายแน่นอน แต่ทางเลือกของอดีตเศรษฐีนีผู้นี้หดหายไปมาก เพราะเธอไม่คิดจะสร้างทุนอย่างอื่นเลย นอกจากเงิน หุ้นและตึกแถว เธอไม่มีความเอื้อเฟื้อให้แก่ใครเลย อย่าว่าแต่ลูกหนี้ จึงเป็นคนไม่มีเพื่อน และดังนั้นจึงยากที่จะมีใครมาให้ความช่วยเหลือ

    หรือให้หยิบยืมเงินเพื่อไปรักษาตัว
    ศาสนาเธอก็ไม่สนใจ จึงไม่มีคำสอนของพระศาสดาเป็นที่พึ่งพา ไม่มีศรัทธาที่จะวางใจในสิ่งใดที่ไปพ้นตนเอง จึงทำใจไม่ได้กับทรัพย์สินที่สูญเสียและความตายที่กำลังย่างกรายเข้ามา

    ด้วยเหตุนี้ ลำพังการรู้จักพึ่งพาหรือใช้สอยทุนใกล้ตัวที่ไม่ใช่เงินตรา เห็นจะไม่พอ เรายังจำเป็นต้องการสร้าง และสะสมทุนอย่างอื่นด้วยนอกจากเงิน นั่นหมายความว่า นอกจากการเสริมสร้างวิชาความรู้เพิ่มพูนทักษะ และออกกำลังกายแล้ว เรายังต้องรู้จักมีน้ำใจให้ผู้อื่น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อมิตรสหายและญาติพี่น้อง ดูแลเอาใจใส่บุคคลในครอบครัว มีความปรารถนาดีหรือจริงใจต่อผู้ที่เราเกี่ยวข้อง รวมทั้งคู่ค้าธุรกิจด้วย

    นิรมล เมธีสุวกุล เล่าว่า ระหว่างที่ทำงานต่างจังหวัด มีคุณป้าคนหนึ่งถามคณะของเธอว่า หากได้ปลาใหญ่มาตัวหนึ่ง วิธีที่จะกินปลาได้นานที่สุดควรทำอย่างไร ? บ้างก็ตอบว่า ทำเค็ม ตากแห้ง แช่แข็ง ทำปลาร้า ฯลฯ "คุณป้ายิ้มเอ็นดู แล้วตอบว่า ให้เอาไปแจกจ่ายแก่เพื่อนบ้านอย่างทั่วถึง"

    มิตรภาพย่อมนำอาหารมาให้เราเอง แต่เราต้องรู้จักสร้างมิตรภาพก่อนเป็นอันดับแรกมองอย่างเห็นแก่ตัว การเอาปลาไปแจกจ่ายเพื่อนบ้าน ก็คือการเอาปลาไปฝากไว้ในท้องของเขานั่นเองจะเรียกว่า ท้องของชาวบ้านเป็นกระปุกออมสินกลายๆ ก็ได้ แต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ถ้าเราตั้งจิตแต่ทีแรกว่า ให้ไปเพื่อหวังจะได้ผลประโยชน์กลับคืนมา ก็โปรดเตรียมใจ "ขาดทุน" ไว้ได้เลย เพราะนอกจากจะเกิด "มลพิษ" คือความเห็นแก่ได้เพิ่มพูนขึ้นในจิตแล้ว ไมตรีจิตและมิตรภาพนั้นก็กลายเป็นของเทียม และจะบูดเน่าทันทีเมื่อเราทวงบุญคุณ อาการบูดเน่าหรือความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาวนี้จะทิ่มแทงจิตของเรา ส่วนความเห็นแก่ได้นั้นเผาลนีจิตใจไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงตรงนี้ ก็ลืมไปได้เลยว่า การสร้างมิตรภาพหรือความเอื้อเฟื้อนั้นคือการลงทุนอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่พึงเหลืออยู่ในใจก็คือ ความตระหนักว่า ความรัก ศรัทธา น้ำใจไมตรี และความสัมพันธ์อันเกื้อกูลไม่ว่าระหว่างมิตร ญาติพี่น้อง และในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าเงินทองมากนัก ยิ่งในยามยากด้วยแล้ว อานิสงส์ของสิ่งเหล่านี้จะมากมายมหาศาล แต่เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ได้เมื่อสลัดเงินออกไปจากหัวของเราบ้าง เพราะตราบใดที่เงินยังครอบงำกำกับความคิดอยู่ เราจะทำอะไรไม่ได้เลยหากไม่มีเงิน สาเหตุที่คนเป็นอันมากสิ้นหวัง ท้อแท้ ไร้เรี่ยวแรง จนอยากคิดฆ่าตัวตาย (ซึ่งมีถึงร้อยละ ๑๗ จากการสำรวจของสวนดุสิตโพลล์) ก็เพราะเราเห็นเงินเป็นที่พึ่งพาอย่างเดียวในชีวิต ไร้เงินก็ไร้ทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ความจริงเรายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถช่วยเราได้

    การที่เรามีเงินน้อยลงนั้นน่าจะมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือทำให้เรามีเวลามากขึ้น เพราะไม่อาจไปเที่ยวเตร่หรือช็อปปิ้งได้พร่ำเพรื่อเหมือนเมื่อก่อน เวลาคือปัจจัยพื้นฐานสำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดให้แน่นแฟ้น รวมทั้งการสัมผัสกับชีวิตด้านในของตนเอง เศรษฐกิจฟองสบู่ทำให้เราร่ำรวยเพียงอย่างเดียว คือรวยเงิน แต่จนไปแทบทุกสิ่ง จนทั้งเวลา จนทั้งความสัมพันธ์ จนทั้งความสุขอันสงบประณีต

    เศรษฐกิจล่มสลายมอบโอกาสใหม่ให้แก่เราเพื่อสร้างชีวิตให้รุ่มรวยไพบูลย์กว่าแต่ก่อน ตอนนี้เวลาก็มีมากขึ้นแล้ว ก็ขอให้คิดถึงคนอื่นมากขึ้นพร้อมกับไตร่ตรองชีวิตด้านในไปด้วย แล้วเราจะพบว่าโลกนี้มีรอยยิ้มให้แก่เราในทุกที่


    http://www.bbznet.com/scripts2/view.php?user=ppbbz&board=9&id=44&c=1&order=numtopic
     

แชร์หน้านี้

Loading...