รู้จากตำราความรู้เอาไปละกิเลสไม่ได้

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 9 กรกฎาคม 2014.

  1. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รับพรแต่ไม่ยอมอธิษฐาน

    มีหลายคนพูดอยู่เสมอว่า ตั้งแต่มาทำบุญกับแม่ชีอะไร ๆ ในชีวิตดีขึ้น.......

    มีหลายคนพูดอยู่เสมอว่า ตั้งแต่มาทำบุญกับแม่ชีอะไรๆ ในชีวิตดีขึ้น เรื่องการงานดีขึ้น ดีขึ้นหมดทุกอย่างแต่ว่าในครอบครัวทำไมพูดกันไม่รู้เรื่อง คนในครอบครัวไม่มีความสุข มีแต่ความหวาดระแวงเป็นเพราะอะไรแม่ชี แม่ชีก็สงสัย ทำไมเป็นอย่างนี้กันเยอะ พอถึงวันอาทิตย์วันที่เขาถวายสังฆทาน พอพระให้พรเป็นภาษาบาลี แม่ชีก็นั่งดูก็เลยถึงบางอ้อว่าในขณะที่พระท่านให้พรเป็นภาษาบาลีนั้นไม่มีใครอธิษฐานเลย ไม่มีใครอธิษฐานเลยจริง ๆ ถามว่าบุญที่ทำนั้นสำเร็จหรือยัง บุญที่ทำตอนนั้นสำเร็จแล้วนะ แต่ไม่มีใครอธิษฐานเอาบุญให้ตัวเองเลย ขณะที่พระให้พรตอนนั้นทุกคนอธิษฐานได้ ขอให้พรอันประเสริฐนี้จงส่งผลให้ข้าพเจ้ามีสติมีปัญญามีความสมปรารถนา คือถ้าใครปรารถนาให้ลูกดี ลูกก็ดีเลยคือไม่ว่าจะปรารถนาอะไรก็สำเร็จหมด แต่ไม่มีใครอธิษฐานพอแม่ชีเห็นอย่างนั้นก็เลยต้องให้เขาพิมพ์คำพูดออกมาแจกในงานเทศน์มหาชาติเลย

    คำอธิษฐานขณะที่พระให้พร

    (ยะถา...สัพพี...)

    ขณะที่พระกล่าว "ยะถา วารีวะหา..." ให้อธิษฐานให้กับบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ตระกูลปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พี่น้อง ผู้มีพระคุณ ผู้มีบุญคุณทั้งหลาย"

    ขณะที่พระกล่าว "สัพพีติโย..." ให้อธิษฐานว่า "ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีปัญญา ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีทรัพย์ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้สมปรารถนา ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่มีโรค ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้สิ้นสงสัยในพระพุทธศาสนา ขอให้ญาติ ลูกหลานของข้าพเจ้าเป็นผู้มีปัญญา เป็นอภิชาตบุตร"


    เครดิต : แม่ชีทศพร
     
  2. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เรื่องจูเฬกสาฎก (จู เล กะ สา ดก)

    พระพุทธเจ้าพักอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร เวลานั้นองค์สมเด็จพระพิชิตมาร ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ ๆ คำว่าพระพุทธเจ้ายังไม่ ปรากฏในโลก แต่คำว่าอรหันต์นี่ชาวบ้านรู้เรื่อง เขาต้องการอรหันต์กัน
    แต่ยังไม่รู้จักอรหันต์จริง ๆ

    วันนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่เมืองสาวัตถี และก็ไปพักที่พระเชตวันมหาวิหาร บรรดาทายกก็ประกาศว่า เวลานี้องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ คือพระพุทธเจ้า
    อุบัติขึ้นแล้วในโลก ขอบรรดาท่านทั้งหลายจงไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้าทั้งกลางวัน และกลางคืน ใครจะไปกลางคืนก็ได้ ใครจะไปกลางวันก็ได้ ในตอนนั้นท่านบอกว่า

    มีพราหมณ์คู่หนึ่ง สองสามีภรรยาชื่อว่า จูเฬกสาฎก แต่ว่าพราหมณ์จูเฬก สาฎกตามบาลีท่านบอกว่า ในสมัยพระวิปัสสี พราหมณ์คนนี้ชื่อว่า มหาสาฎก แปลว่า สาฎกใหญ่ สมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้มาเกิดใหม่ก็ชื่อ สาฎกตามเดิม ชื่อ “จูเฬกสาฎก” แปลว่า สาฎกเล็ก พอพราหมณ์ได้ฟังก็บอกกับท่านภรรยา ถามท่านภรรยาว่า จะไปฟังเทศน์กลางคืนหรือว่ากลางวัน เพราะเราไปพร้อมกันไม่ได้ เพราะจนมาก มีผ้านุ่งคนละผืน มีผ้าห่มผืนเดียว พราหมณ์ออกจากบ้านต้องห่มผ้า

    เมื่อสามีออกจากบ้าน ภรรยาก็ต้องเฝ้าบ้านเพราะไม่มีผ้าห่ม ถ้าภรรยา ออกนอกบ้าน สามีก็ต้องเฝ้าบ้าน เพราะไม่มีผ้าห่ม ภรรยาก็บอกว่า ให้สามีไปฟังกลางคืนก็แล้วกัน กลางวันถึงจะไป ก็เป็นอันว่า ท่านจูเฬกสาฎกก็ตกลงใจ

    ตัดสินใจ พอค่ำก็เดินทางไปที่มหาวิหารพระเชตวัน ไปนั่งด้านหน้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตั้งใจเทศน์สงเคราะห์โดยเฉพาะ คนฟังมาก แต่วันนั้นท่านจี้จุดเฉพาะจูเฬกสาฎก แต่คนที่พลอยได้นะมีเยอะ ตามธรรมดาพระพุทธเจ้าเทศน์

    ต้องมุ่งก่อนว่าวันนี้เราไปเทศน์จะมีใครบรรลุมรรคผลไหม จะมีผลเป็นประการใดบ้าง ถ้าไม่มีผลเลยนี่ไม่ไป ถ้าจะไปแล้วจะต้องพูดแบบไหนจึงจะมีผล ท่านรู้ไปก่อน ในเมื่อจูเฬกสาฎกไปนั่งข้างหน้า

    ท่านก็เทศน์เรื่องทานบารมี อธิบายผลของทานว่า ทานเป็นปัจจัยให้เกิดความรัก เป็นต้น ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้รับ เป็นต้น และบรรดาเพื่อน ๆ ของบุคคลของผู้รับก็ย่อมรักผู้ให้ เทศน์อย่างนี้ เทศน์อานิสงส์ของทานว่าการมีชีวิตอยู่ก็มีความสุข และก็มีพวกมาก ตายไปแล้วก็ไปเกิดสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ก็เป็นคนร่ำรวย

    ท่านเทศน์ยาว พอถึงยามต้นหัวค่ำนะ พราหมณ์ตัดสินใจคิดว่า เราจะถวายผ้าห่มผืนนี้กับพระพุทธเจ้า

    พอคิดเพียงเท่านี้ก็ห่วงบ้าน เทศน์ไพเราะแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าเราถวายผ้าผืนนี้กับพระพุทธเจ้า พรุ่งนี้ภรรยาก็มาไม่ได้ ใช่ไหม ห่วงภรรยา พระพุทธเจ้าก็เทศน์ต่ออีก พอถึงยามที่สองก็ตัดสินใจใหม่อีก แล้วก็ห่วงภรรยาอีก พอถึงยามที่สามเลิกห่วงภรรยา (เห็นแก่ตัวแล้วนะ) ช่างมันเถอะวะ ภรรยาจะมาฟังได้หรือไม่ได้ก็ช่างมัน กูถวายละ ก็เปลื้องผ้าที่ห่ม (คงจะแสนเก่า ไม่ใช่แสนใหม่นะ มีผืนเดียวนี่นะ) เอาไปวางที่พระบาทของพระพุทธเจ้า แล้วก็ถอยหลังออกมาเปล่งวาจาว่า "กูชนะแล้ว กูชนะแล้ว"

    ตามภาษาบาลีว่า "ชิตัง เม ชิตัง เม" เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว เวลานั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล นั่งฟังเทศน์อยู่ด้วย จึงให้ราชบุรุษเข้าไปถามว่า ดูซิพราหมณ์ แกชนะอะไรของแก ในเมื่อราชบุรุษเข้าไปถาม

    พราหมณ์บอกเราชนะความตระหนี่ เพราะตัดสินใจมาตั้งแต่ตอนเย็น ตัดสินใจไม่ได้ เวลานี้ตัดสินใจได้แล้ว ก็รวมความว่า วันพรุ่งนี้ทั้งตัวแกเองรวมทั้งภรรยาด้วย ไม่ได้ฟังเทศน์ ถึงแม้จะไม่ได้ฟังก็ตามใจ ฟังเทศน์นี่ชื่นใจมากแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลท่านทราบ ก็สั่งให้เขาไปเอาผ้าสาฎกที่พระองค์ทรงใช้เอง เอามาสองผืน (หนึ่งคู่) ให้แก

    แกก็น้อมไปถวายให้พระพุทธเจ้าอีก ทีนี้สั่งเอามาให้อีกสองคู่ แกก็ถวายพระพุทธเจ้าอีก ไปถึง ๓๒ คู่ ว่าเรื่อยกันไปนะ ๒ คู่, ๓ คู่, ๔ คู่ ว่าเรื่อยไปถึง ๓๒ คู่ พอถึง ๓๒ คู่

    แกคิดในใจว่า ถ้าเราไม่เอาไว้เลย ท่านผู้ให้จะหาว่าเรารังเกียจ เลยกันไว้สองคู่ เพื่อภรรยาคู่หนึ่ง เพื่อตัวเองคู่หนึ่ง อีก ๓๐ คู่ ถวายพระพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลก็คิดว่า คนนี้มีความเลื่อมใสในที่ที่เราเลื่อมใสแล้ว จึงให้ไปนำผ้ากัมพลที่พระองค์ใช้เองอย่างดีที่สุด ราคาแสนกหาปณะมาสองผืน มามอบให้พราหมณ์ ท่านจูเฬกสาฎกก็เอาไปทำเพดานให้พระพุทธเจ้านั่งเสียผืนหนึ่ง เอาไปกั้นเพดานที่บ้านเสียผืนหนึ่ง เมื่อเวลาพระสงฆ์ไปฉัน พอรุ่งขึ้นอีกวันตอนบ่าย พระเจ้าปเสนทิโกศลมาเห็นผ้ากัมพลก็จำได้

    ก็ถามพระพุทธเจ้าว่า ใครถวาย พระพุทธเจ้าก็บอกว่า จูเฬกสาฎกถวาย จึงทรงเรียกจูเฬกสาฎกมา อีตานี้ใจหายวาบ สั่งให้เข้าเฝ้าด่วน ให้มาด่วนเดี๋ยวนี้ (น่ากลัวหัวขาด) พอรับสั่งให้เข้ามาถึงก็บอกว่า ฉันให้ผ้าเธอถึง 32 คู่ ไล่เป็น
    ลำดับมา เธอถวายพระพุทธเจ้า เธอเอาไว้สองคู่เพื่อตากับยาย ฉันให้ผ้ากัมพลให้เธอใช้เพราะเธอมีศรัทธา เธอทำไมจึงถวายพระพุทธเจ้าอีก ท่านก็เลยบอกว่า

    ผ้ากัมผลไม่เหมาะกับข้าพระพุทธเจ้า คนฐานะอย่างนี้ไม่สมควร สมควรกับพระเจ้าอยู่หัวอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นก็พระพุทธเจ้าเท่านั้น

    พระเจ้าปเสนทโกศล ก็เลยบัญชาใหม่ว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราให้ คู่ ๔ กับเธอ คือ โค ๔ ช้าง ๔ ม้า ๔ ควาย ๔ กระบือ ๔ (เอ...ควายกับกระบือ เหมือนกันไหม เขาเขียนไม่เหมือนกันนะ) แล้วก็ผู้หญิง ๔ ผู้ชาย ๔ ทาสชาย ๔ทาสหญิง ๔ และก็ทรัพย์อีก ๔,๐๐๐ กหาปณะ (เวลานั้นเป็นคนรวยแล้วนะ) และบ้านสำหรับเก็บส่วยเก็บภาษีอีก ๔ ตำบล รวยใหญ่ เลยกลายเป็นอนุเศรษฐีไป

    ต่อมาตอนเย็นบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายก็นั่งคุยกัน (พระพุทธเจ้าอยู่ในมหาวิหาร) ว่าน่าอัศจรรย์ที่จูเฬกสาฎกถวายผ้าแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าเพียงแค่ผืนน้อย ๆ ผืนเดียว ผ้าเก่าด้วย มีผลปัจจุบันขนาดนี้

    ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า "แม้! กรรมของพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก น่าอัศจรรย์, ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เขาได้หมวด ๔ แห่งวัตถุทุกอย่าง, กรรมอันงามเขาทำในที่อันเป็นเนื้อนาในบัดนี้นั่นแล ให้ผลในวันนี้ทีเดียว."

    พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่ง สนทนากันด้วยกถาอะไรเล่า?" เมื่อพวกภิกษุกราบทูลว่า "ด้วยกถาชื่อนี้ พระเจ้าข้า" ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ถ้าพราหมณ์ได้ถวายแก่เราในปฐมยามไซร้ เขาจักได้สรรพวัตถุอย่างละ ๑๖, ถ้าจักได้อาจถวายในมัชฌิมยาม ไซร้ เขาจักได้สรรพวัตถุอย่างละ ๘, แต่เพราะถวาย ในเวลาจวนใกล้รุ่ง เขาจึงได้สรรพวัตถุอย่างละ ๔, แท้จริง กรรมงามอันบุคคลผู้เมื่อกระทำ ไม่ให้จิตที่เกิดขึ้นเสื่อมเสีย ควรทำในทันทีนั้นเอง, ด้วยว่า กุศลที่บุคคลทำช้า เมื่อให้สมบัติ ย่อมให้ช้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมงามในลำดับแห่งจิตตุปบาททีเดียว"

    เครดิต : แม่ชีทศพร
     
  3. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550

    พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อโสธร

    ประวัติ หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร

    อันบุญบารมีอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ใครๆ จะปฏิเสธไม่ได้เลย และจะแข่งขันให้เท่าเทียมกันนั้นก็ได้ยาก จะมีบ้างก็บางสถานที่ บางท่านบางคนทั้งยังเป็นสิ่งที่เหนือเหตุผลของการพิสูจน์ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า สิ่งมหัศจรรย์นั้นเป็นอจินตัยไม่ควรคิดค้นหาเหตุผล ความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารจะดลบันดาลให้เกิดมีเฉพาะผู้มีบุญวาสนา และผู้เลื่อมใสศรัทธาเชื่อมั่นเท่านั้น หลวงพ่อโสธรองค์หนึ่งที่ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มีอภินิหารเป็นพระพุทธรูปที่ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นที่รู้จักเคารพบูชาของประชาชนทั้งหลาย หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอกเศษ ปรางค์ขัดสมาธิเพชร แต่ได้เสริมแต่งขึ้นจากเดิมโดยพอกปูนลงลักปิดทองให้เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 3ศอก 5 นิ้ว พระเนตรเนื้อเลียนแบบพระสมัยลานช้าง หรือเรียกกันสามัญว่า “พระลาว” ซึ่งพระชนิดนี้มีชื่อว่าวัดหงษ์

    โดยที่วัดนี้มีเสาใหญ่ มีหงษ์เป็นเครื่องหมายติดอยู่กับยอดเสา วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงด้านทิศตะวันตก สถานที่ตั้งวัดแต่ดั้งเดิมนั้น เวลานี้ถูกน้ำเซาะพังเป็นแม่น้ำไปหมดแล้ว วัดนี้ใครเป็นผู้สร้างและสร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏ แต่ได้ความว่าเป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานแล้ว ต้นเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่า โสทรหรือ โสธร นั้นเล่ากันว่ากาลต่อมาหงษ์ใหญ่ที่ติดอยู่บนยอดเสานั้น พลัดตกลงมาหักทำลายคงเหลือแต่เสา จึงได้เอาผ้าผืนใหญ่ทำเป็นธงขึ้นไปแขวนไว้บนยอดเสาแทนหงษ์ประชาชนก็เลยเรียกชื่อตามนิมิตเครื่องหมายนั้นว่า วัดเสาธง นานมาเสาธงนี้ได้ถูกลมพายุพัดหักโค่นลงมาเป็น 2 ท่อน ชาวบ้านก็เลยถือเอานิมิตที่เสาธงหักเป็นท่อนนั้นตั้งเป็นชื่อวัดว่า “วัดเสาทอน” อยู่สิ้นกาลช้านาน จวบจนถึงสมัยที่มีพระพุทธรูป 3 องค์ พี่น้องล่องลอยน้ำมาจากเหนือ และในจำนวนพระพุทธรูป 3 องค์ นั้นได้อาราธนาอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ 1 องค์ คือ หลวงพ่อโสธร และปรางหลังครั้งหลังก่อนหลวงพ่อโสธรจะมีชื่อเรียกมาอย่างไรไม่มีใครทราบ

    เมื่อได้หลวงพ่อมาไว้สักการะบูชาแล้ว ก็ได้มีท่านผู้รู้ออกความเห็นว่า วัดนี้ยังเรียกชื่อวัดกันไม่แน่นอน จึงพร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ว่า “วัดโสทร” อันหมายความว่า วัดพระ 3 องค์ พี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน เมื่อเปลี่ยนเป็นชื่อวัดโสทรแล้ว หมู่บ้านและคลองที่ขึ้นอยู่กับวัดนี้ก็ได้นามเปลี่ยนตามวัดไปด้วย เดิมทีเดียววัดนี้ใช้ตัวหนังสือเขียนว่า “โสทร” ไม่ได้เขียนว่า “โสธร” ดังปัจจุบันนี้ แต่เนื่องด้วยพระพุทธรูปที่ได้มาคือหลวงพ่อโสธรนั้น มีอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏ และรูปทรงท่านสวยงามมาก จึงได้เขียนและชื่อวัดว่า “วัดโสธร” ซึ่งมีความหมายว่า “พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์” มาจนทุกวันนี้

    ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโสธรนี้มีผู้เล่าสืบ ๆ กันมาหลายกระแส ได้สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ได้รับฟังมาจากบรรพบุรุษเล่าให้ฟังต้องกันว่า “หลวงพ่อโสธร” ลอยน้ำมาตามคำว่า มีพระพี่น้องชายกัน 3 องค์ อยู่ทางเมืองเหนือแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ล่องลอยมาตามแม่น้ำจากทางทิศเหนือ เรื่อยมาจามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ในที่สุดมาผุดขึ้นใน แม่น้ำบางปะกง ณ ที่ตำบลหนึ่ง และแสดงปาฏิหารย์ลอยทวนกระแสน้ำให้ประชาชนเห็นทั้ง 3 องค์ ประชาชนแถบนั้นต่างพร้อมใจกันอาราธนาเอาเชือกพรวนมนิลาลงไปผูกมัดที่องค์หลวงพ่อทั้ง 3 แล้วช่วยกันฉุดลากขึ้นฝั่งด้วยจำนวนผู้คนประมาณ 500 กว่าคนก็ฉุดขึ้นไม่ได้ เชือกขนาดใหญ่ที่ผูกองค์หลวงพ่อทั้ง 3 ก็ขาดฉุดไม่สำเร็จตามความประสงค์ ครั้นแล้วหลวงพ่อทั้งสามองค์ก็จมน้ำหายไปต่อหน้าคนทั้งหมด สถานที่พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ได้ลอยทวนน้ำมานั้นเลยได้ชื่อว่า “ตำบลสามพระทวน” แต่ต่อมากลับเรียกว่า สัมปทวน ได้แก่แม่น้ำหน้าวัดสมปทวน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทุกวันนี้

    ต่อจากนั้นพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ก็ล่องลอยตามแม่น้ำบางปะกง เลยผ่านหน้าวัดโสธรไปถึงคุ้งน้ำใต้วัดโสธร แสดงอภินิหารผุดขึ้นให้ชาวบ้านบางนั้นเห็น ชาวบ้านได้ช่วยกันอาราธนาฉุดขึ้นฝั่งทำนองเดียวกันกับชาวสัมปทวน แต่ก็ไม่สำเร็จหมู่บ้านบางนั้นจึงได้ชื่อว่า บางพระ มาจนทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ก็ล่องลอยทวนน้ำขึ้นมาถึงและลอยวนอยู่ที่หัวเลี้ยว ตรงกองพันทหารช่างที่ 2 ปัจจุบัน สถานที่พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์มาลอยวนอยู่นั้นจึงเรียกกันว่า แหลมหัววน และได้จมน้ำหายไปหลังจากนั้นพระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ ล่อยลอยไปผุดขึ้นที่ลำน้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ประชาชนชาวประมงอาราธนาขึ้นได้ และประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญอยู่ที่วัดบ้านแหลมเราเรียกว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ทุกวันนี้เป็นที่บูชานับถือกันว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ทัดเทียมกับหลวงพ่อโสธร ส่วนองค์สุดท้องได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ลอยล่องไปผุดขึ้นที่ปากคลองสำโรง ชาวบ้านแถบนั้นได้อาราธนาขึ้นแพใช้เรือพายลายจูง ทั้งอธิษฐานว่าจะขึ้นเป็นมิ่งขวัญที่ใด ก็ขอให้แพนั้นจงหยุดอยู่กับที่ แล้วล่องมาตามลำคลองแพนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบางพลีก็ได้อาราธนาอัญเชิญขึ้นประดิษฐานอยู่ทีวัดบางพลีใหญ่ใน ก็ปรากฏว่ามีผู้คนเคารพเลื่อมใสมากมายทัดเทียมกับหลวงพ่อวัดบ้านแหลม และหลวงพ่อโสธร ส่วนพระพุทธรูปองค์กลาง คือ หลวงพ่อโสธร เมื่อลอยตามน้ำมาจากหัววนดังกล่าวแล้ว ก็มาผุดขึ้นที่ท่าหน้าวัดโสธร

    กล่าวกันว่าประชาชนจำนวนมากทำการฉุดลากขึ้นโดยได้มีอาจารย์ผู้มีความรู้ทางไสยศาสตร์กระทำตามพิธีการอันถูกต้อง แล้วเอาด้านสายสิญจน์คล้องกับพระหัตถ์หลวงพ่อโสธรอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง นำมาประดิษฐานในวิหารสำเร็จตามความประสงค์ แล้วก็จัดให้มีการฉลองสมโภช และให้นามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อโสธร องค์หลวงพ่อโสธรจริง ๆ นั้นในสมัยที่ลองลอยน้ำมาเดิม เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิเพชร หน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก

    ต่อมาพระสงฆ์ในวัดเห็นว่ากาลต่อไปภายหน้าฝูงคนที่มีตัณหาและความโลภแรงกล้ามีอัธยาศัยเป็นบาปลามกไม่มีความศรัทธาเลื่อมใส จักนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวจะไม่เป็นการปลอดภัย จึงพอกปูนเสริมให้ใหญ่หุ้มองค์จริงไว้ภายในดังปรากฏที่เห็นในปัจจุบันนี้

    สถานที่วัดโสธรตั้งอยู่เดิมภายแรกนั้น ทางบกเป็นป่ามีหมู่บ้านคนน้อยมาก การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก เมื่อหลวงพ่อโสธรมาประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรแล้ว ประชาชนชาวเรือนับถือว่า ถ้าได้บอกขอต่อหลวงพ่อโสธรแล้ว สินค้าก็ซื้อง่ายขายคล่องเป็นเทน้ำเทท่า เรือแพที่ผ่านไปมาในแม่น้ำพอถึงที่ตรงกับโบสถ์หลวงพ่อโสธรแล้ว ผู้ที่นิยมนับถือและเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร ก็วักเอาน้ำในแม่น้ำซึ่งนับถือว่าเป็นน้ำมนต์หลวงพ่อดื่มบ้าง ลูบศีรษะบ้าง ล้างหน้าประพรมเรือสินค้าในเรือ ดังได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ครั้นต่อมาการคมนาคมทางบกสะดวกขึ้น จึงมีผู้คนไปนมัสการหลวงพ่อกันมากขึ้น ผู้ใดเจ็บป่วยก็มาขอความคุ้มครองจากหลวงพ่อโสธร และก็ได้รับสมความปรารถนาเป็นส่วนมาก กิติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรได้แผ่ไพศาลไปในถิ่นต่าง ๆ มูลเหตุที่มีงานสมโภชนั้น

    เล่ากันว่า สมัยหนึ่งบ้านโสธรเกิดข้าวยากหมากแพง ฝนแล้งข้าวกล้าในนาเหี่ยวแห้งตาย สัตว์พาหนะเกิดโรคระบาด ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นโรคฝีดาษล้มเจ็บลงตามกัน ผู้ที่พอหนีได้ก็ทิ้งสมบัติบ้านเรือนหนีเอาตัวรอด ผู้ที่ป่วยไปไม่ไหวก็นอนรอวันตายของตนอยู่ ในกาลนั้นยังมีบุรุษหัวหน้าครอบครัว ๆ หนึ่งก็ได้เป็นโรคนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนที่พอจะเป็นที่พึ่งกันได้ ก็เลยหันหน้าเข้าพึ่งสรณะนมัสการอธิษฐานบนบานขอความคุ้มครองรักษาจากหลวงพ่อ โสธรในวิหาร รับเอายาดีของหลวงพ่อโสธรมา 3 อย่าง คือ ขี้ธูป 1 ดอกไม้เหี่ยวแห้งที่บูชาแล้ว 1 และน้ำมนต์จากหลวงพ่อโสธร 1 เอามาต้มกินทาอาบทั่วสรรพางค์กาย ปรากฏว่าได้ผลสมปรารถนา โรคภัยต่าง ๆ หายเป็นปกติด้วยความดีใจที่โรคหายสมประสงค์จึงจัดให้มีการสมโภชแก้บนถวายหลวงพ่อแต่นั้นมา กิติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร ก็แพร่ไปทั่วในถิ่นต่าง ๆ กว้างขวางมากยิ่งขึ้นจนเป็นที่เลื่องลือนับถือบูชาว่าหลวงพ่อโสธรศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดปรารถนาสิ่งใดที่ชอบธรรม ท่านก็ประสิทธิ์ประสาทให้สมประสงค์ การสมโภชแก้บนจึงมีขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    มีพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับหลวงพ่อโสธร ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จประพาสจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2451 ไว้ดังนี้

    “กลับมาแวะวัดโสธร” ซึ่งกรมหลวงดำรงคิดจะแปลว่า ยโสธรจะให้เกี่ยวข้องแก่การที่ได้สร้าง เมื่อเสด็จกลับจากการไปตีเขมร แผ่นดินพระบรมไตรโลกนาถ หรือเมื่อใดนั้นเป็นที่สงสัยด้วยเห็นไม่ถนัด พระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลงทั้งนั้น องค์ที่สำคัญว่าเป็นหมดดีนั้น คือ องค์ที่อยู่กลาง ดูรูปตักและเอวงามเป็นทำนองเดียวกันกับพระพุทธรูปเทวปฏิมากร แต่ตอนบนกลายเป็นด้วยฝีมือผู้ปั้นไปว่า ลอยน้ำมาก็เป็นความจริงเพราะเป็นศิลาคงจะไม่ได้ทำในที่นี้”
    อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร มีมากเหลือที่จะเล่าสู่กันฟังให้หมดได้ เพราะหลวงพ่อโสธรเปรียบเสมือนเป็นต้นโพธิ์ไทรอันใหญ่ ให้สรรพสัตว์ได้พำนักอาศัย หลวงพ่อโสธรเป็นร่มใหญ่กางกั้นสรรพภัยอันตราย ความเดือดร้อนลำเค็ญให้สรรพสัตว์ได้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นแพทย์วิเศษพยาบาลผู้อาพาธให้หายขาดไม่กลับคืน เป็นสรณะที่พึ่งพิงของหมู่บริษัทที่ถูกภัยคุกคามเป็นนิธิบ่อบุญกุศลของทายกทายิกาผู้ใฝ่หาบุญกุศลเป็นหมอดูพยากรณ์ทายโชคชะตาวาสนาทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบัน ให้ทุกท่านผู้ต้องการทราบหลวงพ่อเป็นสัพพัญญูสำเร็จวิชาทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ไม่มีผู้ใดยิ่งไปกว่าหลวงพ่อ

    งานนมัสการหลวงพ่อโสธร

    หลวงพ่อโสธรเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนพุทธบริษัททั้งใกล้และไกลเป็นที่นับถือ และที่ผู้ไปนมัสการไม่ขาด ทางวัดจึงจัดให้มีงานเทศกาลฉลององค์หลวงพ่อปีหนึ่งมีสองครั้ง คือ
    1. งานเดือน 5 เรียกว่างานกลางเดือน 5 เริ่มงานตั้งแต่วันขึ้น 14-15 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 รวม 3 วัน
    2. งานเดือน 12 เรียกว่างานกลางเดือน 12 เริ่มงานตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 รวม 5 วัน

    คำอาราธนาหลวงพ่อโสธร

    กายานะ วาจายะวะ วาโสธะรัง
    นามะ อิติปาริหะ ริยะกาง
    พุทธธะรูปัง อะหังปิ


    คาถาหลวงพ่อโสธร


    นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูพาลวินาศสันติ

    นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

    พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มะหาปัญโญ สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง


    ................

    คาถาหลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา)

    ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่าคาถานี้ทุกวันจะปลอดภัย ป้องกันอันตรายทั้งปวง ร่มเย็นเป็นสุขตลอดชีวิต อีกทั้งมีเมตตา มหานิยม ซื้อง่ายขายคล่อง นำมาซึ่งโภคทรัพย์


    เครดิต : ไหว้พระ หลวงพ่อโสธร
     
  4. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แชร์ประสบการณ์ขอพรหลวงพ่อโสธรค่ะ

    เพื่อนๆใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับการขอพรพระแล้วได้ดั่งใจปรารถนามาร่วมแชร์เป็นประสบการณ์ให้ฟังได้นะค่ะถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ

    เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้เกิดขึ้นตอนที่คนเขียนอายุประมาณ 16-17ปีค่ะนับถือองค์หลวงพ่อโสธรมากเพราะอาศัยอยู่แปดริ้วตั้งแต่เล็กๆก็ตามประสาเด็กสาววัยรุ่นช่างฝันทั่วไปค่ะอยากมีแฟนจังแต่ไม่ใครมาจีบเลยเพื่อนคราวเดียวกันเขาก็มีแฟนกันหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ อยากมีแฟนบ้าง อยู่มาวันหนึ่งนึกยังขึ้นมาก็ไม่รู้ค่ะ ไปกราบองค์หลวงพ่อโสธรแล้วบอกท่านว่า

    หลวงพ่อเจ้าขาลูกอยากมีแฟนอยากมีคนรักขอให้ลูกมีคนมารักและขอให้รักลูกมากๆถึงแม้ว่าลูกจะไม่รักเขาก็ตามและขอให้เป็นคนดีด้วยเจ้าค่ะ

    เพื่อนๆค่ะไม่เคยคิดเลยว่าคำขออันนี้จะส่งผลให้คนเขียนเป็นทุกข์ทรมานอยู่ถึง 19 ปีเต็มๆเลยทีเดียวค่ะต่อจากนั้นไม่นานค่ะประมาณสามเดือนเห็นจะได้มีคนมาชอบค่ะผู้ชายคนนั้นไม่ได้หล่อไม่ได้สดุดตาอะไรเลยและไม่เคยมีความรู้สึกกับพี่แกในด้านความรักเลยค่ะพี่แกก็แวะเวียนมาจีบผู้เขียนจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นทั้งที่ไม่เคยรักเลยลืมคำที่ขอจากหลวงพ่อสนิทใจค่ะตลอดเวลา 19 ปีที่อยู่กันมาแทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลยผู้เขียนเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเหวี่ยงวีนใส่แฟนตลอดอยู่กับแฟนด้วยความที่ไม่เคยรักเลยแต่แฟนนั้นรักจริงๆค่ะรักมากมายรักเหมือนโดนมนต์สั่งให้มาว่าต้องรักเราส่วนตัวผู้เขียนเองนั้นทรมานเหลือเกินที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักแต่ก็ไม่ได้มีผู้ชายอื่นในชีวิตเลยจนกระทั่งมีลูกสองคนอยากเลิกเหลือเกินแต่เลิกไม่ได้สงสารลูกสงสารแฟนที่แสนดีแต่ว่าในความดีของเค้าก็มีข้อเสียค่ะคือเวลาโกรธเราแล้วไปลงที่ลูกเกือบทุกเรื่องลูกจะต้องเป็นฝ่ายโดนตลอดความที่ไม่มีรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นเกลียดค่ะรอยร้าวที่ค่อยๆลามเคยยื่นคำขาดว่าถ้าคุณตีลูกมากมายขนาดนี้เราจะเลิกแล้วพาลูกทั้งสองไปอยู่บ้านยายค่ะก็ได้ผลนะแต่ไม่นานครั้งสุดท้ายลูกโดนทั้งเตะทั้งตีเพราะลูกสาวเราดื้อเรื่องผู้ชายตามประสาเด็กอายุเพิ่ง 14ปีเราเคยได้ยินลูกๆคุยกันว่าพ่อรักแม่มากกว่าพวกเค้าไม่เคยฟังพวกเค้าเลยเรายิ่งเสียใจไม่รู้จะทำอย่างไรดีสุดท้ายลูกสาวคนโตหนีออกจากบ้านเราเองแสนจะเจ็บปวดเพราะเคยบอกกับลูกๆไว้เสมอว่าที่แม่ทนอยู่กับพ่อมาได้ตั้งนานก็เพราะลูกเท่านั้นแต่ตอนนี้ลูกอีกคนก็ไปแล้วแม่จะอยู่ยังไงเลิกไม่ได้ค่ะพี่น้องทำยังไงก็เลิกไม่ได้พอจะเลิกก็เป็นห่วงสมบัติที่ทำด้วยกันมาตั้งนานเป็นห่วงความรู้สึกของลูกคนเล็กห่วงสารพัดห่วงสรุปว่าเลิกไม่ได้อยากเลิกบอกแฟนไปตรงๆว่าฉันอยู่กับแกไม่เคยรักแกเลยสงสารมากกว่าแต่ก็เหมือนเค้าจะรู้ตัวมานานแล้วเค้าก็เฉยๆไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะเหมือนจะหมดกรรมที่สร้างมาด้วยกันหรือประการใดไม่ทราบชัดอีกครั้งค่ะที่ตัวเราไปหาหลวงพ่อไปกราบท่านแล้วก็จุดธูปบอกกับท่านว่า

    หลวงพ่อเจ้าขาลูกขอคืนเจ้าค่ะเมื่อ 19 ปีที่แล้วลูกเคยมาขอแฟนกับหลวงพ่อไว้หลวงพ่อจำได้มั้ยเจ้าค่ะลูกพอแล้วเจ้าค่ะทรมาณเหลือเกินลูกไม่เคยรักเขาเลยลูกขอเลิกกับเค้านะเจ้าค่ะหลวงพ่อโปรดช่วยลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะลูกขอคืน

    พอเรากลับบ้านทางบ้านแม่โทรมาบอกว่าแม่ไม่สบายค่ะไม่มีคนเฝ้าเรากับลูกเลยได้เดินทางกลับบ้านเพราะลูกสาวคนเล็กปิดเทอมพอดีแรกๆแฟนโทรหาตลอดแต่เราไม่อยากคุยส่วนมากจะให้ลูกคุยสรุปคือทั้งที่แม่หายแล้วแต่เราไม่ยอมกลับไปจนกระทั่งเพื่อนโทรมาบอกว่านกๆแฟนแกพาเด็กร้านอาหารเข้าบ้านว่ะเราถามลูกว่าหนูถ้าแม่กับพ่อเลิกกันหนูจะว่าอะไรแม่มั้ยลูกลูกบอกว่าหนูจะอยู่กับแม่จะไม่อยู่กับพ่อเด็ดขาดเราเองเมื่อลูกเข้าใจเราก็เบาใจลงไปมากสรุปว่าทำไมเลิกได้ง่ายดายยิ่งนักแฟนพาผู้หญิงใหม่เข้าบ้านทั้งที่เราเพิ่งกลับบ้านได้แค่สามเดือนทั้งที่เคยรักเรามากมายเรายกให้หมดค่ะเราไม่เอาอะไรเลยนอกจากลูกทั้งบ้านทั้งรถทั้งร้านอินเตอร์เนตเรายกให้หมดขอให้เราได้เลิกเป็นพอเราขออิสระเราบอกเลยว่าตอนนั้นถ้ามีเงินล้านกับอิสระมากองให้เราเลือกเราเลือกแล้วซึ่งอิสระเค้าเป็นคนมาขอเราหย่าเองค่ะขอบอกว่าช่างง่ายดายทุกวันนี้เราได้ลูกสาวทั้งสองคนมาอยู่พร้อมหน้าเรามีความสุขที่สุดแล้วส่วนตัวแล้วนับถือองค์หลวงพ่อมานานทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสเราจะพาลูกไปกราบท่านเสมอ

    เครดิต : แชร์ประสบการณ์ขอพรหลวงพ่อโสธรค่ะ
     
  5. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ท่านใดที่ยังไม่มีแฟน หากอยากมีแฟน ก็ลองไปขอพรกับหลวงพ่อโสธรดูนะครับ เผื่ออาจจะสมหวัง
     
  6. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ขออะไรก็ขอได้...แต่สิ่งเดียวที่ห้ามมาขอกับหลวงพ่อโสธรก็คือ...

    ถ้าเอ่ยถึงหลวงพ่อโสธรแล้ว คิดว่าทุกคนคงจะรู้จักกันดี เพราะความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อท่าน เวลาที่ใครทุกข์ร้อน ก็จะบนบานขอพรจากหลวงพ่อ ให้ปัดเป่าทุกข์ให้หายไป

    ในการบนหลวงพ่อนั้น ส่วนใหญ่ก็จะบนด้วยละครรำ ซึ่งก็มีรับจ้างอยู่ที่ในโบสถ์ หลายคนที่เคยมานมัสการองค์หลวงพ่อก็คงจะทราบกันดี นอกจากนี้ บางครั้งเวลาที่มาไหว้หลวงพ่อ ก็จะนำไข่ต้มเป็นจำนวนมากมาไหว้

    ทุกๆวันหยุดราชการ บริเวณวัดก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากทั่วสารทิศ บางทีก็มากันเป็นคณะ มีรถบัสจอดกันให้เกลื่อน เวลาจะเข้าไปไหว้ที ก็เบียดเสียดยัดเยียดกันเข้าไป แต่ถ้าจะให้สะดวกก็จะต้องมาในวันธรรมดา ซึ่งผู้คนจะน้อยกว่า การเข้าไปไหว้หลวงพ่อก็ไม่ต้องไปเบียดเสียดมากนัก

    เมื่อพูดถึงการบนบานสานกล่าวแล้ว ร้อยคนก็ร้อยอย่าง บางคนไม่มีลูก ก็มาขอลูกจากหลวงพ่อ แต่เรื่องนี้ต้องเตือนไว้นิดหนึ่ง ว่าเวลาขอแล้ว ต้องขอให้ตีได้ด้วย ไม่งั้นเกิดไปตีเข้า ลูกจะป่วยโดนไม่รู้สาเหตุ นี่เป็นเรื่องที่ชาวแปดริ้วจะรู้กันดี

    บางคนก็มาขอให้สอบเข้าเรียนได้ ขอให้แก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะสมปรารถนากันแทบทุกราย ทำให้ชื่อเสียงขององค์หลวงพ่อขจรขจายไปไกล

    ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะมาบนบานอะไรก็ตามแต่ ส่วนใหญ่ก็จะสมหวังกันไปทุกราย แต่มีสิ่งเดียว ที่หลวงพ่อท่านไม่เคยให้เลย และก็ไม่มีใครสมหวังสักรายเดียว คุณรู้ไหมว่าอะไร

    สิ่งเดียวที่หลวงพ่อท่านไม่เคยให้เลยก็คือ การขอให้ไม่ถูกเกณฑ์ทหาร บางคนกลัวจะไปเป็นทหาร ก็พยายามที่จะหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ โดนขอให้จับได้ใบดำ จะไม่ได้ต้องไปเป็นทหาร แต่ถ้ามาบนกับหลวงพ่อละก็ เป็นอันเสร็จทุกราย สมหวังหลวงพ่อเลยละ เพราะหลวงพ่อชอบทหารมาก(เขาว่ากันอย่างนั้น)

    ทีนี้ ก็ต้องจำไว้ว่า ขออะไรก็ขอได้ บนอะไรก็บนได้ แต่ห้ามมาบนไม่ให้เป็นทหาร มิฉะนั้น จะได้เป็นทหารสมใจแน่ๆ

    555555 จำไว้นะ


    เครดิต : ขออะไรก็ขอได้.....แต่สิ่งเดียวที่ห้ามมาขอกับหลวงพ่อโสธรก็คือ......
     
  7. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    บูชาพระให้ถูกโฉลกปีเกิด และวันเกิดของท่าน

    คนเกิดปีชวด
    วันอาทิตย์ เหมาะที่จะแขวนพระที่มีเมตตาเป็นหลัก ได้แก่ พระปิดตา พระสิวลี พระสังกัจจายน์ ส่วนพระเครื่องเพื่อป้องกันตัวและเสริมการงาน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีรูปงามมีเสน่ห์ พระที่เหมาะควรเป็นพระที่มีอำนาจในตัว ควรแขวนพระ ที่เป็นโลหะหรือผ่านธาตุไฟ เช่น พระกรุเนื้อชิน พระเครื่องเนื้อโลหะหรือเหรียญ ไม่ควรจะเป็นพระที่เป็นเนื้อผง ถ้าเป็นเนื้อผง ควรจะเลือกที่ผสมด้วยธาตุเหล็ก หรือผงตะไบเหล็กหรือโลหะเท่านั้น หรือเป็นพระผงฝังตะกรุด

    วันจันทร์ รูปสมบัติเป็นโภคทรัพย์ติดตัวมา จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องการทำมาหากิน ควรจะทำงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะตัวจึงจะถูกโฉลก ควรแขวนพระที่คล้ายกับโฉลกงาน เช่น พระทรงเครื่อง พระที่มีลวดลายประกอบอย่างงดงาม หรือพระพรหม พระพิฆเนศ

    วันอังคาร ชีวิตมีแต่ความลำบาก ต้องฝ่าฟันอุปสรรคกว่าจะได้เงิน ต้องระวังปากตัวเองให้มากที่สุด ควรแขวนพระไสยาสน์ หรือพระปางสมาธิ เป็นเนื้อที่ผ่านไฟ หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะพระทั้งสองปางหมายถึงความสงบ ระงับเมื่อเกิดความพลุ่งพล่านทุกครั้งให้เอามือกุมพระ จะเยือกเย็นลง

    วันพุธ ชีวิตมีแต่ความเจ็บไข้จุกจิก แม้ไม่อันตรายถึงชีวิตก็บั่นทอนร่างกายไปมาก เหมาะที่จะแขวนพระที่ทำจากต้นไม้ใบยา เช่น พระว่าน พระขมิ้นเสก พระไพลเสก หรือพระที่มีส่วนผสมของตัวยาต่างๆ พระเนื้อผงผสมว่านก็ใช้ได้ บางคนแขวนหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

    วันพฤหัสบดี เป็นผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ มีบุญเก่าอยู่มาก ทำให้ชีวิตไม่ล้มลุกคลุกคลานมากนัก ไม่ค่อยรอบคอบในการตัดสินใจ ประมาทเป็นนิจ ทำให้พลาดเงิน หรือเสียประโยชน์อันควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย ควรแขวนพระที่จะมารับหน้าพระอังคารที่เป็นใจคือ พระปางป่าเลไลยก์ พระราหูเนื้อผง หรือเนื้อโลหะ เพราะพระราหูกับพระอังคารเป็นมหามิตรกัน จะรับหน้า ทำให้พระอังคารไม่อาจมาเบียดเบียนดวงชะตาได้

    วันศุกร์ มีดีทางด้านผู้รับใช้ใกล้ชิดจะเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่อยู่ด้วยไม่ได้นาน เพราะบางครั้งไม่ได้ตั้งใจแต่พูดไปโดยไม่คิด ทำให้บริวารต้องจากไป ควรแขวนพระพิมพ์ที่มีพระอัครสาวกอยู่ซ้ายและขวา เพราะพระพุทธองค์และพระสาวกนั้นหมายถึง การปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน จะแก้โฉลกให้ดีได้

    วันเสาร์ เป็นผู้มีอำนาจในตัว มีดีที่คนเกรงขาม แต่มีข้อเสียชอบออกหน้าแทนลูกน้องหรือคนอื่น จึงมักต้องเดือดร้อนแทนคนอื่นในแทบทุกเรื่อง ให้แขวนพระปางห้ามสมุทร ยกพระหัตถ์ (มือ) สองข้าง ซึ่งจะแก้เคล็ดและทำให้ยับยั้งชั่งใจได้

    คนเกิดปีฉลู
    วันอาทิตย์ วาสนาไม่ค่อยจะดีนัก ให้เก็บหอมรอมริบทุกครั้งที่มีโชค โฉลกของท่านคือการเก็บงำ ควรแขวนพระเสริมวาสนา เช่น พระผงยาวาสนา พระปิดตามหาลาภ (ไม่ปิดทวาร) พระสิวลี พระปางลีลา พระสังกัจจายน์

    วันจันทร์ มีดาวบริวารดีมาก จะได้ทรัพย์เพราะบริวารเป็นหลัก เพราะบริวารของท่านดีอยู่แล้ว ควรแขวนพระที่มีพระหลาย องค์รวมอยู่ในองค์เดียวกัน เช่น พระเจ้าห้าองค์ หรือพระ ที่มีจำนวน สององค์ขึ้นไป ถ้าหาไม่ได้ให้แขวนพระที่เป็นพิมพ์มีพระอัครสาวกอยู่ด้วย เพื่อเสริมบารมีในด้านบริวาร ควรเป็นเนื้อผสม
    ส่วนผสมหลายอย่างจะดีที่สุด

    วันอังคาร มีวาสนาน้อย ควรเจียมตน ไม่ทำการใหญ่เกินกำลัง อย่าจับงานใหญ่ทีเดียวจะแพ้ภัย ควรแขวนพระมหาอุด ปิดทวาร หรือเต่าเรือน เพื่อเป็นเคล็ดสำรวม ระวังเรื่องการลงทุน พระปิดทวารจะทำให้นึกถึงการไม่ทำอะไรเกินตัว เต่าคือให้หดหัวยามมีภัยมา คืออย่าลงทุนมากนั่นเอง

    วันพุธ หัวเดียวกระเทียมลีบ มีเพื่อนมีญาติเหมือนไม่มี พึ่งใครไม่ได้ นอกจากพึ่งตัวเอง ควรแขวนพระที่มีคำว่าเดี่ยวอยู่ด้วย เช่น เดี่ยวดำ เดี่ยวแดง พลายเดี่ยวหรือพลายคู่ตัดเดี่ยว เสริมโฉลกที่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเดี่ยวๆ

    วันพฤหัสบดี มีวาสนาตกที่นั่งมีทรัพย์มาก ไม่ต้องขวนขวายก็จะได้มาแบบไม่ยาก มีข้อเสียเป็นคนมือเติบ มักมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือขาดดุล แก้โฉลกด้วยการแขวนพระที่มีชื่อว่า "คง" เช่น หลวงพ่อคง พระอาจารย์มั่น จะทำให้รู้จักเก็บทรัพย์ให้มั่นคงและคงที่

    วันศุกร์ เป็นคนตกที่นั่งอับโชคลาภ เงินที่จะได้มาอย่างง่ายๆ เช่น เล่นหวย อย่าไปหวัง ควรแขวนพระที่มีคำว่าเศรษฐี เงินแสน เงินล้าน พระทุ่งเศรษฐี พระที่ลงท้ายว่ารุ่นมหาเศรษฐี หรือขวัญถุงเงินล้าน เงินแสน จะเสริมพลังแห่งโชคลาภ

    วันเสาร์ เป็นคนตกที่นั่งนักโทษ ทั้งชีวิตมีแต่คนเบียดเบียนใส่ไคล้ ทำให้เดือดร้อน มีโรคประจำตัวบั่นทอนชีวิตอยู่มาก ควรแขวนพระที่มียันต์เกราะเพชร หรือพระที่เป็นรูปโล่ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง

    คนเกิดปีขาล
    วันอาทิตย์ หากินอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ แม้จะมีตำแหน่งสูง แต่งานในความรับผิดชอบหนักหนา หรือไม่ก็ไปใหญ่โตในถิ่นกันดาร ควรแขวนพระที่มีความเคลื่อนไหว เช่น พระลีลา พระเปิดโลก พระสิวลี

    วันจันทร์ ดวงชีพจรลงเท้า ถูกโฉลกกับงานที่ต้องเดินทางขึ้นล่อง ควรแขวนพระที่สงบและอยู่นิ่ง พระปางสมาธิ ไม่ควรแขวนพระเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้โฉลกร้อนขึ้นไปอีก

    วันอังคาร เป็นนักบู๊ มักมีเรื่องราวชกต่อยเสมอ ส่วนใหญ่เป็นนักเลง นักพนัน หรือนักมวยเดินหน้าชน มีนิสัยก้าวร้าว มีโทสะจริตเป็นที่ตั้ง ควรแขวนพระเมตตา เช่น พระปิดตา พระสังกัจจายน์ พระสิวลี ที่ทำด้วยอะไรก็ได้ที่ไม่ได้ผ่านความร้อน ทำให้เย็นขึ้นได้

    วันพุธ มีจิตใจเยือกเย็น สุขุม ไม่บุ่มบ่าม ใจเหมือนแม่น้ำ ใฝ่การบุญ เป็นที่รักของคนทั่วไป ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระที่มีลักษณะอยู่กับที่เช่น พระยืนปางถวายเนตร

    วันพฤหัสบดี แต่น้อยลำบาก เมื่ออายุมากขึ้นจะมีวาสนามากตามไป ควรอดทนรอให้งอมจึงหลุดจากขั้ว ควรแขวนพระที่ผ่านการหล่อหลอมจากธาตุไฟเพื่อเสริมพลังชีวิต จะเป็นพระกริ่งหรือรูปหล่อที่ผ่านไฟแรงเท่าใดก็ยิ่งดี

    วันศุกร์ พึ่งใครไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเอง เป็นเสือจับเนื้อกินเองจนแก่ ควรแขวนพระที่มีรูปเสือมาเกี่ยวข้อง หรือแขวนเสือก็ได้ จะเป็นเสืองาแกะ หรือเขี้ยวเสือก็ได้ หรือเสือที่เป็นโลหะก็ได้

    วันเสาร์ เป็นผู้มีโภคทรัพย์ ทำมาหากินแล้วตั้งหลักฐานได้ง่าย มีข้อเสียคือ เชื่อคนง่าย มักถูกหลอกหรือฉ้อโกงเอาทรัพย์อยู่บ่อยๆ ควรแก้เรื่องความใจง่ายเชื่อคนง่ายไว้ ควรแขวนพระที่ตรงข้ามกับพระทั่วไป เพื่อแก้โฉลกด้านการถูกคดโกง จึงควรแขวนพระที่เป็นพิมพ์แบบสะดุ้งกลับจะเหมาะที่สุด

    คนเกิดปีเถาะ
    วันอาทิตย์ เป็นคนอาภัพอับวาสนา ทำมาหากินไม่พอเลี้ยงตัวเอง ต้องอาศัยบารมีคู่ครองเป็นหลัก หากอยู่ตัวคนเดียวจะลำบากมาก ควรแขวนพระเสริมวาสนา เช่น พระผงยาวาสนา พระที่มีนามเกี่ยวกับโชคลาภ

    วันจันทร์ คนเกิดวันนี้ แต่น้อยจะลำบาก เมื่อเลยวัยกลาง คนไปจะดีขึ้นและตั้งตัวได้ ควรแขวนพระปางลีลา เพื่อความก้าวหน้า
    วันอังคาร เป็นคนที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ชีพจรลงเท้า ต้องเดินทางถึงจะได้เงิน เหมาะแก่การเป็นพนักงานขายของขึ้นๆ ลงๆ หรือค้าขาย ระหว่างประเทศ ควรแขวนพระเกี่ยวกับการค้าขาย เช่น พระสังกัจจายน์ พระสิวลี

    วันพุธ เป็นที่ไม่พอใจกับเจ้านายหรือผู้ใหญ่ มักจะให้ร้ายเสมอ เป็นโฉลกของวันเกิด จึงไม่ควรรับราชการเพราะจะไม่ก้าวหน้า เหมาะที่จะทำมาหากินในความถนัดของตน ไม่ขึ้นกับใคร ควรแขวนพระมหาอุดที่ทำจากโลหะที่ผ่านความร้อนแล้ว จะทำให้เกิดตบะและเดชะป้องกันตัวเองได้

    วันพฤหัสบดี เป็นคนใจร้อนใจน้อย ใครตักเตือนก็ไม่พอใจ ดื้อรั้น ควรอ่อนน้อมรับฟังผู้อื่นแล้วเอามาคิด ให้แขวนพระที่มีหนุมานอยู่ด้วย เพราะดวงอาสาเจ้านายเหมาะ หรือไม่ก็แขวนพระที่มีลักษณะการกวัก เช่น พระพุทธกวัก

    วันศุกร์ มีวาสนาดี เป็นนักบวชก็ก้าวหน้า เหมาะกับการควบคุมคนหมู่มาก มีลักษณะเป็นผู้นำ ควรแขวนพระที่ในหนึ่งพิมพ์มีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไป เช่นพระเจ้าห้าองค์ พระเจ้าสิบทัศน์ พระตรีกาย

    วันเสาร์ โฉลกเป็นคนที่คนทำร้ายไม่ได้ มีผู้คอยออกรับและคุ้มครองป้องกันอยู่เสมอ ทำให้ไม่ต้องลำบาก แต่เป็นคนที่อาภัพคู่ครอง แม้มีสมบัติมากแต่ก็มักจะผิดหวังเรื่องคู่ครองเสมอ ควรแขวนพระที่มีนามทางความอ่อนนุ่ม เช่น พระนางพญา

    คนเกิดปีมะโรง
    วันอาทิตย์ มีบริวารอยู่มาก มักได้เป็นผู้บังคับบัญชาคน มีทรัพย์ดีมาก เก็บไม่อยู่ แต่เงินไม่ขาดมือ เหมาะที่จะแขวนพระชัยวัฒน์ เพราะเป็นผู้นำคนหรือเป็นที่พึ่งของคนหมู่มาก

    วันจันทร์ มีใจอาฆาตพยาบาทรุนแรง มักมีเรื่องชกต่อยเสมอ ยิ่งเสพสุรายิ่งอาละวาด ควรแขวนพระที่มีข้อห้ามเรื่องสุรา จะได้คอยเตือนใจ เช่น พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ จ.นครพนม

    วันอังคาร ทำมาหากินฝืดเคือง แต่รอดตัว วาสนาปานกลาง อารมณ์ร้อน โกรธง่ายหายเร็ว ห้ามแขวนพระที่ผ่านธาตุไฟ หรือความร้อนเด็ดขาด ให้แขวนพระผง หรือพระที่แกะจากอัญมณี หรือหินที่มีความเย็น หากแขวนพระที่ทำจากหยก จะยิ่งดีใหญ่

    วันพุธ เหมาะเป็นนักร้อง นักแสดง กวี นักเขียนมากกว่าอาชีพอื่น ทำมาหากินคล่อง รับราชการไม่ดี จะมีภัยจากเจ้านาย วาสนาปานกลาง ควรแขวนพระกริ่งที่เขย่าแล้วมีเสียงดัง เพราะดวงเหมาะเป็นนักร้องหรือกวี แม้ทำอาชีพอื่น หากมีพระกริ่งเสียงกังวานจะช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ

    วันพฤหัสบดี ต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน จะได้ห้าต้องลงทุนเกินห้า เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความอดทน ความอุตสาหะ ควรแขวนพระที่มีพลังเร้นลับ เช่น พระหูยาน พระนาคปรกลพบุรี พระยอดขุนพล หรือพระพิมพ์ที่แสดงถึงปาฏิหาริย์

    วันศุกร์ เป็นคนขี้โรค ทำมาหากินคล่อง แต่มีโรคมาเบียดเบียนเสมอ ทำให้ไม่มีความสุขในชีวิต ควรแขวนพระเนื้อว่านที่เป็นยา พระที่ทำจากยาผสมว่าน พระเนื้อว่านต่างๆ เพื่อแก้โฉลกที่สุขภาพไม่ดี

    วันเสาร์ ถ้าเป็นนักบวชจะมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถ้าเป็นข้าราชการปานกลาง เป็นพ่อค้าปานกลาง ทำงานอิสระดีที่สุด ควรแขวนพระที่เป็นพระเกจิอาจารย์จะถูกโฉลกมากกว่าเป็นพระพุทธรูป พระเกจิอาจารย์ที่มีเครื่องหมายของอาชีพอิสระ เช่น พระที่ทางคณะแพทย์สร้าง หรือคณะผู้พิพากษาสร้าง

    คนเกิดปีมะเส็ง
    วันอาทิตย์ มักเดือดร้อนจากการหาความของผู้อื่นเสมอ การงานอาภัพ กว่าจะได้มาต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เก็บเงินเก่ง ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือเต่าเรือน หมั่นบริจาคเงินให้กับสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ ตำรวจ ราชทัณฑ์ หรือตุลาการ จะช่วยบรรเทาเรื่องคดีความลงได้

    วันจันทร์ เป็นผู้ที่มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ไปถิ่นฐานใดไม่ขาดแคลนคนคอยคุ้มครองรักษา ทำการงานพึ่งผู้ใหญ่หรือทำอะไรกับผู้สูงอายุดีกว่า อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าไม่ดี ให้แขวนพระปางนาคปรก สัญลักษณ์แห่งการคุ้มครองป้องกันภัยช่วยเหลือ หรือพระที่มีสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะถูกโฉลกดีนัก

    วันอังคาร ดวงชีพจรลงเท้า เกิดที่หนึ่งไปดังที่หนึ่ง ถ้าจะให้ก้าวหน้าต้องไปทำงานต่างถิ่น ควรแขวนพระปางลีลา หรือพระที่แสดงความเคลื่อนไหว เพราะดวงต้องเดินทางตลอดเวลา หากใช้พระที่หยุดนิ่งจะไม่ถูกโฉลกกัน

    วันพุธ ทำงานหากินไม่พอรายจ่าย ดวงพลิกผันง่าย คาดหมายอะไรล่วงหน้าไม่ได้ ต้องทำงานตามน้ำตลอดเวลา ทวนน้ำเมื่อไรพัง จึงต้องระวัง ให้แขวนพระสังกัจจายน์ หรือพระสิวลี หรือพระที่ด้านหลังมียันต์ ดวงจะถูกโฉลก

    วันพฤหัสบดี เป็นคนมีดวงทางบริวารดี วางใจได้ เป็นผู้มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบริหารที่ยิ่งใหญ่มักเกิดปีมะเส็งวันพฤหัสบดี ควรแขวนพระที่มีอัครสาวกอยู่ด้วย หรือแขวนพระเจ้าห้าองค์ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง

    วันศุกร์ มีสติปัญญาดี มีปัญญาเป็นทรัพย์ เป็นคนใฝ่การศึกษาหาความรู้ หากเป็นนักบวชจะเป็นพระเกจิ อาจารย์ที่มีความขลัง อมตะ เล่าลือไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระที่มีจีวรของพระคุณเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระอยู่ด้วยเพราะโฉลก ของท่านกับจีวรพระสงฆ์ที่เป็นพระสุปฏิปันโนนั้น ถูกกัน

    วันเสาร์ เป็นคนทำงานได้ทุกอย่าง แต่อาภัพคู่ครอง มักหย่าร้างหรืออยู่กันไม่ยืด อยู่ยืดก็เป็นคู่ร้างคู่เละ ตัวเองขยันแต่คู่ครองบั่นทอน ความสุขเสมอ ให้แขวนพระเป็นคู่หรือ สององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะแก้เคล็ดและช่วยให้ถูกโฉลก

    คนเกิดปีมะเมีย
    วันอาทิตย์ เป็นผู้ตั้งหลักฐานได้ง่าย มีความกล้าแกร่ง เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป มักเป็นผู้นำ ทำราชการดีนัก เป็นนักพูดหรือนักเขียนจะโด่งดังไม่มีใครเกิน ควรแขวนพระที่มีคำว่าโต เช่น หลวงพ่อโต หรือพระที่มีลักษณะใหญ่กว่าพระเครื่องทั่วไป

    วันจันทร์ เหมาะแก่การเป็นพ่อค้าวาณิช เป็นนายหน้า แต่เป็นนักการทูต นักการเมือง นักวิชาการ รับราชการไม่ดี แขวนพระอะไรก็ได้ แต่มีเคล็ดว่าให้หาปลาตะเพียนขนาดเล็กๆ ที่ปลุกเสกแล้วคู่หนึ่งติดตัวไว้เสมอ จะทำให้ทำมาค้าคล่อง และติดต่อการงานดีมาก ช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ

    วันอังคาร มีวาสนาดี แต่มักถูกเบียดเบียนชื่อเสียงผลประโยชน์อยู่เป็นนิจ การทำอะไรที่ใหญ่ๆ ควรมีหลักฐานกำกับยืนยันให้แน่นแฟ้น จึงจะไม่ถูกเบียดเบียน เป็นคนที่มีของกำนัลมาสู่มิได้ขาด ควรแขวนพระปางมารวิชัย หรือไม่ก็แขวนพระไพรีพินาศ ก็ดีเหมือนกัน

    วันพุธ อาภัพไร้คนอุ้มชู หัวเดียวโด่เด่ แต่อดทนแกร่งกล้า ไม่ยอมแพ้ชะตา ชีวิตจะต้องทำงานหนัก ก้าวหน้าช้า แต่ถ้าถึงจุดแล้วจะมั่นคงและยืนนาน ไม่ควรท้อแท้กับชีวิต ให้แขวนพระนาคปรก จะเกิดมีการคุ้มครองหรือช่วยเหลือ ห้ามแขวนพระปางป่าเลไลยก์เด็ดขาด แม้จะเกิดวันพุธกลางคืนก็ตาม

    วันพฤหัสบดี ชาตินี้ต้องเป็นผู้ทำประโยชน์ให้คนอื่นตลอด แล้วจึงได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์นั้นมา คือ ทำงานกับหุ้นส่วนและคนหมู่มาก จะทำงานอิสระไม่ได้เลย ต้องมีคนคอยเป็นคู่คิดเสมอ ควรแขวนพระปิดตายันต์ยุ่ง เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง กลมเกลียว สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

    วันศุกร์ ไร้ชายคาที่อาศัย ต้องพึ่งตัวเอง แม้จะสิ้นใจก็มิอาจร้องขอความเมตตาจากผู้ใด ดวงอาภัพผู้อุปถัมภ์ จึงควรทำอะไรที่ตัวเองถนัดและทำแต่ลำพัง ไม่ต้อหาใครมาช่วย เพราะเมื่อใดทำงานเป็นทีมเป็นหุ้นส่วนกันจะพัง ให้แขวนพระเดี่ยวๆ องค์เดียวแก้เคล็ด อย่าแขวนพระเป็นพวง ให้แขวนเดี่ยว จะได้ผลดีอย่างยิ่ง เสริมโฉลก

    วันเสาร์ วังเวง วิเวก ว้าเหว่ นอกจากอาภัพคู่แล้ว ชั่วชีวิตยังปราศจากคนจริงใจอีกด้วย จึงต้องระมัดระวังรอบคอบไตร่ตรองคำพูดคนรอบข้างไว้เสมอ ให้แขวนพระ
    ปิดทวารทั้งเก้า ยิ่งอุดมมากเท่าใดยิ่งดี เพราะจะทำให้โฉลกดีขึ้นกว่าแขวนพระอย่างอื่น

    คนเกิดปีมะแม
    วันอาทิตย์ เป็นคนมือเติบ เลี้ยงคนถูกใจเท่าไรเท่ากัน ทำให้เป็นนักเลงสุรา นักเลงผู้หญิง เก็บเงินไม่อยู่ ควรแก้เคล็ดเปลี่ยนเงินเป็นทองคำ บ้าน ที่ดิน ใบหุ้นที่มีระยะเวลา ถ้าเก็บเงินสดไว้กับตัวก็ละลายหมด ควรแขวนพระนาคปรก หรือพระปางซ่อนหา เพื่อแก้โฉลกให้เบา จากความเสียหายเรื่องการพนันและผู้หญิง ไม่ใช่ใส่ แล้วไปเล่นการพนัน หรือไปเที่ยว ห้ามเด็ดขาด

    วันจันทร์ ดวงบริวารดีมีผู้คอยช่วยเหลือ แต่มักต้องลำบาก เพราะญาติพี่น้อง จึงควรรู้จักแยกแยะ ว่าควรจะสงเคราะห์ใครอย่างไร ไม่งั้น จะก่อศัตรูไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระปิดตาที่ไม่ปิดทวาร เพื่อส่งผลแก้โฉลกตรงปากที่พูดทำร้ายตัวเองและผู้อื่นให้เกิดศัตรู

    วันอังคาร ทำงานหนัก แต่รายได้ไม่คงที่ แม้จะมีความรู้ ก็ไม่อาจหา งานที่เหมาะสมทำได้ โฉลกเป็นอย่างนั้น จึงควรหาทักษะความรู้เกี่ยวกับงานด้านต่างๆ ไว้ให้พร้อมมากที่สุด ควรแขวนพระปางประทานพร หรือปางอุ้มบาตร เพื่อแก้โฉลกและทำให้การงานดีขึ้น

    วันพุธ เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก พูดจาน้อย แต่มีน้ำหนักเป็นที่เกรงกลัวของคนทั่วไป นักบวชมีชื่อเสียง ผู้พิพากษาคนสำคัญ นักการเมืองที่เป็นรัฐบุรุษมักเกิดวันนี้ ควรแขวนพระที่มีเมตตาสูง เช่น พระสมเด็จ พระปิดตา และพระที่มีอานุภาพทางเมตตาที่ไม่ผ่านความร้อน เพื่อทำให้โฉลกทางด้านอำนาจเบาบางลง เกิดเมตตามากขึ้น

    วันพฤหัสบดี เป็นผู้นำคนหมู่มาก มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เป็นเจ้านายที่ลูกน้องเกรงใจ นักบริหารผู้มีฝีมือ นักการธนาคารผู้มีชื่อเสียง นักการเมืองผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ควรแขวนพระปางปฐมเทศนา หรือมีรูปธรรมจักรอยู่ในองค์พระด้วย เพื่อทำให้คำพูดของท่านมีความหนักแน่นมั่นคงมากขึ้น และทำให้ลดความน่ากลัว
    หรืออำนาจลงไปได้บ้าง

    วันศุกร์ เป็นคนอาภัพ ทำคุณไม่ขึ้น ช่วยเขาแล้วเราพังเป็นส่วนใหญ่ สมควรที่จะอยู่เฉยๆ อย่าได้ออกหน้า โดยเฉพาะการเป็นนายประกัน ไม่ถูกกับคนเกิดวันศุกร์อย่างยิ่ง ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระบัวเข็ม จึงจะเหมาะสมกับโฉลกของตน ทำให้เยือกเย็นมากขึ้น

    วันเสาร์ เป็นคนมีโทษ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความมาโดยตลอด ไม่เคยอยู่เป็นสุข มีศัตรูมาก ควรสงบเสงี่ยมเจียม ปากเจียมคำ อย่าได้ทำเด่นเกินไป ภัยจะมาถึงตัวควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือที่เป็นรูปโล่ เพื่อให้ทำโฉลกเป็นดีขึ้นมาได้

    คนเกิดปีวอก
    วันอาทิตย์ มีวาสนาดีมาแต่เกิด มีทรัพย์สินบริวารพร้อม รับราชการจะก้าวหน้า เป็นนักบวชจะได้เป็นถึงพระราชาคณะ ให้แขวนพระที่มีพัดยศด้วย จะถูกโฉลกมากขึ้น

    วันจันทร์ เหมือนถูกลอยแพในมหาสมุทร ต้องร่อนเร่พเนจรไปต่างถิ่น ถูกโฉลกกับการค้าขายขึ้นล่องตามแม่น้ำลำคลอง หรือค้าขายเครื่องสูบน้ำ วิดน้ำ ควรแขวนพระห้ามสมุทรยกพระหัตถ์ จะทำให้โฉลกดีขึ้น

    วันอังคาร เป็นคนมีศัตรูมาก ต้องต่อสู้จึงจะได้มาซึ่งสิ่งที่พอใจ ชนิดที่ได้มาแบบง่ายๆ ไม่มี ควรแขวนพระปางซ่อนหา ที่มีพระพุทธรูปซ้อนบนพระเกศของพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง เป็นพระที่ซ้อนกับสององค์ เช่น พระหล่อพิมพ์ซ้อนของ วัดหนองโว้ง จ.สุโขทัย

    วันพุธ มีสติปัญญา มีความรู้ เป็นนักปราชญ์ พระโหราบดี ราชครู และสมณะผู้เชี่ยวชาญด้านพระบาลี มักเกิดวันนี้ ควรแขวนพระสังกัจจายน์ พระสีวลี จะถูกโฉลกที่สุด

    วันพฤหัสบดี เป็นคนทำงานราชการก้าวหน้า หรือค้าขายส่วนตัวก็จะดี ควรแขวนพระปางลีลา หรือพระซุ้มเรือนแก้ว จะถูกโฉลกโชคลาภ

    วันศุกร์ มีเชาวน์ปัญญาไว เรียนรู้อะไรได้ง่าย มีวาสนา มีเสน่ห์ รับราชการเกี่ยวกับต่างประเทศ เจรจาความเมืองจะก้าวหน้าที่สุด หรือทำการค้าขายสั่งนำเข้าจากนอกประเทศดีที่สุด ควรแขวนพระที่มีนางกวักอยู่ด้านหลัง จะดีที่สุด

    วันเสาร์ โฉลกมักถูกคดีความเป็นจำ จึงไม่ควรคิดทำสิ่งผิดกฎหมาย เป็นดวงที่ต้องระวังแง่กฎหมายมากที่สุด ถ้าเป็นทนายความจะมีลูกความมาก ควรแขวนพระที่มีสัญลักษณ์กฎหมาย คือตราชั่ง หรือโล่ตำรวจ จึงจะถูกโฉลก หรือพระที่สร้างโดยองค์กรของกฎหมาย ตุลาการ หรือตำรวจ

    คนเกิดปีระกา
    วันอาทิตย์ บริวารดีมาก จะได้ใช้สอยพึ่งพาอาศัยได้ แต่ให้ระวังความใจกว้าง ทำคุณกับผู้อื่นอาจต้องเสียใจบ่อยๆ ให้แขวนพระมหาอุด หรือพระที่มีรัศมีอยู่รอบองค์พระ หรือมีซุ้ม เพื่อแก้โฉลกให้ดีขึ้น จะทำให้มีลาภอุดม

    วันจันทร์ มีกินล้นเหลือ ไม่มีก็ต้องขอข้าวเขากิน จึงต้องสำรองเงินเก็บไว้ยามมีมาก จะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำ จะประมาทไม่ได้เลย ควรแขวนพระสังกัจจายน์ ยิ่งเป็นแบบจีน หรือแป๊ะยิ้ม ยิ่งดี หรือไม่ก็แขวนพระสีวลี เพื่อเสริมโฉลกให้ดีขึ้น

    วันอังคาร เป็นคนชอบเที่ยวเตร่ มากผัวหลายเมียควรระมัดระวังเรื่องเที่ยวเตร่คบเพื่อนฝูง จะเสียเพราะเพื่อนและคนใกล้ชิดติดคุกติดตะรางมามากแล้ว ควรแขวนพระมหาอุดหรือเต่าเรือน เพื่อทำให้โฉลกดีขึ้น

    วันพุธ รับราชการดีที่สุด อาชีพอิสระไม่ดี ต้องร่วมหุ้นหรือทำงานผู้บริหารจะดีมาก สติปัญญาดี เอาตัวรอดได้เพราะปัญญาของตัวเอง ให้แขวนพระปางปฐมเทศนาเป็นดีที่สุด หรือพระที่มีเครื่องหมายธรรมจักรอยู่ด้วยในองค์พระ

    วันพฤหัสบดี เป็นคนมีบุญ มีคนรักใคร่ชอบพอ พูดจาเป็นเสน่ห์แก่ตัวเอง รู้หลักนักปราชญ์ ได้พึ่งคนใกล้ชิดและบริวารเป็นส่วนใหญ่ ให้แขวนพระองค์ใหญ่หรือชื่อใหญ่ เช่น พระหลวงพ่อโต ปางสมาธิ จะถูกโฉลกยิ่งขึ้น

    วันศุกร์ ทำมาหากินไม่พอกิน ลำบากมาก แต่มีลาภลอยให้ได้แก้ขัดเสมอ อย่าคิดเล่นการพนันเป็นอาชีพเด็ดขาด จะซ้ำร้ายลงไปอีก จึงควรหมั่นเก็บหอมรอมริบให้มากที่สุด ให้แขวนพระปิดตามหาลาภ หรือพระฤๅษี จะถูกกับโฉลกทำให้มีลาภลอยมากขึ้น

    วันเสาร์ มีคนอุปถัมภ์ไม่ตกต่ำ เป็นที่เมตตาของคนทั่วไป ทำราชการจะดีมาก หรือค้าขายเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องเสริมสวยจะดีมาก ให้แขวนพระพิมพ์ทรงเครื่องที่งดงาม หรือพระที่มีลวดลายแพรวพราว หรือพระแกะพิมพ์วิจิตรพิสดารเพื่อเสริมโฉลกโชค

    คนเกิดปีจอ
    วันอาทิตย์ เป็นดวงฝ่าฟัน มักต้องแก้ปัญหาในหน้าที่การงานเสมอ ทำงานมีอุปสรรคมาก บางครั้งต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นนักบริหารประเภทแก้สิ่งที่ผิดพลาดมาแล้วให้ดีขึ้นจะถูกโฉลกมาก ให้แขวนพระปางมารวิชัย ยิ่งมีพระอัครสาวกซ้ายขวาด้วยยิ่งดีใหญ่

    วันจันทร์ สติปัญญาเป็นทรัพย์ ไม่ชอบงานหนัก ชอบงานได้ผลตอบแทนสูง เช่น ซื้อขายหุ้น ซื้อผลิตผลที่ต้องเก็งกำไรระยะสั้น ให้แขวนพระที่มีซุ้มครอบแก้ว จะช่วยให้ดีขึ้น

    วันอังคาร ทำงานไม่ค่อยก้าวหน้า สติปัญญาไม่ดี แต่มีความขยันอดทน เหมือนหมูป่า แม้มีแต่เขี้ยวก็สามารถขุดหาหัวเผือกหัวมันรากไม้กินได้อย่างไม่อัตคัด ให้แขวนพระปางลีลา เสริมโฉลกต่อสู้อุปสรรคทั้งปวงให้หมดไป

    วันพุธ มีบริวารมาก ได้ดีเพราะบริวาร มักเป็นผู้นำ เป็นนักบริหารที่เพียบพร้อมด้วยปัญญาและบริวาร ควรแขวนพระเป็นพวง พวงละหลายๆ องค์ จะช่วยหนุนโฉลกให้ดีขึ้น

    วันพฤหัสบดี เป็นคนเจ้าโทสะ มักชอบสิ่งเย้ายวนต่างๆ เจ้าชู้มีเมียไม่เลือก ตกที่นั่งนารีอุปถัมภ์ ควรแขวนพระทรงอิทธิฤทธิ์ เช่น พระตรีกาย พระปางมหาปาฏิหาริย์ หรือพระที่มีความร้อนแรงจากธาตุไฟ เพื่อเสริมบารมีให้โฉลกดีขึ้น

    วันศุกร์ เป็นคนมีลาภอยู่เป็นนิจ ทำอะไรก็ก้าวหน้าได้ง่าย แต่มือเติบ ทำให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ให้แขวนพระมหาอุด เสริมโฉลกให้ทุกอย่างดีขึ้น

    วันเสาร์ เป็นคนอาภัพ คู่ครองเป็นอริ จะอยู่กันยืดเฉพาะแม่ม่าย เป็นนักเลงการพนันและสุราชนิดหัวราน้ำ จึงควรแก้ไขแต่ต้นมือ ให้แขวนพระที่มีคำสาปเกี่ยวกับการห้ามดื่มสุราและเล่นการพนันเพื่อปรามตัวเอง เป็นการเสริมโฉลก หาไม่แล้วจะเอาตัวไม่รอดจะบอกให้

    คนเกิดปีกุน
    วันอาทิตย์ มีวาสนาบารมีสูง ตั้งตัวได้ไว มีบริวารมาก เป็นผู้นำของคนหมู่มาก แต่ทำคุณใครไม่ขึ้น ควรแขวนพระทางโชคลาภ เช่น พระสังกัจจายน์ พระสีวลี

    วันจันทร์ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ หากินไม่ฝืดเคือง แต่ต้องทำงานหนัก ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล การเปิดอู่ซ่อมรถถูกโฉลกดี ควรแขวนพระที่มีพระพุทธรูปคู่กับพระพิฆเนศ หรือแขวนพระพิฆเนศองค์เดียวก็ได้

    วันอังคาร เป็นคนมีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู รับราชการจะได้ดีเพราะเจ้านายเป็นคนชอบ ขันอาสาเจ้านาย ทำอะไรทำจริง ให้แขวนพระที่มีพระอัครสาวกซ้ายขวาจะถูกโฉลกดี

    วันพุธ ทำงานอะไรก็ต้องพบอุปสรรค ไม่มากก็น้อย พองานตั้งหลักได้แล้วก็ถูกเขี่ยเหมือนรื้อนั่งร้าน จึงควรระมัดระวังเรื่องการถูกหักหลังไว้ ให้แขวนพระสะดุ้งกลับ เพื่อเสริมโฉลกของตัวเองให้ดีขึ้น

    วันพฤหัสบดี เกิดที่นี่ไปได้ดีถิ่นอื่น จะต้องเดินทางไกลเพื่อหาเลี้ยงชีพ ยิ่งข้ามจังหวัดยิ่งดี ทำมาค้าขายนายหน้าแลกเปลี่ยนที่ดินดี เป็นครูก็ดี แต่ไม่ถูกโฉลกกับงานขายประกันชีวิตให้แขวนพระปางลีลาเป็นหลัก

    วันศุกร์ มีชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับคดีความ แต่ก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง จะทำกิจการใด ควรระวังเรื่องกฎหมายให้มาก ให้แขวนพระไพรีพินาศ เป็นดีที่สุด

    วันเสาร์ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เป็นเซียนพนันมือเติบ เป็นลูกพี่ที่มีลูกน้องบริวารมาก จะเดือดร้อนเพราะลูกน้องผู้ใกล้ชิดเสมอ ให้แขวนพระที่เกี่ยวกับการปกครองหมู่มาก ซึ่งควรจะเป็นพระที่ทางกระทรวงมหาดไทยหรือกรมตำรวจจัดสร้างจะถูกโฉลกดีนัก


    เครดิต : บูชาพระให้ถูกโฉลกปีเกิด และวันเกิดของท่าน
     
  8. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    การเป็นเจ้าของเวบธรรมะ และเวบอื่นๆ และเพิ่งมาเป็นสมาชิก Premium ทำให้รู้อะไรค่อนข้างมาก บางอย่างรู้มานานเป็นปี หรือหลายปี ถึงได้นำมาลงแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้ บางอย่างก็ไม่ควรเปิดเผย เป็นความรู้เฉพาะตน
     
  9. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    วันนี้เป็นวันสาร์ทไทย ถ้าที่ภาคใต้ เขาเรียกว่าวันส่งเปรต ใน 1 ปีมี 2 หน ครั้งแรกเป็นวันรับ ครั้งที่ 2 จะเป็นวันส่ง

    สำหรับอาหารหรือขนมที่ผู้คนนิยม นำไปทำบุญที่วัด ก็คือ ขนมเจาะหู ขนมลา เป็นต้น
     
  10. supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  11. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ยินดีครับ สาธุ
     
  12. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แนะนำคนให้คลุกคลีกับกิเลส ส่งเสริมคนให้มุ่งมั่นเจริญในวัตถุ สนองกิเลสและตัญหา

    1.การเป็นธุระจัดหา ส่งเสริม สนับสนุนผู้คน ให้เจริญในทางวัตถุ ผลของกฎแห่งกรรมก็ย้อนกลับในบุคคลๆ คนนั้น อาทิ

    1.1 การเป็นผู้ให้บูชาพระเครื่อง-วัตถุมงคล ในสายเสน่ห์ เช่น ...เมียมาก, ..สาวมาก.. ฯลฯ กรรมนั้นอาจดลให้ผู้ให้เช่าบูชา มีสาวหรือเมียมาก

    2.การเป็นหมอดู ซึ่งหมอดูส่วนใหญ่ มักจะดูดวง เพื่อสนองความอยาก กิเลสของผู้ดู เช่น
    2.1 หนูจะเลิกกะแฟนคนปัจจุบันได้เมื่อไร แล้วจะมีคนใหม่เมื่อไร
    2.2 หนูควรหาเช่าวัตถุมงคล ประเภทอะไรจึงจะได้แฟน หรือมีโชค
    2.3 หนูจะมีแฟนเมื่อไร
    2.4 ผมจะรวยเมื่อไร ทำอย่างไร ถึงจะรวย
    2.5 ทำอย่างไร ถึงจะได้งานตัวนั้น
    2.6 จะได้ไปต่างประเทศเมื่อไร
    2.7 คนที่ติดต่ออยู่ไว้ใจได้ไหม
    2.8 คนที่ร่วมธุรกิจ เป็นอย่างไร
    2.9 ฯลฯ

    ล้วนเป็นคำถาม ที่มุ่งในด้านทางโลกทั้งนั้น และหมอดูส่วนใหญ่ก็ตอบสนอง แนะนำให้เพื่อผลในทางโลก อันเป็นทางที่ยังข้องเกี่ยวกับกิเลส(ความอยากได้ อยากเป็น อยากเห็น อยากมี อยากรู้) และตัญหา(กิเสลกาม)

    อานิสงส์เหล่านี้อาจดลให้หมอดูรวย เพราะแนะนำให้ผู้คนเจริญในทางโลก และพอกพูนในกิเสล แต่ไม่พ้นทุกข์อย่างแท้จริง

    จะมีหมอดูท่านใด ที่จะแนะนำคนให้ลดละกิเลส ให้ปฏิบัติธรรมบ้าง
     
  13. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แวะมาดูกระทู้ครับ
     
  14. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    คาถาทาสเศรษฐีของเทวดา


    การปฏิบัติธรรมนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ถ้าท่านมีศรัทธาเต็มที่แล้วง่ายมาก ถ้าไม่มีศรัทธา มาตามเขาทำจิ้มๆ จ้ำๆ นี้ยาก ไม่ได้อะไรเลยและไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวไปวัดโน้นทัวร์บุญวัดนี้ เมื่อวานมารับประทานข้าว 2,000 คน รถบัส 30 กว่าคัน ไปทำบุญกันวัดไหนก็มารับประทานข้าวที่วัดอัมพวัน กับข้าวมีเยอะแยะไปหมด คนจำนวน 2,000 คน รับประทานข้าวกันทุกคนแล้วแต่ข้าวยังเหลือกินเหลือใช้ อาตมาจึงบอกโยมว่ากับข้าวยังมี ตักใส่ถุงไปฝากแฟนที่บ้าน ฝากลูกเล็กๆ มีต้มจืด ตักไปแล้วก็ยังไม่หมด แกงหม้อเบ้อเริ่มตักไปแล้วก็พูนขึ้นมา แปลกดีเหมือนกัน ใครอยากรวย เอาคาถาทาสเศรษฐีของเทวดาไปใช้ท่อง 108 จบ คาถามีอยู่ว่า “อิติมะมะ มีมะมูน พูลมามี มามะมะ นะมะพะทะ


    เครดิต : หนังสือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม และ คาถาทาสเศรษฐีของเทวดา
     
  15. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550

    ภาพถ่ายหลวงปู่เทพโลกอุดร ภาพสี ถ่ายภาพโดยท่านผู้มีอภิญญา



    ภาพถ่ายหลวงปู่เทพโลกอุดร ภาพขาวดำ ถ่ายภาพโดยหลวงปู่วัย จัตตาลโย

    ประสบการณ์ได้พบเจอผู้มีอภิญญา และเรื่องเล่าโดยผู้มีอภิญญา ส่วนที่ 1

    เมื่อนานมาแล้ว ผมบังเอิญได้พบผู้มีอภิญญาท่านหนึ่ง ท่านได้เคยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังหลายเรื่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นประสบการณ์ของท่าน ในต่างเวลา ต่างโอกาสกัน บางเรื่องผมก็ขอความเมตตาจากท่าน เท่าที่จำได้มีมากพอสมควร บางเรื่องก็จำไม่ได้แล้ว บางเรื่องก็ยังพอจำได้อยู่

    ส่วนที่ยังจำได้ จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง (เฉพาะส่วนที่สามารถเปิดเผยได้) :

    1.ท่านได้ปฏิบัติธรรม และมีหลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร) มาสอนการปฏิบัติธรรม และผู้มีอภิญญาได้ขอถ่ายรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งสามารถถ่ายรูปออกมาเป็นภาพสี ลักษณะคล้ายกับภาพที่หลวงปู่วัยถ่ายได้ แต่ที่หลวงปู่วัยถ่ายได้นั้นเป็นภาพขาวดำ และภาพหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ที่ผู้มีอภิญญาถ่ายได้นั้นเป็นภาพสีที่มีความชัดเจนและรายละเอียดมากกว่า เปรียบดั่งการดูทีวีจอขาวดำกับการดูทีวีจอสี

    ปัจจุบันรูปภาพ Original หลวงปู่เทพโลกอุดรที่เป็นภาพสียังคงมีเหลือเพียงแค่รูปเดียว และอยู่ที่ผม(เจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ)

    2.ครั้งหนึ่งท่่านผู้มีอภิญญาได้เคยเดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่ง จ.สกลนคร ใกล้แถวอ.นาแก เมื่อถึงที่วัดนั้น เหล่าพญานาคได้มาต้อนรับ ท่านได้ขออนุญาตถ่ายภาพพญานาค และสามารถถ่ายภาพพญานาคขึ้นมาได้ เป็นพญานาคลำตัวสีขาว มีหงอน บริเวณใกล้วัดนั้นมีบึงน้ำ สีน้ำเป็นสีเขียวมรกต มองดูน่าจะลึกมาก

    3.ท่านได้เล่าเรื่องการได้เจอนักถอดจิต ที่เป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง นักถอดจิตคนนี้มีเมียอยู่แล้ว แต่ปฏิบัติธรรมจนสามารถถอดจิตได้ และมีบ้านอยู่ใกล้บ้านผู้มีอภิญญา คืนหนึ่งนักถอดจิตคนนี้ก็ถอดจิตออกไปดูผู้มีอภิญญา ซึ่งท่านก็รู้และได้ตักเตือนคนถอดจิตว่ามาดูคนอื่นทำไม ไม่มีมารยาท ตอนรุ่งเช้าผู้มีอภิญญาก็ไปต่อว่าคนดั่งกล่าวถึงที่บ้านเขา เขาก็ยอมรับโดยดี และกล่าวว่าต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก

    4.ในอดีตที่ผ่านมา ผมได้ขอให้ท่านผู้มีอภิญญา ตรวจสอบยอดจำนวนเงินแบบภาพรวม ซึ่งท่านสามารถบอกได้ใกล้เคียงความจริงประมาณ 98-99% ดังนั้นท่านที่อีเมล์มาขอยืมเงินผมหรือขอเงินผม ขอให้ไตร่ตรองให้ดี ว่าความลับไ่ม่มีในโลก อย่ามาโกหกว่า ไม่มีเงินเหลือในบัญชี หรือมีเงินเหลือในบัญชีแค่ 20 บาท

    5.นานหลายปีมาแล้ว สมัยที่ผมยังทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอยากรู้ว่าเจ้าของบริษัท(เป็นด๊อกเตอร์ท่า่นหนึ่ง) หายไปไหนหลายวัน ได้ขอให้ท่านผู้มีอภิญญาตรวจดูให้ ท่านบอกว่าเห็นอยู่ในต่างประเทศ ลักษณะภูมิประเทศไม่เหมือนเมืองไทยนัก ภายหลังผมมารู้ว่าเจ้าของบริษัท ไปแสวงบุญอยู่ที่ประเทศแห่งหนึ่ง

    6.ครั้งหนึ่งสมัยที่ผมและท่านผู้มีอภิญญา อยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ได้พบหลวงพี่ท่านหนึ่ง ท่านบวชมาหลายพรรษาแล้ว ได้สนทนากับหลวงพี่อยู่ัพักหนึ่ง เมื่อหลวงพี่เดินจากไป ท่านผู้มีอภิญญาก็รู้ด้วย Sixth sense ของท่านและกล่าวว่า หลวงพี่รูปนี้มีของดีจำนวนมาก ท่านได้แนะนำให้ผมไปขอของดีกับหลวงพี่ ผมก็เลยเดินไปขอของดีจากท่าน หลวงพี่บอกให้ผมไปพบที่บริเวณยอดเขา เมื่อผมไปถึงที่บริเวณยอดเขา ท่านเมตตามอบพระธาตุพระสีวลีให้ผม ผมถามท่านว่า พอจะมีเหล็กไหลให้ผมบ้างไหม ท่านกล่าวว่าเหล็กไหลพอมีอยู่แต่ไม่ได้นำมา ไว้รอโอกาสในอนาคต

    7.ครั้งหนึ่งเมื่อนานหลายปี ผมได้เล่าเกี่ยวกับหมอดูท่านหนึ่ง สมัยก่อนหมอดูคนนี้ประจำอยู่ที่เวบญาณทิพย์ ท่านผู้มีอภิญญากล่าวว่าหมอดูคนนี้เป็นคนที่พูดจานุ่มนวล .... ซึ่งท่านก็ไม่เคยรู้จักหมอดูคนนี้มาก่อน ภายหลังหมอดูคนนี้ถอยออกจากเวบดั่งกล่าวไปนานแล้ว


    เครดิต : http://metharung-background.blogspot.com/2014/10/blog-post_16.html
     
  16. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ประสบการณ์ได้พบเจอผู้มีอภิญญา และเรื่องเล่าโดยผู้มีอภิญญา ส่วนที่ 2

    ส่วนที่ยังจำได้ จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง (เฉพาะส่วนที่สามารถเปิดเผยได้) ส่วนที่ 2 :


    1.ท่านเล่าว่าได้เคยไปกราบหลวงปู่หิน ปภังกโร วัดโพธาราม จ.ขอนแก่น ซึ่งช่วงนั้นหลวงปู่มีอายุประมาณ 130 ปี หลวงปู่เคยบอกท่านผู้มีอภิญญาว่า "ช่วยรักษาให้หน่อย" ท่านเล่าว่าในคืนนั้นหลวงปู่ได้ถอดกายทิพย์มาหา จริงๆ มีรายละเอียดมากกว่านี้แต่เล่าไม่ได้ ในวันที่จะเดินทางกลับหลวงปู่ได้มอบพระเครื่องวัตถุมงคลให้กับท่านผู้มีอภิญญาด้วย

    2.ครั้งหนึ่งท่านผู้มีอภิญญาและกลุ่มเพื่อนๆ ได้เดินทางไปทำบุญที่วัดหินหมากแป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย และได้พบกับหมอ... (หมอดูชื่อดังคนหนึ่งของประเทศไทย) เมื่อหมอ... ได้พบกับผู้มีอภิญญา ก็เดินเข้าไปกอดท่านผู้มีอภิญญา หมอ... น้ำตาไหล หอมแก้มท่านผู้มีอภิญญา และพูดว่า "คิดถึงจังเลยๆ" ซึ่งผู้คนต่างๆ บริเวณนั้นต่างก็งงไปกันใหญ่ ท่านเล่าให้ผมฟังว่าเป็นสัญญาเก่าของหมอ...

    3.ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ท่านไปงานกฐินหรืองานไหว้ครู ที่วัดแห่งหนึ่ง จ.เพชรบูรณ์ ในงานมีผู้คนมามากมาย และในงานนั้นจะมีคุณลุงท่่านหนึ่งที่แต่งตัวดูสกปรก มีกลิ่นน่ารังเกียจ ลักษณะคล้ายคนขอทาน มาอยู่ในงานด้วย ผู้คนต่างพากันหลีกห่าง ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คุณลุง ท่านได้พิจารณาด้วยญาณรู้ของท่่านพบว่าคุณลุงไ่ม่ใช่คนธรรมดา จึงได้เดินเข้าไปหาคุณลุงดังกล่าว เพื่อสนทนาด้วย คุณลุงกล่าวว่าไม่รังเกียจหรือ ท่านตอบว่าไม่ได้รังเกียจคุณลุง เพื่อนๆ ของท่านผู้มีอภิญญาก็ตามเข้าไปในภายหลัง คุณลุงได้เปิดย่ามให้ดูภายใน พบว่าเป็นชุดสีขาว สวยงาม ลักษณะแบบที่คนมียศศักดิ์ในสมัยก่อนใส่กัน คุณลุงบอกว่าที่แต่งตัวลักษณะแบบนี้เพื่อทดสอบจิตใจมนุษย์



    4.ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ผมและท่านผู้มีอภิญญาและเพื่อนกัลยาณมิตร ได้เดินทางไปที่วัดถ้ำพระธรรมมาสน์ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ช่วงบ่ายๆ ของวันนั้นผมและเพื่อนกัลยาณมิตร ได้ขอให้เณรช่วยนำทางพาเที่ยวในถ้ำ ได้ไปยังหลายแห่งภายในถ้ำนั้น ภายในถ้ำจะมีลำธารหรือคล้ายคลอง ไหลผ่านภายในถ้ำ/ภูเขา บางช่วงก็ลึกประมาณอก บางช่วงก็ลึกประมาณเอว น้ำในลำธารค่อนข้างมืด เย็น ดูน่ากลัวพอสมควร เณรได้นำพาไปถึงบริเวณที่เป็นรอยพระพุทธบาท หลังจากนั้นก็เดินทางออกมา เกือบถึงด้านนอก แต่เป็นช่วงจะค่ำแล้ว ก็เลยหาถ้ำเพื่อปักกลด/กางกลด พักผ่อนค้างคืน ผมเลือกถ้ำด้านใน ส่วนเพื่อนอีก 2 คนเลือกถ้ำบริเวณใกล้นอกถ้ำ เสียงค้างคาวดูน่ากลัว คืนนั้นผมได้นั่งสมาธิ และเป็นครั้งแรกที่นั่งสมาธิในถ้ำในยามค่ำคืนดูน่ากลัวมาก ใจสั่นไปหลายครั้ง เมื่อนั่งสมาูธิได้พอควรก็นอน ก่อนตื่นนอนช่วงรุ่งเช้าได้นิมิตว่ากลดหล่นใส่หน้า ก็เลยตื่นขึ้นมา สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำคงมาเตือน ผมจึงตื่นมาเดินจงกรม เมื่อฟ้าสว่างและช่วงประมาณ 9 โมงเช้าผมและเพื่อนๆ ได้ออกจากถ้ำมายังที่วัด ท่านผู้มีอภิญญาซึ่งพักค้างคืนอยู่ที่ศาลาวัด กล่าวว่าเมื่อคืนมีแสงไฟส่องลงมาเหมือนกับไฟสปอร์ตไลท์ ส่องมาจากฟ้าลงมาที่ศีรษะหรือบริเวณที่ท่านผู้มีอภิญญานอนพัก เป็นเวลาหลายชั่วโมง ท่านบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาต้อนรับ

    5.สมัยช่วงที่ผมจะเดินทางไปบวชที่จ.นครพนม โดยไปกับหมอดูสาวคนหนึ่ง เมื่อผมเดินทางไปที่นครพนม ระยะเวลาถัดจากนั้นไม่นาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ภูลังกาก็เหาะลอยมาบอกท่านผู้มีอภิญญา(เป็นนิมิตความฝัน) ว่าให้ไปนำคุณเมธากลับมา เพราะโดนหมอดูสาวหลอก และได้บอกเบอร์มือถือของหมอดูสาวให้ท่านผู้มีอภิญญาทราบ ภายหลังท่านผู้มีอภิญญาได้ขอให้เพื่อนกัลยาณมิตรตรวจสอบในหนังสือโลกทิพย์-โลกลี้ลับ ปรากฎว่าเป็นเบอร์ของหมอดูสาวท่านนั้นจริงๆ และตรงกันทั้ง 9 หลัก


    เครดิต : http://metharung-background.blogspot.com/2014/10/2.html
     
  17. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550

    รูปปู่ฤาษีจุลมณี ถ่ายภาพได้โดยคุณแม่จันทา ฤกษ์ยาม
     
  18. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550


    ภาพหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    เป็นรูปภาพที่ผมได้มานานหลายปีแล้ว
     
  19. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ประสบการณ์ได้พบเจอผู้มีอภิญญา และเรื่องเล่าโดยผู้มีอภิญญา ส่วนที่ 3

    1.อานิสงส์ของการสวดพระคาถาธรรมจักร ส่งผลข้ามภพ ข้ามชาติ
    ท่านผู้มีอภิญญาเคยเล่าให้ผมฟังว่าในอดีตที่ผ่านมานานแล้ว ได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในวันหนึ่งนั้นมีคุณลุงท่านหนึ่ง มีรูปร่างสูงใหญ่ นำหนังสือสวดมนต์มาให้เล่มหนึ่ง ท่านผู้มีอภิญญาบอกว่าหนูอ่านหนังสือไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ คุณลุงบอกว่าหนูอ่านได้ เมื่อคุณลุงกลับไปแล้ว ท่านผู้มีอภิญญาก็ลองเปิดหนังสือสวดมนต์เล่มนั้น หน้าแรกที่เปิดเจอคือบทสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร (พระคาถาธรรมจักร) เมื่อมองไปที่บทสวดนี้ก็มีปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้น ทำให้สามารถอ่านหนังสือออกได้โดยอัตโนมัติ จากที่ก่อนหน้านั้นท่านผู้มีอภิญญาอ่านหนังสือไม่ได้ เพราะไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน ท่านผู้มีอภิญญาก็เลยสวดพระคาถาธรรมจักร ได้โดยคล่องแคล้ว โดยเริ่มจาก ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา.......

    แสดงให้เห็นว่าในอดีตชาติ ท่านผู้มีอภิญญาคงได้สวดพระคาถาธรรมจักร อยู่เป็นประจำ อานิสงส์การสวดพระคาถาธรรมจักร จึงส่งผลมาถึงชาติปัจจุบัน

    เมื่อท่านผู้มีอภิญญาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ลูกๆ ก็รู้ว่าคุณแม่สามารถอ่านหนังสือได้แล้ว แต่ยังไม่เชื่อกัน ก็เลยคะยั้นคะยอให้คุณแม่อ่านหนังสือให้ฟัง ท่านผู้มีอภิญญาก็เลยสวดพระคาถาธรรมจักรให้ลูกๆ ฟัง หลังจากนั้นลูกๆ ก็เชื่อแล้วว่าคุณแม่สามารถอ่านหนังสือได้แล้ว และยังมีส่วนทำให้สามารถเขียนหนังสือได้บ้าง

    2.ท่านได้เล่าว่าครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ท่านได้ไปที่วัดแห่งหนึ่ง ที่จ.เพชรบูรณ์ และได้รู้จักกับหลวงตารูปหนึ่ง ท่านรู้ว่าหลวงตานั้นไม่ธรรมดา ท่านได้ไปหาหลวงตาในอีกเวลาหนึ่ง หลวงตาได้กล่าวว่าอย่าตามมา หลวงตาจะไปหาของดีให้ ที่จะไปนั้นน่ากลัวมาก ในช่วงเช้าหลวงตาได้ให้เศษกระดาษมาใบหนึ่ง ในนั้นมีเลข 3 ตัว แต่ท่านผู้มีอภิญญาซื้อหวยไม่ค่อยเป็น ในงวดนั้นจึงไม่ได้ซื้อ ผลการออกรางวัลในงวดนั้นตรงแป๊ะๆ ทั้ง 3 หลัก แบบที่ไม่ต้องสลับตัวเลข

    3.เมื่อนานมาแล้ว ท่านได้รู้จักกับญาติธรรมที่อยู่ที่จ.สุพรรณบุรี ญาติธรรมท่านนี้เป็นนักปฏิบัติธรรมที่ปฏิบัติธรรมจนได้ญาณฌาน สามารถถอดจิตได้ ญาติธรรมท่านนี้เคยเล่าให้ผู้มีอภิญญาฟังว่า ได้เคยถอดจิตไปฟังการประชุมของคู่แข่งทางธุรกิจ ทำให้ล่วงรู้แผนงานของบริษัทตรงข้าม ญาติธรรมท่านนี้มีตำแหน่งสูงในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย

    4.ญาติธรรมที่รู้จักกับท่านผู้มีอภิญญาในหัวข้อที่ 3. ยังได้เคยเล่าว่า ท่านได้เคยถอดจิตขึ้นไปเบื้องบน และกายทิพย์ของท่านมีความเกี่ยวข้องกับเทพผู้ดูแลควบคุมเหล่าวิญญาณในโลก.... ท่านได้ขอของดีกับเทพท่านนั้น และสามารถนำกลับมายังโลกมนุษย์ได้ และเคยให้ผู้มีอภิญญา 2 ชิ้น ผมเองก็เลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย ได้รับของดีมา 1 ชิ้น ของดีที่ญาติธรรมขอมาจากเทพและนำกลับมายังโลกมนุษย์เป็นวัตถุสีแดง ญาติธรรมท่านนั้นกล่าวว่าของดีนี้ เหล่าวิญญาณภูติผีจะกลัวมาก

    5.เมื่อนานมากผ่านมาแล้ว ท่านผู้มีอภิญญาได้พบกับแม่ใหญ่(คุณแม่สุ่ม ทองยิ่ง) ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านได้เข้าไปกราบแม่ใหญ่ แม่ใหญ่ท่านรู้ด้วยญาณสมาธิของท่านว่าผู้มีอภิญญานั้นปฏิบัติธรรมผ่าน แม่ใหญ่ได้ดึงตัวท่านผู้มีอภิญญาเข้าไปกอด และให้ความเมตตาเอ็นดูท่านผู้มีอภิญญามาก

    แม่ใหญ่(คุณแม่สุ่ม) เริ่มสนใจการปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 38 ปี โดยการติดตามแม่ช้อยและญาติผู้ใหญ่หลายท่านมาปฏิบัติธรรมในแนววิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อจรัญ สมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดพรหมบุรี จนกระทั่งหลวงพ่อได้รับแต่งตั้งและย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ก็ติดตามมาปฏิบัติกรรมฐานทุกวันพระมิได้ขาด ซึ่งสมัยนั้นต้องพายเรือมาวัด ไกลจากบ้านถึง 8 กิโลเมตร แม่สุ่มทุ่มเทกับการปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง มีความเพียรเป็นเลิศ เริ่มปฏิบัติตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงตี 4 ทุกคืน ตอนกลางวันต้องออกไปทำงานกลางทุ่ง ปฏิบัติเช่นนี้มิได้ขาดอยู่นานหลายปี จนสามารถนั่งสมาธิได้ก้าวหน้ากว่าทุกคน เมื่อฝึกสมาธิได้แก่กล้าเข้าฌานสมาบัติได้ สามารถนั่งสมาธิเข้าผลสมาบัติได้นาน 30 ชั่วโมง หลวงพ่อบอกว่าแม่สุ่มมิใช่จะเพิ่งปฏิบัติกรรมฐานในชาตินี้เท่านั้น แต่ได้สร้างสมบารมีมาหลายชาติแล้ว ความเพียรพยายามของแม่สุ่มนับเป็นอุทาหรณ์สำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายเป็นอย่างดียิ่ง


    เครดิต : http://metharung-background.blogspot.com/2015/02/3.html
     
  20. Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550

    รูปหลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร) ในอีกปางหนึ่ง
     

แชร์หน้านี้